หัวข้อ: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 26-09-2008, 13:56 นี่เป็นเรื่องที่ผมสงสัยมาก
ใครช่วยอธิบายหน่อยซิ โดยเฉพาะพวกนิยมประชาธิปไตย โปรอังกฤษน่ะ หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: concordance democracy ที่ 26-09-2008, 14:32 :)
1.อังกฤษเขามีรัฐธรรมนูญแบบไม่เป็นตัวหนังสือ 2.ขุนนางในอังกฤษเป็นกลุ่มผลประโยชน์ใหญ่เก่าแก่กลุ่มหนึ่งที่เขาจำเป็นจะต้องรักษาผลประโยชน์ของกลุ่ม 3.ประเด็นน่าจะอยู่ตรงเขามาตามช่อง/ออกตามประตูหรือไม่ ลากตั้งหรือไม่ และเมื่อตั้งเข้ามาแล้วทำตัวเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ผมไม่ได้มีความรู้อะไรลึกซึ้งในเรื่องนี้ แต่เท่าที่ฟังดู ขุนนางของอังกฤษเป็นผู้ดีจริงๆ ไม่วุ่นวาย เจียมเนื้อเจียมตัว เขาจึงอยู่ได้อย่างมีเกียรติในสังคมและได้รับการยกย่องจากชาวโลก :lol: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 26-09-2008, 14:35 :) 1.อังกฤษเขามีรัฐธรรมนูญแบบไม่เป็นตัวหนังสือ (อย่างนี้เรียกว่าระบบจารีตหรือไม่) 2.ขุนนางในอังกฤษเป็นกลุ่มผลประโยชน์ใหญ่เก่าแก่กลุ่มหนึ่งที่เขาจำเป็นจะต้องรักษาผลประโยชน์ของกลุ่ม (อันนี้ไม่รู้) 3.ประเด็นน่าจะอยู่ตรงเขามาตามช่อง/ออกตามประตูหรือไม่ ลากตั้งหรือไม่ และเมื่อตั้งเข้ามาแล้วทำตัวเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ผมไม่ได้มีความรู้อะไรลึกซึ้งในเรื่องนี้ แต่เท่าที่ฟังดู ขุนนางของอังกฤษเป็นผู้ดีจริงๆ ไม่วุ่นวาย เจียมเนื้อเจียมตัว เขาจึงอยู่ได้อย่างมีเกียรติในสังคมและได้รับการยกย่องจากชาวโลก (ขุนนางมันมีเลือกตั้งด้วยเหรอ?) :lol: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: BrettAnderson ที่ 26-09-2008, 14:41 ที่เขาไม่จุ้นจ้าน ก็เพราะนักการเมืองในสภาล่างเขาทำตัวดี น่าเชื่อถือ ไม่ได้เป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาล ที่สำคัญไม่ทำตัวหาผลประโยชน์ของชาติเสียเอง
ถ้าหากพวกสภาล่างไม่ทำตัวเลว พวกสภาสูงจะทำอะไรได้ล่ะครับ ความเป็นมาของสภาสูงในอังกฤษนั้นยาวมาก ไว้ถ้ากระทู้นี้ยังไม่ตก คืนนี้กลับไปบ้านแล้วจะเอาหนังสือมาเปิดเขียนให้อ่านนะครับ (เพราะจำเองไม่หมด มันเยอะ) ถ้ากระทู้นี้ยังไม่ตกน่ะนะครับ หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 26-09-2008, 14:52 ที่เขาไม่จุ้นจ้าน ก็เพราะนักการเมืองในสภาล่างเขาทำตัวดี น่าเชื่อถือ ไม่ได้เป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาล ที่สำคัญไม่ทำตัวหาผลประโยชน์ของชาติเสียเอง ถ้าหากพวกสภาล่างไม่ทำตัวเลว พวกสภาสูงจะทำอะไรได้ล่ะครับ ความเป็นมาของสภาสูงในอังกฤษนั้นยาวมาก ไว้ถ้ากระทู้นี้ยังไม่ตก คืนนี้กลับไปบ้านแล้วจะเอาหนังสือมาเปิดเขียนให้อ่านนะครับ (เพราะจำเองไม่หมด มันเยอะ) ถ้ากระทู้นี้ยังไม่ตกน่ะนะครับ เดี๋ยวผมจะคอยดันไว้ไม่ให้คก เพราะผมเองก็อยากอ่าน อิอิ หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: May The Force Be With You ที่ 26-09-2008, 15:12 อำมาตยาธิปไตยชัดชัด ใช่ไหมคุณจ๊ะ :slime_bigsmile:
หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: concordance democracy ที่ 26-09-2008, 15:20 :)
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปี 2475 ถ้าหลวงประดิษฐ์ฯแกไม่แค้นฝ่ายขุนนางมากเกินไป หรือมีหัวทาง socialism มากเกินไป ประนีประนอมเสียหน่อย แล้วจัดให้มีสภาขุนนางแบบอังกฤษ ป่านนี้การเมืองไทยอาจจะไม่วิกฤติแบบนี้ก็เป็นได้ :D หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 26-09-2008, 15:44 ปัญหาประชาธิปไตยบ้านเรา มันเกิดจากเมื่อปี 2475 มีคนกลุ่มเดียว เสี้ยน อยากได้ อยากมี อยากเป็น เหมือนฝรั่ง โดยที่ไม่ยอมรับรู้ว่าประชาชนในประเทศยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องประชาธิปไตย
ปล. ตะวันออกกลางบางประเทศ (เท่าที่รู้) มันยังเป็นระบอบขุนนางอยู่เลย ไม่เห็นว่าคนมันจะเดือดร้อนอะไร หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 26-09-2008, 16:05 :) 1.อังกฤษเขามีรัฐธรรมนูญแบบไม่เป็นตัวหนังสือ 2.ขุนนางในอังกฤษเป็นกลุ่มผลประโยชน์ใหญ่เก่าแก่กลุ่มหนึ่งที่เขาจำเป็นจะต้องรักษาผลประโยชน์ของกลุ่ม 3.ประเด็นน่าจะอยู่ตรงเขามาตามช่อง/ออกตามประตูหรือไม่ ลากตั้งหรือไม่ และเมื่อตั้งเข้ามาแล้วทำตัวเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ผมไม่ได้มีความรู้อะไรลึกซึ้งในเรื่องนี้ แต่เท่าที่ฟังดู ขุนนางของอังกฤษเป็นผู้ดีจริงๆ ไม่วุ่นวาย เจียมเนื้อเจียมตัว เขาจึงอยู่ได้อย่างมีเกียรติในสังคมและได้รับการยกย่องจากชาวโลก :lol: อย่ายึดติดคำว่าเลือกตั้งคือ ปชต.ครับ สภาขุนนางสืบทอดกันตามสายเลือดครับ เป็นตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยมครับ หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: concordance democracy ที่ 26-09-2008, 16:09 :?:
ประชาชนในประเทศยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องประชาธิปไตย ? :) โดยรูปแบบอาจจะใช่ :D แต่โดยเนื้อหาแล้ว ประชาชนมีความเข้าใจ"ประชาธิปไตยแบบสอดคล้อง"มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย :( หลัง 2475 "ประชาธิปไตยแบบสอดคล้อง" กลายเป็นประชาธิปไตยแบบเลือกข้าง" หรือ "ประชาธิปไตยแบบพวกมากลากไป" จนทุกวันนี้ :roll: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: BrettAnderson ที่ 26-09-2008, 16:20 ผมกลับคิดว่าสิ่งที่คณะราษฎร์ในยุคนั้นทำไปนั้น ทำถูกแล้วนะครับ โอเคว่าอาจจะไวไปหน่อย คนไทยยังไม่พร้อม แต่ถ้าใครได้ศึกษาถึงการปกครองประเทศในรัฐบาลตั้งแต่สมัย ร.6-ร.7 จะรู้เลยว่า ขุนนางไทยสมัยนั้นนอกจากจะไม่มีความสามารถแล้ว ยังมีความคิดอยู่เลยว่าประเทศสยามและคนไทยเป็นขี้ข้าของพวกเขา
ผมไม่ได้ว่า ร.7 นะครับ แต่ผมว่าพวกขุนนางในยุคนั้นต่างหาก ทั้งร.6 และ ร.7 ทั้งสองพระองค์มีความสามารถครับ แต่ว่าท่านบริหารบ้านเมืองไม่ได้เพียงลำพัง แล้วสิ่งที่เราในรุ่นหลังๆมักไม่ค่อยรู้ก็คือจริงๆแล้วขุนนางในพระราชสำนัก มีบทบาทและอำนาจมากในสังคมไทย ตั้งแต่ยุคสมัย ร.4 เป็นต้นมา ดังนั้นการที่คณะราษฎร์ทำโดยเนื้อแท้แล้ว คือการล้างระบอบขุนนางมากกว่าจะโค่นล้มระบอบกษัตริย์ เพราะถ้าต้องการโค่นล้มสถาบันจริงๆ ตอนนั้นจะทำก็ทำได้ครับ แต่ก็ยังยก ร.7 เป็นกษัตริย์เหมือนเดิมแต่ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ผมไม่ได้บอกว่าคณะราษฎร์นั้นดีนะครับ ถ้าใครศึกษามาจะเห็นว่าหลังยุค 2475 แล้ว การแก่งแย่งอำนาจ การหักล้างกันเองนั้น ก็แสดงธาตุแท้ของพวกคณะราษฎรืได้เป็นอย่างดี นี่ล่ะครับ ความน่ากลัวของสิ่งที่เรียกว่าอำนาจ มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ สุดท้ายพวกคณะราษฎร์ก็ทำเหมือนกับสิ่งที่ขุนนางสมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองทำ นั่นคือมองว่าปรเทศไทยและคนไทยเป็นของพวกตัวเอง ก็กระทำการย่ำยีจนไม่เห็นหัว กว่าสายเลือดของพวกคณะราษฎร์จะหมดไปเราก็ต้องรอจนถึง 14 ตุลา 16 นั่นแหละ เกือบสี่สิบปีเลยนะครับ นานเหลือเกิน หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 26-09-2008, 16:28 งั้นแปลว่า กว่าเชื้อชั่วๆ ของไอ้เหลี่ยม และ พรรคพวกจะหมดไป ก็ต้องรอ ถึง 20 ปีงั้นซิ :slime_hmm:
ส่วนคุณ concordance democracy ถ้าคุณเห็นด้วยกับพวกแดกป่าในกระทู้ http://forum.serithai.net/index.php?topic=36692.0 เราก็ไม่ต้องคุยอะไรกันอีก และ ผมรังเกียจคุณในกระทู้ผม หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: concordance democracy ที่ 26-09-2008, 17:06 :?:
กว่าสายเลือดของพวกคณะราษฎร์จะหมดไป เราก็ต้องรอจนถึง 14 ตุลา 16 นั่นแหละ :?: แล้ว 19 กย. / คมช. สายเลือด ? 70/30 สายเลือดอะไร ? :?: หมดไปจริง ? :?: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 26-09-2008, 17:22 :?: กว่าสายเลือดของพวกคณะราษฎร์จะหมดไป เราก็ต้องรอจนถึง 14 ตุลา 16 นั่นแหละ :?: แล้ว 19 กย. / คมช. สายเลือด ? 70/30 สายเลือดอะไร ? :?: หมดไปจริง ? :?: เข้ามาอีกทำไม เข้ามาเพื่ออะไร ใครเชิญให้เข้ามา (ในกระทู้ผม) กรูรังเกียจมรึงว่ะ :slime_mad: :slime_mad: :slime_mad: :slime_mad: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 26-09-2008, 18:51 ไม่ใช่ เพราะไม่มีนปก.(ฮา)
หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: qazwsx ที่ 26-09-2008, 19:32 ปัญหาทุกวันนี้มาจาก รธน.ปี 2540
