ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: (-O-)Koka ที่ 04-04-2006, 23:26



หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 04-04-2006, 23:26
หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ

3 เมษายน 2549 20:08 น.

ไม่ว่าจะวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษาฯ จากแง่มุมไหน, ข้อสรุปที่ชัดเจนก็คือ ทักษิณ ชินวัตร จะต้อง "เว้นวรรค" ทางการเมืองเพื่อให้เกิดสมานฉันท์ในประเทศ และเพื่อก้าวเข้าไปสู่การปฏิรูปทางการเมืองอย่างจริงจัง

     เพราะเสียง "ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้พรรคใด" ที่ปรากฏอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์นั้น คือเสียง "คัดค้าน" ทักษิณ อย่างดังก้องไปทั่วทุกสารทิศอย่างปฏิเสธไม่ได้

เสียง "No" ที่ดังสนั่นไปทั่วประเทศอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนั้นคือ เสียงคนไทยที่ไม่ต้องการผู้นำที่ไร้จริยธรรม, ไม่ต้องการนักการเมืองที่มี "ผลประโยชน์ทับซ้อน" อย่างน่ารังเกียจ และไม่ต้องการให้อำนาจเงินมีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจทางการเมืองระดับชาติอีกต่อไป

อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าด้วยเหตุผลความพิกลพิการมากมายหลายด้าน, การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะกลายเป็น "โมฆะ" ที่อื้อฉาวเกรียวกราวในอีกไม่ช้าไม่นานนี้ก็ได้

และแม้จะเดินหน้ากับกระบวนการเลือกตั้งนี้ต่อไป ก็ไม่ได้หมายความว่าทักษิณ จะตั้งใครมาเป็น "นายกฯ nominee" หรือใครจะเป็น "ร่างทรง" ก็ได้ เพราะเครดิตหรือความน่าเชื่อถือของทักษิณ ในสายตาของคนไทยที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารนั้นหมดสิ้นไปนานแล้ว

น่าสลดใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินจากระดับนำของพรรคไทยรักไทยหลายคนว่า "ทั้งหมดนี้ต้องแล้วแต่นายกฯ ทักษิณคนเดียว" เมื่อถูกนักข่าวถามว่าเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาอย่างนี้แล้ว ทักษิณ ควรจะลาออกหรือเว้นวรรคหรือทำอะไรบางอย่างเพื่อคลี่คลายวิกฤติของบ้านเมืองหรือไม่

ที่คนระดับรองหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรคหรือรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทยพูดอย่างนี้ แสดงว่านี่ไม่ใช่พรรคการเมืองในความหมายที่แท้จริง หากแต่เป็น "บริษัทส่วนตัว" ของทักษิณ ที่ตัดสินทุกอย่างด้วยตัวเอง และคนอื่น (ไม่ว่าจะมีตำแหน่งอาวุโสเพียงใดในพรรค) ล้วนแล้วแต่เป็นลูกน้อง, ลูกจ้าง และลิ่วล้อทั้งสิ้น

หากไทยรักไทย เป็นพรรคการเมืองที่รับใช้ผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง, คณะกรรมการบริหารของพรรคจะต้องร่วมกันพิจารณาว่าผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้ ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมาเพียงพรรคเดียว และมีผู้ลงคะแนนประท้วงคัดค้านด้วยการกาช่อง "ไม่ประสงค์จะเลือกพรรคใด" อย่างล้นหลามอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นนี้ ก็จะต้องสรุปบทเรียนและประกาศจุดยืนของพรรคให้กับประชาชน

ในระบบของพรรคการเมืองที่รับผิดชอบต่อประชาชนนั้น, คณะกรรมการบริหารต้องกำหนดบทบาทของพรรคและของหัวหน้าพรรคโดยเฉพาะถ้าหากหัวหน้าพรรคเองเป็นสาเหตุแห่งปัญหาของความระส่ำระสายทางการเมือง

คณะกรรมการบริหารของพรรคจะต้องยึดเอาความต้องการของสังคม (มิใช่ความต้องการของหัวหน้าพรรค) เป็นหลัก และต้องมีหลักการ, มีความกล้าหาญพอที่จะกำหนดบทบาทของหัวหน้าพรรคเพื่อประโยชน์ของประเทศ

แต่ฟังคนระดับนำของพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ว่าการตัดสินใจเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับทักษิณ คนเดียว ก็ทำให้เห็นว่าพรรคนี้หมดสิ้นซึ่งปัญญาที่จะทำหน้าที่แทนประชาชนได้อีกแล้ว

เหตุเป็นเพราะอะไร, เราท่านก็ทราบกันอยู่

อำนาจเงินและอำนาจการเมืองที่ทักษิณ ผูกขาดเอาไว้กับตัวคนเดียวทำให้คนในพรรคนี้คิดเองทำเองไม่ได้, มองไม่เห็นผลประโยชน์ส่วนรวมของสังคม ยอมให้ผลประโยชน์เฉพาะหัวหน้าพรรคเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจทุกอย่าง นี่คือภาวะสิ้นหวังของชาติบ้านเมือง และการเลือกตั้งครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความย่ำแย่ของสภาพการเมืองของประเทศให้หนักขึ้นไปอีก

ความพิกลพิการจะเพิ่มขึ้นอีก หากทักษิณคิดว่าจะให้ใครเป็น "ร่างทรง" หรือ nominee ของตัวเองเป็นนายกฯ ชั่วคราวเพื่อหลบเลี่ยงปัญหาของตัวเอง

แม้จะมาจากพรรคไทยรักไทย, นายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็จะต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เป็น "นายกฯ หุ่นเชิด" ที่ทักษิณ สั่งซ้ายหันขวาหันได้ เพราะประเทศชาติไม่ใช่การเล่นหุ่นกระบอกที่ทักษิณ เป็นคนชักอยู่ข้างหลัง อันหมายถึงการเหยียบย่ำความรู้สึกของคนไทยทั่วประเทศ

ทักษิณ อาจจะคิดว่าส่ง "ขันที" มาเป็นนายกฯ ชั่วคราวเพื่อตัวเองจะสามารถกลับมาเป็นใหญ่ได้อีก แต่คนไทยไม่ได้กินแกลบ และประเทศไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของใคร

เอ่ยชื่อ โภคิน, วิษณุ, สุดารัตน์ หรือแม้แต่ สมคิด ก็เอ่ยได้ แต่ใครก็ตามแต่ที่รู้ตัวว่าเป็นเพียงนายกฯ nominee ย่อมไม่อาจจะคาดหวังความน่าเชื่อถือได้ และจะต้องยอมรับสภาพของการเป็น "ตัวตลก" ทางการเมืองที่จะถูกจารึกประวัติศาสตร์ต่อไปอีกนานแสนนาน

ใครอาสามาเป็น "นายกฯ" คนใหม่ต้องแสดงตนว่าเป็นคนของประชาชน, ไม่ใช่ตัวแทนของทักษิณ

ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเป็นตัวของตัวเอง, หรือถ้าเพียงต้องการตอบแทนบุญคุณทักษิณ, ขอให้ถอยห่างออกไป เพราะบ้านเมืองไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของทักษิณ

วิเคราะห์ "No vote" ครั้งนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน แล้วจะเข้าใจว่าทำไมผมจึงสรุปเช่นนี้

http://bangkokbiznews.com/2006/04/04/w015_92512.php?news_id=92512


หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 04-04-2006, 23:35
ชัยชนะของประชาชน แต่เป็นชัยชนะแบบน่ากังขา

อยากบอกเพียงว่า กำจัดระบอบทักษิณ มิใช่เรื่องง่าย

พรรคไทยรักไทย ยังคงเป็นพรรคส่วนบุคคล

เพราะหัวหน้าพรรคคิดว่าประชาชนเลือกตนเอง

ซึ่งจริง ๆ ก็ปฏิเสธไม่ออก เพราะมองไปในไทยรักไทย มีใครที่พูดอะไรแล้ว สามารถสร้างความสะเทืือนแก่สังคมได้

