ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เอามาให้ดูจาก ผจก. ออนไลน์ครับ


 สกสค.อึ้ง สัมภาษณ์ครูที่เข้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พบถือบัตรเครดิตคนเดียว 16 ใบ หมุนเงินจากบัตรใบหนึ่งไปใช้หนี้อีกใบหนึ่งจนกลายเป็นหนี้ก้อนโตเกินแก้ปัญหา เผยครูติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรมากสุด แนะนำแนวพระราชดำรัสในหลวงให้ครูนำไปปฏิบัติ หยุดกระแสรูดปรื้ดที่มาแรง อนุมัติให้ข้าราชการง่ายดาย สร้างแรงจูงใจแจกบัญชีครัวเรือนแม่พิมพ์คนไหนบริหารการเงินในครัวเรือนได้ดีจะได้รับโล่และเกียรติบัตรเชิดชู

อ่านข่าวเต็มได้ที่ http://www.thaiday.com/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000093646 (http://www.thaiday.com/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000093646)

อย่างงี้ไม่ทราบว่าท่านจะมีแก่ใจไปสอนหนังสือเด็กๆได้อีท่าไหนกัน   :mrgreen:

พนังงานบริษัทหลายคน ก็มีหนี้พอๆกับ ข้าราชการแหละครับ หมุนกันให้วุ่น  :?

นู๋มีแค่ใบเดียวยังกลัวเลยค่ะ จริงๆๆไม่ชอบบัตรนี้เลยค่ะ แต่เพื่อการเดินทาง การประชุม ตปท  ที่ต้องบุค และรีเกทชั่น อะไรอีกเยอะเยะ เลยต้องใช้  :twisted:

 

เดี๋ยวนี้เขาพกบิล "โอเค" "ทางเลือกแรก" "ซื้อง่าย" "เงินเร็ว" กันแบบไม่ต้องอายอะไรกันแล้วครับ โชว์กันหรา
ไปกินข้าว ไปติดต่อธุระที่ไหน การได้ยินคนข้างๆคุยกันถึงเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ของเงินด่วนเงินผ่อนเจ้าต่างๆ เป็นประเด็นประจำวันไปแล้ว ต้นเดือนก็จะมีการต่อคิวเครื่องเอทีเอ็มกดเงินไปใช้หนี้ พอวันหวยออกก็ไม่เป็นอันทำงานกัน โทรศัพท์งี้เงียบเลยครับ

ผมเคยตั้งกระทู้ ที่ว่า ใส่เสื้อเหลืองเฉลิมฉลอง แต่เดินเข้าร้าน "ซื้อง่าย" ไง

เป็นสูตรสำเร็จสำหรับชีวิตคนไทยไปแล้ว

ตอนนี้ผมถืออยู่ใบเดียวครับ บัตรวีซ่าธรรมดาวงเงินไม่ถึงแสน
ไม่มีค่า annual fee เอาไว้ใช้ตอนเดินทางกับซื้อของผ่านเน็ทเท่านั้น

เวลาไปเดินห้างเห็นคนเข้าคิวรอกดเงินกับจ่ายหนี้สินเชื่อเงินด่วนพวกนี้แล้ว
มองเห็นอนาคตของประเทศชาติในอีกสิบปีข้างหน้าได้รางๆเลยครับ    :mrgreen:

หนักใจและเห็นใจไป พร้อมๆ กัน

เพราะการมีบัตรเครดิต ในเมืองไทย ถูก สังคม ชี้นำภาพปลอมๆ ให้เห็นว่า
เป็น ความพิเศษ อย่างหนึ่ง ที่ได้รับสิทธิพิเศษ และ ดูยังกับ ได้รับการยอมรับ
ทางการเงิน ( อย่างปลอมๆ ชนิดเป็นภาพลวงตา)

จนทำให้ คนที่ ต้องการใช้ บัตรเครดิต หลงไหลไปว่า ตัวเองมีเครดิตและถูก
กิเลสชั่วครู่ของการใช้เงินในอนาคตไป แอคติเวทอย่างจัง ผลปรากฏว่าหนี้ท่วม
บานตะไท เนื่องไม่มี ไม่สามารถควบคุม กิเลสของความสนุกในการรูดได้
มันเป็นวินาที ที่ เราต้องเรียนรู้ค่ะ ในการตามใจหนี้ด้วยความเครียด เพราะกิเลสแท้ๆ
และภาพลวงตา ในโลกของการเงินในอนาคต
หนี้สินคนเราถึงรุงรังไงคะ

ประกายดาว มีบัตร หลายใบ เอาไว้ซื้อตั๋วเครื่องบินเหมือนกัน เพราะได้ประกัน
กระเป๋าและความล่าช้าต่างๆ ด้วย หนูก็เคยรูดแหลกเหมือนกันค่ะ สามสี่ปีก่อน
ตอนที่ยังไร้สติ แต่ตอนนี้ หนูมีวินัยในการใช้เงินแล้วค่ะ :mozilla_cry:
หนูเลิกชอปปิ้งบ้าบอ หนูไม่สนใจเบรนเนม หนูทำแต่งานแล้วก็ กินขนมปังใส้เผือก ค่ะ
(มันคือของโปรด ) กับโรตีสายไหม

เรื่องโรคบ้าบัตรเครดิตนี่เป็นภาพสะท้อนให้เห็น
นิสัยเสียของคนไทยเรื่องความมักง่ายได้ชัดเจนครับ



^
^
ระวังขาดสารอาหารนะครับ      :mrgreen:

ปีที่แล้วไปเป็นกะเหรี่ยงแถวสเปน พอเช็คอินที่โรงแรมเขาก็ถามหาบัตรเครดิต

เราบอกเราจ่ายเงินสด เขาก็บอกว่าจ่ายเงินสดก็ต้องเอาบัตรเครดิตไว้เป็นตัวประกัน

ตูจะบ้าตายดีนะที่มีอยู่อันนึง แถมวงเงินเต็มอีกตะหาก 55 ทุนนิยมต้องมีเครดิตนะ จะบอกให้

เหมือนวาทะท่านผู้นำว่า "อยากรวยต้องเป็นหนี้" ตัวใครตัวมันครับพี่น้อง

  ตะลึง ครูหนี้ท่วม คนเดียวถือบัตรเครดิต 16 ใบ


 บัตรเครดิท 16 ใบ เอื้อเฟื้อโดยรัฐบาลทักษิณ ตามโครงการเอื้ออาทร.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ครับ ผมพักโรงแรมที่ดูไบจนแคชเชียร์มันจำหน้าได้แล้ว
แต่ทุกครั้งที่ไปถ้าไม่ให้บัตรเครดิตไว้เป็นตัวประกัน
มันก็จะต้องขอ deposit ไว้สองเท่าของค่าห้อง
แถมเวลาเคลียร์เช็คเอาท์ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนอีก    :mrgreen:

ใช่ครับ ท่านมหาปุฯ ที่จริงน่าจะเรียกบัตรเครดิตเอื้อาทร
เพราะ require คุณสมบัติผู้ถือบัตรต่ำเหลือเกิน
แถมยังให้ผ่อนต่ำสุดๆแบบเลี้ยงเอาไว้สูบเลือดได้ทั้งชาติ     :mrgreen:

โง่หรือว่าบ้ากันแน่ ที่ยัดเยียดให้บัตรเครดิตเป็นอาชญากร....

ทั่วโลกเขาใช้แทนเงินสดกันทั้งนั้น ผู้ใช้มีวิจารณญานในการใช้เงินพอสมควร
เขารับรู้ผิดชอบชั่วดี ไม่ต้องทำเป็นคุณพ่อรู้ดี ไปหวังดีแทนพวกเขาหรอก
ถ้าใครผิดพลาด ก็ถือเป็นประสบการณ์ของเขา เขามีสิทธิ์เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

ไอ้พฤติกรรมการจั่วข่าวพาดหัวแบบนี้มัน ไร้รสนิยมอย่างมาก
เหมือนกับเอาข่าว พ่อข่มขืนลูกมา แล้วก็ปริวิตก ตีโพยตีพายว่า
สังคมไทยมันแย่แล้ว มันเละเทะไปหมดแล้ว ศีลธรรมเสื่อมทรามไปกันใหญ่

