ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: AsianNeocon ที่ 18-09-2008, 21:01



หัวข้อ: UPDATE: Ping An of China โดนหางเลข 15000 ล้านหยวนจาก Fortis เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 18-09-2008, 21:01
บรรษัทประกันเงินฝาก US อาจต้องเผชิญภาวะขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง

AIG มีความสำคัญตรงที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ดีๆทั่วโลก ถ้ามันจะเจ๊งรัฐบาลเลยต้องเข้าไปอุ้ม

ทีนี้มีรายใหม่มาที่ทำท่าจะไปอีกราย แต่ไม่ใช่บริษัทประกันภัยเหมือน AIG หรือ investment banks แบบ Lehman หรือ Bear หรือ Merrill Lynch

แต่เป็นธนาคารปกติชื่อ Washington Mutual  ใครเคยไปแถวๆรัฐแถบชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาน่าจะเห็นเยอะแยะ   ก.คลังอเมริกาและเฟด ต้องคิดหนักอีกแล้ว เพราะว่าหาก Washington Mutual เจ๊ง ก็จะทำให้ "กองทุนประกันเงินฝาก" ของอเมริกา ที่ชื่อ FDIC (ประกันสูงสุด 1 แสนดอล/บัญชี/แบ๊งก์) ต้องจ่ายเงินชดเชยมหาศาลถึง "ครึ่งหนึ่ง" ของที่เหลืออยู่น้อยนิดเวลานี้  เพราะว่าที่ผ่านมาที่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ๆ ก็มีแบ๊งก์เล็กแบ๊งก์น้อย บ.ประกันทยอยเจ๊งกันไปไม่น้อย ทำให้ FDIC กำลังจะขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เพราะไม่เคยมีแบ๊งก์เจ๊งระเนระนาดขนาดนี้มาก่อน


(https://www.wamu.com/common/images/40/logo_wamu.gif) (http://www.pvbankne.com/images/global/FDIC.jpg)

แล้วกำลังมี money market fund อยู่เจ้าหนึ่งชื่อ Reserve Primary มูลค่าหน่วยลงทุนลดเหลือหน่วยละ 1 ดอลล่าร์ เพราะเสือกไปลงทุนใน Lehman ถึง 800 ล้านดอลล่าร์   money market fund มันควรจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว ยังเจ๊งได้


อันตรายมากๆ  เวลานี้รัฐบาลอเมริกาฉีดเงินอุ้มสถาบันการเงินน่าจะ 2 แสนล้านดอลล่าร์อย่างต่ำไปแล้ว นั่นคือเครื่องพิมพ์แบ๊งก์ของอเมริกากำลังพิมพ์กระดาษออกมาเพิ่ม  เป็นการชะลอปัญหาปัจจุบันแล้วไปสร้างปัญหาใหม่ที่น่ากลัวรอวันระเบิด   "สินามิเงินเฟ้อ" กำลังรอคุณอยู่ข้างหน้าแน่นอน!!!


หัวข้อ: Re: แม้แต่ "กองทุนประกันเงินฝาก" US กำลังขาดสภาพคล่อง !! (โอ้ แม่เจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: mebeam ที่ 18-09-2008, 21:13
  ถ้าสหรัฐไม่ทุ่มเงินและกำลังไปที่ อีรัก  มันจะช่วยปัญหาที่อเมริกาประสบอยู่ได้ไหม   :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: แม้แต่ "กองทุนประกันเงินฝาก" US กำลังขาดสภาพคล่อง !! (โอ้ แม่เจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 18-09-2008, 22:02
สงสัยดอลล่าร์ กำลังจะกลายเป็นแบงค์กงเต๊ก ดีนะที่มีอยู่แค่ 3-4 ใบ เก็บไว้ดูเล่น  :slime_smile:


หัวข้อ: Re: แม้แต่ "กองทุนประกันเงินฝาก" US กำลังขาดสภาพคล่อง !! (โอ้ แม่เจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 18-09-2008, 22:28
รักษาเนื้อรักษาตัวกันให้ดีนะพี่น้อง รอบนี้เผาจริง

