หัวข้อ: V for Vendetta พลังแห่งความคิด..??? เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 02-08-2006, 11:10 ประกายดาว ชอบดู ภาพบยนตร์มาก จนถึงระดับ ที่เพื่อนรัก ชมว่า
เธอ บ้า มากๆ ... เพราะ ประกายดาวชอบดู ภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ ค่ะ และ ถ้าชอบมากๆ ดูได้ซ้ำๆไม่เบื่อ ขอ พูดถึง หนังเรื่องนี้ ... V for Vendetta (http://www.bloggang.com/data/nusfish/picture/1154205122.jpg) ประกายดาวชอบคำพูดข้างบน People should not be afriad of their goverments Goverment should be afriad of their people. (http://img211.imageshack.us/img211/9040/01hp.jpg) หนังเรื่องนี้ ไม่ใช่หนังบู๊ ล้างผลาญ หรือประเภท ซุปเปอร์ฮีโร่ค่ะ เป็นนักซับซ้อน หนักอึ้ง และ ชวนคิดตาม ถ้าคุณช่างคิด V For Vendetta อ้างอิงมาจากนิยายภาพชื่อเรื่องเดียวกันของ อลัน มัวร์ ที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายเดือนชื่อ Warrior ในปี 1981 โดยเรื่องราวในที่นี้เกิดขึ้นในอนาคต เกี่ยวกับการต่อต้านอำนาจรัฐ (แหม เข้า กับเหตุการณ์ บ้านเฮาหรือเปล่านี่ :mozilla_tongue:) หนูเข้าใจว่า สร้างโดยทีมที่สร้าง The Matrix ....ใช่ไหมเนี่ย V for Vendetta เพชรฆาตหน้ากากพญายม แบบ เท่ แปลกๆ เขาเป็นชายหนุ่มนักสู้ที่โดดเดี่ยว ภาพยนตร์เรื่อง V for Vendetta เดินเรื่องท่ามกลางภูมิทัศน์แห่งอนาคตของอังกฤษ ที่ปกครองด้วยระบบเผด็จการ บอกเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวชนชั้นกรรมาชีพที่มีนามว่า อีวี่ย์ (นาตาลี พอร์ตแมน) ซึ่งได้รับการช่วยชีวิตจากสถานการณ์ความเป็นความตาย โดยชายในหน้ากาก ที่รู้จักกันเพียงในนาม "วี." (ฮิวโก้ วีฟวิ่ง) พระเอกนั่นเอง (เท่แบบไม่ต้องเห็นหน้า) :mozilla_cool: (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/vforvendetta/v_12.jpg) พระเอก นั้นมีความซับซ้อน และเต็มไปด้วยเสน่ห์ เป็นผู้รู้ มีความร่าเริงหรูหรา อ่อนโยน และฉลาดเป็นกรด เขาเป็นผู้ชายที่มอบชีวิตไว้กับการปลดปล่อยประชาชนร่วมชาติ จากพวกที่กดขี่พวกเขาให้ยอมทำตาม เขายังเป็นคนที่ขมขื่น แสวงหาการแก้แค้น เดียวดาย และรุนแรง ซึ่งมาจากแรงผลักดันของความอาฆาตส่วนตัว นั่นแหล่ะค่ะ บุคลิกของ พระเอก (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/vforvendetta/v_06.jpg) (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/vforvendetta/v_07.jpg) (http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/vforvendetta/v_15.jpg) อีวีส์ แฮมมอน ก็เป็นหนึ่งในประชาชนที่ถูกปิดกั้นจากความคิด ไม่แตกต่างกับคนทั่วไปที่ใฝ่หาความสะดวกสบาย จนยอมจำนนต่อโลกภายนอก ทั้งที่ในใจลึกๆใฝ่หาอิสระ ดังนั้นการสร้างความเชื่อนั้นยากยิ่งกว่าการทำลายมันซะอีก และคุณจะเข้าใจจากประโยคที่ว่า That this country needs more than a building right now. It needs hope. เมืองนี้ต้องการมากกว่าตึกรามบ้านช่อง ...