มันต้องทำใจกันอีกระยะหนึ่ง มะม่วงยังสุกงอมไม่พอ ต้องรอจนมันร่วงเอง


หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 05-04-2006, 02:47
เห็นด้วยกะคุณแคนครับ กำจัดระบอบทักษิณ ตอนนี้ทำยาก
ทักษินเองก็เจ้าเล่ห์สุดๆ ดึงรากหญ้ามาปะทะ พันธมิตร
และดิ้นรนจนพ้นการเลือกตั้ง
ทำให้ได้คนของตัวเองกลับเข้าไปเต็มสภา
ถ้าเศรษฐกิจ กับ การขัดแย้ง ยังไม่รุนแรงจริงๆ
ภาพรวมของทักษินก็ยังมีความชอบธรรมที่จะกลับมาเล่นการเมืองต่อ
ทักษินถอยตอนนี้แทบไม่ได้ขาดทุนอะไร เพราะช่วงสั้นๆก็กลับมาได้
แต่พันธมิตร จะรวมคนยากขึ้น เพราะทักษิน ถอยแล้ว


หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-04-2006, 06:01
ที่จริง การต่อสู้แล้วได้มาแค่นี้ก็นับว่าปาฏิหารย์แล้วนะครับ

ในการต่อรอง ย่อมไม่มีใครได้เต็มที่ฝ่ายเดียว

ผลมาได้แค่นี้ ผมว่าผมพอใจในระดับหนึ่ง

เพียงแค่เสียดาย ในสภาไม่มีฝ่ายค้าน

หน้าเหลี่ยมใช้เงินงบประมาณ 2,000 ล้าน ไล่ฝ่ายค้านออกจากสภา ฮ่า ฮ่า


หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 05-04-2006, 06:23
:?:

ดาวมองว่า ทักษิณ ประเมินตัวเองจาก การทำโพล โดยใช้งบของ ประเทศชาติ
ในวันที่ 2 เมษา นี้เสร็จแล้ว จึงรู้ว่า ต้องทำที สงบสยบความเคลื่อนไหว
ในหัวหน้าพรรค ไทยรักไทย มีหรือ ที่ทักษิณจะยังไม่ กุมอำนาจอยู่ ทั้งๆ ที่
คุณหญิงอ้อ ก็ยังเป็นผู้บริจาค รายใหญ่ให้พรรค อยู่ ทุกๆ เดือน

ไม่มี จังหวะไหนอีกแล้ว ที่ ทักษิณ จะ ประพฤติ ราว gentelman ในทางการเมือง
ได้เท่าวาระนี้

ประกายดาว ก็ ดีใจค่ะ เพราะนี่คือ หนึ่งโซลูชั่นสำคัญ ที่ เกิดจากพลังขับเคลื่อน
ของ ทุกๆ คน แต่ห้ามประมาท ผู้ชายคนนี้

สอง ดาว ยัง ปรารถณา จะเห็น การตัดสินของ ศาลปกครองมากกว่า


หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 05-04-2006, 07:06
มุมของเปลวสีเงิน

----------------------------------
คนปลายซอย


5 เมษายน 2549    กองบรรณาธิการ

นายกฯผู้คายเงาเนื้อในน้ำ


"คุณพิชิตชัย   แก้วมณี" บรรณาธิการเซกชั่น  X-CITE  ไทยโพสต์ บอกผมว่า "คาราวานคนจนเดินทางจากต่างจังหวัด กลับเข้าประจำสถานีรบ "สวนจตุจักร" เต็มอัตราศึกแล้ว"

ผมก็บอกว่า "ดี..ดีกว่านอนอยู่กะบ้านเปล่าๆ  เพราะโดยปกติหน้าแล้งของทุกปี  ก็จะมีพี่น้องทางอีสานส่วนหนึ่ง ถือโอกาสตอนว่างนาจาริกไปทั่วอยู่แล้ว"

แต่ปีนี้ถือว่าพิเศษ  มีกิจกรรมเสริมภายใต้การอุปถัมภ์ของรัฐบาล ก็ถือเป็นการจ้างงานภาคฤดูร้อน ผมขอสนับสนุนด้วย

พี่น้องอีสานนี่ ดูเหมือนฟ้ากำหนดให้เกิดกับการเมือง อยู่กับการเมือง หายใจกับการเมือง และตายกับการเมือง

ชีวิตของเขา คือชีวิตเพื่อสังคมศึกษาที่ไม่รู้จบ ชีวิตคนอีสานเหมือนใบบัว เบ่งบานอยู่ได้ทั้งในน้ำใสและน้ำโคลน

แต่ใบบัวจะไม่ยอมให้น้ำนั้นๆ ซึมผ่านใยเข้าเนื้อในได้เลย!

ฉะนั้น  จะเห็นว่าไม่ว่าใครมาทางการเมือง เป็นต้องมุ่งเน้นเพื่อยึดหลักปักฐานการเมืองในอีสาน  เพราะมีประชากรมาก หนึ่งละ และก็เพราะหลงคิดว่า "คนอีสาน" ง่ายที่จะเข้าไปครอบงำ นี่ก็อีกหนึ่งละ

แท้จริงแล้ว คนอีสานจะบรรลุพันธกิจเพื่อชีวิตกับการเมืองขั้วไหนก็ได้

แต่คนอีสานไม่เคย "ฝังขั้ว" การเมืองตลอดกาลอยู่กับฝ่ายที่แพ้!

ผมเห็นมาเยอะแล้ว สมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นท้าวเหยียบนา-พระยาเหยียบเมือง  ไปลงสมัคร ส.ส.ที่ร้อยเอ็ด คนอีสานก็รักท่านปานจะกลืน

สมัยนายกฯ จิ๋ว "พลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ" ก็ดี สมัยนายกฯ ชาติชาย "พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ" ก็ดี

แม้กระทั่งนายกฯ ชวน หลีกภัย ไม่ว่าใครเป็นนายกฯ ไปเยือนอีสาน พี่น้องอีสานก็มืดฟ้ามัวดินมาต้อนรับ   ผูกข้อมือจนสายสิญจน์ลามไปถึงคอ   ผ้าขาวม้ามัดจากเอวเลื้อยขึ้นไปถึงยอดอก

แล้วเคยเห็นคนอีสานแต่งงานถาวรกับการเมืองพรรคไหนบ้างล่ะ?

แล้วเคยเห็นคนอีสานอยู่กับฝ่ายที่แพ้บ้างมั้ยล่ะ?

ผมถึงว่า   ใครก็อย่าประเมินพี่น้องอีสานของผมต่ำทรามเป็นอันขาด การเมืองที่เข้าไปหลอกเขามาตลอดร่วมร้อยปี  วันนี้สอนให้เขารู้วิธีอนุรักษ์ "ความจน" ให้เป็นสินค้าขายในตลาดการเมืองระบอบทักษิณ

พี่น้องอีสาน "ถูกการเมืองเอา" มามาก

วันนี้  ถึงทีที่เขาต้องเอาก่อนบ้าง  เมื่อดีมานด์ในการตลาดการเมืองทักษิณต้องการสินค้าตัวนี้สูง พี่น้องอีสานก็เร่งซัพพลายสนองตลาดให้ทันอก-ทันใจ ไม่ตักทองวันนี้ มัวไปรอตักขี้วันข้างหน้ารึไง?

ฉะนั้น  มื้อนี้ เราควรให้ความเข้าใจ และเห็นใจพี่น้องอีสานของเราบ้าง

เปิดโอกาสให้พวกได้รวยซักเทือเทอะ!

ตอนนี้ "นายกฯ ทักษิณ" ไม่ใช่แค่นายกฯ เลี่ยมทอง แต่เป็นทองทั้งดุ้น ฉะนั้น พันธกิจการเมืองระหว่างพี่น้องอีสานกับท่านนายกฯ จะยังคงดำเนินสอดรับกันไปได้ดี

ก็จะเห็นว่า ในทันทีที่นายกฯ เปลี่ยนบทเล่น ทำเหมือน "นายกฯ ผู้เสียสละ" อะไรก็ได้ ถ้าสามารถทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ท่านพร้อมที่จะอุทิศ

แม้กระทั่ง ลาออก-เว้นวรรคทางการเมือง!

