ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ผมไม่เห็นด้วยกับ จขกท 100%

[quote
ให้มีรัฐบาลแห่งชาติเลยน่าจะดี


รัฐบาลแห่งชาติจะได้มาอย่างไร?

[quote
โจรแก้กติกาให้โจร มันก็พังสิครับ


โจรยึดทำเนียบ ?

จขกท เอาหัวที่มีผม หรือเอาหัวข้างล่างที่มีเล็บคิดเนี่ย

นักการเมืองที่ไหน มันจะเขียน รธน เพื่อมัดตัวเอง

แล้วเรื่องจะเอานักเรียน ม.1 - นักศึกษา มาเขียน รธน. อันนี้ ก็ทำตัวเป็นเด็ก ม.ต้น รสนิยม ชักว่าว ฝันเปียกอยู่ได้ จะประชดอะไรก็ให้นึกถึงความจริงบ้าง

สนับสนุนให้ สสร. มาจากทุกภาคส่วน

ผมขอแนะนำวิธีการจัด สสร.3 ควรมาจากทุกพรรคการเมือง  โดยใช้หลักการต่อไปนี้

ตัวอย่าง – เช่น สสร.3 ที่จะจัดตั้งนั้นมีจำนวนที่นั่งทั้งหมด 100 ที่นั่ง เฉลี่ย สส. 10 คนต่อ 1 ที่นั่ง

พรรคฯ ก. มีส.ส.รวม 38 คน ได้ 40 ที่นั่ง
พรรคฯ ข. มีส.ส.รวม 27 คน ได้ 30 ที่นั่ง
พรรคฯ ค. มีส.ส.รวม 22 คน ได้ 20 ที่นั่ง
พรรคฯ ง. มีส.ส.รวม 10 คน ได้ 10 ที่นั้ง
พรรคฯ จ. มีส.ส.รวม 3 คน ได้ 0 ที่นั่ง

รัฐบาลนี้มีกี่คดีละท่าน ให้ติดคุกยืนยันความชั่วให้หมดก่อนดีมั้ย

หลักการเดียวกับประชาธิปไตยสอพลอของคุณเปี๋ยบ
มีสส.กี่คนก็มีรัฐมนตรีเท่านั้น
ตกลงว่าคิดอะไรใหม่ๆให้มันถูกเรื่องถูกราวไม่เป็นเลยใช่ไหม

ยังไม่อยากมี สสร.ครับ เพราะว่าเดี๋ยวจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อยากให้รอศาลตัดสิน  คดียุบพรรคการเมืองก่อนมากกว่า....

ฮาร์ดแวร์มันห่วย

ประชาธิปไตยกูคิดคนเดียว กูจะยกให้โจรอย่างเดียว มีหัวคิดแบบนี้นี่เอง มิน่าถึงไม่ค่อยมีผมบนหัว เพราะหัวเป็นพิษ

จะแก้อะไรยังไงก็ไม่รู้

เอาแค่แก้ กับไม่แก้น่ะเหรอ

ติ๊งต๊องไปหน่อยมั๊ง

จะให้ลงประชามติมันก็ต้องรู้หลักการและเหตุผล ทราบถึงข้อดีข้อเสีย
แค่แก้กะไม่แก้ แล้วให้ลงประชามติ

งี่เง่า


แล้วเมื่อไหร่จะเลิกโปรโมทเว็บห่วยๆนั่นซักที
ตอบอะไรไม่ได้ก็โยนเข้าเว็บ ทั้งๆที่ไม่ได้มีคำตอบอะไรซักนิด

จขกท เอาหัวที่มีผม หรือเอาหัวข้างล่างที่มีเล็บคิดเนี่ย

นักการเมืองที่ไหน มันจะเขียน รธน เพื่อมัดตัวเอง

แล้วเรื่องจะเอานักเรียน ม.1 - นักศึกษา มาเขียน รธน. อันนี้ ก็ทำตัวเป็นเด็ก ม.ต้น รสนิยม ชักว่าว ฝันเปียกอยู่ได้ จะประชดอะไรก็ให้นึกถึงความจริงบ้าง

สนับสนุนให้ สสร. มาจากทุกภาคส่วน

สังคมไทยเกือบทั้งหมด(หน่วยย่อยที่สุดคือครอบครัวแทบทุกครอบครัว แม้แต่ครอบครัวของ “คุณ Moon”)เป็นครอบครับแบบ “ระบบอุปภัมภ์” บวกค่านิยมไทยที่ต้องไม่ลืมผู้มีพระคุณ หรือต้องตอบแทนบุญคุณ การซื้อขายเสียงจึงสะท้อนค่านิยมไทยดังกล่าว จึงไม่ทราบว่าจะไปโทษใคร และค่านิยมดังกล่าวก็มีอยู่ทุกพรรค ดังนั้นหากจะกล่าวได้ว่าสส.ทุกคนทุกพรรคได้มาแบบซื้อเสียงด้วยกันทั้งสิ้นก็น่าจะได้ ดังนั้นในเมื่อสส.ทุกคนยืนอยู่บนค่านิยมเดียวกัน น่าจะถือว่ายุติธรรมแล้ว

(ตัวอย่างล่าสุด) การลงทุนหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. ได้คนละ 30+ ล้าน ผมเห็นว่าเป็นการซื้อเสียงแบบถูกต้องตามกฎหมายหรือยุติธรรมดี เงิน 30+ ล้านจากเบอร์ใด ไปลงที่บริษัททำป้ายบริษัทใด บริษัทนั้นก็ต้องลงคะแนนให้เบอร์นั้นแน่นอน ยิ่งถ้าเบอร์นั้นได้เป็น ผู้ว่า กทม. มีหรือที่บริษัทนั้นจะไม่ได้รับงานโฆษณาของ กทม.? เรื่องนี้ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจ๋าแบบสหรัฐอเมริกา เงินหาเสียงเลือกตั้งประธานาธบดีก็มาจากบริทยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น

สำหรับในเมืองไทยถ้าชาวบ้าน(โดยเฉพาะยิ่งในชนบทที่ห่างไกลหน่วยเลือกตั้ง)จะได้ค่าน้ำมันรถบ้างคนละ 100-500 บาท ตอบแทนที่ต้องเสียเวลาทำมาหากินหรือต้องจ้างคนเลี้ยงวัวเลี้ยงกระบือหรือเฝ้าไร่เฝ้าสวนเพื่อไปเลือกคนที่เขาศรัทธาเป็นปากเสียงในสภาแล้วละก็ น่าที่จะถือว่าเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยดีกว่าการทำปฏิวัติรัฐประหาร(ซึ่งเสียเงินแผ่นดินคืนเดียว 2000 ล้านบาท)ซ้ำไป ความเป็นประชาธิปไตยไม่ควรจะวัดกันด้วยเรื่องซื้อหรือไม่ซื้อเสียง นายกรัฐมนตรีบางคนที่มาแบบไม่ซื้อสักบาท(แบบใบสั่ง คมช.)ยังเป็นนับถือกันว่าเป็นประชาธิปไตย เห็นคนยกมือไหว้กันทั้งเมือง

สรุปแล้ว ผมเห็นว่าเรื่องซื้อไม่ซื้อเสียงไม่ใช่ประเด็นหลักของวิกฤติการเมืองไทย เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างของเผด็จการ+นักวิชาเกิน+คนชั้นกลางบางคนเพื่อให้เผด็จการเข้าสู่อำนาจดูดีหน่อยเท่านั้นเอง ประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่การแบ่งสรรอำนาจหลังการเลือกตั้งให้ทั่วถึงและเป็นธรรมแก่ทุกพรรคได้อย่างไรมากกว่า

(หาก“คุณ Moon” มีวิธีป้องกันการซื้อขายเสียงก็น่าจะบอกให้ทราบบ้าง)