หัวข้อ: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 15:57 "ปริศนา 200 ล้าน ท่อน้ำเลี้ยงม็อบ
โดย ประชาชาติธุรกิจ 25 กันยายน 2551 การประชุมสภาเพื่อแก้วิกฤตการเมืองในช่วงปลายรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ส.ส.จอมแฉ "นายสุนัย จุลพงศธร" ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชน ได้งัดเอกสารขึ้นมาแฉกลางที่ประชุมสภาว่า มีนักการเมือง ได้รับการโอนเงิน 250 ล้าน จากบริษัทปิโตรเคมียักษ์ใหญ่ เพื่อให้นำไปสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เรื่องน่าแปลกก็คือ ข้อมูลร้อนๆ กลับเงียบหายไปเฉยๆ นักการเมืองที่ถูกแฉก็เงียบ นายสุนัยคนแฉก็เลิกขุดคุ้ย แต่ล่าสุด เสี่ยใหญ่ยักษ์ปิโตรเคมีโผล่ไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อมอบตัวแบบเงียบๆ ไม่เป็นข่าว ในช่วงเดือนสองเดือน ก่อนรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช จะพบจุดจบ นายสมัครพูดว่า มีกลุ่มทุนที่ลงขันขับไล่รัฐบาลพลังประชาชน ห้วงเวลานั้นเอง ได้มีข้าราชการชั้นประทวนคนหนึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมหลักฐานการโอนเงินปริศนา และกล่าวหาว่านักธุรกิจใหญ่คนหนึ่งได้โอนเงินจำนวนกว่า 200 ล้านบาทให้นักการเมือง ต่อมากรมสอบสวนได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นสอบสวนข้อเท็จจริงตามการแจ้งความร้องทุกข์ จนพบหลักฐานที่ น่าเชื่อถือ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงรายงานต่ออนุกรรมการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติพรรคการเมืองและความผิดอื่นๆ เกี่ยวกับบริษัทมหาชนอีกหลายประเด็น จึงนำเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งครั้งนั้นนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน พร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสมบัติ อมรวิวัฒน์ ตำแหน่งในขณะนั้น) และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่น รวม 21 คน แหล่งข่าวคณะกรรมการคดีพิเศษ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาคดีดังกล่าว นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ได้ออกจากห้องประชุม และหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนได้รายงาน ข้อมูลคดีพร้อมทั้งหลักฐานการ ประชุมแล้วคณะกรรมการทั้งหมด มีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับคดีการบริจาคเงินเข้าพรรคการเมืองเป็นคดีพิเศษ หลังจากนั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้สำนักคดีต่างประเทศ โดยมี พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้บัญชาการสำนักคดีต่างประเทศ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนและบริหารคดี พร้อมกับแต่งตั้งคณะ พนักงานสอบสวนขึ้นสืบสวนและสอบสวน กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา "เสี่ยใหญ่" ได้ชิงเข้ามอบตัวต่อคณะพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก่อนที่จะถูกออกหมายเรียก ขณะเดียวกัน กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ได้มีมาตรการคุ้มครองพยานที่มาร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย ข้อมูลของนายสุนัยกับสำนวนสอบของดีเอสไอเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ ...น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง" หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 16:00 เสี่ยคนดังกล่าวน่าจะใช่อดีตหัวหน้าพรรคป่าวเนี่ย? พรรคอะไรน๊าที่มีเรื่องตบตีกันทุกวี่ทุกวัน? พรรคอะไรน๊าที่หัวหน้าพรรคสอบตก? คริ คริ :slime_smile2:
หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 16:03 ระหว่างที่รอคำตอบ...พวกเรามาอ่านสาระน่ารู้กันดีกั่วน๊ะค่ะคุณน้องๆขา หุ หุ คริ คริ :slime_smile2:
"สภาประชาวิบัติ ไม่เป็นแบบคอมมิวนิสต์จีนก็รัสเซีย โดย เหล็กใน ที่มา ข่าวสด 25 กันยายน 2551 ที่พันธมิตรฯ บอกมีตัวแทนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมนั้นเป็นเพียงเหยื่อล่อ เพราะไม่รู้ว่าสภาประชาภิวัฒน์จะเป็นสภาแบบไหน แบบจีนหรือรัสเซีย เพื่อวางเป้าหมายให้กลุ่มตนเองเข้ามามีอำนาจหรือไม่ กลุ่มคนเหล่านั้น ก็คือบุคคลที่เป็นแกนสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่รอบนอกนั่นเอง สุดท้ายรัฐสภาก็จะไม่มีผู้แทนจากประชาชน การเมืองใหม่-การเมืองเก่า แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาเสนอการเมืองใหม่อีกแล้ว หลังประชาภิวัฒน์ระบบโควตาอ้อย 70-30 เข็นไม่ขึ้น หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าถอยหลังเข้าคลอง ฟื้นระบอบอมาตยาธิปไตย ให้ทหารเข้ามาแทรกแซงการเมืองได้ การสัมมนาการเมืองใหม่ โดยนักวิชาการสังกัดพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เริ่มพลิกลิ้นสรุปว่ามาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการเลือกตั้งผ่านระบบเขตครึ่งหนึ่ง ผ่านการคัดเลือกตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพอีกครึ่งหนึ่ง นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่าง รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ออกมารับลูกว่าหลายประเทศประชาธิปไตย ก็ไม่จำเป็นต้องมีส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับเชิดชูตัวอย่างส.ว.ระบบสรรหาในสภาชุดนี้ว่าทำหน้าที่ได้ดี มีอิสระในการตรวจสอบรัฐบาล ล่าสุด พล.ต.จำลอง ศรีเมือง บอกว่าการเมืองใหม่จะต้องลดจำนวนส.ส.ลง โดยอ้างว่าสหรัฐมีประชากร 200 ล้านคน แต่มีจำนวนส.ส.น้อยกว่าประเทศไทย ซึ่งมีประชากรเพียง 63 ล้านคน ส่วนจะมีวิธีการอย่างไร จะสรุปอีกครั้งในวันที่ 27 ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ตุ๊กตาการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอีกครั้ง นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตส.ส.ร.ปี 2540 กล่าวว่าที่มาของการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ มาจากรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 ประกาศคปค. และรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งเป็นแผนแนบเนียนในการทำลายระบอบประชาธิปไตย นายคณินตั้งข้อสังเกตด้วยว่าวุฒิสภาชุดนี้ จะทำหน้าที่สรรหาส.ส.ในการเมืองใหม่ด้วย ขณะที่นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตส.ว.