ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

"นี่หรือการเมืองใหม่?

โดย เหล็กใน
ที่มา ข่าวสด
2 ตุลาคม 2551

รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ส่งสัญญาณแล้วว่าจะไม่อยู่นาน

ล่าสุด ได้กำหนดนโยบายว่าจะสนับสนุนการปฏิรูปการเมือง โดยจะแก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 291

เพื่อจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้สภาเป็นผู้ดำเนินการสรรหาตัวแทนบุคคลทุกสาขาอาชีพ และมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง

ในช่วงปลายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนมาถึงยุคคมช.ปฏิวัติ มีการพูดถึง"การปฏิรูปการเมือง"ราวกับเป็นคำขวัญสำคัญ

แล้วรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ก็เป็นผลพวงของการปฏิรูปการเมืองแบบคมช.

แต่พอพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาลสำเร็จ ก็มีการหยิบยกคำดังกล่าวมาพูดอีก

คราวนี้ใช้คำว่าการเมืองใหม่บ้าง ประชาภิวัฒน์บ้าง

อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตนักเคลื่อนไหวชื่อดัง วิจารณ์ว่าคำขวัญ"ปฏิรูปการเมือง"ในช่วง 2-3 ปีนี้ เป็นเพียงคำแฝงอำพรางเท่านั้น
แท้จริงคือการพยายามเล่นงาน จำกัดอำนาจนักการเมืองเลือกตั้ง เพื่อสร้างความมั่นคงให้อำนาจที่แตะต้องไม่ได้

นั่นคือ องคมนตรี กองทัพ ซึ่งมีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และไม่มีใครกล้าแตะต้อง

สำหรับการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งล่าสุดเสนอให้เลือกตั้งแบบ 50-50 นั้น

เมื่อเจอเข้ากับการเมืองใหม่ของสนนท.และกลุ่มประกายไฟ ที่ให้เลือกนายกฯโดยตรง ยกเลิกวุฒิสมาชิก ปฏิรูปตุลาการมาใช้ระบบลูกขุนแทน

ไอเดียใครก้าวหน้ากว่า ไม่ต้องบอก

ล่าสุด บนเวทีพันธมิตรฯทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่าตนเป็นผู้จุดประกายการเมืองใหม่จนกลายเป็นไฟลามทุ่งไปแล้ว

พร้อมกับอ้างว่าที่ไม่ได้ไปร่วมสัมมนาการเมืองใหม่ทั้ง 2 ครั้ง เพราะไม่อยากไปครอบงำ

นายสนธิระบุว่า"การเมืองใหม่จะคิดยังไงก็ตาม หลักสำคัญที่สุดที่ต้องชูเอาไว้เลย การเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น ต้องทำให้สถาบันกษัตริย์เข้มแข็ง และใครมาล้มล้างไม่ได้ จะออกแบบอย่างไรก็ตาม ขอให้ออกแบบให้สถาบันกษัตริย์เข้มแข็ง และคืนพระราชอำนาจให้กับพระองค์ท่าน"

ขณะเดียวกันก็ตำหนิข้อเสนอของอธิการบดีมหาวิทยาลัย 24 สถาบันว่าไม่ถูกต้อง เพราะการให้รัฐบาลแต่งตั้งคนเข้ามาเป็นกรรมการ ถ้ารัฐบาลไม่เอาด้วยก็ทำอะไรไม่ได้

สู้ประชาภิวัฒน์ของพันธมิตรฯไม่ได้

นายสนธิยังย้ำด้วยว่าการเมืองใหม่ การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้อยู่ในพระราชอำนาจ ราชบัลลังก์จึงจะมั่นคง จะได้ไม่มีใครจาบจ้วง คิดล้มล้าง

ถ้าย้อนไปดูการเคลื่อนไหวในช่วงก่อนการปฏิวัติ

กลุ่มพันธมิตรฯ ก็เคยเสนอให้ขอนายกฯพระราชทาน

นี่หรือการเมืองใหม่ นี่หรือประชาภิวัฒน์!!"

"กระบอกเสียงพันธมิตร รัฐประหาร และปลากระป๋อง    :slime_agreed:

โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์
ที่มา ประชาไท
26 กันยายน 2551

เดือนนี้ครบรอบ 2 ปี ของเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยาฯ ซึ่งมีผลให้ไม่เพียงแต่นายทักษิณ ชินวัตร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และทำให้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยที่เชื่อว่ารัฐประหารน่าจะได้กลายเป็นเรื่องของอดีตไปแล้ว ตั้งแต่หลังเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม 2535 ที่ต้านทหาร จนพ่ายไปในที่สุด

เวลาผ่านมา 2 ปี ความเป็นไปได้ที่จะเกิดรัฐประหารอีกได้สูงขึ้น สูงมากกว่าโอกาสที่จะเกิดสึนามิอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้รัฐประหารครั้งล่าสุดที่อ้างว่า ก่อการเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมจะผ่านมา 2 ปีแล้ว ความแตกแยกทางการเมืองของไทยก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงแต่อย่างใด แถมกลับทวีขึ้น และในขณะเดียวกัน ประชาชนอีกจำนวนหนึ่งก็ยังคาดหวังว่า ควรจะมี “รัฐประหารเพื่อประชาชน” อีก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการเมือง

เอแบคโพลล์ได้เผยตัวเลขออกมาในวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ผู้ถูกสำรวจ 37.1% เชื่อว่าการมีรัฐประหารจะช่วยแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองในปัจจุบันได้

ทางด้านกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ (โพสต์ทูเดย์ 16 ก.ย.) ซึ่งข้อ 4 มีข้อความว่า “เราไม่ต้องการการรัฐประหารเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง” นั่นน่าจะหมายความว่า พวกเขาคงไม่มีปัญหากับ “รัฐประหารเพื่อประชาชน” อีกสักรอบกระมัง เพราะพูดตรงๆ ทุกคนก็คงทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เคยออกมาต่อต้านรัฐประหาร 19 ก.ย. เลย ส่วนกลุ่มที่เรียกว่า นักวิชาการหรือปัญญาชน แนวสายกลาง ที่ยอมรับการแต่งตั้งจากทหารเพื่อเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อย่างเช่น รศ.สุริชัย หวันแก้ว แห่งรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หรือโคทม อารียา แห่งมหิดล ก็ยังปฎิบัติกิจประจำวันใช้ชีวิตอย่างปกติ ในขณะที่สังคมไทยก็ยังติดยึดกับการอยากเห็น “รัฐประหารเพื่อประชาชน” อย่างซ้ำซาก

