ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สโมสรริมน้ำ => ข้อความที่เริ่มโดย: เสลา ที่ 09-04-2006, 20:35



หัวข้อ: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....ปุถุชน
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 09-04-2006, 20:35
มีกระทู้"โฉมงาม..กับนามจอ" ไปแล้ว

เพื่อไม่ให้เป็นการได้เปรียบและเสียเปรียบ
ป้าเสลาจึงขอตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาบ้าง
เพื่อนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจจากความหมายของชื่อสมาชิกฝ่ายชาย

ขอเริ่มต้นจากผู้อาวุโสท่านแรกลุงแคน
ลุงแคนพิเศษกว่าคนอื่นๆคือมีความหมายแยกเป็น 2 ภาค

คือภาคบันเทิง
และภาควิชาการ

อันดับแรกขอเสนอความหมายภาคบันเทิงก่อน

ก่อนหน้านี้ลุงแคนจะใช้ชื่อว่า Can Can
ซึ่งทำให้นึกถึงภาพเหล่านี้


(http://www.mactravel.com.uy/Promos/can_can.jpg)


(http://www.arrowheadballet.org/photos/spring-show-2002/24_can_can.jpg) :angel:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: แบ่งฝัน....ปันรัก ที่ 09-04-2006, 21:12
กร๊ากๆๆๆๆ ป้าเหลา ทำหนูโตะจายหมกเยย

ว่าลุงกระป๋อง เคืองหนูที่แซวเล่น  :lol:  :lol:  :lol:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: MonkeyBone ที่ 09-04-2006, 21:27
ค่ะ นู๋จะเลิกเรียกว่าลุงแคนค่ะ
เพราะต่อไปนี้ นู๋จะเรียกว่า "ป๋าแคน" แทนค่า
(ตำแหน่งเฉพาะผู้ชำนาญการด้านQQ)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: namwam_pooh ที่ 09-04-2006, 21:54
ป๋าแคนขา
ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดป้าเหลาก็เอามาได้ อิอิ
ป๋าแคน ป๋าแคน


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: The Piggy@u ที่ 10-04-2006, 00:39
อิอิ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: abhichartt ที่ 10-04-2006, 02:00
ลุงแคนหายไปไหนรึเปล่าครับ
อ่านในราชดำเนินไม่ค่อยเจอเลย
พอดีผมคืนอมยิ้มไปกะว่าจะเปลี่ยนเนมใหม่
แล้วสมัครใหม่ไม่ได้
กำลังเดินเรื่องอยู่เนี่ยครับ
เซ็ง - -"


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-04-2006, 02:02
อยู่นี่แหละ หลาน ๆ ไม่ได้ไปใหนจ้า


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 10-04-2006, 05:55
ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า Can Can เกี่ยวกับรูปภาพอย่างไร  :lol:  :lol:
ป้าเสลา ต้องส่งรูปมาอธิบายเพิ่ม นะครับ เพราะผม ยัง งง  งง ..อิ อิ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-04-2006, 06:07
เค้าเรียก ชื่อ ระบำแคนแคน ไงครับ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 10-04-2006, 06:14
ฮ่า ๆๆ   ขอ ก๊ากกกก......  หน่อย นะครับ...
..
เสียงดังไปหน่อย อย่าถือว่ารบกวนนะครับ

 :D  :D  :P  :P


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 10-04-2006, 07:43
เรียกว่ากระป๋อง  ลุงแคนไม่โกรธครับ    เพราะลักษณะกลม
แต่ถ้ารูปแบบ เป็นเหลี่ยม ป๋าแคนจะโดดกระทืบเลยครับ :lol:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 10-04-2006, 08:26
วันหลังคุณนายท้ายเรือชวนลุงแคนไปสอบถามให้ชัดๆไปเลย
ที่  Le Moulin Rouge  กรุงแพริส ฝรั่งเศส
ซึ่งมีกังหันสีแดงเพลิงเป็นสัญลักษณ์
ที่นี่จัดแสดงโชว์ทุกค่ำคืนเช่นเดียวกับลิโด
จุดขายคือ ระบำแคนแคน


(http://www.trekkingthai.com/webboard/backpacker/2720-49.jpg)

มีแถม

(http://www.uib.no/People/gmset/kids/2002/erin/pix/images/can-can.jpg)

(http://www.arcomusic.dk/shows/KS%20Can-Can.jpg)

หมายเหตุ:- กระทู้คลายเครียดจ้า ลุงแคนไม่โกรธหรอกนะ
คุณนายท้ายเรือ แกล้งอำจะขอดูรูปเพิ่มอีกใช่ใหมล่ะ อิอิ
:D


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 10-04-2006, 08:33
เคยดูวีดิโอของพวก Lido เขาเต้นได้ดีฮะ :oops:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 10-04-2006, 09:52
ขอบคุณป้าเสลา มากครับ ที่อธิบายเพิ่มเติม..
ลุงแคนครับ...ผมขอเสนอ ให้คุณป้าเสลา
เป็นที่ปรึกษา ชมรม หูดำ และ โหด มัน ฮา
นะครับ ...  :lol:  :lol:
แบบว่า ผมไม่อยากไปเล่นที่ รดน. แล้ว นะครับ อิ อิ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 10-04-2006, 10:06
ถ้างั้น ตามปกติลุงแคนก็ใส่ทักซีโด้ (พิมพ์คำนี้แล้วคันๆ มือยังไงไม่รู้) สวมหมวกทรงสูง ถือไม้ตะพด เดินไปเดินมาอยู่ที่อุบลฯ ด้วยหรือเปล่าครับ  :?:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก่งน้อย ที่ 12-04-2006, 10:09
แม้............... ไอ้ผมก็นึกว่า เป็นกระทู้เครียด
เปิดเข้ามากลายเป็นกระทู้ซู่ซ่า ซะงั้น ^^


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกเข็มขาว ที่ 12-04-2006, 15:45
กำลังนึกภาพค่ะ ว่าถ้าลุงแคนเต้นจะเป็นอย่างไร
สยองเหมือนกันนะ :roll:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: namwam_pooh ที่ 12-04-2006, 15:49
แอ๊............ ไม่อยากนึกภาพตามเลยค่ะ คุณดอกเข็มขาว


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: tu249cm ที่ 14-04-2006, 08:03
:lol: เข้ามาอ่านคห.เพื่อนๆไปหัวเราะไปค่ะ555555


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 14-04-2006, 21:17
ขุดมาได้เนอะ ระบำแคนแคน 5555+


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 14-04-2006, 21:54
อืม... ความรู้ใหม่

ระบำแคนแคน


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: อบเชย ที่ 16-04-2006, 13:23
สมัยเรียน เคยเต้นระบำ can can  เป็นระบำพื้นเมืองของชาวฝรั่งเศส

เอกลักษณ์ของระบำชุดนี้ คือ  สุดท้ายพอเพลงจบ นักเต้นทุกคนจะหันหลังให้กับผู้ชมพร้อมกับสะบัดชายกระโรงข้างหลังขึ้น

ด้วยนัยยะเช่นนี้  ก็แสดงว่า ลุงแคน สนับสนุนให้ กกต.  หันคูหาเลือกตั้งให้เอาก้นออกใช่มั้ยค่ะ

 :)  :)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 16-04-2006, 13:42
อ้าาา ป้าอบเชย...ผมไม่เหมือนพี่เปลว สีเงิน...

นั่นเค้ามาแรง อิ อิ...

ระบำของทุกชาติ ทุกภาษา ก็มาจากการโชว์สรีระเรือนร่าง

ยั่วยุกามารมณ์ทั้งนั้น....เพราะคนดูจะเพ่งพินิจกันไป หยาบบ้างละเอียดบ้าง

ตามแต่วัฒนธรรมของชนชาตินั้น ๆ

เรื่องการละเล่น ระบำรำฟ้อน น่าเขียน น่าศึกษานะครับ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 29-04-2006, 09:34

ทีนี้มาพูดถึงชื่อลุงแคน
ในภาควิชาการ



(http://www.isangate.com/images2/kan.jpg)


(http://www.geocities.com/spirit15th/kanlao.gif)



กำเนิดแคน (จากกระดานข่าว ชมรมศิลปวัฒนธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

“แคน”  เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมือง ที่เป็นมรดกภาคอีสานที่เก่าแก่ที่สุด
ที่ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้น
และประดิษฐ์ขึ้นตั้งแต่สมัยใด ทราบเพียงว่า มีมาช้านานแต่ครั้งดึกดำบรรพ์

จากคำบอกเล่าปากต่อปากจนกลายเป็นตำนานกำเนิดแคนนั้น
ก็มีหลายสำนวนด้วยกันซึ่งก็มีเนื้อหาปลีกย่อยแตกต่างกันไป บ้างก็ว่า แม่ม่ายเป็นผู้คิดค้นประดิษฐ์ขึ้น
บ้างก็ว่า อำมาตย์ของพระราชาคิดค้นประดิษฐ์ขึ้น


เหตุที่เราไม่สามารถหาชื่อหรือหาตัวตนเจ้าของแคนได้
เนื่องจากเป็นขนบวัฒนธรรมของสังคมในดินแดนแถบนี้ ที่ผู้คิดประดิษฐ์มักไม่เปิดเผยชื่อ
หรืออวดอ้างแสดงตัวเป็นเจ้าของ คนทั้งหลายจึงได้ยกให้เป็นเรื่องของพระราชา (องค์ไหนก็ได้)
เพราะเป็นของสูง เป็นของวิเศษ ที่น่าสังเกตคือ
เสียงแคน เป็นเสียงที่ทำขึ้นเพื่อเลียนเสียงนกการะเวก
(เข้าใจว่าเสมือนเดียวกันกับนกฟินิกซ์ เป็นนกในตำนานของแคนจีน)
เป็นเรื่องของการเกิดใหม่ เป็นแสงสว่าง เป็นจุดกำเนิดของดวงอาทิตย์
ดังนั้น จึงพบลวดลายแคนปรากฏอยู่ในกลองมโหระทึกด้วย
ซึ่งหน้ากลองมโหระทึกมักทำเป็นรูปแฉกเลียนแบบแสงอาทิตย์
ถือเป็นศิลปะขั้นสูง ที่ไม่มีใครคิดอุตริแสดงตัวเป็นเจ้าของ เพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง
เนื่องจากเก่งเกินคน เกินอำนาจ เกินพระราชา อาจจะทำให้อยู่ในสังคมไม่ได้

“แคน” ความหมายหนึ่ง มาจาก “แค่น” ที่แปลว่า เข้มข้น
อีกความหมายหนึ่ง มาจาก “แคน” ที่แปลว่าไค หรือดีขึ้น

แต่บางแห่ง ก็ว่า คำว่า ”แคน” อาจมาจากเสียงของเครื่องดนตรีที่ดัง “แคนแลน แคนแลน แคนแลน” จึงตั้งชื่อเครื่องคนตรีตามเสียงที่ได้ยิน ดังนี้ ก็มี


แคนทำ ด้วยไม้ซาง มีลิ้นโลหะ เช่นดีบุก เงิน หรือทองแดง บางๆ
ประกอบไว้ในส่วนที่ประกอบอยู่ในเต้าแคน
แคนมีหลายขนาด เช่น แคน ๗ แคน ๙
ข้าง ๆ เต้าแคน ด้านบนมีรูปิดเปิดบังคับเสียง
เวลา เป่า เป่า ที่เต้าแคนด้านหน้า ใช้มือทั้งสอง ประกอบจับเต้าแคนในลักษณะเฉียงเล็กน้อย
แคนเป็น เครื่องดนตรีที่บรรเลงได้ทั้งทำนองเพลงประสานเสียง และให้จังหวะในตัวเอง
จึงมีลีลาการบรรเลง ที่วิจิตรพิสดารมาก

ระบบเสียงของแคน เป็นทั้งระบบ ไดอะโทนิค และเพนตะโทนิค
มีขั้น คู่เสียงที่เล่นได้ทั้งแบบตะวันตกและแบบ ไทยรวมทั้งคู่เสียงระดับเดียวกันอีกด้วย


ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก http://sitantara.50webs.com/isan/kaen.html (http://sitantara.50webs.com/isan/kaen.html)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 29-04-2006, 09:56

นายท้ายเรือ

นายท้ายเรือแห่งประวัติศาสตร์ไทยคงต้องนึกถึง"พันท้ายนรสิงห์"


(http://www.travelfortoday.com/t42daypic1/%BE%D1%B9%B7%E9%D2%C205.jpg)


(http://www.samutsakhon.go.th/mis/tour/picture/m1-5.gif)
ศาลพันท้ายนรสิงห์เดิม


(http://www.samutsakhon.go.th/mis/tour/picture/m1-8.gif)
ศาลพันท้ายนรสิงห์ใหม่




พันท้ายนรสิงห์ โดย ทวีศักดิ์ เสนาณรงค์ (อดีตอธิบดีกรมศิลปากร)

พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งเอกไชยอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ)
ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบวินัยยิ่งชีวิต
สมควรเป็นแบบอย่างอนุชนรุ่นหลังต่อไป

เรื่องราวของพันท้ายปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เนื้อความเป็นไปในแบบเดียวกัน
ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ.๒๒๔๗ สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่๘ ประพาสปากน้ำสาครบุรี
(ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ด ด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชย มีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย
ตามหลักฐานชุมนุมพระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงบันทึกไว้ว่า
พันท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองอ่างทอง และเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘
จนทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชกาลรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด

การเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรีในครั้งนี้ เมื่อเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขาม
คลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวัง
แต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ
พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่า ความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี
ซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหัก ผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสีย
จึงกราบทูลพระกรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี

สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท
จึงพระราชทานอภัยโทษให้
แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมยืนยันขอให้ตัดศรีษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมาย
เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ว่าทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดิน
และเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป

พระองค์ทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์
แล้วให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเพื่อเป็นการทดแทนกัน
แต่พันท้ายนรสิงห์ยังบังคมกราบทูลยืนยันขอให้ประหารตน
แม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘ จะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใด
ก็ทรงจำพระทัยปฎิบัติตามพระราชกำหนด
ดำรัสสั่งให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตา
นำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล

ภายหลังเหตุการณ์ สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘
ทรงโปรดให้นำศพพันท้ายนรสิงห์มาแต่งกายพระราชทานเพลิงศพ
และพระราชทานเงินทองสิ่งของแก่บุตรภรรยาพันท้ายนรสิงห์เป็นจำนวนมาก
แล้วทรงพระราชดำริว่าคลองโคกขามคดเคี้ยวนักไม่สะดวกต่อการเดินเรือ
บางครั้งชาวเมืองต้องเดินเรืออ้อมเป็นที่ลำบากยิ่ง สมควรจะขุดลัดตัดตรง
ทั้งนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ มั่นคง
ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี และจะนำความเสื่อมเสียมาให้พระมหากษัตย์

จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งสมุหนายกให้กะเกณฑ์เลกหัวเมืองจำนวนสามหมื่นคน
ไปขุดคลองโคกขามให้ลัดตรง กำหนดให้ลึก ๖ ศอก ปากคลองกว้าง ๘ วา พื้นคลองกว้าง ๕ วา
ให้พระราชสงครามเป็นแม่กลองอำนวยการขุด
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพกล่าวไว้ในชุมนุมพระนิพนธ์ว่า
พระราชสงครามให้ขุดแต่ปากคลองทางลำน้ำท่าจีนมาจนถึงตำบลโคกขาม
แต่การขุดค้างอยู่มาสำเร็จลงในราชกาลต่อมา
ปรากฎเป็นคลองตรงและกว้างใหญ่เรียกว่าคลองมหาชัย อยู่ตราบเท่าอยู่ทุกวันนี้

.....นี่คือความจงรักภักดีของพันท้ายนรสิงห์ท้ายนรสิงห์ที่มีต่อเจ้าเหนือหัว
และความซื่อสัตย์ ที่มีต่อกฎหมายบ้านเมือง ยอมตาย.....เพื่อมิให้กฎหมายบ้านเมืองคลายความศักดิ์สิทธิ์



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 29-04-2006, 13:07

(http://www.geocities.com/spirit15th/robber.jpg)
คุณ 500


นอกเหนือจากความหมายที่แสดงจำนวนแล้ว
เรามักจะชินหูคำว่า 500 ในลักษณะเป็นคำด่า

เช่น ไอ้ขุนโจรห้าร้อย , ไอ้ห้าร้อยละลาย

คำด่าเต็มๆน่าจะเป็นห้าร้อยละลาย
เมื่อใช้บ่อยเข้าก็จึงหกสั้นลงเหลือแค่ ไอ้ห้าร้อย

(http://www.accd.edu/pac/pulse/Mar%202000/Police_Officer__Burglar.eps.gif)

