ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สโมสรริมน้ำ => ข้อความที่เริ่มโดย: คนในวงการ ที่ 24-08-2006, 09:55



หัวข้อ: จดหมายน้อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องคนเดือนตุลา - มุมมองที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 24-08-2006, 09:55
ตัวเอียง คือที่ผมโพสไว้ในกระทู้คุณบอนนี่
ตัวสีน้ำเงิน คือ PM จากคุณ คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น
ตัวสีดำ คือคำตอบ PM ของผม

ชื่อคุณ คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เป็นชื่อสมมุติขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเดิมตามเจตนารมย์อันดีงามที่ไม่ต้องการให้มีการทะเลาะกันในหมู่สมาชิก ของเพื่อนสมาชิกที่ PM ถึงผมครับ



ผมเคยเขียนกระทู้เกี่ยวกับคนเดือนตุลาเอาไว้ แต่ไม่กล้าโพส ด้วยเหตุเกรงว่าจะกระทบต่อคนหลายคน เกรงว่าจะทำให้เกิดการถกเถียงวุ่นวายในเสรีไทยเสียเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ จึงลบทิ้งไป วันนี้ขอพูดถึงนิด ๆ เพราะได้เห็นคนเดือนตุลาอย่างคุณบอนนี่ออกมาถุยเสียงดังฟังชัด

สำหรับผม วีรชนเดือนตุลามีจริง แต่ตายไปแล้วทั้งหมด ที่เหลืออยู่เป็นเพียง คนที่เคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้น บางคนอยู่อย่างภาคภูมิใจ บางคนอยู่อย่างอดสูใจ บางคนไม่เคยสำนึกด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองทำในครั้งนั้นถูกหรือผิด หลายคนพูดว่าตัวเองเป็น “คนเดือนตุลา”


ใช่ครับคนที่ตายไปแล้วคือวีรชนที่แท้จริง  แต่คุณรู้หรือไม่ว่าพวกเขาตายอย่างไร  คนที่อยู่คือคนที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นั้น  คนที่ตายในเหตุการณ์นั้นบางคนตายอย่างทรมาณ  แต่บางคนที่ถูกจับถูกทารุณกรรม  ผู้หญิงบางคนถูกลวนลาม  บางคนถูกข่มขืน บางคนถูกซ้อม  บางคนขวัญผวาไปหลายปี  คงไม่มีใครอยากจำ  คงไม่มีใครอยากไปนอนก้มหน้ามุดอยู่ในห้องน้ำเป็นวัน ๆ เพื่อหลบกระสุนที่สาดเข้ามาตลอดเวลา  คนเหล่านี้อาจไม่มีคุณค่าในสายตาคนทั่วไป  เป็นบุคคลที่ถูกลืม  เขาอาจไม่ใช่วีรชนแต่เขาก็ไม่ควรถูกก่นด่า  ไม่ว่าเขาจะไปในฐานะอะไรก็ตาม  สิ่งที่เขาหวังคือสิ่งที่เขาคิดว่าทำเพื่อชาติ  เขาผิดไหม   

สวัสดีครับคุณ คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น

ต้องขออภัยที่ตอบช้า และผมอยากขออธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อยครับ ตัวผมเองให้ความเคารพในวีรกรรมของผู้ที่เข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่เคยคิดที่จะก่นด่าหรือประณามแต่อย่างใด ถ้าคุณ คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ได้พิจารณากระทู้ตอบของผมอย่างละเอียด จะพบว่าผมประณามคนที่ใช้ชื่อว่า “คนเดือนตุลา” บางกลุ่มบางคนต่างหากครับ

คนที่เข้าร่วมเหตุการณ์ครั้งนั้น หลังจากวันที่ล้อมปราบที่ธรรมศาสตร์ หลายคนกลับบ้าน หลายคนกลับไปเรียนหนังสือต่อจนจบ หลายคนเข้าป่าเข้าร่วมกับ พคท. ภายหลังจึงกลับออกจากป่า กลับมาเรียนหนังสือต่อจนจบ คนที่เข้าป่าบางคนก็ไม่ได้กลับมา

