ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เมื่อคืนดูทีวีช่องเก้า  ตอนคั่นรายการเห็นโฆษณาของพรรคประชาธิปัตย์แล้วอดที่จะวิพากษ์
ไม่ได้

   พอดูไปแล้วดูเหมือนเป็นโฆษณาคั่นรายการมากกว่าทำไมไม่ใช้คำว่า  พรรค สักคำเดียว
  มีแต่คำว่า  ผม    ผม  มิใช่  นโยบายของพรรคนะคะ  มันเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลมากกว่า


  ใคร่ขอเสนอแนะว่าดังนี้นะคะ  ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เล่นสองเรื่อง  อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพไปเลยคือ



หนึ่ง  พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินนโยบายตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
  ให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เห็นผลชัดเจนในคนไทยทั่วทุกภาคของประเทศ

 
พรรคประชาธิปัติย์จะปฏิรูปสังคมโดยการปฏิรูปโครงสร้างสังคมครอบครัว  ให้พ่อแม่เป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างที่ดีของลูก
  เน้นพ่อแม่ปลูกฝังอบรมลูกให้เป็นคนดีของสังคมโดยดึงกระทรวงพัฒนาสังคมมาช่วยปฏิรูปสังคมอย่างจริงจังควบคู่ไปกับปฏิรูป
การศึกษาโดยเน้นความสำคัญของผู้เรียนให้เก่ง  ดี  มีความสุขอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน 


  ขอเสนอแนะสองข้อ  ที่ประเทศไทยควรพัฒนาอย่างเร่งด่วนในตอนนี้

   สมาชิกในบอร์ดนี้  เห็นด้วยหรือเห็นต่างอย่างไรนำข้อคิด  ข้อเสนอแนะมาแลกเปลี่ยนมาคุยกันได้

จากสปอร์ตโฆษณา เข้าใจว่าต้องการชูให้อภิสิทธิ์เป็นแคนดิเดตที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายก ผมว่าเรื่องนโยบายเดี๋ยวคงมีตามออกมาแน่ ส่วนเรื่องนโยบายที่จขกท.เสนอ เห็นด้วยครับ

ผมเห็นด้วยกับ...คุณคำตัดพ้อของใบไม้ทั้ง 2 ข้อ
เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงนั้น น่าจะเป็นงานใหญ่ของประชาธิปัตย์เลยนะ
เพราะต้องรื้อโครงสร้างเก่าของระบอบทักษิณ ที่ฝังรากลึกมากแล้ว

ที่จริงประเทศไทย  หลักใหญ่เลยในตอนนี้
ที่ควรเล่น  ที่ควรนำมาจับมาแก้ไขมาพัฒนา
อย่างจริงจังเลยคือเรื่อง  เศรษฐกิจพอเพียง
ทำให้จริง  ติดตามประเมินผลอย่างจริงจัง
สืบค้นปัญหาอย่างจริงจัง  พรรคใดทำได้
ประสบผลสำเร็จถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์
แดงทันที่


เศรษฐกิจพอเพียง

 

     “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ



ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

    เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี

    ประมวลและกลั่นกรองจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ รวมทั้งพระราชดำรัสอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำไปเผยแพร่ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2542 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายและประชาขนโดยทั่วไป 



" เศรษฐกิจพอเพียง แปลว่า Sufficiency Economy
… คำว่า Sufficiency Economy นี้ไม่มีในตำราเศรษฐกิจ.
จะมีได้อย่างไร เพราะว่าเป็นทฤษฎีใหม่
… Sufficiency Economy นั้น ไม่มีในตำรา
เพราะหมายความว่าเรามีความคิดใหม่ …
และโดยที่ท่านผู้เชี่ยวชาญสนใจ ก็หมายความว่า
เราก็สามารถที่จะไปปรับปรุง หรือไปใช้หลักการ
เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจของประเทศและของโลกพัฒนาดีขึ้น. "

พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 23 ธันวาคม 2542


Sufficiency Economy

   “Sufficiency Economy” is a philosophy bestowed by His Majesty the King to his subjects through royal remarks on many occasions over the past three decades. The philosophy provides guidance on appropriate conduct covering numerous aspects of life. After the economic crisis in 1997, His Majesty reiterated and expanded on the “Sufficiency Economy” in remarks made in December 1997 and 1998. The philosophy points the way for recovery that will lead to a more resilient and sustainable economy, better able to meet the challenges arising from globalization and other changes.



Philosophy of the “Sufficiency Economy”

    “Sufficiency Economy” is a philosophy that stresses the middle path as an overriding principle for appropriate conduct by the populace at all levels. This applies to conduct starting from the level of the families, communities, as well as the level of nation in development and administration so as to modernize in line with the forces of globalization. “Sufficiency” means moderation, reasonableness, and the need of self-immunity for sufficient protection from impact arising from internal and external changes. To achieve this, an application of knowledge with due consideration and prudence is essential. In particular great care is needed in the utilization of theories and methodologies for planning and implementation in every step. At the same time, it is essential to strengthen the moral fibre of the nation, so that everyone, particularly public officials, academics, businessmen at all bevels, adheres first and foremost to the principles of honesty and integrity. In addition, a way of life based on patience, perseverance, diligence, wisdom and prudence is indispensable to create balance and be able to cope appropriately with critical challenges arising from extensive and rapid socioeconomic, environmental, and cultural changes in the world.”

    Unofficial translation. A working definition compiled from remarks made by His Majesty the King on various occasions and approved by His Majesty and sent by His Majesty's principal Private Secretary to the NESDB on November 29,1999 



" อันนี้เคยบอกว่า ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า
ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว
จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป
แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร
บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้
แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก "

พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2540


 



ข้อมูลจาก
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

จัดเว็บเพจทำโดย
กรมส่งเสริมการเกษตร

http://www.doae.go.th/report/SE/html/01.htm  

ปชป กำลังคิดแต่ไทยรักไทยทำไปหมดแล้วเมื่อ5ปีที่ผ่านมา

และตอนนี้กำลังจดสิทธิบัตรนโยบายอยู่กลัวว่า ปชปจะก๊อบปี่ เสร็จเมื่อไหร่จะ โค สะ นา บ้าง

   สองเรื่องใหญ่ที่กล่าวมา  ยังไม่เห็น ทรท ทำอย่างชัดเจนนะคะ
เมื่อห้าปีที่ผ่านมา  ถ้าทำชัดเจน 

  คนไม่ฟุ้งเฟ้อ  วัยรุ่นไม่เห็นแก่ค่านิยมทางด้านวัตถุเช่นนี้หรอกค่ะ
และสังคมไม่เสื่อมเช่นนี้หรอก  ที่ผ่านมากระทรวงพัฒนาสังคม
มนุษย์ยังไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะคะ

  ศาสนาและการศึกษาควรเน้นไปพร้อมๆกัน  บูรณาการกัน
ประทานโทษนะคะ  ไม่ทราบคุณเคยฟังญาติผู้ใหญ่เล่ามั๊ยคะ
คนสมัยก่อนต้องไปเรียนหนังสือที่วัด  เรียนทั้งเรื่องที่จะ
ใช้ทำมาหากิน  และเรียนเรื่องการทำจิตใจให้เป็นคนดี

คือ การศึกษามันนำหน้าศาสนาไปไกลแล้ว ให้ศาสนาตามไปทันก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกัน
อย่าหาว่าผมจับผิดเลยนะ ม.ม้า เค้าใช้ไม้โท
การปฏิรูปศาสนามันยากมากครับ ตั้งกระทู้ใหม่แล้วผมจะมาให้ความเห็นด้วย

    :) :) :)  คุณคิลเลอร์คะ  ในธรรมชาติ คนเรามีจิตสำนึก มีอุปนิสัยธาตุแท้
เนื้อแท้ที่แตกต่างกันมาก  ไม่งั้นเขาคงไม่ต้องใช้อำนาจศาลเข้ามาตัดสินคดี
หรอกค่ะ  บางคนดีเนื้อแท้  ดีในสายเลือด  บางคนต้องสอนต้องอบรมถึงจะดีได้
บางคนต้องได้รับการลงโทษจึงจะดีได้  บางคนดีชั่วคราวเดี๋ยวก็เลวอีก
บางคนดีถาวร  ฯลฯ

  ถ้าไม่เอาอำนาจรัฐเข้ามาจับ  เข้ามาช่วย  ในความที่แตกต่างกันเช่นนี้
บ้านเมืองก็สงบได้ยากค่ะ  แต่ถ้าระดมพลังช่วยกันทุกภาคส่วนมิว่าจะเป็น
ครอบครัว  สถาบัน  สังคม  และอำนาจรัฐ  บ้านเมืองก็สงบได้ค่ะท่าน


  ตัวอย่างที่เห็นๆๆ  เช่นกรณีดูหมิ่นศาลไงคะ  ถ้าไม่เอาอำนาจศาล
เข้ามาจับ   เรื่อง  กกต  ถ้าไม่เอาอำนาจรัฐเข้ามาจับ  ป่านนี้  กกต
ก็ยังไม่ลาออกหรอกค่ะ

คือคุณพี่คิลจะบอกว่า ใครจะทำอะไรก็ทำ อย่าไปยุ่งกะเขา

ไม่งั้นจะเสียฐานเสียง?

แต่สำหรับผมจะชอบมากถ้ารัฐบาล กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง

เหมือนอย่างที่น้าปุ ออกมาจัดระเบียบสังคม ผมชอบมากเลย...

ไอเดีย ของคุณคำตัดพ้อของใบไม้ และ นู๋เจ๋ง น่าจะครอบคลุมเพียงพอแล้ว

   เรื่องร้านเกมส์  เรื่องบลอกเวบโป๊  ทำแค่ลูบหน้าปะจมูก  เห็นฮือฮาอยู่ระยะหนึ่ง
 ก็นี่ละคะคือมาตรการที่ช่วยให้คนเป็นคนดีทางอ้อมได้นี่คะตอนนี้กลับมาเหมือนเดิม
อีกนะคะ  คุณคิลเลอร์ขา

ส่วนเรื่องโซนนิ่งบริการ  เรื่องห้ามจำหน่ายสุราก็เช่นกัน  ฮือฮาตอนแรกเท่านั้น
พอตอนหลังเห็นตอนนี้ทุกอย่างกลับเข้าที่

   กลัวคนในชาติไม่เป็นคนดี  กับกลัวฐานเสียง  ถ้ารักชาติจริง
ควรกลัวอะไรมากกว่ากันล่ะคะ