รศ.สุริชัยนั้นมาระยะหลังได้มีบทบาทแสดงความเห็นเกี่ยวกับบ้านเมืองมากขึ้นผ่านสถานีทีวี “สาธารณะ” ไทยพีบีเอส ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นโดยกฎหมายที่ผ่านโดย สนช. ที่ได้รับการแต่งตั้งจากทหารอย่างโคทม และสุริชัยเอง

ผู้เขียนคิดว่า ปัญญาชนสองท่านนี้ควรจะกรุณาสละเวลาสักระยะหนึ่งเพื่อเขียนบทความหรือหนังสือทบทวนบทบาทของปัญญาชนไทยหลายคนที่มีบทบาทในการค้ำยันระบอบทหารและวัฎจักรรัฐประหาร ให้ยืนยงถึงทุกวันนี้ หลายคนคงยังจำได้ว่า มรดกจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. นั้น รวมถึงการทำกฎหมายความมั่นคงภายในให้มีความชอบธรรมทางนิติศาสตร์ รวมถึงการเพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างมหาศาลที่เขียนกำกับไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับทหาร 2550

2 ปีผ่านไป บทบาททางการเมืองของทหารยิ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดขึ้น ดูได้จากคำถามที่นักข่าวมักชอบยิงไปที่ตัว ผบ.ทบ. คือพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งจะเห็นได้ว่า ก็มักวนเวียนอยู่กับเรื่องว่า ทหารคิดอย่างไรต่อเรื่องการเมือง เช่น “ท่านค่ะ ใครควรจะเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ค่ะ”

“ท่านครับ ท่านคิดอย่างไรต่อรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ครับ”

“ท่านค่ะ จะมีรัฐประหารอีกไหมค่ะ”

หนักไปกว่านั้น ถึงแม้อิทธิพลของทหารต่อการเมืองจะแผ่ขยายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้นำกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็คงยังไม่พอใจ จึงได้ให้สัมภาษณืแก่สื่อต่างประเทศ เมื่อไม่นานมานี้ว่า มิติหนึ่งของ “การเมืองใหม่” ของพันธมิตรฯ นั้นก็คือข้อเสนอว่า การแต่งตั้ง โยกย้าย ทหารระดับสูงควรจะขึ้นกับสภากลาโหม และให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าหรือไม่โปรดเกล้า และทหารไม่ควรขึ้นอยู่กับกระทรวงกลาโหมหรือรัฐบาล แต่ควรขึ้นกับสถาบันกษัตริย์

เรื่องนี้แค่นึกก็น่าหวาดวิตกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองไทย

ในเมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนี้ผู้เขียนคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่สังคมจะตั้งคำถามอย่างเป็นจริงเป็นจังว่าทำไมผู้คนถึงเสพติดกับระบอบทหารและรัฐประหารอย่างงอมแงม

เมื่อไม่นานมานี้ กระบอกเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ คนหนึ่งได้โจมตีบรรดา นักวิชาการเฮงซวย”strong> ในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ เปรียบว่านักวิชาการที่ออกมาวิจารณ์พันธมิตรฯ เหล่านี้มีมุมมองต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างแข็งทื่อ ประหนึ่งเหมือนผู้ที่รู้จักแต่การเปิดและกินปลากระป๋อง โดยไม่รู้จักดัดแปลงให้เป็นยำปลากระป๋อง

แต่เรื่องนี้กลับทำให้ผู้เขียนนึกถึงกลุ่มพันธมิตรฯ และปลากระป๋องมากกว่า เพราะดูเหมือนคนในกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยยังอยากจะเห็น “รัฐประหารเพื่อประชาชน” อีกรอบ เพราะว่ามันเป็นทางออกที่ด่วนแดก ทันใจ ไม่ต้องรอไปนั่งแลกเปลี่ยนถกเถียงความเห็นทางการเมืองกับคนส่วนมากให้เสียเวลา

พวกเขายังคงเชื่อว่า หากมีรัฐประหารดีๆ อีกสักครั้ง เมืองไทยอาจจะกลายเป็นสังคมประชาธิปไตยที่ยุติธรรมไร้คอร์รัปชั่นได้ทันทีทันใด เร็วกว่าเวลาที่ต้องใช้ในการเปิดปลากระป๋องเสียอีก "

"คนพันทิปวิเคราะห์ยุทธ์ศาสตร์ฟากอำมาตย์ หลังทหารใหญ่หลายรายเกษียณอายุ   :slime_agreed:

ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 ตุลาคม 2551

คุณนางฟ้ามหาโหด นามแฝงของสมาชิกเว็บบอร์ดพันทิปห้องราชดำเนินท่านหนึ่ง วิเคราะห์ยุทธศาสตร์การเมืองในระยะกลางของฝ่ายศักดินาอำมาตยาธิปไตย พร้อมเผยหมากกลสำคัญที่จะสร้างเงื่อนไขไปสู่การมี 'รัฐบาลหุ่นของอำมาตย์' คุณนางฟ้ามหาโหดยังแสดงความเป็นห่วงอีกด้วยว่า การฝึก 'นักรบพระเจ้าตาก' ของเสธ.แดง จะต้องไม่เป็นเงื่อนไขที่จะทำให้ฝ่ายอำมาตย์นำไปใช้ประโยชน์ได้ ท้ายสุด ร้องให้ทุกฝ่าย 'อดทน' เพราะจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้สำหรับการเจรจาในกรณีที่อีกฝ่ายกำลัง'ร้อนรน'

อนึ่ง กระทู้ดังกล่าวมีเนื้อหาทั้งหมดดังนี้



หลายท่านอาจคิดว่าการที่นายทหารคมช. รวมทั้งพรรคพวกหลายคน ที่เกษียนอายุราชการไปในวันที่ 30 ก.ย. นั้น คือ จุดจบของ คมช.

อาจใช่ในทางเทคนิค ที่ทหารที่เกษียณแล้ว จะหมดอำนาจจากกองทัพไป แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่ใช่ทั้งหมด

หากแต่ลูกน้องที่ยังคงอยู่ในราชการ (ที่ฝักใฝ่ในทางเดียวกัน) ยังคงทำงานเป็นมือ เป็นเท้า ให้คนเหล่านี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโยกย้ายนายทหาร ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา คนของฝ่ายทหารฝ่ายเผด็จการ ยังอยู่ในตำแหน่งอีกมาก (เพราะในขณะที่กำลังจะมีการต่อรองตำแหน่งทางการทหารนั้น ได้เกิดมีกรณีการบุกยึด NBT เหตุการณ์วุ่นวายมากมาย อย่างที่เราทราบๆ กันดี รัฐบาลคุณสมัครในขณะนั้น โดนกดดันมาก จนหมดอำนาจการต่อรองการโยกย้ายทหาร กับ ฝ่ายทหารไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้ความตั้งใจของท่านนายกสมัคร ที่จะขยับเอา "ทหารอาชีพ" มาแทน "ทหารเผด็จการ" นั้น ทำไม่ได้ดังที่ต้องการ)

ดังนั้น แม้เราจะได้เห็นการเกษียณอายุราชการของเหล่าทหารเผด็จการหลายท่าน แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุป จากนี้ไปอีก 1-2 เดือน ยังคงเป็นระยะที่ อึมครึม ต่อไป

หลายท่านคิดว่า ทหารไม่กล้าออกมาปฎิวัติอีกแล้ว เพราะโดนอเมริกาขู่ไว้ ส่วนนึงก็ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด

1.) ด้านกำลังพล ทหารฝ่ายเผด็จการมีกำลังพลโดยรวมไม่น้อยกว่า และ/หรือ ใกล้เคียง กับกำลังพลของทหารอาชีพ โดยเฉพาะในระดับ ผบ.พัน

2.) ด้านปัจจัยเงินทุน ทหารฝ่ายเผด็จการได้มีคำสั่งให้โยกย้ายเงินจากงบบัญชีพัฒนามากผิดสังเกต มาเป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้ว

จากข่าวหลายกระแสที่อ้างถึงประเทศสหรัฐอเมริกาที่ออกมาสำทับไม่ให้มีการปฎิวัตินั้น รวมทั้งหากแม้นว่า ทหารเผด็จการเหล่านี้ปฏิวัติสำเร็จก็อาจปกครองไม่ได้ (เพราะประชาชนไม่ยอมและจะออกมาต่อต้านนั้น) ก็เป็นความจริง

หากแต่ ทหารฝ่ายเผด็จการ ได้มองข้ามช๊อต ไปแล้ว

เมื่อทหารฝ่ายเผด็จการออกมาทำการปฏิวัติ ทหารอาชีพ(ทหารฝ่ายประชาธิปไตย)จะออกมาขัดขวาง

หากทหารอาชีพเป็นฝ่ายชนะ ก็จะมีกองกำลังในลักษณะกองโจรออกมาก่อกวนสร้างความวุ่นวายในพระนคร

หากทหารฝ่ายเผด็จการชนะ ประชาชนก็จะออกมาทำการต่อต้านทหารเผด็จการ

ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน ก็เข้าทางทหารฝ่ายเผด็จการทั้งสิ้น เพราะการปฎิวัติในครั้งนี้ (หากจะมีขึ้น)จะไม่ได้มีจุดประสงค์หลักเพื่อทำให้การปฎิวัติเป็นผลสำเร็จ หรือปฏิวัติเพื่อการปกครองแต่อย่างใด หากแต่การปฏิวัติในครั้งนี้ (หากจะมีขึ้น) จะเป็นการปฎิวัติที่เน้นความวุ่นวาย

กล่าวคือ จะเป็นการปฎิวัติเพื่อให้ประชาชนออกมาต่อต้าน ยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นไปตามแผน แผนที่จะทำให้กรุงเทพฯ มีความวุ่นวาย ไร้กฏเกณฑ์ เพื่อเปิดทางให้องคมนตรีกราบบังคมทูลขอให้ทรงยุติความวุ่นวาย และขอนายกพระราชทาน ขอรัฐบาลพระราชทาน เพื่อมาสร้างการเมืองสมานฉันท์ สร้างความปรองดองแห่งชาติ และรัฐบาลใหม่นี้จะอยู่ "ไม่ต่ำกว่า 2 ปี อย่างแน่นอน"

1.) เพราะการเป็นรัฐบาล จะช่วยเข้าพยุง เครือข่ายธุรกิจ ของฝ่ายอมาตย์ ที่กำลังเผชิญวิกฤติ อย่างหนัก โดยเฉพาะธุรกิจสายธนาคารให้ทรงตัวอยู่ได้ รวมทั้งธุรกิจในสายอื่นๆ ที่กรอบแห้งมาอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลทักษิณที่ไม่เคยอุ้ม ไม่เคยให้สิทธิพิเศษ มากว่า 5-6 ปี

2.) เป็นรัฐบาลเพื่อสลายขุมกำลังฝ่ายประชาธิปไตย Brain-washed โดยเป้าหมายหลักอยู่ที่คนอีสาน

"เลิกรักทักษิณ เมื่อไหร่...ค่อยให้มี การเลือกตั้ง.."

----------------------------


ข้าพเจ้า เข้าใจดี ว่า หลายท่านอึดอัดใจกับ ม๊อบกบฎ ในทำเนียบ แต่อยากขอให้ท่านคิดให้ดี ทุกวันนี้ รัฐบาลไม่ต้องไปทำอะไรม๊อบ ก็ฝ่อ และม๊อบกำลังพังทลาย ด้วยตัวมันเองแล้ว แต่หากมีเหตการณ์รุนแรงเกิดขึ้นกับม๊อบในขณะนี้ เท่ากับเป็นการส่งคะแนนสงสารให้ม๊อบ ทำให้ม๊อบกบฎฟื้นคืนชีพ และกลับมามีกำลังมากขึ้น รวมทั้งอาจทำให้เกิดเหตการณ์เช่นที่ เขียนในข้างต้น

----------------------------


ทหารพระเจ้าตาก โดยเสธ.แดง ที่กำลังทำการฝึกอยู่ที่สนามหลวงในขณะนี้ หากมีการนำกำลังเข้าไปปะทะกับม็อบในทำเนียบ เราอาจได้ความสะใจ ได้เห็นว่าเราเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ ได้ไล่พวกกบฎออกไป ได้ตึกในทำเนียบคืนมา แต่มันจะสร้างความชอบธรรมให้ทหารฝ่ายเผด็จการ นำมาอ้างเพื่อทำการปฏิวัติ ซึ่งจะทำให้เราต้องสูญเสียประชาธิปไตยไปในที่สุด

" ...... น้ำผึ้งหยดเดียว.....น้ำผึ้งที่ไม่ได้หยดเองโดยบังเอิญ.....หากแต่ได้มีการวางแผนตั้งใจหยด....เพื่อความสมบรูณ์แบบของแผน"

----------------------------


ฝ่ายอมาตย์นั้น ต้องการอย่างยิ่งที่จะเผด็จศึกในเร็ววัน เพราะเนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์วิกฤติของธนาคารในเครือข่ายอมาตย์ ที่กำลังแย่ถึงขีดสุด (รวมทั้งยังมีสถานการณ์วิกฤติการเงินสหรัฐอเมริกา มาเป็นตัวช่วยเร่งความพังทลาย)

หากฝ่ายประชาธิปไตยไปเร่งเดินเกมเร็ว เดินเกมแรง ก็เข้าเกมส์ที่ฝ่ายอมาตย์ต้องการ ที่วางแผน "น้ำผึ้งหยดเดียว" ไว้

ทางที่เราควรทำคือ "อดทน" (ซึ่งเราก็อดทนกันมาตั้งนานแล้ว จะอดทนกันอีกสักนิดจะเป็นไร ขายหน้าคนทั่วโลกจากการที่ ม๊อบ ยึดทำเนียบ ก็ขายหน้ามาเป็นเดือนแล้ว ช่วยกันยอมอดทนขายหน้าต่ออีกสักเดือน เพื่อชัยชนะก็แล้วกัน มันไม่มีทางอื่นจริงๆ เล่นเกมส์แรง ก็เข้าทางฝ่ายอมาตย์หมด)

ในขณะที่ ฝ่ายอมาตย์ร้อนรน เพราะไฟไหม้บ้านไฟไหม้ก้น เรานั่งไขว้ห้างจิบเบียร์เย็นๆ รอจังหวะไม่ดีกว่าหรือ เพราะไฟไหม้บ้าน ไฟไหม้ก้น ไม่นานเดี๋ยวก็รู้หมู่ รู้จ่า ว่าตายแน่พังแน่ ต้องวิ่งมาขอความช่วยเหลือขอเจรจากับเราเอง

ถึงตอนนั้นแหล่ะ ที่อำนาจการต่อรองจะมาอยู่ที่ฝ่ายเรา

แต่หากเราหมดความอดทน ไปทำการอันเป็น "น้ำผึ้งหยดเดียว" เข้าแผนเค้าที่วางไว้ ที่สุดนอกจากจะไม่เหลืออำนาจในการต่อรองแล้ว ประชาธิปไตยก็จะไม่มีเหลือเลย

ขอทุกท่านจงไตร่ตรองให้ดี


หมายเหตุ: เสธ.แดง หรือ หรือ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้เปิดเผยผ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่า "ชาวบ้านเหล่านี้ (อาสาสมัครที่สมัครเข้าฝึกนักรบพระเจ้าตาก) ส่วนใหญ่อยู่ในวัย 40-55 ปี เป็นพวกที่ไม่พอใจการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ และมักแสดงการต่อต้านด้วยความรุนแรง จนสังคมเข้าใจผิดว่าเป็นกลุ่ม นปช. โดย เฉพาะจากเหตุปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ตนจึงมาช่วยเหลือฝึกอบรมให้อย่างเป็นแบบแผน สามารถป้องกันตัวเองได้หากถูกทำร้าย ที่สำคัญเพื่อเป็นการประชดเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีน้ำยาในการปราบปรามกลุ่มอันธพาลการเมือง และหากว่าวันหนึ่ง นักรบพระเจ้าตากทั้งหมด 72 คน สามารถยึดทำเนียบฯคืนมาจากพวกพันธมิตรฯได้ ทหารตำรวจเหล่านั้นควรจะต้องเอาหน้าไปซุกหีบล้างอาย"

อนึ่ง คุณนักเลงโบราณ ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงจุดยืนของ "กองกำลังป้องกันตนเอง นักรบพระเจ้าตาก" ว่าเกิดขึ้นเพื่อการคุ้มครองตนเอง หลังการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของวีรชนประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ย."

"เบื่อคนดี..ดีแบบเสแสร้ง สร้างภาพ และพวกที่สำคัญผิดว่า ข้านี่แหละคนดี   :slime_agreed:


โดย คุณ gasman.a
ที่มา เวบบอร์ด พันทิปราชดำเนิน
2 ตุลาคม 2551

ผมก็เป็นคนน้ำมันคนนึง ..รู้ประวัติท่านผู้นี้ดี พอสมควร..

คนที่คิดแต่เรื่องดีๆ และจะทำแต่ในเรื่องดีๆ ที่มันเกิดขึ้นได้ยากในชีวิตจริงแบบสังคมไทยในวันนี้ แบบท่านโสภณ ..คงมีอีกมาก ..

แต่ผมว่า ท่านเลือกข้างที่จะพรีเซ้นต์ผิด ..ผมได้อ่านเรื่องที่ท่านแถลงข่าวก่อนได้ฟังจากรายการความจริงวันนี้ ..เล็กน้อย และก็คาดไม่ผิดว่า ท่านงานเข้าแน่นอน

ผมเห็นด้วยกับคุณ วีระ ที่ว่า ..ท่านโสภณ ใช้สิทธิ์อะไร มาว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จากกฏกติกา ที่พวกท่านโสภณเองนั่นแหละ เป็นคนเขียนขึ้นมา ..ว่า ไม่ชอบธรรม..

การเป็นคนดีของท่านโสภณ ..สับสนเกินไป ..ท่าทีที่สนับสนุนเผด็จการ และ กบฎ พธม. .มันชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลย ..โดนหลอกใช้เข้าเต็มเปา ..แต่ยังไม่เลิกสำคัญตัวเองผิด..

คนดี ที่ฉลาด แต่ไม่เฉลียวแบบท่าน ผมว่ามีเยอะ ..แต่เวลานี้ ควรคิดและไตร่ตรองให้ดีซะก่อนๆ ที่จะมาออกตัวอะไรกับเรื่องแบบนี้ ..

ภาพลักษณ์ที่เป็นฝ่ายบุ๋นของท่าน ..มันไม่มีน้ำหนักกับสังคมในเวลานี้เลย.. การออกมาพรีเซ้นต์ตัวเองแบบนี้ มันทำลายตัวเองชัดๆ ..รึว่าทำตามกระแส หรือว่าทำตามคำสั่งของใคร ให้เข้ามาช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ของ กบฎ พธม. .ที่กำลังเสื่อมลงทุกวัน..

เหมือนกับที่คนที่คิดว่า ตัวเองมีเครดิตกับสังคมมากมายเหลือเกิน แบบ 24 อธิการ ..เวลานี้ ผมมองว่า กบฎ พธม. .กำลังอาศัยภาพของฝ่ายบุ๋นเหล่านี้ มาลบภาพความเลวรายัมตำบอนของตัวเอง ..เพื่อให้ข้อเรียกร้องของกลุ่มตัวเอง น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ..โสภณ เลยเป็นเป้าหมายนึง เพราะเป็นฝ่ายบุ๋นที่ภาพลักษณ์ดี ..ก็เท่านั้น มันไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย..

เหมือนกับที่ท่าน จตุพรว่านั่นแหละ ..ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ในสังคมมากเท่าไหร่ ความเป็นเด็กก็ยิ่งจะมากขึ้นเท่านั้น ..กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ..ผมว่าท่านโสภณ แกเป็นคนดีเกินไป กลุ่มที่คนแบบท่านจะเสวนาด้วยได้ ต้องเป็นกลุ่มคนที่ลักษณะเดียวกับ สันติอโศก เท่านั้น ..เพราะสุดโต่ง และเคร่งครัดในการเป็นคนดี..(เฉพาะในกลุ่มตัวเอง )..

คุณเป็นเหมือนผมมั้ยครับพี่น้องว่า ..ช่วงนี้ผมรู้สึกเบื่อคนดี แบบเสแสร้งอย่างมาก..ดีแบบสร้างภาพ..แล้วก็พวกที่คิดสำคัญผิดว่า ข้านี่แหละ คนดี..เบื่อมากๆครับจริงๆ..

=====================================

ความเห็น คุณคิดก่อนทำ

ไม่เคยรู้จักคนนี้มาก่อน จนวันหนึ่ง คุณชวนเสนอให้เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย แรกๆ รู้สึกดี เพราะสำรวม สุภาพ แต่เวลาผ่านไปไม่นาน เห็นลายเลย

ตอนสภาอาจารย์มหาวิทยาลัย คัดค้านการสรรหาอธิการบดีจากเดิม ที่ใช้วิธีการเลือกตั้งจากทุกระดับ พี่แกก็ร่วมกับคุณชวน สนับสนุนวิธีการสรรหาทันที และเป็นที่มาของมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่ใช้ระบบสรรหา ในการได้มาซึ่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยต่างๆ และไม่น่าเชื่อว่าจะลามมาเป็นวิธีที่ได้มาขององค์กรอิสระมากมาย จนกระทั่งการเลือก สว. ทั้งๆ ที่วิธีการสรรหาอธิการบดีนี้ ยังไม่เคยประเมินผลว่า ให้ประโยชน์อย่างไร

ทุกวันนี้ถ้ามหาวิทยาลัยต้องออกนอกระบบ ข้าราชการและพนักงานในมหาวิทยาลัย ยังวิตกว่า การประเมินผลการทำงาน จะให้ใครเป็นคนประเมิน เพราะไม่ไว้ใจไปทั้งระบบนั่นเอง เนื่องจากผู้บริหารทุกระดับมาจากการสรรหาทั้งสิ้นนั่นเอง

และตั้งแต่นั้นมาคุณโสภณก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่ที่พี่แกหลุดจากตำแหน่งในบางจากนั่นแหละ และมีการเปิดโปงที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในยุคนั้น ได้หุ้นบางจากกัน ซึ่งครั้งแรกไม่ยอมรับแต่สุดท้ายก็จนด้วยหลักฐาน แต่ก็ยังให้เหตุผลว่า เพราะคนในมหาวิทยาลัยไม่มีความสามารถในการซื้อหุ้น ผู้บริหารจึงได้หุ้นดังกล่าว ดังนั้นก็รู้ว่าในมหาวิทยาลัย ต่อให้เป็นนักวิชาการเพียงใด ก็ไม่พ้นระบบต่างตอบแทนเช่นกัน นับแต่นั้นมา ไม่นับถือคนนี้อีกเลย"

"ใครว่า พันธมิตรไม่มีความดี !!!!   :slime_smile2:

โพสต์โดย : ปอสี่
 


1. ช่วยกระจายรายได้ ส่งเสริมให้ธุรกิจ SME เกี่ยวกับของที่ระลึก เสื้อยืด ผ้าพันคอ มือตบ ให้คนมีรายได้ มีงานทำ

2. ทำให้เรามีนิทานตอแหล แถรายวัน จากแกนนำ ที่อ้างโน้น อ้างนี่ บางครั้ง ก็ขัดคอกันเอง เหมือน ละครน้ำเน่า ให้เราได้มีความบันเทิง ดีกว่าดุละครซะอีก

3. ทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ใจกลางกรุงเทพ เป็นทั้งแหล่งช๊อปปิ้ง จับจ่ายซื้อของผิดกฎหมาย จะมีประเทศไหนที่กล้า แปลงทำเนียบ เป็นตลาดนัด จตุจักร ได้

4. ทำให้ธุรกิจฟอกเงิน เจริญก้าวหน้า ผ่านทางการบริจาค อีกหน่อยต่างชาติ ไม่ต้องบินไปเปิด บัญชีที่หมู่เกาะ เคย์แมนแล้ว บินมาเมืองไทย พันธมิตรจัดการให้ เงินทุนนอกกฏหมายจะไหลเข้าประเทศ อย่างท่วมท้น

5. ช่วยสงเคราะห์ น้ำ อาหาร ให้คนจรจัด ขอทาน คนต่างด้าว ให้มีกิน 3 มื้อ ช่วยลดภาระ ของรัฐบาลในการจัดการปัญหา คนเร่ร่อน ในกรุงเทพ

6. ช่วยโครงการ อนุรักษ์ ควายไทย ที่กำลังจะสูญพันธ์ เพราะ หลังจากการประท้วง 4 เดือน จำนวนประชากรควาย เพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว

7. เป็นที่หลบหนีของผู้ที่หนีคดี ต่างๆ ถ้าเป็นอดีต ต้องหนีไปแฝงตัวอยู่ตามชายแดน เดี๋ยวนี้ หนีเข้าทำเนียบ ประหยัดค่ารถค่าเดินทาง ไปเพียบ เพราะยังไงตำรวจไม่กล้าเข้าไปจับ ชัวส์

8. เป็นที่กำจัด พวก อาซิ้ม อาซ้อ ที่ผัวเบื่อ จะเห็นว่า สามีของหล่อนมักจะสนับสนุนให้มาม๊อบ ตัวเองจะได้มีเวลาออก ไปหาอีหนูได้ ไม่ต้องลำบาก หลบ ๆ ซ่อน ๆ อีก ต่อไป ลื้อจะไปกู้ชาติก้ไปนะ อั๊วไม่ว่า ส่วนอั๊วขอไปกู้อีจู้

9. ทำให้ช่องว่างของมนุษย์ กับ สัตว์ ลดลง ดูตัวอย่างจาก พวกที่ไปรุมด่า นายกสมชาย ที่พารากอน ดูแล้วแยกไม่ออกจริงๆ ว่า คน หรือ สุนัข ดังนั้นเราจึงสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์ได้อย่างสันติสุข เพราะคุยกันรู้เรื่อง

10. ทำให้พวกผีขนุน มีรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ไม่ต้องยืนคอย ลูกค้า จนเหงือกแห้งเหมือนสมัยก่อน เดินเข้าทำเนียบ แป๊บเดี๋ยว ลูกค้าตรึม

11. เป็นที่พรอดรัก นัดบอด หาคู่ แถมโรงแรมในตัว แบบครบวงจร ถ้าอยากดัง ยังมีคนโปรโมท ให้เสร็จสรรพ ว่าเป็นคู่รักพันธมิตร เผลอ ๆ มีคนถ่ายคลิป ให้เสร็จ ถ้าต้องการวางจำหน่าย จัดการให้ด้วย รับรองดังกว่า คลิป โฟร์ มด อีก

12. เป็นที่สร้าง พระ โสดาบัน อรหันต์ เพราะเห็นใครต่อใครที่อยู่ สันติอโศก บรรลุเป็น อรหันต์ กันหมด

แล้วอย่างนี้ จะยังอยากให้ออกจากทำเนียบ อีกมั๊ย"

นายกฯ เผย"ทักษิณ"เป็นคนดีของเรา

เมื่อเวลา 10.45 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมาที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง เพื่อทำบุญอัฐิบรรพบุรุษตระกูลชินวัตร และพบปะกับประชาชนที่มารอรับเป็นจำนวนมาก

 โดยนายกฯ กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า ไม่เคยลืมว่าคนที่สนับสนุนตนตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่เป็นคนดีของเรา

" และผมก็มั่นใจว่าท่านเป็นคนดี ส่วนเรื่องที่ผ่านก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ถือว่าชีวิตครั้งที่ 2 ที่ได้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งก็เกิดขึ้นที่สันกำแพง และจะตั้งใจทำงานดูแลประชาชนทั่วประเทศให้เกิดความเป็นธรรม"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ได้เดินพบประชาชน นายกรัฐมนตรี ได้แวะไปยังหน่วยปฐมพยาบาลและได้ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ซึ่งผลตรวจความดันปกติด 120/80 หัวใจปกติ ซึ่งนายกฯ เมื่อรู้ผลการตรวจก็บอกอย่างอารมณ์ดีว่า "อย่างนี้เป็นนายกฯ ได้ใช่มั้ย"

http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/02/news_299735.php


[/b][/color][/size]


หนอนฯ ต้องเห็นด้วยกับ'นายกฯอุปโลกน์' ว่าด้วย'คนดี' แน่ๆ

เพราะเป็นหนอนฯ จึงต้องเห็นต่างกับเพื่อนเทวดา.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

"ไทยหน้าม้านบนเวทีนานาชาติ รมต.อาเซียนงงปล่อยม็อบยึดทำเนียบ ถามตรงทำไมไม่ใช้กฎหมายเข้มงวด   :slime_smile2:



โดย มติชน
ที่มารูปประกอบ คุณแก๊งค์พลีชีพ บอร์ดประชาไท
30 กันยายน 2551

ผู้สื่อข่าว"มติชน"รายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเมื่อค่ำวันที่ 29 กันยายน (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือในช่วงเช้าวันที่ 30 กันยายนของไทยว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ และนำรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหารือกับนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ว่า ไม่มีประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศใดตั้งคำถามถึงความพร้อมของไทยในการเป็นประธานอาเซียน แต่มีรัฐมนตรีบางคนถามถึงเหตุชุมนุมประท้วงที่มีอยู่ ซึ่งตนได้เล่าให้ฟังถือเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนก็ยังเป็นไปตามเดิม การประกาศภาวะฉุกเฉินก็ยกเลิกไปแล้ว ดังนั้นเหตุการณ์ต่างๆ จึงเป็นไปตามปกติ

"เขาถามเรื่องการยึดทำเนียบ ซึ่งเราบอกว่าอยากใช้แนวทางสมานฉันท์ ใช้ความนุ่มนวลไม่ใช้กำลัง แต่อาเซียนเขาอยากให้เกิดการควบคุม และใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ซึ่งไทยยืนยันว่าเราจะใช้การเจรจาเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาลุกลามออกไป"นายสมพงษ์กล่าว

นายสมพงษ์กล่าวด้วยว่า ตนได้แจ้งก่อนการประชุมว่าในตอนแรกตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้เยี่ยมคาราวะและพูดคุยทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอื่นๆ แต่หลังจากเห็นว่ารัฐธรรมนูญไทยกำหนดว่าถ้าไม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาจะทำงานซึ่งมีผลผูกพันใดๆ ไม่ได้ เลยไม่มีโอกาสได้พูดคุยอย่างที่ตั้งใจจึงต้องขออภัย โดยยืนยันว่าจะมีโอกาสได้พบกันหลังการแถลงนโยบายซึ่งสมาชิกอาเซียนก็เข้าใจ

นายสมพงษ์ยังกล่าวถึงการชี้แจงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการว่า ได้มีการรายงานให้อาเซียนทราบถึงการพบกันทั้งสองครั้งระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-กัมพูชา ซึ่งสองฝ่ายได้ตกลงปรับลดกำลังทหารในพื้นที่ลงเหลือแค่ฝ่ายละ 30 คนแล้ว และจะพยายามหาทางลดจำนวนลงไปอีก นอกจากนี้ได้ตกลงกันว่าในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งต่อไปจะมีการหารือกันในเรื่องต่างๆ ทางกัมพูชาอยากให้หยิบยกเรื่องปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายขึ้นมาหารือด้วย ซึ่งคงต้องเตรียมตัวหารือในช่วงที่นายกรัฐมนตรีกำหนดเดินทางเยือนกัมพูชาในราววันที่ 13 กันยายนนี้

"พอเราแจ้งว่าสองฝ่ายทำความเข้าใจกันแล้วว่าจะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อาเซียนก็พอใจ ไม่มีการเผชิญหน้ากัน และไม่มีใครให้คำแนะนำอะไร เพราะเป็นการรายงานผลความคืบหน้าให้ทราบเท่านั้น"นายสมพงษ์กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า เลขาธิการยูเอ็นยังได้แจ้งระหว่างการหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า ได้รับรายงานเรื่องปัญหาไทย-กัมพูชา และอยากให้ทั้งสองประเทศพูดจากันในลักษณะทวิภาคี ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติซึ่งก็เป็นที่เข้าใจกัน

นายสมพงษ์กล่าวว่า นายบัน คี มุน ยังได้ตอบรับคำเชิญของอาเซียนที่จะเดินทางมาเยือนไทยในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-ยูเอ็นในกรุงเทพ ซึ่งจะมีการหารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างอาเซียนและยูเอ็น โดยนายบันในฐานะที่เคยทำงานร่วมกับอาเซียนมาก่อนที่จะรับตำแหน่งเลขาธิการยูเอ็นเห็นว่าอาเซียนมีบทบาทที่ดีมาก ทั้งยังบอกด้วยว่าตอนเกิดเหตุไซโคลนนาร์กีสในพม่าก็มีเพียงอาเซียนเท่านั้นที่คิดถึงและเมื่อติดต่อก็ได้รับความร่วมมือทันที"

 :slime_shy:

สงสารพี่จ๊ะจัง ทำยอดกระทู้ไม่ได้ คนเข้ามาดูไม่ถึงร้อย  เห็นมั้ย วันนี้พี่จ๊ะไม่มาทำโอทีเลย  :slime_shy: :slime_shy: :slime_shy: :slime_shy:

มันเยอะง่ะ  อ่านไม่ไหว...

จขกท..

ช่วย เรียบเรียง ง่ายๆ เป็นบทความของตนได้ป่ะ


แบบ กระชับ สั้นๆ....




ทำได้ไหมเอ่ย.....


 :slime_dizzy: :slime_doubt: :slime_dizzy: :slime_fighto:

สงสัยบางคนเป็นลูกผสม มนุษย์ เครื่องสแกน เครื่องถ่ายเอกสาร และ นปช.  :slime_smile2:

โจรการเมือง-หยุดโกงได้แล้ว (วารินทร์ พูนศิริวงศ์) 
   
 

 ความรู้สึกของประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของคนไทยที่มีความรู้ มีความรับผิดชอบต่อสังคม ในตอนนี้ จะอึดอัดอย่างมากกับการเมืองของประเทศ ที่ไม่รู้ว่า กำลังจะไปในทิศทางใด

 จะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์กันแน่!!!!

 ทั้งนี้ เพราะคณะรัฐบาลที่ต้องมีหน้าที่สำคัญในการบริหารประเทศ ให้ประชาชนคนไทยได้มีอนาคตที่ดี มีความมั่นคงปลอดภัย มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี รอดพ้นจากอุปสรรควิกฤตการณ์ต่างๆ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาหนี้สินของคนไทย โดยเฉพาะชาวรากหญ้าที่มีอยู่กันเป็นจำนวนมาก อย่างน่าอันตรายยิ่งต่อชีวิตครอบครัวและต่อสังคม

 แต่ผู้เขียนไม่คิดว่า รัฐบาลหุ่นเชิดชุดปัจจุบันที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีความสามารถ รู้วิธีการที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ เหล่านี้ได้ เพราะไม่เคยปรากฏว่า มีประสบการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองมา

 มีแต่ข้อครหาเรื่องใช้การเมืองระบอบประชาธิปไตยแบบหน้าเหลี่ยม เข้ามาดำเนินธุรกิจการเมือง!

 จึงไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน!

 เพราะปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายอยู่ในปัจจุบันนี้ มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สาหัสใหญ่หลวง และเป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยกำลังจะดิ่งนรก

 ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเมือง หรือทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาที่หมักหมม สะสมกันมา เพราะที่ผ่านมาเราเคยมีแต่รัฐบาลที่ชำนาญและเก่งในการปล้นชาติเท่านั้น

 ที่ประชาชนเป็นห่วงและกังวลมากที่สุดขณะนี้คือ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะที่ประกอบไปด้วย บุคคลที่ไม่สมประกอบ ไม่มีประสบการณ์และความรู้ที่ดีพอทางด้านการบริหาร การแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาการเงิน การต่างประเทศ และการอุตสาหกรรมพร้อมการส่งออก

 เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ประเทศไทยจะไปรอดได้หรือ ท่ามกลางมรสุมใหญ่น้อยที่กำลังถาโถมไม่หยุดหย่อน

 ถ้าพวกนักการเมืองที่ไร้คุณสมบัติได้ถูกคัดเลือกให้เข้ารับตำแหน่ง จากการวิ่งเต้นของแต่ละพรรคแต่ละพวก ซึ่งล้วนแต่มีประวัติในอดีตที่ต่ำทราม ต่ำจนสุดจะหาคำมาบรรยายได้ว่า ต่ำขนาดไหน

 นักการเมืองในอดีตมีแต่ผลงานชิ้น"โบดำ" มีประวัติที่เข้ามาเล่นการเมืองจนร่ำจนรวยอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ปราศจากการทำธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้นอย่างเป็นรูปธรรม แต่สามารถมีเงินมากกว่านักธุรกิจใหญ่ของเมืองไทยได้อย่างมหัศจรรย์

 พวกนักการเมืองที่รวยขึ้นอย่างรวดเร็วพวกนี้ รวยได้เพราะโกงอย่างเดียว

 จะโกงอย่งไรนั้น มันเกือบเป็นประเพณีของการร่วมมือระหว่างนักการเมืองและข้าราชการทั้งหลาย ช่วยกันทำการปล้นชาติ โกงกินงบประมาณของแผ่นดินซึ่งเป็นภาษีที่ประชาชนคนไทยเป็นผู้จ่ายแทบทั้งนั้นนั่นเอง ตราบจนถึงทุกวันนี้

 ต้องช่วยกันคิดด้วยนะครับ ท่านผู้อ่านว่า

 พวกเราคนไทย จะหยุดพวกคนโกงชาติเหล่านี้ได้อย่างไร?  


วารินทร์ พูนศิริวงศ์ 

พี่ 55555

แปะสู้เลยหรอ แบบว่าแปะมาแปะกลับ ฮ่าๆๆๆๆ  :slime_smile2: :slime_smile2:

"แก๊งโจรการเมืองไทย"กำลังรวมพล!? (วารินทร์ พูนศิริวงศ์)  
 
     


 การรวมพลของพวก"โจรการเมืองไทย"ครั้งนี้

 เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าจะเก็บไว้เป็นหลักฐาน ให้ลูกๆ หลานๆ ได้เรียนรู้บ้างก็จะดีที่สุด คือ ชื่อนามสกุลและประวัติส่วนตัวของพวกโจรเหล่านี้ว่า มาจากพื้นเพอย่างไร เคยทำอะไรมาบ้าง

 อย่าพยายามปกปิดเป็นประวัติศาสตร์ที่ขาดตอนไป 2 ปีนะครับ เพราะการแย่งชิงเก้าอี้การเมืองเพื่อนั่งชูคอนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วย ตลอดจนตำแหน่งการเมืองอื่นๆ นั้น

 แท้จริงต้องการเข้าไปมีอำนาจก็เพื่อ"เข้าไปปล้นทรัพย์"ของประชาชนเราดีๆ นี่เอง  

 โดยการชงเองกินเอง เสนอก่อสร้างโครงการบ้าๆ บอๆ โฆษณาหลอกลวงพวกรากหญ้าของประเทศที่ด้อยการศึกษาอยู่ตามชนบท ให้หลงเชื่อ แล้วก็ผ่าน ครม. เอาเงินทองงบประมาณ"เป็นพันเป็นหมื่นล้าน" แบ่งกับนักธุรกิจที่หิวโหย

 กินกันอย่างหน้าด้านๆ

 โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ต่างจังหวัด ห่างหูห่างตาประชาชนในกรุงที่มีความรู้ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปพบไปเห็นกับตา จึงไม่รู้จริงๆ ว่า "ไอ้พวกโจรการเมือง"แทบทุกคน แอบปล้นเอาภาษีของเขาไปสวาปามกันอยู่ตลอดเวลา

 โดยจะมีโจรการเมือง"อาวุโส"หลายคนที่เป็น "กุนซือ" ช่วยแนะนำการเลือกโจรการเมืองเข้าไปอยู่ในแก๊ง

 โจรอาวุโสเหล่านี้ มีประสบการณ์มาอย่างมากมาย

 เท่าที่ผู้เขียนรู้มา พวกโจรแก่ๆ เหล่านี้กว่า 40 ปี ในอดีตเคยเป็นเพียงแค่ช่างประปาก็มี เป็นชาวสวนปลูกต้นไม้ก็มี เป็นนายหน้าวิ่งเต้นระหว่างโจรการเมืองและนักธุรกิจประเภทขายอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ทางราชการเท่านั้นก็มี

 ถ้าเป็นนักธุรกิจที่พอมีหน้าตาบ้างก็คือ พวกผู้รับเหมาก่อสร้างงานของรัฐ เช่น ทางหลวง สนามบิน อาคารทางราชการ

 พวกนี้กินเงียบ แล้วแบ่งให้โจรการเมืองอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 - 20% ของงบฯก่อสร้าง!

 ที่เลวที่สุดก็คือผลงานก่อสร้างที่ออกมา เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ต้องมีการซ่อมแซมตลอดเวลาทุกๆ ปี โดยเฉพาะถนนทางหลวง ซึ่งสร้างแบบคุณภาพต่ำๆ อย่างถ้าเป็นพื้นผิวยางมะตอย บางแห่งผิวถนนจะหนาไม่ถึง 2 นิ้ว พอรถ 10 ล้อ บรรทุกทรายวิ่งผ่านไม่กี่ครั้ง ผิวถนนจะพังหมดและก็ต้องซ่อมทุกๆ ปี

 เป็นกลยุทธ์ของพวกข้าราชการที่จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ทุกๆ ครั้งเมื่อมีการซ่อมระหว่างฤดูฝน

 และอีกแห่งก็คือ สนามบินสุวรรณภูมิ

 เพิ่งสร้างเสร็จมาไม่กี่ปี ก็ต้องปิดซ่อมแล้วซ่อมอีก กันหลายจุด เพราะผู้รับเหมาได้ใช้ราคาการก่อสร้างต่ำกว่าราคาที่เป็นจริงอย่างมาก

 ส่วนราคาจริงที่เบิกจากงบประมาณ ก็ถูกโกงกินจากพวกโจรการเมืองและข้าราชการชั่วๆ ที่ถึงแม้จะมีการศึกษา ดีกรีเป็นถึงดอกเตอร์ แต่ก็ยอมเป็นทาสนักการเมืองอยู่นั่นเอง

 น่าเสียดายแท้ๆ ที่ฝ่ายตำรวจ ทหาร ข้าราชการและฝ่ายตุลาการของไทยเรา มิได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและกล้าหาญตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลย!

 สำนึกเสียบ้างนะครับ ต่อพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน! ประเทศชาติจะได้เจริญขึ้นบ้าง

 ไม่ใช่ย่ำเท้าอยู่กับที่ ปล่อยให้พวกโจรการเมืองคอยอ้างอยู่ตลอดเวลาว่า นี่คือการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตยที่มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเขาเป็นรัฐบาลที่มีความชอบธรรมเพราะได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน

 ทั้งๆ ที่แท้จริง ก็ซื้อเสียงมาทั้งนั้น!!!  


วารินทร์ พูนศิริวงศ์  

คนที่มาร่วมกับพันธมิตร เป็นคนที่พื้นฐานรักชาติรักสถาบันพระมหากษัตริย์

คนที่มากล่าวหา มาว่าให้เขาเสียๆหายๆ บาปกรรมครับ

เพิ่งเห็นมากับตาเลย กรรมมันตามทัน