หลายคนที่โชคดีได้กลับบ้่าน แต่หลายคนเช่นกันที่เป็นแกนนำต้องหนีหัวซุกหัวซุนหลบหนีการตามล่า  บางคนก็หวาดกลัวไปเองจนต้องหลบหนีเข้าป่า  การเป็นอยู่ในป่าก็ไม่ได้สุขสบาย  คุณจีรนันท์เองก็อยู่ในข่ายนี้  สามีคือคุณเสกสรรค์ก็อยู่ในข่ายนี้  เธอเป็นดาวจุฬาฯครับ  ถ้าเธอจะเป็นคนไร้อุดมการณ์ก็คงได้  แต่เธอก็ต้องลำบากเข้าป่าเพราะอะไร  บางคนที่ไม่ได้กลับเพราะตายในป่า  บ้างถูกยิงตาย  บ้างเป็นไข้ป่าตาย

ตรงนี้ผมเห็นด้วยครับ

คนกลุ่มหนึ่งทีเข้าป่า ที่จริงแล้วก็เพียงแค่หนีการจับกุมการปราบปรามของเจ้าหน้าที่รัฐ เท่านั้น ไม่ได้มีความอยากเข้าร่วมกับ พคท. แต่ไม่มีทางเลือก ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองในแบบคอมมิวนิสต์ซะด้วยซ้ำไป

ส่วนใหญ่นักศึกษาที่ทำงานเพื่อประชาชนในยุคนั้นไม่ใช่ซ้ายตกขอบ  ไม่ได้อยากเป็นคอมมิวนิสต์  ทุกคนยังติดอยู่กับความสุขสบาย  แต่อยากทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง ผิดไหมครับ  

ไม่ผิดครับ ผมไม่ได้บอกว่าคนที่เข้าป่าต้องเห็นด้วยกับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ เพียงแต่ผมอยากนำเสนอความเป็นจริงที่ว่าคนบางคนที่อ้างตัวว่าเป็น “คนเดือนตุลา” ก็ไม่ได้สูงสง่าอย่างภาพที่เขาแสดงครับ

หลังจากออกจากป่า คนกลุ่มหนึ่งไม่ได้กลับมาศึกษาต่อ คนกลุ่มหนึ่งต้องกลายมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยร่วมกับสมาชิก พคท. ที่มาจากชาวบ้านจน ๆ คนที่ได้ร่ำเรียนหนังสือต่อ ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารด้วยวัยด้วยอายุที่ถึงกาลแก่เวลา หลายคนเป็นอาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง หลายคนเป็นแกนนำองค์กรเอกชน

อันนี้เป็นไปตามอายุและประสบการณ์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดือนตุลา  ไม่เกี่ยวเนื่องกับคนเดือนตุลาเลยสักนิดเดียว  คุณเองเมื่ออายุมากขึ้นประสบการณ์ในการทำงานมากขึ้นก็ย่อมเป็นได้

ตรงนี้เราก็เห็นตรงกันนี่ครับ ไม่ได้ขัดแย้งอะไร

คนกลุ่มนี้ประกาศตัวเองว่าเป็น “คนเดือนตุลา” ผมสงสัยมานาน เพื่ออะไร? ถ้าไม่มีคีย์เวิร์ด คำว่า “คนเดือนตุลา” นี้ คนเหล่านี้จะเป็นอย่างไร?  คำนำหน้าว่า “สหาย” ที่พวกเขาใช้กันในวง เวลามีการพบปะสังสรร มีความหมายกับพวกเขาอย่างไร? ผมเคยคิดในแง่ร้ายตามประสาของผมว่า คนเหล่านี้กำลังหากินบนซากศพของเพื่อนที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น หลายคนเดินบนพรมแดงที่ย้อมด้วยเลือดของวีรชน หลายคนกำลังเก็บเกี่ยวสิ่งที่พวกเขาลงทุนในป่าไป 4 ปี