ท่านพูดในจอโทรทัศน์  ช่อง  ๑๑ ตอนสองทุ่มกว่าเมื่อคืนที่ ๓ เมษา. แต่พอตกบ่ายวันที่ ๔ เมษา. ปรากฏว่ากลุ่มก้อนพี่น้องทางอีสานในหลายๆ จังหวัดขับเคลื่อนค่ายกล ยกขบวน-ชูป้ายกันทันที

"เราต้องการให้ทักษิณเป็นนายกฯ ต่อไป"

"เราไม่ต้องการให้นายกฯ ทักษิณเว้นวรรค"

แต่ใครจะต้องการอย่างไหนก็ตาม   เมื่อตอน  ๒๐.๓๐ น. คืนวานนี้ นายกฯ ท่านก็ออกทีวีพูลเป็นคืนที่ ๒ ประกาศชัดเจนไปแล้วว่า

"ขอเว้นวรรคทางการเมือง"

หมายความว่า ท่านจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้านี้

แต่ขณะนี้จะขอเป็น "นายกฯ รักษาการ" ต่อไป   จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่มารับหน้าที่สืบต่อ   จากนั้นท่านก็จะขอเป็นแค่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคไทยรักไทยอย่างเดียว!

ฟังดูสวยงาม และเท่มาก

ยิ่งตอนอ้างว่า เป็นการเสียสละเพื่อให้งานเฉลิมฉลองทรงครองราชย์ครบ ๖๐ ปี ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยด้วยแล้ว

คนฟังออกอาการปลื้มจนน้ำหู-น้ำตาไหล!

แต่ผมพอฟังปุ๊บก็ร้องบอกกับตัวเองปั๊บว่า "คนนี้ฉลาดยิ่งกว่าฉลาด  วรฉัตร"

เลือกคาย "เงาเนื้อในน้ำ"

แต่ไม่คายสเต๊กชิ้นใหญ่ในปาก!

เพราะที่ท่านประกาศว่า "ไม่รับตำแหน่งนายกฯ หลังเปิดสภาฯ" นั้น   ในนาทีนี้ใครๆ ก็ทราบว่า  การเลือกตั้ง  ๒ เมษา. ผลที่ออกมานอกจากไม่ครบ ๕๐๐ ซึ่งเปิดสภาฯ ยังไม่ได้แน่นอนแล้ว

ยังมีปัญหาฟ้องร้องนายกฯ เกี่ยวกับการหาเสียงผิดกฎหมาย  ยังมีปัญหาฟ้องร้อง กกต. และยังมีปัญหาฟ้องร้องพรรคและผู้สมัครที่ทำผิดกฎหมายอยู่อีกมากมาย

สรุปกันง่ายๆ คือ  ถ้าไม่ใช้พวกมากลากกฎหมายเพื่อให้เปิดสภาฯ นัดแรก โดยไม่คำนึงว่าจะมี ส.ส.ครบ  ๕๐๐  หรือไม่นั้น  ผมว่าภายใน ๑ เดือนที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เปิดสภาฯ นัดแรกหลังมีการเลือกตั้ง

เปิดไม่ได้แน่!

๙  เมษา.นี้ ให้เลือกตั้งใหม่ ๓๘ เขต ใน ๑๕ จังหวัด ซึ่งล้วนเป็นจังหวัดภาคใต้  ต่อให้หลับหู-หลับตาเลี่ยงกฎหมายเปิดรับสมัครใหม่กันขนาดไหน จะเกณฑ์กี่พรรคลงมาประกบ เพื่อหนีเกณฑ์ต่ำ ๒๐% ก็เถอะ

ผมเชื่อเลือดการเมืองพี่น้องคนใต้ของผม  ต่อให้เลือกใหม่อีกร้อยครั้ง เขาก็ไม่เลือกคนไทยรักไทย หรือพรรคอะไหล่อยู่วันยังค่ำ

ถ้ามาเจ้าคูหาเลือกตั้ง เขาก็กา No Vote เหมือนเดิมนั่นแหละ!

สุดท้าย  ครบกำหนด ๑ เดือนก็ได้ ส.ส.ที่พิกล-พิการเหมือนลูกเขยท้าวสามลที่ถูกพระสังข์ตัดหู-เฉือนจมูกโหว่ไปหมด แถมก็ยังไม่ครบ แล้วจะทำไง?

รัฐบาลไม่เดือดร้อน  แอบหัวเราะชอบใจซะด้วยซ้ำ เพราะทักษิณก็จะได้เป็น "นายกฯ รักษาการ" อภิบาลระบอบทักษิณบริหารให้กร้าวแกร่งไปเรื่อยๆ

แล้วก็ต้องย้อนกลับมาตั้งสติคิดกันใหม่ด้วยคำถามว่า

"ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ ชาตินี้จะเปิดสภาฯ ได้มั้ยเนี่ยะ?"