เมืองนี้ต้องการความหวัง เรื่องราวของเมืองที่ถูกปกครองโดยรัฐบาล ด้วยความหวาดกลัว อาจจะเรียกว่าเป็นการครอบงำทางความคิด รัฐบาลสัญญาจะให้ความปลอดภัย แลกกับการตกอยู่ใต้การปกครองเผด็จการ แลกกับคำว่าอิสระเสรี ประชาชนยอมรับมัน ใช้ชีวิตโดยปราศจากความหมาย จนเมื่อบุรุษภายใต้หน้ากากนามว่า V (ว้าววววววว) ปรากฏขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน วันเดียวกับที่กายส์ ฟอกซ์วางแผนระเบิดตึกรัฐสภาเมื่อ 400ปีที่แล้ว พร้อมกับบอกกับประชาชนว่า If you see what I see If you feel as I feel ,and if you would seek as I seek Then I ask you to stand beside me ด้วยคำมั่นสัญญา เขาจะระเบิดตึกรัฐสภาในวันที่ 5 พฤศจิกายน ในอีก 1 ปีถัดจากนี้ ความคิดเปลี่ยนแปลงโลกได้จริงหรือ ? ประกายดาวเชื่อว่าจริง ...ปัญญา คือ อาวุธ ล้ำค่าที่สุดค่ะ ความคิดต่อสิ่งที่เป็นอยู่ต่อมุมมองของคนๆธรรมดาคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่สอนให้เราทุกคนได้เข้าใจเกี่ยวกับความคิด ด้วยประโยคสั้นๆ เปรียบเทียบความคิดกับบุคคล We are told to remember the idea and not the man. Because a man can fail. He can be caught ,he can be killed and forgotten. But 400 years later an idea can still change the world. เราถูกสอนให้จดจำที่แนวความคิด ไม่ใช่ตัวบุคคล เพราะบุคคลล้มเหลวได้ ถูกจับกุมได้ ถูกฆ่าได้ และถูกลืมได้ แต่ต่อจากนี้อีก 400 ปี ... แนวความคิดจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ประโยคที่ว่าหมายถึง เหตุการณ์กบฏดินปืนนาม กายส์ ฟอกซ์ ผู้คิดจะระเบิดตึกรัฐสภาเมื่อปี ค.ศ.1605 แต่มันคือล้มเหลว เขาถูกจับกุมและถูกประหารชีวิต :mozilla_cry: :mozilla_cry: :mozilla_cry: เขาคือผู้ให้กำเนิด V ตามเนื้อเรื่อง ความหมายต่อแนวความคิดคือ มันไม่มีวันสูญหาย ไม่มีวันตาย แต่มันเปลี่ยนแปลงโลกได้ ... ในขณะที่คำว่า เปลี่ยนแปลง หรือ แตกต่าง เป็นคำต้องห้ามในยุคสมัยของ V และกำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เดียวกันนี้ในอีกไม่นาน เพราะสิ่งที่เราแสวงหาไม่ใช่อิสระ เราแสวงหาความสะดวกสบายและความปลอดภัยมากขึ้น แม้มันจะปิดกั้นอิสระของเราก็ตาม แต่ในเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่มีรัฐบาลเป็นอีกส่วนหนึ่ง V ก็ได้สอนเราว่า People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people. ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน คนบางคนอาจตายได้ อาจถูกล้มล้างหรือถุกลืมได้ แต่อุดมการณืและความคิดของเค้า จะอยู่ตลอดไปและถูกถ่ายทอดตลอดไป V เป็นพระเอก สุดเท่ ที่กล้าในการ เป็น นักปฏิวัติ แต่มุมมองของเรื่องเรียกเขาว่า ผู้ก่อการร้าย แน่นอนว่าลำพังความคิดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ คุณอาจกลายเป็นตัวตลกสวมหน้ากากปิดซ่อนใบหน้า ประกาศปาวๆว่าจะเปลี่ยนแปลงโลก แต่โลกก็ไม่มีวันจะดีขึ้นหรอก..... ประกายไม่เคยเชื่ออย่างนี้ ...หนูเชื่อว่าทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่ๆ (ความเชื่อแบบดื้อๆ ส่วนตัว) นั่นเป็นเหตุผลง่ายๆว่าทำไมต้องมีผู้นำ ...ไม่ว่าจะเป็นผู้นำความคิด ผู้นำพาความหวัง ผู้นำประเทศ คุณคนเดียวนำเรือออกทะเลไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าลูกเรือไม่ต้องการกัปตัน คุณคนเดียวปกครองประเทศไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าประชาชนไม่ต้องการผู้นำ V กลับเป็นอีกแบบ ที่เปลี่ยนความคิดของคนเหล่านั้น เขาเองเป็นผู้นำ หากแต่เขาให้ความหวังกับประชาชน ความคิดมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของประชาชน ... ประชาชนเปลี่ยนแปลงโลก การใส่หน้ากาก Vจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์เช่นเดียวกัน ไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งความหวาดกลัว แต่เป็นความหวัง และเขาก็ได้พิสูจน์ความคิดของเขาด้วยประโยคนี้ Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mark there is an idea. and idea are bulletproof. เบื้องหลังหน้ากากนี้มีมากกว่าเลือดเนื้อ เบื้องหลังหน้ากากนี้มีความคิด และความคิดกันกระสุนได้... ทำไมต้องระเบิดตึก ?.... ตอนแรก หนูก็สงสัยค่ะ ในภาพยนตร์บอกให้คนเราเริ่มสงสัย และคลี่คลายในตอนจบ เรื่องนี้ก็เช่นกัน เราสงสัยว่าทำไมต้องเป็นการระเบิดตึกในตอนแรก ...แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณจะเข้าใจ ทุกๆอย่าง เหมือนกับที่นางเอกสงสัย และถาม V ไปในตอนแรก คำตอบที่ได้คือ The building is a symbol, as is the act of destroying it. Symbols are given power by people. Alone, a symbol is meaningless, But with enough people blowing up a building can change the world. ตึกก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ การทำลายมันก็ส่งผลเช่นเดียวกัน สัญลักษณ์มีพลังด้วยประชาชน ลำพังสัญลักษณ์ไม่มีความหมายอะไร แต่ถ้ามีคนสนับสนุนมากพอ การระเบิดตึกก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ความหมายของประโยคนี้ ต้องการบอกว่า ความคิดต่างหากที่สำคัญกว่าการระเบิดอาคารรัฐสภา การทำลายสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์และความยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนกับการตอบสนองต่อความคิด เป็นการสร้างความหวัง และย้ำเตือนอยู่ในความทรงจำเสมอไป - อารมณ์และความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาจากนักแสดง เล่นได้ดีทุกคนจริงๆค่ะ โดนเฉพาะลุงฮิวโก้ ที่แม้จะใส่หน้ากากก็สามารถแสดงทางความรู้สึกได้อย่างยอดเยี่ยม - ดนตรีประกอบที่ฟังแล้วชวนขนลุก ....มากๆ สุดยอด หัวข้อ: Re: V for Vendetta พลังแห่งความคิด..??? เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 02-08-2006, 11:15 อ่านแล้ว ขนลุกส์...เผลอจับหน้าตัวเอง ทุกทีเลย (กลัวมีหน้ากากแล้วต้องตายตอนจบ อด Happy Ending งะ)
(V for vendetta ) หนังเรื่องนี้ มีความรัก มีความใคร่ มีความจริง มีความเท็จ มีความเฉยเมยของพระเจ้า มีความกรุณาของโชคชะตา มีความสุขที่แสนหวาน มีความทุกข์อันยิ่งใหญ่ มีความน่ากลัวของจิตใจ มีอาฆาตที่ไพศาล ถ่ายทอดผ่านบทพูด ที่แสนกลมกลืนสละสลวย ทุกขณะจิตที่สร้าง ให้ผู้ชมเปี่ยมความสงสัยใคร่รู้ ทุกฉากตอนที่คำแปล คารมคมคายแห่งตัวเอก ยังก้องอยู่ในสมอง การตอบโต้ ล่าล้างทำลายที่สวยงาม ราวการบรรเลงดนตรี ของวงคอนแชร์โต้ ออเคสตร้า การโรมรัน 1 ต่อ 10 ที่หาญกล้า เหนือ ปุถุชน การพิสูจน์ว่า....ภายใต้หน้ากาก มีความคิด..และความคิด..สามารถ กันกระสุนได้!!! ถ้าเรามองข้ามความเหนือจริงของหนังเรื่องนี้ ในแง่ที่คนใส่หน้ากากคนนึง สามารถใช้ดาบสั้น และมีดไม้ เอาชนะปืนพกจนถึงปืนกลกึ่งอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงความสามารถ บนความเพียรอันยิ่งใหญ่ ที่คนเพียงคนเดียวจะกระทำการ อันลือลั่น สร้างผลกระทบความเปลี่ยนแปลงได้ถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่โดยข้อ สมมุติของสติปัญญา ที่เหนือมนุษย์ การวางแผนที่สอดรับกันเป็นอย่างดี ผ่านการใคร่ครวญ ศึกษาเพื่อเปล่งประสิทธิผลของ ปฏิกริยาลูกโซ่เหมือนโดมิโน่ได้อย่างสูงสุดเกินขีดที่วัดได้ ดูหนังไม่จำเป็นต้อง คิด แบบในหนัง ยิ่งไม่จำเป็นต้อง ทำ แบบหนัง เพราะมันเป็นเพียง หนัง ไม่งั้น ดูหนังสงครามก็คงต้องบ้าสงครามจริงๆ 8) (แบบที่พวกวอร์รูมบางตัวแถวนี้ กลัวเป็นวรรคเป็นเวร) ดูหนังโป๊ ก็ต้องเป็นพวกซาดิสต์ ไปตามหนัง (อันนี้ไม่แน่ สำหรับคุณยายทวดบางคนอาจจะจริง) :D :lol: แต่การนั่งลง ตั้งใจดูหนังหรือภาพยนตร์ ดีๆสักเรื่องหนึ่ง เป็นเหมือนการเสพรับ ความคิดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ถ่ายทอดเป็นจินตภาพ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยแรงจินตนาการ หนังสามารถ ทำสิ่งที่เราคิด และเราอาจอยากทำจริงๆ ให้จบลงได้ใน 2 ชั่วมง หนังสามารถ คาดการณ์ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ภายใต้สถานะการณ์บ่งชี้ แวดล้อม หนัง..ยังสามารถ บอกอะไรเรา ได้มากกว่าที่เรา อยากจะบอกอะไรกะใครๆ ประชาชน ไม่ควรกลัว รัฐบาลของตนเอง รัฐบาลสิ ควรกลัวประชาชน (V for vendetta ) หัวข้อ: Re: V for Vendetta พลังแห่งความคิด..??? เริ่มหัวข้อโดย: อังศนา ที่ 02-08-2006, 12:08 Cry Me a River ของ Julie London
เพลงโปรดพระเอกนั้น.. สุดยอด! (http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/08.gif) (http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif) หัวข้อ: Re: V for Vendetta พลังแห่งความคิด..??? เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 02-08-2006, 12:30 พวกเรามาช่วยกัน ร้องเพลง ฉายหนัง แล้วรวมพลัง ทลายกำแพง วันที่ 15 ตุลาคมนี้นะครับ อย่าลืม!! หัวข้อ: Re: V for Vendetta พลังแห่งความคิด..??? เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 02-08-2006, 14:41 ตอนที่ น้องพิมดูหนังเรื่องนี้ มันแปลกจริงๆ ค่ะ
เพราะว่า มัน เป็นช่วงที่ เรากำลังเกิดความเคลื่อนไหวเรื่อง ปัญหาบ้านเมือง หนูก็เลยเอามาคิดไปคิดมา ...จนมาเกี่ยวข้องกันไปจนได้อย่างประหลาด หนูเกิดความคิดมากมาย... เหมือนกับ หนังสร้างมา หรือ ส่งมา อย่างถูกจังหวะ ลงตัว การ ที่ วางบทพระเอกไว้ ให้ใส่หน้ากาก ...บอกอะไรกับเราบ้าง เหตุการณ์ ที่ นางเอกถูกจับ ...แล้ว ...เกิด ความต่อเนื่องทางความคิดของเธอต่อไปในทางการเมือง บอกอะไร ให้กับเราบ้าง ข้างล่างนี้ หนูตัดตอนมาจาก http://www.rssthai.com/reader.php?t=movie&r=4052 ตอน " หนังกู้ชาติ " การสร้างฉาก ที่ บ่งบอกถึง ตัวตนของพระเอก รายละเอียดต่างๆ ถูกกำหนดอย่างน่าสนใจ ประกายดาวประทับใจ ตรงนี้มากๆ ค่ะเหมือนกับตัวของวีเองที่ซ่อนตัวอันซับซ้อนของเขานั้นหรู ลึกลับและเร้าใจ เป็นการผสมผสานระหว่างหลุมศพและโบสถ์ ที่สร้างจากทางเดินที่อยู่ใต้เมืองลงมา ผมมองห็นชาโดว์ แกลลอรี่ว่าเป็นเหมือนสโมสรไพ่ที่กว้าง ๆ ด้วยพื้นที่ส่วนกลางและห้องมากมายที่ซับซ้อนด้านบนจากตอนกลาง แมคเทียค (ผู้กำกับ) เล่าถึง ฉากที่กว้างออกไปซึ่งรวมไปถึงห้องสมุด ห้องแต่งตัวของ วี ห้องครัวและห้องกำบังและห้องรับแขก มันจะให้ความรู้สึกของสถานที่ ๆ อยู่ใต้ศูนย์วัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกทางการสั่งปิดมานานแล้ว ชาโดว์ แกลลอรี่เป็นสถานที่ ๆ อาจจะมีอยู่ใต้โบสถ์เซนต์ปอลหรือเวสมินสเตอร์ แอ๊บเบย์ แพตเตอร์สันอธิบาย มันจะมีประตูชัย มีที่ว่างแบบทิวดอร์ซึ่งคุณจะจินตนาการได้ว่า ใครสักคนสิ่งประตูนี้มาหลายปีและลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่ที่นั่น ที่ซ่อนตัวของ " วี " นั้น ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ มากมาย เป็นบ้านของสิ่งสะสมด้านดนตรี ภาพยนตร์ วรรณกรรม ปรัชญาและศิลปะ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ถูกห้ามจากกระทรวงต่อต้านวัตถุของรัฐบาล วีกลายเป็นผู้ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่ทางรัฐบาลไม่อนุญาต แมคเทียคกล่าว โห .... :D (อารมณ์ส่วนตัว เจ้าของกระทู้ค่ะ แบบ ทึ่ง พูดไม่ออก) เขาเป็นผู้ปกป้องทางด้านวัฒนธรรมที่ได้รับอันตรายจากการเสื่อมสลายไปตลอดกาล ฮูโก้ วีฟวิ่งกล่าวเสริม ผมสงสัยว่าจะมีคนกี่คนในโลกนี้ที่เหมือนเขา ที่มีของสะสมส่วนตัวและคือขุมทรัพย์เหมือนที่ชาโดว์แกลลอรี่ หนึ่งในความท้าทาย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของปีเตอร์ วอลโพล ผู้ตกแต่งฉาก คือ การได้สิทธิ์สร้างสมบัติที่สะสมทั้งหลายทั้งปวงที่เก็บอยู่ในแกลลอรี่ จากนั้น ก็ถอดแบบมันออกมาและตกแต่งไว้ในห้องที่มากมายในแกลลอรี่ พวกเรามีสิ่งของมากมาย ทุกอย่างจากงานของปิกัสโซ่จนถึงของเทิร์นเนอร์ ศิลปะที่นำสมัยและหนังสือการ์ตูน วอลโพลกล่าว ทีมงานของวอลโพล ยังต้องรวบรวมหนังสือหลายร้อยเล่มเพื่อตกแต่งห้องสมุดของ วี ที่นี่เองที่ อีวี่ย์ (นางเอก) ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อเ ธอถูกพาตัวมาที่ชาโดว์ แกลลอรี่และพบว่า ตัวของเธอนั้นถูกรายล้อมไปด้วยกองนี้กองนั้นของสิ่งของมีค่า เมื่อคุณเดินเข้ามาในห้อง หนังสือจะกองเรี่ยอยู่กับพื้นเหมือนว่าพวกมันถูกพัดพามาเหมือนใบไม้ร่วง วอลโพลอธิบาย และเมื่อคุณเดินไปเกือบสุดห้อง กองหนังสือจะสูงขึ้นจนเกือบถึงเพดานและเป็นแนวกำแพง เหมือนกองหิมะ ในระหว่างการถ่ายทำฉากนี้ นาตาลี พอร์ตแมน ( ผู้แสดงเป็นนางเอก ที่ประกายชอบแววตาเธอที่สุด) เล่า เจมส์เอาข่าวที่ตัดจาก หนังสือพิมพ์มาให้พร้อมกับรูปภาพของห้องสมุดที่ถูกค้นพบในประเทศอิรัก ที่ถูกรัฐบาลสั่งปิดโดยมีหนังสือมากมายกระจายไปทั่ว มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ การที่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นในชีวิตจริงควบคู่ไปกับตอนที่เรากำลังถ่ายทำ นอกจากจะออกแบบฉากแล้ว แพตเตอร์สันยังร่วมมือกับแมคเทียคและผู้กำกับฝ่ายศิลป์ สตีเฟ่น เกสเล่อร์ เพื่อสร้างสรรค์หน้ากากไร้ความรู้สึกของ วี มันเป็นมากกว่าการปลอมตัวธรรมดา แต่ว่ามัน จะต้องสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของเขา และซ่อนใบหน้าที่พิการของเขาด้วย หน้ากากของวี กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจของความคิด ที่เป็นอิสระและชี้ให้เห็นสิ่งที่เขาเป็นตัวแทนอยู่ แมคเทียค เลือกที่จะสร้างหน้ากากจริง ๆ มากกว่าที่จะใช้เทคนิค CGI ที่ทำให้หน้ากากเปลี่ยนแปลงไปตามความรู้สึกได้ ผมต้องการหน้าที่ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างแต่จะมีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมัน เขากล่าว ผมรู้ว่าถ้าเราได้ในหน้าที่ต้องการสำหรับหน้ากากนี้ พวกเราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนโทนเสียงหรือสีหน้าที่มันจะปรากฏออกมา ในกล้องด้วยการใช้การออกแบบแสงและจากการแสดงของฮิวโก้ และผลที่เกิด ผู้กำกับการแสดงได้อธิบายว่าเป็น การผสมผสานกันระหว่างหน้ากากของกาย ฟอคซ์และหน้ากากของ ฮาร์เลอร์ควิน นั้นถูกสลักเสลาขึ้นจากดินเหนียว เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความอดทนมากกว่า การทำโมลด์ต้นแบบจากเครื่องคอมพิวเตอร์สแกน จากนั้นก็ทำขึ้นใหม่ด้วยไฟเบอร์กลาสพ่นสีด้วยเทคนิคแอร์บลัชเพื่อให้มันดูเหมือน ความรู้สึกของตุ๊กตากระเบื้อง พวกเราใช้นักปั้นฝีมือดีคือ เบิร์น เวนเซลซึ่งค่อย ๆ ปั้นหน้ากาก โดยผ่านถึงเจ็ดขั้นตอนของการแกะสลักจากเนื้อดินเหนียวเพื่อให้ได้ตัวตนที่เราต้องการ แพตเตอร์สันกล่าว พวกเราต้องการจะได้ภาพของหน้ากากที่ออกมาและมีความเป็นธรรมดา เพื่อที่ว่าเมื่อเราให้แสงหน้ากากในมุมที่แตกต่างกันมันจะทำให้เห็นการแสดงสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป หน้ากากนี้ มียิ่งกว่า ความหมาย มันกลายไปเป็น สัญญาลักษณ์ ได้หลายอย่างจริงๆ จริงๆ ค่ะ หัวข้อ: Re: V for Vendetta พลังแห่งความคิด..??? เริ่มหัวข้อโดย: ThailandReport ที่ 04-08-2006, 23:22 แล้วคุณคิดว่า ....ถึงเวลาเริ่ม วาง โดมิโน ตัวที่ 1 หรือยังครับ
ถ้ารอไปนานกว่านี้ มันก็อาจสายเกินไป...!! |