ผมเป็นคนเดือนตุลาที่คลุกคลีอยู่เบื้องหลังขบวนการนักศึกษาในสมัยนั้นมาพอสมควร  ผมไม่เคยคิดว่าคนเดือนตุลาจะคิดอย่างที่คุณคนในวงการบอก  เพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน  เจอเวลาพบปะกันไม่มีใครอยากคุยถึงเรื่องอดีต  โดยเฉพาะคนที่เคยหลงทางเข้าป่าไป  และไม่มีใครหรืออาจจะมีก็เพียงส่วนน้อย  ผมย้ำนะครับว่าส่วนน้อยที่อยากหากินกับซากศพหรอกครับ  ทุกคนกลับเข้าสังคมพยามทำตัวให้กลมกลืน  ทำหน้าที่พ่อและแม่ที่ดีให้กับลูก ๆ และไม่มีใครอยากให้ลูกมาเดินทางสายเดียวกับตัวเองเป็นส่วนใหญ่

อันที่จริงแล้วคนที่ประกาศตัวว่าเป็น “คนเดือนตุลา” เป็นเพียงส่วนน้อยในกลุ่มผู้ที่ร่วมเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตรงนี้ผมเห็นด้วยครับ ที่ผมพูดผมหมายถึงพวกที่ประกาศตัวว่าเป็น “คนเดือนตุลา” ต่างหากครับ ไม่ได้หมายถึงคนที่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นทุกคนครับ

ถ้า สมศักดิ์ เจียม ไม่ได้เป็นคนเดือนตุลา เขาจะเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหรือไม่? ถ้า ภูมิธรรม กับพรหมินท์ ไม่ได้เป็นคนเดือนตุลา ตอนนี้พวกเขาจะได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ถ้า ธีรยุทร ไม่ได้เป็นคนเดือนตุลา จะมีหนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์เขาหรือไม่? บางทีแล้วมันอดคิดอย่างนี้ไม่ได้จริง ๆ

คุณธีรยุทธ  ได้ที่ 1  ประเทศไทยเป็นลูกจ่าจน ๆ คนหนึ่ง  สอบเข้าจุฬาฯ  เรียนที่คณะวิศวะกรรมศาสตร์  ซึ่งในสมัยนั้นเงินเดือนดีมาก  แต่คิดว่าด้วยอุดมการณ์จึงผันตัวเองมาเรียนสายศิลป์  คุณคิดว่าคนที่ได้ที่  1  ประเทศไทยจะเป็นคนเก่งได้ไหม    คุณประสาร  ไตรรัตน์วรกุลนั่นก็ที่  1  ประเทศไทยแต่ผันตัวเองจากวิศวกรมาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน

ผมให้ความนับถืออยู่หลายท่านที่ผมเอ่ยนามครับ เพียงแต่ผมยกตัวอย่างเพื่อประกอบการตอบกระทู้ของผมให้กลมกลืนว่าผมไม่ได้เลือกฝ่าย

นักศึกษาที่ทำกิจกรรม รุ่นใหม่ ๆ เทิดทูนคนเหล่านี้ราวกับว่าเป็นศาสดา สิ่งที่พวกเขาพูดพวกเขาทำล้วนน่ายกย่อง หลงไหลได้ปลื้มไปกับคราบ “คนเดือนตุลา” การเป็น “คนเดือนตุลา” ดูคล้ายกับการเป็นทหารผ่านศึกที่ได้รับเหรียญกล้าหาญเสียจริง ทั้งที่ความจริงมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ? ผมอยากถามอย่างนั้นจริง ๆ

สิ่งที่คนเดือนตุลาทำไม่ได้เป็นสิ่งถูกทั้งหมด  ก่อนวันที่  6  ตุลา  19  มีการประชุมกันเพื่อตกลงว่าจะไม่ให้มีม๊อบ  เพราะจะมีการปราบอย่างรุนแรง  สมัยนั้นลูกทหารก็ต้องทะเลาะกับพ่อแม่เพื่อไปเดินขบวนร่วมอุดมการณ์กับเพื่อน ๆ และคนเหล่านี้แหละครับที่พ่อแม่เขาคอยเตือนและส่งสัญญาณอันตรายให้  บางคนก็ตายในเหตุการณ์  คุณไม่ต้องให้เหรียญกล้าหาญกับพวกเขาหรอกครับ  แต่คิดว่าที่ตอบมาคงให้มุมมองอะไรที่พอจะมองคนเดือนตุลาในทางที่ดีบ้าง  พวกเขาบางคนเจ็บช้ำมาจนเกินพอ  คุณคิดว่าน่าซ้ำเติมพวกเขาไหมครับ   