ป้าเสลาหาความหมายของคำนี้ยากมาก
ไปเจอเอาในกระทู้ปริศนาธรรม

ห้าร้อย-ห้าอะไรร้อยสัตว์ไว้ในภพ

คำตอบคือ

1 อุปาทานขันธ์ ๕
2 กามคุณ ๕
3 นิวรณ์ ๕
4 สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ เบื้องสูง ๕

ขยายความหมายดังนี้

อุปาทานขันธ์ ๕ท่านว่าเป็นปัจจัยให้สัตว์เกิดมาเนิ่นนานในสังสารวัฏ
เมื่อสัตว์เกิดมาด้วย อุปาทาน เป็นปัจจัย
แล้วสัตว์นั้นยังหลงไหลใน กามคุณ ๕ จนหมดอายุขัยและจะสืบต่อไปอีกนับแสนโกฏิชาติ   
ในสัตว์มนุษย์เกิดมาด้วยผลของบุญเพียงเล็กน้อย  เมื่อเกิดแล้วก็ หมดปัญญาที่จะออกจากสังสารวัฏได้ 
เพราะหลงไหลในกามคุณ   ๕     
อีกทั้ง  นิวรณ์ ๕ ยังกั้นสัตว์ ไว้ในภพต่างๆด้วย  นอกจากนั้น
สังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง ๕ ยังผูกใจสัตว์นั้นให้อยู่ในภพอันต่ำ และหยาบด้วย
แม้ในสังโยชน์เบื้องสูงทั้ง ๕ ก็ยังผูกใจสัตว์(ร้อยสัตว์)ไว้ในภพอันสูง และละเอียด

ในสรรพสัตว์ทั้งหลายมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีโอกาศได้ฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
และมีพระเถรได้จดจำไว้แล้วนำมาสอนสืบต่อกันมานับเวลาได้ 2500 กว่าปีผ่านไปแล้ว

หลักธรรมทั้งห้านี้จะร้อยกันเป็นเครื่องค้ำจุน เตือนสติมนุษย์ให้ดำเนินชีวิตเยี่ยงสัตว์ประเสริฐได้
แต่เมื่อผูกกับคำว่า"ละลาย" เป็น "ห้าร้อยละลาย"

นั่นก็หมายถึงว่าผู้ที่ถูกเรียกขานเช่นนั้น เป็นผู้ซึ่งปราศจากหลักธรรมะทั้ง 5 ที่ร้อยไว้นี้โดยสิ้นเชิง

เพราะคำว่าละลายมาประกอบให้เห็นนี้เอง.... 8)


 


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: narong ที่ 29-04-2006, 14:29
ป้าเดี๋ยวสมาชิกในเวปที่ใช้ชื่อ 500 เขาจะงอนเอานะครับ อิ อิ :shock:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 29-04-2006, 15:15
 :)
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณป้าเสลา เป็นอย่างมาก ที่นำเรื่องราวดีๆ ที่น่าอ่าน
จากเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์เล็กๆน้อยๆ มารวบรวมไว้ผูกเป็นเรื่องราว
เข้ากับชื่อนามแฝง..
จริงๆแล้ว ผมก็สอนลูกชายผมเสมอ " สัจจะ และ คุณธรรม เหนือสิ่งอื่นใด "
ครั้งหนึ่ง เข้าไปในกระทู้ของคุณปฐม เรื่องที่ท้ากันไว้ กันคุณพันธุ์ดุ ว่า
จะคืนอมยิ้ม หาก ทรท. ชนะ แม้ว่า ผมจะบอกคุณปฐมว่า ผมไม่เห็นด้วย
แต่ผมก็บอกคุณปฐมว่า ลูกผู้ชาย ต้องยึดถือ " สัจจะ และ คุณธรรม เหนือสิ่งอื่นใด "
..
หากคนดีๆ ต้องมีความผิดเพราะอุบัติเหตุ แล้วทำอย่างพันท้ายนรสิงห์ คงไม่มีใครเห็นด้วย.. 
ตรงกันข้าม... คนเลวๆ ตั้งใจที่กระทำผิด แต่ยังมีคนชื่นชม น่าละอายยิ่งนัก ยังลอยหน้า
ลอยตา ยิ้มเยาะเย้ยคนอื่นๆ ทำนองว่า ใครทำอะไรข้าไม่ได้ ..
..

 :lol: :lol:
แต่ที่ป้าเสลาเอานามแฝงผมไปเทียบกับพันท้ายนรสิงห์ นั้น ผมคิดว่า มันสูงส่งเกินไปครับ
ผมคงขอปฏิเสธป้าเสลา ว่า ผมไม่รับอย่างที่ป้าเปรียบเทียบ เพราะผมคงทำไม่ได้อย่างนั้น
..
ผมขอเพียงเป็นนายท้ายเรือ ลำเล็กๆ ที่ร่วมขบวนเรือใหญ่ ขบวนเรือเสรีไทย เท่านั้นก็พอ
..
อีกอย่างหนึ่ง....
 8) :lol:
ผมก็ชอบสนุกสนาน เฮฮา ทะลึ่ง ขำๆ กับเพื่อนๆ เหมือนเดิมอยู่ นะครับ......


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 29-04-2006, 15:40

ยินดีๆ และขอบคุณ คุณนายท้ายเรือ ที่มาออกความเห็น
และให้กำลังใจเสมอ

แต่สำหรับคุณ 500 ป้าไม่ได้ว่าคุณนะ เพียงแต่ เอาชื่อโยงไปหาข้อมูล
เพื่อเอามานำเสนอให้เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆหลากหลาย
ให้เพื่อนๆสมาชิกได้อ่านและได้ร่วมสนทนากันด้วยเท่านั้นเอง

ป้าว่าคุณ 500 เป็นคนน่ารัก มีอารมณ์ขันผสมกับความสุนทรีย์ในจิตใจมากๆเลย
ดูจากที่หาดอกไม้สวยๆงามๆมาฝากพวกเรากันไง

คุณ narong ทักเอาป้าชักใจไม่ดี กลัวคุณ 500 งอนป้าจริงๆนะนี่:?


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 29-04-2006, 19:08
 คุณ narong
 อ่านว่าณรงค์ หมายถึง การรบ

การรบที่ยิ่งใหญ่ในยุครัตนโกสินทร์ น่าจะเป็น สงครามเก้าทัพ

เป็นสงครามครั้ง ยิ่งใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เพื่อป้องกันการรุกรานจากทัพพม่าในปี พ.ศ.๒๓๒๘
ชัยชนะในสงครามครั้งนี้โดยเฉพาะที่“สมรภูมิทุ่งลาดหญ้า“
ทำให้ประเทศไทย สามารถรักษา เอกราช และดำรงความเป็นชาติมาจนถึงทุกวันนี้


(http://www1.mod.go.th/opsd/omdweb/rama1.jpg)

สงคราม ๙ ทัพ เกิดขึ้นภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช
สถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีได้ ๓ ปี คือในปี พ.ศ. ๒๓๒๘
พระเจ้าปดุงได้จัดกองทัพใหญ่ ๙ ทัพ มีกำลังพลทั้งสิ้น ๑๔๔,๐๐๐ คน
ยกเข้าตีประเทศไทยคราวเดียวกัน ๕ ทิศทาง ทั้งทางบกและทางเรือ

ทัพที่ ๑ เข้ามาทางหัวเมืองภาคใต้ โดยทัพบกเข้าตีตั้งแต่ ชุมพร ไชยา ไปจนถึงนครศรีธรรมราช
ส่วนทัพเรือตีหัวเมืองชายทะเลตะวันตก ตั้งแต่เมืองตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง ถึงถลาง

ทัพที่ ๒ เดินทัพจากเมืองทวาย เข้าทางด้านบ้องตี้เพื่อตีราชบุรี

ทัพที่ ๓ ยกเข้ามาทางเมืองเชียงแสน เพื่อรุกรานหัวเมืองทางเหนือ
เมื่อรุกเข้ามาแล้วแยกออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนใหญ่ยกเข้าตีเมืองเชียงใหม่
แต่เชียงใหม่ขณะนั้นเป็นเมืองร้างจึงยกเข้าล้อมเมืองลำปาง
อีกส่วนหนึ่งแยกลงมาตีสวรรคโลก สุโขทัย พิชัย พิษณุโลก แล้วมาตั้งค่ายที่ปากพิง

ทัพที่ ๔ , ๕ , ๖ , ๗ และ ๘ เข้าทางด่านเจดีย์สามองค์ มุ่งเข้าตีกรุงเทพฯ
โดยทัพที่ ๔ และ ๕ เป็นทัพหน้าของทัพหลวง ทัพที่ ๖ และ ๗ มีราชบุตรของพระเจ้าปดุงเป็นแม่ทัพ
ส่วนทัพที่ ๘ ซึ่งเป็นทัพหลวงมีพระเจ้าปดุงดำรงตำแหน่งแม่ทัพ

ทัพที่ ๙ เคลื่อนทัพเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เพื่อเข้าตีเมืองตาก
กองทัพไทยได้เร่งระดมกำลังต่อสู้ข้าศึก แต่สามารถเกณฑ์ไพร่พลได้เพียง ๗๐,๐๐๐ คน

ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงได้โปรดเกล้าฯให้จัดทัพออกเป็น ๔ ทัพ
โดยได้พิจารณาจัดวางกำลังทัพต่างๆ ดังนี้



(http://www.sakulthai.com/images/sakulthai/2495/47.jpg)
ภาพในการแสดงยุทธกีฬาทหารบก พ.ศ.๒๔๖๕
แสดงการจัดกองทัพหน้าไปตีทะวายเมื่อ พ.ศ.๒๓๓๐
แม่ทัพขี่ช้างอยู่ตรงกลาง นายทัพ ๑๐ คน ขี่ม้ากั้นสัปทนอยู่ข้างหน้า
(กองทัพหน้าในครั้งนั้นมี ๓ กองทัพ)


ทัพที่ ๑ นำโดยเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ไปขัดตาทัพข้าศึกที่นครสวรรค์

ทัพที่ ๒ มีสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงเป็นแม่ทัพ
คุมกำลังมายัง ตำบลลาดหญ้า เมืองกาญจนบุรี เพื่อสกัดกั้นและทำลายกำลังส่วนใหญ่ของข้าศึก
ที่เดินทัพเข้ามาทางด้านด่านเจดีย์สามองค์

ทัพที่ ๓ เจ้าพระยาธรรมา ( บุญรอด ) กับเจ้าพระยายมราช นำกำลังไปรักษาเส้นทางลำเลียง
และป้องกันทางปีกของทัพที่ ๒ พร้อมสกัดกั้นข้าศึกที่ราชบุรี

ทัพที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงคุมทัพหลวงอยู่ที่กรุงเทพฯ
เพื่อป้องกันพระนคร และเป็นกองหนุนสำหรับส่งไปช่วย ด้านที่ถูกโจมตีหนัก

พระบาทสมเด็จพระพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ทรงใช้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่เหนือกว่าข้าศึก
กล่าวคือใช้กำลังที่ยังไม่ต้องใช้ทำการรบแตกหักตรึงข้าศึกไว้ให้ได้
( การดำเนินการต่อทัพพม่าที่เข้ามาทางด้านเหนือและด้านใต้ )
และใช้กำลังที่จะเข้าทำการรบแตกหักเข้าทำลายข้าศึก
โดยอาศัยความได้เปรียบ จิตใจในการสู้รบ การส่งกำลังบำรุง ตลอดจนความริเริ่ม
จนได้ชัยชนะต่อข้าศึก ( การรบที่ทุ่งลาดหญ้า )

สำหรับการรบที่ทุ่งลาดหญ้า ซึ่งเป็นการปฏิบัติการรบของกองทัพที่ ๒
และเป็นการรบที่มีสำคัญที่สุดของสงคราม ๙ ทัพ มีสมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นแม่ทัพ
แม้ว่าจะมีกำลังพลที่น้อยกว่ามากถึง ๒ เท่าก็ตาม
แต่ก็สามารถผลักดันข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าออกจากแผ่นดินไทยได้สำเร็จ
(ที่มา:http://www.rta.mi.th/ กองทัพบก)



(http://www.phuketport.com/th/images3/logophuket.gif)

สงครามครั้งนี้ได้ก่อกำเนิดวีรสตรีขึ้นมา 2 ท่านคือ

ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร สองพี่น้อง
ผู้สร้างวีรกรรมเป็นผู้นำในการรักษาเมืองถลางให้พ้นภัยจากพม่าในปี พ.ศ.2328
ตรงกับช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

   ศึกครั้งนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "สงครามเก้าทัพ"
พม่ายกกองทัพเข้ามารุกรานไทยทางหัวเมืองตะวันตกแถบเมืองกาญจนบุรี
และหัวเมืองชายฝั่งทะเลของไทยเป็นจำนวนถึง 9 ทัพด้วยกัน   
เมืองถลางซึ่งเป็นหัวเมืองชายฝั่งทะเลด้านใต้ก็ถูกเข้าตีเช่นกัน
เมืองถลางตกอยู่ในภาวะคับขันเพราะเจ้าเมืองถลางถึงแก่อนิจกรรมพอดี ทำให้ขาดผู้นำทัพ

ท่านผู้หญิงจันผู้เป็นภริยาของท่านเจ้าเมืองและคุณมุกผู้เป็นน้องสาว
จึงร่วมคิดวางแผนเพื่อต่อสู้กับพม่าด้วยวิธีต่างๆ
ทำให้กองทัพพม่าไม่สามารถตีทัพเมืองถลางได้
พม่าตั้งล้อมเมืองถลางอยู่เป็นเดือนจนในที่สุดกองทัพพม่าขาดเสบียงอาหารจึงต้องถอยทัพกลับไป 
   ด้วยคุณงามความดีของสตรีสองพี่น้องในเหตุการณ์ครั้งนั้น
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
จึงได้พระราชทานอิสริยยศให้ท่านผู้หญิงจันเป็น "ท้าวเทพกระษัตรี"
และคุณมุกน้องสาว เป็น "ท้าวศรีสุนทร" ชาวเมืองภูเก็ตให้ความศรัทธา
และถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง
จึงนำรูปของท่านทั้งสองมาเป็นสัญลักษณ์ในตราประจำจังหวัดภูเก็ตดังที่เห็นในปัจจุบัน


เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
และเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ กองทัพบกหน่วยงาน ภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป
จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง“ อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ “ ขึ้น
ณ ทุ่งลาดหญ้า ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความ เกี่ยวข้องกับสงครามครั้งสำคัญดัง กล่าว
โดยมีความมุ่งหวังให้เป็นสถานศึกษาและท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์
เกี่ยวกับสงคราม ๙ ทัพ สำหรับผู้สนใจโดยทั่วไป

โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน
เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยาน ประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ เมื่อ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 500 ที่ 30-04-2006, 18:22
ฮึ.... :(



เอามา 500 แล้วจะหายงอน......... :wink:



(http://www.everykid.com/worldnews/image2/bank.JPG)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 30-04-2006, 18:32
นั่นเงินเขมรใช่ไหมครับ หามาได้อย่างไรเนี่ย

กระทู้อ่านเพลินครับ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: narong ที่ 30-04-2006, 19:56
 :mozilla_cry:แงๆๆ ผมไม่ยอมอ่ะป้าเล่นเอาชื่อผมอิงกับประวัติศาสตร์ซะนี่ รู้งี้ไม่ทักดีกว่า

ชื่อกระทู้นี้ทำให้ผมนึกถึงเสื้อยี่ห้อนี้ครับ...

Arrow  :arrow: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 30-04-2006, 20:47
คุณ 500
ขอเวลาป้าไปหาแบ๊งค์แบบในรูปก่อนนะ 8)
............