ทั้งๆที่มันเป็นเพียงส่วนน้อยนิดในสังคมไทย ก็เอามาทำให้เป็นที่เอิกเริกเปล่าๆ

ก็เพราะว่าเราเพิกเฉยและคิดว่าเป็นปัญหาเล็ก ความจริงแล้ว พฤติกรรมแบบนี้ลุงก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร หากเรามองข้ามจุดนี้ไป ไปมองแต่ปลายเหตุ มันไม่แย่ไปกว่าหรือค่ะ 

ปัญหาแบบนี้มันปัญหาลูกโซ่ชัดๆๆ คนในชาติไม่รู้จักวางแผน ประหยัดมัธยัส  อยู่อย่างพอเพียง อะไรจะเกิดขึ้นค่ะ

แล้วคนที่ทำหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติ เป็นหนี้มากมายแบบนี้ เอาเวลาที่ไหนมาคิดวางแผนสอนเด็ก ไม่มั่วมานั่งกลุ้ม กับภาระเป็นหนี้เป็นสิ้นไม่รุ้จักจบสิ้นอย่างงี้เหรอค่ะ

ที่ต้องคิดคือ มาตรฐานในการอนุมัติบัตรมากกว่า
มันบ้าที่ไปอนุมัติให้เขาตั้งเป็นสิบใบ ไม่ใช่ไปโทษผู้ใช้่บัตรอยา่งเดียว
ระบบมันมีปัญหาแล้ว...

คนทั่วไปเขายังไม่บรรลุโสดาบัน มีบัตรมาให้เขารูด ก็สบายไปสิ
ไปโทษคนใช้ไม่ได้หรอก

อ้าว ลุงค่ะ พูดงี้ก็สวยเดะ (แต่นุ๋สวยอยุ่แระ  :mrgreen:) 

คนเราถ้าไม่รุ้จักประมาณตน ไม่รุ้จักความพอดี ความเพียง มันจะถูกเหรอ

ยกตัวอย่างนะลุง

มือถือ เอ ไอ เอส ซิ ที่แหกตา เก็บเงินชาวไทยไปแบบแพงลิบลับ กับการบริการที่ไม่คุ้มสุดๆๆ  :lol:

กรณีนี้ลุงจะโทษใครค่ะ  :lol: :lol:

จริงๆแล้วผู้ออกบัตร จะต้อง Link ข้อมูลกัน
ถ้าใครมีบัตรอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องอนมัติให้ก็สิ้นเรื่อง

ตามปกติมีหลายบัตรได้ แต่ใช้วงเงินเดียวกัน
ไม่ใช่บัตรละ 50,000 10 ใบไม่ล่อไป 500,000 เหรอ
ระบบอนุมัติบัตรมันล้าหลังเองช่วยไม่ได้
ถ้าเป็นเมื่อ 10 ปีก่อนมีอย่างนี้ละก็เชื่อ

ลุงคิลนี้ น่าจะได้ฉายา นักฆ่าจอมแถ 

ส่วนอะไรจ้ะ นี้ คงเป็น นักล่าจอมแถก  

ไปแถตรงไหน พูดความจริง...
ปัญหาเกิดจากการอนุบัติ ซ้ำซ้อนกันใช่หรือเปล่า ?
หรือว่า คนๆนั้นอาจถือบัตรมาตั้งแต่สมัยที่ระบบออกบัตรยังไม่มีการ Link กัน
ถึงได้เกิดปัญหา คนๆนึง ถือบัตรได้ถึง 10 ใบ แยกวงเงินกันอีกต่างหาก

นู๋ไม่คุยหลอก คุยไปก็ไม่จบ คุยกับนักฆ่าไม่มีปืน คุยไปก็ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ  :lol:

บัตรเครติต บางครั้งขอยกเลิก
ทางแบงค์ก็ไม่ค่อยยอม ให้ถือต่อไปก่อน
เคยโดนแบบนี้กันบางไหมค่ะ
ก็ต้องถือต่อ แต่ไม่ได้ใช้เลย

