หัวข้อ: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 22:22 ในสายตาของผม ทั้งเท่าเทียมและไม่เท่าเทียมก็เป็นเพียงข้ออ้างครับ บางทีก็ฟังขึ้น บางทีก็ฟังไม่ขึ้น !!! เดินไปข้างหน้าไปสู่ความเจริญก็ดีทั้งสิ้น อยู่ที่อะไรอยู่ข้างหลังเราบ้าง?? น่าคิดเหมือนกัน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกอย่างจะเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ในท่วงทำนองและทิศทางเดียวกัน จนเท่าเทียมกันได้ทุกมิติ จริงหรือไม่จริง... ผมตั้งกระทู้เพื่อรับฟังมากกว่าตอบคำถามนะครับ บอกไว้ก่อน..!!! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: varada ที่ 05-08-2006, 22:38 หมายถึงการเล่นเวปบอร์ดหรือเปล่า
คนนึงหล่ะ ที่ไม่ใช่สิทธิ์การเป็นหญิงปกป้องตัวเองจากการถูกด่า แต่.........อดไม่ได้ถ้าเห็นการเอาเพศแม่มาเหยียบย่ำทางเพศในหน้าเวป มันเหมือนเห็นคนกำลังจะโดนข่มขืน ต้องขอเอาตีนยันใอ้เจ้าพวกที่มุงกันอยู่สักป๊าบสองป๊าบ ยกตัวอย่าง ไม่ว่าใครจะตั้งกระทู้ด่าว่าหน่อย-สุดารัตน์เป็นเมียน้อยทักษิน หรือหาว่าแบมเป็นเมียน้อยบรรหาร ถ้าดิฉันเห็นกระทู้แบบนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นคนตั้ง(รวมทั้งคนเชียร)ดิฉันเข้าไปลุยด้วยแน่นอน ต่อให้คนๆนั้น เป็นคนที่เคยนับถือกันทางความคิดก็ตาม :evil: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 22:43 แปะภาพประดับกระทู้ครับ ดูเพลินๆก็ได้.. :D :mozilla_cool: (http://img439.imageshack.us/img439/2237/strangetrianglestx4.jpg)(http://img216.imageshack.us/img216/9369/strangedayjj2.jpg) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 22:45 สวัสดีครับ :D :mozilla_cool: หมายถึงการเล่นเวปบอร์ดหรือเปล่า คนนึงหล่ะ ที่ไม่ใช่สิทธิ์การเป็นหญิงปกป้องตัวเองจากการถูกด่า แต่.........อดไม่ได้ถ้าเห็นการเอาเพศแม่มาเหยียบย่ำทางเพศในหน้าเวป มันเหมือนเห็นคนกำลังจะโดนข่มขืน ต้องขอเอาตีนยันใอ้เจ้าพวกที่มุงกันอยู่สักป๊าบสองป๊าบ ยกตัวอย่าง ไม่ว่าใครจะตั้งกระทู้ด่าว่าหน่อย-สุดารัตน์เป็นเมียน้อยทักษิน หรือหาว่าแบมเป็นเมียน้อยบรรหาร ถ้าดิฉันเห็นกระทู้แบบนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นคนตั้ง(รวมทั้งคนเชียร)ดิฉันเข้าไปลุยด้วยแน่นอน ต่อให้คนๆนั้น เป็นคนที่เคยนับถือกันทางความคิดก็ตาม :evil: แสดงว่าสิ่งที่เขาพูด จริงหรือไม่จริงก็พูดกันไม่ได้หรือ?? :D :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 05-08-2006, 22:49 ผู้ชายหน้าอกจะเล็กกว่าผู้หญิง แน่นอนเพราะสรีระออกแบบมาแบบนี้ มันไม่ใช่ข้ออ้างค่ะ มันเป้นความจริง
มันไม่เท่าค่ะ เรียกร้องยังไงมันก็ไม่เท่า :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 500 ที่ 05-08-2006, 22:52 ผู้ชายหน้าอกจะเล็กกว่าผู้หญิง แน่นอนเพราะสรีระออกแบบมาแบบนี้ มันไม่ใช่ข้ออ้างค่ะ มันเป้นความจริง มันไม่เท่าค่ะ เรียกร้องยังไงมันก็ไม่เท่า :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: เอิ๊กกกก :shock: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 22:53 ผู้ชายหน้าอกจะเล็กกว่าผู้หญิง แน่นอนเพราะสรีระออกแบบมาแบบนี้ มันไม่ใช่ข้ออ้างค่ะ มันเป้นความจริง มันไม่เท่าค่ะ เรียกร้องยังไงมันก็ไม่เท่า :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: อิอิ เล็กน่ะ หลายคน ไม่เล็กกว่าหรอกครับ แต่ก็ไม่นูนโด่งเหมือนของผู้ฉิงอ่ะครับ :mozilla_sealed: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 05-08-2006, 22:53 ผู้ชายหน้าอกจะเล็กกว่าผู้หญิง แน่นอนเพราะสรีระออกแบบมาแบบนี้ มันไม่ใช่ข้ออ้างค่ะ มันเป้นความจริง มันไม่เท่าค่ะ เรียกร้องยังไงมันก็ไม่เท่า :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: หนูอนา!!!! เฮ้... เพื่อน ไปๆๆ กลับบ้าน.. :roll: :roll: :roll:... :mozilla_sealed: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 05-08-2006, 22:54 ผู้ชายหน้าอกจะเล็กกว่าผู้หญิง แน่นอนเพราะสรีระออกแบบมาแบบนี้ มันไม่ใช่ข้ออ้างค่ะ มันเป้นความจริง มันไม่เท่าค่ะ เรียกร้องยังไงมันก็ไม่เท่า :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: ให้ตายเถอะครับ จากประสพการณ์จรัง ผู้หญิงบางคนนี่แบนสนิทจริงๆ เห็นแล้วสงซ้าร สงสาร :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: varada ที่ 05-08-2006, 22:56 ใบไม้ฯ
ผู้ชายบางคนก็ใหญ่กว่าผู้หญิงนะ ไปดูเจ้าล่ำจังสิ อกมันหลายศอกเลย จขกท. เราไม่ได้ไปอยู่ใต้เตียงเขานะคะ เพราะฉะนั้นอย่าสาระแนในเรื่องสกปรกเ ว้นเสียแต่เจ้าตัวเขาออกมายอมรับ หรือมีคลิ๊บหลุดออกมา นั่นสิค่อยวิจารณ์ได้ ในแง่ที่เขาทำผิดศีลธรรม หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 22:56 คือผมว่าความหลากหลาย เป็นความงามของโลก ส่วนความเป็นระเบียบก็น่ารักดี แต่ก็ไม่ได้หมายถึงเอาสิ่งต่างๆที่เหมือนกันหมดทุกประการ(ซึ่งความจริงไม่มี) มาจัดเรียงไว้ในกล่องใบเดียวกัน เป็นเรื่องที่ว่าเอาอะไรไปใส่ในกล่องแต่ละใบบ้างแบบนั้นมากกว่า.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 05-08-2006, 22:59 สิ่งที่เท่าเทียมกัน
ได้บริโภคสื่อเฮงซวยพอๆกัน ได้อยู่ในประเทศที่มีผู้บกพร่องโดยสุจริต เป็นผู้นำ มีสองมือเท่ากัน มีหัวใจคนละดวง มีความรักและความหวังที่ต่างกัน มีรัก โลภ โกรธ หลง พอๆกัน มีลูกบ้าเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่าง นับไม่ถูก มึนตึ๊บ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 05-08-2006, 22:59 อืม น่าคิด น่าคิด จริงๆ ว่า "อนา"เนี่ย ชื่อเต็มๆว่าอะไร คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:00 ใบไม้ฯ ผู้ชายบางคนก็ใหญ่กว่าผู้หญิงนะ ไปดูเจ้าล่ำจังสิ อกมันหลายศอกเลย จขกท. เราไม่ได้ไปอยู่ใต้เตียงเขานะคะ เพราะฉะนั้นอย่าสาระแนในเรื่องสกปรกเ ว้นเสียแต่เจ้าตัวเขาออกมายอมรับ หรือมีคลิ๊บหลุดออกมา นั่นสิค่อยวิจารณ์ได้ ในแง่ที่เขาทำผิดศีลธรรม สกปรกเพราะมันอยู่ผิดที่ กรอบศีลธรรมต้องดูว่าข้อไหนนะครับ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:06 เชื่อไม๊ ผมเคยถกเถียงเรื่องของจริงๆ นี่มามากเหมือนกัน แต่พอถึงที่สุดมักไม่ยอมรับความจริง ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งนั้นที่คนเลือกจะรับหรือไม่รับนี่ สุดท้ายถูกกฎที่เหนือกว่าบังคับไปเองครับ เช่น กรณี3หนา เป็นต้น.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:10 ถกได้เต็มที่เลยครับ ไม่ต้องรีรอ หรือจะเปิดตำราคุยกันก็ได้ ไม่เป็นไร โจทย์เปิดครับ... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:12 อืม น่าคิด น่าคิด จริงๆ ว่า "อนา"เนี่ย ชื่อเต็มๆว่าอะไร คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ คิดดังอีกนิด พูดออกมาแล้วก็ต้องติดตามใคร่รู้ครับ?? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 05-08-2006, 23:21 ถ้าผู้ชายมีหน้าอกใหญ่กว่าผู้หญิงนะ ผู้ชายก็ต้องมีคัพ ไซน์ของหน้าอกจิค่ะ ถูกไหม
เพราะมันเล็ก ไม่หลากหลายเหมือนผู้หญิง เลยไม่มีคัพไง หญิงจะเล็กจะแบนยังไงก็ยังมีคัพของเขา ดีไม่ดี เสริมเติมแต่งก็ได้ ยิ่งทำหย่ายๆๆ ครายล่ะค่ะชอบๆๆๆ อ่ะๆๆ ถ้าผู้ชายอยากจะทำหย่ายๆๆก็ได้ค่ะ แต่ก็อย่ามาเรียกร้องให้สังคมยอมรับในเพศที่สาม ล่ะ :mrgreen: ส่วนผู้ชายแท้ๆๆ เรียกร้องอะไรค่ะ บอกหนูได้ป่าว อิอิ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:23 จริงแล้ว ผมก็ศึกษาพุทธศาสนาในเชิงปรัชญา เราก็ค้นหรือยกมาอ้างได้ครับ เรื่องศีล หรือพระไตรปิฏก แต่อย่า เข้าใจเอาเองผิดเพี้ยนตามใจก็คงไม่ได้ และไม่ถูกแน่นอนครับ!!! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 05-08-2006, 23:26 อืม น่าคิด น่าคิด จริงๆ ว่า "อนา"เนี่ย ชื่อเต็มๆว่าอะไร คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ หนูอนา ชื่อจริงเต็มๆว่า นางสาว อนาถร ค่ะ หนูอนาขอโอยาซุมิล่ะค่ะ ขอโทษที่มาป่วนกระทู้ ลุง 999 น๊าคร๊า :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:27 ถ้าผู้ชายมีหน้าอกใหญ่กว่าผู้หญิงนะ ผู้ชายก็ต้องมีคัพ ไซน์ของหน้าอกจิค่ะ ถูกไหม เพราะมันเล็ก ไม่หลากหลายเหมือนผู้หญิง เลยไม่มีคัพไง หญิงจะเล็กจะแบนยังไงก็ยังมีคัพของเขา ดีไม่ดี เสริมเติมแต่งก็ได้ ยิ่งทำหย่ายๆๆ ครายล่ะค่ะชอบๆๆๆ อ่ะๆๆ ถ้าผู้ชายอยากจะทำหย่ายๆๆก็ได้ค่ะ แต่ก็อย่ามาเรียกร้องให้สังคมยอมรับในเพศที่สาม ล่ะ :mrgreen: ส่วนผู้ชายแท้ๆๆ เรียกร้องอะไรค่ะ บอกหนูได้ป่าว อิอิ เรียกร้องให้ผู้หญิงเป็นผู้หญิงที่น่ารัก น่าทนุถนอมครับ พูดแบบนี้เดี๋ยวหาว่าสุภาพไป ก็จะเปลี่ยนโทนว่า อยากให้น่ารักตลอดเวลาอ่ะดิ... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 05-08-2006, 23:28 ถ้าผู้ชายมีหน้าอกใหญ่กว่าผู้หญิงนะ ผู้ชายก็ต้องมีคัพ ไซน์ของหน้าอกจิค่ะ ถูกไหม เพราะมันเล็ก ไม่หลากหลายเหมือนผู้หญิง เลยไม่มีคัพไง หญิงจะเล็กจะแบนยังไงก็ยังมีคัพของเขา ดีไม่ดี เสริมเติมแต่งก็ได้ ยิ่งทำหย่ายๆๆ ครายล่ะค่ะชอบๆๆๆ อ่ะๆๆ ถ้าผู้ชายอยากจะทำหย่ายๆๆก็ได้ค่ะ แต่ก็อย่ามาเรียกร้องให้สังคมยอมรับในเพศที่สาม ล่ะ :mrgreen: ส่วนผู้ชายแท้ๆๆ เรียกร้องอะไรค่ะ บอกหนูได้ป่าว อิอิ ผุ้ชายใหญ่ไม่เป็นไรครับ เพราะใหญ่แล้วไม่มียาน เลยไม่ต้องมีบรา :mrgreen: พอดีกว่า พากระทู้ออกทะเลอีกแล้ว เพราะใบไม้ทะเลแท้ๆเลย :mrgreen: ขอโทษท่าน จขกท.ด้วยครับ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 05-08-2006, 23:30 อนาครับ ขอให้คงความเป็นวิชาการไว้นะครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นอนาจารนะครับ
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 05-08-2006, 23:31 ถ้าผู้ชายมีหน้าอกใหญ่กว่าผู้หญิงนะ ผู้ชายก็ต้องมีคัพ ไซน์ของหน้าอกจิค่ะ ถูกไหม เพราะมันเล็ก ไม่หลากหลายเหมือนผู้หญิง เลยไม่มีคัพไง หญิงจะเล็กจะแบนยังไงก็ยังมีคัพของเขา ดีไม่ดี เสริมเติมแต่งก็ได้ ยิ่งทำหย่ายๆๆ ครายล่ะค่ะชอบๆๆๆ อ่ะๆๆ ถ้าผู้ชายอยากจะทำหย่ายๆๆก็ได้ค่ะ แต่ก็อย่ามาเรียกร้องให้สังคมยอมรับในเพศที่สาม ล่ะ :mrgreen: ส่วนผู้ชายแท้ๆๆ เรียกร้องอะไรค่ะ บอกหนูได้ป่าว อิอิ ผุ้ชายใหญ่ไม่เป็นไรครับ เพราะใหญ่แล้วไม่มียาน เลยไม่ต้องมีบรา :mrgreen: พอดีกว่า พากระทู้ออกทะเลอีกแล้ว เพราะใบไม้ทะเลแท้ๆเลย :mrgreen: ขอโทษท่าน จขกท.ด้วยครับ ขอโทษนะค่ะ แต่หนูจำเป็นต้องพูดค่ะ ไม่งั้นหนูนอนไม่หลับแน่นอน ((((((((((((((แล้วมันยานเพราะอารายยยยยยยยยยย))))))))))))))))) :twisted: :twisted: :twisted: ชะแว๊บปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:31 อ้างถึง หนูอนาขอโอยาซุมิล่ะค่ะ ขอโทษที่มาป่วนกระทู้ ลุง 999 น๊าคร๊า ผมไม่เคยยอมให้ใครเรียกลุงง่ายหรอกน้องสาววว อย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันอีกก็แล้วกัน เอ้า ฝันดี เรียนจบเร็ว ..!!! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 05-08-2006, 23:33 อ้างถึง หนูอนาขอโอยาซุมิล่ะค่ะ ขอโทษที่มาป่วนกระทู้ ลุง 999 น๊าคร๊า ผมไม่เคยยอมให้ใครเรียกลุงง่ายหรอกน้องสาววว อย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันอีกก็แล้วกัน เอ้า ฝันดี เรียนจบเร็ว ..!!! ธุจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คงปู่....999 Arikato gosaimusu kra have a good night........... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:33 อนาครับ ขอให้คงความเป็นวิชาการไว้นะครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นอนาจารนะครับ ไม่คร่ำเคร่งก็บันเทิงดีครับ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:35 อ้างถึง หนูอนาขอโอยาซุมิล่ะค่ะ ขอโทษที่มาป่วนกระทู้ ลุง 999 น๊าคร๊า ผมไม่เคยยอมให้ใครเรียกลุงง่ายหรอกน้องสาววว อย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันอีกก็แล้วกัน เอ้า ฝันดี เรียนจบเร็ว ..!!! ธุจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คงปู่....999 Arikato gosaimusu kra have a good night........... คดจิรา โคโซ่ฯ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:41 อ้างถึง หนูอนาขอโอยาซุมิล่ะค่ะ ขอโทษที่มาป่วนกระทู้ ลุง 999 น๊าคร๊า ผมไม่เคยยอมให้ใครเรียกลุงง่ายหรอกน้องสาววว อย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันอีกก็แล้วกัน เอ้า ฝันดี เรียนจบเร็ว ..!!! ธุจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คงปู่....999 Arikato gosaimusu kra have a good night........... คดจิรา โคโซ่ฯ.. รู้น๊า..หนีไปตั้งหลัก อิอิ ตามสะดวกครับ.. มาเมื่อไรอย่าลืมรอด้วยก็แล้วกัน อย่าเร่งมาก ถึงไม่แก่บางครั้งก็ต้องรักษาระดับไม่เร่งจนเกินไปครับ... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:44 กระทู้ถกเถียง จะเป็นกระทู้ที่คุยกันสนุกได้เสมอ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมกระทู้ และหรือจะต่อเปิดประเด็นในกรอบของหัวกระทู้ครับ จากใจจริง คุณวราดา มาคุยด้วยคนแรก ขอบคุณอีกครั้งครับ.... หมายถึงการเล่นเวปบอร์ดหรือเปล่า คนนึงหล่ะ ที่ไม่ใช่สิทธิ์การเป็นหญิงปกป้องตัวเองจากการถูกด่า แต่.........อดไม่ได้ถ้าเห็นการเอาเพศแม่มาเหยียบย่ำทางเพศในหน้าเวป มันเหมือนเห็นคนกำลังจะโดนข่มขืน ต้องขอเอาตีนยันใอ้เจ้าพวกที่มุงกันอยู่สักป๊าบสองป๊าบ ยกตัวอย่าง ไม่ว่าใครจะตั้งกระทู้ด่าว่าหน่อย-สุดารัตน์เป็นเมียน้อยทักษิน หรือหาว่าแบมเป็นเมียน้อยบรรหาร ถ้าดิฉันเห็นกระทู้แบบนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นคนตั้ง(รวมทั้งคนเชียร)ดิฉันเข้าไปลุยด้วยแน่นอน ต่อให้คนๆนั้น เป็นคนที่เคยนับถือกันทางความคิดก็ตาม :evil: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 05-08-2006, 23:54 กระทู้นี้ยังไม่จบครับ ใครที่จะยกเรื่อง ความเท่าเทียม หาทางผ่านกระทู้นี่ไปให้ได้ก่อนนะครับ ผมจะซักแบบเบามือที่สุด...ไม่เป็นอันตรายครับ... สัญญาแล้ว.. พบกันใหม่ครับ... ลืมส่งยิ้ม :D :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 06-08-2006, 14:36 มาร์ตินา ฮิงกิส
เมื่อครั้งกำลังดังสุดๆ เรียกร้องให้การแข่งขันเทนนิสรายการดังๆทั้งหลาย จัดเงินรางวัลให้เท่าเทียมกันระหว่างชาย-หญิง น่าเสียดายที่เธอบาดเจ็บ และเลิกเล่นไปชั่วคราว กลับมาอีกครั้ง...ไม่ได้ยินข่าวเธอต่อสู้เพื่อเรื่องนี้อีกเลย ป๋าว่านะ... ความเท่าเทียมในเรื่องสิทธิมนุษยชน เท่าที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญครอบคลุมดี :mozilla_tongue: :mozilla_tongue: :mozilla_tongue: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 15:56 มาร์ตินา ฮิงกิส เมื่อครั้งกำลังดังสุดๆ เรียกร้องให้การแข่งขันเทนนิสรายการดังๆทั้งหลาย จัดเงินรางวัลให้เท่าเทียมกันระหว่างชาย-หญิง น่าเสียดายที่เธอบาดเจ็บ และเลิกเล่นไปชั่วคราว กลับมาอีกครั้ง...ไม่ได้ยินข่าวเธอต่อสู้เพื่อเรื่องนี้อีกเลย ป๋าว่านะ... ความเท่าเทียมในเรื่องสิทธิมนุษยชน เท่าที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญครอบคลุมดี :mozilla_tongue: :mozilla_tongue: :mozilla_tongue: ความเท่าเทียมถ้าไม่เกิดจากความเข้าใจ ก็ไม่เท่าเทียมตั้งแต่ต้น แต่ก็ยุติได้ครับ !!! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 18:11 ไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียม................กันในโลก... :oops: :oops: :oops:
แหมแต่........ความรักของหนูที่มอบให้คนทั้งโลก......ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:32 ไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียม................กันในโลก... :oops: :oops: :oops: แหมแต่........ความรักของหนูที่มอบให้คนทั้งโลก......ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ เท่าน่ะคงไม่เท่าหรอก แต่เท่าเทียมนั้นไม่แน่ครับ ชั่งหรือช่างดีหล่ะ..... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 18:34 ไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียม................กันในโลก... :oops: :oops: :oops: แหมแต่........ความรักของหนูที่มอบให้คนทั้งโลก......ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ เท่าน่ะคงไม่เท่าหรอก แต่เท่าเทียมนั้นไม่แน่ครับ ชั่งหรือช่างดีหล่ะ..... ความรักเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ชั่งไม่ได้ แต่เรารู้สึกได้ แล้วก็ช่างได้ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:36 ไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียม................กันในโลก... :oops: :oops: :oops: แหมแต่........ความรักของหนูที่มอบให้คนทั้งโลก......ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ เท่าน่ะคงไม่เท่าหรอก แต่เท่าเทียมนั้นไม่แน่ครับ ชั่งหรือช่างดีหล่ะ..... ความรักเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ชั่งไม่ได้ แต่เรารู้สึกได้ แล้วก็ช่างได้ ไม่ว่าจะชั่งหรือช่าง ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธความสำคัญของความรักในระดับหนึ่งสิครับ?? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:39 รักของ พ่อและแม่ โดยทั่วไปเท่าเทียมกันหรือไม่?? อย่าลืมฟังเพลงที่เอามาฝาก เพราะดี ไม่มี6จ :mozilla_cool: http://olahay.bizhat.com/mp3ss57e.swf หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 18:41 ไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียม................กันในโลก... :oops: :oops: :oops: แหมแต่........ความรักของหนูที่มอบให้คนทั้งโลก......ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ เท่าน่ะคงไม่เท่าหรอก แต่เท่าเทียมนั้นไม่แน่ครับ ชั่งหรือช่างดีหล่ะ..... ความรักเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ชั่งไม่ได้ แต่เรารู้สึกได้ แล้วก็ช่างได้ ไม่ว่าจะชั่งหรือช่าง ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธความสำคัญของความรักในระดับหนึ่งสิครับ?? หนูไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่าวนะค่ะ คุงปู่ทำหนู งง ความรักไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้หรอกค่ะ ทั้งผู้รับและผู้ให้ เหมือนความรักของหนูที่ใส่ไว้ในความคิดเห็นนี้ คุงปู่จะปฏิเสธเหรอค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 18:44 ความรักของพ่อแม่ เท่าเทียมกันไหม
หมายถึงยังไงค่ะ ความรัก ต่างพ่อแม่ หรือความรัก ที่มีต่อลูกหลายคน หนูไม่ทราบนะค่ะ แต่หนูคิดว่า หนูเป็นลูกที่คิดว่าความรักของคุณพ่อคุณแม่ มากมายจนหนูเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้เลย หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:44 Don't talk of love but I've heard the word before It's sleeping in my memory I won't disturb the slumber of the feelings that have died If I never loved I never would have cried I am a dog เอ๊ย a rock, I am an island And a rock feels no pain, and an island never cries หินผาไม่มีวันเจ็บปวด เกาะแก่งไม่มีทางร้องไห้ แหะ ๆ แต่ฉันเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง หมาเลยเศร้า และร้องครางหงิง ๆ หุ หุ ไม่เห็นเกี่ยวกับใครเค้าเร้ยยยยยยยยย มาป่วนกระทู้เขาเล่นซะงั้น เชิญครับ เป็นปรัชญาที่ดีครับ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:49 ไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียม................กันในโลก... :oops: :oops: :oops: แหมแต่........ความรักของหนูที่มอบให้คนทั้งโลก......ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ เท่าน่ะคงไม่เท่าหรอก แต่เท่าเทียมนั้นไม่แน่ครับ ชั่งหรือช่างดีหล่ะ..... ความรักเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ชั่งไม่ได้ แต่เรารู้สึกได้ แล้วก็ช่างได้ ไม่ว่าจะชั่งหรือช่าง ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธความสำคัญของความรักในระดับหนึ่งสิครับ?? หนูไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่าวนะค่ะ คุงปู่ทำหนู งง ความรักไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้หรอกค่ะ ทั้งผู้รับและผู้ให้ เหมือนความรักของหนูที่ใส่ไว้ในความคิดเห็นนี้ คุงปู่จะปฏิเสธเหรอค่ะ ความรักปฏิเสธตรงๆไม่ได้ครับ ผมไม่เคยคิดปฏิเสธความรัก แต่ก็บางครั้งต้องปฏิเสธเหมือนกัน ถ้ามันไม่บริสุทธิเพียงพอ ส่วนของอนา..ผมรู้สึกดีนี่ ตอนนี้.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:51 ความรักของพ่อแม่ เท่าเทียมกันไหม หมายถึงยังไงค่ะ ความรัก ต่างพ่อแม่ หรือความรัก ที่มีต่อลูกหลายคน หนูไม่ทราบนะค่ะ แต่หนูคิดว่า หนูเป็นลูกที่คิดว่าความรักของคุณพ่อคุณแม่ มากมายจนหนูเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้เลย แสดงว่าเมื่อความรักมากถึงระดับหนึ่งก็เท่าเทียมกันได้...ขึ้นอยู่กับระยะห่างที่เรายินยอมด้วยหรือเปล่า?? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 18:55 หนูหมายถึงยังงี้ค่ะ
เมื่อเราให้ความรักใครสักคนส่วนมากมักจะไม่หวังสิ่งตอบแทน ถ้าเป็นรักที่บริสุทธิจริงใจ ดังนั้นคนให้ ก็ให้ไปแล้ว คนรับก็คงปฏิเสธไม่ได้ รักที่ไม่จริงใจ ไม่บริสุทธ หนูว่า ไม่ใช่ความรักหรอกค่ะ..... เพราะความรักของหนู สวยงาม จนคงปู่จะจินตนาการไม่ได้ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:55 ถ้าเราสามารถกรองเอา สิ่งเจือปนที่ไม่ต้องการ ออกจากความรักได้ แล้วเราจะปฏิเสธทำไม?? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 06-08-2006, 18:57 เรามาเชียร์หนูอนา นะ มานั่งเป็นเพื่อน :mrgreen: พยายามจะอ่านเฉยๆ เพราะเราอยู่ด้วยกันทีไร ชอบพาคนอื่นออกทะเล อิอิ :mozilla_tongue: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 18:59 หนูหมายถึงยังงี้ค่ะ เมื่อเราให้ความรักใครสักคนส่วนมากมักจะไม่หวังสิ่งตอบแทน ถ้าเป็นรักที่บริสุทธิจริงใจ ดังนั้นคนให้ ก็ให้ไปแล้ว คนรับก็คงปฏิเสธไม่ได้ รักที่ไม่จริงใจ ไม่บริสุทธ หนูว่า ไม่ใช่ความรักหรอกค่ะ..... เพราะความรักของหนู สวยงาม จนคงปู่จะจินตนาการไม่ได้ ความรักเป็นส่วนผสมเสมอครับ รักบริสุทธิ์จริงๆในมนุษย์ปกติไม่มี มันต้องมีเป้าหมายบ้าง... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 19:00 ความรักของพ่อแม่ เท่าเทียมกันไหม หมายถึงยังไงค่ะ ความรัก ต่างพ่อแม่ หรือความรัก ที่มีต่อลูกหลายคน หนูไม่ทราบนะค่ะ แต่หนูคิดว่า หนูเป็นลูกที่คิดว่าความรักของคุณพ่อคุณแม่ มากมายจนหนูเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้เลย แสดงว่าเมื่อความรักมากถึงระดับหนึ่งก็เท่าเทียมกันได้...ขึ้นอยู่กับระยะห่างที่เรายินยอมด้วยหรือเปล่า?? ใช่ค่ะ ความรักของคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีระยะห่าง แต่ความรักของคนื่นนอกเหนือจากนี้ มักจะมี จึงทำให้เกิดเป็นความรักที่แตกต่างหลายรุปแบบไป กิ๊กๆๆหนูเกดดด ห้ามนั่งวุ้ยยยยย มาช่วยกานเด๋วนี้นะ เด๋วพลาดเหมือนตอนกลางวันอีกหรอก หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:04 ความรักของพ่อแม่ เท่าเทียมกันไหม หมายถึงยังไงค่ะ ความรัก ต่างพ่อแม่ หรือความรัก ที่มีต่อลูกหลายคน หนูไม่ทราบนะค่ะ แต่หนูคิดว่า หนูเป็นลูกที่คิดว่าความรักของคุณพ่อคุณแม่ มากมายจนหนูเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้เลย แสดงว่าเมื่อความรักมากถึงระดับหนึ่งก็เท่าเทียมกันได้...ขึ้นอยู่กับระยะห่างที่เรายินยอมด้วยหรือเปล่า?? ใช่ค่ะ ความรักของคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีระยะห่าง แต่ความรักของคนื่นนอกเหนือจากนี้ มักจะมี จึงทำให้เกิดเป็นความรักที่แตกต่างหลายรุปแบบไป กิ๊กๆๆหนูเกดดด ห้ามนั่งวุ้ยยยยย มาช่วยกานเด๋วนี้นะ เด๋วพลาดเหมือนตอนกลางวันอีกหรอก เชิญครับ กระทู้เปิด ทะยอยคุยได้ครับ ความรักสืบทอดกันต่อๆไปได้ครับ จะมากหรือน้อยเพิ่มขึ้นหรือลดลงในความรู้สึกของเราก็ขึ้นกับหลายๆอย่าง...ระยะห่างก็คือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมากำบัง ยามไม่แน่ใจ... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 06-08-2006, 19:06 กิ๊กๆๆหนูเกดดด ห้ามนั่งวุ้ยยยยย มาช่วยกานเด๋วนี้นะ เด๋วพลาดเหมือนตอนกลางวันอีกหรอก เรื่องรักๆ นี่ หนูเก็ดไม่ถนัดหรอก หนูอนา.. แต่หนูดาวไปไหนหว่า.. เดี๋ยวไปตามมาช่้วย :mozilla_tongue: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:11 บางคนว่าความรักเหมือนไฟที่เผาผลาญ มันก็เป็นเพียงคุณสมบัติเดียวของความรัก แต่ความรักเป็นสิ่งที่มีค่าเหลือเกิน มีคุณสมบัติมากมายที่เรียนรู้กันไม่จบ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 19:17 กิ๊กๆๆหนูเกดดด ห้ามนั่งวุ้ยยยยย มาช่วยกานเด๋วนี้นะ เด๋วพลาดเหมือนตอนกลางวันอีกหรอก เรื่องรักๆ นี่ หนูเก็ดไม่ถนัดหรอก หนูอนา.. แต่หนูดาวไปไหนหว่า.. เดี๋ยวไปตามมาช่้วย :mozilla_tongue: กระทู้นี้ ส่งสัยต้องให้หนูดาวมาเปงเสาหลัก เพราะเริ่มออกไปทางปรัชญา หนูอนาเริ่ม งงเต๊ก แย้วว เจอเซียนฟามร๊ากกกกของแท้ :oops: :oops: :lol: :lol: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:19 ดังนั้นเมื่อใครสักคนรักผม ผมจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ถ้าหากผมสามารถกรองเอาปัญหาเชิงลบออกไปจากส่วนผสมนั้นๆได้ ความรักแบบจับคู่ก็ถือเป็นบทเรียน ต่อจากความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเราครับ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 19:23 หนูไม่เคยปฏิเสธหากใครรักหนู แต่หนูจะตอบแทนความรักในแบบที่ต่างออกไป หากรักนั้นหนูตอบสนองไม่ได้เป้าหมายของเขา
แต่ส่วนมาก เขามักจะหนีหายไป เมื่อเราใช้คำว่า เพื่อนกันนะ :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:24 กิ๊กๆๆหนูเกดดด ห้ามนั่งวุ้ยยยยย มาช่วยกานเด๋วนี้นะ เด๋วพลาดเหมือนตอนกลางวันอีกหรอก เรื่องรักๆ นี่ หนูเก็ดไม่ถนัดหรอก หนูอนา.. แต่หนูดาวไปไหนหว่า.. เดี๋ยวไปตามมาช่้วย :mozilla_tongue: กระทู้นี้ ส่งสัยต้องให้หนูดาวมาเปงเสาหลัก เพราะเริ่มออกไปทางปรัชญา หนูอนาเริ่ม งงเต๊ก แย้วว เจอเซียนฟามร๊ากกกกของแท้ :oops: :oops: :lol: :lol: เรากำลังพูดถึงความเท่าเทียม ซึ่งความรักเป็นตัวอย่างที่ดีที่สามารถเปรียบเทียบได้ว่า ความเท่าเทียมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? ไม่ใช่เหมือนกันทุกประการ ที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อตัวตนของเรายังคงอยู่.... ตรงนี้ผมไม่ได้มองว่าเราต้องว่างเปล่านะครับ ผมหมายถึงเราแทรกซึมเข้าไปในที่ต่างๆมากกว่า ตราบเท่าที่เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดี.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 19:25 สรุป
เรารักกันค่ะ ปิดกระทู้ :lol: :lol: :lol: :lol: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:26 หนูไม่เคยปฏิเสธหากใครรักหนู แต่หนูจะตอบแทนความรักในแบบที่ต่างออกไป หากรักนั้นหนูตอบสนองไม่ได้เป้าหมายของเขา แต่ส่วนมาก เขามักจะหนีหายไป เมื่อเราใช้คำว่า เพื่อนกันนะ :mrgreen: มีคนเคยพูดกับผมแบบนั้นบ่อยๆเหมือนกัน ตอนที่ผมยังเด็กกว่านี้.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:28 สรุป เรารักกันค่ะ ปิดกระทู้ :lol: :lol: :lol: :lol: จะถอยไป ตั้งหลักแบบล้มกระดาน เลยหรือครับ..สงสัยต้องเซพเก็บไว้ :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:31 ที่ลายเซ็นต์มี เพลง คิดถึงกันก็อย่าลืมฟังบ้างนะครับ..ง :mozilla_laughing: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:39 ไม่ให้ปิดๆๆๆๆๆๆ พอดีกำลัง หงุดหงิด เอ๊ย สงสัย กับข้ออ้าง "พวก" ผู้หญิง ที่บอกว่า ความรักของผู้หญิงนั้น เริ่มต้นจาก 1 ขึ้นไปหา 100 ต่างกับความรักของผู้ชายที่ เริ่มจาก 100 แล้วค่อย ๆ ลดลงเหลือ 1 หรือ 0 คือ.............ข้าพเจ้ากำลังสงสัยว่า ข้าพเจ้าไอ้ผู้ชายจะทนรอ ความรักที่ออกมาในรูป ความวางท่า เก๊ก เมินเฉย เย็นชา เลือดเย็น ระดับ 1 ระดับ 2 ของ "พวก" ผู้หญิงไปได้อีกนานเท่าไหร่ ในขณะที่ข้าพเจ้าไอ้ผู้ชายนั้น รักเต็มร้อย จนจะบ้าตายแล้ว ความรักของผู้ชายหรือของผู้หญิงก็ลดได้เพิ่มได้ แต่ผู้ชายชอบใช้สายตาช่วยหัวใจมังครับ..ผู้หญิงก็กลับกัน.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 19:56 แหะ ๆ ขอบคุณครับ แต่ยังไม่สะใจ เดี่ยวผมแยกไปตั้งเป็นกระทู้ใหม่ ล่อเป้า เลยดีกว่า คนจะได้ มาฟูมฟาย เยอะ ๆ อิ อิ แบบนี้ก็ต้องรำพึงแบบ กำลังภายในว่า เป้าก็คือเป้า ใยต้องกังวล..ดื่ม.....!!! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 20:28 ขอยกวลีอมตะครับ เมื่อมีความรักต้องลืมคำว่าเสียใจ ความรักไม่ได้ทำให้ใครร้องไห้ ที่ร้องไห้เพราะความรู้สึกอื่นๆ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 20:42 ขอยกวลีอมตะครับ เมื่อมีความรักต้องลืมคำว่าเสียใจ ความรักไม่ได้ทำให้ใครร้องไห้ ที่ร้องไห้เพราะความรู้สึกอื่นๆ.. แล้วความรุสึกอื่นๆนั้น มันไม่ได้มาจากการรักเขาคนนั้นเหรอค่ะ ???? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 06-08-2006, 20:46 ความเท่าเทียม = หน้าอก = ความรัก
กระทู้นี้สุดยอดจริงๆ เลย :mrgreen: ฮอนโตนิ สุบาราชี่ :lol: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 06-08-2006, 20:50 ความเท่าเทียม = หน้าอก = ความรัก กระทู้นี้สุดยอดจริงๆ เลย :mrgreen: ฮอนโตนิ สุบาราชี่ :lol: เข้าข้ามมหาสุมทรแย้วววว ตอนนี้ถึงขั้วโลกแล้วน้องบุญโต อิอิ มาช้าจังไปไหนมาน้องพี่ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 20:59 ขอยกวลีอมตะครับ เมื่อมีความรักต้องลืมคำว่าเสียใจ ความรักไม่ได้ทำให้ใครร้องไห้ ที่ร้องไห้เพราะความรู้สึกอื่นๆ.. แล้วความรุสึกอื่นๆนั้น มันไม่ได้มาจากการรักเขาคนนั้นเหรอค่ะ ???? ถ้าหากมันเป็นความสุขก็เก็บไว้ครับ หากสืบเนื่องจากความเสียใจก็แสดงว่าเราแบกรับไว้ทั้งหมดไม่ได้...ก็เลยทะลักออทางตาครับ เหมือนความรักที่ไม่ทะลักตรงๆก็ยังเปล่งประกายออกทางตาได้ ทั้งๆที่สูตรเคมีในภาพรวมก็เหมือนเดิม ที่ไม่เหมือนคือสารเคมีมันขยับที่และสร้างความแตกต่างขึ้นได้... จิตภาพอยู่ลึกเข้าไปอีกอย่างน้อยสองชั้นความรักอยู่ทั่วไปหมดไม่ดีหรือครับ. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 21:00 ความเท่าเทียม = หน้าอก = ความรัก กระทู้นี้สุดยอดจริงๆ เลย :mrgreen: ฮอนโตนิ สุบาราชี่ :lol: แสดงว่าทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันจริง หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 06-08-2006, 21:10 ป๋ามีความสุขทุกครั้ง
ที่เห็นใครก็ตาม พูดถึงความรัก เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ควบคู่กับสรีระแห่งอิสตรีครับ :mozilla_tongue: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 06-08-2006, 21:19 ป๋ามีความสุขทุกครั้ง ที่เห็นใครก็ตาม พูดถึงความรัก เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ควบคู่กับสรีระแห่งอิสตรีครับ :mozilla_tongue: โห.. คุณลุง THE THIRD WAY โฆษณากระทู้ตัวเองทุกที่เลย เนียนมั่กๆ :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 06-08-2006, 21:29 ป๋ามีความสุขทุกครั้ง ที่เห็นใครก็ตาม พูดถึงความรัก เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ควบคู่กับสรีระแห่งอิสตรีครับ :mozilla_tongue: จะมาเป็น แบบวอร์ชั่น ป๋าๆ เหรอ คะ หนู ไม่ชอบคำว่า ป๋า ในความหมายแบบนี้ ดู มันแบบ เหมือนป๋าๆ ที่ไปล่อลวง ผู้หญิง มากๆ คิดว่าไม่เหมาะ อีก เหมือนกันค่ะ คุณปู่ ขอให้ ภาคภูมิใจในความเป็นปู่ แต่โดยดีนะคะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 06-08-2006, 21:33 ความเท่าเทียม = หน้าอก = ความรัก กระทู้นี้สุดยอดจริงๆ เลย :mrgreen: ฮอนโตนิ สุบาราชี่ :lol: เข้าข้ามมหาสุมทรแย้วววว ตอนนี้ถึงขั้วโลกแล้วน้องบุญโต อิอิ มาช้าจังไปไหนมาน้องพี่ ถึงจะมาช้า แต่ก็มาทันหน้าอกนะ :mrgreen: ขอทำหน้าเครียดพูดมีหลักการหน่อยนะครับ 8) หน้าอก เอ้ย ความเท่าเทียม นั้น มันเรียกร้องลำบากครับ จะให้ เท่าเทียมในเรื่องใหน เพราะระบุเป็นตัวเลขไม่ได้ ให้ มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ดีกว่า ยังไงผู้หญิงก็คือผู้หญิง ผู้ชายก็คือผู้ชาย เพศมันแตกต่างกันชัดเจน จะให้ ปฏิบัติ กับผู้หญิงเหมือนกับ ผู้ชาย คงยากนะครับ ว่าไหม :D หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 06-08-2006, 21:37 ยังไงผู้หญิงก็คือผู้หญิง ผู้ชายก็คือผู้ชาย เพศมันแตกต่างกันชัดเจน จะให้ ปฏิบัติ กับผู้หญิงเหมือนกับ ผู้ชาย คงยากนะครับ ว่าไหม :D[/color] ว่าค่ะ.. :mrgreen: (ไม่มีอิโมติคอนพยักหน้าเหรอเนี่ย) :| หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 06-08-2006, 22:14 ที่จริง ประกายดาวบอกตรงๆ ที่สุด
ในด้านสายงาน การแสดงคามคิดเห้นในสังคม หลักการ การยอมรับและความเข้าใจ มัน สมควรได้รับการพร้อมในการยอมรับกัน อย่างให้เกียรติค่ะ แต่ สำหรับ ชายหนุ่มใกล้ชิด หนูไม่ได้ต้องการการเท่าเทียมอะไร หนูต้องการ แค่ ความรู้สึกง่ายๆ ผลัดกันตามใจ ผลัดกัน ยอมกัน อะลุ้มอะล่วยให้กัน ถ้าเค้าต้องการการตามใจ ....หนูก็ทำให้ ... ถ้าหนู ต้องการ ให้ ปลอบโยน หรือมาโอ๋กันบ้าง ก็ควรจะทำแต่โดยดี แบบนี้แหละค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 22:16 ถ้าโลกหมุนเร็ว ผมจะเคลื่อนตัวให้เร็วพอที่จะทำให้โลกหมุนช้าลงในความรู้สึก แล้วก็เก็บความรักที่เป็นของเราไว้ในที่ที่สามารถกลับมาชื่นชมได้ตลอดไป แบบนี้ดีไม๊ครับ คำพูดประจำวันของวันนี้ ดีมากเลยครับ อิอิ เรารักกัน..... :mozilla_cool: ความรักของหนุ่มสาวมีใครที่ไม่ชื่นชมเมื่อมันคงอยู่ตลอดไปผ่านกาลเวลาต่างๆไปได้ เพราะว่า...ต้องรักแบบเข้าใจและมีพัฒนาการคือรักมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 22:19 ที่จริง ประกายดาวบอกตรงๆ ที่สุด ในด้านสายงาน การแสดงคามคิดเห้นในสังคม หลักการ การยอมรับและความเข้าใจ มัน สมควรได้รับการพร้อมในการยอมรับกัน อย่างให้เกียรติค่ะ แต่ สำหรับ ชายหนุ่มใกล้ชิด หนูไม่ได้ต้องการการเท่าเทียมอะไร หนูต้องการ แค่ ความรู้สึกง่ายๆ ผลัดกันตามใจ ผลัดกัน ยอมกัน อะลุ้มอะล่วยให้กัน ถ้าเค้าต้องการการตามใจ ....หนูก็ทำให้ ... ถ้าหนู ต้องการ ให้ ปลอบโยน หรือมาโอ๋กันบ้าง ก็ควรจะทำแต่โดยดี แบบนี้แหละค่ะ แบบนี้ดีครับปัญหาจะน้อย..เมื่อเทียบกับคู่อื่นๆ ความรู้สึกอ่อนไหวก็ต้องควบคู่กับความเข้มแข็งและอดทน(คนอื่นๆ)ได้ครับ...แต่ไม่ใช่ถอยห่าง หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 22:48 แม้แต่ดวงจิตผมก็สงสัยว่าหญิงชายจะต่างกันในเชิงสมบัติ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเท่าเทียมกันได้ในภาพรวม(สภาวะแวดล้อมรวม หรือจะเอาทั้งหมดขึ้นตาชั่งก็ตาม) มาไกลไปหรือเปล่าครับ?? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 23:06 พูดไปแล้วเป้าหมายเชิงอุดมคติก็ยังต้องคงอยู่ หมายความว่าความเท่าเทียมไปจนถึงความเท่ากันนั้นมีอยู่จริง อยู่ที่จะไปถึงได้หรือไม่? ด้วยวิธีการเช่นไร? และหาได้หรือยังว่าอะไรเท่ากัน? ไม่มีใครมาใกล้ๆผมก็ต้องปล่อยกระทู้ไว้ก่อน เดี่ยวจะมีคนมาว่าพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว แต่ถึงคนเดียว ก็เพราะคนอื่นมองไม่เห็นต่างหาก อิอิ พักกระทู้ไว้ก่อนครับ.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 06-08-2006, 23:32 เปิดเพลงสักหน่อย :mozilla_laughing: :mozilla_cool: Take it easy http://www.maama.com/music/view.php?id=000411 Desperado http://www.maama.com/music/view.php?id=001446 Eagle:ABBA: http://www.maama.com/music/view.php?id=014883 I'll Never Get Enough Of You http://www.maama.com/music/view.php?id=009195 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 07-08-2006, 20:21 พูดถึงความเท่าเทียม ผมว่าน่าจะใช้คำใหม่คือ ต้องไม่มีการเอาเปรียบ แบบที่ไม่จำเป็นและสามารถแก้ไขให้โอกาสคู่ต่อสู้ได้ยกระดับจิตใจตนเอง เท่านี้ก็ถือว่ามีโอกาสเท่าเทียมแล้วครับ ส่วนเท่ากันจริง ต้องฟังเพลงของ แอร์ซัพพลาย....โอ หฤหรรษ์.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 07-08-2006, 20:25 สวัสดีค่ะ
วันนี้เปิดประเด็นความเท่าเทียมอะไรค่ะ หนูขออณุญาติ ยังอยุ่ในประเด็นเติมได้ไหม ค่ะว่า หนูสงสัยว่า ความเท่าเทียมในการคาดเดาพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามนะค่ะ มันไม่เท่ากันเลย ทำไมผู้ชายคาดเดาความรู้สึกของผู้หญิง ได้ดีกว่า ทำไมผู้หญิงไม่ค่อยจะคาดเดาผู้ชายได้เลยค่ะ คือหนูมีเรื่องถามนะค่ะ เด๋วมา ชแว๊บปๆๆๆๆ เพิ่งกลับมาจากคลับค่ะ เหงื่อยังท่วมเลย หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 07-08-2006, 20:57 หนูเปลี่ยนใจไม่ถามแล้วค่ะ หนูอาย :lol: :lol: :lol: :lol:
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 07-08-2006, 21:00 จริงเหรอ อนา ผมน่ะโดนด่าประจำเลยว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลย เอ ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยาก หรือว่า ผมเป็นคนเข้าใจยากเองหว่า
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 07-08-2006, 21:04 จริงเหรอ อนา ผมน่ะโดนด่าประจำเลยว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลย เอ ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยาก หรือว่า ผมเป็นคนเข้าใจยากเองหว่า จากการอ่าน คห ของคุณมาหนึ่งอาทิตย์ อนาฟันธงเลย คุณไม่เข้าใจผู้หญิงค่ะ ส่วนมากคุณอาจจะเข้าใจนะค่ะ แต่ว่าอาจจะไม่เข้าใจผู้หญิงแบบอนามั่ง ไม่ใช่ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยากนะค่ะ เพียงแต่ว่า บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง :lol: :lol: ฉะนั้นคุณจะเข้าใจเธอก็ฉลาดแล้ว หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 07-08-2006, 21:06 หนูเปลี่ยนใจไม่ถามแล้วค่ะ หนูอาย :lol: :lol: :lol: :lol: อิอิ อุอุ เอิ๊อกกก... :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 07-08-2006, 21:07 จริงเหรอ อนา ผมน่ะโดนด่าประจำเลยว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลย เอ ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยาก หรือว่า ผมเป็นคนเข้าใจยากเองหว่า จากการอ่าน คห ของคุณมาหนึ่งอาทิตย์ อนาฟันธงเลย คุณไม่เข้าใจผู้หญิงค่ะ ส่วนมากคุณอาจจะเข้าใจนะค่ะ แต่ว่าอาจจะไม่เข้าใจผู้หญิงแบบอนามั่ง ไม่ใช่ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยากนะค่ะ เพียงแต่ว่า บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง :lol: :lol: ฉะนั้นคุณจะเข้าใจเธอก็ฉลาดแล้ว แล้วงี้ผมจะเข้าใจได้ยังไง เฮ้อ กลุ้มจายเจงๆ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 07-08-2006, 21:10 จริงเหรอ อนา ผมน่ะโดนด่าประจำเลยว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลย เอ ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยาก หรือว่า ผมเป็นคนเข้าใจยากเองหว่า จากการอ่าน คห ของคุณมาหนึ่งอาทิตย์ อนาฟันธงเลย คุณไม่เข้าใจผู้หญิงค่ะ ส่วนมากคุณอาจจะเข้าใจนะค่ะ แต่ว่าอาจจะไม่เข้าใจผู้หญิงแบบอนามั่ง ไม่ใช่ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยากนะค่ะ เพียงแต่ว่า บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง :lol: :lol: ฉะนั้นคุณจะเข้าใจเธอก็ฉลาดแล้ว แล้วงี้ผมจะเข้าใจได้ยังไง เฮ้อ กลุ้มจายเจงๆ ถ้ามันทำให้คุณกลุ้ม ทุกข์ใจขนาดนั้น อนาแนะนำ ออกบวชเถอะค่ะ :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 07-08-2006, 21:16 อืม ซักวันผมอาจจะเจอผู้หญิงที่ทำให้ผมเข้าใจเธอง่ายๆก็ได้
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 07-08-2006, 21:21 จริงเหรอ อนา ผมน่ะโดนด่าประจำเลยว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลย เอ ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยาก หรือว่า ผมเป็นคนเข้าใจยากเองหว่า จากการอ่าน คห ของคุณมาหนึ่งอาทิตย์ อนาฟันธงเลย คุณไม่เข้าใจผู้หญิงค่ะ ส่วนมากคุณอาจจะเข้าใจนะค่ะ แต่ว่าอาจจะไม่เข้าใจผู้หญิงแบบอนามั่ง ไม่ใช่ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยากนะค่ะ เพียงแต่ว่า บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง :lol: :lol: ฉะนั้นคุณจะเข้าใจเธอก็ฉลาดแล้ว แล้วงี้ผมจะเข้าใจได้ยังไง เฮ้อ กลุ้มจายเจงๆ ถ้ามันทำให้คุณกลุ้ม ทุกข์ใจขนาดนั้น อนาแนะนำ ออกบวชเถอะค่ะ :mrgreen: :mrgreen: ขอบคุณทั้งสองท่านที่เข้ามาร่วมคุยและเป็นวิทยากรสาธิตนะครับ อะไรก็ไม่สำคัญเท่าตัวอย่าง เรารับรู้ได้ด้วยวิธีการธรรมชาติอีกทางหนึ่ง เพราะผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นสิ่งมีชีวิต เก่าแก่ ที่สำคัญของโลก.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 07-08-2006, 21:27 จริงเหรอ อนา ผมน่ะโดนด่าประจำเลยว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลย เอ ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยาก หรือว่า ผมเป็นคนเข้าใจยากเองหว่า จากการอ่าน คห ของคุณมาหนึ่งอาทิตย์ อนาฟันธงเลย คุณไม่เข้าใจผู้หญิงค่ะ ส่วนมากคุณอาจจะเข้าใจนะค่ะ แต่ว่าอาจจะไม่เข้าใจผู้หญิงแบบอนามั่ง ไม่ใช่ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยากนะค่ะ เพียงแต่ว่า บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง :lol: :lol: ฉะนั้นคุณจะเข้าใจเธอก็ฉลาดแล้ว แล้วงี้ผมจะเข้าใจได้ยังไง เฮ้อ กลุ้มจายเจงๆ ถ้ามันทำให้คุณกลุ้ม ทุกข์ใจขนาดนั้น อนาแนะนำ ออกบวชเถอะค่ะ :mrgreen: :mrgreen: ขอบคุณทั้งสองท่านที่เข้ามาร่วมคุยและเป็นวิทยากรสาธิตนะครับ อะไรก็ไม่สำคัญเท่าตัวอย่าง เรารับรู้ได้ด้วยวิธีการธรรมชาติอีกทางหนึ่ง เพราะผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นสิ่งมีชีวิต เก่าแก่ ที่สำคัญของโลก.. สาธุ............ คุงปู่999 ง่าขอบคุณที่ได้รับเกียติเป็นตัวอย่างการสาธิตค่ะ แน่ใจนะค่ะ สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคือ ผู้หญิงผู้ชาย หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 07-08-2006, 21:29 อ่า....ผมเป็นตัวอย่างสาธิตเหรอครับเนี่ย :?
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 07-08-2006, 21:35 จริงเหรอ อนา ผมน่ะโดนด่าประจำเลยว่า ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเลย เอ ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยาก หรือว่า ผมเป็นคนเข้าใจยากเองหว่า จากการอ่าน คห ของคุณมาหนึ่งอาทิตย์ อนาฟันธงเลย คุณไม่เข้าใจผู้หญิงค่ะ ส่วนมากคุณอาจจะเข้าใจนะค่ะ แต่ว่าอาจจะไม่เข้าใจผู้หญิงแบบอนามั่ง ไม่ใช่ผู้หญิงทำตัวเข้าใจยากนะค่ะ เพียงแต่ว่า บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง :lol: :lol: ฉะนั้นคุณจะเข้าใจเธอก็ฉลาดแล้ว แล้วงี้ผมจะเข้าใจได้ยังไง เฮ้อ กลุ้มจายเจงๆ ถ้ามันทำให้คุณกลุ้ม ทุกข์ใจขนาดนั้น อนาแนะนำ ออกบวชเถอะค่ะ :mrgreen: :mrgreen: ขอบคุณทั้งสองท่านที่เข้ามาร่วมคุยและเป็นวิทยากรสาธิตนะครับ อะไรก็ไม่สำคัญเท่าตัวอย่าง เรารับรู้ได้ด้วยวิธีการธรรมชาติอีกทางหนึ่ง เพราะผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นสิ่งมีชีวิต เก่าแก่ ที่สำคัญของโลก.. สาธุ............ คุงปู่999 ง่าขอบคุณที่ได้รับเกียติเป็นตัวอย่างการสาธิตค่ะ แน่ใจนะค่ะ สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคือ ผู้หญิงผู้ชาย อ่า....ผมเป็นตัวอย่างสาธิตเหรอครับเนี่ย :? ขออภัยครับ ก็เราออนแอร์อยู่นี่นา...ผู้ศึกษาที่ดีก็ต้องติดตามจากสภาพจริงครับ... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 07-08-2006, 21:58 Unchained Melody http://www.maama.com/music/view.php?id=009176
Oh, my love, my darling I've hungered for your touch A long, lonely time And time goes by so slowly And time can do so much Are you still mine? I need you love, I need your love God speed your love to me Lonely rivers flows to the sea, to the sea To the open arms of the sea Lonely rivers sigh, wait for me, wait for me I'll be coming home, wait for me Oh, my love, my darling I've hungered for your touch A long, lonely time And time goes by so slowly And time can do so much Are you still mine? I need you love, I need your love God speed your love to me .......................................................................... อ้างถึง เพราะผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นสิ่งมีชีวิต เก่าแก่ ที่สำคัญของโลก.. อ้างถึง แน่ใจนะค่ะ สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคือ ผู้หญิงผู้ชาย เก่าที่สุด ไม่ทราบครับ แต่แก่ง่ายตายช้าสำหรับบางคน เพราะตั้งแง่เอาเล่ห์กลการเมืองเข้ามาใช้ในบ้าน เมื่อไรก็ฟัง.. :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 07-08-2006, 22:11 เข้ามาฟังเพลงค่ะ ........
สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่มากเป้นพวกสาหร่ายเซลเดียวค่ะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นเป้นชนิดแรกค่ะ มีการคาดเดาอย่างงั้นในแง่วิทยาศาสตร์ วันนี้ขอตัว โอยาซุมิ นะค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 07-08-2006, 22:28 เข้ามาฟังเพลงค่ะ ........ สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่มากเป้นพวกสาหร่ายเซลเดียวค่ะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นเป้นชนิดแรกค่ะ มีการคาดเดาอย่างงั้นในแง่วิทยาศาสตร์ วันนี้ขอตัว โอยาซุมิ นะค่ะ สาหร่ายที่ไม่ต้องการแสงอาทิตย์ก็มี.... ครับหลับฝันสวยงามเหมือนเพลงนะครับ........ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 09:38 สงสัยในที่สุดพืชจะเท่าเทียมกับสัตว์เหมือนกัน เพราะ???
อันนี้ภาพยูกลีนา เขาแยกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง (http://www.vcharkarn.com/vcafe/dekvit/uploaded_pics/CS8976x81.jpg) การใช้ประโยชน์จากสาหร่าย อัลวาโร อิสราเอล แห่งสถาบันแห่งชาติอิสราเอลในกรุงไฮฟาได้จำแนกประเภทสาหร่าย ที่มนุษย์ใช้ประโยชน์ได้เป็น 107 ประเภท และ 493 ชนิด ส่วนใหญ่เจริญเติบโตและนำมาบริโภคกันมานานแล้วในแถบตะวันออกไกลและแปซิฟิก ตัวอย่างได้แก่ ประเทศเกาหลี พบสาหร่ายสีน้ำตาลอายุ 10,000 ปีในเศษอาหารที่ฝังอยู่ใน หลุมฝังศพโบราณที่เกียงหลูในประเทศญี่ปุ่น เมื่อศตวรรษที่ 4 พระราชสำนักแห่ง องค์พระ จักรพรรดิมีการจัดเก็บภาษีการบริโภคโนริ (Porphyra) วากาม (Undaria) และคอนบุ (Laminaria) และนับจากนั้นซูซิ (ข้าวกับปลาดิบ) ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของ ญี่ปุ่น ก็ต้องเสิร์ฟคู่มากับโนริเสมอ ในประเทศแถบตะวันตก ภาวะขาดแคลนอาหารในศตวรรษที่ 15 ส่งผลให้ประชาชนต้อง หันมาบริโภคสาหร่ายกัน เป็นเหตุให้การบริโภคสาหร่ายถือเป็นสิ่งที่น่าเหยียดหยามกัน มานมนานในภูมิภาคดังกล่าว ปัจจุบันชาวจีนเป็นชาติที่รับประทานสาหร่ายกันมากที่สุดคือ ราว 20 กก. ต่อคนต่อปี รองลงมาได้แก่ ชาวเกาหลีและญี่ปุ่นซึ่งบริโภคในปริมาณเฉลี่ย คนละ 13.4 กก.ต่อปี สาหร่ายสีน้ำตาลและสีแดงประมาณ 60 ชนิดถูกนำไปบริโภค ในรูปของ ผักปาเต้ แยม ซุป ขนมปังและเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ในแถบแปซิฟิกมีการนำ "พวงผลไม้เล็ก ๆ " แสนอร่อย จากสาหร่ายคอเลอร์พา (caulerpa) ไปปรุงเป็นสลัด ด้วย ที่ศูนย์การวิจัยและพัฒนา สาหร่าย (CEVA) อันเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวิจัย เพื่อการใช้ประโยชน์จากทะเลแห่ง ประเทศฝรั่งเศส (IFREMER) โจแอล เฟลอรองซ์ ได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของสาหร่าย "คุณค่าของมันมีหลายด้าน แปรเปลี่ยนไปตาม ปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ ชนิดพันธุ์ ฤดูกาล สภาพแวดล้อมและปัจจัยทางภูมิศาสตร์ และสรีรศาสตร์" สาหร่ายที่กินได้ส่วนใหญ่ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต น้ำตาลเชิงซ้อน และเส้นใยอาหาร สาหร่ายสีน้ำตาลมีโปรตีนน้อยที่สุด คือร้อยละ 5-15 ของน้ำหนักเมื่อแห้งแล้ว แต่สาหร่ายสีแดงเช่นสาหร่ายพันธุ์ Palmaria และ Porphyra tenera มีโปรตีนราว ร้อยละ 47 และ rival soya มีร้อยละ 35 สาหร่ายมีไขมันต่ำมาก นอกจากนั้นยังประกอบด้วย เกลือแร่ และสารอื่น ๆ เช่น แมกนีเซียม สารหนู ทองแดง ลิเธียม ตะกั่ว และสังกะสี นอกจากนั้นยังพบวิตามินทุกชนิด โดยเฉพาะวิตามินเอ ซึ่งถ้าขาดไปก็อาจทำให้ตาพิการ น่าเสียดายที่วิตามินเหล่านี้มักจะสลายตัวเมื่อนำไป ตากแห้งหรือปรุงเป็นอาหาร โดยเฉพาะ วิตามินซี ภาคอุตสาหกรรมยังได้รับประโยชน์จากสาหร่ายในรูปของเกลือแอลจิน (alginates) และเคราจีน (carrageens-สาหร่ายทะเลที่ใช้ทำโลชั่น เยลลีและยา) ซึ่งเป็นสารเสริม ที่มีประโยชน์ในการผลิตอาหารหลายประเภทเช่น ช่วยให้ซอสข้นพอดี และทำให้ผลิตภัณฑ์จากนมประเภทต่าง ๆ มีครีมมากขึ้น สารทั้งสองนี้จะพบได้จากผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรปที่มีรหัส E400-407 เป็นไปได้ไม่สิ้นสุด ไม่เพียงแต่เราจะเก็บสาหร่ายได้ทุกเวลาและทุกสถานที่เท่านั้น แต่สาหร่ายยังสามารถ ดูดซึมสารพิษ เช่น สารปรอทได้ด้วย มีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเขตที่ เลือกสรรและกำจัดควบคุมไว้เป็นอย่างดี ในทวีปเอเซียมีฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่ายเป็นเนื้อที่ 530,000 เฮกตาร์ ซึ่งดำเนินธุรกิจแบบ ในครอบครัว 250,000 ราย คิดเป็นแรงงาน 950,000 คน องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าในปี 1994 สาหร่ายสดที่ เก็บ ได้ มีรวมทั้งสิ้น 7,637,000 ตัน ในจำนวนนี้ ร้อยละ 90 เป็นสาหร่ายที่เพาะเลี้ยงขึ้นเอง ประโยชน์ของสาหร่ายดูเหมือนจะมีอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณอยากจะทำเหล้าเชอร์รี่โดยไม่ต้องใช้ลูกเชอร์รี่จริง ๆ อยากให้ต้นไม้ของคุณเติบโตดี ทำให้ผ้าอ้อมของทารกซึมซับปัสสาวะได้ดี ทำให้ร่มหรือเสื้อกันฝนกันน้ำได้ ทำให้พื้นพลาสติกและพื้นไม้เป็นเงาวับโดยไม่ต้องขัด อุดฟันโดยไม่ต้องห่วงว่าจะทำไฟไหม้ปากคนไข้ ผลิตฟิล์มถ่ายรูปที่เจลาตินจะไม่ละลายเมื่อโดนความร้อน หรือสกัดไฟป่าโดยการพ่นสารเคมีหนาทึบ จากเครื่องบินดับเพลิง ไหมเล่า ? นักชีววิทยาพากันคิดว่ายังมีงานวิจัยจะต้องทำอีกมากเกี่ยวกับสาหร่าย โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ด้านอาหาร ในขณะที่โลกกำลังมุ่งสู่ความหิวโหย และก็มีสาหร่ายขึ้นอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ที่มา : ยูเนสโกคูริเย โดย ฟรองซ์ เบอแกตต์ อรวรรณ คูหเจริญ นาวายุทธ แปล คัดลอก จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2541 http://www.elib-online.com/doctors/herb_diatoms1.html ...........................................ง อนาลองเล่าเกี่ยวกับ สาหร่ายสีขาวสักหน่อยก็ดีครับ แต่ทว่าเรียนตามตรงผมไม่เชื่อเกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการ ยกตัวอย่าง คราวนี้มาดูว่าไม่ว่า กาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร ปลา ก็ยังคงเป็น ปลา ครับ หาได้ได้เป็นอย่างอื่นไม่ (http://img430.imageshack.us/img430/9357/coelabf0.jpg)(http://img430.imageshack.us/img430/6112/coela2lv0.jpg) เจ้า ปลาซีลาคานธ์ นี่แหละที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์วิวัฒนาการ" หน้าแหก " เพราะมันยังเสนอหน้าและมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในโลกปัจจุบันตามแถบมหาสมุทรอินเดีย และยังมีหลักฐานทางฟอสซิลมากมายที่แสดงให้เห็นว่าหน้าตาของสิ่งมีชีวิตนั้น ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันเลย คุณ เด็กย้ายถิ่น หากจะเอาเพียงลักษณะหรือโครงสร้างทางกายภาพที่คล้ายกันมาตัดสินการวิวัฒนาการ คุณควรนำสิ่งเหล่านี้มาพิจารณาด้วย 1.น้ำหนักตัว 2.สภาวะการปรับตัวต่ออุณหภูมิของร่างกาย 3.การใช้น้ำในร่างกาย 4.ระบบไต 5.ระบบการหายใจ 6.และ ฯลฯ มาร่วมพิจารณาด้วย หากคุณ เด็กย้ายถิ่น นำสิ่งเหล่านี้มาพิจารณาคุณจะพบว่า มันไม่มีความเป็นไปได้เลยว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะเคยมีบรรพบุรุษร่วมกัน(Common Ancestory) คุณคงไม่ลืมนะครับว่า คุณลักษณะต่าง ๆของสัตว์นั้นถูกควบคุมโดยยีน(gene)ในDNA ของสัตว์แต่ละชนิด หัวข้อ: เผ่าพันธุ์มนุษย์ ต้นกำเนิดที่สืบและค้นคว้าได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 09:43 เผ่าพันธุ์มนุษย์ ต้นกำเนิดที่สืบและค้นคว้าได้ตามหลักวิทยาศาสตร์
(http://www.vcharkarn.com/vbiology/pictures/A297p4x2.jpg) จนกลายเป็นที่มาของคำว่า ไมโตคอนเดรียล อีฟ (Mitochondrial Eve) ในที่สุด! กล่าวสรุปง่ายๆ แบบภาษาชาวบ้านก็ต้องว่า คุณแม่ของมนุษย์ทั้งปวงที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ (ไม่ว่าจะเป็นคนผิวขาว ผิวดำ หรือผิวเหลืองก็ตาม) เป็นหญิงสาวแอฟริกานางหนึ่ง (ซึ่งน่าจะเป็นคนผิวดำ) !!! กล่าวได้ว่า เป็นอีกครั้งนะครับที่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ทำให้เห็น ความเป็นตัวตน ของคนเราได้อย่างชัดเจนยิ่ง วิทยาศาสตร์ช่วยให้เราทราบถึงต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์เราเอง (แม้ว่าหลายคนไม่อาจยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ก็ตาม!) น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครคิดหาวิธีที่จะระบุมนุษย์ชายคนแรกหรือ อดัม (Adam) ตามพระคัมภีร์ไบเบิลได้จากดีเอ็นเอแบบเดียวกับที่ทำได้ในกรณีของไมโตคอนเดรียลอีฟ หากมีใครคิดหาวิธีได้ คงจะต้องลุ้นกันน่าดูนะครับว่า จะได้ผลที่สอดคล้องกันกับผลของไมโตคอนเดรียลอีฟหรือไม่และอย่างไร7 แต่เรื่องราวเกี่ยวกับกำเนิดของมนุษย์ไม่ได้จบลงแต่เพียงแค่นั้นนะครับ หากพิจารณาเฉพาะในกลุ่มชาวยุโรป เมื่อใช้วิธีการตรวจสอบดีเอ็นเอจากไมโตคอนเดรียในแบบนี้ ก็ได้ผลการทดลองที่น่าสนใจมาก กล่าวคือ คนยุโรปทั้งหลายทั้งปวงที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ มีกำเนิดมาจากผู้หญิงเพียง 7 คนเท่านั้น หนึ่งในนักวิจัยเรื่องดังกล่าวคือ ดร. ไบรอัน ไซคีส (Bryan Sykes) ถึงกับเขียนหนังสือชื่อ ลูกสาวทั้งเจ็ดของอีฟ (The Seven Daughters of Eve) 8(ดังภาพปกใน [รูป 4]) อธิบายรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวนี้ไว้อย่างน่าสนใจ .................................. ตัดตอนจาก หน้าที่ 4 - ดีเอ็นเอกับกำเนิดและกำพืดมนุษย์ ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ หน่วยปฏิบัติการวิจัยกลางไบโอเทค ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BioTec) วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) http://student.sc.su.ac.th/myBoard/posting.php?mode=topicreview&t=775&sid=4dffe4e4f7189795bf9cdf09861e519e หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 09:48 คงปู่ หัวข้องถูกใจหนูมากๆๆๆ
เย้ๆๆๆ วันนี้ไม่ต้องมานั่งหาวว แย้ว เด๋งหนูมาตอบ เอาเรื่อง ยูกลีน่า ก่อนแล้วกัน ยังไงหนูก็ยังยืนยันมันเป็นพืช เพียงแต่มันมีหนวดเท่านั้น ที่ทำให้มันเคลื่อนไหวได้ คนเลยเข้าใจว่ามันเป็นสัตว์ ทั้งๆๆที่มันไม่จริงเลย หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 08-08-2006, 10:21 เอา link เรื่อง Protozoa กับ euglena มาฝาก
http://www.mcwdn.org/Animals/PROTOZOA.html หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 10:22 คงปู่ หัวข้องถูกใจหนูมากๆๆๆ เย้ๆๆๆ วันนี้ไม่ต้องมานั่งหาวว แย้ว เด๋งหนูมาตอบ เอาเรื่อง ยูกลีน่า ก่อนแล้วกัน ยังไงหนูก็ยังยืนยันมันเป็นพืช เพียงแต่มันมีหนวดเท่านั้น ที่ทำให้มันเคลื่อนไหวได้ คนเลยเข้าใจว่ามันเป็นสัตว์ ทั้งๆๆที่มันไม่จริงเลย เอา link เรื่อง Protozoa กับ euglena มาฝาก http://www.mcwdn.org/Animals/PROTOZOA.html ดีครับ สนใจครับ :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 10:30 วากาเมะ (Undaria) แก้คำผิดหน่อยนะค่ะ
ทำไมหนูถึงบอกว่า ยูกลีน่าเป็นพืช เพราะว่า มันที่คลอโรฟิล ซึ่งทำสามารถสังเคราะห์อาหารได้เอง เป็นพวก อ้อโตโทรปนะค่ะ แต่ก่อนมันจัดอยู่ในกลุ่มสาหร่ายสีเขียวค่ะ เพราะมีคลอโรฟิล เอและบี แต่ว่าอาหารสะสมที่ต่างออกไปทำให้เขาแยกออกมา อยุ่อีกดิวิชั่นหนึ่งเลย (Division Euglenophyta) การจัดหมวดหมู่ของสาหร่ายเขาจะยึดเอาหลักของ รงควัตถุ พวกคลอโรฟิล ที่ใช้ในการแบ่งหมวดหมู่ของสาหร่าย สาหร่าย สีเขียวแกมน้ำเงิน มีคลอโรฟิล เอ , เขียว มีเอ บี, น้ำตาล มีเอ ซี, แดง มีเอ ดี บ้านเรายังไม่นิยมทานกันมากค่ะ อย่างสาหร่าย พวงองุ่น ที่คุณปู่กล่าวมา (caulerpa) ยังมีคนทานบ้าง แต่จะมีเยอะที่ ศูนย์พัฒนาชายฝั่งประมงที่เพรชบุรีค่ะ คงปู่ถามหนูกว้างมากๆๆ ให้หนุเล่าถึงสาหร่ายสีเขียว เอาเป็นว่า หนูกำลังฝันว่าจะสกัดสารพวก Bioactive compound มาจากสาหร่ายบ้านเราให้ได้ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 10:44 คงปู่ หัวข้องถูกใจหนูมากๆๆๆ เย้ๆๆๆ วันนี้ไม่ต้องมานั่งหาวว แย้ว เด๋งหนูมาตอบ เอาเรื่อง ยูกลีน่า ก่อนแล้วกัน ยังไงหนูก็ยังยืนยันมันเป็นพืช เพียงแต่มันมีหนวดเท่านั้น ที่ทำให้มันเคลื่อนไหวได้ คนเลยเข้าใจว่ามันเป็นสัตว์ ทั้งๆๆที่มันไม่จริงเลย เอา link เรื่อง Protozoa กับ euglena มาฝาก http://www.mcwdn.org/Animals/PROTOZOA.html ดีครับ สนใจครับ :mozilla_oops: :mozilla_cool: หนูไม่ accept นะค่ะ ที่เขาจัดไว้กับกลุ่มโปรโตซัว หนูเคยไปทะเลาะกับอาจารย์ภาค Zoo มาแล้วเรื่องนี้ ที่เขาจัดไว้เพราะ ยูกลีน่ามันเปลี่ยนรุปร่างได้ เหมือนสัตว์กลุ่มโปรโตซัว แต่ที่นี้มันมี คลอโรฟิลสังเคราะห์แสงได้ คุณ G. M. smith เขาเลยแบ่งหมวดหมู่สาหร่าย ออก 7 Division ค่ะ ซึ่งหนึ่งในเจ็ด ก็มี ดิวิชั่นของ ยูกลีน่าอยู่ หนุไม่ยอมรับการจัดหมวดหมูของยุกลีน่าไปอยู่ในกลุ่มของ โปรโตซํวนะค่ะ :evil: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 10:49 วากาเมะ (Undaria) แก้คำผิดหน่อยนะค่ะ ทำไมหนูถึงบอกว่า ยูกลีน่าเป็นพืช เพราะว่า มันที่คลอโรฟิล ซึ่งทำสามารถสังเคราะห์อาหารได้เอง เป็นพวก อ้อโตโทรปนะค่ะ แต่ก่อนมันจัดอยู่ในกลุ่มสาหร่ายสีเขียวค่ะ เพราะมีคลอโรฟิล เอและบี แต่ว่าอาหารสะสมที่ต่างออกไปทำให้เขาแยกออกมา อยุ่อีกดิวิชั่นหนึ่งเลย (Division Euglenophyta) การจัดหมวดหมู่ของสาหร่ายเขาจะยึดเอาหลักของ รงควัตถุ พวกคลอโรฟิล ที่ใช้ในการแบ่งหมวดหมู่ของสาหร่าย สาหร่าย สีเขียวแกมน้ำเงิน มีคลอโรฟิล เอ , เขียว มีเอ บี, น้ำตาล มีเอ ซี, แดง มีเอ ดี บ้านเรายังไม่นิยมทานกันมากค่ะ อย่างสาหร่าย พวงองุ่น ที่คุณปู่กล่าวมา (caulerpa) ยังมีคนทานบ้าง แต่จะมีเยอะที่ ศูนย์พัฒนาชายฝั่งประมงที่เพรชบุรีค่ะ คงปู่ถามหนูกว้างมากๆๆ ให้หนุเล่าถึงสาหร่ายสีเขียว เอาเป็นว่า หนูกำลังฝันว่าจะสกัดสารพวก Bioactive compound มาจากสาหร่ายบ้านเราให้ได้ เอาอีก ยังไมพอครับ I'll Never Get Enough Of You http://www.maama.com/music/view.php?id=009195 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 08-08-2006, 10:53 :evil: :evil: .. 'อนา อย่าพึ่งโมโหนะ... พี่ไม่ได้สรุป เอาเป็นว่านักวิชาการคุยกันเองดีไหม?...
พี่สนใจนะเรื่องการค้นคว้าเรื่อง Bioactive compound มาจากสาหร่ายบ้านเรา แต่พี่เป็นห่วงนิด พี่หวังว่าผลงานของน้อง จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยเรานะ เพราะเห็นหลายครั้งแล้ว ของไทย แต่ผลสุดท้ายก็ถูกญี่ปุ่นนำไปจดสิทธิบัตร !! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 10:57 พอแย้วววววว เด๋ววิญญาณวิชาการออก ทุกคนจะตกใจค่ะ
เอาเป็นว่า เปลี่ยนเรื่องเถอะค่ะ หนูอนาเวลาพูดเรื่องวิชาการจะบ้าๆๆ ดุเดือดๆๆ เสียภาพพจน์ คนอารมณ์ดีหมดค่ะ :lol: :lol: :evil: :evil: .. 'อนา อย่าพึ่งโมโหนะ... พี่ไม่ได้สรุป เอาเป็นว่านักวิชาการคุยกันเองดีไหม?... พี่สนใจนะเรื่องการค้นคว้าเรื่อง Bioactive compound มาจากสาหร่ายบ้านเรา แต่พี่เป็นห่วงนิด พี่หวังว่าผลงานของน้อง จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยเรานะ เพราะเห็นหลายครั้งแล้ว ของไทย แต่ผลสุดท้ายก็ถูกญี่ปุ่นนำไปจดสิทธิบัตร !! พี่พูภานขา หนูยังไม่ได้ใช้สาหร่ายไทยค่ะ ตอนนี้ยังทำสาหร่ายที่นี้อยู่ค่ะ อาจารย์ก็พยายามให้หนูใช้ค่ะ แต่หนูบ่ายเบี่ยง อิอ เรื่องความเจ้าเล่นิ ภูพานไว้ใจหนุเถอะค่ะ ตราบใดที่ผลงานของหนุยังออกมาดี ก็ไม่จำเป้นต้องใช้สาหร่ายบ้านเราค่ะเพราะบ้านเขา คนทำเรื่องนี้ก็น้อยค่ะ ที่พยายามอยุ่ตอนนี้ กำลังจะดูเรื่องกลิ่น ที่เป้นหัวน้ำหอม ของสาหร่ายสีน้ำตาลกลุ่มหนึ่งค่ะ ส่วนน้องคนหนึ่งก็พยายามหาตัวที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อ HIV ค่ะ ถ้าหนูอนาไม่จบ ก็คือหามันไม่เจอนี้ล่ะค่ะ :D หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 08-08-2006, 11:03 อิอ เรื่องความเจ้าเล่นิ ภูพานไว้ใจหนุเถอะค่ะ
ได้ยินน้องว่าเช่นนี้...พี่ก็ซำบายใจ...ฮาฮา... :D เป็นเชื้อ HIV มั้ง ? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 11:04 อิอ เรื่องความเจ้าเล่นิ ภูพานไว้ใจหนุเถอะค่ะ ได้ยินน้องว่าเช่นนี้...พี่ก็ซำบายใจ...ฮาฮา... :D เป็นเชื้อ HIV มั้ง ? โทษค่ะ สะกดผิด อย่างไม่น่าให้อภัย อิอิ :lol: :lol: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 11:11 อ้างถึง พอแย้วววววว เด๋ววิญญาณวิชาการออก ทุกคนจะตกใจค่ะ เอาเป็นว่า เปลี่ยนเรื่องเถอะค่ะ หนูอนาเวลาพูดเรื่องวิชาการจะบ้าๆๆ ดุเดือดๆๆ เสียภาพพจน์ คนอารมณ์ดีหมดค่ะ เอาอะไรที่มันไม่วิชาการมากก็ได้นะ นะ นะ สาหร่ายสีขาวไม่มีเหรอ ! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 11:39 อ้างถึง พอแย้วววววว เด๋ววิญญาณวิชาการออก ทุกคนจะตกใจค่ะ เอาเป็นว่า เปลี่ยนเรื่องเถอะค่ะ หนูอนาเวลาพูดเรื่องวิชาการจะบ้าๆๆ ดุเดือดๆๆ เสียภาพพจน์ คนอารมณ์ดีหมดค่ะ เอาอะไรที่มันไม่วิชาการมากก็ได้นะ นะ นะ สาหร่ายสีขาวไม่มีเหรอ ! เมื่อคงปู่ 999 อายุมากขึ้นก็อาจจะมีค่ะ :lol: :lol: :lol: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 12:09 อ้างถึง พอแย้วววววว เด๋ววิญญาณวิชาการออก ทุกคนจะตกใจค่ะ เอาเป็นว่า เปลี่ยนเรื่องเถอะค่ะ หนูอนาเวลาพูดเรื่องวิชาการจะบ้าๆๆ ดุเดือดๆๆ เสียภาพพจน์ คนอารมณ์ดีหมดค่ะ เอาอะไรที่มันไม่วิชาการมากก็ได้นะ นะ นะ สาหร่ายสีขาวไม่มีเหรอ ! เมื่อคงปู่ 999 อายุมากขึ้นก็อาจจะมีค่ะ :lol: :lol: :lol: การจะเข้าใจความหลากหลายดังกล่าว เราต้องย้อนกลับไปดูตั้งแต่จุดแรกเริ่ม ออกซิเจนเกิดขึ้นจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายสีน้ำเงิน เกิดเป็นชั้นโอโซน ตามมาราว 700 ล้านปีที่แล้ว ชีวิตก็เริ่มอุบัติขึ้นและแยกย่อยเป็นหลายชนิดหลากพันธุ์ ลองนึกถึงภาพมงกุฎที่แยกออกเป็นแขนงสิ สาหร่ายสีน้ำเงินสืบทอดมาจากสาหร่ายสีขาว แต่ก็พัฒนามาไกลมาก ในขณะที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสาหร่ายสีแดง หรือสีน้ำตาลเลย เมื่อแตกแขนงแยกย่อยขึ้นก็ยังพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง สาหร่าย สีเขียว เฟิรน์และมอส รวมทั้งระหว่างไดโนไฟท์ (dinophyte seaweed) กับ เปรสิตพลาสโมเดียม ซึ่งทำให้เกิด เชื้อมาลาเรียอีกด้วย หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 12:35 ภาพมงกุฎที่แยกออก
เขาเรียกว่า phylogenic Tree ค่ะ คุงปู่ มั่วหรือเปล่า วิวัฒนาการนะ มันแล้วแต่คนคิดว่าเขาจะยึดหลักอะไร มาเกี่ยวข้องในการเชื่อมสายวิวัฒนาการนั้น เวลาคงปู่ยกมา คงปู่ต้องบอกด้วยว่าเขาใช้หลักอะไร ถ้ายึดเอาคลอกโรฟิลเป็นหลัก สาหร่ายทั้งหมดเลย เกี่ยวพันธ์กันทั้งนั้นนะค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 12:46 คุงปู่ดูรูปนี้นะค่ะ
(http://www.agen.ufl.edu/~chyn/age2062/lect/lect_19/5kingdms.gif) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 08-08-2006, 12:58 ผมตก ชีวะ ตอน ป. 3 :cry:
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 12:59 ภาพมงกุฎที่แยกออก เขาเรียกว่า phylogenic Tree ค่ะ คุงปู่ มั่วหรือเปล่า วิวัฒนาการนะ มันแล้วแต่คนคิดว่าเขาจะยึดหลักอะไร มาเกี่ยวข้องในการเชื่อมสายวิวัฒนาการนั้น เวลาคงปู่ยกมา คงปู่ต้องบอกด้วยว่าเขาใช้หลักอะไร ถ้ายึดเอาคลอกโรฟิลเป็นหลัก สาหร่ายทั้งหมดเลย เกี่ยวพันธ์กันทั้งนั้นนะค่ะ จะเอาสาหร่ายสีขาว มีป่ะ อิอิ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 08-08-2006, 13:29 คุงปู่ดูรูปนี้นะค่ะ คำก็ปู่ สองคำก็ปู่ ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 13:31 คุงปู่ดูรูปนี้นะค่ะ คำก็ปู่ สองคำก็ปู่ ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป :mrgreen: :mrgreen: อ้าว คุงปู่ทวด มาบ่นไรแถวนี้ค่ะ :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 08-08-2006, 13:48 ไม่เข้าจายยย.. หนูอนา ทู้นี้ไมขายดีจังเรยยย อ่ะ อ่านไม่เห็นรู้เลย คุยเรื่องไรกันอ่ะ?? :roll: :roll: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 13:49 คุงปู่ดูรูปนี้นะค่ะ จาหลับแล้วน้า เล่าเร็วๆหน่อย คำก็ปู่ สองคำก็ปู่ ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป :mrgreen: :mrgreen: อ้าว คุงปู่ทวด มาบ่นไรแถวนี้ค่ะ :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 13:51 ไม่เข้าจายยย.. หนูอนา ทู้นี้ไมขายดีจังเรยยย อ่ะ อ่านไม่เห็นรู้เลย คุยเรื่องไรกันอ่ะ?? :roll: :roll: :mrgreen: นั่นนะสิเล่าช้า หลับรอดีกว่า.. :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 14:02 กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว......
มีเด็กหญิงคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก เติบโตมาท่ามกลางธรรมชาตที่สวยงาม ฉะนั้นไม่แปลกอะไร ถ้าเธอจะมีความสวยงามในแบบธรรมชาติ (ลงโทษ) ............................. อ้าว คุงปู่ 999 เล่าต่อนะ เด๋วจะรอฟัง อิอิ ดูซินิยายเลรื่องนี้จะจบไง หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 08-08-2006, 14:04 คาดว่ากระทู้นี้จะออกทะเลไปไกลถึงทะเลเมดิเตอเรเนียน
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย -- ตัวอย่างออกทะเล เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 08-08-2006, 14:10 คาดว่ากระทู้นี้จะออกทะเลไปไกลถึงทะเลเมดิเตอเรเนียน อ๋อออออออออออออ..... (พยักหน้าหงึกๆ) แบบนี้น่ะเองอ่ะค้าาา :roll: ตัวอย่างกระทู้ออกทะเล ที่คุณลุงเดอะเติ๊ดเวย์ ท่านกล่าวไว้ ในกระทู้โน้นนนน... :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 14:16 ช่ายยยยยยย แล้วพวกเราก็รุ้ไงว่า
คุนปู่ 999 ชอบพากระทู้ ออกทะเล ไม่ดีน่าคร๊า เราต้องอยู่ในประเด็นค่า จับประเด็นให้ได้ นะค่า :evil: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 08-08-2006, 14:16 ใช่แล้วครับ แบบนี้เลยครับ แต่ตอนนั้นเป็นผมกับคุณนักข่าวและมีสาวคนหนึ่งมาแจม จากเองเพลงของคุณเติ๊ดเวย์ ไปเพลงของพี่ป้าง แบลคเฮด และเพลงร๊อคยุค 80-90 เรื่องจัดรายการวิทยุ และจบลงด้วยรายการไนน์ตี้ช๊อคเล่าเรื่องผีของ กพล ทองพลับ
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 14:22 Yellowstone National Park Photo
(http://www.us-parks.com/pub/pages/usparks/uspar/photo_gallery/large/p_2767.jpg) (http://www.us-parks.com/pub/pages/usparks/uspar/photo_gallery/large/p_2733.jpg) Expert: Ron Coleman Date: 5/25/2006 Subject: White algae or fungus like substance along substrate Question I noticed today that along the bottom of our tank and on all of the decor (fake plants, the ship, the bridge) there are these white, approx. 2-3 inch long floaty things resembling algae or fungus. It is everywhere throughout the bottom of the tank. The fish seem unaffected, but I don t know what it is. Can you help? Get the answer below Answer Hi Rachel, It sounds like you have been overfeeding your fish by quite a bit. Do you use a gravel siphon to clean your tank once a week? If not, you need to and you need to start right away. -- Ron rcoleman@cichlidresearch.com Cichlid Research Home Page <http://cichlidresearch.com> ............................... หนังสือภาษาอังกฤษ Algae: An introduction to phycology Van Den Hoek, C., Mann, D.G. and H.M. Jahns (eds) Cambridge University Press, 1995, 627 p. เป็นตำราพื้นฐานทางด้านวิทยาสาหร่ายที่ทันสมัย โดยมีการนำ 18S rRNA และ 28S rRNA มาจัดทำ Phylogenetic tree ของสาหร่ายที่แสดงถึงสายวิวัฒนาการ Biotechnology & Utilization of Algae - The Indian Experience - Venkataraman, L.V. and Becker, E.W. (eds) Sharada Press, Mangalore, India, 1985, 257 p. เน้นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเลี้ยงสาหร่าย โดยเฉพาะสาหร่าย Scenedesmus และ Spirulina หาได้ที่ห้องสมุด AIT Phycology (2nd ed.) Lee, R.E., Cambridge University Press, 1989, 645 p. :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 14:24 ใช่แล้วครับ แบบนี้เลยครับ แต่ตอนนั้นเป็นผมกับคุณนักข่าวและมีสาวคนหนึ่งมาแจม จากเองเพลงของคุณเติ๊ดเวย์ ไปเพลงของพี่ป้าง แบลคเฮด และเพลงร๊อคยุค 80-90 เรื่องจัดรายการวิทยุ และจบลงด้วยรายการไนน์ตี้ช๊อคเล่าเรื่องผีของ กพล ทองพลับ อย่าว่าแต่สาวคนนั้นเลยค่ะ เธอตัวส้มๆๆข้างบนนั้น ก็ใช่ย่อย :lol: :lol: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 14:35 หนูเดาว่า เป็นพวกไดอะตอมค่ะ รวมอยู่กับพวก oscillatoria สาหร่ายเขียวแก้มสีน้ำเงิน ที่จะมีซิสหุ้ม อ่ะค่ะ เป็นส่วนมาก เพระไดอะตอมจะออกเป็นสีเหลืองทอง
พวกขี้ตระไคร้นี้ เอามาส่งกล้องทั้งวัน ก็ดูไม่หมดค่ะ ว่ามีตัวอะไรบ้าง บางตัวนี้ น่าร๊าก มากๆๆเลยค่ะ เด๋วหนูหาภาพมาให้ดูค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 14:39 ช่ายยยยยยย แล้วพวกเราก็รุ้ไงว่า คุนปู่ 999 ชอบพากระทู้ ออกทะเล ไม่ดีน่าคร๊า เราต้องอยู่ในประเด็นค่า จับประเด็นให้ได้ นะค่า :evil: สงสัยในที่สุดพืชจะเท่าเทียมกับสัตว์เหมือนกัน เพราะ??? ยังอยู่ในประเด็นเท่าเทียมเห็นมั้ย..??.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 14:41 หนูเดาว่า เป็นพวกไดอะตอมค่ะ รวมอยู่กับพวก oscillatoria สาหร่ายเขียวแก้มสีน้ำเงิน ที่จะมีซิสหุ้ม อ่ะค่ะ เป็นส่วนมาก เพระไดอะตอมจะออกเป็นสีเหลืองทอง พวกขี้ตระไคร้นี้ เอามาส่งกล้องทั้งวัน ก็ดูไม่หมดค่ะ ว่ามีตัวอะไรบ้าง บางตัวนี้ น่าร๊าก มากๆๆเลยค่ะ เด๋วหนูหาภาพมาให้ดูค่ะ โอเช ดีมาก.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 08-08-2006, 14:46 ใช่แล้วครับ แบบนี้เลยครับ แต่ตอนนั้นเป็นผมกับคุณนักข่าวและมีสาวคนหนึ่งมาแจม จากเองเพลงของคุณเติ๊ดเวย์ ไปเพลงของพี่ป้าง แบลคเฮด และเพลงร๊อคยุค 80-90 เรื่องจัดรายการวิทยุ และจบลงด้วยรายการไนน์ตี้ช๊อคเล่าเรื่องผีของ กพล ทองพลับ อย่าว่าแต่สาวคนนั้นเลยค่ะ เธอตัวส้มๆๆข้างบนนั้น ก็ใช่ย่อย :lol: :lol: ยู๊ดดดดดด เดี๋ยวนี้ หนูอนา... :shock: :shock: หนูเก็ดมิเคยพากระทู้ของผู้ใดออกทะเลเลย :oops: :oops: :oops: วั้ยๆๆๆๆ กลับเข้าสู่ประเด็นกันแร้วววว :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 14:50 ใช่แล้วครับ แบบนี้เลยครับ แต่ตอนนั้นเป็นผมกับคุณนักข่าวและมีสาวคนหนึ่งมาแจม จากเองเพลงของคุณเติ๊ดเวย์ ไปเพลงของพี่ป้าง แบลคเฮด และเพลงร๊อคยุค 80-90 เรื่องจัดรายการวิทยุ และจบลงด้วยรายการไนน์ตี้ช๊อคเล่าเรื่องผีของ กพล ทองพลับ อย่าว่าแต่สาวคนนั้นเลยค่ะ เธอตัวส้มๆๆข้างบนนั้น ก็ใช่ย่อย :lol: :lol: ยู๊ดดดดดด เดี๋ยวนี้ หนูอนา... :shock: :shock: หนูเก็ดมิเคยพากระทู้ของผู้ใดออกทะเลเลย :oops: :oops: :oops: วั้ยๆๆๆๆ กลับเข้าสู่ประเด็นกันแร้วววว :mrgreen: เธอทำผิดระเบียบของบอร์ดหรือเปล่า เอารูป too small มาใช้อ่ะ?? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 14:58 ขี้ตะไคร้น้ำที่เราเห็นอยู่ทั่วไป จะเป็นแบบนี้เมื่อส่องด้วยกล้องจุลทรรน์ค่ะ
(http://micro.magnet.fsu.edu/moviegallery/images/pondscum/oscillatoria.jpg) ที่เห้นเป็นเส้นๆสีเขียว นั้นคือ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินค่ะ oscillatoria ดูชัดๆๆๆ ชนิดนี้ใช้กำลัง ขยาย 4x-10x ก็พอจะมองออกดูลายละเอียดได้ค่ะ (http://www.stcsc.edu/ecology/algae/oscillatoria.jpg) ถ้าน้ำสะอาดหน่อย อาจจะมีกลุ่มของ Desmid อยู่ด้วยค่ะ ซ฿งเป็นกลุ่มที่มีรูปร่างสวยงาม ส่วนพวกไดอะตอมก็จะประมาณนี้ค่ะ (http://www.awi-bremerhaven.de/AWI/Presse/PM/pm05-1.hj/pics/Hustedt3-p.jpg) (http://www.scheldeschorren.be/CMSimple/images/kiezelwieren-navicula-arenaria.jpg) นอกจากนี้ก็ยังเห็นพวกโปรตัวซัว วิ่งพล่านปะปนในนั้นล่ะค่ะ แต่โปรโตซัวดูให้ขัดด็กำลัง ขยาย 40x-100x ไปเลยค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 15:06 อุตสาห์หามาให้ดู ขอบคุณฮับ...สวยไปอีกแบบ :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 16:12 สังเกตจากภายนอกเราจะเห็นว่า คนเราต้องช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีตามธรรมชาติ มากกว่าจะเอาเปรียบครับ !!! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 20:46 มาฟังเพลงย่อยอาหารเย็นกัน
Rhythm Of The Rain (live) Artist :: Dan Fogelberg http://www.maama.com/music/view.php?id=000474 Blowing in the wind : Artist :: Stevie Wonder http://www.maama.com/music/view.php?id=001421 The Cup Of Life : Artist :: Ricky Martin http://www.maama.com/music/view.php?id=001003 She Loves You : Artist :: The Beatles http://www.maama.com/music/view.php?id=002065 Please Mr. Postman : Artist :: The Beatles http://www.maama.com/music/view.php?id=002099 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 20:50 เพิ่งทานเสร็จเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ทานสัปปะรดอยู่
หัวข้อ: ทานสัปะรดเสร็จยัง? ได้เวลาแดนซ์ก่อนนอน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 20:54 เพิ่งทานเสร็จเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ทานสัปปะรดอยู่ Hotel California * (Acoustic) : Artist :: The Eagles http://www.maama.com/music/view.php?id=006680 มาเต้นรำกันดีมั้ย !!! Wonderful to night : Eric Clapton http://www.oldsonghome.com/music/song/2148.ram :mozilla_cool: :mozilla_smile: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 22:26 มาฟังเพลงย่อยอาหารเย็นกัน Rhythm Of The Rain (live) Artist :: Dan Fogelberg http://www.maama.com/music/view.php?id=000474 Blowing in the wind : Artist :: Stevie Wonder http://www.maama.com/music/view.php?id=001421 The Cup Of Life : Artist :: Ricky Martin http://www.maama.com/music/view.php?id=001003 She Loves You : Artist :: The Beatles http://www.maama.com/music/view.php?id=002065 Please Mr. Postman : Artist :: The Beatles http://www.maama.com/music/view.php?id=002099 สงสัยวันนี้เปิดเพลงบรรเลงดีกว่า หาดู่กก่อน...ฮือ พอได้.. หัวข้อ: Re: ทานสัปะรดเสร็จยัง? ได้เวลาแดนซ์ก่อนนอน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 08-08-2006, 22:34 เพิ่งทานเสร็จเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ทานสัปปะรดอยู่ Hotel California * (Acoustic) : Artist :: The Eagles http://www.maama.com/music/view.php?id=006680 มาเต้นรำกันดีมั้ย !!! Wonderful to night : Eric Clapton http://www.oldsonghome.com/music/song/2148.ram :mozilla_cool: :mozilla_smile: อนาชอบเต้นรำ เมื่อวาน เพิ่งเรียนเต้น แทงโก้ กับลุมบ้าไป สนุกมากๆๆค่ะ :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 08-08-2006, 22:38 เพิ่งทานเสร็จเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ทานสัปปะรดอยู่ Hotel California * (Acoustic) : Artist :: The Eagles http://www.maama.com/music/view.php?id=006680 มาเต้นรำกันดีมั้ย !!! Wonderful to night : Eric Clapton http://www.oldsonghome.com/music/song/2148.ram :mozilla_cool: :mozilla_smile: อนาชอบเต้นรำ เมื่อวาน เพิ่งเรียนเต้น แทงโก้ กับลุมบ้าไป สนุกมากๆๆค่ะ :mrgreen: ทานสับปะรดจานใหญ่ ต้องเต้นเพลงช้าครับ อิอิ :mozilla_tongue: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 10:32 สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพูดรำพึงสั้นๆเริ่มต้นถึงความเท่าเทียมที่ต้องไม่เท่าเทียม และนั้นหมายความว่าโลกเรากำลังอยู่ในสมดุลของการเคลื่อนไหวทางกายภาพ ส่วนโลกในมุมมองที่มนุษย์บนโลกเป็นจุดชี้ขาดนี้ เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ทั้งหมด แต่อาจจะ อาจะจะเท่านั้นนะครับที่จะควบคุมทิศทางได้มากบ้างน้อยบ้าง...ดังนั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่จิตใจจะไม่สบาย และไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไปพร้อมกับใครบางคน หรือจะเคลื่อนไปอย่างเดียวดายก็ตามที ตัวควบคุมทิศทางก็อีกนั้นแหละ หาไปเถอะ ผมไม่บอกหรอกครับ ด้วยเหตุผลลึกๆของผมเอง... อ่านไม่รู้เรื่องใช่ป่ะ ตอนท้ายๆจะเหมือนไดอารีส่วนตัว เอาแค่อมยิ้มนิดๆก็พอ เสียงหัวเราะอย่างจริงใจในความเงียบผมจะสงวนไว้ให้สุดที่รักของผมเท่านั้น...ไม่บรรยายต่อดีกว่า รู้แค่ว่าผมมีความสุขก็พอ...อิจฉานิดๆล่ะซี :mozilla_smile: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 09-08-2006, 10:50 โอะโอ๋ คุงปู่ มาโรแมนติค แต่เช้าเชียว
:D :D :D หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 11:06 โอะโอ๋ คุงปู่ มาโรแมนติค แต่เช้าเชียว :D :D :D ควันหลง การเต้นรำเมื่อคืนไงครับ.. ประวัติความเป็นมาของ "กีฬาลีลาศ" และ สหพันธ์กีฬาลีลาศแห่งทวีปเอเชีย(ADSF) การลีลาศ หรือ การเต้นรำ ถือเป็นกิจกรรมทางสังคมอย่างหนึ่ง ซึ่งถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยในแต่ละประเทศก็มีจังหวะการเต้นรำของตัวเอง ต่อมาได้มีการรวบรวมการเต้นรำจากหลายประเทศ มาวางรูปแบบให้เป็นมาตรฐาน และแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเภท คือ Standard และ Latin American ซึ่งมีการใช้แพร่หลาย โดยเฉพาะในทวีปยุโรป และมีการรวมกลุ่มจัดตั้งองค์กรขึ้นมา เพื่อบริหารจัดการในระดับนานาชาติ ที่สำคัญแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม WD&DSC ซึ่งมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นครูลีลาศและนักลีลาศอาชีพ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ส่วนกลุ่ม IDSF ซึ่งมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นนักลีลาศสมัครเล่น มีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเยอรมัน และสวิสเซอร์แลนด์ ในปี 1991 ได้มีกลุ่มนักธุรกิจนำโดย นายจรัญ เจียรวนนท์ ได้รวบรวมกลุ่มนักธุรกิจ ก่อตั้งสมาคมลีลาศสมัครเล่นประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการลีลาศ โดยมีนายสุชัย เพียรพัฒนางกูร เป็นอุปนายกดูแลงานด้านการต่างประเทศ และได้เข้าเป็นสมาชิกของ IDSF ซึ่งขณะนั้นมีสมาชิกอยู่เพียงไม่กี่ประเทศ หลังจากเข้าร่วมประชุมในระดับนานาชาติหลายครั้ง จึงได้ทราบว่า วิธีเดียวที่จะส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการลีลาศให้สำเร็จ คือ จะต้องผลักดันให้โอลิมปิกสากล รับรองว่าการลีลาศเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นแทบจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้ เนื่องจากมีการออกกำลังกายจำนวนมาก ยื่นขอให้โอลิมปิกสากลรับรอง และการจะให้โอลิมปิกสากลรับรอง ก็มีเงื่อนไขมากมาย หลังจากการประชุมระดับนานาชาติแล้ว ทางอุปนายกฝ่ายต่างประเทศ ก็ได้เริ่มทำการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการลีลาศ รวมทั้งการเดินทางไปในหลายประเทศ ที่เป็นต้นกำเนิดของจังหวะการลีลาศ เช่น ประเทศอาร์เจนติน่า ประเทศบราซิล และประเทศออสเตรีย จึงทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น จากนั้น ก็ได้หาข้อมูลว่าโอลิมปิกสากลมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง หลังจากศึกษารายละเอียดแล้วสรุปได้ว่า มีเงื่อนไขที่สำคัญมากอยู่ 2 ประการคือ 1. ต้องเป็นสิ่งที่แพร่หลายในหลายทวีปทั่วโลก ไม่ใช่แพร่หลายเฉพาะในทวีปยุโรป 2. ต้องมีองค์กรที่เป็นหนึ่งเดียว สามารถจัดการควบคุมองค์กรสมาชิกได้ทั่วโลก ไม่ใช่มี 2 องค์กร และขัดแย้งกันมาก เช่น IDSF และ WD&DSC ทางอุปนายกฝ่ายต่างประเทศ จึงได้มีแนวความคิดว่า การลีลาศแพร่หลายมากเฉพาะในทวีปยุโรป IDSF และ WD&DSC ต่างก็ขัดแย้งกันมาก ซึ่งผิดเงื่อนไขของโอลิมปิกสากล จึงไม่มีทางที่โอลิมปิกสากลจะให้การรับรอง แต่ถ้าสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกให้มากขึ้น และกระจายไปในทุกทวีปทั่วโลก จะทำให้มีความสามารถในการผลักดันให้โอลิมปิกสากล รับรอง IDSF ได้ง่ายขึ้น ในปี 1994 นายสุชัย เพียรพัฒนางกูร จึงได้ติดต่อหารือกับประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีน ถึงแนวความคิดที่จะก่อตั้ง สหพันธ์กีฬาลีลาศแห่งทวีปเอเชีย (ADSF) ซึ่งทั้ง 2 ประเทศเห็นด้วย และมีการปรึกษาหารือกันหลายครั้งในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และฝรั่งเศส เพื่อทำความเข้าใจและขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกทั่วโลก ในการก่อตั้ง ADSF ซึ่งมีอุปสรรคปัญหามากมาย รวมทั้งการแก่งแย่งกันเป็นผู้นำในทวีปเอเชีย และการไม่ต้องการให้มีการแยกตัวไปตั้ง ADSF จึงต้องใช้เวลาถึง 2 ปี ในการประชุมหลายประเทศ จนได้รับการอนุมัติจากการประชุม IDSF ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และก่อตั้งสำเร็จในการประชุมที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ในปี 1996 และเนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่ม ต้องใช้เวลาและเงินจำนวนมาก ทางประเทศสมาชิกจึงสนับสนุนให้ นายสุชัย เพียรพัฒนางกูร ขึ้นเป็นประธานก่อตั้งของ ADSF หลังจากนั้น จึงได้เริ่มเพิ่มจำนวนสมาชิกอีกหลายสิบประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย และทวีปอื่นๆทั่วโลก ขณะเดียวกัน ADSF ก็เริ่มวางกฎระเบียบการแข่งขัน การฝึกอบรมกรรมการตัดสินให้เป็นมาตรฐาน และติดต่อประสานงาน เพื่อเข้าเป็นสมาชิกของโอลิมปิกคอมมิตี้เอเชีย (OCA) โดยได้รับความสนับสนุนและร่วมมือเต็มที่จาก MR.WEI JI ZHONG จึงทำให้ ADSF มีความเข้มแข็งมากในทวีปเอเชีย และได้ร่วมมือกับ IDSF ในการผลักดันให้ IOC รับรอง แต่ยังติดปัญหาการคัดค้านจาก WD&DSC นายสุชัย เพียรพัฒนางกูร จึงได้เสนอในที่ประชุม IDSF ในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ให้ WD&DSC เข้าเป็น Associate Member หรือสมาชิกร่วม เพื่อให้ IOC รับรองลีลาศเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ซึ่ง WD&DSC เห็นด้วย นายสุชัย เพียรพัฒนางกูร จึงได้เริ่มขอเสียงสนับสนุนจาก IOC Member ในทวีปเอเชีย ไปรวมกับเสียงของ IOC Member ในทวีปยุโรป ให้การสนับสนุนลีลาศเป็นกีฬา โดยมี IDSF เป็นองค์กรหลักในการควบคุม ซึ่งประสพความสำเร็จในที่ประชุม IOC เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ต้นปี 1998 ต่อมาได้รับทราบจาก IOC Member ในทวีปยุโรปว่า ถึงแม้จะได้รับการรับรองลีลาศเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง แต่อย่าหวังจะได้บรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก เนื่องจาก IOC มีนโยบายจะลดจำนวนประเภทกีฬา และยังมีกีฬาจำนวนมากที่ขอเข้าแข่งขัน แต่ไม่ได้รับการพิจารณา นายสุชัย เพียรพัฒนางกูร จึงมีความคิดว่า ถ้าวันนี้ไม่มีโอกาส การแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกอนาคตคงจะยาก จึงมีความคิดว่า ถ้าสามารถผลักดันให้เข้าสาธิตในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ หรือกีฬาโอลิมปิกของทวีปเอเชียไว้เป็นพื้นฐานอนาคต ถ้าโอลิมปิกสากล IOC มีนโยบายเพิ่มประเภทกีฬา ก็จะสามารถบรรจุเข้าแข่งขันได้เลย จากนั้น จึงได้เริ่ม Lobby IOC Member ในทวีปเอเชีย ให้สนับสนุนกีฬาลีลาศเข้าสาธิตในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ จนกระทั่งประสพความสำเร็จ OCA อนุมัติให้กีฬาลีลาศบรรจุเข้าเป็นกีฬาสาธิต ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์เมื่อปลายปี 1998 ที่กรุงเทพฯ สหพันธ์กีฬาลีลาศนานาชาติ (IDSF) ได้ประกาศว่า เป็นครั้งแรกในโลกที่กีฬาลีลาศ ได้รับการบรรจุเข้าแข่งขัน ในการแข่งขันของกลุ่มโอลิมปิกสากล ซึ่งจะเป็นโอกาสให้กีฬาลีลาศ มีโอกาสบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกในอนาคต ความหมาย ลีลาศ หมายถึงการเต้นเพื่อความสนุกสนานและได้พบกับบุคคลอื่นๆ ในสังคมในงานสังสรรค์ หรืองานราตรีสโมสร ลีลาศนี้ มีมานับเป็นพันๆ ปีแล้ว แต่เพิ่งมีหลักฐานแน่ชัดเมื่อประมาณ ปี ค.ศ.1400 ซึ่งได้อธิบายถึงการก้าวเดิน และดนตรี การเต้นรำแบบบอลรูม (Ballroom Dancing) เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างชาติและเผ่าพันธุ์ต่างๆ ถึงแม้ว่าชาวตะวันตกจะนิยมกันอย่างมาก แต่การเต้นรำแบบบอลรูมก็เป็นที่ยอมรับของชนทุกชาติ ประวัติความเป็นมา ในสมัยดึกดำบรรพ์ ชาวสปาร์ต้า จะฝึกกีฬา เช่น ชกมวย, ยิงธนู, วิ่ง, ขี่ม้า ล่าสัตว์ รวมการ เต้นรำ ส่วนชาวโรมันมีการเต้นรำเพื่อแสดงความกล้าหาญ ผู้ที่มีชื่อเสียงในการเต้นตำของโรมันคือ ซีซีโร (Cicero : 106 43 B.C.) การเต้นรำแบบบอลรูม เริ่มตั้งแต่สมัยพระนางเจ้าอลิซาเบ็ธที่ 1 ซึ่งสมัยนั้นครั่งไคล้การเต้นรำที่เรียกว่า โวลต้า (Volta) ซึ่งมีการจับคู่แบบวอลซ์ในปัจจุบัน การเต้นแบบโวลต้านั้นฝ่ายชายจะช่วยให้ฝ่ายหญิงกระโดดขึ้นในอากาศด้วย ซึ่งพระราชินีเอง ทรงพอพระทัยมาก เช็คสเปียร์ (Shakespeare : 1564 1616) อยู่ในกรุงลอนดอนหลายปี ได้กล่าวไว้ในบทละครเรื่องพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ว่า มีการเต้นอีกอย่างเรียกว่า โคแรนโท หรือ โคแรนเท (Courante) สมัยศตวรรษที่ 17 การเต้นรำมีแบบแผนมากขึ้น จอห์น วีเวอร์ และ จอห์น เพทฟอร์ด (John Weaver & John Playford) เป็นนักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียง เพลฟอร์ด ได้เขียนเกี่ยวกับการเต้นรำแบบเก่าของอังกฤษ ซึ่งรวบรวมได้ถึง 900 แบบอย่าง แซมมวล ไพปส์ (Samuel Pepys : 1632 1704) ได้เขียนบันทึกประจำวันในสมัยการปกครองของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 และได้บันทึกไว้เมื่อ ค.ศ.1662 ถึงงานราตรีสโมสร ซึ่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ทรงพาสุภาพสตรีออกเต้น โคแรนโท (Coranto) การเต้นรำได้แพร่เข้ามาประเทศฝรั่งเศส เปลี่ยนมาเรียกเป็นสำเนียงฝรั่งเศสว่า คองเทร ดองเซ่ (Conterdanse) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงโปรดปรานมากและต่อมาได้แพร่หลายไป ............ ประวัติความเป็นมาของลีลาศ ความหมาย ลีลาศ หมายถึงการเต้นเพื่อความสนุกสนานและได้พบกับบุคคลอื่นๆ ในสังคมในงานสังสรรค์ หรืองานราตรีสโมสร ลีลาศนี้ มีมานับเป็นพันๆ ปีแล้ว แต่เพิ่งมีหลักฐานแน่ชัดเมื่อประมาณ ปี ค.ศ.1400 ซึ่งได้อธิบายถึงการก้าวเดิน และดนตรี การเต้นรำแบบบอลรูม (Ballroom Dancing) เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างชาติและเผ่าพันธุ์ต่างๆ ถึงแม้ว่าชาวตะวันตกจะนิยมกันอย่างมาก แต่การเต้นรำแบบบอลรูมก็เป็นที่ยอมรับของชนทุกชาติ ประวัติความเป็นมา ในสมัยดึกดำบรรพ์ ชาวสปาร์ต้า จะฝึกกีฬา เช่น ชกมวย, ยิงธนู, วิ่ง, ขี่ม้า ล่าสัตว์ รวมการ เต้นรำ ส่วนชาวโรมันมีการเต้นรำเพื่อแสดงความกล้าหาญ ผู้ที่มีชื่อเสียงในการเต้นตำของโรมันคือ ซีซีโร (Cicero : 106 43 B.C.) การเต้นรำแบบบอลรูม เริ่มตั้งแต่สมัยพระนางเจ้าอลิซาเบ็ธที่ 1 ซึ่งสมัยนั้นครั่งไคล้การเต้นรำที่เรียกว่า โวลต้า (Volta) ซึ่งมีการจับคู่แบบวอลซ์ในปัจจุบัน การเต้นแบบโวลต้านั้นฝ่ายชายจะช่วยให้ฝ่ายหญิงกระโดดขึ้นในอากาศด้วย ซึ่งพระราชินีเอง ทรงพอพระทัยมาก เช็คสเปียร์ (Shakespeare : 1564 1616) อยู่ในกรุงลอนดอนหลายปี ได้กล่าวไว้ในบทละครเรื่องพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ว่า มีการเต้นอีกอย่างเรียกว่า โคแรนโท หรือ โคแรนเท (Courante) สมัยศตวรรษที่ 17 การเต้นรำมีแบบแผนมากขึ้น จอห์น วีเวอร์ และ จอห์น เพทฟอร์ด (John Weaver & John Playford) เป็นนักเขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียง เพลฟอร์ด ได้เขียนเกี่ยวกับการเต้นรำแบบเก่าของอังกฤษ ซึ่งรวบรวมได้ถึง 900 แบบอย่าง แซมมวล ไพปส์ (Samuel Pepys : 1632 1704) ได้เขียนบันทึกประจำวันในสมัยการปกครองของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 และได้บันทึกไว้เมื่อ ค.ศ.1662 ถึงงานราตรีสโมสร ซึ่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ทรงพาสุภาพสตรีออกเต้น โคแรนโท (Coranto) การเต้นรำได้แพร่เข้ามาประเทศฝรั่งเศส เปลี่ยนมาเรียกเป็นสำเนียงฝรั่งเศสว่า คองเทร ดองเซ่ (Conterdanse) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงโปรดปรานมากและต่อมาได้แพร่หลายไปยังประเทศอิตาลีและ สเปน การเต้นรำแบบบอลรูมในจังหวะวอลซ์ (Waltz) ได้เริ่มขึ้นประมาณ ค.ศ. 1800 เป็นจังหวะที่นิยมกันมากในสมัยนั้น ในสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรีย (The Victorian Era : 1830 80) การไปงานราตรีสโมสร หนุ่มสาวจะไปเป็นคู่ๆ ต้องต่างคนต่างไป และฝ่ายชายจะขอลีลาศกับหญิงคนเดิมมากกว่า 4 ครั้ง ไม่ได้ หญิงโสดก็จะต้องมีพี่เลี้ยงไปด้วย ฝ่ายหญิงจะมีบัตรเล็กๆ สีขาว จดบันทึกไว้ว่า เพลงใดมีชายขอจองลีลาศไว้บ้าง ในศตวรรษที่ 20 นิโกรในอเมริกา มีบทบาทมากทางด้านดนตรี และลีลาต่างๆ ในนิวออร์ลีน มีการเล่นดนตรีแบบพื้นเมืองของอาฟริกา ตอนแรกเรียกว่าจังหวะ (Syncopation) มีท่วงทำนองเร้าใจ และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคแจ๊ส (Jazz Age) สมัยเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 1 ใหม่ๆ ดนตรีจังหวะนี้ก็เข้ามาแพร่หลายในอังกฤษ พร้อมๆ กันนั้นก็มีจังหวะพื้นเมืองอีกจังหวะหนึ่งมาจากอเมริกาใต้ คือ จังหวะแทงโก (Tango) ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากเพลงพื้นเมืองของพวกคาวบอยในอาร์เยนตินา ยุคนั้นเรียกว่า แร็กโทม์ (Rag Time) ซึ่งการเต้นไม่มีกฏเกณฑ์อะไร ต่อมาประมาณปี ค.ศ.1929 มีครูลีลาศในอังกฤษรวมกันเป็นคณะกรรมการปรับปรุงการลีลาสแบบบอลรูมขึ้นมาเป็นมาตรฐาน 4 จังหวะ (ถ้ารวมควิกวอลซ์ด้วยจะเป็น 5 จังหวะ) ถือว่าเป็นแบบฉบับของชาวอังกฤษ คือ วอลซ์ (Waltz) ควิกสเต็ป (Quickstep) แทงโก (Tango) และ ฟอกซ์ทรอต (Fox-trot) เนื่องจากอิทธิพลของยุคแจ๊ส (Jazz Age) ก็ได้เกิดการลีลาศแบบลาตินอเมริกา ซึ่งจัดไว้เป็นมาตรฐาน 4 จังหวะ (ถ้ารวมพาโซโดเบิ้ล ก็จะเป็น 5 จังหวะ) คือ รัมบ้า (Rumba) ชา ชา ช่า (Cha Cha Cha) แซมบ้า (Samba) และไจว์ฟ (Jive) โดยคัดเลือกจากการลีลาศประจำชาติต่างๆ เช่น แซมบ้าจากบราซิล รัมบ้าจากคิวบา พาโซโดเบิ้ลจากสเปน และไจว์ฟจากอเมริกา ......................... อ่านและศึกษาเพิ่มเติม http://www.mixedpickles.org/19cdance.html MORE DANCE COMPANIES ON THE WEB http://www.dancer.com/dance-links/other.htm Music Dictionary http://e-muzic.net/t.html http://72.14.203.104/search?q=cache:rQwHzWIy2J8J:musicnet.chandra.ac.th/eng/mus_dic.htm+Tango+step&hl=th&lr=&strip=1 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 11:13 ลีลาศหมายถึงการเต้นเพื่อความสนุกสนานและได้พบกับบุคคลอื่นๆในสังคมในงานสังสรรค์ หรืองานราตรีสโมสร ลีลาศนี้ มีมานับเป็นพันๆ ปีแล้ว แต่เพิ่งมีหลักฐานแน่ชัด เมื่อประมาณปี ค.ศ.1400ซึ่งได้อธิบายถึงการก้าวเดินและดนตรีการเต้นรำแบบบอลรูม(BallroomDancing) เปรียบเสมือน สะพานเชื่อมช่องว่างระหว่าง ชาติและเผ่าพันธุ์ต่างๆถึงแม้ว่า ชาวตะวันตก จะนิยมแต่ การเต้นรำ แบบบอลรูมก็เป็นที่ยอมรับของชนทุกชาติ
ในการฝึกลีลาศ จะต้องคำนึงถึงทักษะเบื้องต้นของการลีลาศเป็นอันดับแรก และจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ฝึกหัดจนเกิดความชำนาญ หากละเลยถึงหลักและทักษะเบื้องต้นจะทำให้ผู้ฝึกลีลาศขาดความก้าวหน้า และไม่มีศิลปะของการลีลาศอย่างแท้จริง ทักษะเบื้องต้นของการฝึกลีลาศเพื่อให้เกิดความชำนาญ มีดังนี้ องค์ประกอบสำคัญในการลีลาศ องค์ประกอบที่สำคัญในการลีลาศได้แก่ ความรู้ในเรื่องจังหวะของดนตรี ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับผู้ฝึกหัดลีลาศใหม่ ๆ ถ้าไม่สามารถเข้าใจจังหวะดนตรี หรือฟังจังหวะดนตรีไม่ออกจะทำให้การฝึกลีลาศเป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้ยังทำให้ไม่สามารถลีลาศไปตามจังหวะได้ ซึ่งนักลีลาศเรียกกันว่า ค่อมจังหวะ ดนตรี (Music) มีความสำคัญมากในการลีลาศ เพราะเป็นเครื่องกำหนดการให้จังหวะ ซึ่งจะมีเสียงหนัก เสียงเบา มีวรรคตอน มีความเร็วช้าของช่วงจังหวะของเพลงที่แน่นอน ถ้าจังหวะดนตรีไม่ดีการลีลาศก็ไม่ดีตามไปด้วย จังหวะดนตรีนั้นเปรียบเสมือนเป็นหัวใจสำคัญของเพลง โครงสร้างของดนตรี ประกอบด้วย 1. จังหวะ (beat) หมายถึง เสียงที่เกิดขึ้นและตกบนตัวโน้ตทุกตัว หรือหมู่ของเสียงที่ทำให้เกิดจังหวะขึ้นในห้องเพลง โดยปกติจะตกบนตัวโน้ตตัวแรกของห้องเพลง เช่น จังหวะ 2/4 จังหวะ 3/4 หรือจังหวะ 4/4 2. เสียงเน้น (Accent) หมายถึง เสียงที่เคาะลงบนจังหวะ จะได้ยินชัดเจนมากกว่าเสียงเคาะในห้องเพลง โดยปกติจะตกบนตัวโน้ตตัวแรกของห้องเพลง 3. ห้องเพลง (bar) หมายถึง กลุ่มของจังหวะที่ประกอบกันขึ้นเป็นช่วงหรือตอน ปกติจะอยู่ระหว่างเสียงเน้นเสียงหนึ่งกับเสียงเน้นอีกเสียงหนึ่ง 4. ความเร็ว (Tempo) หมายถึง อัตราความเร็วของดนตรีที่บรรเลงโดยใช้เวลาเป็นตัวกำหนด เช่น ใน 1 นาทีจะบรรเลงกี่ห้องเพลง การหัดฟังจังหวะดนตรีควรเลือกฟังจากดนตรีที่มีเสียงชัดเจน ฟังง่าย ถ้าเป็นดนตรีจังหวะ 2/4 จะได้ยินเสียงเคาะลงบนจังหวะ 2 จังหวะใน 1 ห้องเพลง เสียงที่ได้ยินแต่ละครั้งใน 1 ห้องเพลงนั้น จะมีเสียงหนึ่งเป็นเสียงหนักและอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงเบาต่อเนื่องกันไปทุก ๆ ห้องเพลง การฝึกนับจังหวะจะนับ 1 2 , 1 2 , 1 2 ไปเรื่อย ๆ จนจบเพลง หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 11:25 จังหวะ ชา ชา ช่า เป็นจังหวะลีลาศจังหวะหนึ่งในประเภทลาตินอเมริกัน
http://www.nbk.rmutp.ac.th/e-learning/apichai/f1.htm กลุ่มจังหวะ ลาติน (LATIN AMERICAN) กลุ่มจังหวะ บอลลูม (BALLROOM) แบ่งออกเป็น 5 จังหวะ มาตราฐานสากล จังหวะ รัมบ้า (Rumba) จังหวะ ช่า ช่า ช่า (cha cha cha) จังหวะ ไจ๊วส์ (Jive) จังหวะ แซมบ้า (Samba) จังหวะ พาโซโดเบ้ล (Pasoduble) แบ่งออกเป็น 5 จังหวะ มาตราฐานสากล จังหวะ วอลซ์ (Waltz) จังหวะ แทงโก้ (Tango) จังหวะ ควิ๊กสเตป (Quick Step) จังหวะ สโลว์ ฟ็อกทรอท (Slow fox-Trot) จังหวะ ควิกส์วอลทซ์ (Quick Waltz) คุณรู้หรือเปล่าว!ความหมาย คำว่า "ลีลาศ" หรือ "เต้นรำ" มีความหมายเหมือนกัน พจนานุกรมราชบัณฑิตฉบับปี พ.ศ.2525 ได้ให้ความหมายว่าไว้ดังน้ "ลีลาศ" เป็นนามแปลว่า "ท่าทางอันงาม การเยื้องกาย" เป็นกริยา แปลว่า "เคลื่อนที่มีระยะก้าวตามกำหนดให้เข้ากับจังหวะดนตรีซึ่งเรียกว่า ลีลาศ โดยปกติเต้นเป็นคู่ชายหญิง คนไทยนิยมเรียกการลีลาศว่าเต้นรำมานานแล้ว คำว่าลีลาศตรงกับภาษาอังกฤษ "Social dance" บางประเทศในยุโรปเรียกการลีลาศเต้นรำว่า "ฺBallom Dancing" ผู้บรรญัติศัพท์คำว่า "ลีลาศ" คือ พระองค์เจ้าวรรณ ไวทยากร วรวรรณ (กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพัธ์) เมื่อปีพ.ศ. 2476 ประวัติการลีลาศ การลีลาศในประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยใดไม่มีใครทราบแต่สันนิฐานได้ว่าเข้ามาเผยแพร่ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการบันทึกของแหม่มแอนนาได้เขียนไว้ว่าหลังจากแหม่มแอนนาได้ดูละครที่แสดงกันอยู่ในวังแล้วได้พยายามสอนสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้พระองค์ได้รู้จักกับการเต้นแบบสุภาพชน ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในประเทศตะวันตก แล้วเลยคุยถึงการเต้นรำพร้อมการแสดงท่าทางการเต้นรำ บอกว่าจังหวะวอล์นั้นหรูหรามาก เขานิยมเต้นกันในยุโรป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนิ่งเฉยไม่ออกความเห็นอะไร แต่พอแหม่มแอนนาลุกขึ้นแสดงท่าทางเพื่อสอนพระองค์ พระองค์กลับทรงสอนว่า ใกล้เกินไป แขนต้องวางให้ถูกต้อง แล้วพระองค์ก็ทรงเต้นให้ดูจน แหม่มแอนนางวยงง นางจึงทูลถามว่าใครเป็นคนสอนเต้นวอลล์ให้พระองค์ แต่พระองค์ก็ทรงนิ่งเสีย ............จากบันทึกของแหม่มแอนนา ไม่ทำให้ทราบว่าใครเป็นผู้สอนให้เต้นวอลล์ให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่สันนิษฐานกันว่าพระองค์อาจจะฝึกจากตำราก็เป็นได้ .........ในสมัยรัชกาลที่ 5 การเต้นรำจะเต้นกันในจังหวะ วอลล์เท่านั้น เจ้านายในวังเริ่มจะเต้นเป็นกันแล้ว แต่ยังไม่นิยมกันมากนัก บางครั้งมีการนำจังหวะวอลล์มาแทรกการแสดงละครด้วย ............ต่อมารัชการที่ 6 การเต้นรำมีการเจริญรุ่งเรืองกันมาอีก ทูๆปีในการเฉลิมพระชนมพรรษาก็มักจะมีการจัดเต้นรำกันในพระราชวัง โดยมีพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประธานจัดกันในพระราชวังจักกรี ซึ่งบรรดาทูตานุทูตทั้งหลายต้องเข้าเฝ้ากันหมด ส่วนแขกที่เชิญนั้นต้องได้รับบัตรเชิญจึงจะเข้างานได้ ...........ในรัชการที่ 7 การเต้นรำได้เปิดให้มีการเต้นรำในสถานที่ต่างๆกันมาก เช่น ที่ห้อยเทียนเหลา ที่เ้ก้าชั้น และคาร์เธ่ย์ ในปีพุทธศักราช 2475 หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ กับนายหยิบ ณ นคร ได้ปรึกษากันและจัดตั้งสมาคมที่เกี่ยวกับการเต้นรำขึ้น ชื่อ "สมาคมสมัครเล่นเต้นรำ" โดยมีหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณเป็นประธาน และนายหยิบ ณ นคร เป็นเลขาธิการสมาคม และมีคณะกรรมการอีกหลายท่าน สถานที่ตั้งสมาคมนั้นไม่แน่นอน คือ วนเวียนไปตามบ้านสมาชิกแล้วแต่สะดวก การจัดตั้งสมาคมครั้งนี้ไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องแต่อย่างใด สมาชิกส่วนมากเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และได้พาบุตรสตรีเข้าฝึกหัดด้วย จึงทำให้สมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มักมีการจัดให้เต้นรำฃึ้นบ่อยๆที่สมาคมคณะราษฎร์ วังสราญรมย์ และได้จัดการแข่งขันเต้นรำครั้งแรกขึ้นที่วังสราญรมย์นี้ ผู้ชนะเลิศคู่แรก คือ พลเรือตรีเฉียบ แสงชูโต และคุณประนอม สุขุม ..............ในระหว่างปี พ.ศ.2476 คำว่า "เต้นรำ" เมื่อผวนแล้วจะฟังไม่ไพเราะหู หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ จึงได้บรรญัติคำว่า "ลีลาศ" นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ต่อมาสมาคม สมัครเล่นเต้นรำก็สลายตัวไปกลายเป็น "สมาคมครูลีลาศแแห่งประเทศไทย" โดยมีนายหยิบ ณ นคร เป็นผู้ประสานงาน สามารถส่งนักลีลาศไปแข่งขันยังต่างประเทศได้ หรือให้การต้อนรับนักลีลาศชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมหรือมาแสดงในเมืองไทย พอดีเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เข้าร่วมสงครามโลกด้วย จึงทำให้การลีลาศซบ้ซาลง ...........เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสเดลง ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2488 วงการลีลาศของเมืองไทยจึงเริ่มคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นดังเดิม มีโรงเรียนสอนลีลาศเปิดขึ้นหลายแห่ง โดยเฉพาะสาขาบอลล์รูม หรือ Modern Ballom Branch อาจารย์ยอด บุรี M.I.S.T.D ซึ่งไปศึกษายังประเทศอังกฤษแล้วนำกลับมาเผยแพร่ในประเทศไทย ทำให้การลีลาศซึ่ง ศาสตราจารย์ ศุภชัย วานิชวัฒนา เป็นนำผู้อยู่ก่อนแล้วก็เจริญขึ้นเป็นลำดับ ...........ต่อมาได้มีบุคคลชั้นนำในการลีลาศประมาณ 10 ท่าน ซึ่งเคยเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น คุณ กวี กรโกวิท คุณอุไร โทณวนิก คุณจำลอง มาณยมณฑล คุณปัตตานะ เหมะสุจิ โดยมี นายแพทย์ประสบ วรมิศร์ เป็นผู้ประสานงานติดต่อพบปะหารือ และมีแนวคิดที่จะรวมนักลีลาศทั้งหมดให้อยู่ในสมาคมเดียวกัน เพื่อเป็นการผนึกกำลังและช่วยกันปรับปรุงมาตราฐานการลีลาศทั้งทางทฤษฎีและทางปฎิบัติ ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกัน จึงมีการร่างระเบียบข้อบังคับขึ้นมา ได้ยื่นจดทะเบียนเป็นสมาคมตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2491 ..........ในสมัยที่หลวงประกอบนิติสารเป็นนายกสมาคมอยู่นั้นได้มีการจัดแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยขึ้นทั้งประเภทสมัครเล่นและอาชีพเป็นประจำทุกปีทำให้มาตราฐานการลีลาศสูงกว่าเดิม ............ปัจจุบันสมาคมลีลาศแห่งประเทศไทยได้เป็นสมาชิกสภาลีลาศระหว่างชาติ หรือ I.C.B.D. ด้วยประเทศหนึ่ง ............ต่อมาบรรดาคณะกรรมการดำเนินงานสมาคมลีลาศแห่งประเทศไทย มีงานด้านอื่นๆอีกมาก จึงทำให้การบริหารสมาคมลดน้อยลง กิจกรรมต่างๆของสมาคมก็ลดน้อยลงไปด้วย จึงเป็นเหตุให้กรรมการสมาคมหลายท่านแยกตัวไปเปิดสำนักงานของตัวเอง โดยเปิดเป็นโรงเรียนสอนลีลาศ บรรดาครูลีลาศทั้งหลายได้ปรึกษากันและเห็นว่าควรจัดตั้งสมาคมครูขึ้น ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย จึงจัดตั้งสมาคมขึ้น เรียกว่า "สมาคมครูลีลาศแห่งประเทศไทย" http://geocities.com/bonkaibangkok/dance-sport.htm http://geocities.com/bonkaibangkok/index.htm เรื่องอื่นๆเผื่อสนใจครับ :: วิชาที่เปิดสอน ซ่อมคอมพิวตอร์ เดินสายไฟฟ้าและเครื่องกลไฟฟ้า ช่างเครื่องทำความเย็น-เครื่องปรับอากาศ ช่างซ่อมวิทยุและเครื่องเสียง ช่างซ่อมโทรศัพท์เคลื่อนที่ ช่างเย็บจักรอุตสากรรม ช่างเครื่องยนต์เบนซิน-ไฟฟ้ารถยนต์ ช่างเครื่ิองยนต์ดีเซล-ช่วงล่างรถยนต์ ช่างเครื่องมอเตอร์โซด์ เสริมสวยสตรีเบื้องต้น เกล้าผมแต่งหน้า ตัดผม - ออกแบบทรงผมชาย เสื้อผ้าสตรีเบื้องต้น เสื้อผ้าสตรีชั้นสูง ช่างเสื้อ - แบบเสื้อผ้า วิชาพิมพ์ดีด - คอมพิวเตอร์ วิชาอาหารและโภชนาการ วิชานวดแผนไทย วิชาลีลาศ http://geocities.com/bonkaibangkok/index.htm หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 09-08-2006, 11:38 ขอบคุณค่ะ กำลังอ่านอยู่ เหมือนอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเลย อิอิ ยาวมากๆๆ
คุงปู่จะเรียนลีลาศ เหรอค่ะ อนาสอนให้ไหม คิกๆๆ :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 12:10 ขอบคุณค่ะ กำลังอ่านอยู่ เหมือนอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเลย อิอิ ยาวมากๆๆ คุงปู่จะเรียนลีลาศ เหรอค่ะ อนาสอนให้ไหม คิกๆๆ :mrgreen: ต้องรับประกันผลการเรียนแบบไลฟ์ลองสำหรับคนหัวช้าครับ ตย.เพลงแท็งโก Por Una Cabeza http://www.ballroomdancers.com/Media/info_song.asp?Song=100606 Libertango http://www.ballroomdancers.com/Media/info_song.asp?Song=100605 Tango En El Parque http://www.ballroomdancers.com/Media/info_song.asp?Song=101007 Sombras http://www.ballroomdancers.com/Media/info_song.asp?Song=108034 อีก192ตย.ครับเลือกฟังกันเอง. http://www.ballroomdancers.com/Music/search_style.asp?Dance=Tango หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 09-08-2006, 12:23 อนาชอบเต้นแท้งโก้มากที่สุดค่ะ เพราะรู้สึกว่า มันเป็นการเต้นที่แสดงออกถึง ความ สวย เริด เชิด หยิ่ง ดี :lol: :lol:
โดยเฉพาะถ้าได้คู่เต้นเป็นชายหนุ่มที่เก่งๆๆ นำดีๆๆหน่อย ไปได้เรื่อยๆๆเลยค่ะ ถ้าวันนั้น อาจารย์อนาเป็นผู้ชาย เลยเต้นสนุกหน่อย เพราะเวลาเต้นผู้ชายจะดึงเราไปในทิศทาง ของการเต้น ได้เป็นจังหวะกว่า อาจารย์จะมีสองคนค่ะ ถ้าอนาเริ่มเรียนสเต็บนี้ครั้งแรก อาจารย์จะเป็นหญิง หลังจากที่รู้จังหวะ และอะไรเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จะเป็นผู้ชาย แรกๆๆที่อนาต้องเต้นกับอาจารย์ผุ้ชาย มันน่าขำมากๆๆ เพราะอนาจะไม่กล้าเข้าใกล้คู่เต้นรำมากนัก แล้วตรงช่วงอกและเอวก็จะเอนออก กลายเป็นอนายืนอยู่ในท่าเต้นแบบ โก่งโค้ง อิอิ ทุเรศมากๆๆตอนอาจารย์ให้ดูวิดีโอค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 12:34 อนาชอบเต้นแท้งโก้มากที่สุดค่ะ เพราะรู้สึกว่า มันเป็นการเต้นที่แสดงออกถึง ความ สวย เริด เชิด หยิ่ง ดี :lol: :lol: โดยเฉพาะถ้าได้คู่เต้นเป็นชายหนุ่มที่เก่งๆๆ นำดีๆๆหน่อย ไปได้เรื่อยๆๆเลยค่ะ ถ้าวันนั้น อาจารย์อนาเป็นผู้ชาย เลยเต้นสนุกหน่อย เพราะเวลาเต้นผู้ชายจะดึงเราไปในทิศทาง ของการเต้น ได้เป็นจังหวะกว่า อาจารย์จะมีสองคนค่ะ ถ้าอนาเริ่มเรียนสเต็บนี้ครั้งแรก อาจารย์จะเป็นหญิง หลังจากที่รู้จังหวะ และอะไรเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จะเป็นผู้ชาย แรกๆๆที่อนาต้องเต้นกับอาจารย์ผุ้ชาย มันน่าขำมากๆๆ เพราะอนาจะไม่กล้าเข้าใกล้คู่เต้นรำมากนัก แล้วตรงช่วงอกและเอวก็จะเอนออก กลายเป็นอนายืนอยู่ในท่าเต้นแบบ โก่งโค้ง อิอิ ทุเรศมากๆๆตอนอาจารย์ให้ดูวิดีโอค่ะ นึกภาพออกเลยครับ อิอิ นึกแล้วเป็นอาจารย์ไม่สนุก เป็นนักเรียนเกเรดีกว่า เอาเปรียบครูนิดหน่อย.. นึกแล้วไฟเย็นคงจะเผาหัวใจจนระเหยเลยที่เดียว อย่าลืมเหยาะน้ำหอมนิดหน่อยเลือกชุดด้วยนะครับ.. :mozilla_cool: :mozilla_wink: http://www.ballroomdancers.com/Dances/ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 14:00 การเต้นรำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง รูปทรงสวยงาม สุขภาพ กายใจดีด้วยครับ เพราะได้ทำร่วมกับคนที่เราอย่างน้อยต้องพึงพอใจ :mozilla_oops: :mrgreen: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 14:39 ชุดที่เหมาะกับการเต้นรำของสุภาพสตรี เท่าที่นึกเอาเองคือกระโปรงที่บานหน่อย หรือกระโปรงแคบที่ฝ่าสูง เนื้อผ้าที่ทิ้งตัวและมองแปลกตาจะดึงดูดพอๆกับเรือนร่างที่สมส่วนของผู้สวมใส่ ความมั่นใจ แบบอะไรนะ สวย เริด ประเสริฐศรี และรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี จะทำให้โลกทั้งโลกสว่างไสว กลิ่นน้ำหอม เครืองประดับ ผิวพรรณ ทรงผม การพูดจา กิริยามารยาท ฯลฯ จะทำให้โลกสดชื่นแบบบ้าคลั่งได้ทีเดียว !!! 555.... :mozilla_laughing: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 15:37 ฟังเพลงเย็นๆกันหน่อย คนจะรักกัน เพลง: คนจะรักกัน คำร้อง / ทำนอง : พยงค์ มุกดา เรียบเรียง : ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล คนจะรักกัน ผูกพัน หมายมั่นลงไป จะบุกน้ำ ลุยไฟ ปล่อยให้เขาไปตามปรารถนา คนเขารักกัน ใครจะกีดกันฉันทา ต่อให้น้ำ ต่อให้ฟ้า กั้นขวางหน้า อย่าหวังห้ามได้ คนลงรักกัน กำแพงแข็งกั้นก็พัง สุดจะฝืน ยืน นั่ง สุดแรงพลัง จะห้ามปรามไหว คนเขารักกัน คงมั่นจากขั้วหัวใจ บีบบังคับ ดับไม่ไหว ตราบสิ้นไร้ ชีวัน * ความรักมีพลานุภาพ ดื่มซึ้งซึมซาบ ตราบเท่าชีวิตเรานั่น ห้ามน้ำไม่ไหล ห้ามไฟมิให้มีควัน ห้ามอาทิตย์ ห้ามดวงจันทร์ หยุดแค่นั้น ค่อยห้ามดวงใจ ** คนจะรักจริง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยั่วกัน จะขัดขวาง กางกั้น ยิ่งเหมือนน้ำมัน ไปราดกองไฟ ดั่งฉันรักคุณ คอยครุ่นห้ามปรามหัวใจ ห้ามความรักหักอาลัย ห้ามไม่ไหว...เลยคุณ ( * / ** ) http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00319406&song=คนจะรักกัน&artist=อีฟ+กมลชนก&album=เพลงประกอบละคร+เธอคือดวงใจ+2&haswma=yes&haslyric=yes&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D (http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00319406&song=คนจะรักกัน&artist=อีฟ+กมลชนก&album=เพลงประกอบละคร+เธอคือดวงใจ+2&haswma=yes&haslyric=yes&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D) .. http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00319403&song=คนจะรักกัน&artist=ปนัดดา+เรืองวุฒิ&album=แกรมมี่สุนทราภรณ์+8+ปนัดดา+เรืองวุฒิ&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D (http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00319403&song=คนจะรักกัน&artist=ปนัดดา+เรืองวุฒิ&album=แกรมมี่สุนทราภรณ์+8+ปนัดดา+เรืองวุฒิ&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D) http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00319409&song=คนจะรักกัน&artist=สุเมธ+องอาจ&album=Good+Old+Day+1&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D (http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00319409&song=คนจะรักกัน&artist=สุเมธ+องอาจ&album=Good+Old+Day+1&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 16:05 เพลง: คนหน้า ม. http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00736704&song=คนหน้า%20ม.&artist=China%20Dolls&album=Cheer%20Female&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D (http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00736704&song=คนหน้า%20ม.&artist=China%20Dolls&album=Cheer%20Female&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D)
รบกวนมารักกัน(Hip Hop Mix) http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00261302&song=รบกวนมารักกัน%20(Hip%20Hop%20Mix)&artist=ทาทา%20ยัง&album=TaTa%20Remix&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D (http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=00261302&song=รบกวนมารักกัน%20(Hip%20Hop%20Mix)&artist=ทาทา%20ยัง&album=TaTa%20Remix&haswma=yes&haslyric=no&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D) http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=01501901&song=พลพรรครักเอย&artist=พลพรรครักเอย&album=พักรบ&haswma=yes&haslyric=yes&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D (http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=01501901&song=พลพรรครักเอย&artist=พลพรรครักเอย&album=พักรบ&haswma=yes&haslyric=yes&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D) เพลง: พลพรรครักเอย คำร้อง: วิสูตร แสงอรุณเลิศ ทำนอง/เรียบเรียง: ทัศน์พงษ์ สิงหะพล เรามันคนสบายหัวใจ เย็นเย็นใจ ใจเย็นเย็น ตีรันฟันแทงกับใครไม่เป็น ตอนเย็นเย็นได้แต่เล่นบอล *ใครเขาแรงมา เราก็รักไป **พลพรรค รักเอย พลพรรค รักเอย พลพรรค รักเอ๋ย รักเอย ฮืม.....รักเอย ยิงปงยิงปืนก็ยิงไม่ถูก แต่ถ้ายิงประตู เข้ามาเลยมา ใครใครใคร จะมัวรบรา มาพักรบเรามาพบรักกัน ( * / ** ) (Solo) ( * / ** ) พลพรรค รักเอ๋ย รักเอย ฮืม.....รักเอย http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=01121702&song=ถ้าเธอพร้อม%20ฉันก็พร้อม&artist=โบ%20สุนิตา%20&album=Caribbean%20Hot%20Dance&haswma=yes&haslyric=yes&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D (http://www.gmember.com/music/music_player/music.php?songid=01121702&song=ถ้าเธอพร้อม%20ฉันก็พร้อม&artist=โบ%20สุนิตา%20&album=Caribbean%20Hot%20Dance&haswma=yes&haslyric=yes&hasvdo=no&v=1J%2FTkqHH1cs%3D) เพลง: ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อม คำร้อง : สิบพันธ์ ศักดิ์เจริญ ทำนอง : พีร์ โรจนดารา เรียบเรียง : สุวัธชัย สุทธิรัตน์ ก็รู้ว่าเธอนั้นก็กลัว ก็กลัวจะช้ำเพราะรักเหมือนใครต่อใคร เมื่อดูเขาก่อรัก สร้างอย่างตั้งใจ แต่สุดท้ายก็ล้มลงกลางทาง ถ้าถามฉัน ฉันนั้นก็กลัว และก็ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ที่รู้วันนี้รักหมดหัวใจ และนั่นคือเรื่องเดียวที่เรารู้ * ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อมไปด้วยกัน เดินบนทางที่สองเราเลือกไป ไม่ว่าจะดี จะร้าย จะพร้อมใจ บทสุดท้ายจบอย่างไร ก็หาคำตอบไปด้วยกัน แค่ขอให้เรานั้นมั่นใจ ไม่ต้องมีคำยืนยันสัญญาอะไร แค่ตั้งใจจะรักให้สุดหัวใจ จะต้องเจอเรื่องใดก็ไม่กลัว ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อมไปด้วยกัน เดินบนทางที่สองเราเลือกไป ไม่ว่าจะดี จะร้าย จะพร้อมใจ บทสุดท้ายจบอย่างไร ก็หาคำตอบไป ( * ) ก็หาคำตอบไป...ด้วยกัน หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 17:29 เพลงหรือดนตรีคลาสสิค
http://yalor.yru.ac.th/~jaran/data/content/index.htm ก่อนอื่นขอให้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำ "คลาสสิค" กันเสียก่อน 1. คำว่า Classic เป็นคำคุณศัพท์ในภาษาอังกฤษ เราใช้คำนี้เมื่อเราต้องการกล่าวถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีความเก่าแก่ และเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมได้มาตรฐาน หรือได้รับกายกย่องว่าเป็นสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง และเรายังได้ใช้คำนี้ในการอธิบายในสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ได้ให้ความรู้สึกในระดับเดียวกันกับสิ่งเก่าแก่ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ฉนั้นสิ่งใดก็ตามที่จะจัดว่า คลาสสิค นั้นก็ต้องอยู่ในขอบข่าย หรือในระดับมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับของมหาชนทั่วไป เช่น งานประพันธ์ ภาพเขียน ดนตรี หรืออาจจะกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า "ผลงานของศิลปินที่มีความสมบูรณ์ ความบริสุทธิ์ และความกระจ่างชัดในด้านเนื้อหา และแบบแผนหรือรูปทรง 2. ศิลปะและวรรณคดี ที่ศิลปินและกวีกรีกโบราณได้สร้างสรรค์ขึ้นระหว่างปี 540 - 400 ก่อนคริสกาล 3. เป็นคำที่ความหมายตรงกันข้ามกับคำว่า "Romantic" 4. เป็นคำที่ความหมายตรงกันข้ามกับคำว่า "Popular" 5. สมัยของดนตรียุโรปนับตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึงราว ปี ค.ศ. 1820 ซึ่งบางทีสมัยนี้ยังนิยมเรียกกันว่า "สมัยคลาสสิคเวียนนา" ทั้งนี้เพราะความเจริญของดนตรีสมัยนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย ในทางดนตรี "เพลงคลาสสิค" จึงหมายถึงเพลงที่เก่าแก่ ได้รับการรับรองแล้วว่าไพเราะอย่างสุดซึ้งให้ความรู้สึกแก่ผู้ฟัง ในอันที่จะซาบซึ้งถึงบรรยากาศในบทนั้น ๆ เป็นบทเพลงที่ได้รับการยกย่องว่าดีเลิศยิ่งนักในทุกยุคทุกสมัย ทั้งในการประพันธ์ การแสดงออกคุณภาพเสียง ความหนักเบา การบรรเลงอย่างมีชีวิตชีวา ของนักดนตรีในแต่ละคนอย่างเยี่ยม ตลอดจนสภาพการบรรยายบรรยากาศแห่งความรู้สึกของผู้ประพันธ์ ออกมาในรูปของเสียงให้ผู้ฟังได้มองเห็นภาพพจน์ ประหนึ่งดูภาพเขียนจากจิตรกรเอกของโลก หรืออ่านคำประพันธ์ของนักประพันธ์เอกของโลก หรือประดุจหนึ่งได้มองเห็นภาพเหล่านั้นจริง ๆ เพลงเหล่านี้ส่วนมากมักเป็นเพลงที่อยู่ในศตวรรษที่ 17 - 18 คือแต่งขึ้นได้ถูกต้องตามแบบฟอร์มหรือกฎเกณฑ์ที่ว่างไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ประเภทของเพลงที่จัดว่าเป็นเพลงคลาสสิค เช่น เพลง Sonata ,hymn, Symphony, concerto, overture เป็นต้น การตั้งชื่อเพลงคลาสสิค การตั้งชื่อเพลงประเภทนี้จะใช้ลักษณะของเพลงเป็นชื่อเลย โดยให้หมายเลขกำกับไว้ เช่นตั้งชื่อเพลงว่า ซิมโฟนี หมายเลข 1, 2, 3, 4 หรือ ไวโอลินคอนแชร์โต้ หมายเลข 1, 2, 3, 4 เป็นต้น แต่ก็อาจจะมีชื่อที่เรียกเฉพาะในแต่ละบทเช่นเดียวกันกัน เช่น Symphony Eroica ก็จะหมายถึง Symphony No.5 ของ บีโธเฟน เป็นต้น classicfm :: beethoven Ludwig van Beethoven 1770-1827 Ludwig van Beethoven is arguably the defining figure in the history of Western music. Virtually all romanticised notions of what a classical artist is - or should be - are derived from the Beethoven model. He was the first composer to go it alone successfully, single-handedly breaking the mould of composer as public servant: his extraordinary powers of self-belief sustained him through periods when no-one really understood what he was up to. Those who heard him play his own music were invariably stunned into submission. In his own bullish, reclusive, apparently indifferent way, Beethoven had an ability to overcome his less than transcendental technique and entrance his audience: "This is art because I say it is so," he seemed to be declaring. Remarkably, and despite many dissenting voices along the way, majority believed him. At a single stroke, music had become something willed into being by a supreme creator. All this was achieved against huge odds. His musical instincts somehow survived the bullyboy regime enforced by his alcoholic father, which nonetheless left him with a lack of social etiquette that often set him on a collision course with even his most devoted patrons and sponsors. This, coupled with his unprepossessing appearance and questionable standards of personal hygiene, did little to endear him to a string of society-women pupils with whom he was in the habit of falling hopelessly in love. Beethoven's mesmerising impact can be gauged from a 1795 report by the celebrated piano pedagogue Karl Czerny: "In whatever company he might chance to be, [Beethoven] knew how to produce an effect upon every hearer, so that frequently not an eye remained dry, while many would break out into loud sobs...After ending an improvisation of this kind he would burst into loud laughter and torment his bearers on the emotion he had caused in them: "You are fools!" he would say." By now a number of early masterpieces had emerged - and there were already many who simply could not keep pace. By the turn of the century even his supporters were quavering, as a report on his 'Eroica' Symphony of 1803 in the influential Allgemeine Zeitung reveals: "The reviewer belongs to Herr van Beethoven's sincerest admirers, but in this composition he must confess that he finds too much that is glaring and bizarre, which hinders greatly one's grasp of the whole, and a sense of unity is almost completely lost." To compound his problems, Beethoven had to come to terms with the appalling realisation that he was going deaf. Nevertheless, every now and then someone would grasp the full implications of Beethoven's work, perhaps most famously in the cast of ETA Hoffman, whose report on the premiere of the Fifth Symphony in the July 1810 edition of the Allgemeine Zeitung set the pattern: "More than any other of his works, [the Fifth] unfolds Beethoven's romantic spirit in a climax rising straight to the end, and carries the listener away irresistibly into the wondrous, spiritual world of the infinite." Of course, there were those with only a fraction of Beethoven's talent who spitefully attempted to sabotage performances of his music. "Nobody in Vienna has more private enemies than I have," he moaned. "Conditions are worst of all...at the Theater an der Wien. The promoters of the 'Concert for Widows', out of hatred for me - Herr Salieri being my most active opponent - played me a horrible trick. They threatened to expel any musician belonging to their company who would play for my benefit. Despite the fact that various mistakes were made...the public applauded the whole performance with enthusiasm." Beethoven did not have a great deal of contact with his composing contemporaries, but on meeting Rossini he apparently exclaimed: "Rossini, the composer of the Barbiere! I congratulate you, it is an excellent work." Rossini replied: "Maestro, you are a genius," whereupon Beethoven muttered: "Rossini, I am a very unhappy man...only an unhappy man." He also heard the 11-year-old Liszt play and, moved by his prodigious talent, declared: "You will make many men happy. There is nothing better than that." Happiness - contentedness might be a better word - was the one thing that Beethoven craved above all, and which, despite the monumental scale of his creative achievement, he never really found. Not everyone fell under Beethoven's spell. Carl Maria von Weber once complained: "Beethoven' is a monster, with no respect for the nature of instruments. Clarity and precision are meaningless to him." It could also be argued that Beethoven's presence had a negative impact on Franz Schubert, whose attempts to live up to the master's example set up conflicts with his own unique talent. For the majority of those ho followed him, Beethoven was a godlike figure. Mendelssohn's Second Symphony, 'Hymn of Praise', could not have been written without Beethoven's exemplar, and it became the first in a string of choral symphonies composed in veneration of Beethoven's Ninth that stretches out beyond Mahler's 'Resurrection' Symphony at least as far as Tippett's Third of 1972. Wagner saw the 'Choral' Symphony as the ultimate fusion of symphonic and poetic expression - except for Wagner's own opera, that is. Works as contrasted in style as the symphonies of Berlioz and Schumann share a common ancestor in Beethoven; even the fabulously gifted Brahms was so inhibited by what he described as Beethoven's 'giant's feet' trampling along behind him that he spent an amazing 20 years, on and off, refining his First Symphony before allowing it to be aired publicly. If 19th-century composers found Beethoven's middle-period works an endless source of inspiration, his late masterpieces, most particularly the ground-breaking last four string quartets, left them baffled: it was not until Béla Bartók composed the first of his string quartets in 1908 that any composer seriously took up the challenge set by Beethoven's painfully introspective final musings. Just six years before, 'Beethovenmania' arguably reached its peak when Vienna mounted a massive exhibition in his honour for which various works of art were commissioned, including Gustav Mahler's gargantuan rescoring of the 'Choral' Symphony. Almost a century later, there is little sign of Beethoven's popularity waning: the theme of universal brotherhood that finds expression in the Ninth Symphony was symbolically linked with the fall of the Berlin Wall. Of course, there are those for whom the sense of struggle that lies at the very heart of his music is anathema, who crave the more overtly soothing lyricism of a Schumann or Ravel. Beethoven could express sublime spiritual contentment, but more often than not it is achieved out of extreme adversity. Beethoven's uncompromising approach to the art of composition can have the strange habit of making all other composers seem strangely superficial. Their victories sound hollow in comparison, their tendency to fall back on a good tune or indulge in seductive orchestral timbres somehow missing the point. What Beethoven offers is not so much life reflected or distorted according to his will, as life itself, in all its glorious imperfection. We shall never know exactly what drove Beethoven to such unprecedented heights of musical expression, but he did leave us one tantalising clue in the form of a written conversation with Louis Schlosser, dating from around 1822: "You may ask me where I obtain my ideas...They come unbidden, spontaneously...I may grasp them with my hands in the open air, while walking in the woods, in the stillness of night, in the early morning. Stimulated by those moods that poets turn into words, I turn my idea into tones that resound, roar and rage until a t last they stand before me in the form of notes." หาอ่านและฟังเพิ่มเติมกันเอาเองยาวตามธรรมชาติของเพลงประเภทนี้ครับ http://www.classicalarchives.net/ http://www.classicfm.com/index.cfm?nodeId=86&sw=1024 http://www.sonybmgmasterworks.com/ แถมเพลง The Entertainer http://yalor.yru.ac.th/~jaran/Stream/Sting/THE%20ENTERTAINER%20-%20Orchestra%20Version.wma ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี 1973 บริษัท Universal Pictures ดารานำ Paul newman Robert redford (http://img161.imageshack.us/img161/948/tnstingtm4.jpg) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 18:30 SoundTrack จากภาพยนต์เพลงเก่า http://yalor.yru.ac.th/~jaran/library/htm/filmmovie.htm
Cabaret Chariots Of Fire (1981) Love Story Theme From Love Story-Finale http://yalor.yru.ac.th/~jaran/Stream/Love%20story/11_Theme%20From%20Love%20Story-Finale(Francis%20Lai).wma Mackenna'S Gold my fair Lady The Bridge On The River Kwai The good,The Bad And The Ugly The Phantom Of The Opera The Sound of Music The sting (1973) west side story หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 09-08-2006, 18:43 หนูหายไปแป๊บเดียว ไมกระทู้ออกทะเลไปไกลขนาดนั้น
คงปู่เล่นลงกระทู้แบบนี้ ใครจะมากล้าตอบค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 19:16 หนูหายไปแป๊บเดียว ไมกระทู้ออกทะเลไปไกลขนาดนั้น คงปู่เล่นลงกระทู้แบบนี้ ใครจะมากล้าตอบค่ะ ไม่ตอบมาเป็นกำลังใจ ก็แสนจะชื่นใจ !!! ทะเลกว้างใหญ่ แต่ก็มีคนรักทะเลออกมากมายไม่ใช่เหรอ ประเด็นย่อยในวันนี้ก็คือความเท่าเทียมในการมีความรักและสุนทรีย์ในหัวใจครับ อิอิ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 19:23 อนาชอบเต้นแท้งโก้มากที่สุดค่ะ เพราะรู้สึกว่า มันเป็นการเต้นที่แสดงออกถึง ความ สวย เริด เชิด หยิ่ง ดี :lol: :lol: โดยเฉพาะถ้าได้คู่เต้นเป็นชายหนุ่มที่เก่งๆๆ นำดีๆๆหน่อย ไปได้เรื่อยๆๆเลยค่ะ ถ้าวันนั้น อาจารย์อนาเป็นผู้ชาย เลยเต้นสนุกหน่อย เพราะเวลาเต้นผู้ชายจะดึงเราไปในทิศทาง ของการเต้น ได้เป็นจังหวะกว่า อาจารย์จะมีสองคนค่ะ ถ้าอนาเริ่มเรียนสเต็บนี้ครั้งแรก อาจารย์จะเป็นหญิง หลังจากที่รู้จังหวะ และอะไรเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จะเป็นผู้ชาย แรกๆๆที่อนาต้องเต้นกับอาจารย์ผุ้ชาย มันน่าขำมากๆๆ เพราะอนาจะไม่กล้าเข้าใกล้คู่เต้นรำมากนัก แล้วตรงช่วงอกและเอวก็จะเอนออก กลายเป็นอนายืนอยู่ในท่าเต้นแบบ โก่งโค้ง อิอิ ทุเรศมากๆๆตอนอาจารย์ให้ดูวิดีโอค่ะ ขอถามสักนิดครับ แล้วสาวญี่ปุ่นที่ขี้อายเขาเคอะเขินเหมือนอนาหรือเปล่า ในการเริ่มต้นเต้นรำกับอาจารย์ชาย?? :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 19:25 ผมทราบแต่ว่าเรียนอยู่ที่นั่นเขาจับเข้าแถวตรวจสุขภาพกัน ถามจริงๆไม่อายหรือครับ? คิดแล้วไม่ชอบเลยอ่ะ !!! :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 09-08-2006, 19:29 คิดว่าเหมือนกันนะค่ะ
อนาเข้าเรียน ตอนนั้น มีอนาคนเดียวมั่งนักเรียนใหม่ค่ะ นอกนั้นประสบการณ์ สี่ปีอัพเลยค่ะ อายุเฉลี่ยก็ น้าจะ สี่สิบกัน อนาอายุน้อยสุดค่ะ มีแต่คุงลุง คุงป้า เป้นส่วนมาก สาวๆๆที่นี้ไม่ค่อยสนใจเลยค่ะ สงสัยอนาจะแก่แล้ว อิอิ ........................ โอ เรื่องตรวจสุขภาพนี้ ทุกปีเลยค่ะ อย่าให้อนาเล่าเลยค่ะ ตรวจละเอียดมากค่ะ มันยังดีนะค่ะ เอาหมอหญิงมาตรวจที่เราจะต้องอายนะค่ะ ไม่งั้นหนูคงไม่เอาด้วยอ่ะ หลังๆๆอนาเริ่มหน้าด้านมากขึ้นค่ะ ถือว่า เชคสุขภาพตัวเองไปด้วยค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 19:36 คิดว่าเหมือนกันนะค่ะ อนาเข้าเรียน ตอนนั้น มีอนาคนเดียวมั่งนักเรียนใหม่ค่ะ นอกนั้นประสบการณ์ สี่ปีอัพเลยค่ะ อายุเฉลี่ยก็ น้าจะ สี่สิบกัน อนาอายุน้อยสุดค่ะ มีแต่คุงลุง คุงป้า เป้นส่วนมาก สาวๆๆที่นี้ไม่ค่อยสนใจเลยค่ะ สงสัยอนาจะแก่แล้ว อิอิ ........................ โอ เรื่องตรวจสุขภาพนี้ ทุกปีเลยค่ะ อย่าให้อนาเล่าเลยค่ะ ตรวจละเอียดมากค่ะ มันยังดีนะค่ะ เอาหมอหญิงมาตรวจที่เราจะต้องอายนะค่ะ ไม่งั้นหนูคงไม่เอาด้วยอ่ะ หลังๆๆอนาเริ่มหน้าด้านมากขึ้นค่ะ ถือว่า เชคสุขภาพตัวเองไปด้วยค่ะ ดีนะนี่ ที่หมอผู้ชายไม่ประท้วง พูดเล่นครับ แล้วจะให้อะไรมันเท่าเทียมในสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว ยังไงมันก็ไม่เท่าได้หรอกครับ ต้องทำใจยอมรับ !!! หนีไม่พ้นจิตใจภายในของเราเองอีกแล้ว... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 09-08-2006, 19:46 แต่ผลสุขภาพ อนา ออกมา A หมดนะค่ะ ทุกปีเลย แต่ยกเว้น อะไรอ่ะ อนาให้ทาย ที่ได้ บี ทุกปี
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 09-08-2006, 19:47 อืม ถึงกระทู้นี้จะไม่ออกทะเลไปไกล แต่คาดว่าคงจะยาวประมาณแม่น้ำไนล์
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 22:48 แต่ผลสุขภาพ อนา ออกมา A หมดนะค่ะ ทุกปีเลย แต่ยกเว้น อะไรอ่ะ อนาให้ทาย ที่ได้ บี ทุกปี กรุ๊ปเลือดครับ ของผมเขียนกลมๆ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 22:51 อืม ถึงกระทู้นี้จะไม่ออกทะเลไปไกล แต่คาดว่าคงจะยาวประมาณแม่น้ำไนล์ การตั้งกระทู้จำนวนมากในเวลาเดียวกันอาจจะทำให้เกิดอาการหลายใจได้ครับ เพราะต้องทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน!!! หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 09-08-2006, 22:55 ต้องขอภัยที่ออกมาต้อนรับทั้งสองท่านชักช้านะครับ เผลอชมข่าว แล้วหลับไปครับ เพราะไม่ได้จ้อเองอิอิ โดยเฉพาะน้องอนา เวลาเราต่างกัน2ชม. ป่านนี้คงหลับไปแล้ว :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 16:26 แต่ผลสุขภาพ อนา ออกมา A หมดนะค่ะ ทุกปีเลย แต่ยกเว้น อะไรอ่ะ อนาให้ทาย ที่ได้ บี ทุกปี กรุ๊ปเลือดครับ ของผมเขียนกลมๆ ตกลงเลือดของน้องตัดเกรดหรือเปล่าครับ อิอิ พี่พูดอะไรถ้าสะกิดหูน้องในทางที่ผิดก็อย่าเชื่อและนำไปคิดมากนะ นั่นไม่ได้มาจากพี่คนนี้แน่นอน.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 10-08-2006, 16:34 แต่ผลสุขภาพ อนา ออกมา A หมดนะค่ะ ทุกปีเลย แต่ยกเว้น อะไรอ่ะ อนาให้ทาย ที่ได้ บี ทุกปี กรุ๊ปเลือดครับ ของผมเขียนกลมๆ ตกลงเลือดของน้องตัดเกรดหรือเปล่าครับ อิอิ พี่พูดอะไรถ้าสะกิดหูน้องในทางที่ผิดก็อย่าเชื่อและนำไปคิดมากนะ นั่นไม่ได้มาจากพี่คนนี้แน่นอน.. น้ำหนักค่ะ ทุกปี น้ำหนักอนาจะได้ บี นะค่ะ ต้องเพิ่มอีกประมาณ 3-4 กิโลได้ค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 16:41 แต่ผลสุขภาพ อนา ออกมา A หมดนะค่ะ ทุกปีเลย แต่ยกเว้น อะไรอ่ะ อนาให้ทาย ที่ได้ บี ทุกปี กรุ๊ปเลือดครับ ของผมเขียนกลมๆ ตกลงเลือดของน้องตัดเกรดหรือเปล่าครับ อิอิ พี่พูดอะไรถ้าสะกิดหูน้องในทางที่ผิดก็อย่าเชื่อและนำไปคิดมากนะ นั่นไม่ได้มาจากพี่คนนี้แน่นอน.. น้ำหนักค่ะ ทุกปี น้ำหนักอนาจะได้ บี นะค่ะ ต้องเพิ่มอีกประมาณ 3-4 กิโลได้ค่ะ ต้องดูโครงสร้างร่างกายด้วย คิดว่าปกติครับ ไม่ได้แกว่งตัวอะไร อายุมากขึ้นน้ำหนักจะเพิ่มเอง...ฟันธง หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 16:45 กระทู้นี้จะยังไม่ยอมจบง่ายๆ ตราบเท่าที่ความเท่าเทียมบนความไม่เท่าเทียมยังไม่ได้เกิดขึ้นครับ... :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 16:51 เรื่องต่อไป ผมว่าน่าสนใจ กลิ่นดีกับกลิ่นไม่ดี... อนาและสาวๆทุกท่านชอบกลิ่นแบบไหน? และสาวที่มีอายุเพิ่มขึ้นรสนิยมเรื่องกลิ่นเปลี่ยนไปหรือไม่เมื่อเทียบกับหนุ่ม...ฮืม น่าคิดมั้ยล่ะ?? :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 16:57 เน็ตยังไม่ปกติ ฟังเมดเลย์กันแล้วกันครับ http://www.oldsonghome.com/music/song/1958.ram หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 10-08-2006, 17:01 ง่ะ กลิ่นเหรอค่ะ
กลิ่นออกไปแนว ธรรมชาตินะค่ะ พวกพืช ผลไม้ อ่ะ ชอบค่ะ แต่ไม่ชอบกลิ่นกุหลาบเท่าไร หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:02 อนาครับ เวลาของที่ที่เราอยู่ต่างกันกี่วินาทีครับ? บอกผมหน่อย ผมอยู่กรุงเทพฯ... ผมจะสร้างเครื่องย่นระยะทาง อิอิ :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 10-08-2006, 17:11 อนาครับ เวลาของที่ที่เราอยู่ต่างกันกี่วินาทีครับ? บอกผมหน่อย ผมอยู่กรุงเทพฯ... ผมจะสร้างเครื่องย่นระยะทาง อิอิ :mozilla_cool: ถึงแม้เวลาของเราจะต่างกันแค่ 1 นาที มันก็เป็นไปได้ยากนะค่ะ :D :D หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:13 อนาครับ เวลาของที่ที่เราอยู่ต่างกันกี่วินาทีครับ? บอกผมหน่อย ผมอยู่กรุงเทพฯ... ผมจะสร้างเครื่องย่นระยะทาง อิอิ :mozilla_cool: ถึงแม้เวลาของเราจะต่างกันแค่ 1 นาที มันก็เป็นไปได้ยากนะค่ะ :D :D ทราบและเห็นด้วยค๊าบบ :mozilla_cool: คูณเลขเสร็จหรือยังครับ?? รอครับ.... :mrgreen: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:14 "กลิ่น" สร้างรักและแรงปรารถนา
"กลิ่น" มีส่วนช่วยสร้างความรู้สึกที่ดี ๆ ให้เกิดขึ้นกับคู่รัก เห็นมีหลายคู่ทีเดียว ที่โผเข้าหากันเพราะใช้ กลิ่นสะอาดหรือกลิ่นหอม รัญจวนใจเป็นแม่เหล็กดึงดูดเข้าหากัน ส่วนคู่ไหนที่ยังไม่เคยลองใช้กลิ่นมาปลุกใจ ให้เกิดความรู้สึก ต้องการอยู่ใกล้ชิดกันละกันบ้างเลย ก็รีบทำซะสิท่าน จะรอช้าอยู่ไย อย่างน้อยจะ เริ่มด้วยการอาบน้ำให้สะอาดก่อน แล้วค่อยถลาไปเข้าใกล้ คนที่เรารักก็ได้ เพราะกลิ่นจากสบู่ หรือเจลอาบน้ำไม่ว่าชนิดไหน ยี่ห้อใด โดยมากมักส่งกลิ่นหอมชวนให้เข้าใกล้ทั้งนั้น เลือกใช้ซะชนิดนึงละกัน อย่าปล่อยให้ตัวเองเหม็นสาบอยู่เลย เอ แต่อย่าประมาทกลิ่นสาบ ๆ อย่างกลิ่นตัวตอนเหงื่อไหลไคลย้อยเชียว เห็นมีบางคนนิยมชมชอบกลิ่นธรรมชาติแบบนี้จนสามารถจุดพลังรักได้ก็มี พิลึกมะ เค้าว่า มีสาวไม่ใช่น้อยชอบอยู่ใกล้แฟนในตอนที่เขาเพิ่งกลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ชนิดไม่ทันได้อาบน้ำล้างความเหนื่อยล้าของวันด้วยซ้ำ แต่คุณเธอจะปรี่เข้าหาเขาเพราะกลิ่นกายอันชุ่มโชกไปด้วยคราบไคลนี่แหละ เธอถือว่าเขาเป็นคนแมน แม้น แมนอย่าให้เซด เฮ้อ สาวอะไรชอบกลิ่นหื่น เอ้ย กลิ่นหืนก็มีด้วย แต่ในเมื่อผู้คนส่วนมากชอบกลิ่นสะอาดมากกว่า จึงอยากเล่าเรื่อง กลิ่นชวนให้ใจเตลิด ดีกว่า (fragrances that turn women on) ว่ากันว่า ฝ่ายหญิงจะเลือกใครเป็นแฟนสักคน ปัจจัยนึงที่มีส่วนนำมาใช้ในการตัดสินใจครั้งสำคัญนั้นย่อมได้แก่กลิ่นนั่นเอง กลิ่นหอมจึงมีผลต่อจิตใจ, อารมณ์และความ รู้สึกของผู้หญิงแน่นอน อย่าว่าแต่ผู้หญิงชอบกลิ่นหอมของเพศตรงข้ามเลย แม้แต่ ตัวเธอเองก็สนใจที่จะสร้างความหอมให้เนื้อตัวของเธอเหมือนกัน แถมความหอมนี่ก็แปลก เพราะทำให้เชื่อว่าตัวเองสะอาดอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่อาจเป็นแค่การอาบแห้ง คือไม่ได้อาบน้ำทำความสะอาด ตัวอย่างเป็นจริงเป็นจังหรอก แต่ใช้น้ำหอมมาฉีดใส่ หรือใช้สติ๊กระงับกลิ่นเหงื่อ เท่าเนี้ยก็รู้สึกสะอาดแบบปลอม ๆ ได้แล้ว ด้านบุรุษก็สามารถใช้กลิ่นเป็นเทคนิคเรียกร้องความสนใจ จากอิสตรีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมสำหรับผู้ชาย แต่แปลกนะว่า ทำไมต้องมีการแบ่งน้ำหอมสำหรับผู้หญิง ผู้ชายด้วย เพราะเห็นหนุ่ม ๆ มาใช้น้ำหอมของสาว ๆ และสาว ๆ ไปใช้น้ำหอมของเพศตรงข้ามก็มี ของแบบนี้น่าจะขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนมากกว่า บ้างก็ว่าน้ำหอมของผู้หญิงน่ะฉุนกึก แต่บางคนกลับบอกยิ่งฉุนยิ่งดี ของแบบนี้นานาจิตตัง ต่อมาก็เป็น อาฟเตอร์เชฟ และ สเปรย์ ระงับกลิ่นกาย ที่เผลอ ๆ เดี๋ยวนี้อาฟเตอร์เชฟบางขวดหอมกว่าน้ำหอมซะอีก ในเมื่อมีสิ่งที่ช่วยกลบกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ตั้งเยอะแยะ ฉะนั้น ใครที่ซกมก ก็อย่าหาข้ออ้างว่าทำไมตัวเองถึงยังเหม็นอยู่เลย ยังไงก็สงสารแฟนหรือคนใกล้ชิดมั่ง นอกเหนือจากการสร้างกลิ่นกายให้หอมกรุ่นข้างต้นแล้ว สิ่งที่ยังส่งกลิ่นหอมให้อารมณ์ดียังมีอีกดังนี้ น้ำอบและแป้งร่ำสำหรับวันสงกรานต์งี้, น้ำมันนวดตัวเพื่อความงาม, เทียน (ไข) หอม, สเปรย์ปรับกลิ่นในห้อง หรือในรถ แม้แต่ธูปก็ด้วย กลิ่นหอมมีข้อดีตรงที่สร้างความสบายใจ ความสงบ ความเยือกเย็น ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย จนสาวบางคนเมื่อรู้สึกเช่นนี้แล้วอาจมีใจนำไปสู่ ความสัมพันธ์ทางกายด้วยก็ได้ ฮั่นแน่ ส่วนกลิ่นที่มีแนวโน้มเร้าใจได้เป็นอย่างดี ก็เช่น 1. กลิ่นช็อกโกแลต หรือกลิ่นวานิลลา ทั้งสองล้วนเป็นกลิ่นที่สร้างความรู้สึกหอมหวาน ชวนดมและอบอุ่น หนำซ้ำ กลิ่นหอมเหล่านี้ยังกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของทั้งหญิงและชายได้อีกด้วย 2. กลิ่นดอกมะลิ เชื่อกันว่า กลิ่นของดอกมะลิ กระตุ้นให้ ผู้ใช้อยากเปิดใจ ลองทำอะไรที่แปลกแตกต่างจากความเคยชินเดิม ๆ แถมดอกมะลิยังหาได้ไม่ยาก เพราะมีวางขายทั่วทุกหนแห่ง จะลงมือปลูกเองก็ยังได้ แต่ความหอมของมันนี่สิ ไม่เป็นรองน้ำหอมที่วางขายราคาแพงก็ละกัน 3. กลิ่นเปปเปอร์มินต์ เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ชวนให้ แจ่มใส แถมช่วยให้ผู้ได้สูดดมรู้สึกตื่นอยู่ ตลอดเวลา (ตาสว่างเลยล่ะ) กระตือรือร้น และคึกคัก รวมทั้งอยากเข้าใกล้ ซึ่งเป็นความรู้สึกดี ๆ ทั้งนั้นเลย สามารถเลือกกลิ่นมินต์ได้มาก มายจากหมากฝรั่ง, เทียนไข, น้ำมันหอม ฯลฯ ล่าสุดแผ่นบางใสระงับกลิ่นปากที่เป็นกลิ่นมินต์ก็มี แถมให้ความรู้สึกเย็นซาบซ่าอีกด้วย 4. กระดังงา กุหลาบ ดอกราตรี ฯลฯ กลิ่นดอกไม้สด ช่วยให้ผู้สูดดมสดชื่น กระปรี้-กระเปร่า หนำซ้ำกลิ่นธรรมชาติที่หอม ๆ นะ (เว้นกลิ่นตด) ทำให้เกิดความผูกพันกับธรรมชาติ อยู่กับดอกไม้ แล้วมีความสุขประมาณนั้น บางแห่งก็เชื่อกันว่า กลิ่นหอมแนวนี้ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพูดจาเกี้ยว พาราสีได้เหมือนกัน ถ้าชอบกลิ่นหอมละก็ดีไป แต่ขืนมีพฤติกรรมสุดทนสำหรับบางคนต่อไปนี้ ย่อมไม่ดีแน่ เช่น เป็นหนุ่มเจ้าสำอาง ไมร่า วัย 28 เล่าว่า "ตอนที่ฉันแวะไปหาบ๊อบที่บ้าน ฉันอดสังเกตไม่ได้ว่า ชั้นวางของในห้องน้ำของเขาเต็มไปด้วยอุปกรณ์ประทินโฉม ทำเอาฉันตาโตเท่าไข่ห่านไปเลย เขายอมรับว่าชอบใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะใคร ๆ ก็ชอบใช้เครื่อง สำอาง กระทั่งฉันชวนเขามาค้างที่บ้าน เขาหิ้วกระเป๋าใบโตที่เต็มไปด้วยสิ่งเหล่านี้มาด้วย ฉันจึงรู้ว่า กิจวัตรความงามก่อนนอนของเขาใช้เวลากว่า 15 นาที ทั้งขัดผิวหน้า ถอนขนส่วนเกิน ทาโลชั่น และอื่น ๆ อีกจิปาถะ เขาดูแลกลิ่นกายและทะนุถนอมผิวพรรณเก่งกว่าผู้หญิงซะอีก ฉันงี้ทึ่งไปเลย แต่ไม่กล้าคว้ามาเป็นแฟน" อนามัยสุดกู่ ไดแอน สาววัย 27 เล่าว่า "ฉันรู้ซึ้งตั้งแต่นัดเที่ยวกับไมค์แล้วว่า เขาหมกมุ่นกับการทำให้มือสะอาด เขาพกเจลล้างมือที่ไม่ต้องใช้น้ำอยู่เสมอ เมื่อใดก็ตามที่เขาหยิบเงิน, จับลูกบิดประตู หรือกินมันฝรั่งทอด, คุกกี้ และพิซซ่า หลังจากนั้นเขาต้องล้างมือหลายครั้งแล้วดมดูว่าสะอาดจริงไหม" โถ กลิ่นสะอาดไว้ใช้เพิ่มความผูกพันทางจิตใจก็พอ แต่อย่าเว่อ ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:15 artist - T-Bone title - กลิ่น http://www.doo-dd.com/music/play.php?id=3288# หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:20 รางวัลโนเบลสาขา Physiology หรือ การแพทย์ ได้แก่สองนักวิทยาศาสตร์ผู้วิเคราะห์ระบบประสาทการรับกลิ่น vote + (ชอบงานเขียนนี้ กด vote ให้คะแนน)
(http://nobelprize.org/medicine/laureates/2004/axel.jpg) (http://www.vcharkarn.com/vnews/news_pic/VN939x0.jpg) คณะกรรมการตัดสินรางวัลโนเบล แห่งสถาบัน Karolinska ได้ประกาศมอบรางวัลโนเบล สาขาร่วมระหว่างการแพทย์และ physiology ให้แก่ Richard Axel แห่งมหาวิทยาลัย โคลัมเบีย ในรัฐนิวยอร์ค และ Linda B. Buck แห่งสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง เฟร็ด ฮัทชินสัน ในรัฐ ซีแอ็ตเติ้ล ของสหรัฐ ระบบประสาทรับกลิ่น เป็นระบบประสาทสัมผัสดั้งเดิมที่สุดของมนุษย์ และเป็นพื้นฐานของความจำของเรา เป็นสัมผัสที่ตื่นตัวสมบูรณ์ที่สุดแต่แรกเกิด แต่ระบบประสาทรับกลิ่นกลับเป็นระบบสัมผัสที่เราเข้าใจน้อยที่สุด ก่อนหน้าการตีพิมพ์ผลงานการค้นพบของ Axel และ Buck ก็ยังไม่มีใครเข้าใจว่า สรีระส่วนไหนมาทำหน้าที่รับกลิ่น และปฏิบัติการอย่างไร นักวิทยาศาสตร์ทั้งสอง ได้บุกเบิกสาขาวิชานี้ขึ้นมา ด้วยการค้นพบยีนส์กลุ่มใหญ่ จำนวน ๑,๐๐๐ ยีนส์ ซึ่งนับเป็น ๓ % ของยีนส์ที่เรามีทั้งหมด ยีนส์ที่ทำหน้าที่ถอดรหัสรับกลิ่นเหล่านี้ ประกอบกันแล้ว สามารถจำแนกกลิ่นได้ถึง ๑๐,๐๐๐ กลิ่น และเขาทั้งสองพบว่า เซลประสาทที่ประกอบกันเป็นกลุ่มประสาทรับกลิ่น อยู่ในเนื้อเยื่อจมูกด้านบน ที่เรียกว่า nasal epithelium มีส่วนที่คอยดักจับโมเลกุลของกลิ่นที่พลัดเข้ามาในจมูกพร้อมกับอากาศที่เราหายใจเข้าไป อาหารที่เราว่าอร่อยมากนั้น แท้จริงแล้ว จมูกเราจะได้สัมผัสกลิ่นหอมอร่อยก่อน ซึ่งเซลประสาทส่วนนี้ จะบอกให้สมองเรารับทราบและมีปฏิกิริยาในด้านบวกต่อกลิ่นอาหารนั้นก่อนที่ลิ้นจะได้สัมผัสเสียอีก กลิ่นหอมของอาหารหรือเครื่องดื่ม ประกอบด้วยโมเลกุลกลิ่นหลายตัว จะกระตุ้นเซลรับกลิ่นหลายตัว แล้วมาผสานสัญญาณเข้าด้วยกัน บอกกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารนั้นๆ กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของวัตถุ จะสะกิดความทรงจำของเราเมื่อแรกได้สัมผัสกลิ่นนี้ แม้จะเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่ผ่านมานานแล้วก็ตามที เป็นเหตุผลที่ แม้คนแก่คนเฒ่า ก็ยังจำกลิ่นอาหารจานโปรดในวัยเด็กได้ เพียงได้กลิ่น ความทรงจำก็ถูกกระตุ้นให้พรั่งพรูออกมาได้ดีกว่า หูฟังหรือตาเห็นเป็นอันมาก หากเราเคยกินอาหารอะไรที่ทำให้ท้องเสีย เมื่อได้กลิ่นอาหารนั้นอีกในภายหลัง ก็จะเกิดปฏิกิริยาทางลบ ไม่ว่า กลิ่นอาหารชนิดนั้น จะน่าอร่อยเป็นที่เย้ายวนชวนกินมาก่อนอย่างไร เราอาจจะกลับรู้สึกคลื่นเหียนอาเจียนหากมาได้กลิ่นหลังจากเจอจานที่เคยเป็นพิษเข้าไปแล้วได้ นี่เป็นระบบการป้องกันตัวของมนุษย์ ที่จะรักษาไม่ให้เราเผลอไปกินอาหารที่เป็นพิษ ช่วยให้เราอยู่รอดมาได้ตั้งแต่สมัยเป็นมนุษย์ถ้ำ ไม่มีการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นที่พึ่งแต่อย่างไร ประสาทรับกลิ่น จึงเป็นเครื่องอำนวยการยังชีวิตที่สำคัญที่สุดในสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ในบรรดาหนูทดลองกว่า ๑๐๐ สปีชี่ ที่นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองได้นำมาศึกษา ต่างมี เซลล์ประสาทรับกลิ่นกันกว่า ๑๐๐๐ ตัว คนเรามีแค่ ๓๕๐ ตัว น้อยกว่าหนูตัวเล็กๆนั้นอีก เพราะเราได้สูญประสาทรับกลิ่นไปในระหว่างวิวัฒนามาเป็นมนุษย์ปัจจุบัน เนื่องจากสมองของเราต้องแบ่งประสาทสัมผัสเอาไปพัฒนาส่วนอื่นๆ เช่น ส่วนที่ควบคุมสายตา หู ฯลฯ หากไร้ประสาทสัมผัสนี้ เด็กทารกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เพิ่งเกิดใหม่เกิดใหม่ ก็ไม่สามารถหาหัวนมแม่มาดื่มยังชีพได้ เพราะเมื่อแรกเกิด ประสาทตายังไม่เจริญเต็มที่ ได้อาศัยแต่ประสาทรับกลิ่นมานำทางให้อยู่รอด จากการศึกษาหนูทดลอง ดพ ริชาร์ด แอ็กเซิล และ ดร ลินดา บัค ได้ค้นพบว่า ปลายประสาทรับกลิ่น จะทำหน้าที่รับโมเลกุลกลิ่น ส่วนนี้เรียกว่า receptor คือจะดักจับโมเลกุลกลิ่นที่ผ่านเข้ามา แล้วเซลรับกลิ่นจะส่งสัญญาไฟฟ้าไปยังศูนย์รับสัญญาณที่เรียกว่า glomeruli ในส่วนของสมองที่ยื่นมาเหนือจมูกที่เรียกว่า olfactory bulb (http://nobelprize.org/medicine/laureates/2004/odorant_eng.gif) ปลายประสาทที่ทำหน้าที่ดักจับโมเลกุลกลิ่นนั้น สร้างขึ้นมาด้วยโปรตีนคล้ายๆกัน แต่ต่างกันไป เพื่อรวมตัวกับโมเลกุลกลิ่นที่ต่างกันได้ receptor แต่ละตัว ประกอบด้วยลูกโซ่กรดอะมิโน ที่ทบไปทบมา ๗ รอบ ทำให้มีกะเปาะเหมาะที่จะดักจับโมเลกุลกลิ่น ดร. ลินดา บัค แต่แรกจบการศึกษาปริญญาเอกด้านภูมิต้านทาน แต่เห็นว่า ยังต้องศึกษาชีววิทยาด้านโมเลกุลเพิ่มเติมอีกเพื่อมาใช้งานภายหลัง จึงไปสมัครฝึกงานหาประสบการณ์กับห้องทดลองของ ดร. ริชาร์ด แอ็กเซิลที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในตำแหน่ง postdoctoral คล้ายๆกับเป็นนักวิจัยฝึกงาน อันเป็นปกติของผู้สำเร็จการศึกษาขั้นดุษฎีบัณฑิตในอเมริกา ที่มักจะทำงานด้าน postdoc. ต่อประมาณ ๒ ปี ก่อนจะออกไปทำงานเป็นนักวิจัยเต็มตัว ดร แอ็กเซิล รับ ดร บัค มาทำงานด้วยข้อแม้ว่า จะต้องมาทำงานวิจัยด้าน neuroscience กับเขา เมื่อจบการฝึกงานกับ ดร แอ็กเซิ่ล แล้ว ดร.บัค ก็แยกย้ายไปได้งานประทำทำวิจัยต่อที่ศูนย์ในซีแอ็ตเติล หลังจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ทั้งสอง ต่างคนต่างค้นพบพร้อมๆกัน ว่าเซลใน receptor แต่ละตัว จะรับโมเลกุลกลิ่นได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามีโมเลกุลกลิ่นที่มีโครงสร้างคล้ายๆกัน ก็ยังรับได้ แม้กำลังจะอ่อนแรงไม่เท่ากัน กลุ่มวิจัยของ ดร บัค ได้ศึกษาความไวต่อการรับกลิ่นของเซล และชี้ว่า ยีนส์ตัวไหนทำหน้าที่ถอดรหัสของกลิ่นนั้นๆ แต่ละกลิ่นที่เราได้รับ จะประกอบด้วยโมเลกุลหลากหลายไม่ใช่อย่างเดียวกันหมด กลิ่นหนึ่งๆ จึงไปกระตุ้นต่อมรับกลิ่นหลายๆตัว สัญญาณทั้งหมดประกอบกัน ก็เป็นเอกลักษณ์เหมือนภาพโมเสค ซึ่งเป็นเหตุผลที่ สมองของเราสามารถจำแนก และจดจำกลิ่นต่างๆกันได้ถึง ๑๐,๐๐๐ กลิ่น การค้นพบว่า เซลรับกลิ่นแต่ละเซล รับกลิ่นได้อย่างเดียว เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดหมายมาก่อน แอ็กเซิล และ บัค จึงได้ทำการค้นคว้าต่อ และพบว่า เซลรับกลิ่น ส่งสัญญาณทางประสาทไปยังสถานีรับส่งสัญญาณในปลายสมอง olfactory bulb คือส่วนที่เรียกว่า glomeruli ซึ่งมีถึง ๒,๐๐๐ ตัว นับว่ามีมากถึงสองเท่าของประสาทรับกลิ่นเสียอีก ทั้งสองท่านได้ต่างได้พบเหมือนๆกันว่า เซลรับกลิ่น จะส่งสัญญาณไป glomeruli ตัวเดิมเท่านั้น ไม่มีการส่งไปตัวอื่น และ ดร แอ็กเซิล ได้ศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า ประสาทรับกลิ่น receptor cell และ สถานีรับสัญญาณกลิ่น ต่างทำหน้าที่ร่วมกันเป็นคู่ๆ ที่จำเพาะมาก ไม่ก้าวก่ายกัน คู่ไหนก็รับกลิ่นเดียวกันเท่านั้น การแบ่งแยกหน้าที่ไม่ก้าวก่ายต่างกลิ่นกัน ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปถึงระบบประสาทชั้นต่อไปอีก คือ glomeruli ตัวหนึ่งจะส่งสัญญาณต่อไปยัง เซล mitral ตัวเดียวกันตลอด และ mitral cell ก็ส่งสัญญาณนี้ ไปยังจุดเล็กๆหลายๆจุดในสมอง ซึ่งจะถอดสัญญาณ เก็บแพ้ทเทิ่ร์นของกลิ่นเข้ากรุความจำในสมองไป นอกจากนี้ การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ทั้งสอง ก็ยังมีต่อไปถึงการรับสัมผัสของสาร pheromone ซึ่งมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ Gerald D. Fischbach รองประธานฝ่ายบริหารของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าวว่า "การค้นพบของทั้งสองท่าน เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในเวลา ๕๐ ปีที่ผ่านมา เพราะมันเปิดประตูไปสู่ความเข้าใจในการทำงานของเราว่า เรารับรู้สภาพแวดล้อมและแปรความรับรู้ไปเป็นความเข้าใจได้อย่างไร" และผลงานนี้ ก็มีส่วนสำคัญในการนำทางไปสู่การศึกษาด้านจีโนมอีกด้วย อ้างอิง 1 Press Release: The 2004 Nobel Prize in Physiology or Medicine http://nobelprize.org/medicine/laureates/2004/press.html 2 A Nobel for Explaining How the Nose Knows โดย Thomas H. Maugh II, Times Staff Writer http://www.latimes.com/news/nationworld/nation/la-na-nobel5oct05,1,6206758.story 3 Olfaction: A tutorial on the sense of smell http://www.cf.ac.uk/biosi/staff/jacob/teaching/sensory/olfact1.html 4 Our Chemical Senses: Olfaction http://faculty.washington.edu/chudler/chems.html พวงร้อย [IP: hidden] วันที่ 12 ต.ค. 2547 - 11:07:16 (คุณ พวงร้อย ช่วยร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ผ่านวิชาการ.คอมแล้ว รวมทั้งสิ้น 1144 ครั้ง) ความเห็นเพิ่มเติมหน้าที่ | -1- ความเห็นเพิ่มเติมที่ 1 (http://www.vcharkarn.com/vnews/news_pic/VN939x1.gif) ตำแหน่งของ Olfactory Bulb และปลายประสาทรับกลิ่นแทรกผ่านโพรงกระดูกเหนือโพรงจมูกเข้ามาดักโมเลกุลกลิ่น (ภาพจาก #4) โดย: พวงร้อย [IP: hidden] วันที่ 12 ต.ค. 2547 - 11:09:56 ร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ แล้ว 1,144 ครั้ง - พาหนะคู่กาย: ไอพ่น F16 - บินข้ามทวีปเรื่องเล็ก ความเห็นเพิ่มเติมที่ 2 (http://www.vcharkarn.com/vnews/news_pic/VN939x2.gif) (ภาพจากแหล่งเดียวกัน) สัญญาณประสาทรับกลิ่นที่ mitral ส่งผ่านนิวรอนมา จะถูกส่งไปยังส่วนประกอบเป็นจิตใต้สำนึกของสมอง คือ limbic system ซึ่งประกอบด้วย hippocampus, amygdala และ hypothalamus อันเป็นส่วนสำคัญที่กำหนดสภาพ อารมณ์ และความทรงจำ ภายในสมองของเรา ดังนั้น เมื่อเราได้กลิ่นที่เคยได้รับมาก่อน และประทับในความทรงจำอยู่แล้ว ก็จะกระตุ้นอารมณ์อันรุนแรงและลึกล้ำ โดยเฉพาะความทรงจำที่ฝังลึกที่สุดจากวัยเด็ก โดย: พวงร้อย [IP: hidden] วันที่ 12 ต.ค. 2547 - 11:19:18 ร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ แล้ว 1,144 ครั้ง - พาหนะคู่กาย: ไอพ่น F16 - บินข้ามทวีปเรื่องเล็ก หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:28 จริงแต่ทว่า ยังมีความลับอีกมากที่คนไม่ทราบ :mozilla_wink: :mozilla_cool:
ความเห็นเพิ่มเติมที่ 26 วิทยาศาสตร์อธิบายปัญหาด้วยความเชื่อพื้นฐานว่า " ทุกสิ่งเป็น ___สสาร__." ดังนั้น " กลิ่น " คืออนุภาคของสสารที่แพร่มากระทบปลายประสาทสัมผัสในจมูกเรา...แล้วส่งสัญญานไปแปลความหมายที่สมอง...ว่านี่คือ ตด...ว้า ! เหม็น ...แต่ทำไมเด็กทารกจีงเล่นขี้ได้โดยไม่รูสึกว่าเหม็น ? ...วิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นเรื่องของการ " เรียนรู้ "...แต่ศาสนาอธิบายว่าเป็นการ " ปรุงแต่ง " ของ " จิต " ...ยกตัวอย่าง...คนที่เรา " รัก " ชะอย่าง...ตรงไหน ๆ ก็ หอม ไปหมด...พอเบื่อกันแล้ว...ใส่นำหอมยี่ห้อ Chanel ก็ยังบ่นว่า " เหม็น " ...สรุป...คือ อำนาจ " จิตปรุงแต่ง " มีอิทธิพลเหนือ สสาร ครับ โดย: NMT [IP: 203.188.12.49,,] วันที่ 25 มี.ค. 2548 - 08:26:58 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:35 ความเห็นเพิ่มเติมที่ 27
ขออธิบายกลิ่นทางฟิสิกส์หน่อยครับ กลิ่นเกิดอนุภาคเล็ก ๆ ที่หลุดจากสารตั้งต้น ถ้าเปิดขวดน้ำหอมในห้องที่ปิดทึบ อนุภาคน้ำหอมเล็ก ๆ จะแพร่ไปทั่วห้องในเวลาไม่นาน เนื่องจากโมเลกุลอากาศมีการชนกันตลอดเวลา มันจะชนอนุภาคน้ำหอมเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งฟุ้งไปทั่วห้อง ถ้าเป็นกลิ่นธูป จะมีอุณหภูมิเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้อนุภาคกลิ่นธูปมีพลังงานมากขึ้น ถ้าไม่จุดกลิ่นธูปจางมาก เมื่อจุดกลิ่นจะเข้มข้นขึ้นและฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง พวกสปาที่มีการจุดน้ำมันหอม ทำให้น้ำมันหอมร้อนขึ้นอนุภาคกลิ่นจะออกมามากขึ้น นอกจากนั้นยังขึ้นกับความหนาแน่นของอนุภาคกลิ่นด้วย ถ้ามีคนปิ้งไก่ย่างที่ถนน เราอยู่ที่ระเบียงคอนโดชั้น 5 ขณะลมนิ่งเราจะไม่ได้กลิ่นไก่ย่าง เพราะมันแพร่มาไม่ถึง กลิ่นไก่ย่างจะอยู่ในน้ำมันไก่ที่เป็นละอองเล็ก ๆ เนื่องจากความร้อน น้ำมันไก่จะลอยตัวได้ไม่สูงมาก เมื่อเย็นตัวลงความหนาแน่นจะเพิ่มทำให้ตกลงสู่พื้น แต่ถ้ามีลมพัด คนที่อยู่ชั้น 5 สามารถได้กลิ่นไก่ย่างได้ เพราะว่าลมหอบเอาน้ำมันไก่มาด้วย กลิ่นของอาหารที่ทานร้อนจะขึ้นกับอุณหภูมิ ไก่ที่ทอดมาใหม่ ๆ กลิ่นจะหอมน่ารับประทาน ต่อเมื่อตัวไก่เย็นลง กลิ่นจะลดลง หนังที่กรอบก็เริ่มเหี่ยวเพราะมีอนุภาคอากาศแทรกเข้าไปทำให้ความกรอบลดลง โดย: ฟลิ้นท์ [IP: 202.29.77.2,,] วันที่ 25 มี.ค. 2548 - 09:48:10 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:41 เป็นโมเลกุลขนาดเล็กครับ เป็นสสาร ส่วนมากเป็นสารอินทรีย์ อาจเป็น gas เช่น NH4 etc. หรือ volatile substant ก็ได้ เช่น fatty acid etc. รับรู้ผ่านประสาท cranial nerve I คือ Olfactory Nerve ที่ Olfactory bulb ในโพรงจมูก โดย: xav [IP: 58.10.36.190,,] วันที่ 20 พ.ย. 2548 - 05:29:00 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:42 ความเห็นเพิ่มเติมที่ 50 กลิ่นทางชีว-เป็นผลรวมของการประมวลผลด้วยประสาทสัมผัสของจมูก ที่ทำให้รู้ว่าเป็นของสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้าเล่นต่อถามกลับว่ากลิ่นที่ว่าเป็นคำนามหรือกริยา ตอบได้อีกแบบรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเป็นธรรมารมย์ ให้ละเอียดย้ายไปถามในบอร์ดธรรมะดีไหม โดย: teach [IP: 203.113.89.28,,] วันที่ 17 มิ.ย. 2548 - 16:30:13 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 17:43 ความเห็นเพิ่มเติมที่ 101 หลักๆ แล้วสสาร ก็มีแค่ 3 สถานะอะแหละครับ บางทีบอกว่าสถานะของไฟคือพลาสมา ที่จริงก็คือเป็นสถานะของก๊าซที่ อิเล็กตรอนตกกลับไปอยู่ที่ชั้น Ground State แล้วปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาเป็นอนุภาคแสง (Photon) อะครับ โดย: Clubfungi [IP: 203.151.140.123,203.113.46.9,] วันที่ 24 ก.ย. 2548 - 21:46:24 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 18:03 อนาครับ เวลาของที่ที่เราอยู่ต่างกันกี่วินาทีครับ? บอกผมหน่อย ผมอยู่กรุงเทพฯ... ผมจะสร้างเครื่องย่นระยะทาง อิอิ :mozilla_cool: ถึงแม้เวลาของเราจะต่างกันแค่ 1 นาที มันก็เป็นไปได้ยากนะค่ะ :D :D ทราบและเห็นด้วยค๊าบบ :mozilla_cool: คูณเลขเสร็จหรือยังครับ?? รอครับ.... :mrgreen: คิดนานต้องแม่นยำนะ ผมจะนั่งนับใบไม้และกินสาหร่ายอบกรอบรอ..8) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 10-08-2006, 18:04 หนูต้องอ่านใช่ไหมค่ะ :mrgreen:
งั้นรอแป๊บค่ะ พอดีเพิ่งกลับมาถึงบ้าน อิอิ :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 18:21 (http://www.elib-online.com/doctor_images461/sexpheromone00101.gif)
เมื่อผู้หญิงเกิดความรักขึ้นในดวงใจของเธอแล้ว ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า ความรู้สึกที่อยากจะได้ครอบครองชายคนรักไว้แนบข้างจะต้องเกิดขึ้นในใจ เหมือนเคยฟังเพลง Woman in love แล้วได้อรรถรสและซาบซึ้งกับเนื้อหาของเพลงที่บรรเลง ถึงความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งต่อชายคนรักของเธอ ใครอยากรู้ลองหามาฟังดูก็จะรู้ดี แต่ถ้าอยากให้คนรักซาบซึ้งด้วยแล้ว ให้หาซื้อเพลง... เพราะเธอรักฉัน เพลงไพเราะ ที่ร้องโดย ซิลีน ดิออน นักร้องชื่อดังมาให้ชายในดวงใจของคุณฟังดู เพลงนี้ผู้ชายส่วนใหญ่ฟังแล้วซาบซึ้งกันแทบทุกคน ในความรักของผู้หญิงของเขา ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็น 'อารมณ์รักใคร่' จริงไหม... คนเรานั้น ในบางขณะอารมณ์ก็ขึ้นมาอยู่เหนือเหตุผลเหมือนกัน เพราะ " หากจะรักแล้ว รักใครก็จงรักเถิด ความรักบรรเจิด พริ้งเพริดแสนหวาน" ย่อมเป็นที่แน่นอน คนที่มีความรักอยูในใจหน้าตาจะสดใส อิ่มเอิบ มีความสุข มีดอกกุหลาบในดวงใจเช่นเดียวกับดอกกุหลาบ ที่พระนางคลีโอพัตราใช้ทำให้แม่ทัพใหม่ มาร์ค แอนโทนี ลุ่มหลงยังไงเล่า กล่าวกันว่ากลิ่นกุหลาบนั้น เพิ่มอารมณ์โรแมนติคให้เกิดขึ้นกับคนที่มีความรักอยู่ ได้อย่างทันอกทันใจทีเดียว และเมื่อเกิดอารมณ์โรแมนติคขึ้นแล้ว อารมณ์เพศก็จะตามมา ทำให้คนทั้งสองหลอมร่างกายและดวงใจเข้าหากัน เป็นดวงเดียว ด้วยเสน่ห์แห่งกลิ่นกุหลาบ... นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของกลิ่นที่เพิ่มอารมณ์รักใคร่ เหมือนกับดอกกุหลาบแดง ที่แทนความรัก กลิ่น...แรงดึงดูดเพศตรงข้าม ฟีโรโมน ได้รับการเอ่ยขานกันมานานนมกาเลแล้วว่า เป็นกลิ่นเรียกคู่ เมื่อเพศตรงข้ามได้กลิ่นนี้แล้ว จะเกิดอารมณ์และความต้องการตามธรรมชาติที่จะเกิดการปฏิพัทธ์ และนำไปสู่การเจริญเผ่าพันธุ์ เป็นการป้องกันการสูญเสียเผ่าพันธุ์ที่ธรรมชาติเป็นผู้บงการให้เกิดขึ้น เป็นที่แน่นอนว่า ในสัตว์บกทั้งหลายนั้น จะมีการสร้างฟีโรโมนขึ้นมาเสมอ โดยเฉพาะเพศเมียในระยะเวลาใกล้จะตกไข่ เพื่อให้กลิ่นนั้นไปชักจูงให้เพศผู้ชายทำการผสม ขณะเดียวกันฟีโรโมนจากสัตว์เพศผู้ก็จะกระตุ้นให้เพศตรงข้ามมีความพร้อมที่จะตกไข่และผสมเช่นกัน แต่อย่าไปลองดมนะ เพราะฟีโรโมน หรือกลิ่นเรียกคู่นี้ ถ้าคนดมเข้าไปแล้ว แทนที่จะเกิดอารมณ์รักใคร่ อาจจะคลื่นเหียนวิงเวียนจนอาเจียนหรือนอนไม่หลับไปหลายคืนก็ได้... เพราะกลิ่นขับเอียนๆ ฉุนๆ ไม่ใช่กลิ่นหอมเหมือนที่คิดเอาไว้ ในคนนั้นต่อมที่จะสร้างฟีโรโมนนั้น จะเริ่มทำการเมื่อเริ่มเข้าวัยรุ่น ผมไม่กล้าตอบว่านั่นตรงกับกลิ่นสาบสาวหรือไม่ เพราะยังค้นคว้าไม่พบต้นตอเรื่องกลิ่นสาบสาว แต่ที่แน่นอนก็คือ ฟีโรโมนนี้ จะสร้างที่ต่อมบริเวณใต้รักแร้ และบริเวณอวัยวะเพศ ขณะเดียวกัน ขนที่ปกคลุมบริเวณดังกล่าวนั้น ก็ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลิ่นระเหยออกไปสู่ภายนอก เก็บไว้ให้คนๆนั้นชื่นชมและดมกลิ่นแต่เพียงผู้เดียว อาจจะเป็นเหตุผลนี้กระมังที่ทำให้สาวๆ แดนมังกรทั้งหลายนิยมไว้ขนใต้รักแร้กัน กลิ่นฟีโรโมนนี้... จะไม่มีผลต่อเจ้าของ แต่จะมีผลต่อผู้ที่ได้สูดดมกลิ่นนั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ วินนิเฟรด คัทเลอร์ ได้ทำการศึกษาผลของกลิ่นฟีโรโมนต่อการมีเซ็กซ์ เมื่อเทียบกับกลิ่นหลอก ปรากฏผลการศึกษาวิจัยพบว่า ในระยะ 3 สัปดาห์แรกนั้น ผู้ที่ได้กลิ่นฟีโรโมนจะมีกิจกรรมทางเพศถึง 36 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับกลิ่นหลอก ซึ่งมีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่มีเซ็กซ์กับคู่รัก และตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 -14 ของการวิจัยนั้น พบว่า ผู้ที่ได้กลิ่นฟีโรโมน มีเซ็กซ์เพิ่มขึ้นเป็น 73 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผู้ได้กลิ่นหลอก มีเซ็กซ์เพียง 11 เปอร์เซ็นต์เท่าเดิม ที่สำคัญก็คือ ผู้หญิงจะต้องได้กลิ่นฟีโรโมนของชาย และชายจะต้องได้กลิ่นฟีโรโมนของผู้หญิงจึงจะเกิดปฏิกิริยา และมีอารมณ์รักใคร่เกิดขึ้น แต่ในระหว่างที่เขากำลังศึกษาวิจัยต่อเนื่องถึงผลกระทบของฟีโรโมนต่ออารมณ์รักใคร่กันอย่างขมักเขม้น และยังหาซื้อหามาใช้ไม่ได้ในขณะนี้ ลองหัดดมกลิ่นรักแร้ หรือบริเวณเนินหญ้าในบริเวณที่หลบซ่อนลึกลับอยู่ไปพลางๆ ก่อน ก็น่าจะพอแก้ขัดไปได้ ขอแต่เพียงอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวจะจามกลิ่นไม่สะอาดหมดอารมณ์ไปเสียก่อน กลิ่น...ไม่เพิ่มอารมณ์รักใคร่มานานแล้ว เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นับว่าเป็นสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้น ที่เมื่อระบบประสาทรับความรู้สึก อันได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนังได้รับแล้ว จะต้องเกิดแรงตอบสนองขึ้นมาต่อสิ่งเร้าภายนอกนั้น และแน่นอนว่า กลิ่น เป็นสิ่งเร้าที่กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกได้ดีที่สุดในกระบวนการสิ่งเร้าทั้งหลาย เทพธิดา อะโฟรไดรท์ เป็นเทพธิดาแห่งท้องทะเลและเทพธิดาแห่งความรักใคร่ ในตำนานของชายกรีก ท่านเป็นมารดาของเทพอีรอส ซึ่งเทียบได้กับเทพบุตรรัก หรือ 'คิวปิด' ที่คนไทยเรารู้จักกันในนามของ "กามเทพ" ที่ชอบแผลงศรปักอกปักใจทั้งหนุ่มและสาว ความจริงแล้ว เทพธิดาอะโฟรไดรท์นั้น ก็เทียบได้กับเทพวีนัสนั่นเอง เมื่อท่านเป็นเทพธิดาแห่งความรักแล้ว ของอะไรที่จะช่วยเพิ่มความรักใคร่ หรือทำให้เกิดอารมณ์รักใคร่ เลยเรียกกันว่า APHRODISIACS ซึ่งมาจากรากศัพท์ APHRODITE นั่นเอง เทพอะโฟรไดร้ท์นั้น พกพากลิ่นเสน่ห์ไว้ในถุงที่เธอพกพาไปทุกแห่งหน กล่าวกันว่ากลิ่นเสน่ห์ดังกล่าวนั้น ประกอบด้วย น้ำมันหอมที่กลิ่นจากกลีบกุหลาบนั่นเอง กุหลาบนับเป็นมนต์เสน่ห์ที่ใช้กันมากในยุคกรีกโบราณ เชื่อไหมครับว่า ในยุคนั้น ถ้าคุณถูกเชิญไปในงานสังสรรค์ แล้วเวลาเดินเข้างาน คุณจะเดินเข้าไปท่ามกลางกลีบกุหลาบที่โปรยปรายลงมาจากหลังคาห้อง และเรื่องราวเหล่านี้ก็ได้ถูกถ่ายทอดมาจนยุคโรมัน ซึ่งนอกจากจะมีกลีบกุหลาบโปรยปรายลงมาแล้ว ยังมีการประดับประดากุหลาบทั่วผนังห้อง เรียกว่าเดินเข้าไปในห้องก็ได้แต่กลิ่นกุหลาบเลยทีเดียว และยังไม่พอครับ เมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว แขกยังจะได้รับประทานขนมพุดดิ้งที่มีกลีบกุหลาบเป็นส่วนผสมด้วย และในตอนท้ายยังได้ดื่มน้ำที่กลั่นมาจากกลีบกุหลาบเจือจางเพื่อเป็นการช่วยย่อยอาหาร กลิ่นกุหลาบ และความหอมจากกลีบกุหลาบในอาหารและเครื่องดื่มนี้ ไม่ทราบว่าทำให้ชาวโรมันทั้งหลาย ลุ่มหลงอยู่ในอารมณ์รักใคร่จนเทพพิโรธ และให้ภูเขาไฟ วิซุเวียสพ่นลาวามาทับถมนครปอมเปอีหรือเปล่า ก็ไม่รู้ แน่นอนว่า ต่อมาตามประวัติผู้ที่ใช้กลิ่นเสน่ห์ของกุหลาบคงจะหนีไม่พ้นพระนางคลีโอพัตรา ผู้มีชื่อเสียงแห่งอียิปต์โบราณ และเมื่อชนชาติยิวได้หนีจากการปกครองของอียิปต์ไปตั้งถินฐานในดินแดนที่พระเจ้าประทานให้แล้ว พระนางชีมาก็ได้ทรงใช้กลิ่นเสน่ห์ของเครื่องหอมต่างๆ เพื่อทำให้กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวยิว คือพระเจ้าโซโลมอน ลุ่มหลงในพระนางด้วย กลิ่นต่างๆ ของดอกไม้นานาพันธุ์และสมุนไพรนานาชนิด จึงได้รับการกลั่นออกมาเป็น น้ำมันหอมระเหย หรือ ESSENTIAL OIL และชาวกรีกเป็นผู้มีสุนทรีย์และความสามารถในการใช้น้ำมันหอมระเหย ดังกล่าวในการรักษาโรค และทำให้เกิดอารมณ์รักใคร่ด้วย นับเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของการใช้กลิ่นเพิ่มรสรัก กลิ่น...เพิ่มรสรัก ความจริงแล้ว เรื่องของความรักใคร่เป็นเรื่องของธรรมชาติควรจะมี เพียงแต่ตามความเรียกร้องของธรรมชาติ ไม่น่าจะมีการปรุงแต่ง การหาทางปรุงแต่งรสรักนั้น คนหัวโบราณทั้งหลายอาจจะไม่ค่อยชอบใจ ว่าทำไมมัวมาแต่หมกมุ่นในเรื่องนี้ แต่ถ้ามาศึกษาให้ถ่องแท้แล้วจะพบว่า เรื่องการใช้กลิ่นเพิ่มรสรักนี้ มีมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว แสดงว่าคนโบราณเขาเห็นถึงความจำเป็นในเรื่องนี้ เพราะแม้ว่า กามารมณ์จะเป็นพื้นฐานของชีวิตคู่ แต่กามารมณ์ก็เป็นสีสันของความรักด้วย เพราะฉะนั้น กลิ่นเพิ่มรสรัก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีคู่ครองเป็นตัวเป็นตนแล้วเท่านั้น... (update 8 กุมภาพันธ์ 2003) [ ที่มา... เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 12 ฉบับที่ 557 วันที่ 3 - 9 กพ. 2546 ] หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 18:24 (http://www.elib-online.com/doctor_images481/childsmell00101.gif) ประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นของทารก เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่เราอาจจะไม่เคยนึกถึง ซึ่งถ้าเราเรียนรู้เรื่องประสาทสัมผัสในการได้กลิ่นของลูก เราจะช่วยลูกให้พัฒนาประสาทสัมผัสให้ดีขึ้น และเราเองก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ค่ะ เรียนรู้โลกผ่านกลิ่นที่สัมผัส ทารกนี่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแยกแยะกลิ่นค่ะ เมื่อได้กลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นสารเคมีต่างๆ ที่ใช้ในบ้าน หากเป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่ชอบทารกจะตอบสนองต่อกลิ่นนั้นด้วยการร้องไห้โยเย แต่ถ้าได้กลิ่นที่ชอบหรือกลิ่นที่คุ้นเคยก็จะสงบอารมณ์ดี เป็นต้น ถ้าเทียบกับผู้ใหญ่ ทารกสามารถรับรู้เรื่องกลิ่นได้ดีกว่า เพราะว่าประสาทสัมผัสการรับกลิ่นจะพัฒนาขึ้นมา ก่อนเรื่องการมองเห็นเสียอีก แต่ระหว่างที่โตเป็นผู้ใหญ่ประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นกลับลดประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ ซึ่งคงเกิดจากการที่ประสาทสัมผัสด้านอื่นๆ พัฒนาขึ้นมาจนเรียกร้องความสนใจไปจากประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นนั่นเอง ดังนั้น สำหรับทารกแรกเกิดการใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นเพื่อเรียนรู้โลกรอบตัวจึงมีมากกว่าผู้ใหญ่ แทบจะเรียกได้ว่าหนูเรียนรู้จักโลกผ่านการได้กลิ่นต่างๆ นั่นเอง สัมผัสกลิ่นได้ตั้งแต่ในท้อง ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เบบี๋เขาก็สามารถรับสัมผัสเรื่องกลิ่นได้ โดยทารกจะสามารถใช้จมูกในการรับกลิ่นได้ ตั้งแต่ตอนอายุครรภ์แค่ 6 เดือนค่ะ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะว่า จะเป็นไปได้ แต่เป็นไปได้ค่ะ ทารกอาจจะได้กลิ่นกาแฟที่เราต้มตอนเช้า สัมผัสถึงความอ่อนล้าจากกลิ่นเหงื่อของแม่ แล้วเรารู้ได้ยังไงน่ะเหรอค่ะว่า เด็กในท้องได้กลิ่น ในต่างประเทศมีการศึกษาเด็กทารก ที่คลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์ประมาณ 30 สัปดาห์ พบว่าทารกจะตอบสนองต่อกลิ่นเดิมๆ ได้ ดังนั้น จึงเชื่อว่าทารกในครรภ์ที่มีอายุครรภ์เท่ากับเด็กที่คลอดก่อนกำหนดจึงน่าจะมีความสามารถในการสัมผัสกลิ่นได้ นั่นก็หมายความว่าวิถีชีวิตของแม่ ไม่ว่าจะกินอะไร ได้กลิ่นอะไร ก็สามารถส่งผ่านไปถึงโลกลี้ลับของทารกน้อยในครรภ์ได้ เพราะว่าระบบอวัยวะสำหรับดมกลิ่นได้พัฒนาขึ้นแล้ว และสมองส่วนที่รับสัมผัสเรื่องการดมกลิ่นนี้ ก็มีความอ่อนไหวมากกับการรับรู้ประสบการณ์ครั้งแรก ดังนั้น กลิ่นแรกๆ ที่ลูกในท้องมีโอกาสได้สัมผัส จึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประสาทสัมผัสการแยกแยะเรื่องกลิ่นของลูกต่อไป เมื่อหนูน้อยคลอดออกมาลืมตาดูโลกค่ะ ทารกน้อยกับจมูกที่ทำงานหนัก มีหลักฐานจากการศึกษาหลายชิ้นที่ยืนยันว่า ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นของลูกน้อยวัยทารก ช่วยให้ลูกปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอกครรภ์คุณแม่หลังจากที่ลืมตาดูโลก ทารกจะค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับกลิ่นที่ได้สัมผัสบ่อยๆ เช่น กลิ่นคุณแม่ หรือกลิ่นนม การได้สัมผัสกับกลิ่นที่คุ้นเคยเรื่อยๆ จะทำให้ลูกปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น และทารกนี่เขาเก่งนะคะ สามารถแยกแยะกลิ่นชนิดต่างๆ ได้มากมาย เราจะสังเกตได้จากสีหน้าของลูกที่เปลี่ยนไป หรือลูกจะตื่นตัวขึ้นมาทันทีที่เราให้ลูกดมกลิ่นแปลกๆ ยิ่งกว่านั้นการเรียนรู้ของทารกเกิดจากการที่ลูกได้กลิ่นซึ่งแตกต่างเป็นสำคัญ มีผลการวิจัยที่แสดงว่า ทารกแรกเกิดสามารถแยกแยะกลิ่นของตัวเองได้ และในเวลาไม่กี่วันที่เกิดมาจะสามารถจำกลิ่นเต้านมหรือกลิ่นใต้วงแขนคุณแม่ได้ แม้คุณแม่จะอยู่ไกลจากลูกหลายฟุต เก่งไหมคะลูกของเรา หรือแม้กระทั่งกลิ่นคุณพ่อ ลูกก็อาจจะจำได้เหมือนกัน ถ้าคุณพ่อมีความใกล้ชิดกับลูกเพียงพอ นอกจากนี้กลิ่นต่างๆ ที่เกิดจากคุณแม่ ซึ่งใกล้ชิดกับลูกมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเหงื่อ น้ำลาย กลิ่นน้ำนมจากเต้านม หรือกลิ่นน้ำมันที่ระเหยออกมาจากต่อมไร้ท่อต่างๆ ในร่างกายของคุณแม่ ล้วนเป็นกลิ่นที่ลูกน้อยสัมผัสได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาที่คุณแม่ให้นมลูก การที่ลูกได้สัมผัสกับเต้านมของคุณแม่อย่างใกล้ชิดโดยไม่ผ่านเสื้อจึงทำให้ลูกรู้สึกมีความสุขสงบมาก ใช้กลิ่นที่คุ้นเคยสยบลูกน้อย คุณแม่สามารถใช้ประโยชน์จากกลิ่นที่ลูกคุ้นเคยและชื่นชอบได้ เช่น ถ้าลูกงอแงหงุดหงิดไม่ยอมนอนหลับ คุณแม่ใช้เสื้อที่คุณแม่ใส่แล้วผูกกับเปลใกล้ๆ จมูกลูก กลิ่นที่คุ้นเคยจะช่วยให้ลูกสงบและหลับสบายมากขึ้นได้ หรือผ้าที่ลูกชอบกัดและเอามากอดมาดมเสมอ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องซักบ่อยๆ ถ้าไม่สกปรกมากนัก เราสามารถเก็บไว้ใช้เวลาที่ลูกงอแงเพื่อให้ลูกสงบจิตใจลงได้ เล่นแบบไหน พัฒนาทักษะเรื่องกลิ่น ดมกลิ่นหมอของดอกไม้ ให้เบบี๋ของเราได้ดมกลิ่นดอกไม้สด ลูกน้อยจะได้สัมผัสกับผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่มของกลีบดอก และสัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ แต่ขอเตือนว่าต้องแน่ใจว่าลูกไม่แพ้เกสรดอกไม้ และถ้าเป็นดอกไม้ในสวนที่ปลูกเองจะปลอดภัยกว่าค่ะ เพราะสมัยนี้ดอกไม้ส่วนใหญ่จะใช้ยาฆ่าแมลงเยอะ อโรมาแบบเบบี๋ เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทแล้วจุดเตาน้ำมันหอมระเหยให้มีกลิ่นบางๆ อบอวลอยู่ในบ้าน ควรใช้กลิ่นที่เป็นกลิ่นสกัดจากธรรมชาติ และไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นฉุนมากสำหรับเด็ก และไม่ควรจุดไว้นาน แค่จุดไว้แป๊บเดียวพอให้ลูกได้กลิ่น และจุดแค่วันละกลิ่นหรือสองกลิ่นก็พอแล้วค่ะ แม่หลงใหลกลิ่นลูก คุณแม่หลายคนยอมรับว่า ชอบดมกลิ่นของลูกน้อยวัยแรกเกิดมากๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า การที่กลิ่นของลูกทำให้คุณแม่หลงใหลได้ เพราะว่ากลิ่นตัวของทารกนี้ก็เกิดมาจากสิ่งที่คุณแม่ปฏิบัติตัวทุกอย่าง ในตอนตั้งครรภ์นั่นเอง สิ่งที่คุณแม่กิน กลิ่นที่คุณแม่สัมผัสสามารถส่งผ่านถึงลูกในท้อง ดังนั้น กลิ่นของทารกแรกเกิดจึงเป็นกลิ่นที่คุณแม่คุ้นเคยมากๆ จึงไม่แปลกที่คุณแม่จะชอบกลิ่นของลูก ซึ่งเมื่อลูกโตขึ้นเริ่มกินอาหาร มีการเผาผลาญ และฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง กลิ่นร่างกายของลูกก็จะเปลี่ยนไปด้วย เพราะฉะนั้นแนะนำว่าขอให้คุณแม่ชื่นชมกับกลิ่นของลูกน้อยให้พอใจ เพราะกลิ่นแบบนี้มันจะคงอยู่ไม่นานหรอกค่ะ การให้ลูกได้สัมผัสกับกลิ่นที่คุ้นเคยจะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจและสงบสุข ส่วนการให้ลูกได้ดมกลิ่น ที่แปลกไปจากวิถีชีวิตปกติบ้าง จะช่วยให้ลูกได้บริหารประสาทสัมผัสเรื่องการดมกลิ่นให้พัฒนายิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าคุณแม่ทราบพัฒนาการตรงนี้ของลูก และใช้ประโยชน์จากมัน ทั้งคุณแม่และลูกน้อยก็จะได้รับประโยชน์ไปพร้อมกันค่ะ (update 17 กุมภาพันธ์ 2005) [ ที่มา.. นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ปีที่ 9 ฉบับที่ 105 กรกฎาคม 2547 ] หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 18:29 ญี่ปุ่นคิดค้นเครื่องบันทึก "กลิ่น" ได้สำเร็จ โดย กองบรรณาธิการเว็บไซต์ ARiP.co.th อัพเดต 2 กรกฎาคม 2006 เวลา 9:23 น. (http://www.arip.co.th/images/news/technology2/smell_recorder.jpg) รายงานข่าวแจ้งว่า วิศวกรจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียวในประเทศญี่ปุ่นกำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถดักจับกลิ่นที่เกิดขึ้น แถมสามารถปล่อยกลิ่นนั้นออกมาได้เหมือนเดิม คล้ายกับเครื่องบันทึกวิดีโอที่สามารถบันทึกภาพ และเล่นกลับได้ แต่สิ่งที่บันทึก และเล่นกลับในที่นี้กลับกลายเป็น กลิ่น แทน ทีมวิศวกรผู้พัฒนาคาดว่า เมื่อเครื่องบันทึกกลิ่นเสร็จสมบูรณ์มันจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกับการชอปปิ้งออนไลน์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าได้กลิ่นสินค้าก่อนที่จะซื้อมันออกไป ตลอดจนการเพิ่มมิติใหม่ของการสัมผัสให้กับเครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคต นอกจากนี้ มันยังสามารถนำไปใช้ในวงการแพทย์ได้อีกด้วย อย่างเช่น การวินิจฉัยโรคของคนไข้จากระยะไกล โดยการบันทึกกลิ่นเลือด น้ำดี หรือน้ำปัสสาวะ เพื่อนำกลิ่นที่บันทึกมาใช้ในการวินิจฉัยโรคได้ Pambuk Somboon จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งโตเกียว หัวหน้าทีมพัฒนาอุปกรณ์บันทึกกลิ่นกล่าวว่า เครื่องบันทึกกลิ่นจะไม่ได้เป็นการจัดเตรียมกลิ่นต่างๆ ไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด แต่จะเป็นการใช้จมูกไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับสารเคมีแค่ 15 ตัว ก็สามารถรับรู้กลิ่นที่แตกต่างได้มากมายแล้ว เปรียบเทียบกับสัญญาณวิดีโอ คุณต้องบันทึกด้วยแม่แสงหลักคือ แดง, เขียว และน้ำเงิน แต่มนุษย์มีเซนเซอร์รับกลิ่นได้ถึง 347 แบบดังนั้น เราจำเป็นต้องใช้สารเคมี (ที่ใช้แทนแม่แสงบนหน้าจอ) เป็นจำนวนมาก Somboon กล่าว เมื่อเซ็นเซอร์ของอุปกรณ์ได้กลิ่นต่างๆ กลิ่นที่เครื่องได้รับจะถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยส่วนผสมจากรายการของสารเคมีจำนวน 96 รายการ โดยเราสามารถเลือกใช้สารเคมีบางตัว เพื่อพัฒนาอุปกรณ์บันทึกกลิ่นเฉพาะทางก็ได้ เช่น สำหรับใช้ในวงการแพทย์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี อุปกรณ์ดังกล่าว สามารถบันทึก และสร้างกลิ่นต่างๆ ได้มากมาย ตั้งแต่ ส้ม มะนาว แอปเปิ้ล กล้วย และแตงโม เราสามารถบอกได้แม้กระทั่งว่า กลิ่นที่เครื่องได้รับเข้าไปนั้น มาจากแอปเปิ้ลผลสีเขียว หรือสีแดง Somboon กล่าวทิ้งท้าย หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 19:07 (http://www.nco-project.com/thai/images/lime.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/lemongrass.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/tangerin.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/ginger.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/tuberose.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/vetiver.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/pomelo.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/sweet_basil.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/amomum.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/bakula.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/clove.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/citronella.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/galanga.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/eucalyptus.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/jasmine.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/kaffir_lime.jpg)(http://www.nco-project.com/thai/images/white_champaka.jpg)
มะนาว : Lime ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus aurantifolia วงศ์ : Rutaceae เริ่มแรกจากแถบเอเชีย พื้นที่ที่มีการเพาะปลูกส่วนมากเป็นเขตอบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอิตาลี, บริเวณ แถบเอเชียตอนใต้และอเมริกา มะนาวเป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 4.5 เมตร (15 ฟิต) ใบเรียบสีเขียว มีหนามแหลมคม และเล็ก มีดอกสีขาว มะนาวมีผลสีเขียวและมีหลายชนิด เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว มะนาวถูกนำมาเผยแพร ่ในทวีปยุโรป โดยมัวร์ และได้กระจายไปถึงประเทศอเมริกา น้ำมะนาวช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด เนื่องจากน้ำ มะนาวมีวิตามินซีสูง ส่วนใหญ่ใช้แต่งกลิ่นและรสชาติ ในเครื่องดื่มอัลกอฮอล์และโคลา รวมถึงใช้ในอุตสาหกรรม น้ำหอม ส่วนที่ใช้ : ผิว กลิ่น : สดชื่น, หวาน อารมณ์ : สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ส่วนประกอบทางเคมี : citral, limonene, glutathione, terpineol, cymene, myrcene, a-pinene, B-pinene, sabinene, myrcene, limonene, y-terpinene, terpinolene, octanal, nonanal, tetradecanal, pentadecanal, trans-a-bergaptene, caryophyllene, B-bisabolene, geranial, neryl acetate, geranyl acetate, a-terpineo, linalool. คุณสมบัติ : บยั้งเลือดออกตามไรฟัน, ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์และเชื้อไวรัส, ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, ลดไข้, ซ่อมแซมและฟื้นฟูพละกำลัง สรรพคุณ ระบบทางเดินหายใจ : บรรเทาอาการเจ็บคอ, ช่วยลดอาการของไข้หวัด, อาการไอ ระบบทางเดินอาหาร : กระตุ้นความอยากอาหาร, ช่วยย่อยอาหาร, กล้ามเนื้อ / ข้อต่อ : บรรเทาอาการข้ออักเสบ ผิวหนัง : สิว, ช่วยกระชับรูขุมขนสำหรับผิวมัน, ลดไขมันใต้ผิวหนัง, โรคผิวหนังเป็นเม็ดพุพองและลามออก ระบบการหมุนเวียนโลหิต : บรรเทาอาการเส้นโลหิตดำโป่ง, เลือดคั่ง ข้อพึงระวัง : - หลังจากใช้แล้วห้ามถูกแสงแดดโดยตรง ตะไคร้ : Lemongrass ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopagon citrates วงศ์ : Gramineae ลักษณะของต้นตะไคร้เป็นกอ ความสูงประมาณ 4-6 ฟุต ใบยาวเรียว ปลายใบมีขนหนาม ตะไคร้ยังไม่เป็นที่ แพร่หลายสำหรับชาวตะวันตก ส่วนในประเทศไทย, อินโดนีเซีย, และเวียดนาม นิยมใช้ลำต้นมาประกอบอาหาร กลิ่น และรสเข้ากันได้ดีกับกระเทียม, พริก และนิยมนำมาประกอบ อาหารทะเล เพื่อดับกลิ่นคาว หรือทำเป็นเครื่องดื่ม ชาตะไคร้ ส่วนที่ใช้ : ใบ กลิ่น : คล้ายมะนาวและส้ม อารมณ์ : สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ส่วนประกอบทางเคมี : Citral, Geranyl Acetate, Linalyl Acetate, Geranial, Neral, Limonene, Myrcene, Beta-caryophyllene คุณสมบัติ : บรรเทาอาการปวด, ลดอาการซึมเศร้า, ต้านเชื้อจุลินทรีย์, ลดไข้, ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์, ยาสมานแผล, ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, แก้ท้องเฟ้อ, ยาดับกลิ่น, ฆ่าเชื้อรา, ขับน้ำนม, บรรเทาความเครียด, ระงับประสาท, ขับไล่แมลง สรรพคุณ ระบบหมุนเวียนและกล้ามเนื้อ : ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ, บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและเคล็ดขัดยอก ระบบย่อยอาหาร : ท้องเสีย, อาหารไม่ย่อย, กล้ามเนื้อช่องท้องกระตุก ผลต่ออารมณ์ / จิตและประสาท : ปวดหัว, ความสับสน, ความอ่อนเพลียทางจิตใจ ระบบภูมิคุ้มกันโรค : อาการไข้, ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผิวหนัง / ผม : สิว, เชื้อรา, เหงื่อออกมากผิดปกติ, เหา, โรคหิด ข้อพึงระวัง : - ควรเจือจางน้ำมันหอมระเหยก่อนใช้กับผิวหนังโดยตรง - ควรหลีกเลี่ยงการออกกลางแจ้งเป็นเวลานาน - อาจเกิดการระคายเคืองสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ส้ม : Tangerine ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus reticulata วงศ์ : Rutaceae ส้มเป็นต้นไม้ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 6 เมตร ใบหนาเป็นมันวาว ดอกส้มสีขาว มีกลิ่น หอมอ่อนๆ ออกเป็นกระจุกตามกิ่งเล็กๆ แต่ละต้นจะออกผลเป็นจำนวนมาก ส้มแมนดาริน เปลือกออกสีเหลือง และมี ขนาดของผลที่เล็กกว่าส้มเขียวหวาน ซึ่งมีเปลือกสีส้มเข้ม ส่วนที่ใช้ : เปลือก กลิ่น : ผิวส้ม อารมณ์ : สดชื่น ส่วนประกอบทางเคมี :citronellol, linalool, citral, cardinene, limonene คุณสมบัติ : ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์, บรรเทาอาการชักกระตุก, ช่วยขับลม, ทำให้จิตใจสงบ, เพิ่มพละกำลัง สรรพคุณ จิตใจ / อารมณ์: บรรเทา ความกังวล, ซึมเศร้า, นอนไม่หลับ, ความเครียด ระบบย่อยอาหาร: บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ, สะอึก, อาหารไม่ย่อย และท้องเสีย ระบบหมุนเวียนโลหิต: บรรเทาอาการบวมน้ำ ผิวพรรณ: ให้ความสมดุลกับผิวมัน เพิ่มความสดใสให้ผิว ข้อพึงระวัง : - ไม่เป็นพิษ, ไม่ทำให้ระคายเคือง, ไม่ทำให้เกิดภูมิแพ้ - สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง - หลังจากใช้แล้ว ห้ามถูกแสงแดดโดยตรง ขิง : Ginger ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zingiber officinale วงศ์ : Zingiberaceae ขิงมีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย, จีน, และ ชวา เริ่มเป็นที่รู้จักในยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 10 15 โดยการนำไปใช้ ในการปรุงรส และผสมในเครื่องเทศ ขิงเป็นพืชที่มีตลอดฤดูกาล ความสูงของต้นประมาณ 3-4 ฟุต มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ใบมีลักษณะเหมือนหอก ดอกมีสีขาวหรือเหลืองซึ่งแทงช่อขึ้นมาจากเหง้าใต้ดิน ขิงถูกนำมาใช้เป็นยามานาน เนื่องจาก พบว่าถูกบันทึกเป็นภาษาต่างๆ เช่น สันสกฤต จีน กรีก โรมัน และอาราเบียน น้ำมันจากขิงมีสีเหลืองอ่อน และจะเปลี่ยน เป็นสีเหลืองเข้ม กลิ่นจากขิงจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่ร่างกาย ทำให้อารมณ์รู้สึกอบอุ่น สงบ ผ่อนคลาย ความกดดัน ทำให้ การรับรู้และความทรงจำเฉียบแหลม ส่วนที่ใช้ : เหง้าใต้ดิน กลิ่น : เผ็ดร้อน อบอุ่น อารมณ์ : สดชื่นและทำให้อบอุ่น ส่วนประกอบทางเคมี : borneol, citral, cineole, and zingiberene, camphene, limonene, phellandrene, -bisabolene and neral. คุณสมบัติ : ลดอาการซึมเศร้า แก้อาเจียน ขับลม แก้ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ ลดไข้ ขับเหงื่อ สรรพคุณ ระบบหมุนเวียนโลหิต: ทำให้การหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น ระบบย่อยอาหาร: ช่วยในระบบการยอ่ยอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคท้องร่วง อาการจุกเสียด ตะคริว อาหารไม่ย่อย โรคเบื่ออาหาร อาการคลื่นเหียน อาการเมารถ ระบบกล้ามเนื้อ / ข้อต่อ: บรรเทาความเมื่อยล้า และอาการปวดกล้ามเนื้อ โรคปวดตามข้อ เคล็ดขัดยอก ระบบหายใจ: โรคหวัดที่มีน้ำมูกออกมาก หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ โรคไซนัสอักเสบ ข้อพึงระวัง : - อาจเกิดการระคายเคืองสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ดอกซ่อนกลิ่น : Tuberose ชื่อวิทยาศาสตร์ : Polianthes tuberosa Linn. วงศ์ : ZAmaryllidaceae น้ำมันหอมระเหยดอกซ่อนกลิ่นมีลักษณะกลิ่นหอมหวาน ช่วยเพิ่มพลัง กระปรี้กระเปร่า และทำให้จิตใจสงบ ใน แต่ละปีผลิตได้จำนวนน้อยมาก และเป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีราคาสูง นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำหอม ดอก ซ่อนกลิ่นเป็นพืชหัวออกดอกตลอดทั้งปี มีช่อดอกยาวเรียว และใบแคบยาว มีกลิ่นหอมฉุน ปลูกในทวีปอเมริกา ประโยชน์จากน้ำมันและกลิ่นหอมสำหรับผู้ที่สัมผัสกลิ่นไม่เพียงแค่รู้สึกเฉพาะภายนอก แต่รับรู้ได้ถึงภายใน รวมถึง ควบคุมอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ทำให้อารมณ์คงที่ กระปรี้กระเปร่า และทำให้ใจเย็น จิตใจสงบ เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอารมณ์ หงุดหงิด กังวลใจ จิตใจหดหู่ ความเครียดหรือผู้ที่ทำงานหนัก ช่วยให้ผ่อนคลายอารมณ์ และเพิ่มพลังให้กับร่างกาย ทำให้จิตใจอ่อนโยน ส่วนที่ใช้ : ดอก กลิ่น : หอมหวานยวนใจ อารมณ์ : ผ่อนคลาย ส่วนประกอบทางเคมี : Methyl benzoate, methyl anthranilate, benzyl alcohol, butyric acid, eugenol, nerol, farnesol, geraniol. คุณสมบัติ : ลดอาการซึมเศร้า แก้อาเจียน ขับลม แก้ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ ลดไข้ ขับเหงื่อ สรรพคุณ จิตใจ/อารมณ์: ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ และความตึงเครียด ทำให้ใจเย็น จิตใจสงบ นอนหลับง่าย ความหอมอ่อนโยน เย้ายวนใจ เพิ่มความเสน่หา ความสุนทรีย์ของคู่รัก ข้อพึงระวัง : สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยง ขมิ้น :Turmeric ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma longa Linn วงศ์ : Zingiberaceae ขมิ้น เป็นพืชตระกูลเดียวกับขิง ปลูกได้ทุกฤดูกาล มีเปลือกบาง เนื้อในมีสีเหมือนแครอท ต้นบนดิน สูงประมาณ 1 เมตร มีใบสีเขียว ดอกสีเหลือง มีเหง้าใต้ดิน กลิ่นและรสเผ็ด ชาวตะวันออกไม่ใช้แค่ เพียง ประกอบอาหารเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรค ส่วนที่ใช้ : เหง้าใต้ดิน กลิ่น : สดชื่น อารมณ์ : - ส่วนประกอบทางเคมี : sesquiterpenes, turmerone, ar-turmerone, zingiderene conjugate diarylheptanoids. คุณสมบัติ : บรรเทาปวด ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต แก้ท้องผูก กระตุ้นระบบย่อยอาหาร ยากำจัดแมลง สรรพคุณ ระบบย่อยอาหาร: กระตุ้นความอยากอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ ระบบกล้ามเนื้อ / กระดูก: ข้อต่ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ โรคไขข้ออักเสบ ผิวหนัง: รักษาแผล โรคผิวหนัง ข้อพึงระวัง : อาจเกิดการระคายเคือง สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย แฝกหอม : Vetiver Grass, Khus Khus ชื่อวิทยาศาสตร์ : Vetiveria zizanoides วงศ์ : Graminaceae แฝกหอม เป็นพืชตระกูลหญ้า มีลักษณะเป็นกอหนาสูง ใบแคบยาวและปลูกอยู่ตามคันดินรากมีสีน้ำตาล แฝกหอม มีถิ่นกำเนิดที่เอเชีย เขตร้อน มีวิธีการปลูกแฝกหอมหลายวิธี ซึ่งแตกต่างที่เหตุผลของการนำไปใช้ น้ำมัน แฝกหอม สกัดได้จากส่วนรากของแฝก น้ำมันหอมระเหยจากแฝกหอมมีคุณสมบัติในการระเหยช้า เหมาะสำหรับ นำไปผสมเพื่อทำ น้ำมันหอมระเหยชนิดต่างๆ ส่วนที่ใช้ : ราก กลิ่น : ไอดิน และรากไม้ อารมณ์ : อบอุ่น ส่วนประกอบทางเคมี : benzoic acid, vetiverol, furfurol, -vitivone, -etivone, vetivone vetivenyl vetivenate. คุณสมบัติ : ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ฆ่าเชื้อโรค ผ่อนคลายความเครียด สรรพคุณ ระบบกล้ามเนื้อ / ข้อต่อ : บรรเทาอาการข้อต่ออักเสบ จิตใจ / อารมณ์ : บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ช่วยให้นอนหลับง่าย ผ่อนคลายความตึงเครียด ผิวหนัง : สิว ริ้วรอยที่เกิดจากวัย ข้อพึงระวัง : ไม่เป็นพิษ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย ส้มโอ : Pomelo or Grapefruit ชื่อวิทยาศาสตร์ : VCitrus maxima var. racemosa วงศ์ : Rutaceae ส้มโอ เป็นพืชตระกูลเดียวกับมะนาว ส้ม และมีวิตามินซีสูง ซึ่งป้องกันการติดเชื้อ ใช้ในการบำบัดต่างๆ เช่น สิว รอยแผลเป็น ช่วยปรับสภาพผิว เหมาะกับผิวมัน กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม นอกจากนี้ยังช่วยในการ ลดไขมันใต้ผิวหนัง และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ น้ำมันหอมระเหยจากส้มโอ ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำสบู่ เครื่องสำอาง น้ำหอม และใช้ในการทำขนม เครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ ทั้งให้ความหอมและเป็นการเพิ่มรสชาติ ส่วนที่ใช้ : ราก กลิ่น : ไอดิน และรากไม้ อารมณ์ : อบอุ่น ส่วนประกอบทางเคมี : benzoic acid, vetiverol, furfurol, -vitivone, -etivone, vetivone vetivenyl vetivenate. คุณสมบัติ : ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ฆ่าเชื้อโรค ผ่อนคลายความเครียด สรรพคุณ ระบบกล้ามเนื้อ / ข้อต่อ : บรรเทาอาการข้อต่ออักเสบ จิตใจ / อารมณ์ : บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ช่วยให้นอนหลับง่าย ผ่อนคลายความตึงเครียด ผิวหนัง : สิว ริ้วรอยที่เกิดจากวัย ข้อพึงระวัง : ไม่เป็นพิษ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย โหระพา : Sweet Basil ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum Linn วงศ์ : Labiatae โหระพา มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาและเอเชียเขตร้อน ต้น และใบมีกลิ่นหอม มีขนอ่อนปกคลุมใบ และลำต้น ขอบใบ มีลักษณะหยักแบบฟันเลื่อยห่างๆ ออกดอกเป็นชั้นคล้ายฉัตร ดอกสีขาว แดงอ่อน ใช้ส่วนของใบ นำมาสกัด เอาน้ำมัน Volatle Oil นำมาใช้ในการแต่งกลิ่นอาหารและเครื่องหอม ส่วนที่ใช้ : ใบ กลิ่น : กลิ่นสดชื่น, กระปรี้กระเปร่า อารมณ์ : อบอุ่น ส่วนประกอบทางเคมี : aesculitin, butyric acid, chavicol, anethole, eucalyptol, Linalool, eugenal และ limonene. คุณสมบัติ : ลดอาการซึมเศร้า, ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์, บรรเทาอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ, ขับลม, บรรเทาอาการต่างๆ ทางศรีษะ, ช่วยย่อยอาหาร, ขับระดู, ขับเสมหะ, ลดไข้, กระตุ้นการคัดหลั่งน้ำนม, บรรเทาอาการเคร่งเครียด, สร้างภูมิต้านทาน, ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ, บำบัดโรคกระเพาะอาหาร, เพิ่มพละกำลัง สรรพคุณ ผวิหนัง : บรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย, ขับไล่แมลง ระบบหมุนเวียน, กล้ามเนื้อและข้อต่อ : โรคเกาต์, บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, โรคไขข้ออักเสบ ระบบทางเดินหายใจ : บรรเทาอาการ หลอดลมอักเสบ, หวัด, อาการไอ, อาการปวดหู, โรคไซนัสอักเสบ ระบบทางเดินอาหาร : บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย, ท้องอืดท้องเฟ้อ, อาการคลื่นเหียน ระบบภูมิคุ้มกัน : บรรเทาอาการ หวัด, ลดไข้, ไข้หวัดใหญ่, โรคติดต่อ ระบบประสาท : บรรเทาอาการกังวล, ความหดหู่, ความเพลีย, อาการนอนไม่หลับ, ไมเกรน, บรรเทาอาการตึงเครียด การนำมาใช้ในด้านอื่นๆ น้ำมันหอมระเหยโหระพาใช้ทำหัวน้ำหอม, สบู่, ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับช่องปาก ,เครื่องสำอาง และน้ำหอม โหระพาพบบ่อยในการทำอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และกลิ่นหอมช่วยกระตุ้น ให้เกิดความอยาก อาหาร ในการ บำบัดทางอายุรเวทโหระพา หรือเรียกอีกอย่างว่า tulsi, ใช้เป็นยาต้านพิษ ของแมลงสัตว์กัดต่อย และพิษของงู ใช้ในการ ยับยั้งโรคระบาดต่างๆและไข้มาเลเรียในประเทศจีน โหระพาช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน ของโลหิต และระบบทางเดิน อาหาร รวมถึงกระเพาะอาหารและอารมณ์หงุดหงิด อ่านต่อ >> เร่ว : Amomum ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amomum Xanthioides Wall วงศ์ : ZINGIBERACEAE เร่ว เป็นไม้ล้มลุกวงศ์ขิง, ข่า มีเหง้าใต้ดิน มีกาบใบหุ้มช้อนกันคล้ายลำต้น สูงได้ถึง 2 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกก้วาง ปลายแหลม ผิวเกลี้ยงทั้งสองด้าน ขนาดยาว 30-45 ซม. กว้าง 3-7.5 ซม. สีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อเชิงลด แตกจากเหง้าใต้ดินชูขึ้นโผล่พ้นดินขึ้นมา ยาว 2.5-4 ซม. มีดอกย่อยซ่อนอยู่ในกลีบประดับ จำนวน 2-3 ดอก กลีบประดับรูปขอบขนาน ยาว 1.2-2 ซม. ปลายแหลม ผิวเกลี้ยงทั้งสองด้าน กลีบเลี้ยงรูปทรงกระบอก มีจักที่ส่วนปลายกลีบ 3 จัก กลีบดอกมีสีเหลืองอ่อน รูปหลอดยาวประมาณ 2.5 ซม. กว้าง 0.8-1.2 ซม. ส่วนปลายบานออก คล้ายช้อน ปากดอกกว้างประมาณ 1.2 ซม. มีเกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์ ก้านชูเกสรเพศผู้สั้น อับเรณูแยกกันค่อนข้างห่าง รังไข่มี 3 ช่อง หลายออวุล ผลกลม หรือค่อนข้างกลม มีสามพู สีน้ำตาลอ่อน มีขนปกคลุมบางๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. เมื่อแห้งแล้วแตก มีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดกลม หรือค่อนข้างกลม มีรอยตัดเว้า เร่ว มีเขตการกระจายพันธุ์ ในประเทศ ตามป่าดิบแล้ง และป่าดิบขึ้นทั่วทุกภาคของประเทศ โดยฉพาะภาค ตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณจังหวัดจันทบุรี ในต่างประเทศพบที่พม่า, จีนตอนใต้, ประเทศแถบอินโดจีน พิกุล : Bakula Botanical Name: Mimusops elengi Linn. Family: SAPOTACEAE พิกุล มีลำต้นสูงประมาณ 15 เมตร ใบ มีสีเขียว บาง มันวาว มีลักษณะคล้ายรูปไข่ มีความยาวประมาณ 5-15 ซม. มีความกว้างประมาณ 3-7.5 ซม. ใบออกเรียงสลับเวียนกัน ดอก เป็นชนิดดอกเดี่ยว สีขาวปนเหลือง ออกเป็นกระจุก ตามง่ามใบและตามยอด บานเต็มที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 ซม. กลีบรองกลีบดอกเรียวแหลมมี 8 กลีบ เรียงเป็น 2 วง วงละ 4 กลีบ กลีบดอกมี 24 แฉก เรียงเป็น 2 วง วงนอกมี 16 แฉก ปลายชี้ออกในระดับเดียวกัน เป็นรูปดาว วงในมี 8 กลีบ ปลายกลีบโค้งเข้าหากัน เกสรผู้และเกสรเทียมมีอย่างละ 8 อัน เกสรเมียมี 1 อัน รังไข่อยู่เหนือฐานรองดอก รังไข่ มีขนแข็งๆ ปกคลุม ภายในมี 6-8 ช่อง ออกดอกไม่แน่นอน มักออกตลอดปี ส่วนที่ใช้ : ดอก สรรพคุณ ระบบหทางเดินอาหาร : เจ็บคอ, ท้องร่วง, ท้องผูก, แก้โรคพยาธิลำไส้ ระบบอวัยวะสืบพันธุ์ : ในดอกมีน้ำมันหอมระเหย saponin และ alkaloid กานพลู : Clove Botanical Name: Eugenia caryophyllata Family: MYRTACEAE กานพลูเป็นไม้ยืนต้น สูง 5 - 10 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาเป็นระเบียบ ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปวงรีหรือ รูปใบหอก มีจุด ต่อมน้ำมัน กว้าง 2.5 - 4 ซม. ยาว 6 - 10 ซม. ขอบเป็นคลื่น ใบอ่อน สีแดงหรือสีน้ำตาลแดง เนื้อใบบาง ค่อนข้างเหนียว ผิวมัน ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีดแงเข้ม กลีบดอกสีขาว และร่วงง่าย กลีบเลี้ยงและ ฐานดอกสีแดงหนาแข็ง ผลเป็นผลสด รูปไข่ จะเก็บระยะที่ดอกเริ่มเป็นสีแดง ตากแดดจนสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นเฉพาะ และรสเผ็ดร้อน ชอบอากาศร้อน ความชื้นสูง ส่วนที่ใช้ : ดอก กลิ่น : หอม อารมณ์ : สดชื่น ส่วนประกอบทางเคมี : น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากดอกเรียกว่า น้ำมันกานพลู (clove oil) มีส่วนประกอบสำคัญเป็น eugenol เป็นสารของยาชาเฉพาะที่ นอกจากนี้ยังพบ Furfurol, Caryophyllene, Eugenyl Acetate และ Pinene คุณสมบัติ : น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อาการปวดท้องลดลง ขับน้ำดี ทำให้การย่อยอาหาร ดีขึ้น ช่วยลดอาการจุกเสียด ที่เกิดจากการย่อยไม่สมบูรณ์ และสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหารหลายชนิด เช่น เชื้อโรคไทฟอยด์ บิดชนิดไม่มีตัว เป็นต้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้มีการหลั่งเมือก และลดความเป็นกรดใน กระเพาะอาหารด้วย สรรพคุณ ระบบย่อยอาหาร: บรรเทาอาการปวดท้องจากการบีบตัวของลำไส้, ขับน้ำดี, ช่วยย่อยอาหาร, ลดอาการจุกเสียด, ขับลม, ท้องร่วง, อหิวาตกโรค ระบบกล้ามเนื้อ: ระงับอาการกล้ามเนื้อกระตุก, บรรเทาข้อต่ออักเสบ ในช่องปาก: บรรเทาอาการเหงือกอักเสบ, หลอดลม, แผลในปาก, บรรเทาอาการปวดฟัน โดยใช้สำลีชุบน้ำมันอุดฟัน ที่ปวด ระบบกล้ามเนื้อ: ระงับอาการกล้ามเนื้อกระตุก, บรรเทาข้อต่ออักเสบ ตะไคร้หอม : Citronella ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon nardus วงศ์ : Gramineae ใบตะไคร้หอมมีกลิ่นหอม และมีคุณสมบัติ ชึ่งใช้ในการบำบัดโรค เช่น ช่วยลดไข้ ขับถ่ายพยาธิ กระตุ้นการย่อย อาหาร บรรเทาอาการปวดประจำเดือน น้ำมันตะไคร้หอมมีคุณสมบัติในการขับไล่ยุงและแมลง ในประเทศจีนใช้ ตะไคร้หอมในการบำบัดข้ออักเสบ และช่วยบรรเทาอาการหวัด ลดไข้ มีประโยชน์มากที่สุดในการใช้บรรเทาความ อ่อนเพลีย อาการปวดศีรษะ และไมเกรน น้ำมันตะไคร้หอมมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ เป็นที่นิยมแพร่หลายในการทำสบู่ ในอุตสาหกรรมอาหาร ใช้ทำน้ำตะไคร้ และทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนที่ใช้ : ใบ กลิ่น : สดชื่น อารมณ์ : มีชีวิตชีวา ส่วนประกอบทางเคมี : ซิทราเนลลิค (Citronellic), บอร์นีล (Borneol), ซิลทราเนลโล (Citronellol), เจรานอล (Geraniol), เนอรอล (Nerol), ซีทรอล (Citral), ซิลทราเนลลา (Citronellal), แคมฟีน (Camphene), ไดเพนทีน (Dipentene), ไลโมนีน (Limonene) คุณสมบัติ : ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ช่วยระงับกลิ่น ขับไล่แมลง กระตุ้นและบำรุงกำลัง สรรพคุณ การใช้ภายใน: ช่วยลดไข้ บรรเทาอาการต่างๆ เช่น หลอดลมอักเสบ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ กรวยไตอักเสบ โรคหนองใน การนำไปใช้ในสุคนธบำบัด: บรรเทาอาการขับเหงื่อมากเกินปกติ เหมาะกับผิวมัน และช่วยขับไล่แมลง ข้อพึงระวัง : ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวหนังอักเสบ และสตรีมีครรภ์ ข่า: Galanga ชื่อวิทยาศาสตร์: Alpinia galanga SW. วงศ์: Zingiberraceae ข่าเป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นเป็นกอ มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เหง้ามีสีน้ำตาลอมแสด มีเส้นแบ่งข้อเป็นช่วงสั้นๆ เนื้อในเหง้า มีสีขาวรสขมเผ็ดร้อน แต่ไม่เผ็ดเหมือนกับขิง มีกลิ่นหอมฉุน ข่าเป็นพืชใบเดี่ยว ใบยาวปลายใบมนขอบใบเรียบ ก้านใบยาวเป็นกาบหุ้มซ้อนกัน ดอกเป็นช่อสีขาวนวล ผลกลมสีแดงส้ม มีรสเผ็ดร้อน ข่าเป็นพืชพื้นเมืองในเขตร้อน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคเอเชียเขตร้อน ปัจจุบัน ข่าใช้เป็นเครื่องเทศในประเทศไทยและประเทศอินโดนีเซียมากกว่าที่อื่น ประเทศไทยมีการปลูกข่าทั่วไป เพราะข่า ถือเป็นผักสวนครัวอย่างหนึ่ง ส่วนที่ใช้ : เหง้า กลิ่น : หอมฉุน ส่วนประกอบทางเคมี : เหง้าสดมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วยสารเมททิล-ซินนาเมต, ซีนิออล, การบูร และยูจีนอล. คุณสมบัติ : น้ำมันหอมระเหยข่า มีฤทธิ์ขับลม, ลดการบีบตัวของลำไส้, ฆ่าพยาธิและเชื้อโรค, ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และมีสารต้านมะเร็ง, และใช้ไล่แมลงได้ สรรพคุณ ระบบกล้ามเนื้อ/ข้อต่อ: บรรเทาอาการปวดบวมตามข้อ ระบบหายใจ: บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ ระบบย่อยอาหาร: บรรเทาอาการปวดท้อง, ท้องร่วง, ฆ่าเชื้อบิด, ช่วยย่อยอาหาร, บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ผิวหนัง: บรรเทาอาการของโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนและแก้ลมพิษ ช่องปาก: บรรเทาอาการปวดฟัน ยูคาลิปตัส :Eucalyptus ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eucalyptus globules วงศ์ : Myrtaceae ส่วนที่ใช้ : ใบ กลิ่น : สดชื่น อารมณ์ : - ส่วนประกอบทางเคมี : analgesic, antibacterial, antfungal, anti-rheumetic, antiviral, decongestant, expectorant, stimulent. คุณสมบัติ : - สรรพคุณ มะลิลา : Jasmine ชื่อวิทยาศาสตร์: Jasminum Grandiflorum วงศ์: Oleaceae มะลิลาคนทั่วไปรู้จักมากกว่ามะลิซ้อน มีกลิ่นที่หอมหวาน นุ่มนวล ตามประเพณีนิยมใช้มะลิในการบูชาพระ เนื่องจากมีกลิ่นหอม และกลิ่นที่หอมนี้จึงนิยมใช้ในการผลิตเครื่องหอม ส่วนที่ใช้ : ดอก กลิ่น : หอมหวาน นุ่มนวล และอบอุ่น อารมณ์ : ผ่อนคลาย, อ่อนโยน, ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ส่วนประกอบทางเคมี : asmone, benzl acelate, benzl alcohol, indol, linalool, linalyl acetate, phenylacetic acid, methyl jasmonate. คุณสมบัติ : บรรเทาปวด, ต้านอาการซึมเศร้า, ต้านอาการอักเสบ, ต้านอาการคัดหลั่งน้ำนม, ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์, บรรเทาหรือป้องกันการหดเกร็งหรือชักกระตุก, กระตุ้นการกำหนัด สรรพคุณ ระบบทางเดินหายใจ : บรรเทาอาการหวัดน้ำมูกไหลออกมาก และอาการไอ ระบบย่อยอาหาร : ช่วยขับลม จิตใจ / อารมณ์ : ช่วยให้ผ่อนคลาย, ทำให้เบิกบานใจ, หลับง่าย, อบอุ่น และบรรเทาอาการต่างๆ ดังนี้ ความกังวล, ความเฉยเมย, ความหดหู่, ความเหน็ดเหนื่อย, อาการเย็นชา, ความอ่อนแอ, ความเฉื่อยชา, ความกังวลใจ, ความกดดัน, ความตรึงเครียด กล้ามเนื้อ : บรรเทาอาการกล้ามเนื้อกระตุก, เคล็ด, ปวดตามเนื้อตามตัว อวัยวะสืบพันธุ์ : บรรเทาอาการผิดปกติของมดลูก, ภาวะประจำเดือนหมด และปวดประจำเดือน ฮอร์โมน : สร้างความสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง ผิว : สร้างความสมดุลให้กับผิว, ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม, ผิวหนังอักเสบ, ช่วยดูแลสำหรับผิว แห้ง, ผิวไวต่อความรู้สึก, ผิวแพ้ง่าย) มะกรูด: Kaffir Lime ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC. วงศ์ : Rutaceae มะกรูดเป็นสมุนไพรที่คนทั่วโลกรู้จัก ซึ่งเป็นส่วนประกอบในอาหารของทุกชาติรวมถึงเครื่องดื่มและ อุตสาหกรรม ความหอม ผู้ที่ได้สัมผัสกลิ่นจากมะกรูดชวนให้เกิดความอยากอาหาร มะกรูดเจริญเติบโตได้ดีที่สุด ในพื้นที่เขตร้อน ซึ่งมีแสงอาทิตย์เพียงพอ ใบมะกรูด มีประโยชน์ทางด้านยา และทางเอเชียตะวันออกมักใช้ประกอบอาหาร เช่น อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย ใบมะกรูดมีสีเขียวเข้ม มันวาว กลางใบมีแกนกลางแบ่งเป็นสองส่วน ใบมะกรูดเป็นส่วนประกอบในอาหาร ไทยมากมาย เช่น แกง อาหารประเภทยำ ผัดเผ็ด และมีตะไคร้ น้ำมะนาวเป็นส่วนประกอบในต้มยำ ซึ่งเป็นซุปที่มี คุณค่าทางอาหาร อย่างครบถ้วน ส่วนที่ใช้ : ผล กลิ่น : สดชื่น อารมณ์ : กระปรี้กระเปร่า ส่วนประกอบทางเคมี : -pinene, citronellal, terpines-4-ol, citronellol, citronellyl acetate, geranial, geranial acetate, and neral. คุณสมบัติ : ระงับกลิ่น ยับยั้งเชื้อรา กระตุ้นความอยากอาหาร สมานแผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย กล้ามเนื้อกระตุก บรรเทาอาการบวม ฆ่าเชื้อโรค ความดันโลหิตต่ำ สรรพคุณ จิตใจ / อารมณ์ : บรรเทาความหดหู่ ทำให้มีความกระตือรือร้น ระบบย่อยอาหาร : บรรเทาอาการคลื่นเหียน ระบบหายใจ : ช่วยระบบหายใจให้เป็นปกติ ระบบหมุนเวียนโลหิต : ช่วยกระตุ้นระบบการหมุนเวียนโลหิตให้ดีขึ้น จำปี: White Champaka ชื่อวิทยาศาสตร์: Michelia alba DC. วงศ์: Magnoliaceae จำปีเป็นต้นไม้ขนาดเล็กถึงขนาดกลางความสูงประมาณ 10-15 ฟุต ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ กลีบดอกยาวและแคบ สีเหลือง และมีกลิ่นหอมแรง ใช้ทำอุบะ ห้อยชายพวงมาลัย และใช้บูชาพระ ลักษณะกลิ่นหอมหวานจากเสน่ห์ของ ความหอม นี้มักใช้ผสมในน้ำหอม ส่วนที่ใช้ : ดอก กลิ่น : หอมเย็น ส่วนประกอบทางเคมี : alpha-myrcene, (S)-limonene, (R)-fenchone, linalool, camphor, caryophyllene, germacrene D. สรรพคุณ ระบบระบบหัวใจ : มีสรรพคุณทางยาในการนำเอามาบำรุงหัวใจ ร่างกายและจิตใจ : แก้อาการอ่อนเพลียละเหี่ยใจ ระบบการหมุนเวียนโลหิต : ช่วยระบบการหมุนเวียนโลหิตได้ดี Copyright © 2005 NCO-Project.com. All rights reserved (http://www.nco-project.com/thai/images/Project_02.gif) โครงการวิจัยร่วม สมุนไพรไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และสวัสดิการชั้นผู้น้อย (Research and development quality of life for Non Commission Officer Welfare Project) http://www.nco-project.com/about_us.html หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 10-08-2006, 19:16 เด๋วจะอ่านเรื่อยๆๆนะค่ะ ตอนนี้ทำความเข้าใจกับระบบประสาทที่รับความรู้สึกของกลิ่นก่อน
แปลกนะค่ะ เขาบอกว่าเซลล์สมอง สามารถแยกกลิ่นออกได้ 10,000 กลิ่น แต่ในความเป็นจริง เราแยกไมได้ถึงหรอกค่ะ หนูเชื่ออย่างงั้น บางทีเซลล์อาจจะทำหน้าที่รับความรู้สึกแต่ ไม่สารมรถส่งผ่าข้องมูล ให้สมองแยกแยะได้ บางทีนะค่ะ หนูคิดงั้น หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 19:26 เด๋วจะอ่านเรื่อยๆๆนะค่ะ ตอนนี้ทำความเข้าใจกับระบบประสาทที่รับความรู้สึกของกลิ่นก่อน แปลกนะค่ะ เขาบอกว่าเซลล์สมอง สามารถแยกกลิ่นออกได้ 10,000 กลิ่น แต่ในความเป็นจริง เราแยกไมได้ถึงหรอกค่ะ หนูเชื่ออย่างงั้น บางทีเซลล์อาจจะทำหน้าที่รับความรู้สึกแต่ ไม่สารมรถส่งผ่าข้องมูล ให้สมองแยกแยะได้ บางทีนะค่ะ หนูคิดงั้น ที่นั่นกี่โมงแล้วครับ ดูนาฬิกาเทียบเวลา แล้วกดโพสต์ได้เลยครับ... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 19:27 เดี๋ยวมาคุยต่อครับ... :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 20:12 กลิ่นปาก ใครว่าไม่สำคัญ กลิ่นปากหรือปากเหม็น หรือลมหายใจไม่สะอาด หากเกิดขึ้นกับใครก็ทำให้ขาดความมั่นใจ จะปรึกษาใครก็รู้สึกเป็นสิ่งน่าอาย บทความนี้อาจจะช่วยให้ท่านลดกลิ่นปาก ตำแหน่งที่เกิดกลิ่นปากมากที่สุดคือลิ้นเนื่องจากผิวลิ้นหยาบ ดังนั้นหากเกิดกลิ่นปากลองทำความสะอาดลิ้นก่อนเป็นอันดับแรก กลไกการเกิดกลิ่นปาก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในปากตายทำให้เกิดสาร sulfur ออกมาจึงเกิดกลิ่น แบคทีเรียสลายอาหารที่อยู่ในปาก น้ำลายลดลงทำให้เชื้อแบคทีเรีย หรืออาหารไม่ถูกชะล้าง สาเหตุ การไม่ดื่มน้ำหรือไม่รับประทานอาหาร ทำให้แบคทีเรียไม่ถูกชะล้างจึงเกิดกลิ่นปาก โรคฟัน เช่นฟันผุ สุขลักษณะช่องปากไม่ดี มีการขังของเศษอาหารในช่องปาก กลิ่นจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เช่นกาแฟ สุรา หอมใหญ่ กระเทียม พริก บุหรี่ หายใจทางปากเนื่องจากเป็นหวัด โรคระบบทางเดินหายใจ เช่นผีในปอด ไซนัสอักเสบ คออักเสบ เป็นต้น โรคบางชนิดเช่น โรคไต โรคตับ การทดสอบกลิ่นปาก ล้างข้อมือด้วยสบู่ให้สะอาดแล้วล้างน้ำจนสะอาด ใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง เลีย 4 ครั้งหลังจากนั้น 30 นาทีให้ดมว่ามีกลิ่นหรือไม่ การดูแลรักษา ให้รับประทานอาหารครบ 3 มื้อทุกวัน ให้ดื่มน้ำมะนาวซึ่งจะเพิ่มปริมาณน้ำลาย ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอมระหว่างมืออาหาร แปรงฟันหลังอาหารทุกครั้ง และให้แปรงลิ้น ใช้ Dental flossing หากแปรงเสียให้เปลี่ยนแปรง ถ้าอาการไม่ดีภายหลังจากได้ปฏิบัติแล้ว 10 วันให้ปรึกษาทันต์แพทย์ หรือแพทย์ของท่าน By : โดเรมอน Date : 3 Nov 2005 15:17 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 20:14 "รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส" แบบไทยที่ฝรั่งชอบ [Update 15 ก.ค. 2548] ภัทริน ซอโสตถิกุล ด้วยนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย ด้วยการชูจุดขายด้านวัฒนธรรมประเพณีรวมไปถึงฝีมือการออกแบบอันทรงคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ไม่ว่าจะเป็น แฟชั่น ร้านอาหาร สปา และศิลปหัตถกรรม ภูมิปัญญาชาวบ้านในนาม OTOP เป็นต้น ในครั้งนี้ ดิฉันจึงทำการรวบรวมเทรนด์ดีไซน์แบบไทย อันมีเอกลักษณ์ที่เลิศด้วยรสนิยมให้ชาวต่างชาติที่ได้พบเห็นหรือสัมผัสมีความประทับใจไม่รู้ลืม โดยขอนำเสนอผ่าน "รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส" ดังนี้ รูป ด้านสีสัน นิยมสีสันที่ร้อนแรงแบบตะวันออก มี Contrast ที่ค่อนข้างสูง เช่น สีม่วงตัดกับสีส้ม สีเขียวน้ำทะเลตัดกับสี Hot Pink เป็นต้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ งานดีไซน์ที่ Re-image แบรนด์ใหม่ของบริษัทการบินไทย หรืองานดีไซน์คอลเลคชั่นใหม่ของแม่ฟ้าหลวงหรือ Jim Thompson เป็นต้น ด้าน Pattern ยังคงเลือกใช้องค์ประกอบแบบไทย เช่น ลายกนก ลายดอกพิกุล ลายสาน ลายอุบะ เป็นต้น แต่นำมาลดทอนรายละเอียดลงให้ Minimal มากขึ้น คือทอนรายละเอียดเหลือเพียง 10-30 เปอร์เซ็นต์จากลวดลายเดิม โดยยังคงกลิ่นอายของไทยและมีความทันสมัยแบบตะวันตกในขณะเดียวกัน รส อาหารไทย กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ในต่างประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบอเมริกาและยุโรป อาจเนื่องด้วยนโยบายส่งเสริมส่งออกอาหารไทยและนโยลายช่วยเหลือนักลงทุนไทยรายย่อยในต่างแดน ดิฉันคุ้นเคยกับเจ้าของร้านอาหารไทยรายใหญ่ในอเมริกา ทราบว่ารสชาติของอาหารไทยสำหรับฝรั่งในวันนี้ ต่างจากเมื่อก่อนมากนัก คือฝรั่งจะมีความคุ้นเคยกับอาหารไทยมากขึ้น สามารถทานอาหารที่มีรสจัดแทบจะใกล้เคียงกับ คนไทยทีเดียว นอกจากนี้ การสร้างความแตกต่างทางการตลาด อีก ประการหนึ่งที่จะทำได้คือ เทรนด์ไทยประยุกต์หรือ Thai Fusion เช่น พล่าเนื้อแกะ กุ้ง Lobster อบสมุนไพรไทย เป็นต้น กลิ่น กระแส Thai Herb Aromatherapy ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของผู้ประกอบวิชาการชาวไทยทางด้านนี้ คงอยู่ที่ว่าใครจะนำเสนอมูลค่าเพิ่มใน Product ได้ มากกว่ากัน เช่น ดีไซน์ภาชนะที่แตกต่าง หรือ กลิ่นใหม่ในตลาดที่มีคุณสมบัติพิเศษ เป็นต้น เสียง ดนตรีแบบไทยในแนวการฝึกสมาธิ หรือ Meditation ที่ใช้เครื่องเล่นจำนวนน้อยชิ้นและเน้นทำนองธรรมชาติ กำลังมาแรงอยู่ในเทรนด์ แทนแนวดนตรีแบบไทยเดิมที่ปัจจุบัน ไม่ค่อยได้พบในร้านอาหารไทยแนวสมัยใหม่มากนัก สัมผัส Thai Spa เป็นจุดขายทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม สปาที่ฝรั่งนิยมไปจะมี 2 แบบ คือ แบบแรกเป็น Luxurious Spa คือ สปาแบบห้าดาวที่มีการตกแต่งและการบริการชั้นเยี่ยม มีฝีมือการนวนที่ใช้ได้ ชาวต่างชาติยินทีที่จะจ่ายในราคาสูงลิบลิ่ว เพื่อแลกกับThai Experience ที่มีสเนห์และน่าประทับใจ กับอีกสไตล์หนึ่ง คือ Budget Spa เน้นที่ฝีมือการนวดเป็นหลักและราคาถูก ไม่เน้นดีไซน์สถานที่แต่ขอให้สะอาด ส่วนสปาที่อยู่ระดับกลาง ๆ ระหว่างสปา 2 ประเภทนี้ น่าจะเป็นอะไรที่มีจุดขายด้านการตลาดน้อยกว่า และจะลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ค่ะ จาก "รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส" แบบไทยที่ฝรั่งชอบ จะสามารถนำรายได้เข้ามาให้กับชาวไทยได้ เพิ่มมากขึ้นแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการประสานพลังด้านการออกแบบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บวกการตลาดที่แข็งแกร่งทั้งของภาครัฐ องค์กรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ว่าจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์และบริการแบบไทยก้าวขึ้นมาสู่แถวยหน้าของตลาดโลกได้หรือไม่ คงต้องติดตามต่อไปค่ะ www.bangkokbizweek.com/20050703/property/index.php-news=column_18023498.html หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 20:21 ฟังเพลงพร้อมอ่านไปด้วยก็ได้ครับ
http://www.junjan.com/wma/thai/vampires513/10/02.wma .......................................... หรือจะชมวิดีโอ ก็ได้ครับ Tuesday, 09 May 2006 "กลิ่น" เรื่องของ "ก้อย" สาวสวยที่ความสวยของเธอต้องตกอยู่ในมุมอับของชีวิต เนื่องจากการที่เธอมีกลิ่นเท้าที่เหม็นมาก เธอพยายามหลบซ่อนมันไว้ภายใต้รองเท้าหนังหุ้มมิดชิดเพื่อให้กลุ่มเพื่อนไม่หนีห่างจากเธอ แต่แล้วความสุขความเพลิดเพลินก็พาเธอลืมตัวเผลอถอดรองเท้าขึ้นมาในท่ามกลางเพื่อนกลุ่มใหญ่ คราวนี้เธอได้บทเรียนที่ช่วยให้เธอไม่ต้องหลบซ่อนกลิ่นเท้าที่เหม็นอีกต่อไป ส่วนจะคืออะไรมาร่วมกันลุ้นและเรียนรู้ไปด้วยกันกับก้อย โดย ๑) นายปฏิพล ยอดสุรางค์ ๒) น.ส. คัทลียา วิศาลวิทย์ ๓) นายยิ่งยง ปุณโณปถัมภ์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "ผู้ชายเท้าเหม็นเป็นเรื่องธรรมดา พอผู้หญิงเท้าเหม็นกลับเป็นตัวประหลาด" เพื่อนคนหนึ่งไปหอสมุดกลางของจุฬาฯ ถอดรองเท้าออกมาแล้วมันมีกลิ่นจึงจุดประกายนี้ขึ้นมา ผมก็มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เท้าเหม็นเหมือนกัน พูดง่ายๆคือผู้ชายเท้าเหม็นเป็นเรื่องธรรมดา พอผู้หญิงเท้าเหม็นกลับเป็นตัวประหลาด มันเป็นเรื่องของสังคมที่เอาคนหมู่มากตัดสินคนหมู่น้อย อยากให้ปรับใจยอมรับกับสิ่งที่มันควรจะเป็น เหมือนคนที่เป็นเกย์ เป็นกระเทย อย่ากีดกันเขา http://www.aidsaccess.com/07/Movie/sf1.09.wmv Copyright © 2005 Aidsaccess.com All Right Reserved. มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ 48/282 โครงการเซ็นเตอร์เพลส ถนนรามคำแหง (สุขาภิบาล3) สะพานสูง กรุงเทพฯ 10240 โทรศัพท์ 0-2372-2113-4 โทรสาร 0-2372-2116 งานบริการให้คำปรึกษา : 0-2372-2222 accessbk@aidsaccess.com http://www.aidsaccess.com/07/index.php?option=com_content&task=view&id=156&Itemid=48 หมายเหตุ เรื่องเพศที่3ผม(999) ไม่เห็นด้วยครับ ยอมรับ แต่ถือว่า ต้องบำบัดนะคร๊าบ... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 20:29 สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในห้องนอน (แสง เสียง กลิ่น) หมวด : ตกแต่งบ้าน แสงในห้องนอน การจัดแสงสว่างในห้องนอน ควรคำนึงถึง ความสมบูรณ์ ของการใช้สอยด้วย แม้ว่า บรรยากาศ โดยรวมของห้องนอน น่าจะเป็นแสงที่ นุ่มนวล อบอุ่น ชวนให้พักผ่อน โดยอาจติดตั้ง โคมไฟหลุม แบบฝังในฝ้า แต่ก็ต้องจัด โคมไฟ ที่ให้ แสงสว่างเพิ่ม ในจุดที่ต้องการด้วย เช่น ไฟอ่านหนังสือ ที่ หัวเตียง หรือที่โซฟามุมห้อง หรือที่ โต๊ะเครื่องแป้ง และมุมแต่งตัว เป็นต้น หลอดไฟในห้องนอน ควรให้แสงสีนวล จะสบายตากว่า หลอดฟลูออเรสเซนต์ ถ้าต้องการให้ ห้องดูสว่างไสว อย่างนุ่มนวล ก็อาจใช้วิธี ติดโคมไฟเฉพาะจุด ให้สะท้อน จากผนังออกมา ให้แสงสว่างทั้งห้อง ก็ได้ สำหรับผู้ที่ชอบ แสงไฟที่มีสีสรร ก็อาจเลือก ประดับโคมไฟ ที่ให้สีสรร และลำแสง ที่แปลกออกไป แต่ก็ควรคำนึงว่า แสงสีแดง จะให้ความรู้สึก ร้อน รุนแรง และรุกรานได้ ในขณะที่ แสงสีเขียว ก็อาจ ก่อให้เกิด ความรู้สึกอึกอัด หดหู่ เหี่ยวเฉา หรือ สร้างบรรยากาศ ที่น่าสะพรึงกลัว ได้เช่นเดียวกับ แสงสีน้ำเงิน แสงที่มีสีสรร อาจจะดูดี เมื่อส่องไปที่ เฟอร์นิเจอร์ หรือผนังห้องก็จริง แต่มักจะก่อปัญหา ในยามที่แสงนั้น ส่องไปโดนคน เพราะจะเปลี่ยน รูปลักษณ์ของ คนคนนั้นไปจากปกติ ในทันทีที่โดนแสง เสียงในห้องนอน ห้องนอน ควรเป็นห้องที่ เงียบสงัดที่สุด ในบ้าน แม้เมื่อเปิดหน้าต่าง ก็ไม่โดนรบกวน จากเสียงภายนอก มากนัก เพื่อให้ คุณนอนหลับสบาย ได้ตลอดคืน บางคน ชอบที่จะ ตื่นเช้าขึ้นมา พร้อมๆ กับ เสียง นกร้อง หรือไก่ขัน แต่บางคน ก็แทบจะ ทนเสียง เหล่านั้น ไม่ได้เลย ในกรณีที่ อยู่ใน สิ่งแวดล้อมที่ จอแจ ก็อาจจำเป็นต้อง ปิดกระจก และใช้ เครื่องปรับอากาศ บางคนนิยม ติดตั้ง เครื่องเสียง ไว้ในห้องนอน เพื่อเปิดฟัง ในยามพักผ่อน แต่ก็ควร คำนึงถึง ผู้ที่นอนร่วมห้องด้วย อย่าให้เป็นการ รบกวน อีกฝ่ายหนึ่ง ควรสังเกตด้วยว่า ของใช้บางอย่าง ในห้องนอน ก่อให้เกิด เสียงรบกวน ที่น่ารำคาญ จนคุณ นอนหลับไม่เป็นสุข บ้างหรือเปล่า เช่น นาฬิกาหัวเตียง ที่เดินดังเกินปกติ หริอตีบอกเวลา ทุกชั่วโมง หรือเสี้ยวชั่วโมง เตียงนอน หรือที่นอน ที่ส่งเสียง เอี๊ยดอ๊าดทุกครั้ง ที่คุณขยับตัว เครื่องปรับอากาศ ที่ส่งเสียงกระหึ่ม ผิดปกติ หรือมีการสตาร์ท ดังเป็นระยะๆ สิ่งเหล่านี้ แก้ไขได้ และจะช่วยให้ คุณหลับเป็นสุข ยิ่งขึ้น กลิ่นในห้องนอน ห้องนอน ควรอยู่ห่างจาก ห้องครัว เพื่อกันไม่ให้ กลิ่นอาหาร เข้าไปรบกวน ผู้นอน และไปเกาะติด อยู่ตาม ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ขณะเดียวกัน ห้องนอน ที่มี ห้องน้ำในตัว หรืออยู่ติดกับ ห้องน้ำ ก็ควรวางแผน การระบายอากาศ ให้ดี อย่าให้มีกลิ่น ไม่พึงประสงค์ ไปรบกวน ในห้องนอนได้ บางคน ชอบให่มีกลิ่นดอกไม้หอมๆ ในห้องนอน จึงเลือกปลูกต้นไม้ ที่ให้ดอกไม้หอม ไว้ริมหน้าต่าง หรือบนระเบียง บางคนเลือกใช้ กลิ่นหอม ที่ให้ความรู้สึก ผ่อนคลายในยามพักผ่อน ก็อาจใช้ เครื่องหอม ประเภท ดอกไม้แห้งอบหอม หรือน้ำมันหอม ประดับตกแต่ง ไว้ตามมุมต่างๆ ข้อสำคัญก็คือ อย่าให้ห้องนอน มีกลิ่นอับชื้น เป็นอันขาด เพราะจะกดดัน ให้ผู้นอน รู้สึกอึดอัด ถูกบีบคั้น และหลับไม่เป็นสุข ฝันร้ายบ่อยๆ และอาจ ก่อให้เกิด โรคภูมิแพ้ได้ สาเหตุของ กลิ่นอับชื้น อาจจะ มาจาก เครื่องนอนที่ใช้ ผ้าม่าน พรมปูพื้น ไม่สะอาดพอ นอกจากจะต้อง คอยดูแล รักษา ความสะอาดแล้ว ยังต้อง คอยเปิดหน้าต่าง ประตู ระบายอากาศ และเปิด ให้ แสงแดด ส่องเข้ามา อย่างสม่ำเสมอ การเลือกใช้ เครื่องนอน ก็ควรเลือกใช้ ที่มีคุณภาพดี และ ทำความสะอาด ได้บ่อยๆ ที่มา: www.sleepbest.com หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 20:32 กลิ่น lavender กลิ่น Lavender เป็นน้ำมันหอมระเหยได้มาจากส่วนดอกของ ต้นพืชสกุล Lavandula เป็นพืชล้มลุก พบทางยุโรป อเริกา สรรพคุณ ใช้แต่งกลิ่น มีส่วนทำให้ขับลม กลิ่น Lavender เป็นกลิ่นที่อยู่ในน้ำมัน Lavender ได้จากการกลั่นด้วยไอน้ำจากดอก lavender (มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Levendula angustifolia และ Lavendula officinalis) ต้นลาเวนเดอร์ปลูกโดยทั่วไปฝรั่งเศส บัลแกเรีย อังกฤษ และอเมริกา ดอกมีสีม่วง สรรพคุณของน้ำมันลาเวนเดอร์ มีฤทธิ์เป็น antibacterial, anticonvulsive, antidepressant, antiinflammatory, analgesic, antirheumatic, antispasmodic, ในปัจจุบันน้ำมันหอมระเหยจากดอกลาเวนเดอร์นั้นนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอมและนำมาใช้ในแง่ aromatherapy หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 20:54 เกรเดียนท์(Gradient) และอัตรา (Rate)
หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวถึงภูเขาสูงชันมีเกรเดียนท์ของความสูงมาก กระแสลมแรงเพราะมีเกรเดียนท์ของความดันอากาศสูง กลิ่นน้ำหอมกระจายไปทั่วบริเวณจนรู้สึกหอมฉุนเพราะมีเกรเดียนท์ของความเข้มข้นของน้ำหอมสูง ในทางตรงกันข้าม เนินเขาที่มีความลาดชันต่ำย่อมแสดงว่ามีเกรเดียนท์ของความสูงน้อย กระแสลมอ่อน ๆ แสดงว่ามีเกรเดียนท์ของความดันอากาศน้อย และกลิ่นน้ำหอมที่กระจายไปทั่วบริเวณจนรู้สึกหอมจาง ๆ แสดงว่ามีเกรเดียนท์ของความเข้มข้นของน้ำหอมน้อย จากสิ่งที่กล่าวมานี้สามารถนิยามคำว่า เกรเดียนท์ ได้ดังนี้ เกรเดียนท์ของปริมาณใด ๆ คือ อัตราส่วนระหว่างปริมาณที่เปลี่ยนแปลงต่อระยะทางที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อ H = ระดับความสูงของพื้นที่ P = ความดันอากาศ C = ความเข้มข้นของน้ำหอม S = ระยะทาง เกรเดียนท์ที่มีค่าเป็นบวก แสดงว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อระยะทางเพิ่มขึ้น เช่น ความดันอากาศที่กรุงเทพฯ 1,000 มิลลิบาร์ และความดันอากาศที่เชียงใหม่ 1,007 มิลลิบาร์ ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ 700 กิโลเมตร เกรเดียนท์ของความดันอากาศระหว่างกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ คำนวณได้ดังนี้ G.P B-->C = (1007 - 1000) / (700-0) = 7/700 = 1/100 มิลลิบาร์/กิโลเมตร หมายความว่า เกรเดียนท์ของความดันอากาศระหว่างกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่มีค่าเพิ่มขึ้น 1 มิลลิบาร์ ต่อระยะทางที่เพิ่มขึ้น 100 กิโลเมตร ในทางตรงกันข้ามเกรเดียนท์ที่มีค่าเป็นลบ แสดงว่ามีปริมาณลดลงเมื่อระยะทางเพิ่มขึ้น เช่น เกรเดียนท์ของความดันอากาศระหว่างเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ คำนวณได้ดังนี้ G.P C-->B = (1000 - 1007)/(700-0) = -7/700 = -1/100 มิลลิบาร์/กิโลเมตร หมายความว่า เกรเดียนท์ของความดันอากาศระหว่างเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ มีค่าลดลง 1 มิลลิบาร์ต่อระยะทางที่เพิ่มขึ้น 100 กิโลเมตร ในกรณีเกรเดียนท์ของระดับความสูง ก็เช่นเดียวกันกับเกรเดียนท์ของความดันอากาศ เกรเดียนท์จากระดับความสูงที่สูงมากลงมายังระดับความสูงที่น้อยกว่าจะมีค่าติดลบ ซึ่งในทางตรงกันข้ามเกรเดียนท์จากระดับความสูงน้อยขึ้นไปยังระดับความสูงที่สูงกว่าจะมีค่าเป็นบวก เกรเดียนท์ของความเข้มข้นของน้ำหอมเป็นบวกเมื่อคิดจากบริเวณที่มีกลิ่นหอมน้อยไปยังบริเวณที่มีกลิ่นหอมมาก และเกรเดียนท์ของความเข้มข้นของน้ำหอมมีค่าติดลบเมื่อคิดจากบริเวณที่มีกลิ่นหอมมากไปยังบริเวณที่มีกลิ่นหอมน้อยกว่า เกรเดียนท์ของปริมาณใด ๆ ต่อระยะทางที่เพิ่มขึ้นสั้นมาก ๆ จนเกือบเป็นจุด เรียกว่า อนุพันธ์เทียบกับระยะทาง (Derivative with respect to distance) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของปริมาณใด ๆ ณ ตำแหน่งนั้นต่อระยะทางที่เปลี่ยนแปลงไปสั้นมากจนเกือบเป็นจุด ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณใด ๆ ต่อเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป กรณีนี้จะไม่เรียกว่า เกรเดียนท์ แต่เรียกว่า อัตรา (Rate) เช่น การเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ โดยรถยนต์จะใช้เวลา 7 ชั่วโมง อัตราการเปลี่ยนแปลงระยะทางต่อเวลา (S2-S1) / (t2-t1) = (700-0)/(7-0) = 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงระยะทางที่เป็นช่วงยาวไม่เป็นจุด เช่นเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงเวลาที่เป็นช่วงยาวถึง 7 ชั่วโมง มิใช่การเปลี่ยนแปลงที่เวลาใดๆ จึงเรียกว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงระยะทางต่อเวลาของการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่นี้ว่าอัตราเร็วเฉลี่ย อัตราการเพิ่มขึ้นของความดันอากาศที่เชียงใหม่เพิ่มขึ้นจาก 1,0007 มิลลิบาร์ เป็น 1,021 มิลลิบาร์ ตั้งแต่เวลา 19:00 นาฬิกา ถึงเวลา 21: 30 นาฬิกา หมายถึง อัตราเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นของความดันอากาศที่จังหวัดเชียงใหม่ = (1,021 - 1,007) / (21:30 - 19:00) = 14 มิลลิบาร์ / 3.5 ชั่วโมง หรือเท่ากับ 4 มิลลิบาร์ต่อชั่วโมง ในกรณีนี้เป็นการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย เนื่องจากในช่วงแรกอาจมีการเพิ่มขึ้นมากแล้ว เพิ่มขึ้นน้อยลงในช่วงหลัง หรืออาจมีการเพิ่มขึ้นเท่ากันตลอดเวลา หรือมีการเพิ่มขึ้นในช่วงแรกน้อย แต่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังมากก็ได้ ถ้าต้องการทราบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงปริมาณใดๆ ขณะนั้นเป็นเท่าใด ช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปจะต้องสั้นมากจนเกือบเป็นศูนย์ เรียกการเปลี่ยนแปลงเทียบกับเวลาที่สั้นมากนี้ว่า อนุพันธ์เทียบกับเวลา (derivative with respect to time) การเปลี่ยนแปลงของปริมาณใดๆ เฉพาะตำแหน่งที่กำหนด เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงน้อยมาก เรียกว่า อนุพันธ์เทียบกับเวลาหรืออัตราการเปลี่ยนแปลงปริมาณตามเวลา ณ ตำแหน่งที่กำหนด การเปลี่ยนแปลงของปริมาณใดๆ เฉพาะเวลาที่กำหนดเมื่อตำแหน่งเปลี่ยนแปลงน้อยมาก เรียกว่า อนุพันธ์เทียบกับระยะทางหรือเกรเดียนท์ของการเปลี่ยนแปลงปริมาณจามระยะทาง ณ เวลาที่กำหนด -------------------------------------------------------------------------------- ที่มา: เอกสารประกอบการสอน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2542, วิชาบูรณาการ หมวดการศึกษาทั่วไป รหัสวิชา 999211 คณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน http://www.school.net.th/library/snet2/knowledge_math/gradrate/gradrate.htm ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- วิธีการกำจัดกลิ่นด้วยอีเอ็ม EM กำจัดกลิ่นได้อย่างหมดจด โดยไม่มีสารตกค้าง อีเอ็มจะกำจัดกลิ่นหรือดับกลิ่นได้แทบทุกชนิด ยกเว้นกลิ่นที่เกิดจากสารเคมี ( อีเอ็มไม่สามารถย่อยสลายสารเคมีได้ ) ดังนั้นการใช้อีเอ็มกำจัดกลิ่นจึงไม่ควรใช้ร่วมกับสารเคมีใดๆ เพราะจะทำให้อีเอ็มตายหรือเสื่อมสลายไปได้ จุลินทรีย์อีเอ็มเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่มีประโยชน์ต่อทั้งพืชและสัตว์รวมไปถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย 100% ไม่มีอันตรายใดๆต่อพืชและสัตว์ทุกชนิด ไม่มีสารเคมีเจือปน อีเอ็มไม่ต้องการอากาศ ดังนั้นหลังการใช้อีเอ็มทุกๆครั้งต้องรีบปิดฝาให้สนิททันที ใช้ในแต่ละครั้งพอประมาณตามที่ต้องการ และส่วนที่นำออกมาใช้งานควรใช้ให้หมดในคราวเดียวกัน การเก็บอีเอ็มควรเก็บให้ห่างจากแสงแดด อุณหภูมิที่ 30 45 องศาเซลเซียส กรณีอีเอ็มบรรจุอยู่ในขวดและทำให้ขวดบรรจุบวม ( ก๊าซที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาของอีเอ็ม ) วิธีแก้ไขคือคลายฝาขวดเล็กน้อย เพื่อระบายก๊าซออก เสร็จแล้วให้หมุนกลับทันที ( ปิดฝาขวด ) วิธีการใช้อีเอ็มกำจัดกลิ่นเน่าเสีย กลิ่นเหม็น กลิ่นคาว กลิ่นสาบ ฯลฯ จากสิ่งปฏิกูลต่างๆ 1 ) จากมูลสัตว์ กลิ่นปัสสาวะจากฟาร์มสัตว์เลี้ยง เช่น ฟาร์มสุนัข ฟาร์มสุกร ฟาร์มโคกระบือ ฯลฯ วิธีการ : การใช้ในครั้งแรก นำ EM สดแบบเพียวๆโดยไม่ผสมน้ำ เทลงในบัวรดน้ำ ( บัวรดน้ำต้นไม้ ) หรือถังสำหรับฉีดพ่นต่างๆ แต่ต้องล้างให้สะอาดก่อน ระวังอย่าให้มีสารเคมีตกค้าง ( เพราะจะไปทำลายอีเอ็ม ) หลังจากนั้นก็นำอีเอ็มไปรดหรือฉีดพ่นลงบนพื้นที่มีมูลสัตว์หรือบริเวณที่มีกลิ่นเน่าเหม็น กรณีที่มูลสัตว์เพิ่มขึ้นทุกๆวันหรือมีสิ่งปฏิกูลเพิ่มขึ้นทุกวันในปริมาณที่มากก็ควรใช้อีเอ็มรดทุกวัน แต่ถ้าปริมาณสิ่งปฏิกูลและกลิ่นมีไม่มาก ใช้อีเอ็มรด 3-4 วันหรืออาทิตย์ละครั้งก็ได้ แล้วแต่ปัญหาของแต่ละท่าน การใช้ในครั้งที่สองและครั้งต่อๆไป ให้นำอีเอ็มผสมกับน้ำ อัตราส่วน 1 : 1 ( กรณีต้องการเข้มข้นสูง ) หรือ 1 : 5 หรือ 1 : 10 , 20 , 30 ตามความต้องการ ถ้ากลิ่นแรงก็อาจใช้ความเข้มข้นสูง 1 : 1 หรือ 1 : 5 เป็นต้น ถ้ากลิ่นไม่แรงมากนักก็อาจใช้ความเข้มข้นน้อยลง 1 : 50 หรือ 1 : 100 ก็ได้ การใช้อีเอ็มใช้บ่อยได้ตามความต้องการ ไม่มีอันตรายใดๆต่อพืชและสัตว์ ช่วยทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น 2 ) จากบ่อเกรอะ ส้วม ห้องน้ำ ตามบ้านที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนี่ยม โรงพยาบาล โรงแรม ฯลฯ ใช้อีเอ็มสดไม่ผสมน้ำเทลงในบ่อเกรอะ / โถส้วม / ท่อน้ำทิ้ง โดยใช้อีเอ็ม 1 ลิตรต่อสิ่งปฏิกูลขนาด 1000 ลูกบาศก์ กรณีคอนโดมิเนี่ยม โรงแรม โรงพยาบาล ซึ่งมีปริมาณสิ่งสกปรกมากอาจใช้ความเข้มข้นเพิ่มขึ้น ใชบ่อยได้ตามความต้องการ 3 ) จากตลาดสด ร้านอาหาร ซึ่งตลาดสดและร้านอาหารจะมีเศษพืชผักและไขมันสัตว์ทับถมกันเกิดการเน่าเสียทำให้ส่งกลิ่นไปทั่วบริเวณ การใช้อีเอ็มกำจัดกลิ่นเหล่านี้ รดหรือราดอีเอ็มสดไม่ผสมน้ำลงในบ่อหรือหลุมที่รวมเศษอาหารหรือตะแกงดักไขมัน การใช้อีเอ็มกับท่อที่ไขมันอุดตันก็ทำเช่นเดียวกัน โดยการเทราดอีเอ็มลงในท่อที่อุดตันแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้อีเอ็มย่อยสลายไขมันตามธรรมชาติ ข้อควรระวังคือห้ามใช้อีเอ็มร่วมกับสารเคมีเด็ดขาด http://www.bangkokshow.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=347588 อีเอ็ม ( EM ) คืออะไร? คำว่า EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิงะ นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น เริ่มค้นคว้าทดลองตั้งแต่ปี พ.ศ 2510 และค้นพบ EM เมื่อ พ.ศ. 2526 จากการค้นคว้าพบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ว่ามี 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพ มีประมาณ 10 % 2. กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10 % 3. กลุ่มเป็นกลาง มีประมาณ 80 % จุลินทรีย์กลุ่มนี้หากกลุ่มใด มีจำนวนมากกว่ากลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือร่วมด้วย ดังนั้น การเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพลงในดิน ก็เพื่อให้กลุ่มสร้างสรรค์มีจำนวนมากกว่า ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับมีพลังขึ้นมาอีกหลังจากที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีจนดินตายไป จุลินทรีย์มี 2 ประเภท 1. ประเภทต้องการอากาศ (Aerobic Bacteria) 2. ประเภทไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic Bacteria) จุลินทรีย์ทั้ง 2 กลุ่มนี้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และสามารถอยู่ร่วมกันได้ จากการค้นคว้าดังกล่าว ได้มีการนำเอาจุลินทรีย์ที่ได้รับการคัดและเลือกสรรอย่างดีจากธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อม มารวมกัน 5 กลุ่ม (Families) 10 จีนัส (Genues) 80 ชนิด (Spicies) ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกเชื้อราที่มีเส้นใย (Filamentous fungi) ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำงานได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจน มีคุณสมบัติต้านทานความร้อนได้ดี ปกติใช้เป็นหัวเชื้อผลิตเหล้า ผลิตปุ๋ยหมัก ฯลฯ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสังเคราะห์แสง (Photosynthetic microorganisms) ทำหน้าที่สังเคราะห์สารอินทรีย์ให้แก่ดิน เช่น ไนโตรเจน (N2) กรดอะมิโน (Amino acids) น้ำตาล (Sugar) วิตามิน (Vitamins) ฮอร์โมน (Hormones) และอื่นๆ เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ดิน กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมัก (Zynogumic or Fermented microorganisms) ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นให้ดินต้านทานโรค (Diseases resistant) เข้าสู่วงจรการย่อยสลายได้ดี ช่วยลดการ พังทลายของดิน ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืชบางชนิด สามารถบำบัดมลพิษในน้ำเสียที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษต่างๆ ได้ กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกตรึงไนโตรเจน (Nitrogen fixing microorganisms) มีทั้งพวกที่เป็นสาหร่าย (Algae) และพวกแบคทีเรีย (Bacteria) ทำหน้าที่ตรึงก๊าซไนโตรเจนจากอากาศเพื่อให้ดินผลิตสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต เช่น โปรตีน (Protein) กรดอินทรีย์ (Organic acids) กรดไขมัน (Fatty acids) แป้ง (Starch or Carbohydrates) ฮอร์โมน(Hormones) วิตามิน (Vitamins) ฯลฯ กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์พวกสร้างกรดแลคติก (Lactic acids) มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อรา และแบคทีเรียที่เป็นโทษ ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศหายใจ ทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพดินเน่าเปื่อย หรือดินก่อโรคให้เป็นดินที่ต้านทานโรค ช่วยลดจำนวนจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืชที่มีจำนวนนับแสน หรือให้หมดไป นอกจากนี้ยังช่วยย่อยสลายเปลือกเมล็ดพันธุ์พืช ช่วยให้เมล็ดงอกได้ดีและแข็งแรงกว่าปกติอีกด้วย ลักษณะทั่วไปของ EM EM เป็นจุลินทรีย์ กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มที่มีประโยชน์ หรือ เรียกว่ากลุ่มธรรมะ ดังนั้น เวลาจะใช้ EM ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอว่า EM เป็น สิ่งมีชีวิต การดูแลเก็บรักษา 1. หัวเชื้อ EM สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 ปี โดยปิดฝา ให้สนิท 2. อย่าทิ้ง EM ไว้กลางแดด และ อย่าเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิปกติ 3. ทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ต้องรีบปิดฝาให้สนิท เพื่อไม่ให้เชื้อโรค หรือจุลินทรีย์ในอากาศที่เป็นโทษ เข้าไปปะปน 4. การนำ EM ไปขยายต่อ ควรใช้ภาชนะที่สะอาด และใช้ให้หมดในระยะเวลาที่เหมาะสม ข้อสังเกตพิเศษ หาก EM เปลี่ยนเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็นเน่า ถือว่า EM ตาย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ให้นำ EM ที่เสียผสมน้ำรดกำจัดหญ้าและวัชพืชที่ไม่ต้องการได้ กรณีเก็บไว้นานๆ จะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ แสดงว่า EM พักตัว เมื่อเขย่าภาชนะ ฝ้าสีขาวจะสลายตัว กลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิมนำไปใช้ได้ เมื่อนำไปขยายเชื้อในน้ำและกากน้ำตาล จะมีกลิ่นหอมและ เป็นฟองขาวๆ ภายใน 2-3 วัน ถ้าไม่มีฟอง น้ำนิ่งสนิทแสดงว่าการหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล จุลินทรีย์ EM มีประโยชน์อย่างไร การใช้จุลินทรีย์สด หรือ EM สด หมายถึงการใช้จุลินทรีย์ EM จากโรงงานผลิต หรือ ผู้จำหน่ายที่ยังไม่ได้ทำการแปรสภาพ วิธีใช้และประโยชน์ EM สด 1.ใช้กับพืช (ปุ๋ยน้ำ) ผสมน้ำในอัตรา 1 : 1000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร) ใช้ ฉีด พ่น รด ราด พืชต่างๆ ให้ทั่วจากดิน ลำต้น กิ่ง ใบ และนอกทรงพุ่ม พืช ผัก ฉีด พ่น รด ราด ทุก 3 วัน ไม้ดอก ไม้ประดับ เดือนละ 1 ครั้ง การใช้จุลินทรีย์สด ในดิน ควรมีอินทรีย์วัตถุปกคลุมด้วย เช่น ฟางแห้ง ใบไม้แห้ง ฯลฯ เพื่อรักษาความชื้นและเป็นอาหารของจุลินทรีย์ต่อไป 2. ใช้ในการทำ EM ขยาย ปุ๋ยแห้ง 3. ใช้กับสัตว์ (ไม่ต้องผสมกากน้ำตาล) ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ให้สัตว์กินทำให้ แข็งแรง ผสม EM 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร ใช้พ่นคอกให้สะอาดกำจัดกลิ่น หากสัตว์เป็นโรคทางเดินอาหารให้กิน EM สด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับอาหารให้สัตว์กิน ฯลฯ 4. ใช้กับสิ่งแวดล้อม ใส่ห้องน้ำ - ห้องส้วม ในโถส้วมทุกวันๆ ละ 1 ช้อนโต๊ะ (หรือ สัปดาห์ละ 1/2 แก้ว) ช่วยให้เกิดการย่อยสลาย ไม่มีกาก ทำให้ส้วมไม่เต็ม กำจัดกลิ่น ด้วยการผสมน้ำและกากน้ำตาล ในอัตราส่วน 1 : 1 : 1,000 (EM 1 ช้อนโต๊ะ : กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 1 ลิตร) ฉีด พ่น ทุก 3 วัน บำบัดน้ำเสีย 1 : 10,000 หรือ EM 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 200 ลิตร ใช้กำจัดเศษอาหาร หรือ ทำปุ๋ยน้ำจากเศษอาหาร แก้ไขท่ออุดตัน EM 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ 5-7 วัน / ครั้ง ฉีดพ่นปรับอากาศในครัวเรือน กำจัดกลิ่นในแหล่งน้ำ วิธีใช้และประโยชน์ EM ขยาย 1. ใช้กับพืชเหมือน EM สด 2. ใช้กับสัตว์ o ผสม น้ำ 1 : 100 ฉีดพ่นคอก กำจัดแมลงรบกวน o ผสม น้ำ 1 : 1,000 ล้างคอก กำจัดกลิ่น o ผสม น้ำ ในอัตรา : 1 : 500 หรือ 2 ช้อนโต๊ะ : น้ำ 10 ลิตร เพื่อหมักหญ้าแห้ง ฟางแห้ง เป็นอาหารสัตว์ 3. ใช้ทำปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยแห้ง เหมือนใช้ EM สด 4. ใช้กับสิ่งแวดล้อม เหมือนใช้ EM สด การเก็บรักษาจุลินทรีย์ EM จุลินทรีย์ EM สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน 1 ปี อย่างน้อย 6 เดือน ในอุณหภูมิปกติ ไม่เกิน 45-50 องศาเซลเซียลโดยปิดฝาให้สนิท อย่าให้มีอากาศเข้า และอย่าเก็บไว้ในตู้เย็น ทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ต้องรีบปิดฝาให้สนิท การนำจุลินทรีย์ EM ไปขยายต่อ ควรใช้ภาชนะที่สะอาด และใช้ให้หมดภายในเวลาที่เหมาะสม การเก็บไว้หลายๆ วัน โดยไม่มีการเคลื่อนไหว ในภาชนะจะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ นั่นคือการทำงานของจุลินทรีย์ที่ฟักตัว เมื่อเขย่าแล้วทิ้งไว้ชั่วขณะ ฝ้าขาวจะสลายตัวกลับไปอยู่ในจุลินทรีย์เหมือนเดิม เมื่อนำไปขยายเชื้อในน้ำและกากน้ำตาล จุลินทรีย์จะมีกลิ่นหอมและเป็นฟองขาวๆ ภายใน 2-3 วัน ถ้าไม่มีฟองดังกล่าวแสดงว่า การหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล จุลินทรีย์ EM ที่นำไปขยายเชื้อแล้ว ควรใช้ภายใน 7 วันหลังจากหมักได้ที่แล้ว ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพที่อาจเกิดจากความไม่สะอาดของภาชนะ และสิ่งสกปรกแปลกปลอมจากอากาศ เพราะจุลินทรีย์ส่วนใหญ่ไม่ต้องการอากาศ ถ้าใช้ไม่หมดภายใน 3 วัน ต้องปิดฝาให้สนิทด้วยพลาสติก เพื่อไม่ให้อากาศเข้า ก่อนใช้ทุกครั้งต้องตรวจดูก่อนว่ายังมีกลิ่นหอมอมเปรี้ยว อมหวานหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่ายังใช้ได้ การประยุกต์ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปัจจุบัน EM ได้รับความนิยมขยายไปสู่ชาวโลก เนื่องจากเป็นจุลินทรีย์ที่ไม่มีพิษภัย มีแต่ประโยชน์ ถ้าสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และมุ่งเน้นการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้การขยายการใช้ EM ไป สู่เกษตรกรและองค์กรทั่วโลกแล้วกว่า 30 ประเทศ อาทิ International Nature Farming Reserch Center Movement (INFRC) JAPAN, EM Research Orgnization (EMRO) JAPAN, International Federation of Agriculture Movement (IFOAM) GERMANY เป็นต้น และ California Certified Organics Farmers ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเกษตรธรรมชาติได้ให้คำรับรองเมื่อ คศ.1993 ว่าเป็นวัสดุประเภทจุลินทรีย์ (Microbial Innoculant) ที่ปลอดภัยและได้ผลจริง 100 % สำหรับในประเทศไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้นำไปวิเคราะห์แล้วรับรองว่าจุลินทรีย์ EM ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ จึงสามารถนำ EM ไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการ http://www.bangkokshow.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=346390 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ชีวิตหลังความตาย ภาค 2 ตอน กลิ่น หลังความตาย โดย Uncle fat 31 สิงหาคม 2548 09:14 น. หลังจากสร้างความฮือฮาและก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย กับการเสวนาเรื่อง ชีวิตหลังตาย : ชีวิตใหม่ที่ต้องเตรียมตัว กับแนวความคิดของ ดร.สนอง วรอุไร อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทพิสูจน์เรื่อง ผี และ เทวดา มาคราวนี้ โครงการผู้จัดการสุขภาพก็ได้หยิบยกเรื่องนี้มาเสวนากันอีกครั้ง ในงานอุทยานอนุรักษ์สุขภาพ ครั้งที่ 14 ณ บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม และใช้ชื่องานว่า ชีวิตหลังตาย : ชีวิตใหม่ที่ต้องเตรียมตัว (ตอนที่ 2) ทั้งนี้ โดยมี รศ.ดร.อาภรณ์ เชื้อประไพศิลป์ อาจารย์มหาวิทยาสงขลานครินทร์ ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาให้ความรู้ ชีวิตหลังความตาย ภาค 2 จะแตกต่างจากภาคแรกอย่างไร ต้องติดตาม.... (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=373299) รศ.ดร.อาภรณ์ เชื้อประไพศิลป์ จาก ม.สงขลานครินทร์ รศ.ดร.อาภรณ์ อธิบายให้ฟังว่า ชีวิตที่จะเกิดใหม่จะเกิด ดี หรือ ไม่ดี นั้นขึ้นอยู่สภาพชีวิตก่อนตายว่าเป็นอย่างไร รวมทั้งระหว่างที่มีชีวิตทำบุญหรือบาปไว้มากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ก่อนที่วิญญาณจะออกจากร่าง หากคนคนนั้นยังมีความรู้สึกโกรธ เมื่อเกิดใหม่เขาจะมีอารมณ์เศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา ทว่า ถ้าคนก่อนตายมีจิตใจผ่องใส ร่าเริง อารมณ์ดี เมื่อเกิดในภพใหม่จะมีร่างกายผิวพรรณผ่องใส เพราะฉะนั้นหากสังเกตจะพบได้ว่าใบหน้าของแต่ละคนสามารถบ่งบอกถึงความสุขความทุกข์ได้ทางสีหน้าและแววตา หน้าตาที่บ่งบอกถึงความผ่องใส ถ้าจะเปรียบเทียบกับเทวดา ซึ่งเทวดาจะมีหลายระดับชั้น โดยดูจากรัศมีที่เปล่งประกายออกจากเทวดา ก็เหมือนมนุษย์เรายังมีคนหลากหลายระดับมีทั้งระดับสูง กลาง และต่ำ แล้วมนุษย์ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับกลาง ซึ่งก็คือพวกเรานี่แหละ ในประเด็นนี้ รศ.ดร.อาภรณ์ขยายความเพิ่มเติมว่า ความเชื่อนี้เกิดจากการที่ตนเองนั่งวิปัสสนากรรมฐาน พร้อมกันนี้ยังได้ศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมตัวตาย โดยมีผลการศึกษาวิจัยของนักศึกษาปริญญาเอกยืนยัน โดยมีเรื่องเล่าในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่ามีคุณหมอที่เสียชีวิตประมาณ 7 วัน มาตรวจคนไข้ตอนตี 2 ซึ่งคุณหมอมีจิตผูกพัน ความกังวลว่าจะต้องมาตรวจอาการคนไข้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลหลายแห่งจะมีการทำบุญห้อง ICU เนื่องเพราะห้องที่มีคนไข้เสียชีวิตจำนวนมากแล้ววิญญาณของพวกเขายังวนเวียนอยู่ในห้องนั้น จึงทำให้คนไข้บางรายบอกว่ามีคนมาดึงขาดึงแขนหรือปลุกให้ตื่น รศ.ดร.อาภรณ์ ให้คำแนะนำด้วยว่า ทุกคนควรเตรียมตัวตายเสียแต่เนิ่นๆ รวมทั้งญาติที่กำลังจะตายด้วย โดยก่อนตายควรไหว้พระ ตั้งสติ มีสมาธิ และมีจิตใจดีงามคิดแต่เรื่องดีๆ พร้อมปล่อยวางอย่าเก็บเรื่องหนักๆ หรือหวงสมบัตินอกกาย หากมัวแต่หวงสมบัติคิดว่าบ้านที่ดินเป็นของเรา เวลาตายไปเราอาจไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์แต่อาจเกิดเป็นเทวดาเจ้าที่คอยดูแลสมบัติ วาระสุดท้ายของชีวิตญาติพี่น้องควรไปให้กำลังใจโดยเลือกพูดคุยเรื่องที่ประทับใจในอดีตเพื่อระลึกถึงความทรงจำดีๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถร่วมพูดคุยได้ แต่เขาสัมผัสได้ หรือแสดงความรักด้วยการสัมผัสมือ กุมมือไว้โดยไม่ต้องพูดแต่ผู้ป่วยจะมีสัมผัสหนึ่งจะรู้ว่าคุยอะไรกับเขาบ้าง ส่วนเรื่องที่ญาติไม่ทำก็คือร้องไห้ฟูมฟาย พูดเรื่องที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สบายใจ เพราะเขาจะไปอย่างไม่สงบ ยกตัวอย่างเช่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ดิฉันไปเยี่ยมคนไข้วัย 90 กว่าปี ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ดิฉันถามก็ได้ความว่าผู้ป่วยมีความศรัทธาหลวงปู่ทวด จึงแนะนำญาติให้นำพระพุทธรูปหลงปู่ทวดมาตั้งบูชาไว้หัวเตียง คนไข้มีความสุข และก่อนจะสิ้นใจมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส (http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=373298) ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้าน ผศ.ดร.บรรจบ กล่าวเสริมว่า การเกิดการตายเป็นเรื่องที่ทุกศาสนาสอน แต่ศาสนาพุทธจะสอนให้คนทำความดี เพราะการตายส่งผลต่อการเกิดว่า จะได้เกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ หรือจะเกิดเป็นอะไรในภพหน้า วิญญาณของผู้ตายจะเห็นร่างเดิมและเห็นญาติพี่น้อง เพียงแต่ญาติไม่เห็นเขา เขาจึงมาในรูปของกลิ่น แล้วกลิ่นยังบ่งบอกด้วยว่าเขาจะไปอยู่ภพไหน อย่างกลิ่นดอกไม้ จะเกิดเป็นเทพ กลิ่นธูปเทียน เกิดเป็นเทวดา และกลิ่นเหม็น จะเป็นเปรตหรืออยู่ในนรกนอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า ถ้าลูกตายก่อนพ่อแม่ หรือคนที่ฆ่าตัวตาย และประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต มีความเชื่อว่าไม่ควรนำกระดูกไว้ในบ้านให้นำไว้ที่วัด เพราะว่าเป็นการตายที่ไม่เป็นธรรมชาติผศ.ดรบรรจบให้ข้อมูลทิ้งท้าย ....และทั้งหมดนั้นคือ ส่วนหนึ่งขององค์ความรู้ที่นำมาเสนอให้ได้รับทราบ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่อย่างไร เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะตัดสินใจ http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9480000117759 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ความเชื่อและคำสอนทางพุทธศาสนา จิตตสังเขป โดย สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บทที่ ๙ จิต ๘๙ ดวงซึ่งต่างกันนั้น จำแนกโดยประเภทของภูมิคือระดับขั้นของจิตเป็น ๔ ภูมิ คือ กามาวจรภูมิ ๑ รูปาวจรภูมิ ๑ อรูปาวจรภูมิ ๑ โลกุตตรภูมิ ๑ จิตที่เป็นกามาวจรภูมิ ได้แก่ กามาวจรจิต ๕๔ ดวงในอัฏฐสาลินี จิตตุปปาทกัณฑ์ อธิบายความหมายของกามาวจรจิต ๔ นัย มีข้อความว่า นัยที่ ๑ บทว่า กามาวจร ได้แก่จิต อันนับเนื่องในกามาวจรธรรมทั้งหลาย คือ เป็นจิตที่อยู่ในขั้นของกาม (คำเต็ม คือ กามาวจร แต่ตัดบทหลังออกเหลือเพียงกามเท่านั้นได้) โดยท่องเที่ยวอยู่ในกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จึงเป็นจิตขั้นกาม เป็นกามาวจรจิต ทุกขณะในชีวิตประจำวันเป็นกามาวจรจิต เมื่อไม่ใช่จิตระดับอื่นที่ละเอียดกว่า ประณีตกว่าขั้นกาม เมื่อใดที่อบรมเจริญกุศล จิตที่สงบขึ้นโดยมีรูปเป็นอารมณ์ จนจิตสงบมั่นคงขึ้นถึงขั้นอัปปนาสมาธิ เป็นฌานจิตที่มีรูปเป็นอารมณ์ ขณะนั้นก็เป็นรูปาวจรภูมิหรือรูปวจรจิต พ้นจากระดับของกาม และเมื่อจิตสงบมั่นคงกว่าขั้นนั้นอีก โดยเป็นจิตที่สงบแนบแน่นในอารมณ์ที่พ้นจากรูปก็เป็นอรูปวจรจิต และจิตที่ละเอียดประณีตกว่าอรูปาวจรจิต คือ โลกุตตรจิตซึ่งประจักษ์แจ้งลักษณะของนิพพานจึงเป็นโลกุตตรภูมิ ฉะนั้น จิตที่ต่างกันโดยภูมิ คือ จิต ๘๙ ดวง จำแนกเป็น กามาวจรจิต ๕๔ ดวง รูปาวจรจิต ๑๕ ดวง อรูปาวจรจิต ๑๒ ดวง โลกุตตรจิต ๘ ดวง ขณะใดที่ไม่ใช่รูปาวจรจิต อรูปวาจรจิต โลกุตตรจิต ขณะนั้นต้องเป็นกามาวจรจิต ชื่อว่า "กาม" เพราะอรรถว่า อันสัตว์ใคร่กาม กามมี ๒ อย่างคือ กิเลสกาม ๑ วัตถุกาม ๑ กิเลสกาม ได้แก่ ฉันทราคะ คือ โลภเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ยินดี พอใจติดข้องในอารมณ์ วัตถุกาม คือ สภาพธรรมซึ่งเป็นที่ตั้งของความยินดี ความพอใจ ความปรารถนา ฉะนั้น วัตถุกาม ได้แก่ วัฏฏะ ซึ่งเป็นไปในภูมิทั้ง ๓ คือ ทั้งกามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ เพราะไม่พ้นจากการเป็นวัตถุที่ยินดีพอใจของกิเลสกาม ตราบใดที่ยังดับโลภะไม่ได้ก็ยังมีวัตถุกาม คือ สภาพธรรมซึ่งเป็นที่ยินดี พอใจของกิเลสกาม กามาวจรจิตซึ่งยินดี พอใจ ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ นั้นเหนียวแน่นมาก แม้ว่ารูปจะปรากฏเพียงชั่วขณะที่เล็กน้อยเหลือเกิน คือ ชั่วขณะที่กระทบจักขุปสาทคือตา เสียงก็ปรากฏเพียงชั่วขณะทีเล็กน้อยเหลือเกิน คือ ชั่วขณะที่กระทบกับโสตปสาท กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ ก็เช่นเดียวกัน ล้วนเป็นปริตตธรรม คือ เป็นสภาพที่ปรากฏเพียงเล็กน้อยแล้วก็ดับไป แต่จิตยินดีพอใจติดข้องในปริตตธรรมนั้นอยู่เสมอ เพราะการเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วของปริตตธรรมนั้นๆ จึงดูเสมือนไม่ดับไป ความเพลิดเพลินยินดีพอใจในกามอารมณ์ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะไม่หมดสิ้น แม้ว่ารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะอื่นๆ ก็เกิดสืบต่อทำให้เกิดความหลงติดยินดี พอใจในรูปเสียง ฯลฯ สืบต่อกันอยู่เรื่อยๆ เมื่อเห็นรูปใดก็ตามซึ่งเป็นที่ พอใจแล้ว ก็อยากจะเห็นอีกบ่อยๆ เมื่อได้ยินเสียงที่พอใจแล้วก็อยากได้ยินเสียงนั้นอีก กลิ่น รส โผฏฐัพพะก็เช่นเดียวกัน เมื่อบริโภครสใดที่พอใจแล้วก็อยากบริโภคนั้นซ้ำๆ อีก ความยินดีพอใจติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันซ้ำแล้วซ้ำอีกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนั่นเอง เมื่อชอบสิ่งใดก็อยากจะเห็นสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลาได้ไหม ไม่ได้ เพราะสังขารธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา เมื่อรสอร่อยเกิดขึ้นปรากฏ ความพอใจก็อาศัยลิ้นเกิดขึ้น ขณะความพอใจในกลิ่นที่ปรากฏ ขณะนั้นความพอใจทางตา หู ลิ้น กาย ก็ไม่เกิด เพราะจิตเกิดขึ้นทีละขั้นเท่านั้น จะมีจิต ๒ ดวงเกิดขึ้นพร้อมกันไม่ได้เลย ทุกคนพอใจใจสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏสลับกันทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง ทางใจบ้าง ไม่ใช่พอใจเฉพาะสีเดียว เสียงเดียว กลิ่นเดียว รสเดียว และโผฏฐัพพะเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เพราะความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะสะสมสืบต่อกันอยู่เรื่องๆ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต ฉะนั้น กามาวจรจิต คือ จิตขั้นกามที่ท่องเที่ยวไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นจิตที่ยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นจิตที่ไม่พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ บางท่านบอกว่าทำบุญแล้วอยากจะเกิดในสวรรค์ สวรรค์ก็ไม่พ้นจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แต่เป็นกามอารมณ์ที่ประณีตกว่าอารมณ์ในโลกมนุษย์ ฉะนั้น ตั้งแต่เกิดจนตาย ขณะใดที่จิตสงบไม่ถึงขั้นอัปปนาสมาธิ คือ ไม่เป็นฌานจิต และไม่เป็นโลกุตตรจิตขณะนั้นก็เป็นกามาวจรจิต ขณะหลับและตื่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึกต่างๆ นั้น ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเลย แต่เป็นจิตขั้นกามคือกามาวจรจิตทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่ใช่พระอนาคามีพระและอรหันต์นั้น ยังมีความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แสดงว่าความพอใจในกามอารมณ์ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั้นละได้ยากเพียงใด และถึงแม้ว่าจะอบรมเจริญความสงบถึงขั้นฌานจิตและเกิดในพรหมโลก ก็ยังละความยินดี พอใจ ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะไม่ได้เป็นสมุจเฉท เมื่อยังไม่ใช่พระอนาคามีบุคคล ก็ยังต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก คือ เป็นผู้ยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาทกิเลส และจะต้องเข้าใจสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง ตามเหตุผล จึงจะสามารถอบรมเจริญปัญญาที่ดับกิเลสได้จริงๆ เป็นสมุจเฉท ส่วนคำว่า "วัตถุกาม" นั้นมีความหมายกว้างกว่ารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เพราะไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดทั้งสิ้น เมื่อเป็นที่ตั้งของความยินดีพอใจก็เป็นวัตถุกาม คือ เป็นที่ตั้งของความยินดีพอใจของรูปพรหมบุคคลนั้น เมื่อเกิดเป็นพรหมบุคคลในรูปพรหมภูมิ รูปพรหมภูมินั้นก็เป็นวัตถุกาม คือ เป็นที่ตั้งของความยินดีพอใจของพรหมบุคคลนั้น ผู้ที่เกิดในอรูปพรหมภูมิ อรูปพรหมก็เป็นวัตถุกาม คือ เป็นที่ตั้งของความยินดี พอใจของอรูปพรหมบุคคลนั้นได้ โลภเจตสิกเป็นสภาพธรรมที่ยินดีพอใจ ติดข้องอารมณ์ทุกอย่างนอกจากโลกุตตรธรรมเท่านั้น ฉะนั้น นอกจากโลกุตตรธรรมแล้ว ธรรมอื่นๆ จึงเป็นวัตถุกาม คือ เป็นที่ตั้ง เป็นที่ยินดีพอใจของโลภะได้ ความหมายของกามาวจรจิตนัยที่ ๑ คือ เป็นจิตขั้นกามไม่พ้นไปจากกาม นัยที่ ๒ เป็นจิตที่ท่องเที่ยวอยู่ในกามภูมิ ๑๑ คืออบายภูมิ ๔ มนุสสภูมิ ๑ และสวรรค์ ๖ ชั้น นัยที่ ๓ ชื่อว่า กามาวจรจิต เพราะว่าย่อมท่องเที่ยวไปด้วยสามารถแห่งการกระทำให้เป็นอารมณ์ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ย่อมท่องเที่ยวไปในจิตนั้นๆ ด้วยสามารถแห่งการกระทำให้เป็นอารมณ์ แม้เพราะเหตุนั้นๆ ชื่อว่า กามาวจร ถ้าจะให้เข้าง่ายคือ จิตใดก็ตามที่เกี่ยวเนื่องเป็นไปในกาม คือ รูป เลียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ จิตนั้นเป็นกามาวจร ถาม พระอรหันต์มีกามาวจรจิตไหม ตอบ มี เมื่อพระอรหันต์เห็นรูปารมณ์ที่ปรากฏทางตา รูปารมณ์เป็นกามอารมณ์ จิตเห็นจึงเป็นกามาวจรจิต ไม่ว่าจะเป็นจิตของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก หรือจิตของบุคคลใดขณะใดๆ ก็ตามที่มีกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ จิตนั้นเป็นกามาวจรจิต นัยที่ ๔ อีกอย่างหนึ่ง จิตใดย่อมยังปฏิสนธิให้ท่องเที่ยวไปในกาม กล่าวคือ กามภพ (อบายภูมิ ๔ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖) เหตุนั้น จิตนั้นชื่อว่า กามาวจร ทุกท่านที่อยู่ในโลกมนุษย์นี้ เพราะกามาวจรจิตทำให้กามปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นในมนุษย์ ซึ่งเป็นกามภูมิ ผู้ที่เจริญสมถภาวนาจนจิตสงบถึงขั้นอัปปนาสนธิเป็นรูปฌานจิตหรืออรูปฌานจิต ถ้าฌานจิตไม่เสื่อม และฌานจิตเกิดก่อนจุติจิต ฌานกุศลจิตนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดในโลกนี้ แต่ปัจจัยให้เกิดรูปพรหมภูมิหรือในอรูปพรหมภูมิตามขั้นของฌานนั้นๆ คือ การอบรมเจริญสมถภาวนา การเจริญสติปัฏฐานซึ่งยังไม่พ้นไปจากกาม ฉะนั้น จึงทำให้ปฏิสนธิในกามภูมิ คำว่า "ภูมิ" มี ๒ ความหมาย คือ หมายถึงจิตซึ่งเป็นภูมิของสัมปยุตตธรรม คือ เจตสิกธรรมทั้งหลายที่เกิดร่วมกัน ๑ และหมายถึง "โอกาส" คือ สถานที่เกิดของสัตวโลก ๑ โลกมนุษย์เป็นภูมิ คือสถานที่เกิดภูมิ ๑ ในที่เกิดทั้งหมด ๓๑ ภูมิ เมื่อจิตต่างกันเป็นประเภทๆ และจิตแต่ละประเภทนั้นก็วิจิตรต่างกันมาก ภูมิซึ่งเป็นที่เกิดของสัตวโลกก็ต้องต่างกันไป ไม่ใช่มีแต่มนุสสภูมิ คือโลกนี้โลกเดียว และแม้ว่าจะเป็นกามวจรกุศล กำลังของศรัทธา ปัญญา และสัมปยุตตธรรมคือเจตสิกทั้งหลายที่เกิดรวมด้วยในขณะนั้นก็วิจิตรต่างกันมาก จึงจำแนกให้ได้รับผล คือ เกิดในสุคติภูมิต่างๆ ไม่ใช่แต่ในภูมิมนุษย์เท่านั้น สำหรับอกุศลกรรมก็เช่นเดียวกัน ขณะที่ทำอกุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ถ้าสังเกตจะรู้ความแตกต่างกันของอกุศลกรรม ว่าหนักเบาด้วยอกุศลธรรมเพียงไร บางครั้งก็ประกอบด้วยความพยาบาทมาก บางครั้งก็ไม่ได้ประกอบด้วยความพยาบาทรุนแรง บางครั้งก็ขาดความเพียร ไม่ได้มิวิริยะอุตสาหะที่จะทำร้ายเบียดเบียน แต่เป็นการกระทำซึ่งประกอบด้วยเจตนาเพียงเล็กน้อยและสัตว์เพียงเล็กๆ นั้นตายลง เมื่อแต่ละกรรมที่ได้กระทำไปนั้นประกอบด้วยสัมปยุตธรรม คือเจตสิกขั้นต่างๆ อกุศลกรรมซึ่งเป็นเหตุที่จะทำให้เกิดผลวิจิตรต่างๆ กัน ภูมิซึ่งเป็นที่เกิดที่เหมาะที่ควรแก่กรรมนั้นๆ ก็ย่อมต้องมีมาก ไม่ได้มีแต่เฉพาะมนุสสภูมิแห่งเดียวเท่านั้น คำว่า "ภูมิ" หมายถึงโอกาสโลกซึ่งเป็นสถานที่เกิดของสัตวโลกทั้งหมด ๓๑ ภูมิ ตามระดับขั้นของจิต คือ กามภูมิ ๑๑ ภูมิ รูปพรหม ๑๖ ภูมิ อรูปพรหม ๔ ภูมิ รวมโอกาสโลกซึ่งเป็นสถานที่เกิดของสัตวโลกทั้งหมดมี ๓๑ ภูมิ คือ ๓๑ ระดับขั้น ซึ่งสถานที่เกิดแต่ละขั้นนั้นมีมากว่านั้น คือ แม้แต่ภูมิของมนุษย์ก็ไม่ได้มีแต่โลกนี้โลกเดียว ยังมีโลกมนุษย์อื่นอีกด้วย กามภูมิ ๑๑ ภูมินั้นเป็นอบายภูมิ ๔ มนุษย์ ๑ และสวรรค์ ๖ ซึ่งขอกล่าวถึงเพียงย่อๆ คือ อบายภูมิ ๔ ได้แก่ นรก ๑ สัตว์เดรัจฉาน ๑ ปิตติวิสัย (เปรต) ๑ อสูรกาย ๑ นรกไม่ใช่มีเพียงแต่แห่งเดียวหรือขุมเดียว นรกขุมใหญ่ๆ มีหลายขุม เช่น สัญชีวนรก กาฬสุตนรก สังฆาตนรก โรรุวนรก มหาโรรุวนรก ตาปนรก มหาตานนรก และอเวจีนรก นอกจากนรกใหญ่ ก็ยังมีนรกย่อยๆ ซึ่งในพระไตรปิฏกก็ไม่ได้กล่าวถึงโดยละเอียดมากนัก เพราะจุดประสงค์ที่พระผู้ภาคทรงแสดงภูมิต่างๆ ก็เพื่อทรงแสดงให้เห็นเหตุและผลของกุศลกรรมและอกุศลกรรม สิ่งใดซึ่งไม่สามารถที่เห็นชัดประจักษ์ด้วยตา ก็ย่อมไม่เป็นสิ่งที่ควรแสดงเท่ากับสภาพที่สามารถจะพิสูจน์โดยอบรมเจริญปัญญาให้รู้ได้ การเกิดในอบายภูมิ ๔ นั้น ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมหนักก็เกิดในนรก ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมที่หนักมากก็เกิดในมหานรกที่สุดจะทรมาน คือ อเวจีนรก และเมื่อพ้นจากขุมนรกขุมใหญ่ๆ แล้ว ก็เกิดในนรกขุมย่อยๆ อีก เมื่อยังไม่หมดผลของอกุศลกรรม ขณะที่กระทำอกุศลกรรมนั้นไม่คิดเลยว่า ภูมินรกรออยู่แล้วข้างหน้า แต่ว่ายังไปไม่ถึง เพราะว่ายังอยู่ในโลกนี้ก็ยังไม่ไปสู่ภูมิอื่น แม้ว่าเหตุคืออกุศลกรรมมีแล้ว เมื่อทำอกุศลกรรมแล้วย่อมเป็นปัจจัยให้ไปสู่อบายภูมิใดภูมิเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ผลของอกุศลกรรมที่เบากว่านั้น ก็เป็นปัจจัยให้เกิดอบายภูมิอื่น เช่น เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน จะเห็นได้ว่าสัตว์ดิรัจฉานนั้นมีรูปร่างประหลาดๆ ต่างๆ นานา บางชนิดมีขามาก บางชนิดมีขาน้อย บางชนิดไม่มีขาเลย มีปีกบ้าง ไม่มีปีกบ้าง อยู่ในน้ำบ้าง อยู่บนบกบ้าง มีรูปร่างลักษณะ ต่างๆ มากมาย ตามความวิจิตรของจิต มนุษย์มีตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ผิวพรรณวัณณะ ความสูงต่ำก็ยังวิจิตรต่างๆ กัน ไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจำนวนคนโลกนี้จะมากสักเท่าไรก็ตาม รวมทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วย แต่สัตว์ดิรัจฉานก็ยิ่งวิจิตรต่างกันมากกว่ามนุษย์ ทั้งสัตว์น้ำ สัตว์บก และสัตว์ที่บินได้ ซึ่งก็ย่อมเป็นไปตามกรรม อันเป็นเหตุให้มีรูปร่างวิจิตรนั้นๆ ผลของอกุศลกรรมที่น้อยกว่านั้นเป็นปัจจัยให้เกิดในภูมิของ เปรต ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า ปิตติวิสัย เปรตทรมานด้วยความหิวโหยอยู่เสมอ และภูมิของเปรตก็วิจิตรต่างๆ กันมาก มนุษย์ทุกคนมีโรคประจำตัวประจำวันคือ โรคหิว ซึ่งจะว่าไม่มีโรคไม่ได้ เพราะความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง ลองหิวมากแล้วจะรู้สึก ถ้าหิวนิดหน่อยแล้วรับประทานอาหาร ซึ่งถ้าเป็นอาหารอร่อยๆ ก็เลยลืมว่าแท้จริงนั้นความหิวไม่ใช่ความสบายกายเลย เป็นสิ่งที่จะต้องแก้ไขบรรเทาให้หมดไป คนที่หิวมากเมื่อไม่ได้รับประทานอาหาร ก็จะรู้สภาพที่เป็นความทุกข์ของความหิวว่าถ้าหิวมากๆ กว่านั้นจะเป็นอย่างไร ท่านผู้หนึ่งมีมิตรสหายมาก วันหนึ่งท่านรับโทรศัพท์ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ไม่ได้รับประทานอาหาร พอค่ำก็เลยรู้สึกว่าหิวที่แสนทรมาน ใช้คำว่าแสบท้องหรือแสบไส้นั้นเป็นอย่างไร และท่านก็ไม่สามารถรีบร้อนรับประทานเพื่อแก้หิว เพราะถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็นลม เป็นอันตรายต่อร่างกายท่านต้องค่อยๆ บริโภคแก้ไขความหิวไปทีละน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นลม นี่ก็แสดงให้เห็นว่าความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง เป็นโรคประจำวันที่ยังไม่ค่อยพูดถึงโรคอื่นๆ แล้วอย่างนี้ผู้ที่เป็นเปรตจะหิวสักแค่ไหน ในภูมิเปรตไม่มีการค้าขาย ไม่มีกสิกรรม จะไปปลูกข้าวทำนา หุงข้าวเองหรือซื้อขายอะไรกับใครเพื่อให้ได้อาหารมาบริโภคก็ไม่ได้ การเกิดเป็นเปรตนั้นเป็นผลของอกุศลกรรม เปรตใดอนุโมทนากุศลที่บุคคลอื่นกระทำแล้วอุทิศไปให้ กุศลจิตที่อนุโมทนานั้นเป็นปัจจัยให้ได้อาหารที่เหมาะสมแก่ภูมิของตนบริโภค หรืออาจจะพ้นสภาพของเปรตโดยจุติแล้วปฏิสนธิในภูมิอื่น เมื่อหมดผลของกรรมที่ทำให้เป็นเปรตต่อไป อบายภูมิ อีกภูมิหนึ่ง คือ อสูรกาย การเกิดเป็นอสุรกายเป็นผลของอกุศลกรรมที่เบากว่า อกุศลกรรมอื่น เพราะผู้ที่เกิดเป็นอกุศลกรรมนั้นไม่มีความรื่นเริงใดๆ อย่างในภูมิมนุษย์และสวรรค์ ในภูมิมนุษย์มีหนังสืออ่าน มีหนังละครดู มีเพลงฟัง แต่ในอสุรกายภูมิไม่สามารถที่จะแสวงหาความเพลิดเพลินสนุกสนานได้เหมือนในสุคติภูมิ เมื่อกุศลกรรมมีต่างกัน ภูมิซึ่งเป็นที่เกิดย่อมต่างกันออกไปตามเหตุ คืออกุศลกรรมนั้นๆ สำหรับภูมิซึ่งเป็นของกามาวจรกุศลมี ๗ ภูมิ คือ มนุษย์ ๑ ภูมิ สวรรค์ ๖ ภูมิ ในพระไตรปิฏกแสดงภูมิที่เกิดของมนุษย์ว่า มนุสสภูมิ คือที่เกิดของมนุษย์นั้น มี ๔ ทวีป คือ ๑. ปุพพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสิเนรุ ๒. อมรโคยานทวีป อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสิเนรุ ๓. ชมพูทวีป (คือโลกนี้) อยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสิเนรุ ๔. อุตตรกุรุทวีป อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาสิเนรุ ผู้ที่ในโลกนี้ซึ่งเป็นชมพูทวีปก็เห็นแต่ชมพูทวีป ไม่ว่าจะท่องเที่ยวไปที่ใดก็เห็นแต่อารมณ์ต่างๆ ของชมพูทวีป ยังไม่สามารถที่ไปถึงทวีปอื่น ซึ่งเป็นโลกของมนุษย์อื่นอีก ๓ โลก สวรรค์มี ๖ ภูมิ ตามลำดับคือ สวรรค์ภูมิที่ ๑ คือ จาตุมหาราชิกา มีเทวดาซึ่งเป็นใหญ่ ๔ องค์คือ ท้าวธตรัฏฐ เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ทางทิศตะวันออก มีชื่อว่าอินทะ เป็นผู้ปกครองคันธัพพเทวดา (คนธรรพ์) ท้าววิรุฬหก เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ทางทิศใต้ หรือบางครั้งเรียกว่า ยมะ เป็นผู้ปกครองกุมภัณฑ์เทวดาด้วย ท้าววิรูปักข เป็นเทพผู้เป็นใหญ่ทางทิศตะวันตก บางครั้งมีชื่อว่า ท้าววรุณ เป็นผู้ปกครองนาคเทวดา ท้าวกุเวร เป็นเทพผู้ใหญ่ทางทิศเหนือ บางครั้งมีชื่อว่า ท้าวเวสสุวัณณ เป็นผู้ปกครองยักขเทวดา สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาเป็นสวรรค์ชั้นต้น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูมิมนุษย์ สวรรค์ซึ่งเป็น ภูมิของเทพนั้นสูงขึ้นๆ ตามระดับความประณีตของสวรรค์ สวรรค์ภูมิที่ ๒ คือ ดาวดึงส์ อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีพระอินทร์เป็นจอมเทพ ทุกท่านคงได้ยินชื่อสวนสวรรค์ในชั้นดาวดึงส์บ่อยๆ สวนสวรรค์ในชั้นดาวดึงส์มี ๔ ข้อ คือ สวนนันทวันอยู่ทางทิศตะวันออก สวนจิตรลดาวันอยู่ทางทิศตะวันตก สวนมิสสกวันอยู่ทางทิศเหนือ สวนผารุสกวันอยู่ทางทิศใต้ สวรรค์ภมิที่ ๓ คือ ยามา อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สวรรค์ภูมิที่ ๔ คือ ดุสิต อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นยามา สวรรค์ภูมิที่ ๕ คือ นิมมานรดี อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์ภูมิที่ ๖ คือ ปรนิมมิตวสวัตตดี อยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ใครอยากจะอยู่สวรรค์ชั้นไหน เมื่อไม่ใช่พระอรหันต์ก็ยังต้องเกิดอีก แต่จะเกิดที่ไหน คงไม่ถึงพรหมภูมิ เพราะการที่จะเกิดเป็นพรหมบุคคลในพรหมภูมิได้นั้น ต้องเป็นผลของฌานกุศลที่ไม่เสื่อมตามที่กล่าวแล้ว ฉะนั้น ก็คงจะเกิดในกามภูมิ ภูมิใดภูมิหนึ่ง แล้วแต่ว่าจะเป็นอบายภูมิหรือสุคติภูมิตามเหตุ คือ กรรมหนึ่งที่ได้กระทำแล้วในสังสารวัฏฏ์ รูปวจรภูมิซึ่งเป็นที่เกิดของรูปพรหมบุคลมี ๑๖ ภูมิ คือ ปฐมฌานภูมิ มี ๓ ภูมิ คือ ปาริสัชชภูมิ ๑ (เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปฐมฌานกุศลจิตที่มีกำลังอ่อน) ปุโรหิตาภูมิ ๑ (เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปฐมฌานกุศลจิตที่มีกำลังปานกลาง) มหาพรหมาภูมิ ๑ (เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปฐมฌานกุศลจิตที่มีกำลังประณีต) ทุติยฌานภูมิ มี ๓ ภูมิ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุทุติยฌานโดยจตตุถนัย และตติยฌานโดยปัญจกนัย คือ ปริตตาภาภูมิ ๑ อัปปมาณาภูมิ ๑ อาภัสสราภูมิ ๑ ตติยฌานภูมิ มี ๓ ภูมิ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุตติยฌานโดยจตุตถนัย และจตุตถฌานโดยปัญจกนัย คือ ปริตตสุภาภูมิ ๑ อัปปมาณสุภาภูมิ ๑ สุภกิณหาภูมิ ๑ จตุตถฌานภูมิ มี ๗ ภูมิ คือ เวหัปผลาภูมิ ๑ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุจตุตถฌานโดยจตุตถนัยและปัญจมฌานโดยปัญจกนัย อสัญญสัตตาภูมิ ๑ เป็นที่เกิดของผู้ที่บรรลุปัญจมฌานที่มีแต่รูปปฏิสนธิ ไม่มีจิตเจตสิกเกิดเลย อวิหาภูมิ ๑* อตัปปาภูมิ ๑* สุทัสสาภูมิ ๑* สุทัสสีภูมิ ๑* อกนิฏฐาภูมิ ๑* * สุทธาวาส ๕ ภูมิ เป็นที่เกิดของพระอนาคามีบุคคลผู้ได้จตุตถฌานโดยจตุตถนัย หรือปัญจมฌานโดยปัญจกนัย อรูปพรหมภูมิ มี ๔ ภูมิ เป็นภูมิที่เกิดของผู้ที่บรรลุอรูปฌาน (ปัญจมฌานที่เพิกรูปแล้วมีอรูปเป็นอารมณ์) ตามลำดับขั้น คือ อากาสานัญจายตนภูมิ ๑ วิญญาณัญจายตนภูมิ ๑ อากิญจัญญายตนภูมิ ๑ เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ ๑ ในอรูปพรหม ๔ ภูมินี้ มีแต่นามขันธ์ คือ จิตและเจตสิกไม่มีรูปใดๆ เกิดเลย ในอังคุตตรนิกาย ติกนิบาต จุฬนีสูตร พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงเรื่องของโลกและจักรวาลไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โดยละเอียดอย่างที่บางท่านสงสัยใคร่รู้ แต่ก็แสดงให้เห็นพระปัญญาบารมีของพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นโลกวิทู คือ ผู้ทรงรู้แจ้งโลกทั้งสิ้น ลักษณะของจิตประการที่ ๔ คือ อนึ่ง จิตแม้ทุกดวงชื่อว่าจิต เพราะเป็นธรรมชาติวิจิตรตามสมควร โดยอำนาจแห่งสัมปยุตตธรรม (เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ทำให้จำแนกจิตออกเป็นประเภทต่างๆ ได้หลายนัย เช่น โดยชาติ ๔ ได้แก่ เป็นกุศล ๑ อกุศล ๑ วิบาก ๑ กิริยา ๑ โดยภูมิ ๔ คือ กามาวจรจิต รูปาวจรจิต อรูปาวจรจิต โลกุตตรจิต กามาวจรจิต มีทั้ง ๔ ชาติ คือ เป็นอกุศลก็มี เป็นกุศลก็มี เป็นวิบากก็มี เป็นกิริยาก็มี นอกจากกามาวจรจิตแล้ว จิตระดับที่สูงกว่านั้นไม่เป็นอกุศล คือ รูปาวจรจิตที่เป็นอกุศลไม่มี อรูปาวจรจิตที่เป็นอกุศลไม่มี โลกุตตรจิตที่เป็นอกุศลไม่มี (และที่เป็นกิริยาไม่มี) ฉะนั้น รูปาวจรจิตจึงมี ๓ ชาติ คือ กุศล วิบาก กิริยา รูปาวจรกุศลจิตเป็นเหตุให้รูปาวจรวิบากจิตทำกิจปฏิสนธิเป็นพรหมบุคคลในพรหมโลก ภูมิหนึ่งภูมิใดในรูปพรหม ๑๕ ภูมิและรูปา วจรปัญจมฌานเป็นปัจจัยให้รูปปฏิสนธิเป็นอสัญญสัตตาพรหมบุคคลในอสัญญสัตตาพรหมภูมิ ๑ ภูมิ รูปาวจรกิริยาเป็นกิริยาจิตของพระอรหันต์ขณะที่เป็นรูปฌานจิตขั้นต่างๆ อรูปวาจรจิตก็มี ๓ ชาติ คือ กุศล วิบาก กิริยา โดยนัยเดียวกัน รูปาวจรจิตและอรูปาวจรจิต เป็นมหัคคตจิต ข้อความในอัฏฐสาลินี จิตตุปปาทกัณฑ์ อธิบายความหมายของ "มหัคคตะ" ว่า ชื่อว่า มหค?คต เพราะถึงความเป็นสภาวะอันใหญ่ เพราะสามารถข่มกิเลสได้ เพราะมีผลไพบูลย์ กิเลสเป็นสิ่งที่ข่มไม่ได้ง่าย เพราะพอเห็นก็เกิดพอใจหรือไม่พอใจ แต่ในขณะที่จิตเป็น อัปปนาสมาธิเป็นฌานจิตนั้น จิตสงบแนบแน่นในอารมณ์ทางมโนทวาร ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ไม่รู้โผฏฐัพพะ ขณะที่เป็นฌานจิต ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลานานเท่าไรก็ตาม ภวังคจิตจะไม่เกิดคั่นแทรกเลย ไม่เหมือนกับเวลาที่เป็นกามาวจรจิต ซึ่งเป็นขณะที่เล็กน้อยและสั้นมากเป็นปริตตธรรม เพราะเห็นชั่ววาระสั้นๆ ได้ยินชั่ววาระสั้นๆ คิดนึกชั่ววาระสั้นๆ ขณะที่เป็นกามาวจรจิตนั้น รู้อารมณ์หนึ่งๆ ชั่ววาระที่สั้นจริงๆ เมื่อจักขุทวารวิถีจิตเกิดขึ้นรู้รูปารมณ์ คือ สิ่งที่ปรากฏทางตาดับไป ภวังคจิตก็ต้องเกิดต่อทันทีก่อนที่มโนทวารวิถีจิตจะรับรู้สิ่งที่ปรากฏทางตาต่อจากจักขุทวารวิถีจิต กามาวจรธรรม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และจิตที่รู้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะจึงเป็นปริตตธรรม แต่มหัคคตจิตซึ่งได้แก่ รูปาวจรจิตและอรูปาวจรจิตนั้นถึงความเป็นสภาวะอันใหญ่ เพราะสามารถข่มกิเลสได้ จึงเป็นมหัคคตจิต ขณะที่เป็นอัปปนาสมาธิ คือ ฌานจิตเกิดดับสืบต่อกันนั้น ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้โผฏฐัพพะ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และไม่คิดนึกเรื่องรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะใดๆ เลย จึงชื่อว่าสามารถข่มกิเลส แต่เมื่อฌานจิตดับหมดแล้ว กามาวจรจิตก็เกิดต่อเมื่อวิถีจิตเกิดขึ้นทางทวารต่างๆ อกุศลชวนวิถีก็เกิดได้ถ้าไม่ใช่กุศล เพราะเมื่อยังไม่ได้ดับกิเลส เป็นสมุจเฉท เมื่อเห็นแล้วอกุศลจิตก็เกิดขึ้น เมื่อได้ยินแล้วอกุศลจิตก็เกิด เมื่อกายกระทบสัมผัสแล้วอกุศลจิตก็เกิด มีใครรู้บ้างว่าอกุศลจิตเกิดอยู่เรื่อยๆ เมื่อไม่รู้ก็ไม่ได้ข่มและไม่ได้อบรมเจริญหนทางที่จะดับกิเลส ก่อนการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่เห็นโทษของอกุศลจิตซึ่งเกิดสืบต่อจากเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้โผฏฐัพพะ ก็ได้พยายามหาทางที่จะข่มกิเลส และรู้ว่าทางเดียวที่จะข่มกิเลสได้ คือ ต้องไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส และไม่รู้โผฏฐัพพะ เพราะถ้าเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส และรู้โผฏฐัพพะ ก็กั้นกิเลสไม่ได้ เมื่อรู้อย่างนี้จึงอบรมเจริญกุศลจิตที่ทำให้สงบจากโลภะ โทสะ โมหะ จนถึงอัปปนาสมาธิ ซึ่งไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสใดๆ นอกจากอารมณ์ที่ทำให้จิตเป็นกุศลสงบมั่นคงแนบแน่นทางใจเพียงอารมณ์เดียวเท่านั้น อัปปนาสมาธิซึ่งเป็นฌานจิตนั้นไม่ใช่หนทางที่จะดับกิเลส เพราะเมื่อฌานจิตไม่เกิด กิเลสก็เกิด ชั่วขณะที่เป็นรูปาวจรจิตและอรูปาวจรจิตนั้นเป็นสภาวะอันใหญ่ เป็นมหัคคตะ เพราะข่มกิเลสได้โดยไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่เหมือนพระอนาคามีบุคคลซึ่งเห็นแต่ดับความยินดีพอใจในรูป ได้ยินแต่ดับความยินดีพอใจในเสียง ได้กลิ่นแต่ดับความยินดีพอใจในกลิ่น ลิ้มรสแต่ดับความยินดีพอใจในรส กระทบสัมผัสแต่ดับความยินดีพอใจในเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึงไหวที่ปรากฏ ฉะนั้น จิตจึงต่างกันเป็น ๔ ภูมิ คือ ๔ ระดับขั้น รูปาวจรจิตและอรูปาวจรจิตมี ๓ ชาติ คือกุศล ๑ วิบาก ๑ กิริยา ๑ โลกุตตรจิตมี ๒ ชาติ คือ เป็นโลกุตตรกุศลประเภท ๑ เป็นโลกุตตรวิบากประเภท ๑ ไม่มี โลกุตตรกิริยาจิต โลกุตตรจิตมี ๘ ดวง คือ โสตาปัตติมัคคจิต เป็นโลกุตตรกุศล โสตาปัตติผลจิต เป็นโลกุตตรวิบาก สกทาคามิมัคคจิต เป็นโลกุตตรกุศล สกทาคามิผลจิต เป็นโลกุตตรวิบาก อนาคามิมัคคจิต เป็นโลกุตตรกุศล อนาคามิผลจิต เป็นโลกุตตรวิบาก อรหัตตมัคคจิต เป็นโลกุตตรกุศล อรหัตตผลจิต เป็นโลกุตตรวิบาก โลกุตตรกุศลจิต เป็นปัจจัยให้โลกุตตรวิบากจิตเกิดสืบต่อทันที ไม่มีจิตอื่นเกิดคั่นได้เลย กุศลอื่นทั้งหมดไม่สามารถที่จะให้ผลทันที คือ ไม่ทำให้วิบากจิตเกิดสืบต่อจากกุศลจิตได้ทันที แต่โลกุตตรกุศลเป็นปัจจัยให้โลกุตตรวิบากเกิดสืบต่อทันที โดยไม่มีจิตอื่นคั่นระหว่างโลกุตตรกุศลจิตซึ่งเป็นเหตุ และโลกุตตรวิบากจิตซึ่งเป็นผลเลย ทันทีที่โสตาปัตติมัคคจิตซึ่งเป็นโลกุตตรกุศลดับ โสตาปัตติผลจิตซึ่งเป็นโลกุตตรวิบากก็เกิดสืบต่อทันที ทันที่ที่อนาคามิมัคคจิตซึ่งเป็นโลกุตตรกุศลดับ อนาคามิผลจิตซึ่งเป็นโลกุตตรวิบากจิตก็เกิดสืบต่อทันที ทันที่อรหันตมัคคจิตซึ่งเป็นโลกุตตรกุศลดับ อรหัตตผลจิตซึ่งเป็นโลกุตตรวิบากจิตก็เกิดสืบต่อทันที ฉะนั้น โลกุตตรวิบากจิตทั้ง ๔ จึงไม่ได้ทำปฏิสนธิกิจภวังคกิจและจุติกิจ ไม่เหมือนโลกียกุศลวิบากและอกุศลวิบากเมื่อโลกุตตรกุศลจิตดับ โลกุตตรวิบากจิตก็เกิดขึ้นมีนิพพานเป็นอารมณ์ต่อจากโลกุตตรกุศลทันที ฉะนั้น ผลจิตซึ่งเป็นโลกุตตรวิบากจิตนั้น จึงเป็นชวนวิถีจิตเช่นเดียวกับโลกุตตรกุศลจิต ผลจิตเป็นวิบากจิตประเภทเดียวเท่านั้นที่เป็นชวนวิถีจิต ทำชวนกิจและมีนิพพานเป็นอารมณ์ โลกุตตรกุศลจิตเกิดขึ้นเพียงขณะเดียวในสังสารวัฏฏ์ โดยดับกิเลสเป็นสมุจเฉทตามขั้นของโลกุตตรกุศลจิตนั้นๆ แต่โลกุตตรวิบากจิตที่เกิดต่อจากโลกุตตรกุศลจิตนั้น เกิดดับสืบต่อกันโดยมีนิพพานเป็นอารมณ์อีก ๒ หรือ ๓ ขณะตามประเภทของบุคคล พระโสดาบันบุคคลยังเกิดอีกอย่างมากไม่เกิน ๗ ชาติ แต่ปฏิสนธิจิตของพระโสดาบันไม่ใช่โสตาปัตติผลจิต ทำกิจปฏิสนธิแล้วแต่ว่าพระโสดาบันบุคคลนั้นจะเกิดในภูมิใด วิบากจิตระดับภูมินั้นๆ ก็ทำกิจปฏิสนธิในภูมินั้น คือ ถ้าพระโสดาบันบุคคลนั้นเกิดในสวรรค์ กามาวจรวิบากจิตก็ทำกิจปฏิสนธิ ถ้าพระโสดาบันบุคคลนั้นเกิดในพรหมภูมิใด รูปาวจรวิบากจิตหรืออรูปวจรวิบากจิตก็ทำกิจปฏิสนธิในภูมินั้นๆ ฉะนั้น คำว่า ภูมิ มี ๒ ความหมาย คือ หมายถึง ระดับขั้นของจิต ๑ และหมายถึงภูมิซึ่งเป็นที่เกิดของสัตวโลก ๑ ภูมิซึ่งเป็นระดับขั้นของจิตมี ๔ ภูมิ คือ กามาวจรจิต ๑ รูปาวจรจิต ๑ อรูปาวจรจิต ๑ โลกุตตรจิต ๑ ภูมิซึ่งเป็นที่เกิดของสัตวโลก หมายถึง โอกาสโลก ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของสัตวโลก มี ๓๑ ภูมิตามระดับขั้นของจิต คือ กามภูมิ ๑๑ ภูมิ รูปพรหมภูมิ ๑๖ ภูมิ อรูปพรหมภูมิ ๔ ภูมิ คำถามทบทวน ๑. กิเลสกามและวัตถุกามต่างกันอย่างไร ๒. ปริตตธรรมคืออะไร ๓. พระพุทธเจ้ามีกามาวจรจิตไหม ๔. คำว่าภูมิหมายถึงอะไรบ้าง ๕. สุทธาวาสภูมิคืออะไร ใครเกิดในสุทธาวาสภูมิได้ ๖. รูปาวจรจิต อรูปาวจรจิตมีกี่ชาติ ๗. โลกุตตรจิตมีกี่ชาติ ๘. มหัคคตจิตได้แก่จิตอะไร ๙. โลกุตตรจิตเป็นวิถีจิตอะไร ๑๐. โลกุตตรวิบากจิตทำกิจอะไร ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๓ http://www.dhammastudy.com/thpar10.html หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 10-08-2006, 21:01 คุงปู่ขา วันนี้เป็นอะไรค่ะ บ้าพลังเหลือเกิน :lol: :lol:
เรื่องกลิ่นปากนี้ มีเคล็ดลับ ว่าถ้าทานผลไม้พวก ฝรั่งหลังอาหาร จะลดกลิ่นปากได้ค่ะ ส่วนที่ญี่ปุ่นผลการวิจัยบอกว่า ทานโยเกิร์ตจะช่วยได้ค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 21:07 คุงปู่ขา วันนี้เป็นอะไรค่ะ บ้าพลังเหลือเกิน :lol: :lol: เรื่องกลิ่นปากนี้ มีเคล็ดลับ ว่าถ้าทานผลไม้พวก ฝรั่งหลังอาหาร จะลดกลิ่นปากได้ค่ะ ส่วนที่ญี่ปุ่นผลการวิจัยบอกว่า ทานโยเกิร์ตจะช่วยได้ค่ะ ก็เก็บใส่คลัง ไว้ย่อยละเอียดอีกทีครับ บอกแล้วว่าจะนั่งนับใบไม้ในมือกับคำนวณใบไม้ในป่าด้วย หากยังไม่ยอมบอกว่ากี่วินาที? :twisted: :mrgreen: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 21:11 เก็บมาฝากครับ เห็นเข้ากับ บรรยากาศทั่วไปของบอร์ดนี้ .................... โดย มงคล สมหวัง http://www.praphansarn.com/new/forum/forum_posts.asp?TID=3147&PN=1 Posted: 27 January 2006 at 11:07 | IP Logged -------------------------------------------------------------------------------- .........กลิ่น................. กลิ่นความจนปนมากับกลิ่นเหงื่อ กลิ่นจุนเจือใช้ลำเค็ญเข็นความหวัง กลิ่นค่าคนต้องกล้าแกร่งเมื่อแรงยัง เติมพลังอย่าย่อท้อสู้ต่อไป กลิ่นความรวยข่าวใหญ่เรื่องขายหุ้น กลิ่นนายทุนเอาเปรียบคอยรีดไถ กลิ่นตุตุกลิ่นกล้ายางกลิ่นลำใย กลิ่นไฟไหม้โชยผ่านสุวรรณภูมิ กลิ่นน้ำตาชาวใต้ไม่แห้งเหือด กลิ่นเหมือนเลือดเชือดใส่ในเพลิงสุม กลิ่นประชนชนรวมร่วมชุมนุม ขับไล่กลุ่มโกงกินแผ่นดินไทย กลิ่นความเหงาเคล้ามาคราอกหัก กลิ่นความรักซู่ซ่าคราสดใส กลิ่นความช้ำพร่ำพรมคราขมใจ น้ำตาไหลครวญคร่ำกลิ่นคำลวง กลิ่นกรุ่นกรุ่นแก้มนางยังฝังจิต กลิ่นความคิดย้ำเตือนเหมือนติดบ่วง กลิ่นมายาล่อเราเข้ากลลวง เจ็บซอกทรวงมิสร่างสิ้นกลิ่นน้ำคำ กลิ่นน้ำหมอกหยอกเย้าเจ้าใบหญ้า กลิ่นสุราหอมหวนชวนดื่มด่ำ กลิ่นนวลนางข้างแคร่ยังจดจำ ในคืนค่ำกระท่อมเก่าเคยเคล้าคลอ กลิ่นความฝันของชนคนนักสู้ กลิ่นความรู้พร่ำเพรียกเรียกร้องขอ กลิ่นศึกษาไม่อยากย้ายไปอบต. อย่าพึ่งท้อนะคุณครูจงสู้ทน กลิ่นของคนชอบงับคอรัปชั่น กลิ่นโกงกันโกงกินแผ่นดินบ่น กลิ่นผู้ร้ายคราบผู้ดีที่ปลอมปน กลิ่นโจรปล้นบ้านเราเข้าเผาเมือง กลิ่นปลาร้าตราตรึงยังซึ้งซ่าน กลิ่นอีสานบ้านข้อยพลอยกระเตื้อง กลิ่นโรงงานกับสารพิษบอกรุ่งเรือง คุยคำเขื่องกลิ่นวาจาสร้างค่าตน กลิ่นขี้โคลนสาบควายเหือดหายสิ้น กลิ่นแผ่นดินชอกช้ำกลิ่นน้ำฝน กลิ่นของเสียสารเคมีที่ปะปน กลิ่นคนจนทุกข์ทวีหนี้กองทุน กลิ่นซากศพแสนเศร้าเขามาพัก กลิ่นคลื่นยักษ์โถมใส่จนวายวุ่น กลิ่นน้ำตาทุกข์เข็ญแหลกเป็นจุน กลิ่นคุ้นคุ้นกลิ่นพลัดพรากยากเยียวยา กลิ่นมะลิหอมซึ้งคิดถึงแม่ ครั้งดูแลลูกน้อยคอยห่วงหา กลิ่นน้ำใจไออุ่นยังตรึงตรา ทุกเวลาลูกถวิล....กลิ่นน้ำนม หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 10-08-2006, 21:16 คุงปู่ขา วันนี้เป็นอะไรค่ะ บ้าพลังเหลือเกิน :lol: :lol: เรื่องกลิ่นปากนี้ มีเคล็ดลับ ว่าถ้าทานผลไม้พวก ฝรั่งหลังอาหาร จะลดกลิ่นปากได้ค่ะ ส่วนที่ญี่ปุ่นผลการวิจัยบอกว่า ทานโยเกิร์ตจะช่วยได้ค่ะ ก็เก็บใส่คลัง ไว้ย่อยละเอียดอีกทีครับ บอกแล้วว่าจะนั่งนับใบไม้ในมือกับคำนวณใบไม้ในป่าด้วย หากยังไม่ยอมบอกว่ากี่วินาที? :twisted: :mrgreen: :mozilla_cool: ห่างต่างแค่เวลา อย่างอื่นไม่ต่าง มันก็เห็นจะไม่เป็นไรนี้ค่ะ :D :D :D เวลาของเราไม่เท่ากัน แต่ใจเราคิดเท่ากัน อันนี้ซิค่ะที่สำคัญ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 10-08-2006, 21:22 คุงปู่ขา วันนี้เป็นอะไรค่ะ บ้าพลังเหลือเกิน :lol: :lol: เรื่องกลิ่นปากนี้ มีเคล็ดลับ ว่าถ้าทานผลไม้พวก ฝรั่งหลังอาหาร จะลดกลิ่นปากได้ค่ะ ส่วนที่ญี่ปุ่นผลการวิจัยบอกว่า ทานโยเกิร์ตจะช่วยได้ค่ะ ก็เก็บใส่คลัง ไว้ย่อยละเอียดอีกทีครับ บอกแล้วว่าจะนั่งนับใบไม้ในมือกับคำนวณใบไม้ในป่าด้วย หากยังไม่ยอมบอกว่ากี่วินาที? :twisted: :mrgreen: :mozilla_cool: ห่างต่างแค่เวลา อย่างอื่นไม่ต่าง มันก็เห็นจะไม่เป็นไรนี้ค่ะ :D :D :D เวลาของเราไม่เท่ากัน แต่ใจเราคิดเท่ากัน อันนี้ซิค่ะที่สำคัญ หูยย ซึ้งจนสั่นสะเทือนถึงดวงอาทิตย์เลยครับ ขออีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !!! ฟังเพลงผ่อนคลายกันหน่อย เมดเลย์ http://www.oldsonghome.com/music/song/1958.ram http://www.siam2.com/jukebox/wmasong/0701c001.wma หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-08-2006, 07:28 :mozilla_oops: :mozilla_innocent: :mozilla_tongue: :mozilla_cool: น่ารักดี http://www.siam2.com/jukebox/wmasong/0701c001.wma :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-08-2006, 10:03 พ่อก็มาด้วยครับ !!!
http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=1619 http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=4247 http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=3464 http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=4264 http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=4389 http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=1955 http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=1681 http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=3872 http://www.educatepark.com/english/e_song_pages/fatherandson.php?id=475&sf=fatherandson.ram เรารักแม่ http://www.bkkonline.com/scripts/musiconline/play.aspx?ID=18849 อิ่มอุ่น ขับร้องโดยมิ้น http://www.kapook.com/musicstation/newmusicstation/play.php?id=3541 ค่าน้ำนม เสียงเด็กๆร้องครับ http://music.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=548 ;) :D ;D :-* :'( 8) :mozilla_innocent: :mozilla_oops: :mozilla_cool: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 12-08-2006, 10:07 Happy Mother's Day ค่ะ คุณ 999
วันนี้ไม่พาคุณแม่ไปทานข้าวเหรอค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-08-2006, 10:10 Happy Mother's Day ค่ะ คุณ 999 วันนี้ไม่พาคุณแม่ไปทานข้าวเหรอค่ะ จัดล่วงหน้าไปก่อนแล้วครับ.... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-08-2006, 10:19 ขอร่วมสำรวมใจ อธิษฐาน ขอแม่ทุกคนในโลกนี้ ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนเข้มแข็งเพียงพอต่อทุกปัญหา และสามารถดูแลครอบครัวไปได้ด้วยความสุขใจ เป็นที่ยกย่องและเชิดชูสำหรับทุกคนในครอบครัวและสังคม ขอความสุขและความสบายใจ จงมีแด่คุณแม่ทุกคนที่ทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์ในแต่ละสภาวะ.. ขอพระที่ผมเชื่อปกป้องนำทางท่านด้วย.. ตลอดไป :mozilla_laughing: :mozilla_smile: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 12-08-2006, 10:31 หนูมาร่วมอธิษฐาน ด้วยคนค่ะ
ถึงหนูจะยังไม่เป้นแม่คน แต่อนาคตหนูก็อยากเป็นค่ะ :oops: หนูขอให้ คุณแม่ในปัจจุบันและในอนาคตทุกคน จะเป็นคุณแม่คนเก่ง น่ารักสำหรับทุกคนบนโลกตลอดไป :D หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 12-08-2006, 10:43 ขอร่วมสำรวมใจ อธิษฐาน ขอแม่ทุกคนในโลกนี้ ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนเข้มแข็งเพียงพอต่อทุกปัญหา และสามารถดูแลครอบครัวไปได้ด้วยความสุขใจ เป็นที่ยกย่องและเชิดชูสำหรับทุกคนในครอบครัวและสังคม ขอความสุขและความสบายใจ จงมีแด่คุณแม่ทุกคนที่ทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์ในแต่ละสภาวะ.. ขอพระที่ผมเชื่อปกป้องนำทางท่านด้วย.. ตลอดไป :mozilla_laughing: :mozilla_smile: สาธุ ค่ะ ประกายดาวอยากให้ คำอธิษฐานนี้ ส่งไปถึง หัวใจ ของ แม่ทุกคน และ ลูกๆ ทุกคนด้วย ... (http://www.flowerofthailand.com/products/GL002_l.gif) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 12-08-2006, 10:58 หนูมาขออธิษฐานด้วยค่ะ ความดีทั้งหมดที่หนูทำมาในชาตินี้ ขอให้ส่งผลบุญให้แม่ของหนูมีชีวิตสุขสมบูรณ์ในสัมปรายภพ และขอให้หนูได้เกิดเป็นลูกของแม่ทุกชาติไป ปล. คือว่าหนูเห็นเพื่อนหนู 2 คน ข้างบนเนี้ยมา หนูติดกลุ่ม :mozilla_tongue: หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-08-2006, 11:00 หนูมาร่วมอธิษฐาน ด้วยคนค่ะ ถึงหนูจะยังไม่เป็นแม่คน แต่อนาคตหนูก็อยากเป็นค่ะ :oops: หนูขอให้ คุณแม่ในปัจจุบันและในอนาคตทุกคน จะเป็นคุณแม่คนเก่ง น่ารักสำหรับทุกคนบนโลกตลอดไป :D ขอร่วมสำรวมใจ อธิษฐาน ขอแม่ทุกคนในโลกนี้ ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนเข้มแข็งเพียงพอต่อทุกปัญหา และสามารถดูแลครอบครัวไปได้ด้วยความสุขใจ เป็นที่ยกย่องและเชิดชูสำหรับทุกคนในครอบครัวและสังคม ขอความสุขและความสบายใจ จงมีแด่คุณแม่ทุกคนที่ทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์ในแต่ละสภาวะ.. ขอพระที่ผมเชื่อปกป้องนำทางท่านด้วย.. ตลอดไป :mozilla_laughing: :mozilla_smile: สาธุ ค่ะ ประกายดาวอยากให้ คำอธิษฐานนี้ ส่งไปถึง หัวใจ ของ แม่ทุกคน และ ลูกๆ ทุกคนด้วย ... (http://www.flowerofthailand.com/products/GL002_l.gif) (http://members.thai.net/jakeethai/Audio/0.SWF) หนูมาขออธิษฐานด้วยค่ะ ความดีทั้งหมดที่หนูทำมาในชาตินี้ ขอให้ส่งผลบุญให้แม่ของหนูมีชีวิตสุขสมบูรณ์ในสัมปรายภพ และขอให้หนูได้เกิดเป็นลูกของแม่ทุกชาติไป ปล. คือว่าหนูเห็นเพื่อนหนู 2 คน ข้างบนเนี้ยมา หนูติดกลุ่ม :mozilla_tongue: "I'M BLESSED TO CALL YOU MOTHER" http://www.wedalert.com/songs/wedding_music_central/yours_mine_ours/real/ram/07-CallYouMother.ram หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 12-08-2006, 19:30 มาเต้นร็อคกันนิดหน่อย เฮฮฮออ.. แม่ครับผมรักแม่ครับ ผมมีความรักหลั่งไหลล้นทะลักเนื่องนองเลยฮับแม่... :mozilla_oops: :mozilla_tongue: :mozilla_cool: http://www.wedalert.com/songs/realaudiosongs/mother_son/ram/Oh_Mother_of_Mine.ram หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 13-08-2006, 05:38 http://www.simplyangel.com/amazinggrace1.htm (http://img301.imageshack.us/img301/3520/eaglewindbeneathkf0.gif)
Amazing Grace Amazing Grace, how sweet the sound, That saved a wretch like me.... I once was lost but now am found, Was blind, but now, I see. T'was Grace that taught... My heart to fear. And Grace, my fears relieved. How precious did that Grace appear... The hour I first believed. Through many dangers, toils and snares... I have already come. T'was Grace that brought me safe thus far... And Grace will lead me home. The Lord has promised good to me... His word my hope secures. He will my shield and portion be... As long as life endures. When we've been there ten thousand years... Bright shining as the sun. We've no less days to sing God's praise... Then when we've first begun. Amazing Grace, how sweet the sound, That saved a wretch like me.... I once was lost but now am found, Was blind, but now, I see. The Statler Brothers Artist of this painting is ©Darrin Hoover. http://forum.serithai.net/index.php?action=dlattach;topic=5217.0;attach=2018 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 13-08-2006, 07:01 Love500 Quotes 1-20 I believe that unarmed truth and unconditional love will have the final word in reality. That is why right, temporarily defeated, is stronger than evil triumphant. Author: Martin Luther King Jr. Subject: Love & Romance Wisdom Truth Love of beauty is taste. The creation of beauty is art. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Love & Romance Beauty Art Love all, trust a few. Do wrong to none. Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance You learn to like someone when you find out what makes them laugh, but you can never truly love someone until you find out what makes them cry. Author: Unknown Subject: Love & Romance Hallow the body as a temple to comeliness and sanctify the heart as a sacrifice to love; love recompenses the adorers. Author: Khalil Gibran Subject: Beauty I tell you, the more I think, the more I feel that there is nothing more truly artistic than to love people. Author: Vincent Van Gogh Subject: Love & Romance Art And ever has it been known that love knows not its own depth until the hour of separation. Author: Khalil Gibran You come to love not by finding the perfect person, but by seeing an imperfect person perfectly. Author: Sam Keen Subject: Love & Romance I love you, not for what you are, but for what I am when I am with you. Author: Roy Croft Subject: Love & Romance Darkness cannot drive out darkness; only light can do that. Hate cannot drive out hate; only love can do that. Author: Martin Luther King Jr. Subject: Love & Romance Man must evolve for all human conflict a method which rejects revenge, aggression and retaliation. The foundation of such a method is love. Author: Martin Luther King Jr. Subject: Love & Romance Conflict Revenge I really love to make movies. Author: Sean Penn The bottom line is, you love your wife, you do your best with that. Author: Sean Penn 1 think, you know, if the right project kind of came along that I would be able to direct, I would love to do that. Author: Sean Penn It is not enough to say we must not wage war. It is necessary to love peace and sacrifice for it. Author: Martin Luther King Jr. Subject: War Peace But let there be spaces in your togetherness and let the winds of the heavens dance between you. Love one another but make not a bond of love: let it rather be a moving sea between the shores of your souls. Author: Khalil Gibran Gravitation cannot be held responsible for people falling love. Author: Albert Einstein Subject: Love & Romance Love - a wildly misunderstood although highly desirable malfunction of the heart which weakens the brain, causes eyes to sparkle, cheeks to glow, blood pressure to rise and the lips to pucker. Author: Unknown Subject: Love & Romance I have three treasures. Guard and keep them: The first is deep love, The second is frugality, And the third is not to dare to be ahead of the world.Because of deep love, one is courageous.Because of frugality, one is generous.Because of not daring to be ahead of the world, one becomes the leader of the world. Author: Lao-Tzu Subject: Love & Romance Wisdom Leadership We must develop and maintain the capacity to forgive. He who is devoid of the power to forgive is devoid of the power to love. There is some good in the worst of us and some evil in the best of us. When we discover this, we are less prone to hate our enemies. Author: Martin Luther King Jr. Subject: Love & Romance Forgiveness Hate หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 13-08-2006, 07:05 21-40
Love: A temporary insanity curable by marriage. Author: Ambrose Bierce Subject: Love & Romance Humor Marriage Life without love is like a tree without blossoms or fruit. Author: Khalil Gibran I love acting, truly my favorite people are actors. Author: Sean Penn Coming generations will learn equality from poverty, and love from woes. Author: Khalil Gibran No lover ever studied every whim of his mistress as I did those of President Roosevelt. Author: Winston Churchill Subject: War Politics British Prime Minister Quotes I like to believe that love is a reciprocal thing, that it can't really be felt, truly, by one. Author: Sean Penn Life is not what you live but what you love Author: Anonymous Subject: Life Guilt for being rich, and guilt thinking that perhaps love and peace isn't enough and you have to go and get shot or something. Author: John Lennon Who, being loved, is poor? Author: Oscar Wilde Subject: Love & Romance Give all to love; obey thy heart. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Love & Romance Hatred paralyzes life; love releases it. Hatred confuses life; love harmonizes it. Hatred darkens life; love illuminates it. Author: Martin Luther King Jr. Subject: Love & Romance Life Hate Everything is clearer when you're in love. Author: John Lennon A friend is one who knows us, but loves us anyway. Author: Fr. Jerome Cummings Subject: Friendship If someone thinks that love and peace is a cliche that must have been left behind in the Sixties, that's his problem. Love and peace are eternal. Author: John Lennon Love is composed of a single soul inhabiting two bodies. Author: Aristotle Subject: Love & Romance Throw your dreams into space like a kite, and you do not know what it will bring back, a new life, a new friend, a new love, a new country. Author: Anais Nin Subject: Hope & Dreams Accept the things to which fate binds you, and love the people with whom fate brings you together, but do so with all your heart. Author: Subject: Love & Romance Fate & Destiny If love is blind, why is lingerie so popular? Author: Unknown Subject: Love & Romance Get not your friends by bare compliments, but by giving them sensible tokens of your love. Author: Socrates Subject: Friendship Love is the only force capable of transforming an enemy into friend. Author: Martin Luther King Jr. Subject: Love & Romance Friendship Enemy IF (http://001.uploadblaster.com/?file=bf2567fb3eb1fd402e0715a06f622c1f&cmd=show) Download : IF.wma (http://001.uploadblaster.com/?file=bf2567fb3eb1fd402e0715a06f622c1f&cmd=show)(หมายเหตุ ดาวน์โหลด เลือกเซฟ แล้วเลือกเปิดด้วยวินโดว์มีเดียเพลเยอร์ ไพเราะมากครับ :mozilla_innocent: :mozilla_cool:) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 07:12 เอาเพลงมาคั่นครับ อุไรหีบครับ Uriah Heep ; Free Me เคยนิยมอยู่เมื่อหลายปีก่อน และอีกหลายเพลงครับ..
คลิกที่ลิงค์ไปหน้าคั่น เพราะเว็บเขามีระบบเอาหน้าแรกมากันไว้อีกชั้นหนึ่ง แก้ไขโดยการก็อปปีช็อทคัท แปะที่ช่องแอดเดรสแล้ว เอนเตอร์เฉพาะ ลิงค์จีออซิตีสองอันข้างล่างลิงค์ไปที่เดียวกัน ทดลองทำสำรองดูครับ ตอนแรกก็ยอมแสดงว่า เขาเช็คด้วยอย่างอื่นด้วย แต่ทำตาม copy&paste -enter .then you can hear it,that's all. http://www.geocities.com/horospectrum/uraihheep1.wma อุไรหีบครับ Uriah Heep ; Free Me (http://www.geocities.com/horospectrum/uraihheep1.wma) แถมตัวอย่าง Bad Time ของ Grand Funk Railroad album Bosnia part2 http://www.mp3sugar.com/grand-funk-railroad/bosnia-part-2/bad-time-40569.m3u http://www.ubru.ac.th/ccu/music/badtime.html BAD TIME ( C ) Grand Funk (Vocal) I'm in love with a girl that I'm talkin' about I'm in love with a girl, I can't live without I'm in love but I'm sure to pick a bad time To be in love, to be in love Let her be somebodyelse's queen I don't want to know about it There's too many others you know what I mean And that's why I've got to live without it I'm in love with a girl I'm talking about I'm in love with a girl I can't live without I'm in love but I feel like I'm wearing it out I'm in love but I must have picked a bad time to be in love A bad time to be in love A bad time to be in love A bad time to be in love All the stories coming back to me From my friends and people I don't want to see The things I see I know just couldn't be true At least not until I hear from you 'Cause I'm still love with a girl I'm talking about I'm in love with a girl I can't live without I'm in love but I feel like I'm wearing out I'm in love but I must have picked a bad time to be in love A bad time to be in love A bad time to be in love A bad time to be in love Music 8 Bars..6...7... 8 You know I'm in love with a girl I'm talking about I'm in love with a girl I can't live without I'm in love but I feel like I'm wearing it out I'm in love but I must have picked a bad time to be in love A bad time to be in love A bad time to be in love A bad time to be in love. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 07:17 Deep Purple เพลง Highway Star
http://www.mthai.com/today/indy/real/deeppurple_highwaystar.ram UFO เพลง Rock Bottom www.siam2.com/jukebox/wmasong/rck012.wma เพลงแนวนี้ชอบมากครับ โดยเฉพาะเพลงนี้ ต้องฟังหลายๆรอบ Artist :: Queen Album :: Greatest Hits I II & III Don't Stop Me Now http://www.maama.com/music/view.php?id=004563 Tonight I'm gonna have myself a real good time I feel alive And the world I'll turn it inside out yeah I'm floating around in ecstasy So don't stop me now Don't stop me 'cause I'm having a good time Having a good time I'm a shooting star leaping through the sky Like a tiger defying the laws of gravity I'm a racing car passing by like Lady Godiva I'm gonna go go go there's no stopping me I'm burning through the sky yeah Two hundred degrees that's why they call me Mr. Fahrenheit I'm travelling at the speed of light I wanna make a supersonic man out of you Don't stop me now I'm having such a good time I'm having a ball Don't stop me now If you wanna have a good time Just give me a call Don't stop me now ('cause I'm havin' a good time) Don't stop me now (yes I'm havin' a good time) I don't wanna stop at all I'm a rocket ship on my way to Mars On a collision course I am a satellite I'm out of control I'm a sex machine ready to reload Like an atom bomb about to oh oh oh oh oh explode I'm burning through the sky yeah Two hundred degrees that's why they call me Mr. Fahrenheit I'm travelling at the speed of light I wanna make a supersonic woman of you Don't stop me don't stop me, don't stop me hey hey hey! Don't stop me don't stop me ooh ooh ooh (I like it) Don't stop me don't stop me Have a good time good time Don't stop me don't stop me I'm burning through the sky yeah Two hundred degrees that's why they call me Mr. Fahrenheit I'm travelling at the speed of light I wanna make a supersonic man out of you Don't stop me now I'm having such a good time I'm having a ball Don't stop me now If you wanna have a good time Just give me a call Don't stop me now 'cause I'm having a good time Don't stop me now Yes I'm having a good time I don't wanna stop at all .......................................................................... Paradise on board (http://forum.serithai.net/index.php?topic=2656.0) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 08:55 41-60
Love is an irresistable desire to be irresistably desired. Author: Robert Frost Subject: Love & Romance Love alone is capable of uniting living beings in such a way as to complete and fulfill them, for it alone takes them and joins them by what is deepest in themselves. Author: Pierre Tielhard de Chardin Subject: Hope & Dreams Love is the condition in which the happiness of another person is essential to your own. Author: Robert A. Heinlein Subject: Love & Romance To be loved, be lovable. Author: Ovid Subject: Love & Romance Character Rather than love, than money, than fame, give me truth. Author: Henry David Thoreau Subject: Love & Romance Truth Money It may be true that the law cannot make a man love me, but it can keep him from lynching me, and I think that's pretty important. Author: Martin Luther King Jr. Subject: Laws Discrimination Love seems the swiftest, but it is the slowest of all growths. No man or woman really knows what perfect love is until they have been married a quarter of a century. Author: Mark Twain Subject: Love & Romance Men Women The harder the conflict, the more glorious the triumph. What we obtain too cheap, we esteem too lightly; it is dearness only that gives everything its value. I love the man that can smile in trouble, that can gather strength from distress and grow br Author: Thomas Paine Subject: Adversity There are three classes of men; lovers of wisdom, lovers of honor, and lovers of gain. Author: Plato Subject: Wisdom Men Honor A life with love will have some thorns, but a life without love will have no roses. Author: Anonymous Subject: Love & Romance Is that love i see in your eyes, or merely a reflection of mine? Author: Unknown Subject: Love & Romance Time is too slow for those who wait, too swift for those who fear,too long for those who grieve, too short for those who rejoice,but for those who love, time is eternity. Author: Henry Van Dyke Subject: Love & Romance Everybody can be great... because anybody can serve. You don't have to have a college degree to serve. You don't have to make your subject and verb agree to serve. You only need a heart full of grace. A soul generated by love. Author: Martin Luther King Jr. Friendship is constant in all other things Save in the office and affairs of love: Therefore all hearts in love use their own tongues; Let every eye negotiate for itself And trust no agent. Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance Friendship Quotes from Plays Of all forms of caution, caution in love is perhaps the most fatal to true happiness. Author: Bertrand Russell Subject: Love & Romance Happiness Between men and women there is no friendship possible. There is passion, enmity, worship, love, but no friendship. Author: Oscar Wilde Subject: Men Women Ignorance There is no remedy for love but to love more. Author: Henry David Thoreau Subject: Love & Romance Love is like standing in wet cement , the longer you stay the harder to leave and u can never leave without leaving your marks behind. Author: Unknown Subject: Love & Romance With you I should love to live, with you be ready to die. Author: Horace Subject: Love & Romance If you love somebody, let them go, for if they return, they were always yours. And if they don't, they never were. Author: Khalil Gibran หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 09:00 61-80 If you press me to say why I loved him, I can say no more than because he was he, and I was I. Author: Michel de Montaigne Subject: Love & Romance Three grand essentials to happiness in this life are something to do, something to love, and something to hope for. Author: Joseph Addison Subject: Happiness O tyrant love, to what do you not drive the hearts of men. Author: Virgil Subject: Love & Romance Men Man will do many things to get himself loved, he will do all things to get himself envied. Author: Mark Twain Subject: Love & Romance Mankind Human Nature What I know is, is that if you do work that you love, and the work fulfills you, the rest will come. Author: Oprah Winfrey Love is the triumph of imagination over intelligence. Author: H. L. (Henry Louis) Mencken Subject: Love & Romance The only abnormality is the incapacity to love. Author: Anais Nin Subject: Love & Romance Nobody is perfect until you fall in love with them. Author: Unknown Subject: Love & Romance I believe that every single event in life happens in an opportunity to choose love over fear. Author: Oprah Winfrey At the touch of love everyone becomes a poet. Author: Plato Subject: Love & Romance Poetry For all who love freedom and peace, the world without Saddam Hussein's regime is a better and safer place. Author: George W. Bush Subject: American Presidential Quotes Kindness in words creates confidence. Kindness in thinking creates profoundness. Kindness in giving creates love. Author: Lao-Tzu Subject: Kindness Patriotism having become one of our topics, Johnson suddenly uttered, in a strong determined tone, an apophthegm, at which many will start: "Patriotism is the last refuge of a scoundrel." But let it be considered that he did not mean a real and generous love of our country, but that pretended patriotism which so many, in all ages and countries, have made a cloak of self- interest. Author: Samuel Johnson Subject: Patriotism Arrogance For Love is Immortality. Author: Emily Dickinson Love is like a tranquil breeze that sweeps over my soul making me whole. Author: Unknown Subject: Love & Romance It has been said that the love of money is the root of all evil. The want of money is so quite as truly. Author: Samuel Butler Subject: Money The Master of Life's been good to me. He has given me strength to face past illnesses, and victory in the face of defeat. He has given me life and joy where other saw oblivion. He Has given new purpose to live for, new services to render and old wounds to heal. Life and love go on, let the music play. Author: Johnny Cash You will find as you look back upon your life that the moments when you have truly lived are the moments when you have done things in the spirit of love. Author: Henry Drummond Subject: Love & Romance There is a fullness of all things, even of sleep and love. Author: Homer Subject: Love & Romance Sleep A man can be happy with any woman as long as he does not love her. Author: Oscar Wilde Subject: Love & Romance Happiness หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 09:02 81-100
A poem begins as a lump in the throat, a sense of wrong, a homesickness, a lovesickness. Author: Robert Frost I wish people would love everybody else the way they love me. It would be a better world. Author: Muhammad Ali Love is but the discovery of ourselves in others, and the delight in the recognition. Author: Alexander Smith Subject: Love & Romance That is the true season of love, when we believe that we alone can love, that no one could ever have loved so before us, and that no one will love in the same way after us. Author: Johann Wolfgang von Goethe Subject: Love & Romance I see when men love women. They give them but a little of their lives. But women when they love give everything. Author: Oscar Wilde Subject: Men Women Sarcasm Be glad of life, because it gives you the chance to love and to work and to play and to look up at the stars. Author: Henry Van Dyke Subject: Life Love does not consist in gazing at each other but in looking together in the same direction. Author: Antoine de Saint-Exupéry Subject: Love & Romance He that falls in love with himself will have no rivals. Author: Benjamin Franklin Subject: Love & Romance Hatred is blind, as well as love. Author: Oscar Wilde Subject: Love & Romance Hate Let me not to the marriage of true minds Admit impediments: love is not love Which alters when it alteration finds. Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance The day will come when, after harnessing space, the winds, the tides and gravitation, we shall harness for God the energies of love. And on that day, for the second time in the history of the world, we shall have discovered fire. Author: Pierre Tielhard de Chardin Subject: Belief Now is the winter of our discontent Made glorious summer by this sun of York, And all the clouds that loured upon our house In the deep bosom of the ocean buried. Now are our brows bound with victorious wreaths, Our bruised arms hung up for monuments, Our stern alarums changed to merry meetings, Our dreadful marches to delightful measures. Grim-visaged war hath smoothed his wrinkled front; And now, instead of mounting barbed steeds To fright the souls of fearful adversaries, He capers nimbly in a lady\'s chamber To the lascivious pleasing of a lute. But I, that am not shaped for sportive tricks, Nor made to court an amorous looking-glass; I, that am rudely stamped, and want love\'s majesty To strut before a wanton ambling nymph; I, that am curtailed of this fair proportion, Cheated of feature by dissembling nature, Deformed, unfinished, sent before my time Into this breathing world, scarce half made up, And that so lamely and unfashionable That dogs bark at me as I halt by them,-- Why, I, in this weak piping time of peace, Have no delight to pass away the time, Unless to spy my shadow in the sun. Author: William Shakespeare Subject: Destruction War Quotes from Plays Commerce is of trivial import; love, faith, truth of character, the aspiration of man, these are sacred. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Life Business There was never a child so lovely but his mother was glad to get him to sleep. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Parents Mother I love you without knowing how, or when, or from where. I love you straightforwardly, without complexities or pride; so I love you because I know no other way. Author: Pablo Neruda Love truth, and pardon error. Author: Voltaire Subject: Truth Love is not blind -- it sees more, not less. But because it sees more, it is willing to see less. Author: Rabbi J. Gordon Subject: Love & Romance God bless thee; and put meekness in thy mind, love, charity, obedience, and true duty! Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance Charity Religious Love conquers all things; let us too surrender to Love. Author: Virgil Subject: Love & Romance Love is a serious mental disease. Author: Plato Subject: Love & Romance หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 09:06 101-120
Love is the voice under all silences, the hope which has no opposite in fear; the strength so strong mere force is feebleness: the truth more first than sun, more last than star... Author: E E cummings I swear, by my life and my love of it, that I will never live for the sake of another man, nor ask another man to live for mine. Author: Ayn Rand Love your enemies. It really pisses them off! Author: Unknown Subject: Enemy And I saw the river over which every soul must pass to reach the kingdom of heaven and the name of that river was suffering:and I saw a boat which carries souls across the river and the name of that boat was love. Author: Saint John of the Cross Subject: Love & Romance If it is your time, love will track you down like a cruise missile. Author: Lynda Barry Subject: Love & Romance Hereafter, in a better world than this, I shall desire more love and knowledge of you. Author: William Shakespeare Subject: Death Quotes from Plays Hereafter Perhaps LOVE is the process of me leading you gently back to yourself. Author: Antoine de Saint-Exupéry Subject: Love & Romance Where there is no love put love, and you will find love. Author: A. Sachs Subject: Hope & Dreams But love is blind, and lovers cannot see The pretty follies that themselves commit. Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance For one human being to love another; that is perhaps the most difficult of all our tasks, the ultimate, the last test and proof, the work for which all other work is but preparation. Author: Rainer Maria Rilke Subject: Love & Romance Success is not the key to happiness. Happiness is the key to success. If you love what you are doing, you will be successful. Author: Herman Cain Subject: Happiness If the riches of the Indies, or the crowns of all the kingdom of Europe, were laid at my feet in exchange for my love of reading, I would spurn them all. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Reading I love you not only for what you are, but for what I am when I am with you. I love you not only for what you have made of yourself, but for what you are making of me. I love you for the part of me that you bring out. Author: Elizabeth Barrett Browning I recently read that love is entirely a matter of chemistry. That must be why my wife treats me like toxic waste. Author: David Bissonnette Subject: Humor Love is a better teacher than duty. Author: Albert Einstein Subject: Love & Romance Duty There is only one happiness in life, to love and be loved. Author: George Sand In love there are two things : bodies and words. Author: Alan Watts Subject: Love & Romance Whoever does not love his work cannot hope that it will please others. Author: Anonymous Subject: Work One word frees us of all the weight and pain of life: That word is love. Author: Sophocles Subject: Love & Romance Anyone can be passionate, but it takes real lovers to be silly. Author: Rose Franken Subject: Love & Romance หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 13:48 Rock Acid Rock เป็นดนตรี Rock แขนงหนึ่ง ที่เน้นที่การใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้า และเครื่องขยายเสียง ซึ่งเป็นที่ นิยมในหมู่ผู้ที่ใช้ยาเสพติด ช่วงสูงสุดของดนตรีประเภทนี้ คือ ในช่วงกลางทศวรรษ 60 ซึ่งเป็นดนตรี ที่นิยม ในหมู่พวก Hippie ตัวอย่างของวงดนตรีแบบ Acid Rock ได้แก่ วง Jefferson Airplane, Quicksilver Messenger Service และ The Grateful Dead ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวงจาก Sanfrancisco ลักษณะเด่นของ Acid Rock คือ จะมีการเชื่อมโยงเอาดนตรี Rock เข้ากับคอนเซ็ปท์ของการแสดงออกทางด้านจิตใจ และการใช้ยา ประเภทหลอนประสาท จำพวก LSD เป็นการเล่นดนตรีหรือแต่งเพลงขึ้นสด ๆ ตามอารมณ์ โดยไม่มีการจัด เรียง ใด ๆ เลย จะมีลักษณะคล้าย Psychedelic Rock แต่ Psychedelic Rock จะนุ่มนวลกว่า Art Rock เป็นดนตรีที่ผสมผสานเอาอิทธิพลของดนตรี Classic เข้ามา และมีการแสดง โดยการโชว์ทักษะ เฉพาะ ในการแสดงสดบนเวที เป็น rock ที่เน้นในแง่ความสามารถในทางที่เป็นศิลปะมากกว่า ตัวอย่างของ วงดนตรีแบบ Art Rock เช่น Emerson, Lake & Palmer เป็นต้น Country Rock เป็นการผสมผสานกันของ rock และ country ร่วมสมัย ซึ่งพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 60 ที่ California โดยมีแกนนำคือ Gram Parsons วงดนตรีที่ถือว่าเป็นระดับหัวแถวของ Country Rock ก็เช่น The Flying Burrito Brothers, The Eagles, Heart & Flowers เป็นต้น Heavy Metal ถือเป็นสาขาหนึ่งของดนตรี rock พัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 60 โดยวงที่มีพื้นฐานดนตรีแบบ Blues เช่น Cream หรือ Jimi Hendrix เป็นต้น Heavy Metal เป็นดนตรีที่มีการใช้กีตาร์ และเบสที่หนักหน่วง ดุดัน และมีการขยายเสียงให้ดังมาก ๆ เพื่อสร้างเสียงที่มีพลัง ในช่วงต้นของทศวรรษ 80 วงดนตรีประเภทนี้ จะเน้นสร้างงานแบบที่เป็น rock 'n' roll พื้น ๆ ไม่ปรับแต่งหรือตามสมัยนิยมมากนัก วงดนตรีอื่น ๆ ที่ถือได้ว่า เป็น Heavy Metal ได้แก่ Deep Purple, Led Zeppelin, Grand Funk และ Black Subbath Psychedelic Rock เป็นดนตรี rock 'n' roll ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 60 มีต้นกำเนิด จากหลาย แหล่งรวมกัน ลักษณะของดนตรีแบบ Psychedelic Rock ได้แก่ เนื้อร้องที่แหวกแนว การเล่นโน้ตแปลก ๆ การเปลี่ยน จังหวะอย่างคาดไม่ถึง การเรียบเรียงดนตรีที่ซับซ้อน เสียงกีตาร์ที่แตกพร่า หรือการนำ เอาเพลง สวด มาใช้ประกอบ แต่ลักษณะที่เด่นที่สุด คือ การพยายามจะแสดงออกถึง สภาวะของความเคลิบเคลิ้ม จาก การใช้ยาเสพย์ติดผ่านเสียงดนตรี และการใช้เนื้อเพลง ที่พูดถึงประสบการณ์ในการใช้ยาเสพย์ติด ตัวอย่าง ของศิลปินที่เล่นดนตรีในแนวนี้ได้แก่ The Yardbirds, The Byrds, The Doors และ The Great Society เป็นต้น Rockabilly ถือเป็นช่วงต้นของดนตรี rock 'n' roll ที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีแบบ blues และcountry-and-western (country ของคนผิวขาว) มีจุดกำเนิดทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา Rockablilly เป็นดนตรี ที่มีกีตาร์ อะคูสติก และเบสที่ให้จังหวะที่ค่อนข้างเร่ง แรง และ หนักแน่นเป็นพื้นหลัง ซึ่งจะตรงกันข้ามกับซาวนด์ ที่เป็นอิเล็คทริกแบบดนตรี R & B ที่นิยมกันในหมู่คนผิวดำ ตัวอย่างของศิลปินที่เล่นดนตรีแบบ Rockablilly ได้แก่ Everly Brothers, Rick Nelson และ Carl Perkins เป็นต้น Rock 'n' Roll / Rock Music หมายถึง ดนตรีในช่วงทศวรรษ 60 และ 70 ซึ่งผสมผสานกัน ของดนตรี หลากหลายสไตล์ ทั้ง country / folk ของชาวอเมริกันผิวขาว, boogie-woogie (เป็นดนตรีเปียโน แจ๊สแบบ หนึ่ง) และ R & B ของคนผิวดำ Rock 'n' Roll จะเป็นดนตรีมักเน้นที่การใช้จังหวะ ที่ทำให้ทั้งนักดนตรี และ ผู้ฟังมีรู้สึกตื่นเต้น คึกคัก ผู้บุกเบิกในยุคแรก ๆ คือ Amos Milburn (1927-80), Charlie Feathers (1932) และ Roy Brown ช่วงรุ่งโรจน์ของดนตรี rock 'n' roll อยู่ในช่วงของ Eddie Cochran, Gene Vincent, Chuck Berry , Little Richard และ Jerry Lee Lewis เดิมคำว่า "Rock 'n' Roll " เป็นศัพท์ที่ใช้ในวงการ R & B เพื่อใช้ เรียกถึงพฤติกรรม ที่เกี่ยวกับเพศ จนกระทั่ง Alan Freed ซึ่งเป็น DJ นำมาใช้เรียกดนตรีแบบนี้ ในระยะ แรกคำว่า Rock 'n' Roll ที่ Freed ใช้จะหมายถึง สไตล์การร้องประสาน ที่เรียบง่ายแบบ Doo-Wop (R & B แบบหนึ่ง) ของคนผิวดำ นักดนตรี rock 'n' roll ยุคแรกที่เป็นที่รู้จักกันในระดับโลก ก็คือ Bill Haley แห่งวง Comets (เพลง Rock around the clock) และ Elvis Presley ที่มีสไตล์การร้องเพลงแบบตะวันตก และ country ของคนผิวขาว ในอารมณ์แบบ R & B ซึ่งการร้องแบบนี้ทำให้ Elvis Presley ถือเป็นแบบฉบับของ Rock 'n' Roll ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง เรียบเรียงจาก Gammond, Peter (1993) Popular Music, New York: Oxford University Press. Music Express August 1998. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 13:49 Hip Hop Culture Hip-hop ในความหมายแรกเป็นคำที่ใช้กล่าวถึงดนตรีของคนผิวดำ ซึ่งเริ่มขึ้นกลางยุค 70s ที่ South Bronx ใน New York ซึ่งมีลักษณะเป็นส่วนผสมของดนตรีในแบบJamaica, R&B, Funk, Soul, ที่เน้นPercussion และ beat ที่มีการเว้นจังหวะหยุด ซึ่งในแง่ของดนตรีแล้วก็คือดนตรี Rap นั่นเอง ส่วนอีกความหมายหนึ่ง Hip-hop หมายถึงวัฒนธรรม และวิถีชีวิต ของผู้คนในสังคมดังกล่าวที่เกิดขึ้นพร้อมกับดนตรีด้วย ซึ่งได้แก่ DJs การเต้น break dance การแต่งกาย ศิลปะแบบ graffiti เป็นต้น ต่อมา Hip-hop ขยายไปสู่ทวีปอื่น ๆ ทั้งยุโรป เอเชีย แอฟริกา และเกือบทุกทวีปทั่วโลก Rap เป็นดนตรีแบบ R&B หรือ Rhythm and Blues ประเภทหนึ่ง (Genre) เริ่มจากการนำเอาบทกวีข้างถนน มาใส่ดนตรี ซึ่งพัฒนามาจากเพลง Disco แต่มีจังหวะที่หนักแน่นกว่า ลักษณะของดนตรี Rap จะเน้นที่สไตล์ การร้องแบบที่เป็นจังหวะ การร้องคล้ายเสียงพูด และเนื้อหาของเพลงที่มีความหมายและมีความคล้องจองกัน รวมทั้งเน้นที่การกำกับจังหวะ โดยใช้จังหวะกลองอิเล็กทรอนิกส์ และเทคนิคการ Sampling งานเพลงอื่นๆ DJ หรือ Deejay (มาจากคำว่า Disc Jockey) หมายถึงนักดนตรีที่ mix scratchหรือตัดต่อแผ่นเสียงในงาน ปาร์ตี้หรือในคลับ โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น sampling (การนำเอา sample จากหลาย ๆ แทร็คมารวมให้เป็น หนึ่งเดียว) หรือเครื่องมือ หรือใช้ซาวด์จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการสร้างเสียง ในปัจจุบัน DJ เป็น องค์ประกอบอีกอย่างหนึ่ง ในงานของวงดนตรีสไตล์ Hip-hop และแนวอื่น ๆ MC หรือ Emcee คือ ผู้ที่เป็นเจ้าภาพ หรือผู้จัดงานปาร์ตี้หรืองานแสดงต่าง ๆ (มาจากคำว่า Master of Ceremonies) ซึ่งทำหน้าที่คือแนะนำ DJ ที่แสดงในวันนั้น และสถานที่ที่จัดแสดง รวมทั้งกระตุ้น หรือทำให ้ผู้ฟังหรือผู้ที่มาร่วมงานรู้สึกสนุนสนานด้วย และยังหมายถึง ผู้แสดงที่ทำหน้าที่ร้องแร็พ (rapper) ร่วมกับ ดนตรีของ DJ และหมายถึงผู้ที่ใช้หรือควบคุมไมโครโฟน(Microphone Controller) ด้วย Sampling คือเทคนิคหรือวิธีการตัดต่อเสียงที่นิยมใช้ในหมู่ "DJs" โดยการนำเอาบางส่วนจากแทร็คอื่น ๆ หลาย ๆ แทร็คมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของงานใหม่ Sample หรือเสียงที่ได้จาก Sampling อาจเป็นเสียงดนตรีหรือ เสียงจังหวะกลองสั้น ๆ Scratching เป็นเทคนิคในการ percussion อีกอย่างที่นิยมใช้ในดนตรีแบบ Hip-hop คือการใช้มือ หมุน แผ่นไวนิลกลับไปกลับมาให้ถูกับเข็ม จนทำให้เกิดเป็นเสียงที่ให้จังหวะDubbing B-boy / Beat boy / Break boy / Bronx boy หมายถึง กลุ่มนักเต้น breakdanceที่มีวัฒนธรรม และใช้ชีวิตแบบ Hip-hop โดยจะมีลักษณะการเต้นรำ การแต่งตัว การเดิน รวมถึงการพูดจาที่มี เอกลักษณ์ เฉพาะ Break dance ในระยะเริ่มแรก ดนตรีแบบ Hip-hop จะมาพร้อมกับการเต้นรำแบบที่เรียกว่า break danceหรือ ที่บางครั้งเรียกว่า acrobatic dance เนื่องจากการเต้นแบบนี้มีลักษณะคล้ายกับนำเอา การเล่น กายกรรมมาผสมผสานด้วย โดยจะมีการหมุนตัวโดยใช้หลัง หัว หรือมือ จังหวะสับเท้าแบบแปลก ๆ และ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว Graffiti เป็นคำที่มาจากภาษาอิตาเลียนgraffito หรือ sgraffito หมายความว่า "scratched"ซึ่งเป็นศัพท์ใน ทางศิลปะที่หมายถึงเทคนิคของการออกแบบโดยการขูดหรือตัดเอาชั้นผิวหน้าของภาพวาดหรือปูนที่ฉาบ ผนังออกเพื่อให้เห็นเนื้อใน Graffiti ถูกนำมาใช้ครั้งแรกประมาณยุค 70s เพื่อใช้เรียกการพ่นสีลงบนกำแพง Subway ใน New York ศิลปะ Graffiti หรือการวาดภาพหรือพ่นสีบนกำแพงหรือสิ่งอื่น ๆ ที่คล้าย ๆ กันถือ เป็นองค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งของวัฒนธรรม Hip-hop http://www.music499.com/music_sub1_hiphop.html หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 14:49 ตำนานเพลง http://www.maama.com/reading/view.php?id=001252 คัดลอกมาจากกระทู้ในบอร์ดไทยแวร์ โดยคุณ แหลกเตี๋ยวทุกวัน..กิกิ สำหรับคอ rock เพลง rock คือเพลงที่เน้นฝีมือ และลวดลายดนตรี และศิลปิน rock คือผู้ที่ต้องมีความสามารถในเรื่องดนตรีเท่านั้น เพราะเป็นเพลงที่เล่นยาก และต้องหูดี (อ่านออก ฟังออก แยกแยะซาวด์ต่างๆออก) ต่างจากเพลงทั่วไปที่ฟังแค่เนื้อร้องกะทำนองว่าเพราะว่ามันดีก็พอแล้ว แต่ยังไง rock ก็ยังอ่อนชั้นกว่า JAZZ อยู่มากหลายเท่าตัว (อย่าเข้าใจว่า jazz คือเพลงช้าๆ เป่า sax นะครับ อันนั้นไม่ใช่ jazz อันนั้นเป็นเพลง easy listening แต่คนไทยเรียกผิดว่าเป็น jazz) ศิลปินร็อคจึงยกย่อง นับถือศิลปิน jazz เสมอ และเป็นครูของศิลปินร็อคโดยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน jazz เครื่องดนตรีไหนก็ตาม ตั้งแต่ กลอง เบส กีตาร์ เปียโน และเครื่องเป่า จึงขอให้เกียรติและยกย่องครูเพลง (คือศิลปิน jazz ทั้งหลาย) ณ ที่นี้ ----- ตำนาน ROCK จาก BLUES มาเป็น ROCK N' ROLL หลายคนคงนึกถึง Elvis แต่เปล่าเลย Elvis ไม่ได้มีส่วนสำคัญในการค้นพบแนว ROCK and ROLL เลย เขาเป็นเพียงดารา superstar เท่านั้น แต่จริงๆแล้วยุคนั้นเป็นยุคที่ rock n' roll มีเกลื่อนกลาดแล้ว ตำแหน่ง king of rock จึงไม่คู่ควรกับเขา และจาก ROCK 'N' ROLL ก็กลายมาเป็น เพลง ROCK เริ่มถือกำเนิดจาก Hard Rock ในยุค 60 ปลายๆ ถึงต้นๆ 70 วงดังวงหนึ่งและมีบทบาทสร้างตำนาน Rock ก็ได้แก่ Led Zepplin จากการร้องโทนเสียงต่ำทุ้มๆ(แบบลูกกรุง) กลายมาเป็นเสียงสูง เพราะๆใสๆ อีกฟากของแนวดนตรี Rock ยังมี Rock แบบ Bluesๆ อยู่อีกด้วย ศิลปินตำนานคือ Jimi hendrix กีตาร์มือซ้าย เขาคือผู้คิดค้น กีตาร์เสียงแตก (สาเหตุเกิดจาก เอฟเฟ็คมันเจ๊งแล้วเสียงแตก เค้าเลยเห็นว่าเสียงมันดุดี) ก็เลยมีกีตาร์เสียงแตกมาจนถึงกระทั่งปัจจุบัน และนอกจากจะเป็นกำเนิดกีตาร์เสียงแตกแล้ว JIMI ยังเป็นคนขี้เมา(ยา) เพลงของเขาจึงออกหลอนๆ โหยหวน มันจึงกลายเป็นต้นกำเนิดแนว Xychedelic อีกด้วย ซึ่งเพลงหลอนๆ โดยเฉพาะเพลง Dance จำพวกดีเจๆ trance ,rave,beatๆ, พวก trip-hop หลอนๆ(ไม่ใช่ hip-hopนะ) ที่ต้องอัพยา หรือวัฒนะธรรม Full moon party ก็มาจากJimi นี่แหละเป็นต้นกำเนิด (การอัพยา เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี) JIMI ถือเป็นกีตาร์มือหนึ่งของโลกในอดีต ส่วนมือกีตาร์ยุคหลังๆที่ดังๆได้แก่ Joe satriani และ steve vai มือหนึ่งของโลกคนปัจจุบัน ก็เล่นแนว ร็อค Bluesๆ เช่นกัน วง hard rock อีกวงหนึ่งในยุค 60 ปลายๆและต้นๆ 70 เช่นกัน ได้แก่ UFO ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่บุปผาชนยุค 70 ที่เรียกว่า "ยิปปี" เพลงตำนานของ UFO ได้แก่ ROCK BOTTOM และ HIGH FLYER ซึ่งวงนี้เป็นต้นกำเนิดแนวเพลง "เพื่อชีวิต" หรือแก็งฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน ซึ่งสามารถนำมาตบหัวพวกศิลปินเพื่อชีวิตบ้านเราได้ทุกคน ที่พวกเขาบอกว่าเพื่อชีวิตคือพวกอนุรักษ์วัฒนะธรรมไทย แต่เปล่าเลย เพื่อชีวิตคือเพลง ROCK ดีๆนี่แหละ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก UFO เต็มๆ โดยเฉพาะเพลง HIGH FLYER ซึ่งเป็นต้นฉบับของเพลงช้าของเพลงเพื่อชีวิต และเป็นแม่แบบเพลงช้าในเพลงไทยสตริงๆทั่วไปด้วยซ้ำ วง METAL หรือ เฮฟวี่ ดุๆได้กำเนิดขึ้น แล้วจาก Black sabbath นี่เอง นำโดยนักร้องดัง Ozzy Osbourne (ตอนนี้อ้วนเหมือนโป่ง the sun) ซึ่งได้เริ่มทำซาวด์ดนตรีมืดๆ ตั้งกีตาร์เสียงต่ำ และเนื้อหาไม่บุปผาชนแล้ว แต่ออกแนวศาสนา และนรกสวรรค์ ซาตาน ทำนองนี้ ซึ่งนี่คือแนวทางของดนตรี metal ยุคปัจจุบัน เช่น mariryn manson, korn, slipknot , linkin park และอื่นๆ (ที่บ้านเราเรียกผิดๆว่า hardcore) หลังจาก black sabbath แตก Ozzy ก็โด่งดังกับอัลบั้มส่วนหลายอัลบั้ม ในยุค 80 และเข้าเป็นตำนานคนสำคัญ เพราะทุกอัลบั้มของเขาทรงคุณภาพ เนื่องจากมือกีตาร์ เขาจะเปลี่ยนมือกีตาร์โซโลไปเรื่อยๆ และแต่ละคนที่เอาเข้าวงนั้น ล้วนโคตรพ่อเกง!ทั้งสิ้น pink floyd คือตำนาน progressive เป็นศิลปินที่ได้ชื่อว่า 'อัจฉริยะ' ที่สุดในโลก(ปัจจุบันเป็น 1 ใน 2 ของโลก) เหตุที่ pink floyd เป็น อัจฉริยะ ของโลกก็เพราะเขาเป็นผู้คิด ซาวด์แปลกๆ ซาวด์หลอน และศิลปะดนตรีที่เหนือชั้นและฟังยาก คือดนตรีของเขามาจากสติปัญญา และรวมทั้งการแสดงเวทีที่อลังการอย่างไม่เคยมีมาก่อน เขาเป็นนักดีไซน์การแสดงเวทีที่เก่งกาจมาก และออกแบบซาวด์ใหม่ๆก็เริ่มมาจากเค้า บุปผาชนยุค 60 ในเมกาคือยิปปี ส่วนบุปผาชนยุค 70 ในอังกฤษ เค้าเรียกว่า 'PUNK' (เป็นแนวดนตรีที่พวกเฮฟวี่เกลียดมาก เพราะเค้ามองว่าเป็นดนตรีที่ไร้ศิลปะ) เป็นที่รู้กันว่า คือพวกเสพยา เจาะตามร่างกาย สักตามร่างกาย ย้อมผม ตัดผมแปลกๆ พวกนี้ต้นกำเนิดคือพวกนอกกฎหมาย ไม่พอใจกฎหมายบ้านเมือง นอนตามข้างถนนและ UNDERGROUND นอกกฎหมายที่เรียกว่า ANARCHY หรือสัญลักษณ์ตัว A แต่ปัจจุบันเหลืออยู่แค่แฟชั่นเท่านั้น บุปผาชนไม่มีแล้ว ( เด็ก punk บ้านเราโปรดจำไว้เถอะว่า บุปผาชนไม่มีแล้ว อย่าพยายามทำตัวเกเรหนักหัวพ่อแม่เลย ) sex pistols วงพังค์ ชื่อดัง เจ้าของเพลง ANARCHY IN THE U.K โดยมีสมาชิกชื่อ SID VICIOUS ที่เด็กพังค์บ้านเรารู้จักกันดี misfits ก็วงพังค์ตำนานอีกวงหนึ่ง ซึ่งริเริ่มเขียนหน้าเขียนตา เพลงพังค์จะเล่นง่ายๆ เด็กพึ่งหัดก็เล่นเป็น ต่างจากเฮฟวี่ ร็อคที่ต้องใช้ศิลปะและฝีมือระดับสูง (พวกเฮฟวี่จึงโคตรเกลียดพังค์) และเพลงพังค์นี่เอง อีกฟากหนึ่งที่ อเมริกา ได้มีการนำเพลงพังค์มาร้องแบบแหกปาก จึงกลายเป็นแนว HARDCORE ซึ่งไม่ใช่ hardcore ที่บ้านเราเข้าใจผิดว่าเป็นพวก linkin park พวก sillyfool พวกนี้ ..จริงๆแล้วไม่ใช่เลย hardcore คือพังค์นี่แหละ ที่ร้องแหกปากและร้องเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองและปัญหาชีวิต และยุคต่อมา (ยุค 80 และ 90 )เพลง hardcore เป็นเพลงรุนแรงของคนที่มีคุณธรรม เรียกว่า 'สเตรจเอด' คือพวกมีอุดมการณ์ไม่เสพยา ไม่มีเซ็กซ์ และมีอุดมการณ์ในการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน ตัวอย่างเช่นวง earth crisis ซึ่งตรงข้ามกับอุดมการณ์ของพวกพังค์อย่างสิ้นเชิง ส่วนสายพังค์ตรงๆ ในปัจจุบัน เช่น greenday,sum41,blink182 ส่วนสายอเมริกาก็ bad religion, dead kenedy เป็นต้น เพลง heavy ที่ไม่เกลียดpunk คือวง kiss พวกเขานำเอาวัฒนะธรรมการเขียนหน้ามาจาก misfit และมาโด่งดังในเมกา และเริ่มมีการสอดเนื้อหาความเชื่อศาสนาเอาอย่าง black sabbath เข้าไปอีกด้วย ซึ่งมีการโชว์ประหลาดๆบนเวที เช่นกินเลือดค้างคาว นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย (ผมไม่เคยคิดจะชอบเลย) ยุค 80 ในขณะที่คนนิยมดนตรีปัญญาอ่อนอย่าง Disco แต่สายดนตรีร็อคก็ยังไม่ทิ้งแนวทางในการผลิตดนตรีที่มีศิลปะ โดยเฉพาะอย่าง การพัฒนาดนตรี heavy metal ไปเป็น power metal และ melodic power คือทำร็อคให้เป็น classic หรือเอาเพลง classic มาเล่นเป็นร็อค หรืออธิบายง่ายคือเล่นเพลงร็อคด้วยโน๊ตดนตรี classic นั่นเอง เพลงยุคนี้จึงมีศิลปะมาก คือเล่นกีตาร์แทนไวโอลิน และร้องสไตล์ร็อคผสมโอเปร่า ส่วนกลองแนว melodic power ก็จะใช้กลองสองกระเดื่อง และรัวspeed บ้างหรือเล่นจังหวะกระตุกบ้าง และโดดเด่นที่กีตาร์จะเล่นกีตาร์คู่ คือไม่แบ่งว่าใครริฟท์ใครโซโล คือคุณต้องเป็นนิ้วปืนกลได้ทั้งสองคน วงที่สำคัญที่ไดแก่ IRON MAIDEN, JUDAS PRIEST , GAMMAR RAY , Blind Guardian หลังจาก ซาวด์หนักๆของ Black sabbath เป็นที่คุ้นหู METALLICA ก็ทำแนวเพลง metal ให้โด่งดังเป็นที่แพร่หลาย (แต่ไม่นิยมมากเพราะยุค 80 เป็นยุคตกต่ำของเพลงร็อค และแนวที่นิยมคือ DISCO) โดยก่อนหน้านี้มีวง DEATH metal ชื่อ SODOM ได้บุกเบิกแนว thrash ขึ้นมาบนโลก และ SLAYER กับ METALLICA คือผู้นำมาเปิดตัวและสร้างตำนาน โดยแนว metal ยุคนี้ต่างจาก black sabbath คือไม่ใช่ heavy rock และได้มีการนำ !!กลองสองกระเดื่อง!!มาใช้อย่างเน้นมาก โดยรัวเท้าสปีดราวปืนกล และที่เป็นเอกลักษณ์คือ ทำกีตาร์เสียงต่ำและหนักแน่น(เหมือน korn,slipknot ก็มาจากแนวนี้) มีการร้องแบบสำรอก คือตะเบ็งจากกำบังลมผ่านทางลำคอเป็นเสียงแตก โดย thrash metal แตกแขนงออกเป็น speed metal เน้นเร็ว death metal กลองสับรัวอย่างเดียว เบส กีตาร์ก็สับรัวอย่างเดียว แล้วร้องเสียงผีๆ black metal,doom metal , industrial และอื่นๆ และยุค 90 นี้ก็ลดspeedลง ไม่สับเร็วแล้ว แล้วเน้นจังหวะโยกๆ เช่นวง white zombie, pantera, fear factory,machine head หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 14-08-2006, 19:26 เพลง HIGH FLYER เสียง MIDI http://music.forthai.com/lyric/?sid=6140 ศิลปิน UFO รหัสเพลง 06140 HIGH FLYER U.F.O .....High fly-er, wheel-ing birds I'm so far out to sea Ships are pass-ing.. e-very night Whoo oh my bo-yish dream And you're e-very me-lo-dy With the sea tides rush-ing free Ne-ver Ne-ver hold-ing back Rock and rollers drift by Solo 47 Bars 45... 46...47. Win-ter sum-mer Go so fast Seams I never see you One week-end and a pho-to-graph Whoo oh my bo-yish dream And you're e-very me-lo-dy With the sea tides rush-ing free Ne-ver Ne-ver hold-ing back Rock and rollers drift by แถมเกม Game (http://www.embosscreative.com/warnerbros/exorcist/exorcistgame.html) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:14 Anyone can be passionate, but it takes real lovers to be silly.
Author: Rose Franken Subject: Love & Romance There is only one happiness in life, to love and be loved. Author: George Sand Whoever does not love his work cannot hope that it will please others. Author: Anonymous Subject: Work The important thing was to love rather than to be loved. Author: W. Somerset Maugham Subject: Love & Romance One word frees us of all the weight and pain of life: That word is love. Author: Sophocles Subject: Love & Romance Consult your friend on all things, especially on those which respect yourself. His counsel may then be useful where your own self-love might impair your judgment. Author: Lucius Annaeus Seneca Subject: Friendship Judgment All mankind love a lover. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Love & Romance Mankind Keep love in your heart. A life without it is like a sunless garden when the flowers are dead. Author: Oscar Wilde Subject: Love & Romance I love deadlines. I especially love the whooshing sound they make as they fly by. Author: Douglas Adams Subject: Humor Since man is made of clay, he can never be completely pure. Since clay is basically foul, how can humans escape their basic nature? Purity does not lie in rituals, nor can human nature be changed by effort. Those who love God and remain conscious onl Author: Woody Allen Subject: Belief There is the same difference in a person before and after he is in love, as there is in an unlighted lamp and one that is burning. Author: Vincent Van Gogh Subject: Love & Romance To love another person is to see the face of God Author: Victor Hugo Subject: Love & Romance If we would build on a sure foundation in friendship, we must love friends for their sake rather than for our own. Author: Charlotte Bronte Subject: Friendship It is better to be hated for what you are than to be loved for what you are not. Author: Andre Gide Subject: Appearance & Attitudes Every principle is a war-note. Whoever attempts to carry out the rule of right and love and freedom must take his life in his hand. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: War Principle First love is only a little foolishness and a lot of curiosity. Author: George Bernard Shaw Subject: Love & Romance Curiosity We loved with a love that was more than love. Author: Edgar Allan Poe If you could only love enough, you could be the most powerful person in the world. Author: A. E. Housman Subject: Love & Romance He who loves the world as his body may be entrusted with the empire. Author: Lao-Tzu Subject: Leadership Love in its essence is spiritual fire. Author: Lucius Annaeus Seneca Subject: Love & Romance Spiritual Quotes 121 to 140 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:14 Men always want to be a woman's first love - women like to be a man's last romance.
Author: Oscar Wilde Subject: Men Women Relationship I love to see a young girl go out and grab the world by the lapels. Life's a bitch. You've got to go out and kick ass. Author: Maya Angelou A man in love is incomplete until he has married, then he is finished. Author: Zsa Zsa Gabor Subject: Humor Love is an act of endless forgiveness, a tender look which becomes a habit. Author: Peter Ustinov Subject: Love & Romance There is always some madness in love. But there is also always some reason in madness. Author: Friedrich Nietzsche Subject: Love & Romance True love stories never have endings. Author: Unknown Subject: Love & Romance Looking back, I have this to regret, that too often when I loved, I did not say so. Author: David Grayson Subject: Love & Romance You can give without loving, but you cannot love without giving. Author: Amy Carmichael Subject: Love & Romance Do everything with so much love in your heart that you would never want to do it any other way. Author: Yogi Desai Subject: Love & Romance The fickleness of the women I love is only equalled by the infernal constancy of the women who love me. Author: George Bernard Shaw Subject: Love & Romance Quotes from Plays I know the compassion of others is a relief at first. I don't despise it. But it can't quench pain, it slips through your soul as through a sieve. And when our suffering has been dragged from one pity to another, as from one mouth to another, we can no longer respect or love it. Author: George Bernanos Subject: Life Kindness When love beckons to you, follow him, Though his ways are hard and steep. And when his wings enfold you yield to him, Though the sword hidden among his pinions may wound you. Author: Khalil Gibran Love seeketh not itself to please, nor for itself hath any care, but for another gives its ease, and builds a Heaven in Hell's despair. Author: William Blake Religion has done love a great servive by making it a sin. Author: Anatole France Anger and jealousy can no more bear to lose sight of their objects than love. Author: George Eliot Subject: Anger Never pretend to a love which you do not actually feel, for love is not ours to command. Author: Alan Watts Subject: Love & Romance People who are sensible about love are incapable of it. Author: Douglas Yates Subject: Love & Romance Dignity and love do not blend well, nor do they continue long together. Author: Ovid Subject: Love & Romance The love of economy is the root of all virtue. Author: George Bernard Shaw Subject: Economics Virtue I love to hold people's hands when I visit hospitals, even though they are shocked because they haven't experienced anything like it before, but to me it is a normal thing to do. Author: Princess Diana หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:15 In art as in love, instinct is enough.
Author: Anatole France Lovers who love truly do not write down their happiness. Author: Anatole France Friendship is certainly the finest balm for the pangs of disappointed love. Author: Jane Austen Falling in love consists merely in uncorking the imagination and bottling the common sense. Author: Helen Rowland Subject: Love & Romance Wars teach us not to love our enemies, but to hate our allies. Author: W. L. George Subject: War Among all men on the earth bards have a share of honor and reverence, because the muse has taught them songs and loves the race of bards. Author: Homer Subject: Music When love is in excess it brings a man nor honor nor any worthiness. Author: Euripides Subject: Love & Romance Love is not enough. It must be the foundation, the cornerstone - but not the complete structure. It is much too pliable, too yielding. Author: Bette Davis Subject: Love & Romance Love is like a violin, the music may stop now and then, but the strings remain forever. Author: Unknown Subject: Love & Romance Oh, life is a glorious cycle of song, A medley of extemporanea; And love is a thing that can never go wrong; And I am Marie of Roumania. Author: Dorothy Parker Subject: Love & Romance I love you when you bow in your mosque, kneel in your temple, pray in your church. For you and I are sons of one religion, and it is the spirit. Author: Khalil Gibran Come live with me, and be my love, And we will some new pleasures prove, Of golden sands, and crystal brooks, With silken lines, and silver hooks. Author: John Donne I adore him... I have never been so happy. I have real love. Author: Princess Diana Love leads to devotion and devotion is the key to success. Author: Anonymous Subject: Hope & Dreams I have never regretted falling in love with anyone. I have lived and learned from everyone I know, and loved. I would not change a thing. Author: Nancy Williams Subject: Love & Romance Wind is to fire like distance is to love; it extinguishes the small and enflames the great. Author: Unknown Subject: Love & Romance If a man walks in the woods for love of them half of each day, he is in danger of being regarded as a loafer. But if he spends his days as a speculator, shearing off those woods and making the earth bald before her time, he is deemed an industrious and enterprising citizen. Author: Henry David Thoreau Subject: Nature Hypocrisy Human Nature Humanity I love you because when you're hard up you pawn your intelligence to buy a drink. Author: E E cummings If we lose love and self respect for each other, this is how we finally die. Author: Maya Angelou My great hope is to laugh as much as I cry; to get my work done and try to love somebody and have the courage to accept the love in return. Author: Maya Angelou Quotes 161 to 180 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:16 Love is life. All, everything that I understand, I understand only because I love. Everything is, everything exists, only because I love. Everything is united by it alone. Love is God, and to die means that I, a particle of love, shall return to the general and eternal source.
Author: Leo Nikolaevich Tolstoy I love songs about horses, railroads, land, Judgment Day, family, hard times, whiskey, courtship, marriage, adultery, separation, murder, war, prison, rambling, damnation, home, salvation, death, pride, humor, piety, rebellion, patriotism, larceny, determination, tragedy, rowdiness, heartbreak and love. And Mother. And God. Author: Johnny Cash What power has love but forgiveness? Author: William Carlos Williams Subject: Forgiveness All married couples should learn the art of battle as they should learn the art of making love. Good battle is objective and honest - never vicious or cruel. Good battle is healthy and constructive, and brings to a marriage the principle of equal par Author: Ann Landers Subject: Marriage Never marry but for love; but see that thou lovest what is lovely. Author: William Penn Subject: Love & Romance It is better to have loved and lost than to never have lost at all Author: Samuel Butler Subject: Love & Romance Love is, above all, the gift of oneself. Author: Jean Anouilh Subject: Love & Romance I love deadlines. I like the whooshing sound they make as they fly by. Author: Douglas Adams Subject: Humor Pursue some path, however narrow and crooked, in which you can walk with love and reverence. Author: Henry David Thoreau Subject: Life Respect Real success is finding your lifework in the work that you love. Author: David McCullough Subject: Success Oh, life is a glorious cycle of song, A medley of extemporanea; And love is a thing that can never go wrong; And I am Marie of Roumania. Author: Dorothy Parker Subject: Life If you could only love enough, you could be the most powerful person in the world. Author: Emmet Fox Subject: Love & Romance Be glad of life, because it gives you the chance to love and to work and to play and to look up at the stars. Author: Unknown Subject: Love & Romance I love acting. It is so much more real than life. Author: Oscar Wilde Subject: Acting We cannot really love anybody with whom we never laugh. Author: Agnes Repplier Subject: Love & Romance The magic of first love is our ignorance that it can never end. Author: Benjamin Disraeli Subject: Love & Romance Love is the joy of the good, the wonder of the wise, the amazement of the Gods. Author: Plato Subject: Love & Romance There are two classes of poets - the poets by education and practice, these we respect; and poets by nature, these we love. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Poetry The lover of nature is he whose inward and outward senses are still truly adjusted to each other; who has retained the spirit of infancy even into the era of manhood. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Nature Conversation has a kind of charm about it, an insuating and insidious something that elicits secrets from us just like love or liquor. Author: Lucius Annaeus Seneca Subject: Conversation Secrets Quotes 181 to 200 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:16 If my survival caused another to perish, then death would be sweeter and more beloved.
Author: Khalil Gibran Only our love hath no decay; this, no tomorrow hath, nor yesterday, running it never runs from us away, but truly keeps his first, last, everlasting day. Author: John Donne Fall not in love, therefore; it will stick to your face. Author: National Lampoon Subject: Love & Romance To love and be loved is to feel the sun from both sides. Author: David Viscott Subject: Love & Romance The pleasure of love is in loving. Author: Francois de La Rochefoucauld Subject: Love & Romance To love rightly is to love what is orderly and beautiful in an educated and disciplined way. Author: Plato Subject: Love & Romance Of all the varieties of virtues, liberalism is the most beloved. Author: Aristotle Subject: Virtue Love is the flower you've got to let grow. Author: John Lennon Love is a promise, love is a souvenir, once given never forgotten, never let it disappear. Author: John Lennon Love built on beauty, soon as beauty, dies. Author: John Donne Love is grand; divorce is a hundred grand. Author: Unknown Subject: Humor The way to love anything is to realize that it might be lost. Author: G. K. Chesterton Subject: Love & Romance In the arithmetic of love, one plus one equals everything and two minus one equals nothing. Author: Mignon McLaughlin Subject: Love & Romance Heaven has no rage like love to hatred turned, nor hell a fury like a woman scorned. Author: William Congreve Subject: Anger Mortal lovers must not try to remain at the first step; for lasting passion is the dream of a harlot and from it we wake in despair. Author: C. S. Lewis Subject: Sex A good marriage is one which allows for change and growth in the individuals and in the way they express their love. Author: Pearl Buck Subject: Marriage Shake hands and rancor will disappear. Give presents to each other and love each other and enmity will disappear. Author: Muhammad (PBUH) Subject: Love & Romance I refuse to accept the view that mankind is so tragically bound to the starless midnight of racism and war that the bright daybreak of peace and brotherhood can never become a reality... I believe that unarmed truth and unconditional love will have the final word. Author: Martin Luther King Jr. If you wished to be loved, love. Author: Lucius Annaeus Seneca Subject: Love & Romance Love is a gross exaggeration of the difference between one person and everybody else. Author: George Bernard Shaw Subject: Love & Romance Quotes 201 to 220 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:17 Love... It surrounds every being and extends slowly to embrace all that shall be.
Author: Khalil Gibran To make a prairie it takes a clover and one bee, One clover, and a bee, And revery. The revery alone will do, If bees are few. Author: Emily Dickinson Love, all alike, no season knows, nor clime, nor hours, days, months, which are the rags of time. Author: John Donne O, if thou car'st not whom I love alas, thou lov'st not me. Author: John Donne Reason and justice tell me there's more love for humanity in electricity and steam than in chastity and vegetarianism. Author: Anton Chekhov Love is my religion - I could die for it. Author: John Keats I love him to hell and back and heaven and back, and have and do and will Author: Sylvia Plath Love is the expression of one's values, the greatest reward you can earn for the moral qualities you have achieved in your character and person, the emotional price paid by one man for the joy he receives from the virtues of another. Author: Ayn Rand To say "I love you" one must first be able to say the "I." Author: Ayn Rand Seek Love in the pity of others' woe, In the gentle relief of another's care, In the darkness of night and the winter's snow, In the naked and outcast, seek Love there! Author: William Blake To love deeply in one direction makes us more loving in all others. Author: Anne-Sophie Swetchine Subject: Love & Romance Purchase not friends by gifts; when thou ceasest to give, such will cease to love. Author: Thomas Fuller Subject: Friendship In this world of extremes, we can only love too little. Author: Rich Cannarella Subject: Love & Romance I have not seen a person who loved virtue, or one who hated what was not virtuous. He who loved virtue would esteem nothing above it. Author: Confucius Subject: Character I love to be alone. I never found the companion that was so companionable as solitude. Author: Henry David Thoreau Subject: Loneliness My sorrow, when she's here with me, thinks these dark days of autumn rain are beautiful as days can be; she loves the bare, the withered tree; she walks the sodden pasture lane. Author: Robert Frost What I cannot love, I overlook. Is that real friendship? Author: Anais Nin If, as I can't help suspecting, the dead also feel the pains of separation (and this may be one of their purgatorial sufferings), then for both lovers, and for all pairs of lovers without exception, bereavement is a universal and integral part of our experience of love. Author: Eleanor Roosevelt Subject: American First Lady Quotes No matter how much you think you love somebody, you'll step back when the pool of their blood edges up too close. Author: Chuck Palahniuk As much as I converse with sages and heroes, they have very little of my love and admiration. I long for rural and domestic scene, for the warbling of birds and the prattling of my children. Author: John Adams Subject: American Presidential Quotes Quotes 221 to 240 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:18 A thing of beauty is a joy forever: its loveliness increases; it will never pass into nothingness.
Author: John Keats A thing of beauty is a joy forever; its loveliness increases; it will never pass into nothingness Author: John Keats There is always some madness in love. But there is also always some reason in madness. Author: Friedrich Nietzsche Subject: Sanity Love is when you give 60% and take 40%. Author: Unknown Subject: Love & Romance If a man withdraws his mind from the love of beauty, and applies it as sincerely to the love of the virtuous; if, in serving his parents, he can exert his utmost strength; if, in serving his prince, he can devote his life; if in his intercourse with his friends, his words are sincere - although men say that he has not learned, I will certainly say that he has. Author: Confucius Subject: Character It was such a lovely day I thought it was a pity to get up. Author: W. Somerset Maugham Subject: Miscellaneous Women are made to be loved, not understood. Author: Oscar Wilde Subject: Men Women Relationship We come to love not by finding the perfect person, but by learning to see an imperfect person perfectly. Author: Angelina Jolie A desire to be observed, considered, esteemed, praised, beloved, and admired by his fellows is one of the earliest as well as the keenest dispositions discovered in the heart of man. Author: John Adams Subject: American Presidential Quotes Ricky was "L" but he's home with the flu, Lizzie, our "O," had some homework to do, Mitchell, "E" prob'ly got lost on the way, So I'm all of the love that could make it today. Author: Shel Silverstein I love quotations because it is a joy to find thoughts one might have, beautifully expressed with much authority by someone recognized wiser than oneself. Author: Marlene Dietrich Subject: Quotations It is very difficult to live among people you love and hold back from offering them advice. Author: Anne Tyler Subject: Advice O, how this spring of love resembleth The uncertain glory of an April day! Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance Quotes from Plays But love is blind and lovers cannot see The pretty follies that themselves commit; For if they could, Cupid himself would blush To see me thus transformed to a boy. Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance Work is love made visible. And if you cannot work with love but only with distaste, it is better that you should leave your work and sit at the gate of the temple and take alms of those who work with joy. Author: Khalil Gibran The woods are lovely, dark and deep. But I have promises to keep, and miles to go before I sleep. Author: Robert Frost The best loved by God are those that are rich, yet have the humility of the poor, and those that are poor and have the magnanimity of the rich. Author: Saadi If I loved you less, I might be able to talk about it more. Author: Jane Austen You know it's love when all you want is that person to be happy, even if you're not part of their happiness. Author: Julia Roberts To be able to say how much love, is love but little. Author: Petrarch Subject: Love & Romance Quotes 241 to 260 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:18 The scholar who cherishes the love of comfort is not fit to be deemed a scholar.
Author: Confucius Subject: Education Excellent wretch! Perdition catch my soul, But I do love thee! and when I love thee not, Chaos is come again. Author: William Shakespeare Subject: Love & Romance Quotes from Plays Love alone can unite living beings so as to complete and fulfill them... for it alone joins them by what is deepest in themselves. All we need is to imagine our ability to love developing until it embraces the totality of men and the earth. Author: Pierre Tielhard de Chardin Business underlies everything in our national life, including our spiritual life. Witness the fact that in the Lord's Prayer, the first petition is for daily bread. No one can worship God or love his neighbor on an empty stomach. Author: Woodrow Wilson Subject: American Presidential Quotes I have feelings too. I am still human. All I want is to be loved, for myself and for my talent. Author: Marilyn Monroe Love is an expression and assertion of self-esteem, a response to one's own values in the person of another. One gains a profoundly personal, selfish joy from the mere existence of the person one loves. It is one's own personal, selfish happiness that one seeks, earns, and derives from love. Author: Ayn Rand If you love someone, you say it, right then, out loud. Otherwise, the moment just passes you by. Author: Julia Roberts Ladies of Fashion starve their happiness to feed their vanity, and their love to feed their pride. Author: Charles Caleb Colton Subject: Fashion Real success is finding your lifework in the work that you love. Author: David McCullough Subject: Work The love of liberty is the love of others; the love of power is the love of ourselves. Author: William Hazlitt Subject: Freedom My mother loved children -- she would have given anything if I had been one. Author: Groucho Marx Subject: Children I had always loved beautiful and artistic things, though before leaving America I had had a very little chance of seeing any. Author: Emma Albani Subject: Art When you have loved as she has loved, you grow old beautifully. Author: W. Somerset Maugham Subject: Age I believe that unarmed truth and unconditional love will have the final word in reality. This is why right, temporarily defeated, is stronger than evil triumphant. Author: Martin Luther King Jr. I had a lovers quarrel with the world. Author: Robert Frost Politics is such a torment that I advise everyone I love not to mix with it. Author: Thomas Jefferson Subject: American Presidential Quotes The greatest happiness of life is the conviction that we are loved; loved for ourselves, or rather, loved in spite of ourselves. Author: Victor Hugo Like music and art, love of nature is a common language that can transcend political or social boundaries. Author: Jimmy Carter Subject: American Presidential Quotes Nothing done with love offends me. Author: A. A. Attanasio The more I think about it, the more I realize there is nothing more artistic that to love others. Author: Vincent Van Gogh Quotes 261 to 280 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:19 For only as we ourselves, as adults, actually move and have our being in the state of love, can we be appropriate models and guides for our children. What we are teaches the child far more than what we say, so we must be what we want our children to become.
Author: Joseph Chilton Pearce There is a smile of love, And there is a smile of deceit, And there is a smile of smiles In which these two smiles meet. Author: William Blake The love of learning, the sequestered nooks, Author: Henry Wadsworth Longfellow Subject: Books To love and win is the best thing. To love and lose, the next best. Author: William M. Thackeray Subject: Love & Romance Love is an irresistible desire to be irresistibly desired. Author: Robert Frost Someday, after mastering the winds, the waves, the tides and gravity, we shall harness for God the energies of love, and then, for a second time in the history of the world, man will have discovered fire. Author: Pierre Tielhard de Chardin If I think more about death than some other people, it is probably because I love life more than they do. Author: Angelina Jolie The best smell in the world is that man that you love. Author: Jennifer Aniston We come to love not by finding a perfect person but by learning to see an imperfect person perfectly. Author: Sam Keen The best way to know God is to love many things. Author: Vincent Van Gogh There is a Law that man should love his neighbor as himself. In a few years it should be as natural to mankind as breathing or the upright gait; but if he does not learn it he must perish. Author: Alfred Alder We shouldn't teach great books; we should teach a love of reading. Author: B. F. Skinner We waste time looking for the perfect lover, instead of creating the perfect love. Author: Tom Robbins Immature love says: 'I love you because I need you.' Mature love says 'I need you because I love you.' Author: Erich Fromm I know of only one duty, and that is to love Author: Albert Camus I don't love you as if you were a rose of salt, topaz or arrow of carnations that propagate fire: I love you as one loves certain dark things, secretly, between the shadow and the soul. Author: Pablo Neruda Being deeply loved by someone gives you strength; loving someone deeply gives you courage. Author: Lao-Tzu A man can hide all things, excepting twain - That he is drunk, and that he is in love. Author: Antiphanes The definition of a beautiful woman is one who loves me. Author: Sloan Wilson Subject: Beauty Take hold lightly; let go lightly. This is one of the great secrets of felicity in love. Author: Spanish Proverb Subject: Proverb Quotes 281 to 300 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:19 People love chopping wood. In this activity one immediately sees results.
Author: Albert Einstein Subject: Work One should always be in love. That is the reason one should never marry. Author: Oscar Wilde Yesterday we obeyed kings and bent our necks before emperors. But today we kneel only to truth, follow only beauty, and obey only love. Author: Khalil Gibran Love is being stupid together. Author: Paul Valery And were an epitaph to be my story I'd have a short one ready for my own. I would have written of me on my stone: I had a lover's quarrel with the world. Author: Robert Frost To be fond of dancing was a certain step towards falling in love. Author: Jane Austen As soon as the land of any country has all become private property, the landlords, like all other men, love to reap where they never sowed, and demand a rent even for its natural produce. Author: Adam Smith An Editor becomes kind of your mother. You expect love and encouragement from an Editor. Author: Jackie Kennedy Subject: American First Lady Quotes Being away from home gave me the chance to look at myself with a jaundiced eye. I learned not to be ashamed of a real hunger for knowledge, something I had always tried to hide, and I came home glad to start in here again with a love for Europe that I am afraid will never leave me. Author: Jackie Kennedy Subject: American First Lady Quotes Love is a net that catches hearts like a fish. Author: Muhammad Ali Love is so short, forgetting is so long. Author: Pablo Neruda No one sat me down with a piece of paper and said, "This is what is expected of you. But... I'm lucky enough in the fact that I have found my role... I love being with people." Author: Princess Diana The biggest disease this day and age is that of people feeling unloved. Author: Princess Diana The kindness and affection from the public have carried me through some of the most difficult periods, and always your love and affection have eased the journey. Author: Princess Diana New Yorkers love it when you spill your guts out there. Spill your guts at Wimbledon and they make you stop and clean it up. Author: Jimmy Carter Subject: American Presidential Quotes I would rather belong to a poor nation that was free than to a rich nation that had ceased to be in love with liberty. Author: Woodrow Wilson Subject: American Presidential Quotes Love many things, for therein lies the true strength, and whosoever loves much performs much, and can accomplish much, and what is done in love is done well. Author: Vincent Van Gogh When a woman isn't beautiful, people always say, 'You have lovely eyes, you have lovely hair.' Author: Anton Chekhov Sex without love is merely healthy exercise. Author: Robert A. Heinlein I have been astonished that men could die martyrs for religion --I have shuddered at it. I shudder no more --I could be martyred for my religion --Love is my religion --I could die for that. Author: John Keats Quotes 301 to 320 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:20 For you to ask advice on the rules of love is no better than to ask advice on the rules of madness
Author: Terence They who love dancing too much seem to have more brains in their feet than in their head Author: Terence We have just enough religion to make us hate, but not enough to make us love one another. Author: Jonathan Swift As love without esteem is capricious and volatile; esteem without love is languid and cold. Author: Jonathan Swift And barefoot or first thing in the morning, I feel beautiful. Because I feel like me. I didn't always feel that way, but I feel that way now. When somebody just loves you, and when you make somebody happy, when your presence seems to make them happy, you suddenly feel like the most beautiful person in the world. Author: Angelina Jolie A love of tradition has never weakened a nation, indeed it has strengthened nations in their hour of peril; but the new view must come, the world must roll forward. Author: Winston Churchill Subject: Future British Prime Minister Quotes Women love us for our defects. If we have enough of them, they will forgive us everything, even our intellects. Author: Oscar Wilde Subject: Quotes from Plays Have we not come to such an impasse in the modern world that we must love our enemies - or else? The chain reaction of evil - hate begetting hate, wars producing more wars - must be broken, or else we shall be plunged into the dark abyss of annihilation. Author: Martin Luther King Jr. To love oneself is the beginning of a lifelong romance. Author: Oscar Wilde The whole difference between construction and creation is exactly this: that a thing constructed can only be loved after it is constructed; but a thing created is loved before it exists. Author: Charles Dickens If we love our country, we should also love our countrymen. Author: Ronald Reagan Subject: American Presidential Quotes You have to love your children unselfishly. That's hard. But it's the only way. Author: Barbara Bush Subject: American First Lady Quotes Beer is living proof that God loves us and wants us to be happy. Author: Benjamin Franklin Age does not protect you from love. But love, to some extent, protects you from age. Author: Anais Nin We've got this gift of love, but love is like a precious plant. You can't just accept it and leave it in the cupboard or just think it's going to get on by itself. You've got to keep watering it. You've got to really look after it and nurture it. Author: John Lennon Everyone has inside of him a piece of good news. The good news is that you don't know how great you can be! How much you can love! What you can accomplish! And what your potential is! Author: Anne Frank Communism is not love. Communism is a hammer which we use to crush the enemy. Author: Mao Tse-Tung Nature never did betray the heart that loved her. Author: William Wordsworth A pity beyond all telling is hid in the heart of love. Author: William Butler Yeats If you find someone you love in your life, then hang on to that love. Author: Princess Diana Quotes 321 to 340 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:21 Heaven grant us patience with a man in love.
Author: Rudyard Kipling Camerado, I give you my hand, I give you my love more precious than money, I give you myself before preaching or law; Will you give me yourself? Author: Walt Whitman Where mercy, love, and pity dwell, there God is dwelling too. Author: William Blake It's strange that words are so inadequate. Yet, like the asthmatic struggling for breath, so the lover must struggle for words. Author: T. S. Eliot And all people live, Not by reason of any care they have for themselves, But by the love for them that is in other people. Author: Leo Nikolaevich Tolstoy "Love" is that condition in which the happiness of another person is essential to your own... Jealousy is a disease, love is a healthy condition. The immature mind often mistakes one for the other, or assumes that the greater the love, the greater the jealousy. Author: Robert A. Heinlein All the world loves a good loser. Author: Kin Hubbard To abandon oneself to principles is really to die -- and to die for an impossible love which is the contrary of love. Author: Albert Camus Love conquers all things; let us too surrender to Love Author: Virgil Yes, I now feel that it was then on that evening of sweet dreams- that the very first dawn of human love burst upon the icy night of my spirit. Since that period I have never seen nor heard your name without a shiver half of delight, half of anxiety. Author: Edgar Allan Poe I love deadlines. I like the whooshing sound they make as they fly by. Author: Douglas Adams Every love's the love before in a duller dress Author: Dorothy Parker He loves his sailors, he loves his Navy, no bones about that, ... He never expects anything in return. That's what I love about him. Author: Robert E. Lee They are very bad neighbors, ... They turned our lives into nightmares. They occupied the land, leveled our farms, demolished our houses, killed our beloved and spared no effort to attack us. Author: Saadi This is a labor of love on my part and I gambled my entire life on doing this, so I am rather loath to dilute it. Author: Alton Brown To say 'I love you' one must first be able to say the 'I.' Author: Ayn Rand I love your show, Author: Patricia Heaton We come to love not by finding the perfect person, but by learning to see an imperfect person perfectly... Only after we have lost everything, are we free to do anything... Throw things out there and not be perfect and not have answers to anything and see if people understand Author: Angelina Jolie Everybody has different feelings and I think that ... our definitions of love and marriage and honor change as we get older, as we learn more, as we learn things about each other. So it's an ever- changing lesson. Author: Julia Roberts I admired Melanie before I loved her. Author: Antonio Banderas Quotes 341 to 360 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:21 You have to love the guy that you play, even if you play the villain, you've got to love him.
Author: Andy Garcia I have a love/hate relationship with white silk. Author: Alan Rickman I stick to simple themes. Love. Hate. No nuances. I stay away from psychoanalyst's couch scenes. Couches are good for one thing. Author: John Wayne As soon as beauty is sought not from religion and love, but for pleasure, it degrades the seeker. Author: Annie Dillard Among those whom I like or admire, I can find no common denominator, but among those whom I love, I can: all of them make me laugh. Author: W. H. Auden We create an environment where it is alright to hate, to steal, to cheat, and to lie if we dress it up with symbols of respectability, dignity and love. Author: Whitney Moore, Jr. Subject: Equality The definition of a beautiful woman is one who loves me. Author: Sloan Wilson Subject: Belief Do not hire a man who does your work for money, but him who does it for love of it. Author: Henry David Thoreau Subject: Work Nothing takes the taste out of peanut butter quite like unrequited love. Author: Charles M. Schulz Subject: Love & Romance Love looks through a telescope; envy, through a microscope. Author: Josh Billings Subject: Appearance & Attitudes Write down the advice of him who loves you, though you like it not at present. Author: English Proverb Subject: Advice If there be no great love in the beginning, yet heaven may decrease it upon better acquaintance, when we are married and have more occasion to know one another Author: William Shakespeare Subject: Quotes from Plays Men love to wonder, and that is the seed of science. Author: Ralph Waldo Emerson Subject: Science Gravitation is not responsible for people falling in love. Author: Albert Einstein When a man has once loved a woman he will do anything for her except continue to love her. Author: Oscar Wilde Love is only one of many passions. Author: Samuel Johnson The love of life is necessary to the vigorous prosecution of any undertaking. Author: Samuel Johnson Fortune and love favor the brave. Author: Ovid Happy are those who dare courageously to defend what they love. Author: Ovid Love and dignity cannot share the same abode. Author: Ovid Quotes 361 to 380 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:22 Paradise was made for tender hearts; hell, for loveless hearts.
Author: Voltaire I will not be just a tourist in the world of images, just watching images passing by which I cannot live in, make love to, possess as permanent sources of joy and ecstasy. Author: Anais Nin God loves to help him who strives to help himself. Author: Aeschylus We did a show in San Antonio that was really amazing. The military helped us do a satellite to Baghdad where during intermission we had eight families seated in the front row and one by one they were able to communicate with their loved ones using the cameras to see each other. It was so emotional and nobody moved even though it was the intermission. Author: Amy Grant I think that if my kids are completely convinced of God's unfailing love for them, whether they fail or not, they'll have confidence to persevere in life. Author: Amy Grant Love is the affinity which links and draws together the elements of the world... Love, in fact, is the agent of universal synthesis. Author: Pierre Tielhard de Chardin The man who loves other countries as much as his own stands on a level with the man who loves other women as much as he loves his own wife. Author: Theodore Roosevelt Subject: American Presidential Quotes There are many little ways to enlarge your child's world. Love of books is the best of all. Author: Jackie Kennedy Subject: American First Lady Quotes Lo, like a candle wrestling with the night... O'er my own self I pour my flooding tears... I spent my self, that there might be more light... More loveliness, more joy. Author: Allama Muhammad Iqbal I am so in love with my brother right now! Author: Angelina Jolie I'm passionately involved in life: I love its change, its color, its movement. To be alive, to be able to see, to walk, to have houses, music, paintings - it's all a miracle. Author: Arthur Rubinstein Love is a trap. When it appears, we see only its light, not its shadows. Author: Paulo Coelho The wise are wise only because they love. The fool are fools only because they think they can understand love. Author: Paulo Coelho Family's first, and that's what matters most. We realize that our love goes deeper than the tennis game. Author: Serena Williams The last thing a woman will consent to discover in a man whom she loves, or on whom she simply depends, is want of courage. Author: Joseph Conrad Where does discontent start? You are warm enough, but you shiver. You are fed, yet hunger gnaws you. You have been loved, but your yearning wanders in new fields. And to prod all these there's time, the Bastard Time. Author: John Steinbeck I love Mickey Mouse more than any woman I have ever known. Author: Walt Disney Don't forget to love yourself. Author: Soren Kierkegaard I tell you what really turns my toes up: love scenes with 68-year-old men and actresses young enough to be their granddaughter. Author: Mel Gibson Though lovers be lost love shall not. Author: Dylan Thomas Quotes 381 to 400 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:23 Love dies only when growth stops.
Author: Pearl Buck There is hardly any activity, any enterprise, which is started out with such tremendous hopes and expectations, and yet which fails so regularly, as love. Author: Erich Fromm One can give without loving, but one cannot love without giving Author: Amy Carmichael How do I love thee? Let me count the ways. I love thee to the depth and breadth and height my soul can reach. Author: Elizabeth Barrett Browning We always deceive ourselves twice about the people we love - first to their advantage, then to their disadvantage. Author: Albert Camus Now I know the things I know, and I do the things I do; and if you do not like me so, to hell, my love, with you! Author: Dorothy Parker Love sees sharply, hatred sees even more sharp, but Jealousy sees the sharpest for it is love and hate at the same time Author: Arab Proverb When we promise to love we really mean that we promise to honor a contract Author: Anthony Burgess I can always be distracted by love, but eventually I get horny for my creativity. Author: Gilda Radner I've never believed much in that holding hands kind of love. I've always thought that love is about two different personalities trying to confront life, trying to make sense of their responsibilities, to themselves, to each other, and to the wider society. Author: Alan Bates Never seek to tell thy love, / Love that never told can be; / For the gentle wind does move / Silently, invisibly. Author: William Blake It makes no difference how deeply seated may be the trouble, how hopeless the outlook how muddled the tangle, how great the mistake. A sufficient realization of love will dissolve it all. Author: Emmet Fox Oh sleep! It is a gentle thing, Beloved from pole to pole. Author: Samuel Taylor Coleridge Subject: Sleep To resist the frigidity of old age one must combine the body, the mind and the heart - and to keep them in parallel vigor one must exercise, study and love. Author: Karl von Bonstetten Subject: Age Only on paper has humanity yet achieved glory, beauty, truth, knowledge, virtue, and abiding love. Author: George Bernard Shaw Subject: Mankind Yet each man kills the thing he loves, by each let this be heard, some do it with a bitter look, some with a flattering word. The coward does it with a kiss, the brave man with a sword! Author: Oscar Wilde Love is the wisdom of the fool and the folly of the wise. Author: Samuel Johnson Like an image in a dream the world is troubled by love, hatred, and other poisons. So long as the dream lasts, the image appears to be real; but on awaking it vanishes. Author: Samuel Johnson If you want to be loved, be lovable. Author: Ovid A poet never takes notes. You never take notes in a love affair. Author: Robert Frost Quotes 401 to 420 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:23 I argue thee that love is life. And life hath immortality.
Author: Emily Dickinson His Labor is a Chant - his Idleness - a Tune - oh, for a Bee's experience of Clovers, and of Noon! Author: Emily Dickinson Choose a job you love, and you will never have to work a day in your life. Author: Confucius Love is a canvas furnished by nature and embroidered by imagination. Author: Voltaire When the winds blow and the rains fall and the sun shines through the clouds he still resolves as he did then, that nothing so fine ever happened to him or anyone else as falling in love with Thee-my dearest heart. Author: Richard Milhous Nixon Subject: American Presidential Quotes The things that will destroy America are prosperity-at-any-price, peace-at-any-price, safety-first instead of duty-first, the love of soft living, and the get-rich-quick theory of life. Author: Theodore Roosevelt Subject: American Presidential Quotes I love argument, I love debate. I don't expect anyone just to sit there and agree with me, that's not their job. Author: Margaret Thatcher Subject: British Prime Minister Quotes When women love us, they forgive us everything, even our crimes; when they do not love us, they give us credit for nothing, not even our virtues. Author: Honore de Balzac The most exciting thing is not doing it. If you fall in love with someone and never do it, it's much more exciting. Author: Andy Warhol One is loved because one is loved. No reason is needed for loving. Author: Paulo Coelho Love can consign us to hell or to paradise, but it always takes us somewhere. Author: Paulo Coelho Love is the crowning grace of humanity. Author: Petrarch The more one does and sees and feels, the more one is able to do, and the more genuine may be one's appreciation of fundamental things like home, and love, and understanding companionship. Author: Amelia Earhart That saying, about how you always kill the thing you love, well, it works both ways. Author: Chuck Palahniuk We were both in love with him. I fell out of love with him, but he didn't. Author: Zsa Zsa Gabor What a cruel thing is war: to separate and destroy families and friends, and mar the purest joys and happiness God has granted us in this world; to fill our hearts with hatred instead of love for our neighbors, and to devastate the fair face of this beautiful world. Author: Robert E. Lee What a cruel thing war is... to fill our hearts with hatred instead of love for our neighbors. Author: Robert E. Lee Resignation, not mystic, not detached, but resignation open-eyed, conscious, and informed by love, is the only one of our feelings for which it is impossible to become a sham. Author: Joseph Conrad I am tired, beloved, of chafing my heart against the want of you; of squeezing it into little ink drops, and posting it. And I scald alone, here, under the fire of the great moon. Author: Amy Lowell Sexual love is the most stupendous fact of the universe, and the most magical mystery our poor blind senses know. Author: Amy Lowell Quotes 421 to 440 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:24 Death and love are the two wings that bear the good man to heaven.
Author: Michelangelo In literature as in love, we are astonished at what is chosen by others. Author: Andre Maurois We owe to the Middle Ages the two worst inventions of humanity - romantic love and gunpowder. Author: Andre Maurois I love doing stuff with Todd Barry and Jon Benjamin. We give the stage to good bands and funny people. Author: David Cross I love Virginians because Virginians are all snobs and I like snobs. A snob has to spend so much time being a snob that he has little time left to meddle with you. Author: William Faulkner Can miles truly separate you from friends... If you want to be with someone you love, aren't you already there? Author: Richard Bach The best way to pay for a lovely moment is to enjoy it. Author: Richard Bach The more I know of the world, the more I am convinced that I shall never see a man whom I can really love Author: Jane Austen But surely for everything you love you have to pay some price Author: Agatha Christie True love always makes a man better, no matter what woman inspires it Author: Alexandre Dumas We come to love not by finding a perfect person, but by learning to see an imperfect person perfectly Author: Sam Keen Because of a great love, one is courageous. Author: Lao-Tzu I love the art, it's by John Johnson. He does all the KPIG art. I wanted to incorporate a city scene and add a little of the Far Side vibe. Author: Arthur Godfrey I didn't come from two rooms in Brixton to 10 Downing Street not to go out and fight with every fiber of my being for the things I believe in and the country I love, Author: John Major Subject: British Prime Minister Quotes I've had my best times when trailing a Mainbocher evening gown across a sawdust floor. I've always loved high style in low company. Author: Anita Loos The return makes one love the farewell. Author: Alfred de Musset I would / Love you ten years before the flood, / And you should if you please refuse / Till the conversion of the Jews; / My vegetable love should grow / Vaster than empires and more slow. Author: Andrew Marvell The Love of a Good Women. Author: Alice Munro What Norman Bates calls for is for an actor to be able to go into their insanity, ... Vince is one of the few people I think who's willing to go into that duplicity in himself, and that insanity, and say, 'You know what? Now I'll show it to you.' I think that we're going to love his Norman Bates, because he's showing you himself in ways that nobody else would have the courage to do. It's an amazing performance. Author: Anne Heche Love is a mess, at best, and I figure it can be very real in spite of all the things people try to attach to it. Author: Sean Penn Quotes 441 to 460 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:24 Nothing gives me as much pleasure as travelling. I love getting on trains and boats and planes.
Author: Alan Rickman I love to travel and I don't have children, so there is a certain freedom. Author: Alan Rickman I am in you and you in me, mutual in divine love. Author: William Blake To bare our souls is all we ask, to give all we have to life and the beings surrounding us. Here the nature spirits are intense and we appreciate them, make offerings to them - these nature spirits who call us here - sealing our fate with each other, celebrating our love. Author: Alex Grey I subject my awareness to the perfection of being, the perfection of wisdom and perfection of love, all of these being co-present in the Vast Expanse. I share this panorama of Being and appreciate all I can share it with... the seamless interweaving of consciousness with each moment. Author: Alex Grey In some ways it's a metaphor for creating, or writing a novel. It's the process that's the important thing, the search, the quest. In a period of about five years I lost so many people that I'd loved. Author: Alice Hoffman Don't let love interfere with your appetite. It never does with mine. Author: Anthony Trollope Love is like any other luxury. You have no right to it unless you can afford it. Author: Anthony Trollope It's tangible, it's solid, it's beautiful. It's artistic, from my standpoint, and I just love real estate. Author: Donald Trump This is just who I am and I'm happy that this is what people loved and accepted me for. Author: Alicia Keys Sometimes your friends are your lovers, or have been at one time. Author: Axl Rose You can't disrespect the love. You can't disrespect the peace treaty. Author: Tupac Shakur Down on your knees, and thank heaven, fasting, for a good man's love. Author: Euripides Write down the advice of him who loves you, though you like it not at present. Author: English Proverb Subject: Proverb I love the winning, I can take the losing, but most of all I Love to play. Author: Boris Becker Subject: Sports & Competition There is no love sincerer than the love of food. Author: George Bernard Shaw Subject: Food Oh, the tiger will love you. There is no sincerer love than the love of food. Author: George Bernard Shaw Subject: Food Majesty and love do not consort well together, nor do they dwell in the same place. Author: Ovid Love is full of anxious fears. Author: Ovid If any person wish to be idle, let them fall in love. Author: Ovid Quotes 461 to 480 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 06:25 There is something in the unselfish and self-sacrificing love of a brute, which goes directly to the heart of him who has had frequent occasion to test the paltry friendship and gossamer fidelity of mere Man.
Author: Edgar Allan Poe You don't have to deserve your mother's love. You have to deserve your father's. Author: Robert Frost But surely for everything you have to love you have to pay some price. Author: Agatha Christie Love has features which pierce all hearts, he wears a bandage which conceals the faults of those beloved. He has wings, he comes quickly and flies away the same. Author: Voltaire A friendship that like love is warm; A love like friendship, steady. Author: Sir Thomas Moore No, there's nothing half so sweet in life as love's young dream. Author: Sir Thomas Moore If you would be loved, love and be lovable. Author: Benjamin Franklin If we discovered that we only had five minutes left to say all that we wanted to say, every telephone booth would be occupied by people calling other people to stammer that they loved them. Author: Christopher Morley Absence - that common cure of love. Author: Lord George Gordon Byron There is nothing I love as much as a good fight. Author: Franklin D. Roosevelt Subject: American Presidential Quotes Love (understood as the desire of good for another) is in fact so unnatural a phenomenon that it can scarcely repeat itself, the soul being unable to become virgin again and not having energy enough to cast itself out again into the ocean of another's soul. Author: James Joyce It is easier to be a lover than a husband for the simple reason that it is more difficult to be witty every day than to say pretty things from time to time. Author: Honore de Balzac Who so loves believes the impossible. Author: Elizabeth Barrett Browning You were made perfectly to be loved - and surely I have loved you, in the idea of you, my whole life long. Author: Elizabeth Barrett Browning If thou must love me, let it be for naught except for love's sake only. Author: Elizabeth Barrett Browning Love one person, take care of them until you die. You know, raise kids. Have a good life. Be a good friend. And try to be completely who you are. And figure out what you personally love. And like go after it with everything you've got no matter how much it takes. Author: Angelina Jolie Being happy is something you have to learn. I often surprise myself by saying "Wow, this is it. I guess I'm happy. I got a home I love. A career that I love. I'm even feeling more and more at peace with myself." If there's something else to happiness, let me know. I'm ambitious for that, too. Author: Harrison Ford It is good to realize that if love and peace can prevail on earth, and if we can teach our children to honor nature's gifts, the joys and beauties of the outdoors will be here forever. Author: Jimmy Carter Subject: American Presidential Quotes There is nothing wrong with America that faith, love of freedom, intelligence, and energy of her citizens cannot cure. Author: Dwight D. Eisenhower Subject: American Presidential Quotes I loved "Clueless." That was one of my favorite movies of all time. Author: Amanda Bynes Quotes 481 to 500 of 500 หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 07:04 รักต้องตอบด้วยรัก http://imusic.teenee.com/2/frame/5424.php หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 07:06 เพลง Colors Of The Wind, Vanessa Williams http://imusic.teenee.com/2/frame/5302.php หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 07:35 เพลง เวิร์ลคัพ 1990 To be number one (http://www.siam2.com/jukebox/wmasong/world cup 1990-to be number one.wma) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 08:05 JUST CLICK (http://img301.imageshack.us/img301/2580/showxk6.gif) (http://www.freewebs.com/meel49/WithPowerOfLove_3Souw.wma) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 15-08-2006, 08:32 Good moring kra
คุงพี่ปู่สบายดีน๊า หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 15-08-2006, 09:06 Good moring kra คุงพี่ปู่สบายดีน๊า แล้วอนาเป็นไง นอนตื่นคงสดชื่น?.. (http://img67.imageshack.us/img67/9569/1111su3.jpg) (http://www.oldsonghome.com/music/song/2135.ram) (http://www.flowerofthailand.com/products/GL002_l.gif) (http://members.thai.net/jakeethai/Audio/0.SWF) ผมจะหายตัวสักพักใหญ่ ใครที่คิดถึงผมให้หากระดาษแผ่นใหญ่ที่สุดมาพับครึ่งทบไปเรื่อย สักร้อยครั้ง.. ทำแล้วอย่าลืมแจ้งให้ทราบด้วย...ไม่ได้ลองทำอย่ามาหลอกลวงกัน หัวใจผมบอบบาง..ครับ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: Killer ที่ 15-08-2006, 16:10 อะไรว้ะเนี่ย...จริงจัง...หมกมุ่นกับเรื่องเพศมากไปรึเปล่า....
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-08-2006, 06:06 อะไรว้ะเนี่ย...จริงจัง...หมกมุ่นกับเรื่องเพศมากไปรึเปล่า.... EQUALITY (http://forum.serithai.net/index.php?topic=5217.msg80567#msg80567) หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-08-2006, 09:10 ยังมีเรื่องที่น่าจะเขียนถึงอีกหลายเรื่อง ต้องหาเวลามาเขียนต่อ ซึ่งจุดประสงค์ของผู้เขียน ในที่สุด ท่านจะทราบได้เองนับว่ามีมากไม่น้อย... พบกันใหม่ครับ....คำถามเรื่องพับกระดาษ ไม่มีใครเข้ามาตอบ แสดงว่าไม่สนใจ ดังนั้นก็ปล่อยให้ตกไปก่อนก็แล้วกัน.... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 16-08-2006, 09:36 หนูไม่สามารถพับกระดาษ เป็นทบได้ร้อย ทบหรอกค่ะ
ฉะนั้นหนูจึงไม่ตอบ :mrgreen: คุงพี่ปู่ เป็นอะไร หมู่นี้ขี้น้อยใจจังค่ะ :D :D หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: ธ.ส. ที่ 16-08-2006, 09:59 ต้องใช้คำว่า Gender Equity ครับ ความเท่าเทียมกันทางเพศ
หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-08-2006, 10:02 หนูไม่สามารถพับกระดาษ เป็นทบได้ร้อย ทบหรอกค่ะ ฉะนั้นหนูจึงไม่ตอบ :mrgreen: คุงพี่ปู่ เป็นอะไร หมู่นี้ขี้น้อยใจจังค่ะ :D :D ผมไม่แน่ใจครับว่าตัวเองขี้ใจน้อยหรือเปล่า เมื่อเทียบกับคนอื่น แต่ความรู้สึกผมไวมาก..พูดย้ำนิดหน่อยเอง.. อย่างไรก็ตาม ทดลองพับแล้ว ยินดีมากครับ ได้กี่ทบ?? หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-08-2006, 10:04 ต้องใช้คำว่า Gender Equity ครับ ความเท่าเทียมกันทางเพศ ครับ ขอบคุณครับ ความเท่ากันกับความเท่าเทียมมันไม่เหมือนกัน เหมือนการแบ่งอาหารให้คนที่มีขนาดร่างกายไม่เท่ากัน.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 16-08-2006, 10:06 ทำไมต้องให้ตอบแบบขายหน้าด้วยอ่าค่ะ
หกทบนี้ ก็จะแย่ ทบที่เจ็ด นี้ไม่ต้องถามถึงพับไปไม่ได้ หนูใช้กระดาษ เอสี่ ธรรมดาๆๆ อ่ะค่ะ ใช้กระดาษทิชชู ได้แค่ห้า :lol: :lol: :lol: ทำไม่เปงค่ะ มันต้องมีเทคนิคแน่ๆๆค่ะ หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-08-2006, 10:16 ทำไมต้องให้ตอบแบบขายหน้าด้วยอ่าค่ะ หกทบนี้ ก็จะแย่ ทบที่เจ็ด นี้ไม่ต้องถามถึงพับไปไม่ได้ หนูใช้กระดาษ เอสี่ ธรรมดาๆๆ อ่ะค่ะ ใช้กระดาษทิชชู ได้แค่ห้า :lol: :lol: :lol: ทำไม่เปงค่ะ มันต้องมีเทคนิคแน่ๆๆค่ะ แล้วคำนวณหรือยัง?หรือถามกลับเล่นๆ เทคนิคก็คือต้องหาอะไรที่บางและใหญ่มากๆ..ซึ่งตอนนี้ยังหาไม่ได้นะซี.. หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง่ไหน เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-08-2006, 10:36 ต้องใช้คำว่า Gender Equity ครับ ความเท่าเทียมกันทางเพศ ครับ ขอบคุณครับ ความเท่ากันกับความเท่าเทียมมันไม่เหมือนกัน เหมือนการแบ่งอาหารให้คนที่มีขนาดร่างกายไม่เท่ากัน.. ตามคำศัพท์ ที่แปลมาจากภาษาอังกฤษ ก็คือการปฏิบัติและเลือกปฏิบัติ ความยุติธรรม ความสมเหตุสมผล หรือ ความรู้สึกพึงพอใจยอมรับ จะเห็นว่ามันเริ่มเป็นอะไร ที่แตกต่างระหว่างบุคคลมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ไม่แตกต่างกันก็คือสิ่งที่ไม่มีชีวิต สิ่งที่เป็นนามธรรม และเป็นสากล.. คำถามคือ ทั้งความเท่ากันและความเท่าเทียมมีอยู่จริงหรือไม่? บางคนก็ว่าอยู่ที่ขอบเขตในการพิจารณา และตัวผู้สังเกต... หัวข้อ: Re: เห็นใช้และร่ำร้องหาความเท่าเทียมกันจังเลย ถามง่ายๆ อะไรเท่าเทียมกับอะไรในแง เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-08-2006, 10:40 ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมขอพักกระทู้นี้ไว้ตรงนี้ก่อน..ครับ http://www.siam2.com/jukebox/wmasong/14apr06-019.wma |