คุณ narong ..ป้าคุ้นกับประโยคนี้ "เอกลักษณ์..ของเอกบุรุษ"
ก็คลับคล้ายคลับคลาว่า เป็นโฆษณาเสื้ออะไรสักอย่างหนึ่ง

แต่ อะไรไม่ร้ายเท่าหลังจากที่ตั้งกระทู้ไปแล้ว
ป้าเกิดนึกแว่บขึ้นมาว่า... ฮื่ยยย!!....มันเป็นประโยคโฆษณาถุงยางรึป่าวเนี่ยะ

แต่พอเห็นคุณ narong มายืนยันอย่างนี้ ป้าก็ค่อยโล่งใจ  :lol:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 30-04-2006, 21:07
มายืนยันว่าคุณป้าเสลาเข้าใจถูกแล้วค่ะ  :D


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 30-04-2006, 21:16
เพราะชอบชื่อหัวข้อจึงตามอ่าน  เนื้อเรื่องที่ยกมาก็ได้เกร็ดประวัติศาสตร์ดีครับ  ไม่สั้นไม่ยาวได้ใจความดีครับ  ที่สำคัญเจ้าตัวคงลุ้นแน่ๆ ล่ะว่าที่มาของชื่อตนเองจะออกไปในรูปไหนดี มันน่าเสียว (ไส้) ดีครับ...ป้าเสลา...หรือว่าไง


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 30-04-2006, 21:18
คุณ 100600

ที่มาของชื่อนี้ สั้นๆแต่ประทับใจ
มีผู้กระซิบบอกป้าเสลาว่า

..นอกจากคุณ 100600 จะห้าว เข้ม
เป็นนักต่อต้านผด็จการที่มีไหวพริบและปฏิภาณ
แถมพกมาดพระเอกด้วยแล้ว
คุณ100600 ยังเป็นผู้มีใจคอกว้างขวาง
เพื่อนฝูงเดือดร้อนขอหยิบยืมเงิน ไม่เคยปฏิเสธ
เงินต้น 100,000  ให้ผ่อนใช้เดือนละ 600 เท่านั้น

จึงเป็นที่มาของนาม "100600"
ไม่เชื่อลองทดสอบ แต่อย่าบอกว่าทราบจากห้องนี้...

(http://www.geocities.com/spirit15th/goodman.jpg)



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 30-04-2006, 21:30
 :shock:
เอ...100600
ใน รดน. นั้น มีการกล่าวถึงเหมือนกัน เกี่ยวกับการยืมเงินนั่นแหละ
แต่มันรู้สึกว่า มันตรงกันข้าม นะครับคุณป้าเสลา 
หรือ ต้องรอให้ น้อง แสนหก เจ้าของฉายาตัวจริง มาตอบ
ให้หายข้องใจ ให้หายสงสัย สักทีเถอะ อิอิอิ
 8) 8)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 30-04-2006, 21:48
 :shock:

น้อง 100600 ....เอ๋

ป้าเสลา ขา
หนู ก็ อยากรู้เหมือนกันว่าทำไม แสนหก ที่จริง แสนห้า ก็เหมาะ นะคะ
 สำหรับ น้องแสนหก (ของพี่ ท้ายเรือ )



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 30-04-2006, 21:58
ป้าเสลา ครับ ผมขอนอกเรื่องนิดหนึ่งครับ พอดีเห็นน้องประกายดาว
เขาสงสัย เรื่อง ผมเรียก น้องแสนหก ... เพราะเมื่อก่อน ผมเรียก พี่แสนหก
...
สืบเนื่องจาก เมื่อก่อน ใน รดน. นั้น ผมใช้นามแฝงเด็กน้อยเมื่อหลายปี
คุณแสนหก บอกว่า จะเรียกพี่เด็กน้อยฯ ก็กระไรอยู่ อีกอย่างหนึ่งตอนนั้น
ผมเพิ่งเข้า รดน. เห็นเพื่อนๆ เขาเรียก พี่แสน ๆ  ผมก็ต้องเรียกตาม อิอิอิ
เพิ่งมาถึงบางอ้อ...เมื่อผมเปิดตัว "นายท้ายเรือ"  บอกอายุจริง
จึงได้รู้ว่า เจ้า แสนหก เป็น " น้อง "
 :lol: :lol:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: สาวชาวบ้าน ที่ 30-04-2006, 23:38
ป้าเสลา ยอดเยี่ยมมากค่ะ ป้าทำให้สโมสรริมน้ำอบอุ่น และน่าอยู่ค่ะ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 30-04-2006, 23:54
 :D ขอบคุณค่ะคุณสาวชาวบ้าน

ช่วยกันคนละไม้ละมือ สโมสรเราก็น่าอยู่ยิ่งๆขึ้นแหละค่ะ
คนมาชมมาให้กำลังใจอย่างคุณสาวชาวบ้านก็สำคัญมากๆนะคะ :D


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: bobo ที่ 01-05-2006, 00:16
พูดถึงคำว่า ห้าร้อย 

สมัยก่อนเคยฟังหม่อมถนัดศรี  ท่านเล่าให้ฟังในรายการวิทยุ

คนอินเดียถ้าพูดคำว่าห้าร้อยหาใช่จำนวนนับถึงห้าร้อย

แต่ความหมายคือ มีมาก  ไม่ได้หมายถึงมีจำนวนห้าร้อย

ขุนโจรห้าร้อย  จึงน่าจะหมายถึง  โจรจำนวนมาก

คงคล้ายๆ กับ นับร้อย นับพัน  คือดูแล้วมีมากนับไม่ถ้วน



เราจะพบเห็นคำที่คล้ายๆ กันแบบนี้ในชาดกหรือในพระไตรปิฎกอยู่บ่อยๆ

เช่น [๕๕] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ตำบลอุรุเวลา ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จจาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่ตำบลคยาสีสะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ๑๐๐๐ รูป ล้วนเป็นปุราณชฎิล.


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 01-05-2006, 00:33


ข้อมูลของคุณคนจรฯ น่าสนใจมากๆ เลยนะคะ
ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ ทั้งของคุณป้าเสสลา และคุณคนจรฯ
เก็ดถวาอ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มมากๆ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายชด(หนุ่ม) ที่ 01-05-2006, 08:44
อะไรก็แหล่วแต๊ เอ๊ย อะไรก็แต่แล้ว  เอ๊ย อะไรก็แล้วแต่............


หาก ทู้นี้กล่าวถึง "นายชด" เมื่อไร ?   อาจมีควันลอยออกมาตามคีย์บอร์ด  ฮาร์ดดิสก์อาจร้อนฉ่า ครับ

ขอเสริมเกี่ยวกับ คุณ 100600 ครับ

บุรุษคนนี้ ไม่ธรรมดา

ที่ว่าไม่ธรรมดาเพราะ เขาเป็นคนที่หัวเราะแบบมีเอกลักษณ์มั่กมาก  ก็เสียง  อิ๊ๆ  นั่นแหละ

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของเขา ก็จะชอบ แต่หากเป็น อริ หรือคนที่ไม่ชอบ พอเห็นแล้วต้องรีบหาคาราไมน์มาทาที่คีย์บอร์ด เพราะมันคันไปหมด ลามไปถึง ส่วนอื่นๆทีเดียว


มีคนเคยบอกผมว่า  ตัวจริงของเขา เป็นคนรูปหล่อ เคยเดินแบบมาแล้ว
ตอนแรกไม่เชื่อครับ  แต่ในทางการสืบทางลับของ ดีเอสไอ ยืนยันว่า  หมอนี่ เป็นคนรูปหล่อ คารมดีแถม จี๊ถั่งๆ  ก็คือรวยครับ


คุณแสนหกร้อยคนนี้ นอกจากจะเป็นคนรูปหล่อแล้ว  ตัวจริงยังเป็น แฟมิลี่แมน แบบหาตัวจับยาก
เรียกว่า แกเป็นแฟมิลี่แมนของแท้เลยครับ  เป็นคนที่รักครอบครัวเอามากๆ รวมไปถึงครอบครัวของสาวอื่นด้วยหรือเปล่านั้น ผมไม่กล้ายืนยัน



สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ  คุณแสนหก นั้น มีความรู้ทางเกษตรดีเอามากๆ เรียกว่า หากรัฐบาลไหน ขาด รมต.เกษตร  รับรองว่าส่งแกไปรับตำแหน่ง ไม่มีผิดหวังครับ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 100600 ที่ 01-05-2006, 18:00
คุณ 100600

ที่มาของชื่อนี้ สั้นๆแต่ประทับใจ
มีผู้กระซิบบอกป้าเสลาว่า

..นอกจากคุณ 100600 จะห้าว เข้ม
เป็นนักต่อต้านผด็จการที่มีไหวพริบและปฏิภาณ
แถมพกมาดพระเอกด้วยแล้ว
คุณ100600 ยังเป็นผู้มีใจคอกว้างขวาง
เพื่อนฝูงเดือดร้อนขอหยิบยืมเงิน ไม่เคยปฏิเสธ
เงินต้น 100,000  ให้ผ่อนใช้เดือนละ 600 เท่านั้น

จึงเป็นที่มาของนาม "100600"
ไม่เชื่อลองทดสอบ แต่อย่าบอกว่าทราบจากห้องนี้...

(http://www.geocities.com/spirit15th/goodman.jpg)




ป้าเล๋าเนี่ย วาจาช่างไพเราะเหยาะซี่อิ๊วนัก

แต่บอกได้เลย เกิดมาจน เอ่ออ รวย ... เอาใหม่ๆๆ ... เกิดมารวยจนป่านนี้ แค่เคยยืมเงินเพื่อนตอนประถม มัธยม มหา'ลัย เท่านั้น
แก่ เอ๊ย!! กว่านี้แล้วไม่เคยยืมเงินใครเล้ยยยยยจ้า

อ้อ นอกจาก มีการขโมยเงินเตี่ยอยู่บ้าง ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ชั่วเผลอใจไปแว๊บๆๆๆ อิ๊อิ๊

ก็ตรุษจีน เตี่ยอ่ะเจ้าเล่ห์แสนกล
แจกอั่งเปาแต๊ะเอียให้ดีใจแป๊บๆ ก็มาชวนอาตี๋ๆหมวยๆตั้งวงเล่นไพ่ป๊อกเด้ง เก้าเก กินเงินกันเองในครอบครัว ฮ่าฮ่า
เล่นทีไร ปีไหนก็ปีนั้น "หน้ามืด" (ผมน่ะมืด ไม่ใช่เตี่ยหรอก เตี่ยเป็นเซียน) ลูกๆเจ๊งบ๊ง โดนเตี่ยกินเรียบทู๊กที เอิ๊ก เอิ๊ก กกก

เงินแต๊ะเอียหมดน่ะ เรื่องใหญ่นะคร้าบ
เพราะเงินตรุษจีนคือโบนัสสะสมหลายๆเดือนที่เตี่ยสั่งเอาไว้ว่า จะไม่ได้รับค่าขนมไปโรงเรียนหลายๆๆๆเดือนเหมือนกัน ฮ่าฮ่า


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 100600 ที่ 01-05-2006, 18:04
คุณ Shane ...

คุณเป็นใคร มารู้ไส้พุงผมโม๊ด ดดดดดดดดดดดดด ฮ่าฮ่า

แต่ก็ดีนะ ที่เป็นบวก think plus with me ฮ่าฮ่า

thanks you หลายๆๆๆๆๆ ... I love you too. เอิ๊ก เอิ๊ก กกก อิ๊อิ๊


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 01-05-2006, 18:06
 :o

แต่ ดาว รู้ ลุงแสนหก มี ลูกชาย
เอ่อ

หล่อไหมคะ?
สงสัยหล่อกว่าใช่ไหม?


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 01-05-2006, 18:27

   มีเพลง...พันท้ายนรสิงห์ มาฝากครับ

   ปางเมื่อ พระเจ้าเสือ
เสด็จประทับเรือ เอกชัย
ประพาส ชลาลัย
ใคร่สำรวจ ตรวจธารา
   พันท้าย นรสิงห์
ถือท้ายนิ่ง ระวังนาวา
เอกชัย แล่นเข้าคลองมา
ใกล้ถึงท่า โคกขามตำบล
   คลองคด คัดเรือไม่ไหว
โขนเรือโดนไม้ หักปี้ป่น
นรสิงห์ รู้โทษตน
กระโดดขึ้นบนฝั่งถวายชีวิตตน
   นรสิงห์ ทูลถวายชีวิต
ครั้นทำผิด แล้วไม่กลัว
เกียรติศักดิ์ รักยิ่งกว่าตัว
ยอมเสียหัว ไม่ยอมเสียวินัย
  จนพระทัย สั่งให้ประหาร
แล้วสร้างศาล คู่กันไป
เอาศรีษะ นรสิงห์ไว้
ผูกโขนเรือ คู่เคียงกันไป
   พี่น้องทุกเหล่าเชื้อเผ่าไทย
จงรักษาเกียรติวินัย เช่น นรสิงห์
ไทย..... จงรักวินัยให้มั่นจริง
บูชา ยิ่งกว่าหัวใจ อย่าได้....ลืม
----------------------------------------
คัดมาจากความทรงจำ ผิดพลาดอย่างไร วานผู้รู้ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 100600 ที่ 01-05-2006, 18:28
ชายคนหญิงคนครับคุรประกายดาว ... คงจะ Star light ไม่ใช่ Dow light มั๊ง เน๊อะ อิ๊อิ๊

คนที่เป็นลูกสาว ... ซนนนนนๆๆๆๆยิ่งกว่าลิงๆๆ ถึงโตแล้วก็ยังทะเล้น กระเปิ๊บกระป๊าบ กัววๆๆๆว่าจะเป็นทอม
คนที่เป็นลูกชาย ... ซนมากก็จริง แต่เจ้าระเบียบโคตรๆๆ ยิ้มด้วยปากแต่ไปหวานที่ลูกตา  


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 01-05-2006, 18:33
 :)
เห็นหน้าลูกสาวสวย ลูกชายหล่อเหลาเอาการ
นึกหน้าพ่อและแม่ ของลูก คงเหมือนพระเอกและนางเอก
ในหนังเรื่องไหนสักเรื่อง ....น่าจะได้เน๊าะ  ...
อยากเห็นหน้าพ่อและแม่ของลูก นะครับ
.. :lol:
หมายเหตุ...เอารูปปัจจุบัน ชัดๆ ด้วย นะ ( กันลิ้งไว้ก่อน อิอิอิ )


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 100600 ที่ 01-05-2006, 18:50
:)
เห็นหน้าลูกสาวสวย ลูกชายหล่อเหลาเอาการ
นึกหน้าพ่อและแม่ ของลูก คงเหมือนพระเอกและนางเอก
ในหนังเรื่องไหนสักเรื่อง ....น่าจะได้เน๊าะ  ...
อยากเห็นหน้าพ่อและแม่ของลูก นะครับ
.. :lol:
หมายเหตุ...เอารูปปัจจุบัน ชัดๆ ด้วย นะ ( กันลิ้งไว้ก่อน อิอิอิ )



มาตามคำขอเลยครับคุณพี่ท้ายเรือ ...
แม๋ๆๆๆๆๆ นานๆจะได้รับโอกาสงามๆเสนอหน้าอย่างนี้ ฮ่าฮ่า


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 01-05-2006, 18:53
 :lol:

โอ๊ะ โอ

ลุงแสนหก ไหง๋ ทำมาด เสน่ห์ศิลป์ สุดๆ แบบนั้น

ไม่เชื่อเด็ดขาด
ไม่สอดคล้องกับ ลีลา ภาษา สำนวน ลูกเล่น
หารูป มาใหม่ดีกว่า ค่ะ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 01-05-2006, 18:56
 :shock: :shock:
เอ...ผมว่าผมกันกลิ้งไว้แล้ว นะเนี่ย...
หรือ เป็นรูปของพ่อและแม่ของเด็กๆ ใน คห. ก่อนหน้านี้ไป 2-3 คห. จริงๆ
 :) :)
หรือ ผมเปิดช่องไหนไว้ให้กลิ้งได้อีก  ละเนี่ย..