ซึ่ง "บังคับ" ให้ประเทศชาติมีการแบ่งข้าง ( เอาอย่างอเมริกา ) และ "ให้อำนาจพรรคการเมืองมากไป" ถึงขนาดที่ว่านักการเมือง + พรรคการเมือง คือผู้กุมอำนาจ "แทบทุกอย่าง" ในแผ่นดิน เพราะเข้าใจว่า "ถ้านักการเมือง + พรรคการเมืองแข็งแกร่งและทหารและข้าราชการก็ต้องหลีกทางไป" ...แต่ไม่รับรู้เลยว่า "นักการเมืองและพรรคการเมือง" นั่นล่ะคือตัวปัญหา เป็น "กลไกสารเลว" ที่มีพื้นฐานมาจาก 1. นายทุน 2. พวกแปลกแยกจากสังคม ( เป็นปฏิปักษ์กับราชวงศ์และระบบสังคมไทยแบบ "ผู้ดี - ขี้ข้า" ) เช่น พวกลูกคนชั้นกลางที่ชอบอ้าง "คนยากจน + ชาวไร่ชาวนา" ราวกับว่าพวกตนรู้จักความลำบากของคนยากจนและชาวไร่ชาวนาดีไปกว่า "ผู้ดี" ที่เขาอุปการะกันมาแต่เนิ่นนาน 3. พวกปีนกระได อันได้แก่พวก "ทำห่าอะไรไม่เป็น หรือหากินโดยสุจริต + ขยัน + อดออมไม่เป็น" จึงใช้ความเป็นนักเลียไข่ + ปากเก่ง + หน้าด้าน เกาะพรรค + เกาะนายทุน ( กลุ่มที่ 1 ) ผสมกับ "แอบอ้างขี้ปากพวกแปลกแยก ( กลุ่มที่ 2 )" เพื่อสร้างโอกาสและราคาให้ตนเอง รธน.ปี 2540 เดินตามตูดฝรั่ง ( อเมริกา + อังกฤษ ) อย่างซื่อบื้อ ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือ - ไม่ดูราก ( สันดาน ) คนไทยและฝรั่งว่ามันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สสร.ชุดนั้นเป็นพวก "เด็กจบเมืองนอกไร้ราก" ...ฉลาดทาง "รับรู้ - ลอกเลียน" แต่โง่บัดซบทาง "ตระหนัก - วิเคราะห์" ( ความฉลาดแบบสัตว์เลี้ยง ) อีกทั้งยังมีรากมาจาก "ความกลัว ( ภยาคติ )" ต่อทหาร - การทำรัฐประหาร ถึงขนาด "สร้างระบบ" ขึ้นมาเพื่อปกป้อง "พวกที่ไม่ใชทหาร ( และข้าราชการ )" แล้วก็กลายเป็น "การปกป้อง "นักการเมืองและพรรคการเมือง" ชั่ว ๆ ...เอาประชาชนทั้งแผ่นดินไปเป็นเกราะกำบังให้ "นักการเมืองและพรรคการเมือง" ชั่ว ๆ ทั้ง ๆ ที่ปัญหาทางการเมืองไทยนั้นล้วนมาจาก "ตัวตน" หรือ "อัตตา" ไม่ใช่ความบกพร่องของ "ระบบ" หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: exzcute ที่ 26-09-2008, 20:00 :?: กว่าสายเลือดของพวกคณะราษฎร์จะหมดไป เราก็ต้องรอจนถึง 14 ตุลา 16 นั่นแหละ :?: แล้ว 19 กย. / คมช. สายเลือด ? ข้าราชการทหารเกษียณแล้วก็ไปเลี้ยงหลาน แล้วพวกนักการเมืองชาติชั่วมันมีเกษียณหรือเปล่า ? ตัวตายยังส่งต่อให้ลูกหลานอีก 70/30 สายเลือดอะไร ? แล้วสายเลือด 50/50 ที่ไปนั่งรองนายกความมั่นคงนั่นคืออะไร ? เขาไม่เอา 70/30 มาตั้งนานยังมาปลุก 50/50 อีก :?: หมดไปจริง ? มีใครเขาเล่นการเมืองเหมือนพวกนักการเมืองชาติชั่วมั่ง มันเล่นไม่ได้ก็ส่งเมียส่งลูกเข้ามา :?: ตอบให้แล้วคงเลิกโง่ได้แล้วมั่ง หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 26-09-2008, 20:26 ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าขุนนาง ก็อำมาตย์นั่นแหละครับ แต่รู้สึกว่าสภาอำมาตย์ของอังกฤษไม่มีอำนาจบทบาทมากเท่าไหร่ ไม่แรงเหมือน สว. บ้านเรา :? หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Ammika ที่ 26-09-2008, 22:57 เข้ามาอีกทำไม เข้ามาเพื่ออะไร ใครเชิญให้เข้ามา (ในกระทู้ผม) กรูรังเกียจมรึงว่ะ :slime_mad: :slime_mad: :slime_mad: :slime_mad: :slime_slapped: เจ็บแทน :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: บัวริมบึง ที่ 26-09-2008, 23:09 เอ้า ช่วยดันๆๆๆๆๆ :slime_fighto:
จะรออ่านนะค๊าบบบบบ :slime_sentimental: :slime_sentimental: :slime_sentimental: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 27-09-2008, 00:09 รอ ร๊อออ รอออออออ
รอ ร๊อออ รอออออออ :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-09-2008, 00:29 สภาขุนนาง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี สภาขุนนาง (อังกฤษ: House of Lords) หมายถึงสภาสูงของสหราชอาณาจักร ประกอบไปด้วยสมาชิกที่เรียกว่า ลอร์ดส (Lords) หรือ เพียร์ส (peers) ประมาณ 700 กว่าคน ซึ่งมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด (ตรงข้ามกับสภาสามัญชน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด) โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทคือ ขุนนางชั่วชีพ (Life Peers) มาจากการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี และจะดำรงตำแหน่งไปตลอดชีวิต ปัจจุบันสมาชิกของเฮาส์ออฟลอร์ดสจำนวนมากอยู่ในประเภทนี้ ขุนนางสืบตระกูล (Hereditary Peers) มาจากการสืบทอดตำแหน่งทางสายเลือด โดยสมัยก่อนนั้นเฮาส์ออฟลอร์ดสมีเฉพาะสมาชิกประเภทนี้เท่านั้น แต่ปัจจุบันถูกลดจำนวนเหลือเพียงแค่ 92 คน โดย Parliament Act 1999 โดย 90 คนมาจากการเลือกตั้งโดย Hereditary Peers ด้วยกัน และอีกสองคนเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งซึ่งเกี่ยวเนื่องกับรัฐสภาโดยตรงอยู่ก่อนแล้ว ได้แก่ Great Lord Chamberlain และ Earl Marshall ขุนนางศาสนา (Spiritual Peers) มาจากตัวแทนของศาสนา เช่น บิชอปและอาร์คบิชอปต่าง ๆ ขุนนางนิติ (Law Lords) เป็นสมาชิกที่มีความรู้ด้านกฎหมาย และทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาศาสสูงสุดของสหราชอาณาจักรด้วย ประกอบไปด้วยผู้พิพากษา 26 คน ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87". หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-09-2008, 00:38 สภาสามัญชน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี สภาสามัญชน (อังกฤษ: House of Commons) หรือ สภาสามัญ หมายถึงสภาล่างของสหราชอาณาจักร ประกอบไปด้วยสมาชิกสภาที่เรียกว่า เอ็มพี (MP - Member of Parliament) ที่มาจากการเลือกตั้งทุก ๆ 4-5 ปี โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในสภาล่างนี้จะได้รับการแต่งตั้งจากกษัตริย์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยปัจจุบันพรรคแรงงาน (Labour Party) เป็นพรรคที่ครองเสียงข้างมากจากการชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2005 นายกอร์ดอน บราวน์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายโทนี แบลร์ ที่ลาออก ปัจจุบันสภาสามัญชนมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับสภาสูงหรือสภาขุนนาง (House of Lords) ที่มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งมีบทบาทน้อยลงเมื่อเทียบกับอดีต โดยบทบาทของสภาสามัญชนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่างครั้งแรกเมื่อปี 1911 จากการออกกฎหมาย Parliament Act 1911 ซึ่งกำหนดให้สภาขุนนางสามารถระงับกฎหมายได้ไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น และไม่สามารถแตะต้องกับกฎหมายซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการเงินการคลังของประเทศได้ ต่อมา Parliament Act 1949 ลดระยะเวลาการระงับกฎหมายเหลือเพียง 1 ปีเท่านั้น หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-09-2008, 00:47 การเมืองการปกครอง
ใช้ระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจบริหารผ่านคณะรัฐมนตรีซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล คณะรัฐมนตรีนั้นเลือกจากรัฐสภาและมีหน้าที่รับผิดชอบต่อรัฐสภาเช่นเดียวกัน รัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรเป็นระบบสภาคู่ แบ่งเป็น 2 สภา คือ เฮาส์ออฟลอร์ดส เป็นสภาสูงที่มาจากการแต่งตั้ง และเฮาส์ออฟคอมมอนส์ เป็นสภาล่างที่มาจากการเลือกตั้ง โดยหลักการแล้วผู้นำของรัฐสภาคือพระมหากษัตริย์ สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ขนบธรรมเนียมประเพณี และกฎหมายรัฐธรรมนูญแยกกันไป พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือ นายกอร์ดอน บราวน์ จากพรรคแรงงาน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งหลังจากนายโทนี แบลร์ ลาออกเมื่อกลางปี พ.ศ. 2550 ในส่วนของมกุฏราชกุมารที่จะครองราชย์สมบัติเป็นคนต่อไปจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ก่อน จึงจะมีความชอบธรรมในการเป็นมกุฏราชกุมารแห่งสหราชอาณาจักร เจ้าชายแห่งเวลส์ในปัจจุบันคือเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งมิได้อาศัยอยู่ที่เวลส์แต่อย่างใด หากแต่อาศัยอยู่ที่สวน High Grove ใน Tetbury ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-09-2008, 00:52 ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือ
ปรมิตตาญาสิทธิราชย์ (constitutional monarchy) ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือ ปรมิตตาญาสิทธิราชย์ (constitutional monarchy) เป็นระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยที่จัดตั้งขึ้นภายใต้ระบอบที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด โดยมีพระมหากษัตริย์จากการคัดเลือกหรือการสืบราชสันตติวงศ์ ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญสมัยใหม่มักใช้หลักการ "แบ่งแยกอำนาจ" โดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของฝ่ายบริหารหรือทรงมีพระราชกรณียกิจในพิธีการต่างๆ ระบอบที่พระมหากษัตริย์มีอำนาจเบ็ดเสร็จ คือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กระบวนการของรัฐบาลและกระบวนการทางกฎหมายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สามารถแตกต่างอย่างมากจากระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ในประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนควบคู่กับระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังเช่น