ปัจจัยภายนอกที่มีกระทบมาแบบโดมิโน แบงค์ที่ล้มในเมกาไม่ใช่แบงค์กาโม่

บิ๊กแบงค์ลำดับต้นๆของโลกทั้งนั้น เส้นเลือดใหญ่ที่เลือดกำลังไหลไม่หยุด

เอาอะไรไปอุดก็อุดไม่อยู่ แถมการเมืองบ้านเราก็ไม่เสถียร ง่อนแง่น จะไปแหล่ ไม่ไปแหล่


ต้องนุ่งเจียมห่มเจียมกันแล้วตอนนี้


วันนี้ฝรั่งยังขายอีกพันกว่าล้าน สถาบันมาซื้อ ไม่รุมาตามคำสั่งใครอ๊ะป่าว

ฝรั่งกระดิกเท้า รอกระหน่ำอีกรอบนึง

มีเงินกำเงินไว้ก่อน ปลอดภัยที่สุด


บทวิแคะ


จากแมงเม่าสวมเกราะ น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งตายหมดเจ้าค่ะ อิ อิ
:slime_surrender:


หัวข้อ: Re: แม้แต่ "กองทุนประกันเงินฝาก" US กำลังขาดสภาพคล่อง !! (โอ้ แม่เจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 18-09-2008, 22:35
  ถ้าสหรัฐไม่ทุ่มเงินและกำลังไปที่ อีรัก  มันจะช่วยปัญหาที่อเมริกาประสบอยู่ได้ไหม   :slime_doubt:

ช่วย บ่อได้ ดอก  ปัญหาเมกามันเป็น ปัญหา สะสมมานาน  เหมือนมะเร็ง  เป็นโดยไม่รู้ตัว  แม้แต่ตอนนี้ ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เลย

ได้แต่ฉาย แสง อัดเงินๆ  เข้าไปทุกวี่ทุกวัน   แรงหมดเมื่อไหร่  เจ๊ง แอนด์เจ๊ง   

เจ๊ๆ อย่างเมกา ตายเมื่อไหร่   พวกหนูๆ  หลายประเทศ  มีสะเทือนหิวโซ ตามๆ กัน  :slime_hitted:


หัวข้อ: Re: แม้แต่ "กองทุนประกันเงินฝาก" US กำลังขาดสภาพคล่อง !! (โอ้ แม่เจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: Sweet Chin Music ที่ 18-09-2008, 23:11
อืม พิมพ์แบ๊งค์กงเต๊กออกมา จะช่วยได้กี่มากน้อยเนี่ย


หัวข้อ: Re: แม้แต่ "กองทุนประกันเงินฝาก" US กำลังขาดสภาพคล่อง !! (โอ้ แม่เจ้า!)
เริ่มหัวข้อโดย: big j ที่ 18-09-2008, 23:17
เป็นไง พิษสงของทุนนิยมเสรีที่บ้านเราร่ำร้องเรียกหากันเป็นวรรคเป็นเวร
นี่ถ้าทักษิณอยู่เป็นนายกฯถึงตอนนี้ ผมว่าป่านนี้ประเทศไทยเราป่วนไปหมดแล้ว
เพราะแม่งเอาประเทศเข้าไปในกระแสของระบบนี้หมด
ความโลภของมนุษย์ตัวเดียวแท้ๆ ทำให้ผมนึกถึงหนังอนิเมชั่นของบีทเติล เรื่อง Yellow Submarine
ที่มีตัวการ์ตูนชื่อ Nowhere Man ที่เขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้า ท้ายสุดเขมือบแม้แต่ตัวเองจนไม่มีอะไรเหลือเช่นเดียวกับชื่อ


หัวข้อ: Re: "บรรษัทประกันเงินฝาก" อเมริกา เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-09-2008, 16:31
Morgan Stanley ทาบ "จีน" เทคโอเวอร์ !!