โภคิน-สมคิด-สุดารัตน์-ชิดชัย  ก็ได้แต่นั่งเกาในที่ลับแก้คันรอเก้าอี้ "นายกฯ นอมินี" ไปวันๆ งั้นเอง

สู้ทักษิณไม่ได้ ประกาศลอยตัวเหนือปัญหาไปแล้ว แต่ยังนวลเช้งอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ชนิดไม่มีกำหนดลง!?

ถึงลงวันไหน  มีรัฐบาลใหม่-นายกฯ ใหม่  ก็ไปนั่งชักใยอยู่ในฐานะ "ลีกวนยูเมืองไทย"

ทุกอย่าง..สบายเหมือนเดิมครับท่าน!

ด้วยภาวะที่เลือกตั้งแล้ว ส.ส.ขาดตั้งร่วม ๔๐ คน และเป็นการขาดที่ชัดเจนว่า "ประชาชนส่งสัญญาณไม่ต้องการทักษิณ" เช่นนี้

ทำไมทักษิณไม่คิดว่า รูปการณ์นี้เปิดสภาฯ ไม่ได้แน่นอน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยจริงใจ  ก็เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลขอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศให้เลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ

แล้วตัวเองกราบบังคมทูล   ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ รักษาการ เพื่อใช้มาตรา ๗ ขอนายกฯ พระราชทาน ให้มาจัดตั้งรัฐบาลระหว่างกาลเพื่อปฏิรูปการเมือง แล้วจัดให้มีเลือกตั้งใหม่ภายในเวลาที่กำหนด

ผมว่าอย่างนี้น่าจะเป็นหนทางสร้างสรรค์   เพื่อสถานการณ์รวมกับทุกฝ่ายมากกว่า

และจะทำให้เห็น "การเสียสละที่ไม่ซ่อนเร้น" ของท่าน!

สรุปประเด็นกันชัดๆ อีกทีก็คือ นายกฯ ฉลาดที่จะเสียสละกับ "ตำแหน่ง" ที่ยังไม่เกิด

พอๆ กับฉลาดที่ไม่ยอมสละตำแหน่งที่มีอยู่แล้วในมือ

และนายกฯ  ฉลาดใช้ "ตำแหน่งที่ยังไม่เกิด" ไปแลกกับการลงเลือกตั้งของฝ่ายค้าน และแลกกับการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

และที่ฉลาดสุดๆ  ถ้าเปิดสภาฯ ได้  สภาฯ นี้-รัฐบาลนี้  จะมีอายุสูงสุด ๑๘  เดือน  และเป็น  ๑๘  เดือนที่สาละวนกับการปฏิรูปการเมืองเพื่อให้มีเลือกตั้งใหม่ "ทักษิณยอมไม่เป็นนายกฯ ๑๘  เดือน" เพื่อแลกกับเลือกตั้งใหม่ที่จะได้กลับมาเป็น "นายกฯ ตลอดกาล"

โอ..จอร์จ คนคนนี้เหนือชั้นจริงๆ!

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=5/Apr/2549&news_id=122620&cat_id=200


หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: (-O-)Koka ที่ 05-04-2006, 07:42
อันนี้จาก ผจก

------------------------------------
โดยคำรำพึงรำพันผ่านจอโทรทัศน์ในคืนนั้นได้สะท้อนความคิด ความรู้สึก และความต้องการของคุณทักษิณที่ชัดเจนสี่ประการ คือ
       
       ประกาศที่หนึ่ง ทำให้คนไทยเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เสียสละอย่างใหญ่หลวง เพื่อรักษาความปรองดองในชาติบ้านเมืองเอาไว้
       
       ประการที่สอง ต้องการให้คนไทยทั้งประเทศยอมรับและรับรองผลการเลือกตั้งตลอดจนกระบวนการเลือกตั้งที่ผ่านมาทั้งหมด โยนทิ้งบรรดาข้อกล่าวหาการเลือกตั้งไม่ชอบธรรมหรือฟอกโกง รวมทั้งกระบวนการโกงสารพัดในการเลือกตั้ง
       