ผมคิดว่าเราเข้าใจผิดกันในส่วนของคำว่า “คนเดือนตุลา” คำว่า “คนเดือนตุลา” ของผมหมายถึงพวกที่ประกาศตัวว่าตัวเองคือ “คนเดือนตุลา” ส่วนผู้ที่เข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้น ส่วนใหญ่ ไม่ได้ประกาศตัว พวกเขาหลายคนภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างเงียบ ๆ คงจะเหมือนกับคุณ คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ที่ใช้ชีวิตได้โดยมีเกียรติและมีความสุขโดยไม่ต้องประกาศตัวว่าเป็น “คนเดือนตุลา” ผมไม่เคยคิดที่จะซ้ำเติมผู้ที่ผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมา ผมเข้าใจดีในเรื่องที่คุณ คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น พูดและสื่อสารกับผมครับ ที่ผมต้องการสื่อสารในการตอบกระทู้คุณบอนนี่ คือ บางทีแล้วคนรุ่นใหม่ ๆ หลงไหลไปกับคราบ “คนเดือนตุลา” ที่หลาย ๆ คนสวมใส่อยู่โดยไม่ได้แยกแยะ ครับ

แล้วคุณบอนนี่หละ คิดว่า “คนเดือนตุลา” เป็นอย่างไร?

คนเดือนตุลาที่ผ่านฝันร้ายมา  ทุกคนไม่มีใครอยากพูดถึงมันแม้แต่คุณบอนนี่เองก็ไม่อยากกล่าวถึง  ถ้าจะเล่าเรื่องมันก็ยาวมากและเหตุการณ์  14  ตุลา 16  กับ  6  ตุลา 19  ที่หลายคนมองว่ามันไม่เกี่ยวเนื่องกันแต่มันเกี่ยวเนื่องกันอย่างแรง  และมีเหตุบางอย่างที่ทำให้พูดความจริงทั้งหมดไม่ได้  เอาเป็นว่าปี 16  คนเดือนตุลาสามารถไล่เผด็จการทหารได้สำเร็จ  แต่ผลที่ตามมาเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่าเพราะ  ปี  19  เป็นปีที่ขบวนการนักศึกษาถูกทำลาย  สภาพการณ์ก็คล้าย ๆ ตอนนี้  คือ
             1.  มีการแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย
             2.  มีการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดเงื่อนไข
             3.  มีการจัดตั้งองค์กรย่อย ๆ ขึ้นมาเพื่อเสริมเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเร่งให้สถานะการณ์สุกงอมเร็วขึ้นและมีความชอบทำในการปฏิบัติการณ์รุนแรง
และขั้นสุดท้ายคือ  การล้อมปราบ  โดยอ้างความชอบธรรม

สิ่งที่ทักษิณทำที่ผ่านมาคือ  การทำให้คนแตกแยกออกเป็นสองฝ่ายโดยตั้งใจ  แต่อีกด้านหนึ่งพร่ำพูดว่าสมานฉันท์  มีการจัดตั้งองค์กรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนตัวเองในทุก ๆ ด้าน  ทั้งในโลกจริงและโลกไซเบอร์  เริ่มก่อความรุนแรงในระดับที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่เห็น  คุณบอนนี่ที่เป็นคนเดือนตุลา  มีประสบการณ์ที่เจ็บปวดมาแล้ว  ไม่มีใครอยากพาคนไปตายหรอกครับ   

นั่นคือสิ่งที่ผมมองเห็นเช่นกันครับ สถานการณ์ตอนนี้คับขันมากครับ

ปกติผมไม่เคยตอบอะไรยาว ๆ อย่างนี้แต่บางครั้งก็ไม่อยากให้คนมองคนเดือนตุลาว่าเป็นปีศาจ  ปกติผมก็ไม่ค่อยชอบบอกใครว่าผมเป็นคนเดือนตุลา