ตาก ระบุว่า เป้าหมายของการเมืองใหม่ คือการให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง กันคนไม่ดีออกไป แต่ก็มีคำถามว่าใครคือผู้กำหนดว่าคนดีและคนไม่ดี นายพนัสบอกด้วยว่าที่พันธมิตรฯ บอกมีตัวแทนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมนั้นเป็นเพียงเหยื่อล่อ เพราะไม่รู้ว่าสภาประชาภิวัฒน์จะเป็นสภาแบบไหน แบบจีนหรือรัสเซีย เพื่อวางเป้าหมายให้กลุ่มตนเองเข้ามามีอำนาจหรือไม่ กลุ่มคนเหล่านั้น ก็คือบุคคลที่เป็นแกนสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่รอบนอกนั่นเอง สุดท้ายรัฐสภาก็จะไม่มีผู้แทนจากประชาชน ขณะที่นายประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช อาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ว่าการเมืองใหม่คือการเปิดโอกาสให้กลุ่มอมาตย์กลับมามีอำนาจอีกครั้ง หากเป็นเช่นว่านี้ การเมืองใหม่จะดีกว่าการเมืองเก่าตรงไหน?" หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 16:13 "โคทม ไม่เห็นด้วยพันธมิตรฯ เลือก ส.ส.สัดส่วนอาชีพ :slime_agreed:
ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอพันธมิตร ให้เลือก ส.ส.สัดส่วนอาชีพ ชี้สังคมมีความหลากหลาย การเป็น ส.ส. ต้องไม่คำนึงว่าตนมาจากอาชีพใด แต่ควรคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนรวม ไม่ใช่การเข้ามารักษาผลประโยชน์ของสาขาอาชีพนั้น บวรศักดิ์-ไพบูลย์ ชูสภาองค์กรชุมชนสร้างการเมืองใหม่ ประเวศ เตือนพันธมิตรอย่าหลงเข้าไปสู่กลไกและรูปแบบทางการเมือง จะเปลืองตัว ประเวศ วะสี แนะพันธมิตรอยู่กับจุดแข็ง เมื่อวันที่ 23 กันยายน นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เขียนบทความเรื่อง "การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ที่ดี โอกาสอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทย" โดยสรุปว่า การที่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนเติบโตเข้มแข็งขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากวิกฤตการณ์สุดสุด ไม่มีทางไป และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากมีคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมัคร สุนทรเวช ถ้าปราศจาก คนอย่างทั้งสอง ขบวนการประชาชนก็จะไม่เติบโตอย่างนี้ การรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนจำนวนมากเกิดจากการมีเป้าหมายร่วม ประชาชนควรจะรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำ ในทุกพื้นที่ ในทุกองค์กร และในทุกเรื่อง เกิดเป็นประชาสังคมหรือสังคมเข้มแข็ง นั่นแหละคือประชาธิปไตยโดยสาระ ในขณะที่กลไกทางการเมืองอาจเป็นเพียงรูปแบบ นพ.ประเวศยังเสนออีกว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยควรจะอยู่กับจุดแข็งของพันธมิตร คือสร้างขบวนการมหาประชาชนเพื่อธรรมาธิปไตย-ประชาธิปไตย มากกว่าเข้าไปสู่กลไกและรูปแบบทางการเมือง ซึ่งจะเปลืองตัวและทำให้ตัวเองอ่อนแอลง ขบวนการมหาประชาชนเพื่อธรรมาธิปไตย-ประชาธิปไตย จะไปทำให้เกิดกลไกและรูปแบบทางการเมืองต้องปรับตัวไปสู่ประชาธิปไตยเอง ซึ่งการกระจายอำนาจไปอย่างทั่วถึง และทุกส่วนของสังคม จะปฏิสัมพันธ์ด้วยการเรียนรู้และตรวจสอบซึ่งกันและกัน แทนที่การใช้อำนาจจากบนลงล่างแบบแยกส่วนตายตัวซึ่งเป็นการเมืองแบบเก่า ประชาธิปไตยจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่เข้ามาอยู่เหนือกลไกทางการเมือง ไพบูลย์ เผยสูตรใหม่เน้นชุมชน วันเดียวกัน ที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน มีการประชุมผู้แทนสภาองค์กรชุมชนที่เป็นสมาชิกสภาพัฒนาการเมือง 76 จังหวัด และมีการเสวนาเรื่อง "สภาองค์กรชุมชนกับการพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง" โดยนายไพบูลย์ วัฒน ศิริธรรม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานอนุกรรมการสนับสนุนสภาองค์กรชุมชน กล่าวว่า แม้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์มาหลายครั้ง แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการค้นหารูปแบบการเมืองที่ควรจะเป็น เช่น การเมืองใหม่ ซึ่งคำ ว่าใหม่โดยทั่วไปหมายถึงดีขึ้น แต่จะดีขึ้นอย่างไรคงต้องมีข้อคิดและทฤษฎีมากมายหลายสูตร แต่สูตรที่ยังไม่ค่อยมีการเสนอคือสิ่งที่ชุมชนทำกัน อยู่แล้ว และเป็นการเมืองในความหมายกว้าง โดยมีการจัดการสังคม ชีวิตผสมผสานกันไป นายไพบูลย์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็ยังไม่นำไปสู่การเมืองที่ปรารถนา เพราะรัฐธรรม นูญเป็นการกำหนดโครงสร้างกลไก แต่การเมืองมีมากกว่านั้น มีกระบวนการเงื่อนไข วัฒนธรรม และความคิดจิตใจที่ผันแปรป็นพลวัตไม่หยุดนิ่ง หรืออยู่อย่างโดดๆ แต่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม การที่คำนึงถึงการเกาะเกี่ยวแต่รัฐธรรมนูญอย่างเดียวโดยไม่พัฒนาสังคมให้เท่าทันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีการเรียกร้องหาการเมืองใหม่ ซึ่งยากประสบความสำเร็จหากคิดและทำการเมืองในความหมายแคบ หรือแก้ไข รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว ปราชญ์อีสานเชื่อสภาชุมชนช่วยได้ นายสน รูปสูง ปราชญ์ชาวบ้านจากภาคอีสานและสมาชิกสภาองค์กรชุมชน กล่าวว่า การเมืองปัจจุบันเข้าขั้นสามานย์สุดแล้ว เพราะเงินไม่มา กาไม่เป็น ที่ผ่านมามีความพยายาม แก้ไขทุกวิถีทาง แต่ก็ยังแก้ไม่ได้ แถมการเมืองสกปรก ยังทำให้ชาวบ้านแปดเปื้อนด้วย การเมืองในระบอบตัวแทนสกปรกมากจนไม่อาจเข้าไปร่วมได้ สภาองค์กรชุมชนนี้เป็นสภาแห่งการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง เพื่อเข้าไปร่วมจัดการกับท้องถิ่นระดับจังหวัดและระดับชาติ สภาแห่งนี้จะช่วยปลดปล่อยจิตสำนึกและทลายคุกขัง เพื่อให้เกิดการเมืองภาคประชาชนที่แท้จริง สภาองค์กรชุมชนต้องไม่เป็นกับดักทางการเมือง และอย่าสร้างคุกใหม่ คนที่เกี่ยวข้องต้องเคารพชุมชนแท้จริง อย่าเริ่มต้นด้วยความปรารถนาดีและด้วยความบริสุทธิ์แต่โง่ นายสุจิต บุญบงการ ประธานศูนย์พัฒนาการเมืองสถาบันพระปกเกล้าและอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การเมืองที่ผ่านมาเป็นการเมืองระดับบนที่มีการแย่งชิงและยึดอำนาจกลับไปกลับมา และเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรค การเมือง ที่ผ่านมาพยายามปรับปรุงแก้ไขกันมาตลอดทั้งรัฐธรรมนูญ คุณสมบัติของผู้บริหาร แต่การเมืองก็ยังวนเวียนอยู่อย่างนี้ จึงคิดว่าการเมืองระดับล่างมีความสำคัญ ต้องทำให้ชุมชนเข้มแข็ง การประสานงานในแนวราบมีความจำเป็น บวรศักดิ์ ชี้สภาชุมชนเป็นความหวัง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสภาพัฒนาการเมือง กล่าวว่า สภาองค์กรชุมชนและสภาพัฒนาการเมืองน่าจะเป็นความหวังของบ้านเมืองและความขัดแย้งของสองกลุ่ม การเมืองใหม่มีความหมายต้องเอาชุมชนเป็นหลัก ไม่ใช่เอาผู้แทนราษฎรเป็นหลักอย่างในอดีต เป้าหมายที่คิดไว้ในการทำงานของสภาพัฒนาการเมืองในช่วง 3 ปีนี้คือ เน้นสำนึกความเป็นพลเมืองในกิจการของชุมชนและส่วนร่วมที่เหมาะสมของประชาชนในระดับต่างๆ และเมื่อสภาแห่งนี้ไม่มีอำนาจบังคับใครเลยจึงต้องอาศัยความร่วมมือ โดยต้องสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นอกจากนี้จะสร้างความเชื่อถือและการยอมรับให้เกิดขึ้น สถานการณ์ยามนี้แทบไม่มีความหวังหรือ แสงสว่างเลย แต่หากสภาองค์กรชุมชนชุดนี้ จุดประกายไฟก็จะทำให้เป็นที่พึ่งของประชาชนที่แท้จริง สุริชัย ชี้การเมืองใหม่แก้ปัญหาไม่ได้ ถ้าไม่เอาแนวชุมชน นายสุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการสถาบัน วิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หลายฝ่ายเรียกร้องว่าทำอย่างไรให้ความขัดแย้งในปัจจุบันจบเสียที แต่ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชนะ ก็ยังต้องเจอโจทย์ร่วมกันในเรื่องความศรัทธาประชาธิปไตย การเมืองใหม่คงเป็นไปไม่ได้ หากไม่เอาเรื่องของชุมชนไปถก ถ้ามัวแต่ถกว่าสัดส่วนใคร มาจากไหนกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสเรียกร้องร่วมกันทางสังคมได้ก็จะเป็นเรื่องดี โคทม ข้องใจที่มา ส.ส.การเมืองใหม่ นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ยังไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตร ที่จะให้เลือก ส.ส.มาจากสัดส่วนอาชีพ เพราะสังคมมีความหลากหลาย และตนมีคำถามว่า แม่บ้านจะจัดอยู่กลุ่มไหน เพราะคนเหล่านี้อาจจะเป็นกลุ่มใหญ่ อีกทั้งมีคำถามว่าเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศจะให้เลือกตั้งแบบไหน และการเป็น ส.ส.ที่จะทำงานมีความสมบูรณ์จะต้องไม่คำนึงว่าตัวเองมีที่มาจากสาขาอาชีพใด แต่ควรคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนรวม ไม่ใช่การเข้ามารักษาผลประโยชน์ของสาขาอาชีพนั้นๆ เช่นเดียวกับสมาชิกสภาที่ปรึกษาที่เข้ามาทำงานโดยไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของอาชีพตัวเอง" หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: ผา หล่มสัก ที่ 25-09-2008, 16:22 จ๊ะเอ๋... มีแต่ข่าวตัดแปะ
ไม่มีใครมาคอมเม้นท์เลยหรือ.... :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 25-09-2008, 16:27 ถ้าหลักฐานมันเจ๋งเป้งดังคำอวดอ้าง ไฉนรอให้โดนไล่บี้จนเละเทะเช่นนี้ :slime_smile2:
หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 16:44 จ๊ะเอ๋... มีแต่ข่าวตัดแปะ ไม่มีใครมาคอมเม้นท์เลยหรือ.... :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: Chuuuuuuuuuuu....อย่าเอะไป เดี๋ยวเหยื่อตื่น!! :slime_whistle: หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 16:46 ถ้าหลักฐานมันเจ๋งเป้งดังคำอวดอ้าง ไฉนรอให้โดนไล่บี้จนเละเทะเช่นนี้ :slime_smile2: งงอ่ะ...บ่นไรเนี่ย? ขอชัดๆอีกทีเด๊ะ :slime_doubt: หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 17:08 "ธุรกิจปล้นชาติ โดย ธนาคารใหญ่ร่วมกับพันธมิตร
โดย คุณ พญาไม้ ที่มา เวบไซต์ บางกอกทูเดย์ 25 กันยายน 2551 พลิกไปทุกหน้าในประวัติศาสตร์โลก การเมืองในแทบจะทุกแผ่นดินที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ยังไม่มีสักแผ่นดินที่การเมือง สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จากการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ประวัติศาสตร์การเมืองโลก ..บอกว่า ..มีแต่การต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธเท่านั้น ที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่เรื่องแบบนี้ ..ใครๆ ก็รู้ แต่ทำไม..พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่รู้ ปัญหาอยู่ที่ว่า ..ไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ แกล้งไม่รู้แล้วอย่างไร ..แกล้งไม่รู้ ก็จะทำให้การชุมนุมยาวนาน และกำหนดวันเลิกไม่ได้ ..สงครามครั้งสุดท้ายที่ประกาศกันครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังประกาศกันต่อไป และดูเหมือนว่า ..ทั้งๆ ที่โอกาสสำหรับชัยชนะ ยังไม่มีวี่แววที่จะเกิดขึ้น แต่การชุมนุมก็ยังคงอยู่ และมีอยู่ แม้จะเงียบเหงาเศร้าซึมเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่หากมองไปในทางธุรกิจแล้ว คำตอบจะเด่นชัดกว่า อาทิ ..เงินบริจาคที่สะสมกันเข้ามา ในตัวเลขที่ทางพันธมิตรฯ ..ยืนยันเองว่า อย่างต่ำวันละ 1 ล้านบาท การเผยแพร่ขายผลิตผลมากมายเป็นร้อยๆ รายการ ..แต่ละชิ้น มีราคาที่ปราศจากคู่แข่ง รวมทั้งการเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ของจานดาวเทียมเอเอสทีวี ..ที่มีราคาเรือนหมื่น เมื่อวันเริ่มต้น และมีราคาหลายพันบาทในวันนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดนั้น คือ การเป็นรายการทีวีที่มีคนหลายล้านคน เปิดดูอยู่ทุกวันถึงวันนี้ ..ช่องคลื่นหลายๆ ช่องคลื่นของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวีนั้น ..ได้เกิดขึ้นมาแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ ..เครื่อข่ายเนชั่น กำลังทิ้งคลื่นเก่า เพื่อเข้ามาร่วมอยู่ในดาวเทียมดวงเดียวกับเอเอสทีวี นั่นคือธุรกิจหลายพันล้าน ที่ก่อเกิดขึ้นมาจากการชุมนุมกันของพันธมิตรฯ ..และดูเหมือนว่า เมื่อถึงที่สุด จะมีแต่ สนธิ ลิ้มทองกุล แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ สำหรับประเทศแล้ว ..ประเทศได้จ่ายไปแล้วหลายแสนล้าน จากสมบัติรวมของคนทั้งชาติ ..เพื่อประโยชน์พันล้านที่เอเอสทีวีได้ไป แต่สิ่งที่ทั้ง สนธิ ลิ้มทองกุล และประเทศไทยคิดไม่ถึง ก็คือ..ธนาคารใหญ่ที่สนับสนุนบริจาคให้กับพันธมิตรฯ ตลอดมานั้น ..ได้คว้าผลประโยชน์ไปแล้วหลายล้านบาท ..ธนาคารใหญ่ที่มีนายทุนใหญ่ เป็นชาติเล็กๆ ที่มั่งคั่งนั่นไง เราประเทศไทย อาจเป็นประเทศเดียวในโลก ...ที่ธนาคารใหญ่ มีหุ้นส่วนใหญ่เป็นนายทุนต่างชาติ ..และดูเหมือนว่า ไม่ใช่ธนาคารเดียวและชาติเดียว สิงคโปร์ - ใต้หวัน ชาติเล็กๆ ที่มั่นคงจากแผ่นดินเกาะ เข้ามายึดครองยึดธุรกิจในประเทศไทยไปแล้วอย่างมากมาย ..จากวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีมูลเหตุมาจากการเมืองวิกฤติ ที่ทำให้บริษัทคนไทยจำนวนมหาศาล แปรปรวน จนไม่สามารถบริหารต่อไปได้ ..ส่งบาปต่อไปให้กับธนาคารทั้งหลาย ต้องเจอกับหนี้สูญจำนวนมหึมา ...และต้องยอมให้นายทุนต่างชาติ เข้ามาเป็นนายทุนหุ้นใหญ่ รู้กันทั้งนั้นว่า ..เงินบำรุงม็อบจำนวนมหึมานั้น มาจาก..! หรือมากกว่า .. เงินแค่วันละล้าน ..ที่ลงทุนเข้าไปในความวุ่นวายของประเทศไทย ..ทำลายธุรกิจของตนไทยเป็นพันเป็นหมื่นบริษัท ..ปิดกั้นโอกาสสำหรับการแข่งขันของประเทศไทย ในขณะที่ชาติเพื่อนบ้านทั้งหลาย กอบโกยกำไรกันอย่างสนุกมือ ทำลายการท่องเที่ยวลงอย่างย่อยยับ ..และไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ในชั่วเวลาแค่ปีสองปี ทำลายการค้าขายส่งออก เพราะความวุ่นวาย ทำให้การคาดหมายล่วงหน้าเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไป ในยุคที่โลกก็สับสนวุ่นวาย อันเนื่องมาจากการป่วยไข้ของสหรัฐอเมริกา ต่างชาติที่เป็นหุ้นใหญ่ในธนาคาร เจือจานเศษเงินของพวกเขา เลี้ยงดูความวุ่นวายของประเทศไทย ..ให้กำเนิดการเมืองใหม่ ..ที่มุ่งไปที่การยึดกิจการ และผลประโยชน์ของเอกชนมาเป็นของรัฐ ..ที่เรียกกันว่า ..สาธารณโภคี เป็นอัปรีย์แผ่นดินที่ต่างชาติยื่นให้ รู้ๆ กันอยู่ ..ว่า สงครามยึดแผ่นดินยุคใหม่ ..เขาไม่ยึดกันที่ ..อาณาเขตุ ..แต่เขากุมที่หัวใจ.. เขาปล้นแผ่นดิน" หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 25-09-2008, 17:13 "9กบฎอายหมามันซะมั่ง! :slime_smile2:
หยิ่งในศักดิ์ศรี-สุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ มีอุปนิสัยหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างมาก ถ้าถูกเฆี่ยนตีต่อหน้าสุนัขตัวอื่นๆ มันก็จะรู้สึกอับอายและเสียเกียรติจนถึงขั้นกัดลิ้นฆ่าตัวตาย โดย ขุนสำราญภักดี ที่มา คอลัมน์ ประชาชาติปริทัศน์ ผมชื่นชอบ ความมีศักดิ์ศรีของหมาตัวนี้ เพราะหมาตัวนี้ยอมตาย แต่ไม่ยอมให้ถูกหลู่เกียรติศักดิ์ศรีของตนเอง ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ ยอมต่อรองกับรัฐบาล เพื่อให้ตัวเองได้รับการยกเว้นโทษ ผมว่า พวกคุณ กัดลิ้นตัวเองตายเสียดีกว่า !!!!..แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คนควรไปมอบตัวสู้คดี อย่าพูดเลยว่า ข้อหากบฏแรงเกินไป ถ้าอยากจะเป็นวีรชนกู้ชาติ อย่ากลัวโทษทัณฑ์ (ครับ) อย่ากัดลิ้นตัวเอง (ครับ) 2 ปีมาแล้ว ผมเคยชื่นชอบ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเคยเถียงแทนแกนพันธมิตรฯ อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะผมเห็นว่า มีแต่พันธมิตรฯเท่านั้นที่สู้กับระบอบทักษิณได้ แต่วันที่พันธมิตรฯ บุกเอ็นบีที ยึดทำเนียบรัฐบาล และไม่ยอมไปมอบตัว ทั้งๆ ที่รู้ว่าการกระทำของตนเองผิดกฎหมายอาญา มิหนำซ้ำยังพูดมั่วๆ เรื่องการเมืองใหม่ 70: 30 ผมและเพื่อนๆ เริ่มเซ็ง และรู้สึกแล้วว่า คนไทยกำลังถูกตบหน้าฉาดใหญ่ วันนี้... ผมปฏิเสธพวกพันธมิตรฯ อย่างสิ้นเชิง เพราะรับไม่ได้กับพวกอนารยะที่ทำลายหลักนิติรัฐของบ้านเมือง และที่สำคัญ ผมไม่เห็นความแตกต่างระหว่างพวกพันธมิตรและพวกทักษิณ เพราะพวกเขาต่างไม่เคารพกฎหมาย เหมือนๆ กัน ผมนึกถึงคำพูดของอาจารย์ธงชัย วินิจจะกูล ที่ว่า "เกลียดทักษิณ อย่าทำอย่างทักษิณ" สมัยผมเรียนนิติปรัชญา ผมชื่นชอบโสเครตีส (Socrates) เพราะนักปรัชญากรีกผู้นี้ ยอมตาย เพื่อรักษาหลักกฎหมายของบ้านเมือง โสเครตีส ถูกตั้งข้อหาว่ากระทำผิดอาญาอุกฉกรรจก์ ฐานปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าและสร้างพระเจ้าองค์ใหม่ อันเป็นอาชญากรรมที่เป็นภัยร้ายแรงต่อศีลธรรมของสังคมในยุคนั้น โสเครตีสถูกพิพากษาประหารชีวิต บรรดาลูกศิษย์ชักชวนให้อาจารย์หลบหนีโทษอาญา แต่โสเครตีสปฏิเสธโดยบอกว่า "เขาได้อุทิศชีวิตเขามาทั้งหมดเพื่อสอนให้คนอื่นเห็นถึงความสำคัญของความยุติธรรมและการเคารพกฎหมายของรัฐ การหลบหนีไม่ยอมรับผิดทางอาญาต่อคำพิพากษาของรัฐเป็นการทำลายสิ่งที่เขาได้สอนแก่สังคมมาทั้งหมด แม้โสเครตีสจะยืนยันในความบริสุทธิ์ และคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตัดสินคดีก็ตาม แต่โสเครตีสเชื่อว่า การที่เขาดำรงอยู่ในสังคมนี้เท่ากับว่าเขาได้ทำข้อตกลงโดยปริยายที่จะยอมผูกมัดเชื่อฟังกฎหมาย แม้ว่าผลลัพธ์ของมันจะทำให้เขาต้องสูญเสียประโยชน์หรือถูกพิพากษาประหารชีวิตก็ตาม โสเครตีส เชื่อว่า หากบุคคลสามารถคิดหรือตัดสินใจเอาเองว่ากฎหมายฉบับใดควรเคารพเชื่อฟังและปฏิบัติตาม และฉบับใดที่ไม่ควรเคารพเชื่อฟังและไม่ปฏิบัติตาม ในไม่ใช้ก็คงไม่มีกฎหมายอีกต่อไป จริงๆ แล้วตามทรรศนะของผม แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คนควรไปมอบตัวสู้คดี อย่าพูดเลยว่า ข้อหากบฏแรงเกินไป ถ้าอยากจะเป็นวีรชนกู้ชาติ อย่ากลัวโทษทัณฑ์ (ครับ) ในช่วงที่มีข่าวว่า นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต่อสายตรงคุยกับแกนนำพันธมิตรฯ ผมบังเอิญไปเจอข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่ง อ่านแล้วนึกถึงแกนนำพันธมิตรฯมากๆ เรื่องเกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อสุนัขสายพันธุ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan mastiff) ตัวหนึ่ง กัดลิ้นตัวเองจนตาย หลังถูกเจ้าของเฆี่ยนตี เหตุเกิดที่เมืองหังโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง โดยนายพาน เจ้าของสุนัขตัวนี้ได้ลงมือเฆี่ยนตีสุนัขที่ตัวเองเลี้ยงไว้ หวังจะสั่งสอนให้หลาบจำ เนื่องจากมันไปกัดกับสุนัขอีกตัวหนึ่ง แต่ไม่คาดคิดว่า การเฆี่ยนตีจะทำให้สุนัขตัวนี้ รู้สึกอับอายและน้อยใจจนถึงขั้นกัดลิ้นฆ่าตัวตาย การตายของสุนัขทำให้เจ้าของซึ่งมีชื่อว่า นายพาน รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นายพานเล่าว่า เพื่อนของเขาซึ่งเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ ทิเบทั่น มาสทิฟฟ์ มานานถึง 20 ปี เคยบอกเขาแล้วว่า สุนัขสายพันธุ์นี้ได้ชื่อว่า เป็นราชาของสุนัขทั้งปวง และมีอุปนิสัยหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างมาก ดังนั้น ถ้าถูกเฆี่ยนตีต่อหน้าสุนัขตัวอื่นๆ มันก็จะรู้สึกอับอายและเสียเกียรติจนถึงขั้นกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ผมชื่นชอบ ความมีศักดิ์ศรีของหมาตัวนี้ เพราะหมาตัวนี้ยอมตาย แต่ไม่ยอมให้ถูกหลู่เกียรติศักดิ์ศรีของตนเอง ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ ยอมต่อรองกับรัฐบาล เพื่อให้ตัวเองได้รับการยกเว้นโทษ ผมว่า พวกคุณ กัดลิ้นตัวเองตายเสียดีกว่า !!!!" หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: บัวริมบึง ที่ 25-09-2008, 22:31 เอ้า เม้นให้ เดี๋ยวกระทู้ตก อุตส่าห์มาโพส :slime_doubt:
หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: อยู่บำรุ๊ง .. บำรุง ที่ 25-09-2008, 22:49 หลักฐานทั้งหมดคือ บทความเหล่านี้หรือไง
ผม งง กับข้อมูลต่างๆเหลือเกิน ตกลงมันเกี่ยวอะไรกับ Topic จขกท พยายามจะสืออะไรแล้วข้อมูลที่เควี่ยตอบมันเกี่ยวอะไรกัน ตกลงจะมี "หัวข้อ" ไว้ทำไม :slime_surrender: :slime_surrender: หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: ...นึกว่าใคร ? ที่ 25-09-2008, 22:58 เหนื่อยมั้ย TLE ????? หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: jrr. ที่ 25-09-2008, 23:22 ข้อมูลเยอะฉิบห................. ............แต่เล่นงานหมาไม่ได้ซักตัว !!! :slime_fighto: :slime_fighto: :slime_fighto: หัวข้อ: Re: มาทายกันหน่อยเร้วว่า 'เสี่ย 200 ล้าน' คนนี้ชื่ออะไร!?! เริ่มหัวข้อโดย: Cheel2 ที่ 07-10-2008, 00:48 เต็มไปหมด !!!
ปริศนา ไม่มีหรอกคับแค่รอวันเปิดเผย |