       ประการที่สาม ต้องการให้คนไทยทั้งประเทศยอมรับให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรได้ และเป็นสภาผู้แทนราษฎรที่มี ส.ส. พรรคไทยรักไทยเกือบ 500 คน และแม้ว่าจะไม่ครบจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดก็ต้องการให้มีการยอมรับให้มีการเปิดสภาได้ นั่นคือคนไทยจะต้องยอมรับความวิปริต วิปลาส พิกลพิการ และเป็นเผด็จการของสภาชุดนี้
       
       ประการที่สี่ ต้องการให้คนใดคนหนึ่งของพรรคไทยรักไทยคือนายโภคิน พลกุล, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้การกำกับของพ.ต.ท.ทักษิณ หลังกระบวนการสรรหาในรัฐสภาเรียบร้อย
       
       รวมความก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้คนไทยเข้าใจผิดว่าการประกาศไม่รับตำแหน่งคือ การเสียสละอย่างใหญ่หลวง เพื่อให้คนไทยยอมรับในสิ่งที่ได้ทำมาทั้งหมด ตั้งแต่การยุบสภา การเลือกตั้ง การให้ ส.ส. พรรคไทยรักไทยซึ่งเกือบทั้งหมดอยู่ในโอวาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ และรักษาระบอบทักษิณให้ดำรงอยู่ต่อไป


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000045663


หัวข้อ: หากถูกใช้เป็นเพียง"นายกฯ nominee"กรุณาถอยไปไกลๆ
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 05-04-2006, 22:45
สมานฉันท์แบบทักษิณ...เหลี่ยมจัดจริงๆ

4 เมษายน 2549 14:31 น.
ปัญหาของทักษิณ ชินวัตร นั้น นอกจากจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็น "ปัญหาใหญ่ปัญหาเดียวของบ้านเมือง" แล้ว, ก็ยังไม่รู้ว่าคำพูดของเขาหมดความน่าเชื่อถือแล้ว

     ฟังทักษิณ ออกรายการ "กรองสถานการณ์" ทางช่อง 11 เมื่อคืนวันจันทร์หลังผลการเลือกตั้งไม่เป็นทางการออกมาด้วยคะแนน "ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้พรรคใด" กว่า 10 ล้านเสียงทั่วประเทศ, ทักษิณได้แต่อ้าง "16 ล้านเสียง" ที่ให้กับพรรคไทยรักไทยเสมือนหนึ่งนี่เป็นเพียง "เกมแข่งขันด้วยตัวเลข" เท่านั้น

ทักษิณ ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่านี่เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นี่เป็นการแสดงการ "ประท้วง" ระบอบทักษิณ ในรูปแบบที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมา และนี่คือ การบอกกับทักษิณ อย่างชัดแจ้งที่สุดเท่าที่เคยมีมาว่าเขาคือ "ตัวปัญหา" ของบ้านเมืองในยามนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ทักษิณ พูดถึงคำว่า "สมานฉันท์" และ "ประชาธิปไตย" เสมือนเด็กนักเรียนท่องบทอาขยาน ไม่ได้สนใจว่าความหมายจริงๆ คืออะไร, ไม่ได้สนใจว่าคนฟังจะเชื่อแค่ไหน และจริงๆ แล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นเรื่องจริงเรื่องจังด้วยซ้ำไป

ฟังทักษิณ พูดแล้วไม่รู้ว่าเป็น "ข้อเสนอ" หรือ "ความรู้สึก" หรือ "แก้ผ้าเอาหน้ารอด" ไปเท่านั้น

ฟังแล้วรู้สึกแต่เพียงว่าทักษิณนี้ "เหลี่ยมจัด" จริงๆ เท่านั้น เพียงต้องการจะใช้สถานการณ์ เพื่อเอาชนะต่อโดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองนั้นเสียหายและแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ เพราะท่าทีและลีลาของเขาเพียงใด

ทักษิณ ไม่สนใจว่าคะแนน "No vote" จำนวนมหาศาลอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนนั้นมีความหมายอย่างไร สะท้อนถึงความไม่ต้องการตัวเขาและแนวคิดของเขาอย่างไร

หากเขายืนยันว่าร้อยละ 60 ของเสียงเป็นของเขา และอีกร้อยละ 40 เป็นเสียงต่อต้านเขา, เขายังยืนยันสิทธิที่จะปกครองประเทศไปโดยไม่สำเหนียกในกระแสแห่งความไม่พอใจที่สูงที่สุดในประเทศต่อตัวเขาและระบอบของเขาได้, ก็ย่อมแปลว่าเขาพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ของคนเพียงส่วนหนึ่งของประเทศเท่านั้น

เขาพร้อมที่จะปกครองประเทศโดยที่ทุก 4 คนใน 10 คนสาปแช่ง, ประณามและก่นด่าในความไร้จริยธรรม, การผูกขาดผลประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มเดียว, การทับซ้อนของผลประโยชน์ของคนระดับนำ, และการกลั่นแกล้งทางการเมืองต่อคนที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ต่อเขากระนั้นหรือ?

ทักษิณพูดว่าจะ "สมานฉันท์" แต่พ่วงเอาเงื่อนไข "ศรีธนญชัย" เข้ามาอีกเป็นพวงซึ่งก็แปลว่าเป็นการ "สมานฉันท์บนเงื่อนไขของฉัน" ซึ่งก็แปลว่าไม่ต้องการจะสมานฉันท์กับใครที่ไม่เห็นด้วยกับกติกาของฉัน
 ทักษิณตั้งกติกาเอง, ตั้งเงื่อนไขเอง, แล้วก็บอกว่า "ผมถอยจนหลังพิงกำแพงแล้ว"

ความเป็น "ศรีธนญชัย" นั้น ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการจะสมานฉันท์ เพียงต้องการจะอ้างคำนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายเดิมของตนเอง โดยไม่สนใจว่าการ "สมานฉันท์" นั้น หมายถึงการที่ไม่ติดยึดกับเงื่อนไขของตัวเอง หากแต่หมายถึงการที่จะทำให้เกิดความสงบที่ทุกฝ่ายยอมรับได้

ทักษิณ บอกว่าเขาพร้อมจะลาออกถ้าฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเลิกชุมนุมและพรรคฝ่ายค้านเดิมยุติการคว่ำบาตรการเลือกตั้งคราวหน้า

ฟังดูก็น่าจะเจรจากันได้ใช่ไหม?

เปล่าเลย...ทักษิณเพิ่มเงื่อนไขที่เริ่มต้นก็ไม่สมานฉันท์แล้ว นั่นคือเขาจะเป็นคนตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสมานฉันท์...อดีตประธานสภาสามคน, อดีตประธานศาลฎีกาสามคน, อดีตนายกฯ สามคน, และอดีตอธิการบดีสามคน

แต่ทั้งหมดนี้ต้องไม่เกี่ยวกับการเมืองปัจจุบัน

ถ้าจะสมานฉันท์, ทำไมต้องเริ่มที่คณะกรรมการอิสระที่ทักษิณเป็นคนตั้ง? และถ้าฝ่ายอื่นไม่เห็นด้วยกับการตั้งอย่างนี้ก็แท้งตั้งแต่เกิดใช่หรือไม่?

เพียงแค่บอกว่าอดีตผู้นำคนไหน "ไม่เกี่ยวกับการเมืองวันนี้" ก็กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันวุ่นวายแล้ว

ฟังทักษิณเสนอคณะกรรมการอิสระแล้ว, เงื่อนไขให้คนอื่นต้องเลิกแล้ว, นึกว่าจบเพียงนั้นหรือ?

เปล่าเลย, ศรีธนญชัยเรียกพี่ทันที

เพราะทักษิณ บอกว่ายังมีเงื่อนไขสุดท้ายอีกข้อหนึ่ง..."จะให้ผมไปบอกกับประชาชน 16 ล้านเสียงอย่างไรว่าผมจะไม่ทำหน้าที่ที่พวกเขามอบหมายให้ผม?"

ถ้าคุณยังพอมีอารมณ์ขันเหลืออยู่ในยามบ้านเมืองเสื่อมทรุดอย่างนี้, คุณฟังแล้วก็อาจจะหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน
 แต่ถ้าคุณบังเอิญยังมีสติสัมปชัญญะเหลืออยู่, คุณก็อาจจะอยากบ้าขึ้นมาทันที

เพราะทักษิณกำลังเสนอเงื่อนไข 16 ล้านข้อให้คุณเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ
 
http://www.bangkokbiznews.com/2006/04/05/w015_92691.php?news_id=92691