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: อังศนา ที่ 01-05-2006, 19:19
อ่านแล้วขำค่ะ.. อิอิอิ  :D

อ้อ.. ช่วยยืนยันค่ะ ว่าชื่อกระทู้
เป็นคำโฆษณาเสื้อเชิ้ร์ตแอร์โร่ ไม่ใช่คอนด้อมค่ะ.. อิอิ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 02-05-2006, 13:36
สวัสดีค่ะคุณอังฯ
วันก่อนแอบไปอ่านกระทู้ถวายพระพรของคุณอังฯที่พันทิพ
ประทับใจมาก  มานั่งจับปากกา พยายามหัดเขียนโคลง 4
อย่างคุณอังฯดูบ้าง ก็ไม่สำเร็จเลยค่ะ

***************

ขอต่อเรื่องตามกระทู้ สมาชิกท่านต่อไป

คุณ KoKa 

นึกถึงโคคา โคล่า เครื่องดื่มน้ำดำยอดฮิท

ไปค้นเจอข้อมูลที่น่าสนใจในสาระแนดอทคอม พฤศจิกายน 2002

สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า

บริษัท ทรัสต์ คอมพานี แห่งรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ
เป็นที่เก็บสูตรลับของเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง
ที่มีชื่อว่าโคคา-โคล่า หรือคนทั่วไปเรียกว่า โค้ก
สูตรลับนี้มีผู้ที่สามารถเปิดดูได้เพียงคนเดียวเท่านั้นคือผู้อำนวยการบริษัท

ถึงแม้จะมีผู้จัดจำหน่ายอยู่หลายแห่งทั่วโลก
แต่ไม่มีสักรายที่ล่วงรู้ส่วนผสมที่แท้จริง
เพราะบริษัทจะจัดส่งหัวเชื้อซึ่งเป็นน้ำเชื่อมและส่วนผสมอื่นๆ
ให้ผู้แทนจำหน่ายไปผสมกับน้ำโซดา
แม้กระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถล่วงรู้สูตรลับของโคคา-โคล่า ได้

ปี ค.ศ.1983 นักเขียนอเมริกัน วิลเลียม พาวน์สโตน
ตีพิมพ์ผลงานที่มีความยากลำบากในการค้นคว้าชื่อว่า Top Secret
เขาบอกว่า ส่วนผสมหลักของโค้ก บริษัทจะกำหนดเป็นส่วนผสมหมายเลข 1-9
และเรียกว่าเป็นสินค้านั้น มีดังนี้คือ

1.น้ำตาล 2.น้ำตาลไหม้ 3.กาเฟอีน(ไร้กาเฟอีน) 4.กรดฟอสฟอริก
5.สารสกัดจากใบโคคา(สกัดเอาโคเคนออกแล้ว)
และสารสกัดจากเมล็ดโคลาปริมาณเล็กน้อย
6.กรดน้ำส้ม และโซเดียมไซเทรต 7X.มะนาวฝรั่ง ส้ม มะนาว แคสเซีย(cassia คืออบเชยชนิดหนึ่ง)
น้ำมันลูกจันทร์เทศ และสารอื่นๆ 8.กลีเซอรีน 9.วานิลลา

การวิเคราะห์สารเคมีทำให้รู้ส่วนผสมบางอย่าง
แต่ส่วนที่ค้นพบยากที่สุดคือส่วนที่เป็นหัวน้ำมันหอมระเหยใน สินค้าหมายเลย 7X
(ไม่มีคำอธิบายความหมายของ X)
การนำเอาหัว เชื้อเหล่านี้มาผสมกันใช่ว่าจะได้กลิ่นและรสชาติตามสูตรของโคคา-โคล่า

เพราะน้ำมันเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นกลิ่นและรสชาติอื่นๆ ได้อีก
การที่จะลอกเลียนแบบต้องรู้ส่วนผสมและสัดส่วนที่แท้จริง ซึ่งยากในการวิเคราะห์
ด้วยเหตุนี้ส่วนผสมก็ยังคงเป็นความลับสุดยอดของโคคา-โคล่า จนถึงทุกวันนี้

เครื่องดื่มที่ติดปากของคนทั่วโลก
ดร.จอห์น เอส เพมเบอร์ตัน เป็นผู้คิดค้นสูตรดั้งเดิมของโคคา-โคล่า
เขาเป็นเภสัชกรที่แอตแลนตา จอร์เจีย ในปี ค.ศ.1885
เขานำเอาเครื่องดื่มที่ผสมเหล้าองุ่นแดงมาดัดแปลโดยผสมใบโคคาลงไปด้วย
ซึ่งโคคามีสารที่กระตุ้นประสาทที่เรียกว่าโคเคนแต่กลับขายไม่ดี

เขาจึงปรับปรุงสูตรอีกโดยเอาลูกโคลามาแทนเหล้าองุ่นแดง
ซึ่งโคลานี้เป็นโคลาพันธุ์แอฟริกา
มีสารประตุ้นประสาทที่เรียกว่า กาเฟอีน
เขาได้เติมน้ำตาลและแต่งกลิ่นไม่ให้ขม

สัญลักษณ์โคคา-โคล่า (http://iwrm.haii.or.th/sc5th/images/stories/sponsor/logo_coke.jpg)
เป็นการออกแบบของหุ้นส่วนที่ชื่อว่า แฟรงค์ เอ็ม โรบินสัน
เมื่อปี 1887 เพมเบอร์ตันขายสูตรนี้ให้ วิลลิส อี เวเนเบิลและ จอร์จ เอส ลอนเดส

และอีก 5 เดือนต่อมาก็ขายต่อให้ วูลโฟล์ค วอล์เคอร์ และ เอ็ม ซี โดเซียร์
และต่อมาอีก 1 ปี ก็ขายให้ เอซา จี แคนด์เลอร์
ซึ่งเพมเบอร์ตันก็ถึงแก่กรรมในปีนั้น แคนด์เลอร์ได้ผสมส่วนผสมนี้กับน้ำโซดา

และคิดว่าต้องเป็นเครื่องดื่มที่คนนิยมอย่างมาก จึงได้เก็บสูตรนี้ไว้เป็นความลับ
แคนด์เลอร์ได้ปรับปรุงสูตรใหม่อีก และรับแฟรงค์ เอ็ม โรบินสัน เข้าเป็นหุ้นส่วน

ได้ก่อตั้งบริษัทโคคา-โคล่า ในปี 1892 จนถึงปี 1903
ก็มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่รู้สูตรของเครื่องดื่มชนิดนี้
และมีสิทธิ์ในการผสมน้ำเชื่อมในห้องลับ

เขาได้แกะฉลากส่วนผสมต่างๆ ออกและชำระเงินด้วยตัวเอง
เพื่อไม่ให้ฝ่ายบัญชีรู้ว่าซื้อส่วนผสมอะไรมา
เมื่อบริษัทเติบโตขึ้น เขาทั้งสองคนไม่สามารถผสมส่วนผสมต่างๆ ได้ด้วยตัวเองอีก
เขาจึงกำหนดหมายเลข 1-9 เพื่อใช้เรียกชื่อส่วนผสม
ผู้จัดการสาขาจะรู้เพียงสัดส่วนและวิธีผสมเท่านั้น

เมื่อปี 1909 รัฐบาลสหรัฐฯ ยื่นฟ้องบริษัทว่าใช้ส่วนผสมที่มีโคคาอยู่ด้วย
ซึ่งอาจจะมีโคเคนผสมอยู่
คดียืดเยื้อกว่า 10 ปี
แต่ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า
ในส่วนผสมพบโคเคนอยู่ในสารสกัดโคคาหรือโคลาแม้แต่น้อยนิด

วิลเลียม พาวน์สโตน กล่าวในหนังสือ Top Secret ว่า
ในโคคา-โคล่า มีส่วนผสม โคคา หรือ โคลา เพียงนิดเดียว
ซึ่งไม่มีผลต่อรสชาติสักเท่าใด

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังฝ่ายพันธมิตรในแอฟริกา
ได้สั่งซื้อโคคา-โคล่า จำนวนถึง 3 ล้านขวด
ส่วนโคคา-โคล่าที่เป็นกระป๋องพึ่งมีในปี 1955 นี้เอง....



(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=319051)


*********************

หมายเหตุเพิ่มเติม

โคเคน เป็นสารที่สกัดได้จากใบของต้นโคคา มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท
มีลักษณะเป็นผงสีขาวผลึกเป็นก้อนใส รสขมไม่มีกลิ่น 
ต้นโคคาจะมีลักษณะพิเศษคือ
เส้นกลางใบจะเป็นสันนูนออกมาให้เห็นทั้งด้านหน้า และด้านหลังของใบ 
การผลิตโคเคนจะต้องนำใบโคเคนไปแปรสภาพ
โดยอาศัยอุปกรณ์และน้ำยาเคมีต่าง ๆ
สำหรับโคเคนที่แพร่ระบาดพบว่าเป็นโคเคนที่อยู่ในรูปของโคเคนไฮโดรคลอไรด์
มีลักษณะผลึกสีขาวและละลายน้ำได้ดี
เสพโดยการสูดเข้าไปในโพรงจมูกให้เข้าสู่เส้นเลือดฝอย
ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาทอย่างรวดเร็ว

อาการของผู้เสพโคเคน ในระยะแรกที่เสพ
โคเคนจะกระตุ้นประสาททำให้เกิดอาการไร้ความรู้สึก 
ดูเหมือนมีกำลังมากขึ้น มีความกระปรี้กระเปร่าไม่รู้สึกเหนื่อย
เมื่อหมดฤทธิ์ยาร่างกายจะอ่อนเพลียและเมื่อยล้าขึ้นทันที เซื่องซึม
ถ้าเสพถึงขั้นติดยาจะมีผลทำให้หัวใจเต้นแรง 
ความดันโลหิตสูง ตัวร้อนมีไข้ตลอดเวลา นอนไม่หลับ 

 (ข้อมูลจาก:-http://www.obec.go.th/news/_develop_media/news12/pitsanulok/08/sec02p03.html)

(http://www.obec.go.th/news/_develop_media/news12/pitsanulok/08/nav/Dscf0043.jpg)
ดอกโคคา   


(http://www.obec.go.th/news/_develop_media/news12/pitsanulok/08/nav/Dscf0004.jpg)
ผลและใบโคคา





หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 02-05-2006, 15:02


 :lol:  :lol:  :lol:

ไม่เข้าใจตัวเองเลยค่ะ

เก็ดถวาอ่านชื่อคุณ KoKa  ว่า คาโค มาโดยตลอดค่ะคุณป้าเสลา

ทำให้เก็ดถวาคิดถึง "ตือคาโค" และอยากกินมากๆ มาโดยตลอด

เพิ่งสังเกตว่าจริงๆ คือ KoKa = โค คา

แหม.. พลาดได้ไงนี่ 

 :mozilla_wink:    :wink:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 500 ที่ 02-05-2006, 15:44
"ตือคาโค" ที่เชียงใหม่อร่อยมาก




หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 02-05-2006, 16:05

"ตือคาโค" ที่เชียงใหม่อร่อยมาก



แหม... คุณ 500 เอา ตือคาโค เชียงใหม่ มาบลั๊ฟซะอย่างงั้นเลย

ไม่ไปหรอกเชียงใหม่ กลัว!! อ้าว เอ๊ะ โยงไปเรื่องอะไรนี่   :lol:  :lol:  :lol:



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Zta ที่ 02-05-2006, 16:31
ชอบจัง  สาระอัดแน่นบนความบันเทิง  อ่านไปยิ้มไป    :D :D :D  ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: โขงหลง ที่ 02-05-2006, 20:08
แอบดูอยู่  ทนสงสัยไม่ไหว...ตือคาโค...คืออิหยังน๊อออออ????


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: R O S #41 ที่ 02-05-2006, 22:18
อ่านกระทูนี้มาตลอดคะ แต่ไม่ได้เข้ามาตอบ  แต่ทนไม่ได้ที่ ชื่อคุณ KOKA นี้แหละคะ และขอบขอบคุณคุณป้าเสลามักมาก นะคะ ที่ให้ความกระจ่างแก่ดิฉัน เรื่อง โคคา โคล่า (โค๊ก) เพราะดิฉันติดโค๊กคะ  ต้องโค๊กกระป๋องนะคะ เพราะ โค๊กอันอื่น มันไม่ซ่าส์คะ ดื่มแล้ว เสียอารมณ์55555 เมื่อก่อน ดื่มเช้ากลางวันเย็นคะ วันใหนดื่มไม่ครบโด๊ส หงุดหงิดคะ  แต่ตอนนี้ มาอยู่ต่างจังหวัด ดื่ม แค่วันหละกระป๋องคะ ถ้าได้ดื่มแล้วมันรูสึก เลือดลม วิ่งดีคะ
แต่ไดรับข้อมูลจากคุณป้าแล้ว ดิฉัน คงต้อง ลดปริมาณลงอีกคะ คง วันเว้นวันนะคะ เพราะ เท่าที่อ่าน มีทั้ง โคคา(โคเคน) และ คาเฟอีนคะ  มิน่า เวลา ซึมๆเมื่อได้โค๊กเย็นเจี๊ยบหนึ่งกระป๋อง แล้ว โห้ เหมือนมันหายหมดสิ้นคะ
ดังนั้นสมควรพิจารณา ว่า ลดลงดีแน่นอนเรา


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 02-05-2006, 22:40
เมื่อปี 1909 รัฐบาลสหรัฐฯ ยื่นฟ้องบริษัทว่าใช้ส่วนผสมที่มีโคคาอยู่ด้วย
ซึ่งอาจจะมีโคเคนผสมอยู่
คดียืดเยื้อกว่า 10 ปี
แต่ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า
ในส่วนผสมพบโคเคนอยู่ในสารสกัดโคคาหรือโคลาแม้แต่น้อยนิด

วิลเลียม พาวน์สโตน กล่าวในหนังสือ Top Secret ว่า
ในโคคา-โคล่า มีส่วนผสม โคคา หรือ โคลา เพียงนิดเดียว
ซึ่งไม่มีผลต่อรสชาติสักเท่าใด


===================

คุณRos  คิดว่าคงไม่น่ากังวลมากนัก
เพราะที่ฟ้องร้องกันตามข่าว
ผลออกมาคือ"ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า
ในส่วนผสมพบโคเคนอยู่ในสารสกัดโคคาหรือโคลาแม้แต่น้อยนิด"


แต่พูดถึงว่าการดื่มน้ำอัดลมมากๆ ไม่ค่อยดีนะ
ลองหันมาดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพรหลายๆชนิดก็น่าสนใจ

วันหลังป้าเสลาจะหามาแนะนำว่า
มีน้ำสมุนไพรชนิดใหนมีสรรพคุณแก่เราอย่างไรบ้าง . .ดีใหม..



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Suraphan07 ที่ 02-05-2006, 22:50
อ่านเพลิน ได้สาระความรู้ดีครับ  :P

ขอบพระคุณ คุณป้าเสลา ที่นำมาฝากครับ... :D

รอดู เอกลักษณ์ ของท่านอื่นๆต่อครับ...


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 03-05-2006, 07:52
 8)
ที่มาของ " นายท้ายเรือ " เพราะประสบการณ์จากอดีต แม้นานกว่า 20 ปี แล้ว แต่ยังไม่ลืม
..
ชีวิตวัยเด็กผูกพันกับเรือ ก่อน รถ ตามที่เล่าไว้ เรื่อง ควาย ในกระทู้ของ แสนหก และ
เรื่องชายทะเล ในกระทู้ ชะอำ ของ ป้าเสลา ..และความผูกพันของผมที่เกี่ยวกับทะเล
..
จำไม่ได้แล้ว ผมว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ พายเรือ เป็น ตั้งแต่ ป.ไหน ..เคยพายเรือ
รับจ้างคนข้ามปากน้ำ(ปากน้ำปากดวด) ตั้งแต่ อยู่ ป.3-4 โน้นนนน...ได้ค่าจ้างครั้งละ
1 สลึง เป็นเรือพายเล็กๆ บรรทุกได้ 2-3 คน แต่วันหนึ่ง มีคนใช้บริการ เพียง 4-5 คน
เท่านั้น ครับ..
...
ตอนอยู่ ม.ปลาย ช่วงเข้า มหาลัยปีแรกๆ พี่ชายสร้างเรือประมงขนาดเล็ก ซึ่งน้าชาย
(น้องของพ่อ) เป็นคนต่อเรือเอง เสียดายน้าชายเสียชีวิตแล้ว โดยไม่มีใครรับช่วงต่อ
ในวิธีการต่อเรือประมงขนาดเล็ก

(http://img143.imageshack.us/img143/9884/boat10hz.jpg) (http://imageshack.us)

รูปเรือประมงขนาดเล็ก ที่มีลักษณะคล้ายกับของพี่ชายที่ผมกล่าวถึง
ผมภูมิใจกับเรือประมงลำนี้ของพี่ชายมาก เพราะเป็นคนทาสีเรือเอง ( ขึ้นอู่ที่ปากน้ำสิชล )
ต่อมาช่วงปิดเทอม ก็ไปร่วมออกหาปลาลงเรือของพี่ชาย
...
เรือลำนี้เป็นเรือขนาดเล็ก - > ขนาดกลาง มีพี่ชาย ผม และ ชาวบ้านอีก 2 คน ร่วมออกจากปากน้ำตอนเย็นๆ
แล้ว รุ่งเช้าก็กลับมา ผมอาสาเป็นคนขับเรือ ครึ่งหนึ่งของเวลา ( 5-6 ชั่วโมง ) กลางคืน กล่าวคือว่า เมื่อเรือ
วิ่งออกไป 5-6 กม. ก็ลงตาข่าย ( อวน ) กลางดึกก็กู้ขึ้นมา และ วางกลับไปอีกครั้ง แล้วมากู้ตอนเช้า..
..
ผมถือท้ายเรือ (พวงมาลัย) บางทีก็ช่วงแรก บางทีก็ช่วงหลัง  แต่ ประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม นั้น เกิดขึ้นมา
ในคืนหนึ่ง พายุฝนฟ้าคะนอง ผมถือพวงมาลัยด้วยความตื่นตระหนก และยึดให้มั่น เพราะคลื่นและลม
จะพัดเรือซึ่งลากอวนอยู่ให้เอียงไป มองไปที่พี่ชายและชาวบ้านอีก 2 คน ก็หลับสนิท ไม่รู้เรื่องอะไร
ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง คลื่นลม ก็สงบ ตอนเช้า กลับเข้าฝั่ง........ตะลึง เมื่อมีชาวประมงพูดกัน ว่า
" เมื่อคืน พายุ พัด เรือ จมไป 2-3 ลำ "  ใจหายแว็บบบบ.............นึกถึงตอนที่ผมถือท้ายเรือ ว่า
ถ้าเผลอหรือหลับใน สักนิด เรือของพี่ชายนั้นก็คงจมไปเหมือนกัน....




หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: R O S #41 ที่ 03-05-2006, 08:03
 ดีมักคะคุณป้า รออ่านอยู่นะคะ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 03-05-2006, 08:03
 :D :D
นายท้ายเรือในปัจจุบัน อิอิอิ :lol: :lol:

(http://img520.imageshack.us/img520/2528/p184440tf.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 03-05-2006, 08:57



 :(    :cry:

เรียนพี่ท้ายเรือคะ  อ่านที่มาของชื่อของพี่ท้ายเรือแล้ว

เก็ดถวาคิดถึงน้าของเก็ดถวามากค่ะ.. น้าของเก็ดถวาตอนเด็กๆ ขายไอติม แบบที่เดินสะพายถังไอติมขายน่ะค่ะ

ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับที่มาของชื่อนายท้ายเรือ.. แต่ไม่รู้สิคะ ก็มันอ่านแล้วได้อารมณ์ที่คิดถึงน้าขึ้นมาเหลือเกินค่ะ

น้าของเก็ดถวา อายุ 45 ปี (ใกล้เคียงพี่ท้ายเรือด้วย) 

เก็ดถวาคิดว่าชีวิตวัยเด็กของพี่ท้ายเรือ คล้ายๆ น้าของเก็ดถวาเลยน่ะค่ะ

แต่เป็นสิ่งที่เก็ดถวารู้สึกดีมากๆ นะคะ เก็ดถวานึกไม่ออกจริงๆ กับเด็กสมัยนี้

ว่าเมื่อเขาโตขึ้น จนล่วงเข้าสู่วัยพ่อแม่ เขาจะเอาเรื่องราววัยเด็กของตัวเอง เล่าให้ลูกหลานฟังว่ายังไงบ้าง

มันจะมีเรื่องราวคลาสสิค เหมือนเรื่องของพี่ท้ายเรือ อีกไหมหนอ...??

 :D


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: มีคณา ที่ 03-05-2006, 09:34
เข้าเวบนี้เรื่อยๆ แม๊ ..... ตกกระทู้นี้ไปได้ยังไง้นะ

อ่านแล้วฮาดี :lol:

100600 - - ถ้าในรูปตามลิงค์เป็นรูปคุณและแม่ของเด็กน่ารัก 2 คนนั้น.......
แหะ ๆ .......สร้างความร้าวฉาน เป็นงานของเดี๊ยน แน่นอน (ป๊งมาตั้งแต่เด็ก)



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแจ๋วแหวว ที่ 03-05-2006, 10:45
แคน  กับ แคน แคน 

ความหมายต่างกันลิบลับเลยนะคะป้าเสลา

นานมาแล้ว  เคยไปดูโชว์ระบำ Can Can ที่กังหันสีแดง  นักเต้นเขาประหยัดเสื้อผ้ากว่าข้างบนค่ะ   :lol:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 03-05-2006, 19:27

แอบดูอยู่  ทนสงสัยไม่ไหว...ตือคาโค...คืออิหยังน๊อออออ????



คุณโขงหลงคะ คุณป้าเสลาไปตามมาตอบคำถามค่ะ

ขอตอบเท่าที่ประสบการณ์ของเก็ดถวาเคยทานมานะคะ ไม่แน่ใจว่าถูกต้องไหม..

ตือคาโค เป็นของว่างประเภทหนึ่งค่ะ (หวังว่าคงไม่มีใครทานเป็นของจริงนะคะ)

เป็นเผือกที่หั่นชิ้นเล็กๆ เป็นเส้นๆ ผสมกับแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า และกะทิค่ะ

เมื่อนำส่วนผสมดังกล่าวข้างต้นไปทอดแล้ว ก็จะนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำค่ะ

รับประทานร่วมกับ เต้าหู้ทอด และมีน้ำจิ้มด้วยนะคะ

ส่วนประกอบของน้ำจิ้ม มีน้ำมะขามเปียก น้ำตาลทราย เกลือเล็กน้อย น้ำ

ที่นำมาเคี่ยวรวมกันจนเหนียว เวลาจะรับประทานก็เอาน้ำจิ้มผสมกับพริกขี้หนูตำ

แล้วก็ใส่ถั่วลิสงคั่วที่ป่นพอสมควร เติมผักชีไปหน่อยก็สวยและหอมนะคะ

ว้า.. อยากกินจังเลยค่ะ






หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: duen_narak ที่ 03-05-2006, 19:30
เอื๊อกกกก ( กลืนน้ำลาย )  :shock:

ง่ะ  อ่านแล้วหิวเลยค่ะ  พี่เก็ตถวา   :D :D


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 03-05-2006, 19:36


นั่นสิคะ น้องเดือน

พี่เก็ดถวาก็น้ำลายไหยยยยยยย    :mozilla_tongue:






หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 03-05-2006, 21:04
ขอบคุณป้าที่นำข้อมูลดีๆมาฝากครับ        อ่านแล้วเพลินดีครับ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกเข็มขาว ที่ 03-05-2006, 21:18
พี่เสลาคะ ได้ความรู้มากเลยแถมสนุกอีกด้วย

ลูกคุณ100600 น่ารักจัง ของคุณ นายท้ายเรือรูปเท่มากคะ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 03-05-2006, 23:26
สมาชิกท่านนี้ชื่อเป็นผู้หญิง Cameron DZ
แต่แน่ใจว่าเป็นชายโดยดูจากข้อความที่โพสท์
ในกระทู้ไว้อาลัยปราโมทยา อนันตา ตูร์

"ไม่รู้ตั้งถูกห้องหรือเปล่า
เพราะไม่ใช่เรื่องเฮฮาสบาย ๆ
เป็นเรื่องเศร้า
แต่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรมครับ
เลยเอามาลงห้องนี้

******************
เข้าใจว่าชื่อ Cameron DZ คงจะตั้งขึ้นตามชื่อดารา
ที่ชื่อ Cameron Diaz

(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/camerondiaz.jpg)


(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/cam20.jpg)

ชื่อ : Cameron Diaz
วันเกิด : 30 สิงหาคม 1972 ปัจจุบันอายุ 34
สถานที่เกิด : San Diego, CA

เริ่มอาชีพถ่ายแบบตั้งแต่อายุ 16 ปี
โดยเซ็นสัญญากับ Elite Modeling Agency ในช่วงต้นยุค 90
เธอปรากฏบนปกนิตยสารหลายฉบับ และในโฆษณาอีกหลายชิ้น 

ครอบครัว : มารดา เป็นตัวแทนส่งออก
บิดา เป็นโฟร์แมนบริษัทน้ำมัน
พี่สาว ชื่อ Chimene

หมั้นกับ Matt Dillon ตั้งแต่ปี 1996 ถึง 1998
รางวัล : 1996 NATO/ShoWest Female Star of Tomorrow
จาก National Association of Theater Owners

การศึกษา : Long Beach Polytechnic High School ใน Long Beach, California
รูปร่าง : ส่วนสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว
สัดส่วน 34B - 23 - 32
ร่างกาย : ผม สีบลอนด์ธรรมชาติ
ตา สีฟ้า
หน้า รูปไข่ เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของเธอ


ผลงานภาพยนตร์

Charlie's Angels (2000) รับบท Natalie
Shrek (2000) (เสียง)
Any Given Sunday (1999) รับบท ผู้จัดการทีมอเมริกันฟุตบอล
Fear and Loathing in Las Vegas (1998) รับบท นักข่าวโทรทัศน์
Being John Malkavich (1998) รับบท Lotte Schwartz ภรรยา ที่เพิ่งรู้ตัวว่า เป็นเลสเบี้ยน
Very Bad Things (1998) รับบท Luara Garrety
There's Something About Mary (1998) รับบท Mary สาวรวยเสน่ห์
A Life Less Ordinary (1997) รับบท Celine ลูกสาวเศรษฐี

(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/diaz_mybestfriends.jpg)
ใน My Best Friend's Wedding
My Best Friend's Wedding (1997) รับบท Kimmy Wallace ลูกสาวเศรษฐี (อีกแล้ว)
Keys to Tulsa (1997) รับบท Trudy
Head Above Water (1996) รับบท Nathalie
Feeling Minnesota (1996) รับบท Freddie

(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/diaz_shestheone.jpg)
ใน She's the One
She's the One (1996) รับบท Heather
The Last Supper (1995) รับบท Jude
The Mask (1994) รับบท Tina Carlyl

หากคุณได้เดินเข้าไปในห้องที่ Cameron Diaz นั่งอยู่
สิ่งแรกที่คุณจะมองเห็นก็คือ รอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดในโลก
มันคือรอยยิ้ม ที่ทุกคนหลงรัก รวมทั้งนัยน์ตาสีฟ้าใสคู่นั้น
ใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ และผมสีบลอนด์สลวย
บุคลิกที่โดดเด่น ตามแบบฉบับนางแบบ ทำให้เธอเป็นที่ต้องการ ในทุกแห่งของฮอลลีวู้ด

เธอปรากฏตัวในฮอลลีวู้ดครั้งแรก เมื่อปี 1994 กับการประกบ Jim Carrey ใน The Mask
เธอใช้ชีวิตอีก 5 ปีต่อมาในการข้ามทวีปไปมา "ออสเตรเลีย, โมรอคโค, ปารีส, เม็กซิโก,
 ที่นี่, ที่นั่น, ทุกๆ ที่" และก็มาอยู่อพาร์ตเม้นท์ในฮอลลีวู้ด กับโปรดิวเซอร์วีดิโอ
Carlos de La Torre ความสัมพันธ์ทั้งคู่ ยั่งยืนมาถึง 5 ปี

ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่วงการแสดง อาชีพนางแบบของเธอ ทำรายได้ให้เธอมากมาย
โดยเธอเป็นนางแบบให้กับนิตยสารต่างๆ เช่น Mademoiselle, Seventeen
รวมทั้งในโฆษณาของ Calvin Klien, Levi's และ Coca-Cola

Diaz ได้จบความสัมพันธ์อันยาวนานกับ de La Torre ในปี 1995
และจบความสัมพันธ์ที่หวานฉ่ำนาน 3 ปี กับ Matt Dillon

(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/diaz_vm2.jpg)
เมื่อครั้งยังหวานกับ Matt Dillon
ซึ่งเธอเล่นประกบใน 'There's Something About Mary ในปี 1998
หลังจากนั้นเธอก็ควงกับนักแสดงหนุ่ม Jared Leto และกับ Justin Timberlake.
ในช่วงหลังนี้ Cameron Diaz มีรายได้จากการแสดงภาพยนตร์
เรื่องละประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือประมาณเรื่องละ 800 ล้านบาท เท่านั้นเองจ้า.....


(http://img.timeinc.net/people/i/2004/04/news/041122/cdiaz.jpg)
กับนักร้องหนุ่ม Justin Timberlake.


(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/t0114.jpg)(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/tsam-prem03.jpg)(http://www.meetingmall.com/activity/today/scoop/cameron/images/t0505.jpg)



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: bobo ที่ 03-05-2006, 23:40
เผลอเว้นวรรค  คุณนายท้ายเรือ  อ่านเว้นวรรคนี่เปลี่ยนเพศไปเลย



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 04-05-2006, 07:56
เผลอเว้นวรรค  คุณนายท้ายเรือ  อ่านเว้นวรรคนี่เปลี่ยนเพศไปเลย



คุณ คนจรฯ ครับ เรียกผม นายท้ายเรือ เฉยๆ ก็ได้ครับ  ไม่ต้องใส่ " คุณ "

..
เพื่อนผองน้องพี่.. เรียกผม ไม่ต้องใส่ " คุณ " นำหน้าก็ได้นะครับ
รับทราบแล้วเปลี่ยนด้วยครับ....ผมไม่ถือสา..
 :lol: :lol:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 04-05-2006, 09:50



นั่นสิคะ คุณพี่ท้ายเรือ   :D

ถ้าใส่คำว่า "คุณ ต่อด้วย นายท้ายเรือ"

ก็จะทำให้ดูเหมือน คุณนาย เมียผู้ว่า เมียนายอำเภอ ที่ชื่อว่า ท้ายเรือ

ว้า.. เก็ดถวาว่า เพื่อป้องกันไม่ให้พี่ท้ายเรือกลายเป็นภรรยาผู้ว่า หรือภรรยานายอำเภอ

พี่ท้ายเรือไปเอาคำว่านายออกด้วยดีไหมคะ   :lol:   :lol:   :lol:





หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 04-05-2006, 10:00
ตอบคุณน้อง gedtawa
คำว่า นายท้ายเรือ กับ ท้ายเรือ
มีความหมายต่างกันมากครับ ..
นายท้ายเรือ คือ คนขับเรือ ครับ คนถือพวงมาลัยเรือ คอยบังคับให้เรือ
วิ่งไปในทิศทางที่ต้องการ ซึ่งอาจจะนั่งอยู่ตรงส่วนไหนของเรือก็ได้
เรือบางลำ นายท้ายเรือ นั่งอยู่ด้านหน้า ( หัวเรือ ) ก็ได้ครับ แต่เรียกว่า
นายท้ายเรือ
ส่วน ท้ายเรือ เป็นเพียงบริเวณพื้นที่ส่วนหนึ่งของเรือ ที่อยู่ด้านท้าย ครับ
..
ดังนั้น นายท้ายเรือ จึง ไม่ยอมเปลี่ยนเป็น ท้ายเรือ  นะครับ........
แต่ให้เรียกโดยไม่ต้องใส่ คุณ ครับ...


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 04-05-2006, 10:21


เหตุผลดีเยี่ยมและฟังขึ้นค่ะพี่นายท้ายเรือ

เก็ดถวาจะเรียกพี่นายท้ายเรือ แทนพี่ท้ายเรืออย่างที่เคยเรียกนะคะ

เพราะดูแล้ว อาจกลายเป็นคนละคนกันได้   :lol:








หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 04-05-2006, 10:30
อิอิอิ...ขอบคุณที่เข้าใจนายท้ายเรือ ครับ
ขอต่ออีกนิด คือ นายหัวเรือ..
นายหัวเรือ หรือ ไต้ก๋ง เป็นหัวหน้าลูกเรือทั้งหมด อาจจะเป็นคน
ถือท้ายเรือด้วยก็ได้ แต่ถ้าเรือใหญ่ๆ ก็จะให้คนอื่นเป็น นายท้ายเรือ
นายหัว.....ภาษาปักษ์ใต้ ใช้เรียกหัวหน้า ..เช่น  นายหัวชวน
หมายถึงเป็นผู้นำกลุ่ม ครับ
......อิอิอิ...เขียนจากความรู้สึกครับ...ไม่ได้ค้นคว้าอะไร
ผิดพลาดไปขออภัยด้วยนะครับ......


