หัวข้อ: วาระ การวิเคราะห์กรณียุบพรรค รายบุคคล เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 28-06-2006, 11:30 สุขุมเฉลยทรัพย์
ยุบต้องยุบทั้งสองพรรค ไม่ยุบต้องไม่ยุบทั้งสองพรรค "สุขุม นวลสกุล" อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง "เป็นการกระทำของตัวบุคคล" "ปริญญา เทวานฤมิตรกุล" อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ "จะไม่มีการยุบพรรคใดๆ" ปริญญา' ประณาม'กกต.'เหลี่ยมจัดวางยาอัยการอุ้ม'ทรท.' สอบยุบพรรค2มาตรฐาน ตัดตอนสำนวนไม่เรียก'ทักษิณ'ให้การ รอลุ้นศาลรธน.ไม่รับวินิจฉัย "ไชยันต์ ไชยพร" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "ระบบขาดสถาบันทางการเมือง" "จรัล ดิษฐาอภิชัย" กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ "ถ้ายุบก็เท่ากับทำลายองค์กร" สุริยะใส อัดมติยุบ 5 พรรคเกมการเมือง แนะ อสส.พิจารณาตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ก็เชื่อได้แน่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติยุบทั้งสองพรรค หรือไม่ก็ยกคำร้องทั้งสองพรรคคงไม่มีทางที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเลือกยุบพรรคใดหรือพรรคหนึ่ง ซึ่งถ้าตั้งธงไว้แบบนี่การไต่สวนข้อเท็จจริงในชั้นศาลรัฐธรรมนูญก็อาจไม่มีประโยชน์อะไรกับประชาชน ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าว นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ การวินิจฉัยเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างแน่นอน ช่วงนี้สภาวการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะสูงขึ้นไปอีก เพราะไม่สามารถคาดเดาผลที่จะออกมาได้ ซึ่งหากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคไทยรักไทยจริง จะถือเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่โอกาสหรือวิกฤต อาจจะเกิดวิกฤตที่ซ้ำสองขึ้น อย่าลืมว่าพรรคการเมืองไม่ได้อยู่เฉพาะตัวพรรค แต่มีคนสนับสนุนทั้ง 2 พรรค ดังนั้นถ้าเหตุแห่งการยุบไม่มีน้ำหนักก็จะเกิดปัญหา ในทางกลับกันถ้าเกิดเหตุสำคัญมากแต่ไม่ยุบก็เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน ผมจึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีศาลรัฐธรรมนูญมา หัวข้อ: Re: วาระ การวิเคราะห์กรณียุบพรรค รายบุคคล เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 28-06-2006, 11:44 เอกยุทธ
ต้องไม่ลืมว่า วันก่อน พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่งประกาศอย่างมั่นใจว่า เขาไม่เชื่อว่า พรรคไทยรักไทยจะถูกยุบ การออกมาพูดเช่นนี้แสดงว่า เขามั่นใจแล้วว่า หลักฐานต่างๆ คงไม่สามารถสาว หรือเอาผิดเขาได้ ดังนั้น การเรียกตัวอัยการสูงสุดที่เป็นผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรงไปพบ ยิ่งทำให้ภาพของอัยการแย่ลง และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็คงถูกคนติฉินนินทาได้นายเอกยุทธกล่าวและว่า เพราะหากอัยการเห็นว่า สำนวนอ่อนเกินไป และส่งกลับไปให้กกต. ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อมาพิจารณา ซึ่งก็จะถูกหาว่า เป็นการยื้อเวลา แต่หากอัยการเห็นว่า สำนวนสมบูรณ์แล้ว และเห็นว่า ควรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องยุบพรรคไทยรักไทย ก็เป็นที่สงสัยของคนทั่วไปว่า การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมานั้น ได้เอื้อประโยชน์ให้กับตัวพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ตนคิดว่า เรื่องนี้คนระดับอัยการสูงสุดควรรู้ดีว่า เหตุการณ์สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังอึมครึมเช่นนี้ สมควรหรือไม่ที่ไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งดูแล้ว ทำให้เห็นว่า ระบอบทักษิณกำลังแสดงศักยภาพให้คนเห็นว่า หากใครสวามิภักดิ์ก็จะอยู่ดีมีสุข มีความก้าวหน้า แต่หากใครดื้อแพ่งก็จะถูกกำจัดให้พ้นทางออกไป นายเอกยุทธ กล่าวด้วยว่า ในกรณีนี้หากเทียบกับการดำเนินการของกกต.ที่ดำเนินการระหว่างพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ก็บ่งชี้ได้ว่า บ้านเมืองนี้กำลังเข้าสู่วิกฤตเต็มที เพราะในกรณีของพรรคไทยรักไทยนั้น มีหลักฐานชัดเจนว่า ผู้บริหารพรรคไทยรักไทยมีการกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการถูกกล่าวหาในกรณีเดียวกัน แต่กลายเป็นว่า การดำเนินการตรวจสอบของกกต.นั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ล่าสุดช่วงเย็นวันเดียวกัน พบว่า กกต.มีการเสนอเรื่องไปยังอัยการสูงสุด แจ้งว่า พรรคประชาธิปัตย์กระทำการเข้าข่ายมาตรา 66 ซึ่งอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ ซึ่งหากมองตามหลักฐานและสภาพความเป็นจริงแล้ว ถือว่ามีการเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัด เพราะในกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ดูเหมือนว่า เจ้าหน้าที่กกต.มีความกระตือรือร้นที่จะเร่งดำเนินการ แต่พอในกรณีของพรรคไทยรักไทย ที่หลักฐานนั้น บ่งชี้ได้ชัดเจนกว่า กลับมีความพยายามที่จะยื้อเวลา เอื้อประโยชน์ให้กัน เชื่อว่า บ้านเมืองเวลานี้ กำลังเข้าสู่กลียุคแน่ เพราะคนทั่วไปมองก็ออกว่า เกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้นายเอกยุทธกล่าว หัวข้อ: Re: วาระ การวิเคราะห์กรณียุบพรรค รายบุคคล เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 28-06-2006, 15:17 นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์
การวินิจฉัยเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างแน่นอน ช่วงนี้สภาวการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะสูงขึ้นไปอีก เพราะไม่สามารถคาดเดาผลที่จะออกมาได้ ซึ่งหากมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคไทยรักไทยจริง จะถือเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่โอกาสหรือวิกฤต อาจจะเกิดวิกฤตที่ซ้ำสองขึ้น อย่าลืมว่าพรรคการเมืองไม่ได้อยู่เฉพาะตัวพรรค แต่มีคนสนับสนุนทั้ง 2 พรรค ดังนั้นถ้าเหตุแห่งการยุบไม่มีน้ำหนักก็จะเกิดปัญหา ในทางกลับกันถ้าเกิดเหตุสำคัญมากแต่ไม่ยุบก็เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน ผมจึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีศาลรัฐธรรมนูญมา เราจะเลือกมีปัญหาแบบไหน - เลือกมีปัญหาเรื่อง ความยุติธรรม ยอมไม่ยุบสองพรรค กลับมาสู่วังวนเดิมๆ และอาจจะมีการหระท้วงไม่พอใจกันอีก แม้ว่า จะมีการเลือกตั้งตามกระบวนการแล้ว - เลือกความยุติธรรม ผิดถูกว่าไปตามหลักฐานข้อเท็จจริง แต่เสียงกับการประท้วง หรือปลุกระดมโดยฝ่ายที่ไม่พอใจในคำตัดสิน แต่สิ่งที่ได้ คือ บรรทัดฐานของสังคมอันดีงาม และรูปแบบการเมืองที่ใสสะอาด ไม่เอาพวกโกงแต่ทำงาน อยากถามว่า จริงๆ แล้ว อยากจะเลือกแบบไหน แอนเลือก ไม่เอา แบบ มั่วๆ หวังว่า ศาลคงจำคำนี้ได้ อย่ามั่วๆ ปล. ตามมาตรา 66 และ 67 พรบ พรรคการเมือง ไม่มีเรื่องตัวบุคคล เพราะฉะนั้น ศาลจะต้องตัดสินที่ว่า ยุบหรือไม่ยุบ เท่านั้น และควรมีเหตุอันควรให้อธิบายกับสังคม และมีการยอมรับได้ในทุกฝ่าย (อย่างน้อยก็คนในวงกว้าง) คำพิพากษา ถือเป็นอันสิ้นสุด จะทำมั่วๆ ปัดสวะให้พ้นตัวไม่ได้ เพราะนั้น ขอให้ศาลสำนึกในข้อนี้ให้มากๆ หัวข้อ: Re: วาระ การวิเคราะห์กรณียุบพรรค รายบุคคล เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 28-06-2006, 15:46 ทางเดินการเมืองไทย มันดูมืดมนลงไปเรื่อยๆ
แปลกที่ ทางอัยการพูดทำนองว่า ส่งเรื่องแล้วการเมืองจะดีขึ้น ... |