จริงๆ Morgan Stanley ยังอยู่ในสภาพที่ดีมากอยู่ แต่วิกฤติความเชื่่อมั่น แม้จะดีแต่คนไม่เชื่อจะบริหารต่อก็ลำบาก ทำให้ผู้บริหารตัดสินใจขายกิจการให้แก่ผู้สนใจ ซึ่ง China Investment Corporation CIC หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติจีน (คล้ายๆ GIC & Temasek) เวลานี้ก็ถือหุ้นอยู่แล้ว 9% หรือ $5,000,000,000 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 อาจกลายเป็น "วาณิชธนกิจอเมริกันลูกครึ่งจีน" แห่งแรกหากขายให้กับจีน  ขณะนี้จีนกำลังตัดสินใจอย่างหนักว่าจะซื้อเพิ่มดีหรือเปล่า เพราะตัวเองก็เจ็บตัวไปกับ Black Stone ที่เป็นบริษัท Private Equity (ทำกิจการเล่นหุ้นอย่างเดียว) ซื้อไป 4 พันล้าน ตอนนี้มูลค่าตลาดเหลือ 2 พันล้าน อย่างไรก็ตาม CIC มีขนาด 200,000,000,000 ดอลล่าร์  Morgan Stanley ใจจริงไม่ต้องการควบรวมกับธนาคารอเมริกันด้วยกันอย่าง Wachovia เพราะตัว Wachovia ก็มีปัญหาที่เกี่ยวกับซับไพรม์เหมือนกัน

นี่คือความเห็นหนึ่งของคนอเมริกันที่ไปเจอมาที่เว็บ Financial Times ของอังกฤษ แกทำใจยาก และยังเชื่อว่ารัฐบาลแกยังมีน้ำยาอยู่

As a proud American, I hate to see MS backed by the Chinese. Seems we should be able to fix ourselves. However, as I think about global economies and the intertwining of fortunes, I wish for peace and respect among the peoples of the world. May God bless America.

Comment by Ruth Cook - September 18, 2008 at 8:37 pm


หัวข้อ: Re: "บรรษัทประกันเงินฝาก" อเมริกา เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 19-09-2008, 16:40
โห....

ล้มต่อๆกันเป็นโตมิโน่เลยแฮะ  :slime_o: :slime_o: :slime_o:


หัวข้อ: Re: "บรรษัทประกันเงินฝาก" อเมริกา เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: น้องเหมียวกู้ชาติ ที่ 19-09-2008, 17:21
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด


หัวข้อ: Re: "บรรษัทประกันเงินฝาก" อเมริกา เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-09-2008, 17:39
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด

เอางี้ดีกว่าครับ AIA Thailand จะเจ๊งหรือไม่ ไม่มีใครบอกได้

แต่ที่แน่ๆ ต่อให้มันส่อแววจะเจ๊งวันนี้เลย ป่านนี้ทั้งธนาคารและบ.ประกันชีวิตไทยและเทศรุมซื้อกิจการอันรวมถึง (ทรัพย์สิน ได้แก่ อาคาร ตึกให้เช่า ลูกหนี้ ฯลฯ และหนี้สินอันรวมถึงกรมธรรม์ทั้งหมดของ AIA Thailand) เอาไปบริหารต่อกันอุตลุดแล้วครับ เพราะว่าทรัพย์สินของ AIA Thailand ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองไทย ลงทุนในเมืองไทย เขาแค่มาจับเสือมือเปล่าในไทย เอาเงินคนไทยไปทำกำไรจากคนไทยอีกที  ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ AIG ในอเมริกา  คุณเห็น Lehman Brothers ที่เจ๊งไปไหมครับ บรรดาทรัพย์สินสารพัดที่ Lehman มาลงทุนสูบรายได้จากไทยตลอดมา ไม่ว่าจะเป็น ตึกระฟ้า อพาร์ตเม้นท์ คอนโด มีบริษัททั้งไทยและเทศรุมทึ้งอยากจะได้ทรัพย์สินดีๆพวกนั้นไปครอบครองเพื่อบริหารเก็บผลตอบแทนต่อไป  คนที่เช่าตึกระฟ้าทำออฟฟิศ หรือเช่าคอนโด อะไรพวกนั้นก็ยังอยู่สุขสบายดี ไม่ได้ถูกกระทบอย่างไร เพียงแค่เปลี่ยนเจ้าของเท่านั้นเอง

ดังนั้นไม่ต้องตื่นตระหนก ทางกรมการประกันภัยได้แถลงแล้วว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง


หัวข้อ: Re: "บรรษัทประกันเงินฝาก" อเมริกา เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 19-09-2008, 18:49
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด

'สาระ'ยัน24บริษัทประกันชีวิตไทยมั่นคง
(http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/19/thumb/296056__1_copythumb3bkk.jpg)
:"สาระ"ยัน 24 บริษัทประกันชีวิตไทยมีความแข็งแกร่ง ไม่มีบริษัทไหนลงทุนในเลห์แมนฯ ขณะที่เอไอเอ บอกลูกค้าตื่นยกเลิกกรมธรรม์จิ๊บจ๊อย วันละ 10-20 ราย จาก 5-6 ล้านกรมธรรม์

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า แม้จะเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ แต่ยืนยันว่าธุรกิจประกันชีวิต 24 บริษัทในประเทศ มีความมั่นคง

โดยข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตเติบโตต่อเนื่อง เทียบสถิติในปี 2548-2550 มีอัตราเติบโตเงินกองทุนสูง 114,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.77% สินทรัพย์รวม 815,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.51% และเงินสำรองประกันภัย 643,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.29%

สำหรับการลงทุนภาพรวม ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงผลตอบแทนแน่นอน แบ่งเป็น 82.30% ในตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาล รองลงมาคือ หุ้นกู้เอกชนและตั๋วเงิน

โดยสัดส่วนลงทุนต่างประเทศมีเพียง 28.6% เท่านั้น และจากการสอบถามบริษัทประกันชีวิตทั้ง 24 แห่งพบว่า ไม่มีบริษัทใดลงทุนกับ LEHMAN แต่อย่างใด

นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวอีกว่า เงินลงทุนของบริษัทประกันชีวิตทั้งหมดเป็นเงินจากเบี้ยผู้เอาประกันระยะยาว ซึ่งกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สะท้อนให้เห็นว่า ความมั่นคงธุรกิจประกันภัยยังชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 11.5% โตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 10.1% และคาดว่าในไตรมาสที่ 4 จะเติบโตได้ดี ส่งผลให้ตลอดทั้งปี เบี้ยรับรวมจะมากถึง 2 แสนกว่าล้านบาท

ด้านนายสุทธิ รจิตรังสรรค์ กรรมการบริหารอาวุโส บริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีลูกค้าขอยกเลิกกรมธรรม์วันละ 10-20 ราย จากลูกค้าทั้งหมด 5-6 ล้านกรมธรรม์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ พร้อมกันนี้ ได้ตั้งศูนย์ข้อมูลไว้ชี้แจงลูกค้าด้วย

http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/19/news_296056.php


หัวข้อ: Re: "บรรษัทประกันเงินฝาก" อเมริกา เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: น้องเหมียวกู้ชาติ ที่ 19-09-2008, 18:51
ขอบคุณครับคุณ asianneocon กับ คุณ นักปฏิวัติ จะได้สบายใจฝากเงินต่อไป :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-09-2008, 19:26
ปรส.ฉบับอเมริกัน เตรียมเสนอต่อสภาคองเกรสแล้ว

เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงชั่วโมงต่อชั่วโมงเหมือนตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 มากๆ  ตอนนี้บุชกับส.ส.ส่วนหนึ่งพร้อมทีมเศรษฐกิจเตรียมออกกฎหมายเร่งด่วนเพื่อก่อตั้ง "ปรส." ฉบับอเมริกันขึ้นมาแล้ว แต่ชื่อขององค์กรที่ว่ารอประกาศอีกที  โดยจะจัดสรรเงิน 500,000,000,000 ดอลล่าร์ เพื่อมารับซื้อสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากสถาบันการเงินที่มีปัญหา ก็คือเอาตัวเลขหนี้เสียออกจากงบการเงินของแบ๊งก์มีปัญหา แบบที่ไทยเคยทำ เอามาบริหารแล้วขายทอดตลาดต่อไป (แต่อย่างว่าแหละ ขึ้นชื่อว่าเอามาบริหาร ในความเป็นจริงมันจะบริหารได้ไง  มันก็คือการช่วยแบ๊งก์ที่ไม่รับผิดชอบ  ถือเป็นความเลวร้ายที่จำเป็นต้องทำ) โดยว่ากันว่าเป็นแผนแก้วิกฤติสถาบันการเงินแบบเบ็ดเสร็จ   ภาษาชาวบ้านคือ รัฐบาลอเมริกาพร้อมรับขี้เยี่ยวทั้งหมดไว้ 

