หัวข้อ: ธาตุแท้ ของคนเราต่อให้ปกปิดซ่อนเร้นอย่างไรในที่สุดก็ต้องเผย... เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 08-07-2006, 12:36 ธาตุแท้ ของคนเราต่อให้ปกปิดซ่อนเร้นอย่างไรในที่สุดก็ต้องเผย ออกมาจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจอะไรกับคำพูดในช่วงนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันมีตำแหน่งที่แท้จริงเป็นเพียงผู้ปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ยังไม่มี ครม.ชุดใหม่
การยัดเยียดให้ผู้อื่นเป็น คนนอกรัฐธรรมนูญ นั้น แค่คิดก็ผิดแล้ว ในเมื่อ รัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ระบุไว้ชัดเจนว่า ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากำเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองแห่งรัฐธรรมนูญนี้เสมอกัน ต่อให้รวยแค่ไหนมีอำนาจล้นฟ้าอย่างไรก็ไม่มีสิทธิกีดกันใครออก นอกรัฐธรรมนูญ ดังนั้น สำนวนบ้องตื้น ที่ นักการเมืองเฒ่า บางคนสอพลอว่าเก๋นักเก๋หนา แท้ที่จริงแล้วก็เท่ากับเป็นความคิดของคน ที่ไม่สนใจไยดีในความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญนั่นเอง คนมีบารมี ในสังคมไทยนั้นมีอยู่จริง แต่ก็มีมาด้วยคุณงามความดีที่สร้างสมไว้ เพราะฉะนั้น เมื่อเอ่ยถึง คนมีบารมี ความรู้สึกแรกจึงนึกถึง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้เป็นทั้ง ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ ที่ทุกคนเคารพกราบไหว้ได้สนิทใจในความดีงามที่ทำไว้ให้บ้านเมืองมาตลอดชีวิต ส่วน คนมีเงิน คนมีอำนาจ ก็มีอยู่แค่นั้น ไม่แน่ว่าจะมีบารมีเสมอไป ขอบคุณผู้กล้าหาญทั้งสอง อย่าง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมายืนยันความจริงในการตัดสินใจลาออก ว่าไม่ใช่อย่างที่บางคนเอาไปบิดเบือนต่อสาธารณะ แล้วก็มาถึงบทบาทของคนที่ยังอยู่ใน แวดวงราชการ คงไม่หวั่นไหวไปกับ ยาหอมหาเสียง เรื่อง ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เพราะในสถานการณ์ความเป็นไปเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีใครเป็นรัฐบาลก็หนีไม่พ้นที่จะต้องหยิบเรื่องนี้มาดำเนินการตามความจำเป็น ตัวอย่างที่พิสูจน์ชัดอีกหนหนึ่งถึงการใช้อำนาจตามอำเภอใจในการแต่งตั้งข้าราชการคือ การเอา รองพล เจริญพันธ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คนใหม่นั้นพอทำเนา แต่การให้ พล.ต.ต. พีรพันธ์ เปรมภูติ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ครบวาระแล้วมาแขวนอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ก้าวพรวดเดียวเป็น ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นั้นมันเกินไป พูดถึงประสบการณ์และฝีไม้ลายมือของ พล.ต.ต. พีรพันธ์ นั้น มีพอตัว แต่เป็นประสบการณ์ด้านเดียวฝีมือแค่นี้ได้เป็น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะพอดี เป็น รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยังคิดว่ามากไปนิดหนึ่งด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ ตำแหน่งปลัด เพราะตำแหน่ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นั้น ต้องถือว่าเป็น ปลัดอันดับ 1 ของแวดวงราชการ แต่ละคนที่ก้าวขึ้นมาในอดีตต่างมีประวัติความเป็นมาในการ ทำคุณประโยชน์ให้ราชการ จนเป็นที่ประจักษ์ และสามารถครองใจคนในสำนักนายกรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดี แต่ยุคนี้สมัยนี้ การ ทำคุณประโยชน์ให้รัฐบาล จนเป็นที่ประจักษ์ก็สามารถขึ้นมาได้ นี่คือการใช้อำนาจของ รัฐบาลรักษาการ เพื่อประโยชน์ของใครลองคิดดูเอาเอง องค์กร ทั้งหลายในแวดวงราชการพลเรือน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงาน ก.พ. หรือ สำนักงาน ก.พ.ร. นั้นอย่าหวังพึ่ง เพราะคงมีแต่คิดหาเหตุผลมารองรับแค่ว่า ทำได้...ทำได้ ไม่ผิดกฎเกณฑ์ เท่านั้นเอง แต่ใครในคราบ ข้าราชการพลเรือน จะอับอายที่ต้องสยบกับ รัฐตำรวจ หรือไม่นั้น หารู้ไม่ ซี.12 ... http://www.thairath.co.th/news.php?section=education03&content=11877 (ไทยรัฐเพิ่งตื่น :?: คอลัมน์การเมืองไม่ถล่ม คอลั่มน์อื่นถล่มเอง :mrgreen:) |