ในสหราชอาณาจักร พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของรัฐ อย่างไรตามนายกรัฐมนตรีซี่งมาจากการเลือกตั้งทางตรงหรือทางอ้อมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ถืงแม้ว่าระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญส่วนมากเป็นแบบระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน (ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) แต่ในประวัติศาสตร์ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญในบางรัฐก็ไม่เป็นประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน ในประวัติศาสตร์ รัฐที่ปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญใช้รัฐธรรมนูญแบบฟาสซิส (หรือกึ่งฟาสซิส) ซึ่งตัวอย่างดังกล่าวเคยเกิดขึ้นในประเทศอิตาลี ญี่ปุ่น สเปน หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-09-2008, 00:59 รัฐธรรมนูญฉบับแรกของโลก
ในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1215 ขุนนางและพระราชาคณะจำนวน 25 คน ได้บังคับให้พระเจ้าจอห์นลงนามในเอกสารที่เรียกว่า "มหากฎบัตร" (The Great Charter, Magna Carta) ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างพระมหากษัตริย์กับขุนนางและพระสงฆ์ โดยในมหากฎบัตรได้กำหนด ถึงการจัดองค์กรและการบริหารอำนาจของสภาสูง (Magnum Concillium) และกำหนดว่าพระมหากษัตริย์จะเก็บภาษีบางอย่างตามที่กำหนดไว้โดยมิได้รับความเห็นชอบจากสภาสูงมิได้ จะจับกุมคุมขังบุคคลได้ก็ต่อเมื่อ มีคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย มหากฎบัตรนี้ นักกฎหมายบางท่านเห็นว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรก รัฐธรรมนูญในสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส ในภาษาของประเทศทั้งสอง คำว่ารัฐธรรมนูญต่างใช้คำว่า Constitution ซึ่งแปลว่า การสถาปนา หรือการจัดตั้ง ซึ่งหมายถึงการสถาปนาหรือจัดตั้งรัฐนั่นเอง โดยทั้งสองประเทศมีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ประเทศอังกฤษไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/02/Magna_Carta.jpg/490px-Magna_Carta.jpg) Magna Carta หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-09-2008, 01:12 ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Democracy) หมายถึง การมีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครอง ตลอดจนการกำหนดวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย ทั้งนี้ไม่ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ ตามระบอบการเมืองการปกครองที่ไม่ไปก้าวก่ายหรือก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นหรือสังคมส่วนรวม การมีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอาจจะจำแนกเป็น 3 ระดับ คือ การมีส่วนร่วมในระดับเบื่องต้น เช่น ร่วมแสดงความคิดเห็นในทางการเมือง, ร่วมพูดคุยอภิปรายเรื่องราวทางการเมืองและสถานการณ์ปัจจุบัน, ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอเรื่องราวหรือประชาพิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งในทางการเมือง, รวมกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อแสดงความคิดเห็นในทางการเมือง, เป็นสมาชิกพรรคการเมือง การมีส่วนร่วมในระดับกลาง เช่น ร่วมเดินขบวนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม, ร่วมปราศัยในการชุมนุมเรียกร้องเรื่องราว, ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอให้ฝ่ายที่มีอำนาจตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง, ร่วมอดข้าวประท้วงหรือร่วมกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเรียกร้อง การมีส่วนร่วมในระดับสูง เช่น ร่วมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา, ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง, ร่วมก่อตั้งรัฐบาล ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิธีการกระจายอำนาจและทรัพยากรต่าง ๆ ที่ไม่เท่าเทียมกันอันมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและวิธีการที่ประชาเหล่านั้นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจที่มีผลกระทบต่อตน โดยที่กล่าวถึงข้างต้น ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม จึงหมายถึง การที่อำนาจในการตัดสินใจไม่ควรเป็นของกลุ่มคนจำนวนน้อย แต่อำนาจควรไดรับการจัดสรรในระหว่างประชาชน เพื่อทุก ๆ คนได้มีโอกาสที่จะมีอิทธิพล และจัดเป็นกระจายอำนาจและเปิดต่อการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางของประชาชนในกระบวนการทางการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ จากคำนิยามดังกล่าวข้างต้นอาจสรุปหลักการหรือองค์ประกอบสำคัญของคำว่าประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมได้ ดังนี้ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเมืองและการบริหาร เน้นการกระจายอำนายในการตัดสินใจและการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ ในระหว่างประชาชนให้เท่าเทียมกัน อำนาจในการตัดสินใจและการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ นั้น จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน มีความยืดหยุ่นได้ กล่าวคือ มีโครงสร้างการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ มีความโปร่งใสและคำนึงถึงความต้องการทรัพยากรของผู้มีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมของประชาชนมีทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ แคทท์ (Catt 1999, 39-56) ได้เสนอไว้ว่า องค์ประกอบและเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดของความเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม คือ ทุกคนสามารถยกประเด็นปัญหาใดปัญหาหนึ่งขึ้นมา เพื่อกำหนดเป็นวาระของการประชุม สามารถเสนอทางเลือกและมีส่วนร่วมในการเลือกหรือการตัดสินใจสุดท้ายได้ เป็นการประชุมที่ทุกคนสามารุพูดคุยกันได้อย่างทั่วถึง (face-to-face meeting) มีการปรึกษาหารือ หรืออภิปรายประเด็นปัญหาที่หยิบยกมาพิจารณากันอย่างกว้างขวาง ทุกคนต้องการมีส่วนร่วมในการอภิปราย และสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ มีแนวโน้มที่พยายามจะให้เกิดความเห็นพ้อง (consensus) ร่วมกันในประเด็นปัญหาที่พิจารณา การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกระบวนการซึ่งประชาชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีโอกาสแสดงทัศนะและเข้าร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งมีการนำความคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายและการตัดสินใจของรัฐ การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกระบวนการสื่อสารในระบบเปิด กล่าวคือ เป็นการสื่อสารสองทาง ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วยการแบ่งสรรข้อมูลร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนเสียและเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในสังคม ทั้งนี้เพราะการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นการเพิ่มคุณภาพของการตัดสินใจการลดค่าใช้จ่ายและการสูญเสียเวลา เป็นการสร้างฉันทามติ และทำให้ง่ายต่อการนำไปปฏิบัติ อีกทั้งช่วยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าใน กรณีที่ร้ายแรงที่สุด ช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมและช่วยให้ทราบความห่วงกังวลของประชาชนและค่านิยมของสาธารณชน รวมทั้งเป็นการพัฒนาความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ของของสาธารณชน การมีส่วนร่วมของประชาชนมีความสำคัญในการสร้างประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนและส่งเสริมธรรมาภิบาล ตลอดจนการบริหารงานหากมีการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้นเพียงใดก็จะให้มีการตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารและให้ผู้บริหารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการป้องกันนักการเมืองจากการกำหนดนโยบายที่ไม่เหมาะสมกับสังคมนั้น ๆ นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเสียงของประชาชนจะมีคนรับฟัง อีกทั้งความต้องการหรือความปรารถนาประชาชนก็จะได้รับการตอบสนอง กล่าวโดยสรุป ระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงทัศนะและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ที่จะมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากจะช่วยให้การตัดสินใจของผู้เสนอโครงการหรือรัฐบาลมีความรอบคอบ และสอดรับกับปัญหาและความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นการควบคุมการบริหารงานของรัฐบาลให้มีความโปร่งใส (Transparency) ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชน (Responsiveness) และมีความรับผิดชอบหรือสามารถตอบคำถามของประชาชนได้ (Accountability) อีกด้วย ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 27-09-2008, 01:40 70/30 คือคำที่พุดออกมาลอยไม่ยอมเจรไนจนกระทั่งมาเตะปากตัวเอง ขนาดวันนี้ เค้าบอกแล้วว่าเลือกตั้งครบ100%แต่ขอแบ่งไปให้สาขาอาชีพได้แสดงทรรศนะ ไม่ให้นักเลือกตั้งโชว์พาวบ้าอำนาจ100%
ก้ยังหยิบ70/30มาถามถึง ก็ไม่รู้จะถามถึงทำไม 19 กย. พูดไปเหมือพายเรือในอ่าง ไม่ทำคนก็ตีกันตาย ทำแล้วไม่ดี ทำไปทำไม อีกฝ่ายก็พูดคำเดิน ไม่ทำก้ตีกันตาย วนไปวนมาเป็นแผ่นเสียงตกร่อง คมช.ไปแล้วไปลับ แล้วก้ถามถึง คมช. ผมเห็น โกวิท ก็ยังเกาะหญิงอ้ออี้ ได้เก้าอี้มา การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบนะครับ วันนี้ดูช่องสามช่วงเย็นกับปัญหาโลกร้อนและน้ำแข็งละลายแล้ว หากการเมืองใหม่มีขึ้นมาจริงๆๆอยากเห็น ส.ส. สาย กรีน(พวกนิเวศวิทยาการเมือง)ที่มีอย่างบางประเทศจัง เพื่อจะกาให้1เสียงไปดูเเลเรื่อง นิเวศวิทยา หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: เทวา ที่ 27-09-2008, 07:03 ตามคุณ แคน ว่า
house of commons บางทีก็เรียกว่า house of representatives มันก็คือ สภานิติบัญญัติ และ วุฒิสภานั่นแหละ หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 27-09-2008, 13:49 ข้อมูลเยอะดี ขอบคุณคัรบ :slime_bigsmile:
หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: meriwa ที่ 27-09-2008, 14:52 จะกลุ่มอำมาตย์หรือกลุ่มทหาร หรือจะเป็นประชาชนเอง มันก็เป็นกลุ่มผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น
การจะไปตัดคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออก แล้วบอกว่าเป็นประชาิธิปไตย มันก็คงไม่ใช่ หลักการมันก็บอกอยู่แล้ว ว่าทุกคนมีส่วนร่วม ในระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่เราจะทำอย่างไรจึงจะสามารถจัดสรรผลประโยชน์ได้อย่างลงตัว ไม่มีการเอาเปรียบกัน ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่กลุ่มผลประโยชน์ใด แต่ถ้าผลประโยชน์นั้นได้มาถูกต้องตามกฏกติกา หลักจริยธรรม มิใช่ใช้อำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เฉพาะตัวเอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 27-09-2008, 16:53 ตามคุณ แคน ว่า house of commons บางทีก็เรียกว่า house of representatives มันก็คือ สภานิติบัญญัติ และ วุฒิสภานั่นแหละ อังกฤษใช้ "สภาคู่" นั่นแหละครับ ส่วนวุฒิสภา สมาชิกแบ่งเป็น 4 ส่วน มีสัดส่วนที่มาจากการแต่งตั้งของนายกรัฐมนตรี ( สมาชิกตลอดชีพ ตายแล้วนายกตั้งเสริมใหม่ มีจำนวนมากที่สุด ) ไทยก็เคยใช้แบบนี้ แต่แต่งตั้งจากนายกทั้งวุฒิสภา ( เพิ่งมาเปลี่ยนเป็น วุฒิสมาชิกเลือกตั้งเมื่อปี 2540 ) ไทยไม่มีสัดส่วนจาก ศาล และ พระราชวงศ์ ส่วน สภาล่าง ก็เหมือนไทย แต่ไทยไปเอาระบบสัดส่วนมาจาก ระบบของเยอรมัน เอาระบบองค์กรอิสระมาจากอเมริกา ( ผู้ตรวจการระฐสภา / กรรมการสิทธิ์ ) ไทยไปลอกมาแต่โครงร่าง ไม่เอาจิตวิญญาณประชาธิปไตยมาด้วย ถ้าจะเอาแบบอังกฤษ วุฒิสภาก็ควรแบ่งสัดส่วนตามเค้าดูสิ...ระดับที่มี "ศาล" เข้าไปอยู่ในวุฒิสภา ย่อมมีมุมมองของนักกฎหมายที่ใช้กฎหมายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกระบบมันก็มีข้อดีข้อเสียทั้งนั้น โดยเฉพาะหากอำนาจนั้นตกอยู่ในมือของคนชั่ว หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: samepong(ยุ่งแฮะ) ที่ 27-09-2008, 17:11 ขอโทษครับลุงแคน ขอแย้งนิดนึงระบบ ผู้ตรวจการรัฐสภา ไทยเราเอามาจากสวีเดนกัลแถบสแกนดิเนเวียนครับ สวีเดนคือต้นแบบผู้ตรวจการรัฐสภา(เท่าที่อ่านเจอคร้าบ)
หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 29-09-2008, 14:33 ขอโทษครับลุงแคน ขอแย้งนิดนึงระบบ ผู้ตรวจการรัฐสภา ไทยเราเอามาจากสวีเดนกัลแถบสแกนดิเนเวียนครับ สวีเดนคือต้นแบบผู้ตรวจการรัฐสภา(เท่าที่อ่านเจอคร้าบ) ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่ามาจากไหน แต่ประเด็นคือ เอามาแล้ว เคยเห็นผลงานของผู้ตรวจการรัฐสภาหรือไม่ คือถ้าเอาของเค้ามาเพียงเพื่อความโก่เก๋ ไม่เอาจิตวิญญาณมา หรือ ทำงานไม่ได้ ก็ไร้ประโยชน์ เปลืองงบประมาณอีกต่างหาก รัฐธรรมนูญ 2540 ให้องค์กรอิสระ ประเมินตัวเอง ไม่ทราบว่ามีการประเมินหรือไม่...ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องศึกษา คิดระบบ ลอกระบบดีแค่ไหน แต่ถ้าคนในสังคมไม่รู้สึกรู้สา ไม่นำพา มันก็แค่นั้นแหละครับ ประมวลจริยธรรมที่ออกมา ก็มีโทษหน่อมแน้ม จนเหมือนให้ศีลของชาวพุทธ ไม่ทำก็แค่บาป แต่มีผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม 00000000000 การอ้างว่า สภาแต่งตั้งไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ไหง สภาสูง สภาขุนนางของอังกฤษ ทำหน้าที่ร่วมกับสภาล่าง สร้างสรรค์ประเทศให้เป็นประชาธิปไตยต้นแบบได้ นี่ก็ต้องนำมาพิจารณาด้วย หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Kabal ที่ 29-09-2008, 15:17 สำหรับผม การปฏิวัติ 2475 ก็แค่พวกขุนนางชั้นล่างๆ ไม่กี่คน ไม่พอใจกับการที่ถูกตัดงบ ก็เลยออกมาโวยวาย บอกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมทั้งๆ ที่ขุนนางผู้ใหญ่อยู่กันสุขสบาย แต่ผมว่าตอนนั้นมันช่วงสงครามโลก ศก. กำลังแย่ แล้วมันจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายละครับ
สรุปแล้ว ก็แค่พวกที่ต้องการความยุติธรรมกับพวกตนแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ดูปชช ประชาธิปไตย มันก็เลยเอียงกะเท่เล่งี้ไงครับ หัวข้อ: Re: สภาขุนนางในอังกฤษ = อำมาตยาธิปไตย หรือไม่? เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 30-09-2008, 01:58 ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
การเมืองไทยก็ผ่านการจัดรูปแบบของสภามาแทบจะทุกอย่างแล้วครับ มันขึ้นอยู่กับว่า ใครมีเสียงดังในสังคมช่วงนั้น ๆ ก็สร้างกติกาให้พวกตัวเองได้เปรียบ พอเกิดความไม่พอใจก็ล้มรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้ลงไปทำประชาธิปไตยฐานราก หรือ มีแนวทางพัฒนาประชาธิปไตยที่แท้จริง สุดท้ายมันก็เป็นเพียงวาทกรรม ที่จะสร้างอำนาจให้กลุ่มตัวเอง พวกตัวเอง รัฐธรรมนูญ 2540 ก็ใช้มาจนเกือบ ๆ 10 ปี ประชาธิปไตยก็ยังเต่าคลาน จนมีเหตุให้ต้องล้มล้างกันลงไป รัฐธรรมนูญ 2550 ก็พยายามปิดจุดอ่อนเหล่านั้น เนื้อหาก็เป็นแบบ 2540 เดิม ๆ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากไปกว่า มีวุฒิสรรหามาครึ่งหนึ่ง แต่ตัวปัญหาใหญ่ที่ทำให้การเมืองพิกล พิการ น่าจะเป็นการทำงานในระบบเลือกตั้ง ตั้งแต่ตัวประชาชนเอง นักเลือกตั้ง และ กกต. นี่คือตัวปัญหาหลัก ที่ทำให้ระบบการคัดคนเข้าสู่อำนาจ ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบไปถึงไหน หากยังมีการฉ้อฉลกันตั้งแต่เริ่มเข้าสู่อำนาจ โกงเลือกตั้ง ล้อบบี้ในกลุ่มอาชีพ ถึงที่สุด มันก็หนีไม่พ้นการล้อบบี้ การซื้อเสียงในสภา เพียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ถึงวันนี้ ผมก็ยังเชื่อว่าหากจะปฏิรูปการเมือง แบบที่พันธมิตรทำ พยายามตัดพวกนักเลือกตั้ง ให้ออกจากการออกแบบรัฐธรรมนูญใหม่ คงเป็นไปได้ยากยิ่ง....เพราะหากถึงเวลาจวนตัว นักเลือกตั้งก็จะยุบสภา ให้กลับไปสู่วังวนการโกงเลือกตั้งแบบเดิม ๆ เพราะยังไม่มีกติกาใหม่ เค้าก็อ้างความชอบธรรม ตามกติกา รัฐธรรมนูญ 2550 อยู่เช่นเดิม กว่าจะกลับมาแก้ไข มาตรา 271 ก็ต้องแลกกับการเสนอเงื่อนไข ต้องทำรัฐธรรมนูญให้มีข้อเสนอของฝ่ายนักเลือกตั้งอยู่ดี การแย่งอำนาจให้ฝ่ายตนได้เปรียบ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ตราบใดที่ไม่สร้างความเข้มแข็งให้เกิดจากฐานราก ตราบใดไม่สร้างความตื่นตัวทางการเมืองในหมู่ประชาชนตลอดเวลา ปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของนักเลือกตั้ง ตราบนั้น ประชาธิปไตยไทยก็จะยังคงพายเรือในอ่างอยู่แบบนี้แหละครับ มันขึ้นกับผู้คนในสังคม มากกว่าระบบ ระบอบอะไรทั้งนั้น ถึงที่สุด พันธมิตรต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ต้องการล้างผู้คนในระบอบการเมืองเก่า หรือจะล้างระเบียบด้วยการปฏิรูปการเมืองเพียงแค่สร้างรัฐธรรมนูญใหม่ พันธมิตรตระเตรียมประชาชน ให้มีความพร้อมเพื่อเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากน้อยแค่ไหน ฝ่ายตรงข้ามกับพันธมิตร พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันหรือไม่ ฟังพลตรีจำลองบอกว่า ฝ่ายอาจารย์มหาวิทยาลัยทำไป พันธมิตรก็ทำไปแบบคู่ขนาน เลยไม่ทราบว่า มันจะมีจุดบรรจบกัน ณ ที่ใด |