จ่ายเงินสดสบายใจกว่าเย๊อะเลย..มีก็ใช้ไม่มีก็ไม่ใช้(ถูกต้องมั้ยครับ)..มีบัตรเอาไว้ยามฉุกลหุกดีกว่าครับ

เดี๋ยวนี้คุณมีบัตรแต่ไม่ใช้หรือใช้น้อยพนักงานของบัตรจะโทรหาทันที..ไม่รูดซื้อของเปลียนเป็นเงินสดมั้ยค๊ะ

ถ้าเอาเป็นเงินสดต้องเอามาเต็มวงเงิน..พนักงานก็จะล่อด้วยดอกเบี้ยถูก(ไม่จริง)..คนมีบัตรเครดิตหลายใบนึกว่าเทห์หรือเครดิตดี

แต่หารู้ไม่...เวลาจ่าย..อ๊วกแตกครับ

เมื่อหลายปีก่อน คนวัยทำงานระหว่าง 30-45 ปีของญี่ปุ่นต้องถูกฟ้องล้มละลายเป็นประวัติศาสตร์
บางคนมีบัตรเครดิท คนละ 30-40 ใบ เพราะการทำบัตรเครดิทในญี่ปุ่นนั้นใช้เวลา 5 นาฑีเท่านั้น

หลังจากเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นแล้ว เหตุวิกฤตินี้ได้ลามปามไปถึงเกาหลีใต้...
ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเปลี่ยนหลักเกณฑ์ทำบัตรจาก 7,000 บาทเป็น 15,000 บาท

ใครยัดเยียด พูดดีๆหน่อย เดี๋ยวสวย   :mrgreen:
อย่าเอาแบบไอ้เหลี่ยมที่ชอบเห่าแบบไร้ความรับผิดชอบนะจ๊ะ


ก็ไม่ใช่รัฐบาลไอ้เหลี่ยมนี่เหรอ ที่มันไปแก้ข้อกำหนดขั้นต่ำ
ของการมีบัตรเครดิตจนขอทานก็แทบจะทำบัตรได้น่ะ    :mrgreen:

....ข้อกำหนดนั่นมันเป็นเรื่องของ ธ.ชาติ คร้าบบบ...
ทุกรัฐบาลใช้มาตรการนี้เป็นตัวกระตุ้นการบริโภคมาเสมอ ไม่แปลกหรอก
แล้วแต่คลังจะคุยกับธ.ชาติ กันยังไง กฏเกณฑ์พวกนี้มันยืดๆหดๆ ได้
ตามสถานการณ์

พวกปล่อยกู้ก็อยากให้ ธ.ชาติลดมาตรฐานลงมาจนตัวสั่น
ธ.ชาติก็ไม่ค่อยลดลงมาซักเท่าไหร่ เป็นบางช่วงถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ก็จะลดลงมา

ไหนคิลเลอร์บอกให้ชื่นใจหน่อยซิ
ว่าผู้ว่าแบงค์ชาติขึ้นตรงกับใคร
ใครสั่งปลดผู้ว่าแบงค์ชาติได้ คนหรือหมา ??   :mrgreen:

กระทู้ไหนลุงคิลมาแจม เรทติ้งกระฉุดทุกทีเลย  :lol: :lol:

คุณ ลุงคิลเล่อร์

ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ลุงเข้าใจผิดแน่ๆ
ของ หนู มีบัตรเยอะ เพราะหนูต้องใช้สำหรับงานที่ทำด้วย
แต่ละบัตร วงเงิน ไม่เท่ากันทั้งนั้น
เช่น วีซ่ากรุงเทพฯวงเงิน สามแสน บัตรอื่นๆ ก็ต่างๆ กันไป
ถ้าเป็น เอแมกซ์ ก็ ไม่มีวงเงินทั้ง การ์ดทอง หรือ แพลตตินั่ม

แบบนี้ค่ะ

แถมไม่เสียค่าประจำปีอีก เพราะ อยากให้เราไปช่วยใช้