ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

อีไม่นานเกินรอแล้ว ระบอบทักษิณและตัวนายทักษิณ ก็จะจบสิ้นไปจากประวัติศาสตร์ประเทศไทยตลอดกาล  แต่ว่า หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นคะ

ระบบการเลือกตั้งแบบเดิมๆที่เราใช้กันมานานนับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชี้ให้เห็นว่าเรากำจัดการซื้อเสียงไม่ได้  การมีคณะกรรมการเลือกตั้ง เท่าที่ผ่านมาก็ไม่สามารถกำจัดการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้  มิหนำซ้ำ กกต.ที่พึ่งกระเด็นไปนั้น ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า กลับกลายเป็นตัวสร้างปัญหาขึ้นมาเสียอีก

เราจะมีวิธีเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างไรดี จึงจะได้คนดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง  ช่วยกันคิดดีไหมคะ เพราะใกล้จะได้เวลาปฎิรูปการเมืองอีกรอบแล้ว  หากเพียงผู้แทนราษฎรเป็นคนดี  ปัญหาในบ้านเมืองก็จะคลี่คลายไปได้  อ้อ  วุฒิสภาด้วยค่ะ จะเลือกกันอย่างไรดี  ถึงจะได้เป็นตัวแทนของคนทุกสาขาอาชีพ และเป็นคนดี  กำจัดนักการเมืองอาชีพที่พัฒนามาจากเจ้าพ่อหรือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น หรือคนรวยที่หวังเข้ามาโกงต่อยอดความรวย  เราจะหาวิธีเลือกอย่างไรดีคะ

ยุคทักษิณ ยุคทมิฬกำลังจะจบสิ้นลง แต่เราก็เห้นแล้วว่า มีการเตรียมการต่อท่ออำนาจไว้แล้ว เราจะตัดท่ออำนาจนั้นอย่างไรดี  หนูเชื่อว่า อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดเก่า  มีมากกว่าครึ่งที่ไม่สมควรจะเล่นการเมืองหรือได้รับเลือกลับเข้ามาอีก  หน้าเก่าๆหน้าเดิมๆที่เน่าแล้วเน่าอีกนั่นแหละค่ะ

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจบยุคทักษิณ เราจะเดินตามทางเดิมเพื่อให้เกิดความยุ่งยากอีกหรือ  หรือเราจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงไปทางไหนดีคะ

ไม่มีระบบการเลือกตั้งระบบใหนในโลกที่ป้องกันการโกงได้ เพราะคนมันจะโกงมันก็หาวิธีโกงกันจนได้แหละน่า การซื้อเสียงก็พัฒนากันไปเยอะ ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะ จังหวัดในภาคเหนือซึ่งผมอยู่มีการซื้อเสียงที่พัฒนาไปมาก แต่เดิมใช้วิธีจ่ายเงินซื้อกันเป็นเสียง ๆ ไป ตอนนี้พวกหัวคะแนนเช่นกำนันผู้ใหญ่บ้าน เค้ารับกันเป็นเงินเดือนเลย พอตอนเลือกตั้งก็มีตบกันเป็นก้อน ๆ อีกต่างหาก การซื้อเสียงลูกบ้าน เค้าก็ใช้วิธีเอาเงินให้กลุ่มแม่บ้านซึ่งก็คือเมียกำนันผู้ใหญ่บ้านนั่นแหละ จ่ายให้สมาชิกผ่านรายได้ OTOP วิธีนี้เนียนมาก จับไม่ได้เลยเพราะมันมีกันทุกตำบล เงินก็มีที่มาที่ไป ฟอกกันระดับครัวเรือนเลย เงินกลุ่มก็ได้ เงินตัวก็ได้ พรรคนี้ดีจริง ๆ ว่ากันแบบนั้น และผมก็มีความเชื่อว่าไม่ใช่แต่ทางเหนือหรอกที่เป็นแบบนี้ ผมว่ามันทั่วประเทศเลยแหละ (ทางใต้ด้วย)

ดังนั้นผมขอเสนอว่าจะเลือกยังไงแบบใหนก็เลือก ๆ กันไปเถอะ เพราะวิธีใหนก็แก้ปัญหากันไม่ได้หรอก

งั้นทางออกของปัญหาคืออะไร?

คือการให้การศึกษากับประชาชน (บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่เรื่องใครจบป.4 ใครจบ ปริญญาเอก พูดมาหลายครั้งแล้ว) เริ่มต้นจากพวกเราก่อน ภาครัฐก็ทำไป พวกเราก็ทำไป ให้ประชาชนได้รู้ถึงสิทธิของตัวเองตามระบอบประชาธิปไตย ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลและข่าวสารที่ถูกต้อง วันใหนก็ตามที่ทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ วันนั้นประเทศไทยจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ บ้านเมืองจะไม่มีนักการเมืองขี้ฉ้ออีกต่อไป

ถึงแม้ทักษิณและครอบครัวจะไปจากการเมืองไทยแล้ว
ก็ยังจะมีคนหน้าเดิมๆทั้งฝ่ายทักษิณและฝ่ายอื่นๆที่ไม่ยอมทิ้ง
วังวนอำนาจของการเมืองไทยไป พร้อมที่จะเข้ามาเล่นเกมนี้
ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่ากฏิกาจะเปลี่ยนไปอย่างไรครับ

ตัวอย่างที่คลาสสิคมากได้แก่นักการเมืองอย่างนายตุ่น จินตะเวช
ที่พร้อมจะกลับเข้ามาเป็นผู้แทนของคนในจังหวัดของเขา
โดยที่คนเหล่านั้นไม่สนใจหรือไม่รับรู้ด้วยซ้ำไปว่าพฤติกรรมของ
ตัวแทนของพวกเขาในสภาเป็นอย่างไร

ปัญหาจริงๆคือคนครับ ทั้งคนที่เป็นนักการเมือง และประชาชน
ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ฝร้งมันถึงพูดให้ผมได้ยินบ่อยๆว่า นักการเมือง
เป็นภาพสะท้อนของคนในสังคม

ว่าแต่ว่า คุณชมพูแน่ใจว่าไอ้เหลี่ยมมันจะไปจริงๆเหรอครับ   :mrgreen:  :mrgreen:

สว ที่มาจากการแต่งตั้งจะดีกว่าเลือกตั้งไหม?

หลังจบยุคทักษิณ


ก็ยังมีทายาทอสูรต่อสักพักหนึ่ง ที่สำคัญคือ ทางเศรษฐกิจที่บรรดาพี่น้องและพรรคพวกเหลี่ยมยังกุมกันอยู่


จะเห็นได้จากตลาดหลักทรัพย์ set index จะตกลงมาเป็นอันดับแรก

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นด้วยกับทุกความเห็นที่กล่าวมาข้างบน โดยเฉพาะความเห็นของคุณในวงการ
"ความรู้" คือสิ่งที่ขาดหายไป ยังมีชาวรากหญ้าอีกมากที่ยังไม่มองไปให้ไกลถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการขายเสียงเพียงเพื่อเงินเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเค้าเพราะรัฐบาลที่ผ่านๆมาก็ไม่เคยคิดที่จะแก้ปัญหารายได้ให้พวกเค้าแบบจริงๆจังๆ หรือง่ายๆก็คือ ไม่มีปัญญาที่จะแก้ ปัญหาซื้อเสียงมันเป็นอะไรที่เน่าเฟะในสังคมไทยมานานโขและยากที่จะกำจัดให้หมดไปเพราะนักการเมืองมืออาชีพก็จะพัฒนาวิธีการซื้อเสียงไปเรื่อยๆแทบจะจับไม่ได้
หมดยุคทักษิณ ก็น่าจะเป็นระบอบหุ่นเชิดเพราะนักการเมืองเริ่มจะกลัวๆ นั่งเชิดหุ่นกระบอกอยู่ข้างหลังสบายกว่า 

ทักษิณไม่จบสิ้นไปจากประวัติศาสตร์หรอกครับ แต่จะถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ว่านายคนนี้ทำอะไรให้กับประเทศบ้าง

เอาของมติชนมาให้ดูครับ เขียนไว้นานแล้วละ
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act05250749&day=2006/07/25



ญี่ปุ่นปฏิรูปการเมือง โดย ปฏิรูปนักการเมือง สำเร็จแล้ว

โดย อุดร ตันติสุนทร



แต่ ก่อนนี้ นักการเมืองญี่ปุ่นหาคะแนนนิยมจากราษฎร โดยวิธีแจกเงิน แจกของ ของขวัญวันเกิด วันแต่งงานแจกหมด เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว ก็ถอนทุน โดยได้รับสัมปทานต่างๆ จากนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเช่นนี้มานาน จนเป็นประเพณี

นักวิชาการต่างพากันอ่อนใจ ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร

ต่อ มานายกรัฐมนตรีทานากะ ซึ่งมีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง 12 บริษัท รวยอยู่แล้ว ถูกจับเพราะกินเปอร์เซ็นต์ของบริษัท ล๊อคฮีท ในการอนุมัติซื้อเครื่องบิน Lockhead L1011 เงินเปอร์เซ็นต์ 1.8 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน นายเฮนรี่ คิสซิงเกอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ก็วิ่งเต้นกรรมาธิการของสภาสหรัฐ แต่ยับยั้งไม่ได้ นายทานากะถูกศาลสั่งจำคุก 4 ปี เมื่อ 12 ตุลาคม 1983 เขาอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์ก็ตายเสียก่อน

เมื่อปี 1989 นายทาเคชิตะ เป็นหัวหน้าพรรค LDP ของญี่ปุ่นได้เสียงข้างมากในสภา จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี

การ เป็นหัวหน้าพรรคต้อง "เลี้ยงดู" ส.ส.ลูกพรรค โดยแอบแฝงมาในการให้หัวหน้ากลุ่ม ได้รับสิทธิสัมปทานต่างๆ ของรัฐบาล แล้วไปแจกแก่ลูกพรรคอีกต่อหนึ่ง

ต่อมา บริษัท รีครู้ท ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ได้ขายหุ้นให้แก่เลขาฯ ภรรยา ลูกนักการเมืองในราคาต่ำสุด และเมื่อราคาหุ้นสูงขึ้นก็ได้กำไร โดยไม่ต้องเสียภาษี เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

กรรมาธิการพรรคสังคมนิยม ได้ตรวจพบวิธีการหาเงินให้ลูกพรรคของนายทาเคชิตะ จึงทำการสอบสวน

นายทาเคชิตะยอมรับผิด เขาแจ้งต่อกรรมาธิการว่า จะรีบออกกฎหมายเพื่อปฏิรูปนักการเมืองโดยเร็วต่อไป แต่กรรมาธิการไม่เชื่อ

ต่อมาเมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีจากสื่อทั่วไป นายทาเคชิตะก็ละอายและได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนเมษายน ปี 1989

ประชาชนญี่ปุ่นเริ่มตื่นตัวและเห็นพ้องต้องกันว่า การซื้อเสียงเป็นความอัปยศของชาวญี่ปุ่นทั้งชาติ ต้องปฏิรูปนักการเมืองโดยด่วน

ต่อมามี ส.ส.หนุ่มกลุ่มหนึ่ง นำโดย ส.ส.ฮาตะ ได้ร่วมกันเสนอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งใหม่ และผ่านสภาได้เป็นผลสำเร็จ มีสาระสำคัญ ดังนี้

1.ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะถือว่าเป็นผู้มีภาวะเป็นผู้ใหญ่แล้ว

2.ห้าม แจกเงิน แจกของ หรือกระทำการใดๆ ที่ส่อไปในทางหาคะแนนนิยม โดยการเอาใจราษฎรในทางที่ผิดทำนองคลองธรรม ทั้งนี้ ทั้งเวลาก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง

3.โปสเตอร์มีได้ขนาดเดียว 42x42 ซม. และต้องไปปิดไว้ที่แผ่นป้ายของ กกต.เท่านั้น ปิดที่อื่นผิดกฎหมาย

4.การปราศรัยหาเสียง ให้ทำได้ในที่ชุมชนหรือห้องประชุม จะโฆษณาไปตามท้องถนนไม่ได้ผิดกฎหมาย

5.ระยะ เวลาในการหาเสียง เลือก ส.ว./ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เวลา 17 วัน, นายกเทศมนตรี 14 วัน, ส.ส. 12 วัน ที่ให้เวลาน้อย เพราะเขาถือว่า คนดีนั้น เขาเป็นผู้ทำดีมาโดยตลอด ไม่ใช่ดีตอนหาเสียง

6.ให้มีศาลเลือกตั้ง คดีเลือกตั้ง เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้

7.ผู้ สมัครที่ทำผิดกฎหมายให้รวมถึงผู้เกี่ยวข้องด้วย เช่น ญาติพี่น้อง, เลขาฯ, ที่ปรึกษา (Joint reponsibility) ถูกลงโทษหมด แล้วแต่ใครเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งมากน้อยเพียงใด ก็รับโทษเท่านั้น

8.ผู้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต้อง "เข้าคุก" อย่างเดียวไม่มีการปรับ

โดยสรุป ขอเสนอดังนี้

1.ให้เปลี่ยนคำว่า ปฏิรูปการเมือง เป็น ปฏิรูปนักการเมือง

2.ให้แก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง โดยด่วน โดยให้มีหลักสำคัญ 8 ประการ แบบญี่ปุ่นและให้ออกเป็นพระราชกำหนด

เห็นด้วยกับคุณคนในวงการ

ให้การศึกษากับประชาชนโดย

ปฏิรูประบบการศึกษา..

ปฏิรูปการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน (เป็นไปได้ว่าเปิดเสรีเคเบิลทีวี ปฏิรูปสื่อโทรทัศน์)

สร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองภาคประชาชนโดยองค์กรอิสระ

แน่ใจได้อย่างไรไรว่าจะจบยุคทักสิน อาจจะเป็นยุคทักสิน Return ก็ได้ ถึงตอนนั้นตัวช่วยทั้งหลายก็ได้ใช้ไปหมดแล้ว ครารนี้คุณจะทำอย่างไร ? รากฐากของระบอบทักสินยังอยู่ครบ กกตเป็นเพียงตัวล่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น

จะเกิด NPL จากรากหญ้าขึ้นมาข้างบน เพระคนที่กู้ไปเหล่านั้น คิดว่าได้เปล่า ไม่ต้องชำระหนี้ หรือกำหนดคืนหนี้ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ

ปล.ใครจะจับผิดผม ช่วย Alt+Printscreen แล้วไป Paste ลงPaint ไว้ก็ได้ แต่เกิดแบบนี้แน่นอน ทุกววันนี้ที่มีคนฮือลุกขึ้นมาช่วยหนุนแม้ว เพราะมันยังไม่รู้เวลาคืนเงินกู ถ้ารู้เมื่อไหร่ จะไม่เหลือแม้แต่หมู หมา อย่าง 30 บาทเหมือนกัน ถ้ารากหญ้ามันรู้ว่าประกันชีวิตผ่านบริษัทประกันเอกชน ในอัตราต่ำสุด ได้รับการรักษาแบบ VIP เหมือนคนมีเงิน มันจะตามสาบแช่งกันอีกเท่าไหร่

ที่แน่ๆ รัฐบาลต่อไปจะโคตรซวย....ค่ะ....

ต้องมาเช็ดขี้อีก แต่คงได้ตามเช็คบิลด้วยกระมัง