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 500 ที่ 04-05-2006, 13:23
เอามาฝากนายท้ายเรือ   8)




(http://www.freephotopost.com/uploads/3c69a89857.jpg)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 04-05-2006, 13:34
ขอบคุณ คุณ 500   อิอิอิ...วาดมาเองหรือเปล่าละเนี่ย สวยมากครับ
อ้อ....ใครยังไม่เคยขับเรือบ้าง....เรือที่ผมขับนั้น มีเกียร์ 3 เกียร์เท่านั้นครับ
คือ ไปหน้า ว่าง และ เกียร์ถอยหลัง  ครับ ส่วนเรือใหญ่ๆ ผมไม่รู้ อิอิอิ
จากรูป ที่คุณ 500 ส่งมาให้นั้น ด้านซ้ายมือ น่าจะเป็น คันเร่ง ครับ
คันเร่งของเรือ ไม่เหมือนรถ มีการล็อคไว้ได้ เพราะ บางที วิ่งเป็นชั่วโมง โดย
ไม่ต้องเปลี่ยนความเร็วรอบเครื่อง ต่างกับรถหลายอย่าง...

( อ้อ.. ขออภัยป้าเสลาด้วยนะครับ...รู้สึกว่า กระทู้นี้ผมบรรเลงมากไปแล้ว อิอิอิ )


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: 500 ที่ 04-05-2006, 13:41
เอารูปมาทำ photoshop ให้เข้าบรรยากาศ .... :lol:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: โขงหลง ที่ 05-05-2006, 00:21

แอบดูอยู่  ทนสงสัยไม่ไหว...ตือคาโค...คืออิหยังน๊อออออ????



คุณโขงหลงคะ คุณป้าเสลาไปตามมาตอบคำถามค่ะ

ขอตอบเท่าที่ประสบการณ์ของเก็ดถวาเคยทานมานะคะ ไม่แน่ใจว่าถูกต้องไหม..

ตือคาโค เป็นของว่างประเภทหนึ่งค่ะ (หวังว่าคงไม่มีใครทานเป็นของจริงนะคะ)

เป็นเผือกที่หั่นชิ้นเล็กๆ เป็นเส้นๆ ผสมกับแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า และกะทิค่ะ

เมื่อนำส่วนผสมดังกล่าวข้างต้นไปทอดแล้ว ก็จะนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำค่ะ

รับประทานร่วมกับ เต้าหู้ทอด และมีน้ำจิ้มด้วยนะคะ

ส่วนประกอบของน้ำจิ้ม มีน้ำมะขามเปียก น้ำตาลทราย เกลือเล็กน้อย น้ำ

ที่นำมาเคี่ยวรวมกันจนเหนียว เวลาจะรับประทานก็เอาน้ำจิ้มผสมกับพริกขี้หนูตำ

แล้วก็ใส่ถั่วลิสงคั่วที่ป่นพอสมควร เติมผักชีไปหน่อยก็สวยและหอมนะคะ

ว้า.. อยากกินจังเลยค่ะ





ขอบคุณครับคุณป้าเฉลา  ขอบคุณครับคุณเก็ดถวา สำหรับความกรุณาและความกระจ่างแจ้ง


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Soft Heart True love! ที่ 05-05-2006, 12:46
กระทู้ทำนายเอกลักษณ์จากนามแฝง น่าสนใจมากครับ

บางทีอาจจะบอกความในใจของเจ้าของชื่อได้!!

คุณป้าเสลาทำนายทายทักประกอบความรู้ทางประวัติศาสตร์ สนุกมาก โหวตให้เลยครับ...

 :D :D :D


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 06-05-2006, 13:49
555 ไม่ได้เข้ามาสองสามวัน โดนป้าจับวิเคราะห์ซะแล้ว
ดีใจจังที่ชื่อเราก็กลายเป็นเกร็ดความรู้ให้เพื่อนๆได้แฮะ

แต่ระวังอย่าดื่มโคล่ามากนะครับ
เคยฟังนักโภชนาการบอกว่าของพวกนี้(น้ำอัดลม)ขวดเดียว มีน้ำตาลเยอะมากๆ

อิอิ แต่ชื่อผมตั้งใจจะตั้งให้ไม่มีความหมายน่ะครับ
คล้ายๆ ชื่อเพลง Radio GaGa ของวงควีน
พอไปถามคนแต่งว่า GaGa หมายถึงอะไร

เค้าตอบว่า พอดีได้ยินลูกของเค้ากะลังหัดพูด ก้าก้าก้า เค้าก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อเพลง ..ซะงั้น  :lol:






หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 07-05-2006, 11:32
วันนี้ถึงคิวของสมาชิก ผู้ใช้ชื่อว่า Shane

Shane ชื่อที่เป็นความหมายของการกลับมา
"Shane comeback"

ถ้าท่านเกิดทัน ..อิ.อิ.. ท่านต้องคุ้นกับประโยคนี้

Shane..comeback..Shane.....

เพราะ Shane เป็นชื่อพระเอกหนังคาวบอยคลาสสิคยอดฮิทชื่อ Shane
ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัย 1953
คือประมาณ ปี พศ 2496 แต่ก็มีการสร้างใหม่ และออกฉายทางทีวีเป็นตอนๆด้วย

(http://www.campredwood.com/wrightoliver/assets/shane.jpg)

ในยุคแรกพระเอก คือ Shane จะรับบทโดย Alan Ladd
และผู้ร้ายแสดงโดย Jack Palance
(http://www.poster.net/ladd-alan/ladd-alan-photo-alan-ladd-6232034.jpg)

(http://www.poster.net/ladd-alan/ladd-alan-photo-xxl-alan-ladd-6229723.jpg)


ในยุคที่สร้างเพื่ออกฉายทางทีวี รับบทโดย David carradine(เดวิด คาราดีน)
ซึ่งเป็นที่รุ้จักกันดีเมื่อมารับบทนำในภาพยนต์ เรื่อง Kung Fu
(http://www.nanarland.com/acteurs/davidcarradine/davidcarradine02.jpg)

จะว่าไปแล้วป้าเสลาชอบ Shane ที่แสดงโดยเดวิด คาราดีนมากกว่า อแลน แลดด้วยซ้ำ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เนื้อเรื่องกล่าวถึงคาวบอยมือปืนรับจ้างพเนจรไปหาที่ปักหลัก
และได้ไปอาศัยกับครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกชายวัยเด็กเกือบจะโตเป็นวัยรุ่น

(http://www.modaentertainment.com/shane/images/filmpic.jpg)


เด็กคนนี้ผูกพัน ศรัทธาในความเก่งของ Shane มาก

แต่ก็มีอันต้องจากกันเนื่องจากปัญหาของนักเลงเจ้าถิ่น
ความขัดแย้งแย่งชิงผลประโยชน์ การทำปศุสัตว์


ตอนจบ Shane ขี่ม้าจากไปในยามใกล้พลบ
โดยมีเด็กตะโกนตามหลัง เสียงก้องหุบเขา ...ว่า

"Shane..come back ..Shane..."

พร้อมด้วยเพลงที่ประทับใจป้าเสลาและอีกหลายๆคนมาจนถึงทุกวันนี้
คือเพลง The call of the far away hills

(เสียดายที่หาลิงค์มาให้ฟังเพลงจริงไม่ได้
ป้าเสลาเคยมีไฟล์เพลงนี้  แต่ลบทิ้งไปด้วยความจำเป็น
ท่านใดมีเอามาฝากป้าด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง
ให้ชมเนื้อเพลงและภาพประกอบไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน)

ในที่สุดก็หาลิงค์มาให้ฟังเพลงที่ว่านี้จนได้
ด้วยความพยายามอย่างแรงกล้าเสาะหาจนสำเร็จโดยหนูเก็จถวา
ต้องขอบคุณหนูเก็จถวาอย่างมหาศาล...


เชิญคลิคฟังได้เลยค่ะ
เป็นเพลงแบ็คกราวนด์ในภาพยนตร์เรื่องนี้
ท่านที่เคยได้รับชมมาตั้งแต่ครั้งกระโน้น
ได้ฟังแล้วคงจะมีความสุขเหมือนย้อนเวลาได้

http://www.geocities.com/spirit15th/Themes_Shane.mp3 (http://www.geocities.com/spirit15th/Themes_Shane.mp3)

"The Call of The Faraway Hills"
Music: Victor Young
Lyrics: Mack David


Shadows fall on the prairie
Day is done and the sun is slowly
Fading out of sight
I can hear oh so clear
A call that echoes in the night
Yes, I hear sweet and clear
The call of the faraway hills

เย็นย่ำทุ่งเปลี่ยวเปล่า....................เงาทอดยาวสะท้อนใจ
ตะวันค่อยลับไป...........................สิ้นอีกคราทิวาวาร
สดับสำเนียงดัง.............................กังวานก้องรัตติกาล
เพรียกแจ้วแว่วแผ่วหวาน...........จากขุนเขาลำเนาไกล

There's no rest on the prairie
There's no rest for a restless soul
That just was born to roam
Who can say may be way out there
My heart may find a home
And I hear sweet and clear
The call of the faraway hills

อกเอ๋ยกลางทุ่งนี้..........................สิ้นไร้ที่พักกายใจ
มิมีที่แห่งใด..................................เป็นถิ่นฐานวิญญาณจร
ใจเอ๋ยใครบอกได้.........................ณ แห่งไหนเจ้าพักผ่อน
เสียงเพรียกหาอาวรณ์................จากขุนเขาลำเนาไกล

There are trails I've never seen
And my dreams are getting lean
And beyond the sunset
There are brand new thrills
When a new dream or two
May be just one step away
I must obey the call of the faraway hills

เส้นทางอีกมากนัก.....................ไม่รู้จักมิเคยไป
ฝันช่วงดังดวงไฟ........................เริ่มมอดดับอับเฉาครัน
ไกลโพ้นสุดขอบฟ้า....................ที่ลับลาแห่งตะวัน
อาจมีที่ใหม่นั้น............................เติมฝันสุขสนุกนาน
ฝันนั้นอาจไม่ห่าง.......................ชั่วก้าวย่างก็พบพาน
ดุจต้องมนตร์เรียกขาน...............แห่งขุนเขาลำเนาไกล
(Shane, come back shane.......)


(คำบรรยายได้มา โดยไม่ทราบนามผู้แต่งต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)

(http://www.metrotimes.com/sb/64818/CinShaneAlanLadd.jpg)

(http://www.homevideos.com/freezeframes1203/shane189.jpeg)

(http://www.savannahnow.com/diversions/images/010402/full_shane.jpg)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 07-05-2006, 12:42



โอ้.... "Shane..come back ..Shane..."

คุณป้าจะให้เก็ดถวาทายอายุ พี่ "Shane" เท่าไรนะคะนี่



 :D



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ทิมมี่ ที่ 07-05-2006, 13:03
ตามมาอ่านข้อเขียนป้าครับ

ส่วนชื่อผม ขอเล่าสู่กันฟัง ในกระทู้ป้านี้ครับ   พอดีหลายชาย อายุ 6 ขวบ มาจากลอนดอน  มาพักที่เมืองไทยเป็นเดือน

ซนมาก  อยากชกมวยไทย ผมซื้อกระสอบทรายเด็ก และ นวมให้ ขยันชกทุกวันจริงๆ

พูดไทยกับฝรั่ง สลับไปมาได้เก่งมาก

ผมเลยขอยืมชื่อมาใช้  ส่วนคำนำหน้า  บางชื่อใช้ลุงบ้าง ป้าบ้าง  ผมเลยหลบมาใช้น้อง ก็ผมยังวัยรุ่นจริงๆนี่ครับ


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายชด(หนุ่ม) ที่ 07-05-2006, 16:00
แวะมาอ่านและขอบคุณ คุณป้า เสลา ที่ให้เกียรติ อย่างมากๆ  เอ่ยถึง  shane ครับ



หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Prometheus, The Titan ที่ 07-05-2006, 21:09
เนื่องจากป้าเสลา ขอมาในกระทู้ของผม

ขออนุญาติเล่านิทาน(แบบรวบรัด) ให้ฟังเรื่องนึงครับ

นานมาแล้ว โลกนี้ดูสวยงาม มีต้นไม้สิงสาราสัตว์ แต่ไม่ยักจะมีมนุษย์ จะมีก็แต่บรรดาเทพเจ้า
"ไททันส์"เผ่าพันธุ์ ที่พ่ายแพ้ศึกต่อจอมเทพ หลายองค์ถูกจับโยนลง ทาทะรัส(ก็นรกขุมลึกที่สุดน่ะแหละ)
สำหรับไททันส์ บางองค์ที่ยอมสวามิพักต์ ก็ได้อยู่ ณ โอลิมปัส คอยรับใช้เหล่าทวยเทพ
เรื่องราวในแต่ละวันคงจะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ถ้าไททันส์องค์หนึ่ง ไม่คิดอุตริ สร้างสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายทวยเทพขึ้นมา
"เอาเหอะ อยากทำอะไรก็ทำ ช่างแมร่งเต๊อะ" จอมเทพคิด
ไม่เพียงแต่สร้างสิ่งมีชีวิตนามมนุษย์(Martal)ขึ้นมา ไททันส์องค์นั้น ได้ขอยืมแรงบุตรีของจอมเทพ มอบความรู้ และวิทยาการต่างๆ ให้มนุษย์
"เมิง สร้างไอ้พวกตัวจ้อยนี่ขึ้นมา ก็ควรจะสอนให้พวกมันรู้ด้วยว่า คนที่พวกมันควรยำเกรงคือใคร" จอมเทพกล่าว
การสอนให้มนุษย์รู้จักบูชาทวยเทพจึงได้เริ่มขึ้น
ไททันส์ องค์นั้น ท่านคิดอะไรก็ไม่ทราบ ถึงคราวบูชาเทพ ได้แบ่งเนื้อเป็นสองกอง
กองหนึ่ง เป็นกระดูกปกปิดด้วยมัน จึงแลดูน่าทาน อีกกองคือเนื้อปกปิดด้วยเครื่องใน จึงแลดูน่าสะอิดสะเอียน พร้อมกับบอกให้จอมเทพเลือกไปซักกอง เป็นของกำนัลจากมวลมนุษย์
จะด้วยแกล้งทำป็นไม่รู้หรือไม่รู้จริงๆ จอมเทพได้กองกระดูกไปเสวย ส่วนมนุษย์ ได้เนื้อเก็บไว้กินกันอย่างชื่นมื่น
จอมเทพทรงกริ้วจนหนวดกระดิก สั่งลงโทษมนุษย์ โดยการริบแสงสว่างและไฟไปจากโลกนี้
เอาหล่ะสิ ทีนี้ มืดก็มืด แถมยังต้องกินเนื้อดิบๆอีก ไททันส์ไม่รอช้าที่จะทำอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ให้มนุษย์ต้องทนทุกข์นานเกินไป
จึงตรงดิ่งไปวิมานโอลิมปัส จึงได้เจอกับคบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ สว่างโร่ตั้งตระหง่านอยู่
จิ๊กมันมาทันใด ไททันส์รีบกลับมายังโลกมนุษย์พร้อมคบเพลิงในมือ บุตรีมหาเทพที่เห็นอยู่ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น ก็ด้วยเนื่องป็นพระสหาย
มนุษย์ล้วนยินดีปรีดากับแสงสว่างที่หวนกลับมา และไฟอันอบอุ่น
แต่อนิจจัง สว่างโร่ซะขนาดนั้น มีเหรอจอมเทพจะไม่รู้
"โพรมีธีอุส!!"จอมเทพตวาด"ที่กรูทำเป็นให้อภัยเมิงไปคราวที่แล้ว เมิงไม่ได้สำนึกอะไรเลยใช่มั้ย!!"
ฉับพลัน โซ่อันมหึมาลากไททันส์ไปจนถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง แล้วตรึงพระองค์อยู่ที่นั่น
ยังไม่พอ จอมเทพทรงนิมิตอีแร้งไซ้ส์ XL มาหาไททันส์ พร้อมกับจิกทะลวงร่างไททันส์ไปยังตำแหน่งของตับ แล้วคาบออกมาโซ้ยอย่างโอชะ
ตกค่ำยามทิวา ตับนั้นไซร้ งอกมาใหม่ รอวันพรุ่ง ได้เข้าไปอยู่ในปากอีแร้งอีกรอบ วนเวียนเช่นนี้ทุกวัน
ถึงกระนั้นไททันส์ผู้ทรนง ไม่คิดแม้แต่จะอ้อนวอนขอความเมตตาจากจอมเทพ ยังคงกัดฟันยืนหยัดต่อสู้กับชะตากรรมของตน ด้วยมั่นใจว่า สิ่งที่ตนเองทำไปนั้นถูกต้องแล้ว และไม่มีวันจะคิดเสียใจย้อนหลัง

สืบเนื่องจากนิทานเรื่องนี้ ยังมีเรื่องราวต่อไปอีกมากครับ แต่เรื่องที่ล้วงลึกไปมากกว่านี้ผมขออนุญาตไม่กล่าวต่อ เพราะแค่นี้ก็เยอะพอแล้ว ไว้ใครอยากรู้อะไรถามมาได้ทีหลังครับ ตอนนี้ขอตัวก่อน (พิมพ์จนเหนื่อยครับ)

(http://img461.imageshack.us/img461/668/prometeus17ve.jpg) (http://imageshack.us)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 07-05-2006, 23:34

ขอบคุณมาก Titan
น่าจะมีภาพประกอบด้วยนะ :)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: บุรุษไร้นาม ที่ 08-05-2006, 00:13
เสียดาย เพิ่งจะได้เข้ามา

สวัสดีครับ คุณนาย ท้ายเรือ อิอิ  :mozilla_cool: :mozilla_tongue:

กำลังรอฟัง ประวัติ บุรุษไร้นาม อยู่ครับ  :mozilla_laughing: :mozilla_wink:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 08-05-2006, 01:40
สวัสดีน้องทิมมี่
น่าจะโชว์รูปเจ้าของชื่อเสียหน่อยนะ
คงจะน่ารักมากๆ

คุณ Shane มีลิงค์ให้ฟังเพลง soundtrack ในหนังให้ฟังแล้วนะ


*******************
ตามคำของคุณ"บุรุษไร้นาม"

กำลังรอฟัง ประวัติ บุรุษไร้นาม อยู่ครับ

*******************


บุรุษไร้นาม

ชื่อนี้ป้าเสลานึกถึง "ไร้นาม
ตัวเอก จากภาพยนต์จีนเรื่อง Hero
ที่ กำกับภาพยนตร์โดย จาง อี้โหม่ว

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_00.jpg)

โดยมีนักแสดงโด่งดังที่มีพรสวรรค์ทางศิลปะการต่อสู้แบบเอเชีย 
เช่น เจ็ต ลี หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย มารับบท ไร้นาม
นายอำเภอผู้ทำตัวน่าสงสัย ซึ่งได้เข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งฉิน

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_02.jpg)
เจ็ตลี

และดาราดังของฮ่องกง โทนี่เหลียงเฉาเหว่ย รับบทมือสังหาร ดาบหัก

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_04.jpg)
 โทนี่เหลียงเฉาเหว่ย

แม็กกี้ จางม่านอี้ ด้วยการรับบทมือสังหาร หิมะเหิน 

ดาราดาวรุ่ง และนักแสดงผู้ช่ำชองศิลปะการต่อสู้แบบเอเชียอย่าง ดอนนี่ เหยิน 
รับบท เวหา มือสังหารคนที่สาม

ส่วน จางซิยี่ มารับบท มูน สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ของดาบหัก

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_06.jpg)
 จางซิยี่

ในขณะที่มือเก่าอย่าง เฉินดาวหมิง (The Last Emperor) รับบทกษัตริย์แห่งฉินผู้ทรงอำนาจ
(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_01.jpg)


เนื้อเรื่องกล่าวถึงในยุคสงครามระหว่างรัฐ (ปี 475 - 221 ก่อนคริสตกาล)
ประเทศจีนได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 อาณาเขต : ฉิน, เฉ่า, ฮั่น, เว่ย, หยาน, ชู และฉี
เป็นเวลาหลายปีที่แคว้นต่างๆ ได้ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อแก่งแย่งอำนาจ
ยังผลให้ประชาชนจำนวนมาก ต้องล้มตายและทนทุกข์ทรมาณ นานนับทศวรรษ

ในบรรดาแคว้นทั้งเจ็ด รัฐฉินนั้นแข็งแกร่งที่สุด
กษัตริย์แห่งฉิน (เฉินดาวหมิง) ปรารถนาอย่างแรงกล้า
ที่จะครอบครองจีนทั้งแผ่นดิน เพื่อขึ้นครองเป็นจักรพรรดิแห่งจีนพระองค์แรก
พระองค์จึงตกเป็นเป้าสังหารของอีกทั้งหกแคว้น
ในบรรดามือสังหารทั้งหลาย จะหาผู้ใดที่น่าสะพรึงกลัว
เท่ากับสามจอมยุทธ ดาบหัก, หิมะเหิน และ เวหา นั้นมิมี

ผู้ใดก็ตามที่สามารถเอาชนะยอดฝีมือทั้งสามได้
กษัตริย์แห่งฉินจักพระราชทานยศศักดิ์, ทรัพย์สินเงินทองกองเท่าภูเขา
และได้รับสิทธิพิเศษ ในการเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์

แต่การเอาชนะจอมยุทธนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากยิ่ง
กว่าสิบปีที่มิมีผู้ใดมีความสามารถพอ ที่จะได้เป็นเจ้าของรางวัล
ดังนั้นเมื่อ ไร้นาม (เจ็ต ลี) นายอำเภอผู้มีทีท่าน่าสงสัย
มาขอเข้าเฝ้าพร้อมหลักฐาน ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของมือสังหารทั้งสาม
กษัตริย์จึงแทบคอยไม่ไหว ที่จะได้ฟังเรื่องจากปากเขา
ขณะที่นั่งอยู่ในท้องพระโรง ห่างจากพระองค์เพียงสิบก้าว
ไร้นามจึงแถลงไข ถึงเรื่องราวอันโลดโผนของเขา...

เป็นระยะเวลาสิบปี ที่ไร้นามได้ศึกษาเพลงดาบ
และหนทางท้าประลองกับมือสังหารทั้งสาม
ด้วยความลับแห่งวิชาเพลงกระบี่ของเขา
ไร้นามได้มีชัยชนะเหนือ เวหา (ดอนนี่ เหยิน) ด้วยการต่อสู้อันดุเดือด
 
และหลังจากที่ได้ลิ้มรสหวานของชัยชนะครั้งแรก
เขาจึงได้ทำลายคู่หูพิฆาต หิมะเหิน (จางม่านอี้) และ ดาบหัก (เหลียงเฉาเหว่ย)
และครานี้ด้วยอาวุธอันร้ายกาจ ยิ่งไปเสียกว่ากระบี่ของเขา 
โดยให้ต่างฝ่ายพิฆาตกันเอง ด้วยมิตรภาพที่แนบแน่น เกินกว่าธรรมดาของทั้งสอง

กษัตริย์ทรงครุ่นคิดถึงรายละเอียดทุกขั้นตอน
และทรงมีเรื่องเล่าที่แตกต่างออกไปว่า
เหตุใด ไร้นามจึงได้มานั่งอยู่ ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์!

เรื่องเล่าที่ขัดแย้งกันของ ๒ คนนี้
ผู้กำกับเน้นให้เกิดบรรยากาศตัดกันโดยใช้สีแดงและสีน้ำเงิน
เรื่องเล่าของจิ๋นซีนั้น ทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงความรักอันแนบแน่น
ระหว่าง "ดาบหัก" กับ "หิมะเหิร"
โดยฝ่ายหลังยอมตายเพื่อให้ชายคนรักมีชีวิตอยู่
และหวังว่าความตายของตนจะเป็นคุณแก่บ้านเมืองด้วย
ซึ่งตรงข้ามกับเรื่องเล่าของ "ไร้นาม"
ที่มีสีสรรร้อนแรงเพราะพิษแห่งความแค้นและการนอกใจระหว่างมือกระบี่คู่นี้

          แต่กว่าจิ๋นซีจะรู้ว่า "ไร้นาม"กับมือกระบี่(และทวน)ทั้งหมดที่พูดมา
สมคบกันเพื่อจะมาฆ่าเขา "ไร้นาม"ก็มาอยู่ต่อหน้าจิ๋นซี ห่างแค่ ๑๐ ก้าวเท่านั้น
ชีวิตของจิ๋นซีตกอยู่ในกำมือของ "ไร้นาม"
ซึ่งมีเพลงกระบี่เป็นยอดเหนือคนทั้งหมดที่พูดมา
แต่บทสนทนายามหน้าสิ่วหน้าขวานต่อจากนั้น ได้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

          เช่นเดียวกับหนังบู๊ทั้งหลาย ก่อนจะลงดาบสังหารกัน
ตัวละครก็จะต้องเปิดเผยความจริง รวมทั้งที่มาที่ไปทั้งหลาย
Hero ก็เช่นกัน "ไร้นาม" ได้เปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว
"ดาบหัก" พยายามห้ามเขาไม่ให้มาสังหารจิ๋นซี
จิ๋นซีสะดุดใจขึ้นมาทันที เพราะครั้งหนึ่งเคยประกระบี่กับ"ดาบหัก"
ที่ท้องพระโรงเดียวกันนั้นเอง และน่าจะตายตั้งแต่ครั้งนั้น
หากมิใช่เพราะ"ดาบหัก" จงใจเว้นชีวิตไว้
เหตุผลที่ "ดาบหัก" ไม่ต้องการฆ่าจิ๋นซีก็เพราะเชื่อว่า
จิ๋นซีเท่านั้นจะนำสันติภาพมาสู่ประชาชนทุกแว่นแคว้นได้
ตราบใดที่ยังมีรัฐเล็กรัฐน้อยอยู่ ก็ยังจะต้องมีสงครามเรื่อยไป
แผ่นดินที่เป็นเอกภาพภายใต้การปกครองเดียวกันเท่านั้นที่จะเกิดสันติสุข

          จุดเปลี่ยนของภาพยนตร์เรื่องนี้ และถือเป็นหัวใจของเรื่องทั้งหมดอยู่ที่
อักษร ๒ คำ ที่ "ดาบหัก" เขียนขึ้น คำแรก คือ "ใต้ฟ้า"
ซึ่งหมายความได้ทั้ง "ใต้บรมเดชานุภาพของจักรพรรดิ" หรือแปลว่า "โลก"

คำนี้ "ดาบหัก" เขียนให้ "ไร้นาม" ก่อนจะเข้าเฝ้าจิ๋นซี
ทั้งนี้เพื่อขอร้องไม่ให้ "ไร้นาม" เข้าไปสังหารจักรพรรดิ
ในด้านหนึ่ง "ดาบหัก" ต้องการให้ "ไร้นาม"
คิดถึงโลกหรือส่วนรวม มากกว่าความแค้นส่วนตัว
"ความทุกข์ของคน ๆ หนึ่งเทียบไม่ได้กับความทุกข์ของคนทั้งโลก
อันเนื่องจากการทำสงครามกันไม่เลิก" เขากล่าว

อีกด้านหนึ่งเขาต้องการเตือนให้ "ไร้นาม" คำนึงถึงสันติภาพ
อันจะเกิดขึ้นได้ก็จากเอกภาพ "ภายใต้บรมเดชานุภาพของจักรพรรดิ"
แทนที่จะจดจ่ออยู่กับความแค้นส่วนตัว
          แต่เหตุผลของ "กระบี่หัก"ไม่สามารถโน้มน้าวใจ "ไร้นาม"ได้
ความแค้นของเขาอันเนื่องจากพ่อแม่ถูกทหารจิ๋นซีฆ่านั้น อัดแน่นอยู่ในอก
แต่เมื่อเขามาอยู่หน้าจิ๋นซีแค่ ๑๐ ก้าว เขาเริ่มลังเลและเปลี่ยนใจในที่สุด
สิ่งที่เปลี่ยนใจเขาในยามหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นก็คือ
คำอีกคำหนึ่งของ "ดาบหัก" ที่เขียนให้เขาในแผ่นผ้าผืนใหญ่
ซึ่งบัดนี้ขึงอยู่หลังบัลลังก์จิ๋นซี คำ ๆ นี้คือ "กระบี่"

ก่อนหน้านี้เขาพยายามพิจารณาเคล็ดลับเพลงกระบี่ของ "ดาบหัก"
แต่มองเท่าไรก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อจิ๋นซีพิจารณาคำ ๆ นี้ เขาก็พบคำตอบ

          จิ๋นซีเฉลยว่าในคำที่ "ดาบหัก"เขียนนั้น
แฝงความหมายของศิลปะเพลงกระบี่อยู่ ๓ ระดับ

ระดับแรกคือ กระบี่เป็นหนึ่งเดียวกับตัว ผู้ที่บรรลุเพลงกระบี่ระดับนี้
แม้แต่ใบหญ้าก็เป็นกระบี่ฆ่าคนได้

ระดับที่ ๒ กระบี่อยู่ที่ใจ ผู้ที่บรรลุเพลงกระบี่ระดับนี้ แม้มือเปล่าก็ฆ่าคนได้

ส่วนระดับที่ ๓ ซึ่งเป็นสุดยอดของเพลงกระบี่ คือ กระบี่ไม่ได้อยู่ทั้งในมือและในใจ
คนที่บรรลุถึงระดับนี้ ไม่ฆ่าใครอีกแล้ว ในใจเขามีแต่สันติสุข

          จะเรียกว่า "ไร้นาม" บรรลุธรรมในตอนนี้ก็ได้
คนที่นึกว่าตนเป็นสุดยอดเพลงกระบี่แล้ว
บัดนี้รู้ว่ายังมีอีกขั้นหนึ่งที่สูงส่งกว่า
ฉับพลันที่จิ๋นซีค้นพบความหมายในคำ ๆ นี้
"ไร้นาม"ก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้เขาพอจะเข้าใจว่าเอกภาพของจีนภายใต้จิ๋นซี
มีความหมายต่อสันติภาพในแผ่นดิน(หรือของโลก)อย่างไรบ้าง
แต่นั่นไม่ทำให้เขาคลายความตั้งใจที่จะแก้แค้นจิ๋นซี
แต่เมื่อเขาเข้าใจถึงอุดมคติสุดยอดของเพลงกระบี่
เขาก็ปลดเปลื้องความแค้นในใจได้สำเร็จ เลิกคิดสังหารจิ๋นซี
และวางดาบ ยุติการฆ่าใครอีก
แม้นั่นจะหมายถึงความตายของเขาด้วยน้ำมือของทหารจิ๋นซีนับพัน ๆ ก็ตาม

          ภาพยนตร์เรื่องนี้สารัตถะของเรื่องมิได้อยู่ที่การฆ่า แต่อยู่ที่การหยุดฆ่า
ซึ่งก็คือสันติภาพนั้นเอง สันติภาพในเรื่องนี้มี ๒ ระดับ
ระดับแรกคือสันติภาพที่เกิดจากการไม่มีสงครามรบพุ่งระหว่างรัฐต่าง ๆ
แต่สันติภาพระดับนี้ยังหาเพียงพอไม่
ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการชี้ว่า ยังต้องมีสันติภาพอีกระดับหนึ่ง
คือสันติภาพภายในใจ แม้มือไม่จับกระบี่ แต่ถ้าในใจยังมีกระบี่ ก็ยังไม่ปลอดภัย
ต่อเมื่อใจไร้กระบี่ ปราศจากความพยาบาทคับแค้น
สันติภาพจึงจะมีหลักประกันอย่างแท้จริง

          สันติภาพภายในเป็นสิ่งสำคัญ ภาพยนตร์เรื่องนี้ชี้ว่า
"ไร้นาม" ยอมจำนนต่อเหตุผลของ "ดาบหัก"
ในเรื่องสันติภาพจากนโยบายรวมรัฐของจิ๋นซี
แต่นั่นเป็นเรื่องของความคิด หากแต่ใจของเขายังไม่ยอมรับ เพราะยังมีความคับแค้นอยู่
ต่อเมื่อใจสลัดกระบี่ออกไปได้ เขาก็ยอมไว้ชีวิตจิ๋นซี เพื่อเห็นแก่สันติภาพโลก

          นี้คือความงดงามแห่งอุดมคติที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการสื่อ
เป็นอุดมคติที่มีทั้ง ๒ มิติคือสันติภาพในโลก และสันติภาพในใจ
สันติภาพอย่างแรกเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดสันติภาพอย่างหลัง
ภาพยนตร์เรื่องนี้หากมีสาระเพียงเท่านี้ ก็สมควรได้รับความชื่นชม



HERO ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 75
และรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม
ในฐานะตัวแทนจากประเทศจีน

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_05.jpg) (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_09.jpg)

(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_10.jpg) (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/hero/hero_13.jpg)


(ข้อมูลและภาพ จาก ข้อเขียนของ รินใจ http://www.budpage.com/bm19.shtml
และจากบทความแนะนำภาพยนตร์ของพันทิป)
เสียดาย เพิ่งจะได้เข้ามา

สวัสดีครับ คุณนาย ท้ายเรือ อิอิ  :mozilla_cool: :mozilla_tongue:

กำลังรอฟัง ประวัติ บุรุษไร้นาม อยู่ครับ  :mozilla_laughing: :mozilla_wink:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 08-05-2006, 08:19
เข้ามาอ่านต่อ.. :mozilla_smile: :mozilla_smile:  แล้วขอแซวหน่อย  :lol: :lol:

Shane..comeback..Shane..... :mozilla_cool: ผมอยากเห็นตัวจริงซะแล้ว
ได้ข่าวว่าหล่อไม่เบา แค่เสียงก็ทำให้สาวๆ หลงแล้ว  :mozilla_wink:

ขอบคุณ คุณ Prometheus, The Titan ที่นำเรื่องตำนานเล่าขานมาเล่าสู่กันฟัง

ส่วน ที่ป้าเสลาเอา Hero มาลง นั้นถูกใจผมอีกแล้ว  แต่ไม่รู้ โดนใจท่านบุรุษไร้นาม หรือเปล่า
ผมดูหนังเรื่องนี้แล้ว ยัง งง นิดๆ มันคล้ายๆ กับ การยอมเสียสละชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ที่ลึกซึ้งเกินกว่า
ที่คนทั่วไปจะเข้าใจ ..
ขอร่วมแซว นามแฝง บุรุษไร้นาม สักกะหน่อย
ตอนที่ผมอ่านการ์ตูนญีปุ่น สมัยโน้นนน...มีเรื่องหน้ากากเสือ หรือ หนังในปัจจุบัน เช่น
ซุปเปอร์แมน สไปเดอร์แมน หรือ นินจา ....เป็นลักษณะของ ผู้ทำดีแต่ไม่แสดงตัว
เหมือนปิดทองหลังพระ  ...แล้ว มีความสุขใจเมื่อได้ทำดี เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของเขา
...
อ้อ..ยังมีอีกเรื่อง เกี่ยวกับหนังบู้ลิ้ม ที่ผมชอบสะสม DVD  ซึ่งมีอยู่หลายเรื่อง
เมื่อคนดีมีคุณธรรม เข้าช่วยเหลือคนอื่น แล้วผู้ได้รับความช่วยเหลือนั้น ขอบคุณและ
อยากจะจดจำชื่อไว้..แต่ เขากลับไม่บอกชื่อของเขา ...
...
 :mozilla_smile: :mozilla_smile:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 08-05-2006, 09:24
      ชื่อนั้นสำคัญไฉน........
      ที่มาของชื่ออาจแตกต่าง  ที่มาส่วนใหญ่ได้รับมา
      บ้างจากพ่อแม่  ญาติผู้ใหญ่  บางทีเพื่อน อื่นๆ.......
      เมื่อได้ยินชื่อ  ผู้ฟังย่อมคิดถึงที่มาตามพื้นหลังที่ตนมี
      แง่บวก แง่ลบ.......ถึงขั้นสรุปความเป็นตัวตนของเจ้าของชื่อ

      ชื่อเป็นเครื่องตัดสินความเป็นตัวตนของคนนั้นหรือ ?
     
       บุรุษไร้นาม.......
       กำลังประกาศก้องให้โลกรู้ว่า
       ไม่ใช้ชื่อของข้าที่ข้าเป็น
       การกระทำ และจุดมุ่งหมาย......นั่นแหละคือตัวข้า...........


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: บุรุษไร้นาม ที่ 08-05-2006, 10:22
ขอบคุณครับ ป้าเสลา ที่กรุณา นำประวัติมาลงให้อ่านกัน  :mozilla_oops: :oops:

ถูกใจครับ

การกระทำ และจุดมุ่งหมาย......นั่นแหละคือตัวข้า...........

ขอขโมย วลีจากคุณภูพาน ด้วยครับ
ของ คุณนายท้ายเรือ ก็โดนครับ อยากเป็นฮีโร่ โดยแอบๆ อิอิ
 :mozilla_cool:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 09-05-2006, 14:29
สวัสดีทุกท่าน

สำหรับชื่อของผม In The Name Of Justice. (ขวางขวาง) นั้น ต้องแยกออกเป็น 2 ตัวครับ

(ขวางขวาง) ก็ด้วยความที่เป็นคนขวางโลก ไม่ค่อยเหมือนมนุษย์คนอื่นเท่าไรครับ... :mozilla_kiss:

ส่วน In The Name Of Justice. นั้น ผมเอามาจากเกมส์ Dynasty Warrior 5 ครับ

ที่มาก็คือ เมื่อเดือน สิงหา ถึง ธันวาคม 2548 นั้น ผมได้ทำงานอยู่ที่ร้าน 7-11 ครับ (ชีวิตผกผัน)

แล้วก็ได้ต่อสู้ทางการเมืองในร้านกับคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ชอบมาขโมยเงินจากเครื่องคิดเงินครับ

แต่ในที่สุดการต่อสู้ของผมก็ต้องจบลง เพราะไม่มีใครสู้ร่วมกับผม ต่างคนต่างเอาตัวรอด ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเท่านั้น

และด้วยเดิมที ผมเข้ามาทำงานที่ 7-11 เพราะรองานที่การนิคมอุตสาหกรรมอยู่ แต่ว่ารอมานานแล้ว น่าจะออกไปหางานอื่นทำ

ผมเลยถือโอกาสตอนรับปริญญา ลาออกซะเลย แล้วก็ไปตกงานอยู่สักพัก ก็ได้งานทำซะที


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 09-05-2006, 15:04

ขอบคุณมากคุณ "In The Name Of Justice. "
ที่ช่วยขยายความที่มาแห่งชื่อให้เพื่อนๆได้รับทราบ

ป้าเสลามีภาพสวยๆที่เกี่ยวข้องกับ justice มาฝาก

(http://www.sculpturegallery.com/bronze/justice_lg.jpg)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เบ๊สะพานขาว ที่ 09-05-2006, 16:00
จากภาพทางด้านบนนั้น  เมื่อมองจากมุมนี้ จะเห็นว่า ตาชั่งข้างหนึ่ง เอียงไปทางขวามากไปหรือเปล่า  :P



หรือว่า  เขาถ่ายภาพแบบเอียงๆ ก็เลยดูว่า ตาชั่งทั้งสองข้าง ไม่เท่ากันนะครับ :P


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 09-05-2006, 16:07
คุณ เบ๊สะพานขาว ครับ

มันต้องเอียงอยู่แล้วครับ เพราะคนถือเขาปิดตาอยู่น่ะ

แถมปิดโดนหูอีกต่างหาก อิอิ

ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆครับ คุณเสลา


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 09-05-2006, 16:39

เข้ามาขำ :D

ป้าเสลาว่า มันมองเป็นภาพลึกนะ
เลยดูเหมือนไม่เท่า

แต่คิดดูอีกที เขาอาจทำเอาไว้ให้เราสงสัยก็เป็นได้นะ..


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: bobo ที่ 09-05-2006, 20:41

พอดีไปเจอภาพ Moulin Rouge ช่วงนี้มีแต่ภาพเบ้อเริ่มเทิ่ม  มีแต่พวก wall paper ซะเยอะ

Moulin Rouge สีแดงๆ  เอามาฝากลุงแคนกับป้าเสลา  :D

(http://img3.freeimagehosting.net/uploads/f9730eab66.jpg) (http://www.freeimagehosting.net/)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 09-05-2006, 20:56

 :Dว้าววว !!!
ขอบคุณมาก คุณ คนจร
แสงสีของเขาสุดยอดจริงๆนะ... :mozilla_cool:


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 12-05-2006, 22:12
วันนี้วันวิสาขบูชา
ขอพูดถึงสมาชิกอาวุโสนาม "ปุถุชน"
ด้วยความหมายของชื่อท่านอ้างอิงด้วยคำสอนทางพุทธศาสนา

ตามคำสอนของท่านสมณะโพธิรักษ์
กล่าวถึงมนุษย์กับจิตวิญญาณ จะมีอยู่ ๓ ขั้น คือ

ขั้นที่ ๑ ปุถุชน
ขั้นที่ ๒ กัลยาณชน
ขั้นที่ ๓ อาริยชน

ปุถุชน ถ้าเอาความตามพจนานุกรม ก็คือ
คนที่ยังมีกิเลสอยู่ คนสามัญชน คนธรรมดาแบบเรา ท่าน
ปุถุชนหมายถึง ผู้ที่มีจิตเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม
เมื่อมีทุกขเวทนาทางกาย ย่อมเศร้าโศก ลำบากใจ คร่ำครวญ
พิไรรำพัน มีความทุกข์ทั้งกายทั้งใจ

กัลยาณชน คนประพฤติดีงาม, คนดี
กัลยาณชน คือ คนดี นั้น หมายถึง ผู้ทรงคุณธรรม
มีสำนึกดี ลดละความโกรธ ความโลภ ความหลง
คือ ผู้มีศีลมีธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ชื่อว่า มนุษยธรรม
จึงเป็นผู้ประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉาน

"กัลยาณชน"มีความหมายต่างกับ"ปุถุชน" ตามคำกลอนของท่านพุทธทาส คือ

กัลยาณชน นั้น"ละได้" ในส่วนผิด
มายึดติด มากมาย ฝ่ายกุศล
หมายมั่นเห็น ว่าเป็น ตนของตน
เท่ากันกับ ปุถุชน "ยึดตัวกู"

อริยชนตามตัวพยัญชนะแปลว่า ผู้ไปแล้วจากข้าศึกคือกิเลส

อริยสงฆ์ เท่านั้น ถึงเป็น อริยชน
บรรลุธรรมตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป
จึงเป็น อริยชน ผู้มีอารยะธรรมอันสูงส่ง

อริยชน จิตท่านมีที่ไปแน่นอน คือ ทางที่เป็นสุขมีสวรรค์ พรหม นิพพาน
ตามบุญบารมีของจิตสะอาดมากสะอาดน้อยของท่าน


ศจ.แสง จันทร์งาม ได้พูดถึงประเภทของคน
ซึ่งกล่าวถึง"ปุถุชน"ไว้
ในเรื่องสุขภาพจิตในพระพุทธศาสนาว่า

การรักษาจิต คือ หัวใจของพระพุทธศาสนา

คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา จำแนกโรคจิตไว้อย่างละเอียดถึง 1608 ชนิด
เช่น ตัณหา ความอยาก อุปาทาน ความยึดถือ โลภะ ความโลภ
โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง เป็นต้น

การแบ่งประเภทของคนตามโรคจิต

พระพุทธศาสนา จัดประเภทตามขนาดโรคจิตเป็นชั้นๆ คือ

1. อันธพาลชน คือ คนที่มีปริมาณของโรคที่เข้มข้นมาก มีพฤติกรรมเป็นอันตราย ต่อสังคม
2. พาลชน คือ คนที่มีปริมาณของโรคเข้มข้นปานกลาง
3. ปุถุชน คือ พวกที่มีทั้งคุณและโทษต่อสังคม
4. กัลยาณชน คือ พวกที่มีคุณมากกว่าโทษ
5. อริยชน ขั้นโสดาบัน คือ บุคคลที่ละโรคจิตได้เด็ดขาด ร้อยละ 25
6. อริยชน ขั้นสกิทาคามี ละขาดได้ ร้อยละ 50
7. อริยชน ขั้นอนาคามี ละขาดได้ ร้อยละ 75
8. อริยชน ขั้นอรหันต์ ละขาดได้เต็มร้อย คือ ไม่มีโรคจิตเหลืออยู่อีกเลย 


(http://forum.serithai.net/index.php?action=dlattach;topic=1870.0;attach=676;image)
ภาพถ่ายจากฝีมือคุณปุถุชน


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 13-05-2006, 16:03
คุณเสลา ทำให้ผมรู้ว่า หัวข้อเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมได้ด้วย.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ผมเข้ามาอ่านตั้งแต่เริ่มต้นกระทู้ กล่าวถึงคุณแคน....

เมื่อต้องการตั้ง"นามแฝง"ใหม่ นึกจะใช้นามแฝงอะไรดี หรือ อย่างไรดี เพื่อให้เหมาะสม
พิจารณาตัวตนแล้ว คิดว่า  ปุถุชน คนที่ยังมีกิเลสอยู่ คนสามัญชน คนธรรมดาแบบเรา ท่าน ......


ชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิด ไม่คิดว่าตนเองจะดีที่สุด แต่เชื่อมั่นว่าเป็นคนดีของสังคม เป็นคนทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ให้มาตุภูมิไม่น้อย ไม่หย่อนกว่าใคร...


...ปล.ภาพนี้ถ่ายที่ออสเตรีย ใกล้ๆ เป็นที่ถ่ายหนังเรื่อง sound of music ที่ชมได้ตลอดกาล
อากาศเย็นมาก ท้องฟ้ามีหมอกปกคลุมไปทั่ว แสงอาทิตย์ส่องทะลุหมอก ทอทาบละลอกน้ำเป็นแนว คล้ายเครื่องหมาย !




หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 13-05-2006, 16:14

 เพราะการค้นหาความหมายของคำว่า "ปุถุชน"
ทำให้ได้ข้อคิดว่าเราสามารถเลื่อนขั้นให้ตัวเราเองได้

เป็นขั้นที่ยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจที่สุด

คือ การพยายามเลื่อนขั้นตัวเราจาก "ปุถุชน" เป็น "กัลยาณชน"


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: นายท้ายเรือ ที่ 14-05-2006, 07:08
ตั้งแต่เจอ นามแฝง...ปุถุชน ใน รดน. ผมก็รู้ว่า นามแฝงนี้มีความหมาย
อย่างที่ป้าเสลาและพี่ปุถุชน กล่าวมา....

 :) ตอนที่หาสมัครสมาชิกของพันทิป ผมใช้ชื่อ...
สามัญชน , คนธรรมดา , คนเดินถนน, ...แต่มีคนอื่นตั้งเสียแล้ว


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 14-05-2006, 18:07
อยากขอความรู้จากคุณป้าเสลาและคนอื่นๆ ทีสามารถอธิบายให้เข้าใจได้...

ภาพที่คุณป้าเสลานำแสดงและภาพที่ผมนำมาแสดง เป็นภาพขนาดเดียวกัน แต่การโพสต์ของคุณป้าเสลา ไม่ต้องย่อ ไม่ต้องขยาย หรือ ขอดูภาพ อย่างของผม เพราะอะไรเหรอ  ?





หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: เสลา ที่ 14-05-2006, 18:13
คุณปุถุชนคะ
ขนาดของภาพนั้น
ป้าเสลาก็มั่วๆทำ คือคลิคภาพเดิมของคุณปุถุชนให้ขยายใหญ่ก่อน
แล้วใช้เม๊าส์คลิคขวาที่ภาพ -> properties
แล้ว copy  url ของภาพ มาแปะ เท่านั้นค่ะ
ที่ทำได้ เพราะภาพของคุณขึ้นมาอยู่บนเว็บแล้ว

ต้องวานผู้รุ้ท่านอื่นอธิบายเพิ่มอีกหน่อย... :)


หัวข้อ: Re: เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ....(ลุง)ถึก สไลเดอร์
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 16-05-2006, 11:03

พระพุทธศาสนา จัดประเภทตามขนาดโรคจิตเป็นชั้นๆ คือ

1. อันธพาลชน คือ คนที่มีปริมาณของโรคที่เข้มข้นมาก มีพฤติกรรมเป็นอันตราย ต่อสังคม
2. พาลชน คือ คนที่มีปริมาณของโรคเข้มข้นปานกลาง
3. ปุถุชน คือ พวกที่มีทั้งคุณและโทษต่อสังคม
4. กัลยาณชน คือ พวกที่มีคุณมากกว่าโทษ
5. อริยชน ขั้นโสดาบัน คือ บุคคลที่ละโรคจิตได้เด็ดขาด ร้อยละ 25
6. อริยชน ขั้นสกิทาคามี ละขาดได้ ร้อยละ 50
7. อริยชน ขั้นอนาคามี ละขาดได้ ร้อยละ 75
8. อริยชน ขั้นอรหันต์ ละขาดได้เต็มร้อย คือ ไม่มีโรคจิตเหลืออยู่อีกเลย 


ว้าวๆ มาห้องนี้ได้รับความรู้เป็นทานเหมือนเคย

แต่ผมตกใจตรง 7. อริยชน ขั้นอคาเดมี นี่อะครับ

ต้องขยี้ตาแก้ง่วงก่อนถึงจะหายตกใจ เอิ้กกๆๆๆ มีคิดเป็นร้อยละด้วย

 :mrgreen: