ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

จากที่นี่ http://www.manager.co.th/lite/ViewNews.aspx?NewsID=9490000090099

เนื้อหามีว่า

              ไทยรักไทยคัดนักกฎหมายฝีมือเยี่ยมออกมาแก้ต่างจดหมายภาษาอังกฤษที่ “แม้ว” ส่งถึง “พ่อบุช” พยามกลบเกลื่อนให้เป็นเรื่องเล็กน้อยอ้างเป็นการใช้ภาษาคำพูดสบายๆ แถมยังอัดประชาธิปัตย์-พันธมิตรฯ หาเรื่องทำให้คนสับสน พูดพิลึกคำว่า “ราชอาณาจักร” ไม่ใช่สาระสำคัญ
       
       วันนี้ (13 ก.ค.) เวลา 15.30 น. ที่พรรคไทยรักไทย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง และนายประสพ บุษราคัม คณะทำงานด้านกฎหมายและการเมืองพรรคไทยรักไทย ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุม โดยนายวิชิต กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างกระแสต่างๆ หลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่พูดกับข้าราชการในเรื่ององค์กรนอกรัฐธรรมนูญ หรือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ และเรื่องจดหมายส่งถึงผู้นำต่างประเทศนั้น ทั้งสองเรื่องก็ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องการเอาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมาสร้างเรื่องให้ประชาชนเกิดความสับสน เพราะคำพูดนายกรัฐมนตรีมีความชัดเจนที่พูดกับข้าราชการ เพื่อให้ข้าราชการเข้าใจกับเหตุการณ์บ้านเมือง มีความวุ่นวายเกิดจากอะไร โดยไม่จำเป็นต้องแปล แต่ก็พยายามให้นายกฯ ตอบให้ได้
       
       นายวิชิต กล่าวอีกว่า ส่วนจดหมายส่วนตัวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งไปถึงส่งผู้นำต่างประเทศนั้น เป็นเจตนานายกฯเพื่อชี้แจงสถานการณ์ของบ้านเมือง เป็นเรื่องปกติในยุคโลกาภิวัตน์ เหตุการณ์บ้านเมืองในไทย ทั่วโลกรับรู้อย่างรวดเร็ว เป็นหนังสือชี้แจงให้เกิดความชัดเจนว่าเหตุการณ์ในไทยเป็นอย่างไร เมื่อได้รับหนังสือจากผู้นำต่างชาติ น่าจะเป็นเรื่องทีดีกับประเทศไทย โดยจดหมายได้บอกชัดเจนเขียนในฐานะนายกฯ ต้องรับผิดชอบ ในฐานะรักษาการนายกฯ เพื่อเตรียมการตามแนวทางประชาธิปไตย ไม่น่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นเหตุให้เกิดความสับสนกับประชาชน จึงขอเรียกร้องพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ได้ยึดในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ขอให้คิดดีกับผู้อื่น ไม่อยากให้นำประเด็นเล็กๆ น้อยๆ มาทำให้เกิดปัญหาขึ้นในบ้านเมือง
       
       ด้าน ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์พยายามใช้วีธีการหยิบยกเอาประเด็นที่เกิดในสังคมเอามาเรียงเป็นข้อๆ ถึง 9 ข้อ เป็นวิธีการที่อยากให้เห็นว่าบ้านเมือง สังคมมีปัญหามากเหลือเกิน โดยเฉพาะจดหมายที่นายกฯ ส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ พรรคประชาธิปัตย์ได้พิจารณาจดหมายร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางภาษา แต่เมื่อตรวจสอบ 9 ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งไว้ ตนเห็นว่ามีความใจความคลาดเคลื่อนในหลายประเด็น หรือมีเจตนาบิดเบือนเพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่บริสุทธิ์ใจ เป็นการวิเคราะห์จดหมายอย่างอคติ
       
       ร.ท.กุเทพ กล่าวด้วยว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตีจดหมายของพ.ต.ท.ทักษิณโดยโยงว่า เป็นสงครามต่อต้านการก่อการร้าย หรือ On-Going War on Terror หมายถึง เหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด เพราะคำดังกล่าวเป็นคำที่ผู้นำสหรัฐฯ และสื่อของสหรัฐฯ ใช้ติดต่อกันมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายใช้เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้คำว่า พรรคไทยรักไทยของข้าพเจ้าหรือ My Party,Thairakthai ก็เป็นเพียงสำนวนพื้นๆ ที่รู้กันในหมู่ของผู้เริ่มเรียนภาษาใหม่ๆ ว่าข้าพเจ้าสังกัดอยู่ในพรรคไทยรักไทย ไม่ได้หมายถึงพรรคไทยรักไทยเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว
       
       มือกฎหมายของพรรคไทยรักไทยผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า และการที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อนก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์คิดเล็กคิดน้อย ไม่เคยใช้ คิดใหม่ทำใหม่ ดังนั้น การทำจดหมายดังกล่าวจึงมุ่งสร้างความมั่นใจให้กับประเทศไทยให้กับผู้นำชาติอื่น ไม่ใช่สร้างประโยชน์ให้กับตัวเองแต่อย่างใด และการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ส่งหนังสือตอบกลับก็ไม่ใช่การตบหน้าผู้นำไทย ตามที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา
       
       “การวิเคราะห์ภาษาไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ เป็นการคิดเล็กคิดน้อย ไม่ควรมีอยู่ในเหตุการณ์ปัจจุบัน พรรคไทยรักไทยไม่ได้ยึดแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคฯบอกว่าในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่เคยส่งจดหมายไปถึงผู้นำแบบนี้ ก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้นำชาติใดเลย คือไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว ผู้นำจะเขียนจดหมายถึงกันได้ ต้องมีความสัมพันธ์ส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อมความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อการค้า เพราะฉะนั้น จึงเขียนจดหมายได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความสัมพันธ์กับใครเลย จึงเขียนไม่ได้ และอย่าสรุปจดหมายของนายกฯไม่ว่าจะไปถึงผู้นำสหรัฐฯ หรือผู้นำอาเซียนในขณะที่เว้นวรรคทางการเมือง ก็เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีความจำเป็นต้องประกาศเว้นวรรคทางการเมือง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าประเทศไทยยังไงก็ต้องเป็นประชาธิปไตย และที่กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง ก็ได้แจ้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทราบว่าประเทศไทยก้าวหน้าเดินต่อไปได้” ร.ท.กุเทพ กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมาะสมหรือไม่สำหรับการส่งจดหมายดังกล่าวและความจริงใจในการเปิดเผยจดหมาย ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า การที่ผู้นำมีความส่วนตัวระหว่างกัน ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหาย ส่วนในการเปิดเผยจดหมายนั้น ปกติรัฐบาลได้มีจดหมายเป็นจำนวนมากไปถึงผู้นำต่างประเทศมากมายหลายเรื่อง ซึ่งไม่ทราบว่าเรื่องใดที่เป็นเรื่องที่สนใจของประชาชน แต่เมื่อนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัน อดีต ส.ว.นครราชสีมา นำมาเปิดเผย รัฐบาลก็พร้อมจะเปิดเผย แต่ไม่ใช่จะให้เปิดเผยทุกเรื่อง ส่วนเรื่องจะมองว่าไม่เหมาะสมหรือมองว่าไทยเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐนั้น เป็นเรื่องที่พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์พยายามผูกให้รัฐบาลไทยเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงเป็นเจตนาที่ดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงในระดับผู้นำกับผู้นำเท่านั้น โดยเป็นการอธิบายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ ไม่ได้เป็นการนำความลับไปเปิดเผยอย่างที่กล่าวหา ทั้งนี้ การที่นายกฯ เสนอมุมมองของฝ่ายบริหารชี้แจงข้อเท็จจริงโดยอาศัยความสัมพันธ์ของผู้นำ ถือเป็นการทูตสมัยใหม่
       
       สำหรับความเหมาะสมและรูปแบบของจดหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยลงนามท้ายจดหมายว่า Prime minister Of Thailand ทั้งๆ ที่ควรเขียนว่า Prime minister The Kingdom Of Thailand ในฐานะประเทศปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของภาษา ไม่ได้มีสาระสำคัญ ถ้าเป็นจดหมายเป็นทางการ ก็เขียนอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ในฐานะเป็นการเขียนจดหมายส่วนตัวของนายกฯอาจใช้รูปแบบแรกที่ไม่เป็นทางการ คงต้องไปถามคนร่างจดหมายตนไม่สามารถตอบได้ ส่วนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบกลับมาโดยใช้คำว่า Prime minister The Kingdom Of Thailand เข้าใจว่าท่านคงให้เกียรติประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
       
       ขณะที่ นายประสพ กล่าวว่า นับว่าการเมืองไทยเป็นเรื่องแปลก ที่เวลาทะเลาะกันทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล มักจะนำเรื่องไปเถียงต่อหน้าต่างประเทศ และมีคนพูดกันว่านักการเมืองของไทยที่ชกกันไปมา ทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน ดังนั้น การทะเลาะกันขอให้ทะเลาะกันในบ้าน และทำตามกติการัฐธรรมนูญ วันนี้กลับเลยเถิดไปแล้ว ในที่สุดสังคมจะอยู่ไม่ได้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทุกๆท่าน คิดว่าอย่างไรครับ

สำหรับความเหมาะสมและรูปแบบของจดหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยลงนามท้ายจดหมายว่า Prime minister Of Thailand ทั้งๆ ที่ควรเขียนว่า Prime minister The Kingdom Of Thailand ในฐานะประเทศปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของภาษา ไม่ได้มีสาระสำคัญ ถ้าเป็นจดหมายเป็นทางการ ก็เขียนอีกรูปแบบหนึ่ง

................................
ถ้าความจงรักภัคดีมันฝังลึกในจิตสำนึกของนายกคนนี้นะค่ะ

คำนี้มันจะไม่พลาดแน่นอนค่ะ "Prime minister The Kingdom Of Thailand"

ส่วนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบกลับมาโดยใช้คำว่า Prime minister The Kingdom Of Thailand เข้าใจว่าท่านคงให้เกียรติประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

บุชมันยังรู้ว่าอะไรควรมิควร แต่ไอ้แม้วมันแย่ขนาดเรื่องจดหมายเล็กๆ ยังโง่ทำให้โดนด่าจนได้
อย่างนี้ประเทศจะไปเหลืออะไรถ้าให้มันบริหาร ทั้งชุ่ย ทั้งมั่ว

ก็มันบริหารแบบชุ่ยๆ มาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอ

สังเกตุได้จากการแก้ปัญหาภาคใต้

เพราะในที่สุดแล้วก็ทำได้แค่หาแพะไปวางไว้ที่ภาคใต้ ก็เท่านั้นเอง

เอ่อ.... ขอขัดนิดนะคะ...

รู้สึกสมัยชวนก็ใช้คำนี้นะ ไม่มีคำว่าราชอาณาจักรเหมือนกัน

Address by
His Excellency Mr. Chuan Leekpai
Prime Minister of Thailand
at the Opening Ceremony of the
21st General Conference of the World Fellowship of Buddhists
and the
12th General Conference of the World Fellowship of Buddhist Youth
Wednesday 6 December 2000, 1530 Hours
Thailand Cultural Centre, Bangkok
--------------------------------------------------------------------------------

Mr. Phan Wannamethee,
President of the World Fellowship of Buddhists,
Venerable Sirs,
Excellencies,
Ladies and Gentlemen,

It is a distinct pleasure and honour for me to join such a distinguished gathering of Buddhists from around the world today. As the President mentioned just a moment ago, this year also marks the fiftieth anniversary of the World Fellowship of Buddhists. On behalf of the Government and people of Thailand, I should therefore like to extend to all of you our sincere congratulations and best wishes upon this very auspicious occasion.
When I last addressed this gathering some six years ago, the situation in Asia was very much different from today. Then, many of our countries were in the midst of an economic boom brought about by years of double-digit growth. Today, however, that feeling of supreme self-confidence has been replaced by one of cautious optimism. The severity of the recent financial crisis in East Asia has clearly demonstrated to us that we were not as prepared as we thought we were for all the challenges of globalisation.
 


ขอโทษนะคะที่ไม่มีฉบับจริง อันนี้ก็ก็อปเขามาน่ะค่ะ

เรื่องไร้สาระแบบเด็กๆพวกนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นประเด็นไปได้
เป้าหมายมันก็เพียงแค่ ป้ายสีทักษิณ หาว่าคิดอ่านจะล้มล้างสถาบันฯ
มันติ๊งต๊องปัญญาอ่อน

ถ้าพวกมันเองน่ะไม่แน่ เพราะเห็นมันบอกให้ ... ลาออก ไม่ใช่เหรอ ?

เรื่องไร้สาระเด็กๆแค่นี้ มันยังไม่มีปัญญาทำให้ถูก

อย่าเอาคำพูดจาก CliP ที่ผ่านการตัดต่อแล้วมาอ้างอิงหน่อยเลย

มีใคร มีรูป scan จดหมายแบบใหญ่ๆไหมครับ
ผมอ่านฉบับที่ scan มาจาก เวป manager มันตัวอักษรค่อนข้างเล็ก อ่านลำบากเหลือเกิน
ไปหาหลายเวปแล้วก็ไม่เจอ
ในกรุงเทพธุรกิจก็ไม่เห็นน่ะครับ
ถ้าใครมี ส่ง Link ให้ทีสิครับ

เรื่อง Prime Minister of Thailand , Prime Minister of Kingdom of Thailand
ผมไม่คิดมาก เท่าเรื่อง ส่งจดหมายส่วนตัว แต่ลงตำแหน่งหรอกครับ
ไหนจะ เหตุผลที่ส่งไป ก็ไม่เห็นว่า มันจะเหมาะสมตรงไหน
ถนัดพูดหรือชี้แจงฝ่ายเดียวซะมาก

ถ้าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้คำว่า Prime minister The Kingdom Of Thailand เพราะท่านให้เกียรติประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งั้นคนที่ไม่ใช้คำนี้แต่ไปใช้คำว่า Prime minister Of Thailand ก็ไม่ให้เกียรติประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข    

ครับ Logic มันเป็นอย่างงั้นนี่ครับ

http://www.matichon.co.th/news_relate/gallery_single.php?tag950=01p0105120749&type=mctb (http://www.matichon.co.th/news_relate/gallery_single.php?tag950=01p0105120749&type=mctb)

ฝากให้คุณ Mini ครับ

ขอบคุณคุณ ลุงแอล มากครับ
ผมหาในเวปมติชนเหมือนกัน แต่ทำไมไม่เจออันนี้ก็ไม่รู้
ใหญ่กว่าในเวป manager พอสมควรเลย
ขอบคุณอีกครับครับ

....ไม่มีใครสนใจคห.เราเลยแฮะ = =" คือเรากำลังสงสัยว่า บางทีนายกคนก่อนๆก็อาจใช้คำนี้ หรือเผลอใช้บ้างก็ได้ ดังนั้นหากเป็นอย่างนั้นจริง การจะบอกว่าเพราะทักษิณไม่จงรักภักดี เลยใช้คำนั้น มันก็ไม่ถูกนะคะ = ="

เผลอเดียวพอทน....แต่นี่หลายเผลอ หรือ ตั้งใจก็มิอาจทราบได้

ของคุณชวนอันนั้นเหมือนเป็นงานเล็กกว่า ไม่ใช่ภาษาระดับทางการแบบการทูต

ไม่รู้คนอื่นพิมพ์ให้หรือเปล่า

แต่ของนายทักษิณส่งไปหาประธานาธิบดี....ระดับประเทศต่อประเทศ เจอเค้าตอกหน้ากลับมางี้

อายแทน

รูั้้สึกรักคุณชวนจริงนะคุณ

ตัวอย่างที่คุณ Wadoiji นำมาให้ดู ไม่ใช่จดหมายราชการที่มีตราครุฑ
และส่งกันระหว่างประเทศอย่าง จดหมายของ พตท.ทักษิณ ครับ

และยังมีข้อเปรียบเทียบให้เห็นว่า ปธน.สหรัฐฯ ยังเลือกใช้คำ
ที่เป็นทางการถูกต้องมากกว่าประเทศของเราเสียอีก

(http://www.matichon.co.th/newsphoto/newsrelate/200607120848480.jpg)

---

(http://www.matichon.co.th/newsphoto/newsrelate/200607120848481.jpg)

 On-Going War on Terror

ประเด็นนี้น่าสงสัยมากครับ


ที่แม้วยกขึ้นมา ด้าหนึ่งเหมือนกับเรียกร้องให้กองกำลังต่างประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้

ไม่ว่าจะในฐานะ พันธมิตรนอกนาโต้ หรือฐานะใดๆ  :!:

ประชาธิปไตย จริงๆเลย ที่กล่าวหาว่า พวกที่มาประท้วง ไม่เป็นประชาธิปไตย

สรุป แม้วไม่ผิด
แค่ไม่มีหัวคิด เรื่องปกติเห็นเป็นประจำ

หรือสรุปอีกที....เจอ บุชวางยา วะ 555

ไปอ่านกระทู้นี้ค่ะ แล้วคุณจะได้คำตอบ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=4097.0

 :mrgreen: ร้ากกกกกกกกกกกกมากมายก่ายกองเลยนะเออ....

ไม่อาววววว ไม่พูดดดดดด เดี๋ยวโดนหาว่ามาเชลียร์ >w<"



เท่านี้ก็กระจ่างแล้วสินะคะ เพราะท่านชวนและนายกก่อนหน้านั้น ก่อนปี44 ยังไม่ได้บังคับว่าต้องมีคำว่าราชอาณาจักร แต่หลังปี44ที่เป็นยุคทักษิณมีการบังคับใช้แล้ว...

แต่น่าสงสัย ว่าทำไมถึงพลาด จงใจพลาดหรือเปล่านะ?

... but the Thai people are resilience and Thai democracy is strong ...  

That doesn't mean you at all, ไอ้ลูกกะเป๋งหน้าเหลี่ยมเอ๊ย   !!!

เพื่อความสะดวก copy มาให้ดูเสียเลย

---

เปิดราชกิจจาฯ ชี้ชัดต้องใช้'คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์'

14 กรกฎาคม 2549 21:30 น.
ราชกิจจาฉบับแก้ไขปี 2544 ยืนยันประเทศไทยต้องใช้คำว่า "คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์" ตบหน้ารัฐบาลรักษาการยืนกรานยังใช้"ไพรม์ มินิสเตอร์ ออฟ ไทยแลนด์"เท่านั้น

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : จากประเด็นปัญหาเกี่ยวกับจดหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ส่งถึง นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แล้วลงท้ายด้วยคำว่า "ไพรม์ มินิสเตอร์ ออฟ ไทยแลนด์" หรือนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย แทนที่จะใช้คำว่า "ไพรม์ มินิสเตอร์ ออฟ คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์" หรือนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย

แต่ภายหลังโฆษกรัฐบาลออกมาแก้ต่างว่า หนังสือหรือจดหมายที่ทำถึงต่างประเทศในรัฐบาลชุดก่อนๆ ก็ใช้คำว่า ไพรม์ มินิสเตอร์ ออฟ ไทยแลนด์ นั้น

ล่าสุด จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าว พบว่า ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอนพิเศษ 117 ง ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2544 ซึ่งเป็นการลงประกาศของราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง "กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง" นั้น

ระบุรายละเอียดว่า คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมชื่อภูมิศาสตร์สากล พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงประกาศราชบัณฑิตยสถาน ฉบับลงวันที่ 24 ธันวาคม 2539 แล้ว และให้ใช้ประกาศซึ่งกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ตามที่แนบท้ายประกาศฉบับนี้แทน

โดยประเทศไทย ให้ใช้คำว่า ราชอาณาจักรไทย ภาษาอังกฤษคือ Kingdom of Thailand มีเมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร ซึ่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Krung Thep Maha Nakhon ; Bangkok

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ปี 2544  คือปีที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  เข้ามาบริหารประเทศ และเป็นรัฐบาลแรกที่จะต้องใช้ชื่อประเทศไทยว่าราชอาณาจักรไทยตามประกาศของราชบัณฑิตยสถานฉบับดังกล่าว
 

และที่ใช้คำว่า "my country" ในจดหมาย
ก็เหมือนเด็กๆ เขียนหนังสือด้วยครับ

หรือว่าตั้งใจจะให้น่ารักน่าเอ็นดู..  :shock:

คิกคิก วันนี้เป็นข่าวมติชนแล้วนะเออ

ผมก็รักคุณชวน รู้ว่าคุณชวนเป็นคนเสียสละ ยอมแม้กระทั่งบริจาคร่างกาย

แต่ ผมเกลียดคุณทักษิณมากกว่า

ฉะนั้น ผมจะด่ามันต่อปาย

อาจจะผิดพลาดโดยบังเอิญก็ได้ แต่ก็ไม่น่าผิดแหละ เพราะลูกทักกี้เขียนถึงพ่อบุช เลยไม่คิดมากมั๊ง

รักพ่อต้องฟ้องพ่อ

มันบ้านะสิ

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศและเมืองหลวง ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๐ (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2530/D/068/1.PDF)

ประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง กำหนดชื่อประเทศและเมืองหลวง ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๐ (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2530/D/068/2.PDF)




ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครองและเมืองหลวง ๒๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๐ (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/E/086/1.PDF)

ประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครองและเมืองหลวง ๒๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๐ (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/E/086/2.PDF)




ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๔ (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2544/E/117/1.PDF)

ประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๔ (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2544/E/117/2.PDF)

จริง ๆ แล้วไม่เคยเปลี่ยนน่ะครับ ใช้มาตลอด ราชอาณาจักรไทย ลองอ่านดู

จะไปอ้างชวน และ เปรม ไม่ได้ครับ จากข้อมูลเพิ่มเติมนี้

แฉ'ทักษิณ'ลงนามเองชื่อประเทศต้อง'Kingdom of Thailand'

17 กรกฎาคม 2549 15:09 น.
หลักฐานลายลักษณ์อักษรในประกาศสำนักนายกฯ 9 พ.ย.44 ลงนามโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และประกาศในราชกิจจานุเบกษา26 พ.ย.44 ระบุชัดประเทศต่างๆใน 6 ทวีป ที่ปกครองโดยกษัตริย์เป็นประมุข จะใช้นำหน้าชื่อประเทศด้วยคำว่า "Kingdom of"เหมือนกัน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : หลังจากมีข้อโต้แย้งจากโฆษกรัฐบาล และทีมโฆษกพรรคไทยรักไทย ถึงเรื่องชื่อประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่าง Thailand หรือ Kingdom of Thailand โดยรัฐบาลรักษาการได้นำจดหมายของอดีตนายกรัฐมนตรี หลายคนมาประกอบการแถลงข่าว อาทิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน รวมทั้งนายชวน หลีกภัย ที่ต่างเคยลงท้ายจดหมายทางการทูตในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า  Priminister of Thailand เหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ส่งไปถึงประธานาธิบดี จอร์จ บุช ของสหรัฐอเมริกา

จากการสืบค้นเอกสารหลักฐานลายลักษณ์อักษร จากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2544 เรื่อง "กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามเอง ซึ่งย่อมเป็นหลักฐานที่ใช้ยืนยันได้อย่างชัดเจน ถึงการเรียกชื่อประเทศทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งชื่อของประเทศไทยอย่างเป็นทางการนั้นต้องใช้คำว่า "Kingdom of Thailand"

ทั้งนี้ ประกาศสำนักนายกฯ ฉบับดังกล่าว ได้อ้างถึงการนำเสนอของราชบัณฑิตยสถานที่ระบุว่า "ในปัจจุบันมีเขตการปกครองเกิดขึ้นใหม่ บางประเทศได้เปลี่ยนระบอบการปกครองและเปลี่ยนชื่อ บางประเทศหรือเขตการปกครองได้ย้ายที่ตั้งหรือเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงใหม่

ฉะนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และเพื่อให้การเขียนชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวงเป็นระเบียบเดียวกัน ราชบัณฑิตยสถานจึงได้จัดทำประกาศราชบัณฑิตยสถานเรื่องกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวงขึ้นใหม่ และขอให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับลงวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2540 และประกาศราชบัณฑิตยสถาน ฉบับลงวันที่ 24 ธันวาคม 2539 เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง แล้วใช้ประกาศราชบัณฑิตยสถานว่าด้วยเรื่องเดียวกันนี้ฉบับลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2544 แทน"

ประกาศสำนักนายกฯ ฉบับลงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2544 ได้สรุปในย่อหน้าถัดมาว่า "คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว เห็นชอบด้วย จึงลงมติให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและประกาศราชบัณฑิตยสถานฉบับดังกล่าวข้างต้น และให้ใช้ประกาศราชบัณฑิตยสถานเรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ฉบับลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2544 ซึ่งได้ปรับปรุงขึ้นใหม่แทนประกาศฉบับเดิม ทั้งนี้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศนี้เป็นต้นไป"

ทั้งนี้ ประกาศสำนักนายกฯฯ ฉบับดังกล่าว ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 118 ตอนพิเศษ 117 ง ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2544 ด้วย

จากประกาศของราชบัณฑิตยสถานฉบับดังกล่าวนี้ ได้แบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน เฉพาะในส่วนของชื่อประเทศได้แยกออกเป็นทวีปต่างๆ 6 ทวีป รวมทั้งหมู่เกาะ โดยมีข้อที่น่าสังเกตอย่างชัดเจนว่า ประเทศที่มีการปกครองโดยระบบกษัตริย์นั้นจะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการที่มีคำนำหน้าชื่อว่า "Kingdom of.........." ทุกประเทศ

ในทวีปเอเชีย ที่ใช้คำนำหน้าว่า Kingdom of.....จำนวน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ภูฏาน เนปาล และซาอุดิอารเบีย

ทวีปออสเตรเลียและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิค มี 1 ประเทศ คือ ตองกา

ทวีปยุโรปใช้คำนำหน้าว่า Kingdom of.. ทั้งหมด 7 ประเทศ ได้แก่ เบลเยี่ยม เดนมาร์ค เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สเปน สวีเดน ส่วนอังกฤษนั้นมีคำเฉพาะที่ต่างออกไปคือ United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland

ทวีปแอฟริกามีอยู่ 3 ประเทศที่ใช้ชื่อนำหน้าชื่อเป็นทางการว่า Kingdom of.... ได้แก่ เลโซโธ โมรอคโค และสวาซิแลนด์

http://www.bangkokbiznews.com/2006/07/17/w001_120748.php?news_id=120748

(http://flagspot.net/images/t/th-kngpr.gif)

เอาล่ะซิ จะแก้ตัวยังไงอีกดีล่ะ ทีนี้