ผมไม่เคยมองเหล่าวีรชน และผู้ที่เข้าร่วมเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่าเป็นปิศาจ นอกจากนั้นผมยังให้ความนับถือหลายท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบปะพูดคุยกับคนที่ผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั้น ด้วยหวังจะเรียนรู้และเข้าใจ เพื่อที่จะได้นำไปเผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงประวัติศาสตร์ของชาติ ที่ถูกบิดเบือน เด็กสมัยนี้ไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่คนรุ่นก่อนทำครับ

แต่ผมสะอิดสะเอียน รังเกียจ คนกลุ่มหนึ่งที่ประกาศตัวว่าเป็น “คนเดือนตุลา” เหยี่ยบย่ำซากศพ เดินบนพรมแดงที่ย้อมด้วยเลือด เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากคำว่า “คนเดือนตุลา” ต่างหาก และคนเหล่านี้แหละที่ได้ออกทีวี ออกวิทยุ ปรากฏตัวในฐานะ “คนเดือนตุลา” ยืดคอราวกับว่าเป็นวีรบุรุษ ทั้งที่ในวันนั้น ในเหตุการณ์ครั้งนั้นบทบาทของพวกเขาไม่ได้สูงสง่าอย่างที่พวกเขาคุย

สำหรับผมแล้ว คนที่บิดเบือนประวัติศาสตร์การต่อสู้ ไม่ได้มีเพียงคนของฝ่ายรัฐบาลหรอกครับ คนที่ประกาศตัวว่าเป็น “คนเดือนตุลา” บางคนก็บิดเบือนไม่แพ้กัน!!!



ขอบพระคุณมากครับ ที่กรุณาเขียน PM มาแลกเปลี่ยนกับผม และผมขออนุญาตนำไปโพสในสโมสรริมน้ำนะครับ เนื่องจากผมเห็นว่าข้อความที่คุณ คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เขียนมามีประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ครับ


ขอแสดงความนับถือ

คนในวงการ



และนี่เป็นคำตอบของเพื่อนสมาชิกท่านนั้นครับ

อ้างจาก: คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น link=action=profile;u=xxxx
date=1156384303
ถ้าคุณเห็นว่าบางข้อความอาจเป็นประโยชน์เชิญเถอะครับ  แต่ที่ผมไม่ตอบข้างหน้าเพราะไม่อยากแสดงตัวว่าเป็นคนเดือนตุลา
และไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องอดีตมากนัก  แต่คนที่เคยผ่านประสบการณ์นั้นมาแล้วมองเหตุการณ์ตอนนี้ก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะคนที่ยืนแถวหน้า  ทั้งที่จำใจเป็นและเจตนา  คนตายเพียง  1  คนก็เป็นบาปทางใจไปตลอดชีวิต
 

อ้างจาก: คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น link=action=profile;u=xxxx
date=1156387536

ดีครับ  ผมเป็นคนเคราะห์ร้ายที่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์ทั้ง  ตุลา 16  และ ตุลา  19  และที่พวกคุณทะเลาะกัน  ผมว่ามันจะทำให้บอร์ดล่มลงโดยไม่จำเป็น  ขัดแย้งกันได้แต่ไม่ควรเอาเป็นอารมณ์  สมัยผมมีวิธีการหนึ่งที่เขาเรียกว่าวิจารณ์ตนเอง  คือคนที่ทำงานด้วยกันชี้ข้อบกพร่องของคนร่วมงาน  แต่ห้ามโกรธกันนะและต้องพูดโดยไม่เกรงใจ  เป็นสภาพที่บีบคั้นจิตใจค่อนข้างมาก  ถูกด่าแต่ห้ามโกรธห้ามโต้เถียง  แล้วเราก็กลับไปคิดว่าเออเราก็เป็นจริงอย่างเขาว่า แล้วก็พยายามปรับปรุงตัวเอง  การทำงานใดไม่มีความขัดแย้งก็คงไม่ได้งาน
 


หัวข้อ: Re: จดหมายน้อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องคนเดือนตุลา - มุมมองที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 24-08-2006, 09:59
 :mozilla_cool: