หัวข้อ: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 08-08-2006, 22:48 1. ดุลยภาพความสัมพันธ์ฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำในอดีต จากการศึกษาพบว่า
ความสัมพันธ์ฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำในช่วง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงปี พ.ศ. 2523-2531 นั้น เป็นยุคที่ข้าราชการประจำพอใจที่สุด เพราะฝ่ายการเมืองรับฟังความเห็นพวกเขามากที่สุด และความสัมพันธ์ ก็เป็นไปในลักษณะต่างฝ่ายต่างยอมรับนับถือกัน Mutual Respect มากที่สุด หรืออาจกล่าวได้ว่ายุคนี้ เป็น กึ่งการเมือง-กึ่งข้าราชการ ซึ่ง ข้าราชการอุทิศตน ทำงานแบบ serve the king and the country ได้ค่อนข้างเต็มที่ ซึ่งเป็นดุลยภาพ ที่ข้าราชการประจำในปัจจุบันยังถวิลหาอยู่ นอกจากนี้บุคลิกลักษณะของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ซื่อสัตย์ สุจริต และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างดุลยภาพที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น ข้อนี้ขอบอกได้เลยว่า เป็นยุคสมัยที่ศักดิ์ศรี ประชาชนตกต่ำอย่างที่สุดก็ว่าได้ ประชาชนถูกกันออกไปจากศูนย์กลางแห่งอำนาจ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกนายกฯทางอ้อมได้เลย ไม่สามารถตรวจสอบทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำได้เลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญ คือ ประเทศ เกือบจะได้เป็นมหาอำนาจ อันเกรียงไกรอยู่แล้วเชียว...55555 2. ดุลยภาพความสัมพันธ์ฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำในปัจจุบัน รัฐบาลมีหน้าที่กำหนดนโยบาย และติดตามว่านโยบายกลายเป็นการปฎิบัติจริงหรือไม่ รัฐมีหน้าที่ประเมินผลเพื่อปรับปรุงนโยบาย การริเริ่มเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายประจำ ที่เห็นได้ชัด ในยุคพ.ต.ท.ทักษิณ คือ การปฎิรูประบบราชการ มักจะมาจาก สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) และนักวิชาการสายรัฐประศาสนศาสตร์ และสายกฎหมายมหาชนเป็นหลัก ส่วนที่สอง มาจากแนวคิดส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเอง ซึ่งเห็นว่าจำเป็นต้องปฎิรูปประเทศทั้งระบบ และเพื่อให้เป้าหมายในการยกระดับประเทศสำเร็จ กลไกที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมาย คือ ระบบราชการ ซึ่งจำเป็นต้องปฎิรูปเปลี่ยนทั้งระบบเพื่อ ให้มีความสามารถที่จะแข่งขันกับการเปลี่ยนแปลงที่เร็วของระดับโลกได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้นำเสนอแนวคิดขึ้นมาใช้ในระบบราชการ เช่น CEO, E-Government, Fast Track, Special Track, Lateral Entry ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นวาระหรือ Agenda ของนายกรัฐมนตรีเอง การที่เป็นนักธุรกิจด้วย จึงทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ มีกรอบความคิดและวิธีการทำงานในการ บริหารประเทศแบบบริษัท ซึ่งทำให้ข้าราชการ ตกเป็นเสมือนผู้ปฎิบัติงาน หรือ ลูกจ้างของบริษัทเท่านั้น นี่เป็นยุคที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างสุดๆ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีความภาคภูมิใจในสถานะประชาชนเต็มขั้น อาจเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญ ปี 40 มีส่วนช่วยเป็นอย่างมาก ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย พัฒนาไปข้างหน้าอย่างแท้จริง ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้บรรดา บูโรแครท ทั้งหลายน้อยเนื้อต่ำใจ ที่สภาวะ เจ้าขุนมูลนาย เจ้าคนนายคน มันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ประชาชนกลายเป็นศูนย์กลาง มากกว่าแต่ก่อนอ่ยางเห็นได้ชัด เหมือนกับ ลูกค้าคือพระเจ้า ในโลกธุรกิจเอกชน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ถูกต้องและควรจะเป็นอย่างยิ่ง มานานๆๆๆๆมากๆๆๆแล้ว http://www.bangkokbiznews.com/2006/08/08/w001_127248.php?news_id=127248 หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 08-08-2006, 22:58 แหม๋คุณ Killer นี่ท่าจะขี้ลืมนิ ลืมประเด็นเปลี่ยนชื่อจาก "ข้าราชการ" มาเป็น "เจ้าหน้าที่รัฐ" ไปได้
อ้ออีกอย่างหนึ่งนะ สมัยพล.อ เปรม ประชาชนก็ไปเลือกตั้งกันนะครับไอ้ประโยคที่บิดเบือนว่า "ประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกนายกฯทางอ้อมได้เลย" นั้นมันทำให้คุณ Killer ดูแย่ลงนะครับ วันหลังน่าจะค้นดี ๆ ซะก่อนแล้วค่อยโพสนะครับ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 23:01 ระบบประชาธิปไตยรัฐบาลต้องเป็นลูกจ้าง เพราะฉะนั้นจะใช้จ่ายอะไรต้องถามประชาชนให้ดี ยุคทักษิณรัฐบาลและข้าราชการกลายเป็นนายจ้างไป.. หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 08-08-2006, 23:11 ข้าราชการในระบบราชการทั่วโลกยึดถือระบบ Merit System หรือระบบคุณธรรมเป็นหลักในการบริหารงาน ไม่ใช่ Profit System
ทำไมระบบราชการจึงบริหารแบบเอกชนไม่ได้ เพราะข้าราชการไม่ได้ทำงานเพื่อคนหนึ่งคนใด ไม่ใช่เพื่อกำไรสูงสุด หรือตัวเลข KPI ที่สวยหรู แต่ข้าราชการต้องทำงานเพื่อสังคมโดยส่วนรวม เพื่อคุณธรรมและจริยธรรม เท่านั้น แทนที่จะทำให้ข้าราชการทำงานเพื่อสังคม ให้มีจิตสำนึกเพื่อสังคม กลับกลายเป็นว่าข้าราชการต้องทำงานเพื่อตนเอง เพื่อนาย เพื่อผลงาน การนำ KPI เข้ามาใช้ในระบบราชการนั้น ผมไม่เถียงว่ามันจะทำให้ระบบเร็วขึ้น แต่สิ่งที่ประชาชนจะได้รับคืองานที่เสร็จพอเป็นพิธี มีผลงาน และนับได้เป็นตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่หายไปคือ หัวใจ และความใส่ใจที่มีต่อประชาชนต่างหาก หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 08-08-2006, 23:14 ข้าราชการในระบบราชการทั่วโลกยึดถือระบบ Merit System หรือระบบคุณธรรมเป็นหลักในการบริหารงาน ไม่ใช่ Profit System ทำไมระบบราชการจึงบริหารแบบเอกชนไม่ได้ เพราะข้าราชการไม่ได้ทำงานเพื่อคนหนึ่งคนใด ไม่ใช่เพื่อกำไรสูงสุด หรือตัวเลข KPI ที่สวยหรู แต่ข้าราชการต้องทำงานเพื่อสังคมโดยส่วนรวม เพื่อคุณธรรมและจริยธรรม เท่านั้น แทนที่จะทำให้ข้าราชการทำงานเพื่อสังคม ให้มีจิตสำนึกเพื่อสังคม กลับกลายเป็นว่าข้าราชการต้องทำงานเพื่อตนเอง เพื่อนาย เพื่อผลงาน การนำ KPI เข้ามาใช้ในระบบราชการนั้น ผมไม่เถียงว่ามันจะทำให้ระบบเร็วขึ้น แต่สิ่งที่ประชาชนจะได้รับคืองานที่เสร็จพอเป็นพิธี มีผลงาน และนับได้เป็นตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่หายไปคือ หัวใจ และความใส่ใจที่มีต่อประชาชนต่างหาก อู้ววว หมัดตรง ปลายคาง หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 08-08-2006, 23:14 แหม๋คุณ Killer นี่ท่าจะขี้ลืมนิ ลืมประเด็นเปลี่ยนชื่อจาก "ข้าราชการ" มาเป็น "เจ้าหน้าที่รัฐ" ไปได้ อ้ออีกอย่างหนึ่งนะ สมัยพล.อ เปรม ประชาชนก็ไปเลือกตั้งกันนะครับไอ้ประโยคที่บิดเบือนว่า "ประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกนายกฯทางอ้อมได้เลย" นั้นมันทำให้คุณ Killer ดูแย่ลงนะครับ วันหลังน่าจะค้นดี ๆ ซะก่อนแล้วค่อยโพสนะครับ สมัยนั้น ผมเกิดไม่ทันครับ แต่จำได้ว่า เราเลือกก็เลือกกันไป แต่คนที่จะมาเป็นนายกฯน่ะ เค้าซุบซิบงุบงิบกัน ในหมู่คนไม่กี่คนเอง รวมทั้งการจำหน่ายจ่ายแจก ตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งหลายก็เช่นกัน เราก็ได้แต่หลับหูหลับตาเลือกๆ กันไป เพราะเลือกยังไงก็ได้ เปรม อยู่จริงหรือเปล่า มันเป็นอย่างนั้นจนกระทั่ง เค้าเบื่อ ไม่อยากเป็นแล้วซะอย่างนั้นแหละ ประชาชนก็ได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยความงุนงง สนุกไหมล่ะ แบบนั้นน่ะ... หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 08-08-2006, 23:21 ข้าราชการในระบบราชการทั่วโลกยึดถือระบบ Merit System หรือระบบคุณธรรมเป็นหลักในการบริหารงาน ไม่ใช่ Profit System ทำไมระบบราชการจึงบริหารแบบเอกชนไม่ได้ เพราะข้าราชการไม่ได้ทำงานเพื่อคนหนึ่งคนใด ไม่ใช่เพื่อกำไรสูงสุด หรือตัวเลข KPI ที่สวยหรู แต่ข้าราชการต้องทำงานเพื่อสังคมโดยส่วนรวม เพื่อคุณธรรมและจริยธรรม เท่านั้น แทนที่จะทำให้ข้าราชการทำงานเพื่อสังคม ให้มีจิตสำนึกเพื่อสังคม กลับกลายเป็นว่าข้าราชการต้องทำงานเพื่อตนเอง เพื่อนาย เพื่อผลงาน การนำ KPI เข้ามาใช้ในระบบราชการนั้น ผมไม่เถียงว่ามันจะทำให้ระบบเร็วขึ้น แต่สิ่งที่ประชาชนจะได้รับคืองานที่เสร็จพอเป็นพิธี มีผลงาน และนับได้เป็นตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่หายไปคือ หัวใจ และความใส่ใจที่มีต่อประชาชนต่างหาก คงได้คลิกไปอ่านหัวข้อในการวิจัยแล้วนะครับท่าน "สถาบันพระปกเกล้าฯเปิดงานวิจัย ระบุรัฐบาล'ทักษิณ'ทำข้าราชการไทยขาดความภูมิใจ ไร้ศักดิ์ศรี มีฐานะแค่พนักงานบริษัทมิใช่ข้าราชการของพระเจ้าอยู่หัว เหตุเพราะการเมืองเบ็ดเสร็จยึดพวกพ้องมากกว่าคุณธรรม" เป็นไงครับ ...งานวิจัยนี้เขาไม่ได้มุ่งหมายเพื่อวัดประสิทธิภาพ ว่าข้าราชการในยุคก่อนทักษิณ กับยุคทักษิณ ประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างไร เค้ามุ่งเน้นไปที่ เรื่องศักดิ์ศรี ของข้าราชการ ครับ เห็นหรือยังครับ ผมไม่ทราบว่า สังคมไทยจะได้คุณูปการอะไรจากงานวิจัยไร้สาระชิ้นนี้... เห็นควรที่จะให้ ทิดบวรศักดิ์ รีบกลับไปปรับปรุงคุณภาพ สถาบันฯโดยด่วน ตกต่ำจริงๆ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: คนในวงการ ที่ 08-08-2006, 23:23 สมัยนั้น ผมเกิดไม่ทันครับ แต่จำได้ว่า เราเลือกก็เลือกกันไป
แต่คนที่จะมาเป็นนายกฯน่ะ เค้าซุบซิบงุบงิบกัน ในหมู่คนไม่กี่คนเอง รวมทั้งการจำหน่ายจ่ายแจก ตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งหลายก็เช่นกัน อู้วว เกิดไม่ทันแต่ดันรู้อีกแหนะ ว่าเค้าซุบซิบงุบงิบกันแต่ไม่รู้ว่ามีการเลือกตั้ง (ฮา) เอาน่าคุณ Killer พลาดก็ยอมรับว่าพลาดมันไม่เสียหายอะไรหรอก :mrgreen: เราก็ได้แต่หลับหูหลับตาเลือกๆ กันไป เพราะเลือกยังไงก็ได้ เปรม อยู่จริงหรือเปล่า มันเป็นอย่างนั้นจนกระทั่ง เค้าเบื่อ ไม่อยากเป็นแล้วซะอย่างนั้นแหละ ประชาชนก็ได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยความงุนงง สนุกไหมล่ะ แบบนั้นน่ะ... อ่านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองบ้าง จะช่วยได้เยอะนะครับคุณ Killer ว่ามีใครบ้างที่ลุ้นแทบขาดใจตายอยากเป็นนายก ผมคุ้น ๆ ตาว่าชื่อหมักหรือหมากหรือหมา อะไรทำนองนี้แหละ เพียงแต่พรรคร่วมฯ เค้าไม่เอากันเลยอดเป็น ไม่ใช่เพราะประชาชนหลับหูหลับตาเลือก กระทู้นี้คุณ Killer ปล่อยให้ตกไปเถอะครับ ขายหน้าเค้าปล่าว ๆ น่า :D หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 08-08-2006, 23:29 ถ้าผมเข้าใจอะไรผิดตรงไหน ก็เชิญชี้แนะ
สงสัยจะอ่านกระทู้ไม่แตก คุณเลือกตั้งกันไปเถอะ แต่คนจัดครม.น่ะ กองทัพ ข้อเท็จจริงมันก็เท่านี้...ถ้ารู้อะไรวงใน ก็เอามาแบ่งปันกันก็ได้นะ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 08-08-2006, 23:37 จะบอกให้เอาบุญนะ คิลเล่อร์ ว่าข้าราชการที่เค้ารู้สึว่าตกต่ำสุดๆน่ะ เนื่องจากไอ้เลี่ยมมันเล่นตั้งญาติโกโหติกามันข้ามหัวเขาไปทั่วโดยไม่เคยคำนึงถึงว่าไอ้ที่ดันๆขึ้นมาน่ะ กลวงขนาดไหน ไอ้ลูกพี่ลูกน้องที่ดันขึ้นมาจนเป็นผบ.ทบ.น่ะ ขอบบอกคำเดียว สะตึมากครับ :mrgreen: ส่วนน้องเขยก็ต่ออายุปลัดกระทรวงมันไปเรื่อยๆโดยไม่ได้คิดว่าคนอื่นที่เขารับราชการแล้วรอตำแหน่งมาหลายๆปีจะรู้สึกยังไง
เห็นด้วยครับเต็มๆ ข้าราชการที่ตกต่ำสุดๆยุคนี้น่ะ เพราะความหน้าด้านเห็นแก่ได้ของคนตระกูลเดียวเท่านั้นเอง :mrgreen: หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 08-08-2006, 23:42 ส่วนที่สอง มาจากแนวคิดส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเอง
ซึ่งเห็นว่าจำเป็นต้องปฎิรูปประเทศทั้งระบบ และเพื่อให้เป้าหมายในการยกระดับประเทศสำเร็จ กลไกที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมาย คือ ระบบราชการ ซึ่งจำเป็นต้องปฎิรูปเปลี่ยนทั้งระบบเพื่อ ให้มีความสามารถที่จะแข่งขันกับการเปลี่ยนแปลงที่เร็วของระดับโลกได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้นำเสนอแนวคิดขึ้นมาใช้ในระบบราชการ เช่น CEO, E-Government, Fast Track, Special Track, Lateral Entry ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นวาระหรือ Agenda ของนายกรัฐมนตรีเอง การที่เป็นนักธุรกิจด้วย จึงทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ มีกรอบความคิดและวิธีการทำงานในการ บริหารประเทศแบบบริษัท ซึ่งทำให้ข้าราชการ ตกเป็นเสมือนผู้ปฎิบัติงาน หรือ ลูกจ้างของบริษัทเท่านั้น อ่านหลายๆที่ KILLER คำตอบมันอยู่ในนี้เลย และคำเฉลยมันคือ ไอ้บ้านี้มันทำได้อย่างที่มันวางเป้าหมายไว้ไหม เอาเรื่องโยกน้องเขยไปมา ไปมา นะมันสุดจะ CEO vision เลย ทำเละไม่ว่า ยังมั่วไปทุกเรื่อง ถ้ามันบริหารประเทศอย่างบริษัท และทำให้ข้าราชการ ตกเป็นเสมือนลูกจ้างของบริษัทนั้น มองขึ้นไปบนหัว พวก รมต มันต่างไหม ที่อาจจะสามารถ โม้โมเดล รมต เอาที่ผมคิดไปทำก็ทำไม่ไหวแล้ว โอ ..แม่เจ้า นี้หรือ เขาเรียก ซี อี โอ มันจะออก ซี้ซัว มากกว่า สรุปไล่มันไปให้ไกลๆดีที่สุด หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 08-08-2006, 23:45 ก็เพราะว่าประเด็นที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้านั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ข้าราชการรู้สึกว่าตนไม่ได้ทำเพื่อสังคมไงล่ะครับ สิ่งที่ข้าราชการทำนั้นไม่ใช่การรับใช้ประชาชน แต่เป็นการรับใช้สังคม แยกให้ออกนะครับ ประชาชน กับ สังคม
การรับใช้ประชาชนตามคำสั่งของนักการเมืองในระบบ CEO รวมศูนย์กลางอำนาจนั้น ไม่ได้ทำให้ข้าราชการมีจริยธรรมที่ดีขึ้น หนำซ้ำกลับทำให้เห็นแก่ตัวและขาดความสามัคคี นี่คือความเลวร้ายของการปรับระบบราชการให้กลายเป็นระบบการบริหารแบบเอกชน จริงๆแล้วระบบราชการนั้นจะต้องนำกระบวนวิธีการบริหารงานแบบ Non-Profit Organization เข้ามาใช้ เน้นเรื่องคุณธรรม จริยธรรมและการทำงานเพื่อสังคม ไม่ใช่เพื่อผลกำไร หรือผลสัมฤทธิ์ของหน่วยงาน ศักดิ์ศรีมันจึงเกิด คนจะมีศักดิ์ศรีได้ ต้องมีเกียรติ มีคุณความดี มีจริยธรรม ไม่ใช่มีเงิน มีอำนาจ สิ่งที่สังคมไทยจะได้จากงานชิ้นนี้ก็คือ ระบบราชการที่ดี ไม่ใช่หมายความว่าต้องเร็ว ต้องสนองต่ออารมณ์และความต้องการของประชาชนได้ทุกอย่าง แต่ระบบราชการที่ดีต้องโปร่งใส มีคุณธรรมในการบริหารงาน เที่ยงธรรม และยุติธรรมต่อประชาชน สนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ทำได้ดังนี้ ระบบราชการจะมีศักดิ์ศรีไม่ใช่จากตัวมันเอง แต่จะมาจากประชาชน หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 08-08-2006, 23:51 คุณ meteorite สงสัยจะโดนเป่าหูมาอย่างผิดๆ เกี่ยวกับกรณี ปลัดสมชาย
เรื่องการต่ออายุราชการในตำแหน่ง ปลัดกระทรวง เขามีกำหนดเอาไว้ห้ามอยู่ในตำแหน่งเกิน 4 ปี ถ้ายังงงอยู่ก็คงต้องปล่อยให้งงอยู่อย่างนั้นล่ะครับ....5555 คุณ HIlTON แล้วที่ผ่านๆมาระบบราชการมันดีเลิศประเสริฐศรี มากนักหรืออยา่งไรมิทราบ ที่ผ่านๆมา มีแต่เขาบ่นเบื่อหน่าย ในพฤติกรรมการทำงาน ประสิทธิภาพ ที่ล้าหลัง ตามไม่ทัน การเจริญเติบโตของประเทศ มีแต่ฉาบฉวย ผักชีโรยหน้า เล่นพรรคเล่นพวก ไม่แยแสประชาชน หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 08-08-2006, 23:56 กระทู้นี้คุณ Killer ปล่อยให้ตกไปเถอะครับ ขายหน้าเค้าปล่าว ๆ น่า ดันเอาไรมาแปะ เข้าทางคุณ ธ.ส. สอยหมัดสั่ง...ล่อซะตาปิดหมดเลย นักฆ่าตัวตายในเวบบอร์ดของแท้ หาทางลงจากเวทีได้ไหมเนี่ย 555 **ผมไปนอนดีก่า แต่ขอแนะนำให้เชื่อคุณ คนในวงการเหอะ...เพราะเรื่องแบบนี้ คุณนะ คนนอกวงการขนานแท้ Cooller เอ้ย 555 หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 08-08-2006, 23:58 คุณ ธส. คงไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้าราชการ มีความรู้สึกอยากให้บริการประชาชน
อยากให้ข้าราชการเป็นเหมือน เจ้าพระยา นาหมื่น ปกครองชนชั้นไพร่ เหมือนสมัยศักดินาหรือ นั่นคือสิ่งที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น แม้แต่หน่วยงานที่ต้องสัมผัสกับงานบริการอย่างจริงๆจังๆ ก็ยังแสดงอาการเหมือนเป็นพระคุณเสียเหลือเกินที่ต้องลดตัวมาให้บริการประชาชน ถ้าจะคิดให้มันเป็นนามธรรมละก็ได้ อย่างที่คุณคิด แต่ในทางปฏิติเบื้ิองต้น พวกเขาต้องมีจิตสำนึกต่องานบริการ และเห็นประชาชนคือผู้รับบริการ ส่วนพวกเขาจะลึกซึ้ง ถึงขนาด จริงใจ มีคุณธรรม มีจริยธรรม อย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องภายในตัวบุคคลแล้ว หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 08-08-2006, 23:59 คุณ meteorite สงสัยจะโดนเป่าหูมาอย่างผิดๆ เกี่ยวกับกรณี ปลัดสมชาย เรื่องการต่ออายุราชการในตำแหน่ง ปลัดกระทรวง เขามีกำหนดเอาไว้ห้ามอยู่ในตำแหน่งเกิน 4 ปี ถ้ายังงงอยู่ก็คงต้องปล่อยให้งงอยู่อย่างนั้นล่ะครับ....5555 ผมบอกแล้วไงล่ะครับ ว่ามันทำไปด้วยความด้านไร้ยางอาย ทั้งกรณีลูกผู้พี่ และน้องเขย ขอให้ทำแล้วไม่เข้าคุกไอ้เหลี่ยมไม่ลังเลที่จะทำแน่ ตราบใดที่ตัวมันกับญาติและพวกพ้องได้ประโยชน์ น่าภูมิใจจริงๆครับ คุณสมบัติผู้นำยุคใหม่ ด้านได้อายอด :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 00:01 ผมบอกแล้วไงล่ะครับ ว่ามันทำไปด้วยความด้านไร้ยางอาย ทั้งกรณีลูกผู้พี่ และน้องเขย ขอให้ทำแล้วไม่เข้าคุกไอ้เหลี่ยมไม่ลังเลที่จะทำแน่ ตราบใดที่ตัวมันกับญาติและพวกพ้องได้ประโยชน์ น่าภูมิใจจริงๆครับ คุณสมบัติผู้นำยุคใหม่ ด้านได้อายอด ผมก็งงคำตอบคุณอยู่นะ แล้วคุณจะให้เขาทำอย่างไรกับอายุราชการ ที่ยังเหลืออยู่อีกหลายปี จะเอาเขาไปทิ้งไว้ที่ไหนล่ะ....อยากทราบ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: เพนกวินน้อยนักอ่าน ที่ 09-08-2006, 00:04 อ้างถึง คุณ ธส. คงไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้าราชการ มีความรู้สึกอยากให้บริการประชาชน อยากให้ข้าราชการเป็นเหมือน เจ้าพระยา นาหมื่น ปกครองชนชั้นไพร่ เหมือนสมัยศักดินาหรือ เห็นวรรคทองของคิลเลอร์ วรรคนี้แล้ว น้ำเน่าสุดๆ บิดเบือน ประเด็นเรื่อง merit system ของคุณ ธ.ส. อย่างน่าไม่อาย ถกเถียงแบบ นี้ ปล่อยกระทู้นี้ทิ้งไปเถอะ คิลเลอร์ไม่ได้ตั้งใจตอบ ประเด็นของผู้ที่กล่าวแย้งเลย น้ำเน่ามากๆ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 09-08-2006, 00:04 ผมก็งงคำตอบคุณอยู่นะ แล้วคุณจะให้เขาทำอย่างไรกับอายุราชการ ที่ยังเหลืออยู่อีกหลายปี จะเอาเขาไปทิ้งไว้ที่ไหนล่ะ....อยากทราบ แล้วไอ้ที่ย้ายออกไปครั้งก่อนเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนครับ ในส้วมหรือในคุก :mrgreen: หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 00:10 อ้างถึง คุณ ธส. คงไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้าราชการ มีความรู้สึกอยากให้บริการประชาชน เห็นวรรคทองของคิลเลอร์ วรรคนี้แล้วอยากให้ข้าราชการเป็นเหมือน เจ้าพระยา นาหมื่น ปกครองชนชั้นไพร่ เหมือนสมัยศักดินาหรือ น้ำเน่าสุดๆ บิดเบือน ประเด็นเรื่อง merit system ของคุณ ธ.ส. อย่างน่าไม่อาย ถกเถียงแบบ นี้ ปล่อยกระทู้นี้ทิ้งไปเถอะ คิลเลอร์ไม่ได้ตั้งใจตอบ ประเด็นของผู้ที่กล่าวแย้งเลย น้ำเน่ามากๆ สงสัยจะไม่เข้าใจ คุณ ธส. เค้าเข้าใจประเด็นกระทู้ผิดไปเอง โดยเข้าใจว่า งานวิจัยนั้นเขาว่ากันถึงประสิทธิภาพข้าราชการ ในยุคก่อนทักษิณและยุคทักษิณ แต่จริงๆแล้ว งานวิจัยนี้ เขาพูดถึงเฉพาะเรื่อง "ศักดิ์ศรี ในหมู่ข้าราชการ" แล้ว คุณ ธส. ก็มาบอกว่า ศักดิ์ศรีมันต้องเกิดจาก ประชาชน...ตรงนี้ผมก็งงๆอยู่ เพราะงานวิจัยนี้เก็บข้อมูลเอามาจาก ทางฟากฝั่งข้าราชการ มากกว่า หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 00:12 แล้วไอ้ที่ย้ายออกไปครั้งก่อนเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนครับ ในส้วมหรือในคุก อ๋อ..ความหมายคุณคือ ย้ายไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ กระทรวงยุติธรรมงั้นหรือ ? ผมก็ไม่เห็นเหตุผล ที่จะย้ายไปอยู่ในหน่วยงานที่ตนเองไม่คุ้นเคย เพราะงานปลัดฯ มันเป็นงานธุรการ ล้วนๆ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 09-08-2006, 00:20 ข้าราชการต้องทำงานเพื่อสังคมครับ ต้องยึดถือเป้าหมายหลักของสังคมเป็นใหญ่ ไม่ใช่ความต้องการของประชาชนเป็นใหญ่ ถ้าข้าราชการทำได้บรรลุเป้าหมายของสังคม ประชาชนจะนับถือข้าราชการเองว่าเป็นผู้มีศักดิ์ศรี
ถ้าข้าราชการทำงานเพื่อเป้าหมายของประชานเป็นใหญ่ โดยไม่ใส่ใจเป้าหมายของสังคม ก็ลาออกไปเป็นนักการเมืองเถิดครับ เพราะนัการเมืองเขาทำเพื่อคะแนนเสียง หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 09-08-2006, 00:25 เอาเถอะครับ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ไอ้เหลี่ยมทำเพื่อญาติพี่น้องของมันทั้งหลายแหล่นี่
เป็นสิ่งที่ถูกทำนองคลองธรรมแล้วละก็ ผมคงไปโน้มน้าวคิลเล่อร์ไม่ได้หรอก แต่ก็อยากชี้ให้เห็นว่า การกระทำเหล่านี้แหละที่มันบั่นทอนขวัญและกำลังใจของ ข้าราชการให้ตกต่ำอย่างที่เห็น นี่ยังไม่นับการล้วงลูกสารพัดที่จะทำเพื่อเอา ลิ่วล้อของตัวเองเข้าไปคุมตำแหน่งสำคัญๆอีกมาก มันเละเทะสุดๆแบบนี้แหละครับ ถึงได้เกิดกรณีของผู้มีบารมีขึ้นมาไง :mrgreen: หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: เพนกวินน้อยนักอ่าน ที่ 09-08-2006, 00:26 อ้างถึง คุณ ธส. คงไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้าราชการ มีความรู้สึกอยากให้บริการประชาชน เห็นวรรคทองของคิลเลอร์ วรรคนี้แล้วอยากให้ข้าราชการเป็นเหมือน เจ้าพระยา นาหมื่น ปกครองชนชั้นไพร่ เหมือนสมัยศักดินาหรือ น้ำเน่าสุดๆ บิดเบือน ประเด็นเรื่อง merit system ของคุณ ธ.ส. อย่างน่าไม่อาย ถกเถียงแบบ นี้ ปล่อยกระทู้นี้ทิ้งไปเถอะ คิลเลอร์ไม่ได้ตั้งใจตอบ ประเด็นของผู้ที่กล่าวแย้งเลย น้ำเน่ามากๆ สงสัยจะไม่เข้าใจ คุณ ธส. เค้าเข้าใจประเด็นกระทู้ผิดไปเอง โดยเข้าใจว่า งานวิจัยนั้นเขาว่ากันถึงประสิทธิภาพข้าราชการ ในยุคก่อนทักษิณและยุคทักษิณ แต่จริงๆแล้ว งานวิจัยนี้ เขาพูดถึงเฉพาะเรื่อง "ศักดิ์ศรี ในหมู่ข้าราชการ" แล้ว คุณ ธส. ก็มาบอกว่า ศักดิ์ศรีมันต้องเกิดจาก ประชาชน...ตรงนี้ผมก็งงๆอยู่ เพราะงานวิจัยนี้เก็บข้อมูลเอามาจาก ทางฟากฝั่งข้าราชการ มากกว่า เกี่ยวกันสิครับ อย่าน้ำเน่าให้มาก คุณ ธ.ส. เขาพูดชัดเจนดีแล้ว อ่านเองเถอะเดี๋ยวหาว่าผมไปแปลงสาร ชี้นำ แต่ถ้าอยากอ่านเฉลยก็อ่านข้างล่างนะ . . . . ใบ้ว่า มันหมายถึง การที่ข้าราชการ ถ้ารู้ว่าตนเองทำงานเพื่อประชาชน มันก็จะรู้สึกมีศักดิ์ศรี แบบแปรผันตามกันนั่นแหล่ะ แต่ไอ้แม้ว มันให้ทำงานตามมัน รับใช้มัน แบบเบ็ดเสร็จ ข้าราชการก็ท้อแท้สิครับ กลายเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีไป ต้องคอยหันหางเสือตามไอ้แม้วบ้า หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: เพนกวินน้อยนักอ่าน ที่ 09-08-2006, 00:28 ดูเหมือนว่า พวกทักษิณ นี่ชอบแยก ข้าราชการ ออกจากความเป็นประชาชน
แยกปลาออกจากน้ำ แบ่งแยกแล้วปกครองเสียจริงๆ กระทู้นี้เป็นตัวอย่างของการพยายามสร้างความแตกแยก ในสังคม ประชาชนก็คน ข้าราชการก็คน ผมเห็นใจทั้งหมด และเกลียดแม้ว กับ สาวก มันมากๆ ครับ 8) หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 01:41 อ้าว...ก็เค้าปรับปรุงสภาพการทำงานในหมู่ข้าราชการก็เพื่อ
ทำงานรับใช้ประชาชนนี่ครับ...แล้วทำไมเขาถึงคิดว่ามันเป็นการเสื่อมเสียศักดิ์ศรีละครับ ถ้าไม่มีคนไล่บี้ ปล่อยให้เช้าชามเย็นชาม เหมือนแต่ก่อน มันจะรับใช้ประชาชนได้ยังไง แต่เค้าบอกว่าแบบนั้นมันดีกว่า ทำให้พวกเขามีศักดิ์ศรี อักโข.... ผมก็งงในตรรกะประหลาดๆ ของคุณเหมือนกันละครับ... คุณ ธส. บอกว่า ทำงานรับใช้สังคม ไม่ใช่ทำงานรับใช้ประชาชน ... นี่ผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่เลย...5555 หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: NiTeLiGhT ที่ 09-08-2006, 02:56 คน 1 คน = ประชาชน คนหนึ่ง
ประชาชน 1 คน + ประชาชน อีก 1 คน = สังคม สังคม 1 การที่ข้าราชการไทย จะรับใช้สังคมไทย หรือประชาชนไทย ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะยังไงๆ ก็รับใช้กันในประเทศไทย รับใช้สังคมไทย รับใช้คนไทย แต่ไอ้พวกข้าราชาการเลวๆ บางคน(ไม่ใช่ข้าราชการทุกคนไม่งั้นประเทศล่มจมไปนานแล้ว) ที่ไปรับใช้ต่างชาติ เพราะต้องทำตามนโยบายนักการเมืองเลวๆ นี่สิ คนเค้าถึงได้ออกมาด่ามันอยู่ทุกวันนี้ไง ไม่เข้าใจกันอีกเหรอ.... หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: นู๋เจ๋ง ที่ 09-08-2006, 09:02 ระบบราชการ คือเกียรติ เป็นภาคภูมิใจของคนไทยแต่โบราณ
ใครที่ได้รับใช้ชาติบ้านเมือง เป็นข้าราชการนี่คือ โก้ มาก เป็นคนดี คนเสียสละ เป็นที่รักใคร่นับหน้าถือตา เป็นข้าแผ่นดิน มีตราครุฑ บัดนี้มีนายหน้า พ่อค้า ริอ่านจะเปลี่ยนแปลงระบบล้างระบบข้าราชการ ปลดแหลก เปลี่ยนแหลก พ่อค้ามีเงินมาก จะล้มพระยา ทำไมไม่เปลี่ยนกองทัพ ทหาร เป็นบริษัทมหาชนด้วยเลยล่ะ ทันสมัยน๊า คำว่าปรับปรุงการทำงานแบบเก่าๆให้ทันสมัยก็ทำได้นะเพ่แมว ไม่ต้องล้างบางขนาดเอาครุฑออกแล้วเอา สิงโต มาใส่แทนหรอก ถ้าปล่อยให้นายแมว ปรับระบบราชการต่อไป อีกไม่นาน กระทรวง ทบวง กรม ได้เปลี่ยนเป็นตัวย่อ ให้ง่ายต่อการรับโลกาภิวัฒน์ ย่อ เป็นภาษาอังกฤษให้หมด อ้างว่าจำง่ายๆ เช่น กระทรวงการคลัง ก็เป็น TC (อย่าไปคิดว่าเป็น tucky+CP ล่ะ บาปก้ำบาปกำ) กระทรวงพลังงาน ก็ เรียกเป็น PSP ( ไม่ใช่น้องพจ + ชิน+ปตท นะ คิดมากไปได้) ปล่อยไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว พี่น้อง !!! หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 09-08-2006, 09:48 ถูกต้องครับพลเอกเปรมเป็นนายกสมัยนั้นเพราะพรรคการเมืองต่างๆไปเชิญท่านมาเป็น ท่านจึงไม่ค่อยสง่างามเท่าไหร่
ประชาชนบางส่วนก็ออกมาต่อต้าน ซึ่งคนที่ออกมาต่อต้านในสมัยนั้นก็ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศเช่นกัน และแล้วเมื่อถึงเวลาท่านก็บอกว่าผมพอแล้วทั้งๆที่ท่านจะอยู่ต่อก็ได้ทั้งๆที่ช่วงที่ท่านเป็นนายกก็ไม่เคยมีข่าวคราวการคอรัปชั่นเหมือนสมัยนี้เลย แต่ที่ท่านยอมถอยเพราะท่านไม่ต้องการเห็นความแตกแยกในสังคมต่างหาก ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยต่อต้านท่านในสมัยนั้น หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 09-08-2006, 10:06 เหยี่ยวเยอะจริง กระทู้นี้ ผมขอมาขำรูปพี่คิลนะครับ ทำผมขำกลิ้ง :lol:
หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: RiDKuN ที่ 09-08-2006, 12:11 ข้าราชการต้องทำงานในระบบครับ เพราะเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเ้จ้าอยู่หัว
ไม่ใช่ทำงานภายใต้อาณัติของผู้หนึ่งผู้ใด ที่จะสั่งงานตามอำเภอใจได้ แต่ทุกวันนี้มันไม่ใช่เช่นนั้น คนบางคนเห็นข้าราชการเป็นแค่ขี้ข้า จะสั่งซ้ายหันขวาหันอย่างไรก็ได้ สั่งให้ทำผิดกฎผิดระบบระเบียบบางทีก็ต้องทำ ข้าราชการจึงรู้สึกว่าถูกเหยียบย่ำ เป็นการเหยียบย่ำจากผู้มีอำนาจที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด ไม่ใช่จากประชาชนอย่างที่คุณ killer คิด แล้วก็อย่าอวดอ้างความดี การทำงานที่ดีขึ้นของข้าราชการ ผมเห็นมาก่อนยุคทักษิณแล้ว มีการพัฒนาที่ดีขึ้นมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งจะมาดีในยุคนี้ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 09-08-2006, 12:26 ข้าราชการต้องทำงานในระบบครับ เพราะเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเ้จ้าอยู่หัว ไม่ใช่ทำงานภายใต้อาณัติของผู้หนึ่งผู้ใด ที่จะสั่งงานตามอำเภอใจได้ แต่ทุกวันนี้มันไม่ใช่เช่นนั้น คนบางคนเห็นข้าราชการเป็นแค่ขี้ข้า จะสั่งซ้ายหันขวาหันอย่างไรก็ได้ สั่งให้ทำผิดกฎผิดระบบระเบียบบางทีก็ต้องทำ ข้าราชการจึงรู้สึกว่าถูกเหยียบย่ำ เป็นการเหยียบย่ำจากผู้มีอำนาจที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด ไม่ใช่จากประชาชนอย่างที่คุณ killer คิด แล้วก็อย่าอวดอ้างความดี การทำงานที่ดีขึ้นของข้าราชการ ผมเห็นมาก่อนยุคทักษิณแล้ว มีการพัฒนาที่ดีขึ้นมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งจะมาดีในยุคนี้ เห็นด้วยกับ คุณริดกุนมากๆ และ หนู ชอบกระทู้นี้จัง เป็นกระทู้ในฝันกระทู้หนึ่งค่ะ ข้าราชการสมัยคุณตา หนู รักศักดิ์ศักดิ์ แล เกียรติของการเป็นข้าราชการในระดับสูงมาก สมัยนี้ ข้าราชการถูกเกรฑ์มารับใช้ นักการเมืองมากที่สุดแล้ว ดังจะเห็นจากการขอความร่วมมือ ที่มิอาจปฏิเสธได้จากต้นสังกัด ...ต้องถามคุณลุง THE THIRD DAY WAY ค่ะ ท่านรู้ดี หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 12:46 ข้าราชการ กับนักการเมือง ในปัจจุบัน เขาทำงานกันเป็นทีมเวิร์ค
เป็นธรรมดาที่จะมองกันว่า นักการเมืองคอยชี้นำบงการ ก็แน่นอนครับ นักการเมืองต้องรับผิดชอบด้านนโยบายที่แถลงเอาไว้ต่อประชาชน และนำมาให้ข้าราชการปฏิบัติตาม สำเร็จหรือว่าล้มเหลว นักการเมืองต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ข้าราชการประจำทำได้เพียงเป็นกลไกในการทำงานในระดับปฏิบัติ ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว ไม่เห็นจะแปลกประหลาดหรือว่าทำให้เกียรติยศ ศักดิ์ศรีอะไรหมองลงไป ดีเสียอีก ถ้างานสำเร็จบรรลุเป้าหมาย ข้าราชการเองก็ได้เครดิต นักการเมืองได้หน้า ประชาชนแฮปปี้ Win Win ทุกฝ่าย ส่วนที่มองกันว่าเหมือนกับฝ่ายการเมืองมาชี้นำมากเกินไป นั่นเป็นเพราะวัฒนธรรมในการทำงานในองค์กรมันไม่เหมือนกัน บางองค์กรเขาชอบแบบนี้ บางองค์กรเขาไม่พอใจ ที่โดนกระทำแบบนี้ก็มี และอย่าคิดว่ารัฐบาลนี้ไปปรับเปลี่ยนเฉพาะโครงสร้าง ถ้าแค่นั้นละก็มันสูญเปล่า อย่าลืมว่า พรรคข้าราชการ มีอำนาจมหาศาลขนาดไหนในอดีต (ทุกวันนี้ก็ยังมีอำนาจอยู่) แล้วที่ผ่านๆมา ผลงานพรรคการเมืองนี้เป็นอย่างไร(ย้ำอีกที) ไม่ควรจะไปแตะต้องหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลยใช่หรือไม่ หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 13:35 ทักษิณแทบไม่ได้ปฏิรูปความคิดอะไรของข้าราชการส่วนที่เลวเลย ผักชีโรยหน้าแค่ปีแรกๆที่เข้ามา คิดได้แค่นั้น คนละบริบทกับยุคพลเอกเปรม เปรียบเทียบได้แค่นิดหน่อยตรง ที่ช่วงพลเอกเปรมบ้านเมืองเป็นเอกภาพกว่าทุกวันนี้มากและไทยออกจากวิกฤติช่วงนั้นได้อย่างสวยงาม แต่ทักษิณเป็นผู้สร้างวิกฤติมากมาย รวมทั้งปรากฎการแมวดิ้นตายไปทั่ว ทางแก้ไขคือ หยุดดิ้นและให้ความร่วมมือกับสังคมไทยยุคใหม่อย่างจริงจัง ในการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยที่รากหญ้าไม่ต้องรับผลกระทบของระบบทุนนิยมเครือญาติสุดโต่งดังเช่น ปัจจุบัน หันมา เอาจริงเอาจังปฏิบัติเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นรูปธรรมในประเทศไทย วางตำแหน่งต่างๆทางการเมืองลงเสีย โทษหนักจะเบาลง... หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 13:46 คุณคงเอาความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวมาตัดสินหรอกมั้ง
เอาแค่ปรับเปลี่ยนบทบาทของ สภาพัฒน์ฯ นี่ก็เท่ากับเจาะเข้าไปในใจกลางระบบแล้ว ในเรื่องพัฒนาคุณภาพข้าราชการ มันก็ต้องสังคายนาครั้งใหญ่กันเลยทีเดียว เพราะปัญหามันหมักหมม กันมานานนมเต็มทีแล้ว เขาก็กำลังพยายามทำกันอยู่ แต่จะให้บรรลุผลชั่วข้ามคืนเป็นไปได้ยาก แต่อย่างน้อยก็ได้เริ่มแล้ว หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 13:54 ผมลองยกตัวอย่างหน่วยงานดีกว่า สตช. กกต. จะเห็นว่า ควรเริ่มควบคู่กันไป โดยเฉพาะสตช. การเปลี่ยนแปลงที่เห็นเป็นเพียงกายภาพนิดหน่อยจริงๆ เทียบกับบทบาทของกทม.แล้ว กทม.ดูเด่นกว่ามากในเชิงการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนสัมผัสได้ ลองนึกดูเพราะอะไร?? หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 14:03 สตช.นั่นมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในสมัย เสธ.หนั่นนะครับ
แค่โครงสร้างทางตำแหน่งเพื่อรองรับ การเพิ่มตำแหน่งนายพล เหตุผลมันก็แค่นั้น ไม่ได้มุ่งหมายที่จะให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรในเนื้อหา อีกอย่างปัจจุบันตามรธน.ใหม่ มีหน่วยงานอื่นๆตั้งขึ้นมาคานอำนาจ สตช.อีกมากมาย อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน กกต.ก็เป็นหน่วยงานที่กำลังโดนวัฒนธรรมข้าราชการแบบเดิมๆครอบงำ เพิ่มกำลังพลมาก ๆๆๆ แทนที่จะเป็นเพียงแค่โครงสร้าง ตามเจตนารมณ์เดิม ที่ไปลอกแนวคิดเขามา กทม. ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ยังคงเป็นหน่วยงานแบบเดิมๆ ท่าทางคุณ 999 คงจะหลงลมไปกับเทคนิคการประชาสัมพันธ์รายวันของผู้ว่ารายนี้ไปเสียแล้ว เขาแค่รีแบรนด์ กทม.ให้ดูดี ดูเก๋ไก๋ ก็เท่านั้นแหละ ไม่ได้ทำอะไรเนื้อในเลย หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 14:23 หน่วยที่สัมผัสกับชีวิตประจำวันของประชาชนทุกระดับสำคัญมากครับ เพราะเป็นการปฏิสัมพันธ์ มีการสื่อสารสองทาง ดังนั้น เมื่อสตช.ไม่เปลี่ยน กกต.ไม่เปลี่ยน อย่าหวังว่ารัฐจะมีบทบาทเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก เพราะแสดงให้เห็นผลแล้วชัดเจน ส่วนของกทม. ก็มีเรื่องงานทะเบียนราษฎร์ การเก็บขยะ แล้วก็รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายครับ นับว่าพยายามตีฝ่าออกมาจากวังวนของภาพรวมที่บริหารโดยพรรคการเมืองในสภาพแวดล้อมที่การต่อสู้ทางการเมืองเป็นไปแบบเอากติกาเป็นสรณะ ทั้งที่ควรเป็นเพียงแค่วิธีการเล่นหรือทำงานร่วมกัน ไปสู่เป้าหมายที่ดีกว่า ต้องไม่ยึดติดกับตำแหน่งแล้วก็ต้องไม่แสวงหาความได้เปรียบเพราะถืออำนาจอยู่ ย้อนมาที่ตัวทักษิณ ไม่มีทางเลยที่ทักษิณจะเปลี่ยนใจคนเมืองส่วนที่ต่อต้านได้ เพราะความเชื่อถือในตัวถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้วครับ ควรปล่อยเขาไปเพื่อรักษาระบบส่วนที่ยังพอใช้การได้เอาไว้...หากทักษิณต้องการจะฟอกตัวก็ต้องไปขึ้นศาล และยอมชี้แจงตรงไปตรงมาทุกประเด็น แต่โอกาสผ่านนั้นถือว่าแทบไม่มีก็ได้... เพราะมีคนตัดสินใจต่อต้านระบอบทักษิณอย่างจริงจังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา.. หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 09-08-2006, 14:32 สตช. กับ กกต. มันคนละเรื่อง คนละโลกกันเลย
บทบาทคนละหน้าที่ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กกต.มีงานหลักคือจัดการเลือกตั้ง กับ สนับสนุนกิจกรรมพรรคการเมือง สตช. นี่เป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ที่ทุกวันนี้ยังไม่ได้กระดิกเปลี่ยนแปลงอะไรเลย นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมา จากเดิมเป็นกรมตำรวจ ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกเยอะในอนาคต เพราะมันมีหน่วยงานอื่นมาคานอำนาจเพิ่มมากขึ้น กทม. มันเปลี่ยนแปลงมานานแล้วครับ ไม่ใช่เพิ่งเมื่อผู้ว่าฯอภิรักษ์ เข้ามาเป็น เริ่มเป็นมิตรมากขึ้น ที่ผมพูดไม่ได้หมายถึง ผลงานพวกนั้น ผมหมายถึง บุคลากรในหน่วยงาน เรื่องทักษิณ อะไรนั่น ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของแกจะตัดสินใจเองเถอะ ถ้าคนเชียร์กันเยอะๆ แกก็คงวางมือลำบาก แต่ถ้าคนเชียร์แกน้อย ก็วางมือไป เท่านั้นเอง ส่วนคนอื่นที่จะมาทำหน้าที่แทนแก จะพัฒนาประสิทธิภาพข้าราชการไปในรูปแบบไหน อันนี้ก็แล้วแต่สติปัญญาความสามารถ ของคนๆนั้น หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: HILTON (ปาล์มาลี) ที่ 09-08-2006, 22:05 คุณ meteorite สงสัยจะโดนเป่าหูมาอย่างผิดๆ เกี่ยวกับกรณี ปลัดสมชาย เรื่องการต่ออายุราชการในตำแหน่ง ปลัดกระทรวง เขามีกำหนดเอาไว้ห้ามอยู่ในตำแหน่งเกิน 4 ปี ถ้ายังงงอยู่ก็คงต้องปล่อยให้งงอยู่อย่างนั้นล่ะครับ....5555 คุณ HIlTON แล้วที่ผ่านๆมาระบบราชการมันดีเลิศประเสริฐศรี มากนักหรืออยา่งไรมิทราบ ที่ผ่านๆมา มีแต่เขาบ่นเบื่อหน่าย ในพฤติกรรมการทำงาน ประสิทธิภาพ ที่ล้าหลัง ตามไม่ทัน การเจริญเติบโตของประเทศ มีแต่ฉาบฉวย ผักชีโรยหน้า เล่นพรรคเล่นพวก ไม่แยแสประชาชน เออ..จริง เดียวนี้เขามาบ่นเบื่อโคตร กับรัฐบาลท้ากสินแทน :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 09-08-2006, 22:37 ยุคนี้ถือว่าเป็นยุคอัปมงคลของข้าราชการผู้สัตย์ซื่อ
แต่เป็นยุครุ่งเรื่องของข้าราชการผู้ทยานอยาก กี่อธิดี กี่ปลัดกระทรวง กี่ผู้ว่าซีอีโอ และระดับผู้บังคับบัญชา ที่ต้องสังเวยอำนาจอันเบ็ดเสร็จ การแต่งตั้งให้เข้าสู่อำนาจ ผช.ผบ.ตร.อาวุโสลำดับที่๒๖ ย้ำ ลำดับที่ ๒๖ ขึ้นเป็นรองผบ.ตร.หน้าตาเฉย ไปหาชื่อดูเอาเอง แต่งตั้งทหารจากที่ปรึกษาทบ. ในวงการถือว่าหลุดวงจรไปแล้ว มาเป็นผช.ผบ.ทบ. แล้วมาเป็นผบ.ทบ. ไปหานามสกุลดูเองละกัน อัปมงคล เมื่อครั้งมีการขัดแย้งทางการเมือง ทั้งก่อนและหลังยุบสภา มีการเกณฑ์ประชาชน โดยเฉพาะเขตปริมณฑล จังหวัดละกี่คนแล้วแต่เล็กใหญ่ ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย สาธารณสุข และเกษตรและสหกรณ์เป็นหลัก มีงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของเราๆท่านๆนี่แหละสนับสนุนไม่อั้น ข้าราชการชั้นผู้น้อยบางคนถึงกับดื้อแพ่งไปแจ้งความร้องทุกข์ก็มี บางจังหวัดเดี๋ยวนี้ยังมีปัญหาอยู่เลย เรื่องการปฏิรูประบบราชการไม่ต้องดูอื่นใกล มีการยุบ เพิ่ม ระเนระนาด จับต้นชนปลายไม่ถูก ตั้งก.พ.ร. เพื่อมาเป็นเครื่องมือทับซ้อนกับก.พ. แจกจ่ายเงินโบนัส ปลัดกระทรวงรับเป็นแสนๆ ระดับล่างๆคนละหลักร้อยถึงหลักพัน จนมีคำประท้วงว่า คุณจะให้อย่างไรก็ไม่ว่าแต่อย่าเรียกว่าเงินรางวัลหรือโบนัส ควรจะเรียกว่า นี่คือเศษอาหารที่โยนให้สัตว์เลี้ยงที่เชื่องแล้วเท่านั้น เหนื่อยครับ หายเหนื่อยแล้วมีต่อ :mozilla_cry: หัวข้อ: Re: ผลวิจัย ข้าราชการไทยรู้สึกตกต่ำสุดๆ/แต่ประชาชนรู้สึกว่าตนเองเฟื่่องฟูสุดๆ เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 10-08-2006, 11:33 นี่กำลังจะบอกว่า สมัยก่อนนี้ ระบบราชการของเรา เพอร์เฟค อยู่แล้วว่างั้นเถอะ
ก็แนวทางบริหารเค้าเป็นอย่างนี้น่ะ เค้าต้องรับผิดชอบต่อประชาชน เขาก็ต้องทำอย่างที่เขาคิดว่า มันจะบรรลุเป้าหมายได้ ให้เร็วที่สุด มันเป็นเทคนิคในการบริหารงานของเขา ก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเป็นธรรมดา |