สินทรัพย์พวกนี้ถือว่าเน่ากว่า NPL ของไทยสมัยปี 40 ซะอีก อย่างน้อยของไทยยังจับต้องได้ เช่น หมู่บ้านร้าง ตึกร้าง เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ  แต่ของอเมริกามันดันมีแต่ "กระดาษ" หรือตราสารหนี้หรือกรมธรรม์ที่สถาบันการเงินออกไปเพื่อรับประกันการเจ๊งของสถาบันอีกที หรือที่เรียกว่า credit default swap จะชื่ออะไรก็ช่างมันเถอะ  มันเป็นข้ออ้างการขายกระดาษของผู้ขายเท่านั้น เพราะการประกันความเสี่ยงอย่างว่ามันกลายเป็นไปเพิ่มความเสี่ยงซะเอง เมื่อทุกคนต่างไปมองว่ามันเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายได้

ปัญหาก็คือ พรรคเดโมแครตคงจะโดดออกมาขวางแน่นอน แต่พรรคเดโมแครตก็ไม่สามารถหาทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ จะให้ทำไง ถ้าปล่อยต่อวิกฤติที่ร้ายแรงกว่าคือ "วิกฤติความเชื่อมั่น" คนเลิกเชื่อแบ๊งก์ เลิกเชื่อบ.ประกัน แบ๊งก์ระแวงกันเอง มันจะพังทั้งระบบและระบาดจนพังทั้งโลก


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 19-09-2008, 20:02
ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง แถมเน่ายิ่งกว่า   :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kasemsakk ที่ 19-09-2008, 20:06
หวังว่า ดอลลาร์สหรัฐ คงจะไม่เป็นแบบนี้นะครับ
(http://cache.daylife.com/imageserve/03ORa153k8bVA/610x.jpg)


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 19-09-2008, 21:18
หวังว่า ดอลลาร์สหรัฐ คงจะไม่เป็นแบบนี้นะครับ
(http://cache.daylife.com/imageserve/03ORa153k8bVA/610x.jpg)

55555


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 19-09-2008, 22:11
ช่วงนี้ที่น่าสังเกตุเห็นได้ว่า

ต่างด้าวเข้ามาลุมทึ้ง  เมกากับอังกฤษ 

น่าสงสารแท้   ประเทศไหน   แข็งแรงมีเงินทุนก็เข้าไปฮุบเรียบ

เมกาก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะต้องการเงิน  โซซัดโซเซ  จากที่เคยปากแข็ง สะอิดสะเอียนเอเชีย เด๋วนี้ แก้ผ้ารอให้xxx    :slime_smile2: :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: "บรรษัทประกันเงินฝาก" อเมริกา เสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องหาก WaMu เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 19-09-2008, 22:45
คือผมอยากทราบว่า AIA ในไทยจะมีผลกระทบไปด้วยมั้ยครับ จะได้ตัดสินใจไปบอกพ่อให้ถอนเงินออกมาก่อน กลัวล้มแล้วเงิน 25 ปีมันหายหมด

ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรหรอกครับ

พิจารณาจากงบการเงินของ AIA
ตัวเลขสินทรัพย์ หักลบด้วยหนี้สิน

ต่อให้ลูกค้า AIA ที่มีรวมกันทั้งหมด
ประมาณ 6 ล้านกรมธรรม์ไปถอนเงิน
คืนหมดทุกราย

AIA จะยังเหลือสินทรัพย์ 6-7 หมื่นล้าน

โดยส่วนตัวผมเองประเมินควางเสี่ยง
เรื่องนี้เอาไว้เกือบศูนย์นะครับ


------------------------------------------------

ถ้า้ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม มีถึงแค่ รายงานประจำปี 2549 ครับ
โหลดมาดูได้จากลิงค์นี้ เป็นข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทย
มีข้อมูลครบทุกบริษัทเลย แต่ข้อมูลปี 2550 ยังไม่ออก

ข้อมูลที่ระบุ "สาขาบริษัทต่างประเทศ" ก็คือ AIA บริษัทเดียว

http://www.tlaa.org/thai/statistic_reports/annual_reports/annual_statistic_report/index.php

อีกลิงค์ที่สามารถโหลดข้่อมูลผลประกอบการบริษัทประกันมาดูได้
ที่หน้านี้ครับ เป็นเว็บกรมการประกันภัยเดิม ข้อมูลถึงปี 2549 ครับ

http://www.oic.or.th/stat_data/thai-version/Stat_of_Life_Yearly.htm


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 19-09-2008, 23:13
ล่าสุด เห็นว่า เดโมแครตเองก็ไม่มีทางเลือกอย่างอื่นที่ดีกว่า นอกจากเออออไป แล้วก็เสนอมาตรการบรรเทาทุกข์ชาวอเมริกันรายย่อยที่ถูกยึดบ้านสิ้นเนื้อประดาตัวแก้เก้อ ไม่งั้นถ้าไม่ทำอะไรเลยเป็นพิธีก็จะถูกด่า ยิ่งใกล้เลือกตั้งแล้วด้วย

เดือนหน้าคือ ต.ค. 2551 จะมีการตั้งคณะกรรมการคล้ายๆกับ "ศปร." แต่เป็นเวอร์ชั่นอเมริกา เพื่อมาลำดับความและสาวไปถึงต้นเหตุของความฉิบหายครั้งนี้ แล้วก็ออกรายงานเป็นเล่มๆออกมา ต้องรีบทำเสียแต่บัดนี้เพราะคงใช้เวลาเป็นปีในการรวมรวมข้อมูลที่แน่นพอ   ข้อที่น่าติดตามคือว่า
1. ใครจะต้องถูกลากเข้าไปรับผิดชอบต่อความฉิบหายที่เกิดขึ้นบ้าง :?: คุณปู่กรีนสแปนจะต้องมาซวยตอนแก่หรือเปล่า :?:
2. จะมีการลากคนผิดเข้าคุกบ้างหรือเปล่า :?: หรือจะช่วยกันเอง :?:  สำนวนฝรั่งเรียกว่า Heads must roll. (ต้องมีศีรษะมนุษย์กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น เพราะถูกตัดศีรษะ)

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่ามันจะเกิดที่ ไทย เม็กซิโก อินโด  หรืออเมริกา บทสรุปเหมือนกันหมด
1. ตัวซวยที่สร้างความหายนะ ก็คือไอ้พวกกินเงินเดือนแพงๆ นั่งห้องแอร์ เรียนสูงๆ
2. นักการเมืองมันก็พวกเดียวกับตัวซวยที่สร้างความหายนะ
3. ที่สุดก็ต้องเอาเงินประชาชนไปอุ้ม แล้วเป็นภาระแก่งบประมาณ ก็คือภาษีประชาชน(ไม่งั้นจะไปเอาจากใครวะ) ชั่วกาลนาน


ที่แตกต่างคงเป็น เครดิตความเป็นมหาอำนาจของอเมริกาป่นปี้ไปแล้ว ไปสั่งสอนใครก็ไม่มีใครเขาเชื่ออีก เพราะมึงก็เหี้..พอกัน(หรือเหี้..กว่า)
 :slime_sentimental: :slime_sentimental: :slime_sentimental:



หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 19-09-2008, 23:33
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริง ๆ เรื่องของกรรมแท้ ๆ แต่กว่าจะส่งผล ก็ทำให้หลายคนชะล่าใจ

หลังเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ได้อ่านสัมภาษณ์อดีตพนักงานบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บางท่าน ที่เป็นที่อิจฉาในการเป็นมนุษย์ทองคำในเวลานั้นที่ต่อมาก็ตกที่นั่งลำบากว่า -- ผมยอมรับว่าพวกผมมีส่วนที่ทำให้เกิดวิกฤติ จริงอยู่ที่พวกผมมีรายได้ดีมาก แต่ก็ทำให้ฟุ้งเฟ้อ ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ซื้อของนอก ใช้ของแบรนด์เนม ฯลฯ

คำว่า maximize profit ในตำราของการเรียนเอ็มบีเอที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ปรับเปลี่ยนหรือยัง  นั้น ก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะมันทำให้มนุษย์เห็นแก่ตัว มือใครยาวสาวได้สาวเอา คนที่อ่อนแอ หรือไม่ถนัดในการต่อสู้แก่งแย่งช่วงชิง แทบไม่มีที่เหลือให้ยืนในสังคม






หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 20-09-2008, 01:00
ตายๆๆๆ

ปรส. เวอร์ชั่นอเมริกา

รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น

พ่อบุช จะทำ ลูกแม๊ว อับอายขายหน้าสุดๆ ก็คราวนี้แหละ

ทั้งที่ขบวนการโฆษณาชวนเชื่อของลูกแม๊ว พยายามโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยเรื่อง ปรส. เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ แบบไม่ลืมหูลืมตามาตลอดหลายปีนี้

แต่พ่อบุชที่เคารพดันมาทำซะเอง ชาวโลกเขาจะว่ายังไง??

แบบนี้ในอนาคตคงต้องรีบอัญเชิญลูกแม๊วไปโชว์ฝีมือ ช่วยไถ่กู้ชาติอเมริกา ให้รอดพ้นจากความเป็นทาสของ IMF ให้เห็นกันทั่วโลกด่วนเลยนะพ่อบุช!!!




ปล. เอาจริงๆ ก็น่าสยองอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย ยักษ์ล้ม แผ่นดินสะเทือน พวกตัวเล็กตัวน้อยอย่างเราๆ ก็ซวยไปตามๆ กันแน่นอน  :slime_dizzy:



หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 20-09-2008, 01:48
ถ้าเมกา ล้มแล้วลุกไม่ได้  ผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย ก็แค่เหมือนโดน สะเก็ต ระเบิด เฉี่ยวไปเท่านั้น  :slime_smile2:

แต่ทางอ้อมนี่สิ  เรื่องใหญ่  ถ้าหากประเทศหลักๆ  ที่เรา ส่งออกสินค้า  หรือทำการค้า ร่วม มีปัญหาชลอ ตัวตาม

เราเนี่ยแหละ แย่ไม่ต่างจากมันหรอก    อย่าทำเป็นหัว เราะเยาะ ไอกัน มันมากเกินไป พี่ท่าน ช่วงนี้ต้องสนับสนุน ให้คนเข้าไปเทค โอเวอร์ อัดเงินเข้าไปให้มันเยอะๆ

ให้มันยืนได้ก่อน  แล้วเราค่อยหัวเราะเยาะมัน   ว่าเป็น ลูกจ้าง เอเชีย  :slime_smile2:  อย่างที่มันดูถูกเรานั่นแหละ

แต่ถ้ามันล้มคลืน ขึ้นมาเมื่อไหร่  เนี่ยแหละ เผาจริง  เก็บเงินเก็บทอง กันไว้ให้ดี   แกลบ จะถามหา  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: bangkaa ที่ 20-09-2008, 14:27
ท่าน AseanNeocon ครับ... ถามความรู้หน่อย...


การที่ รัฐบาลอเมริกา มาอุ้มอย่างนี้... เขามีเงินพอหรือครับ... (งบประมาณแผ่นดินต่อปีเขา เท่าไร ถ้าจะต้องมีการเอาภาษีมาช่วย...)
แล้วถ้า มั่วซั่ว พิมพ์แบงค์ออกมาแหลก จะเวิร์คไหม... ดี หรือ แย่ อย่างไร...


และอยากให้ ฟันธง... ตามความเห็นหน่อยว่า...

ไอ กัน... มันจะรอด ไหม จากวิกฤติ คราวนี้...

เช่น พออัดเงินเข้าไปแล้ว.. ก็จบๆกัน... ทุกอย่างพอไถๆ ไปกันได้... ใครเจ๊ง ก็ เจ๊งไป... แต่ไม่ถึงกับ ตาย....
หรือว่า... แค่การยื้อเวลา ฉีดฟอร์มาลีน... รอสักพัก... พอเน่าแล้ว... ก็ เตรียมเผา เลย....




 :slime_fighto: :slime_doubt: :slime_dizzy: :slime_doubt: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 20-09-2008, 16:16

การที่ รัฐบาลอเมริกา มาอุ้มอย่างนี้... เขามีเงินพอหรือครับ... (งบประมาณแผ่นดินต่อปีเขา เท่าไร ถ้าจะต้องมีการเอาภาษีมาช่วย...)
แล้วถ้า มั่วซั่ว พิมพ์แบงค์ออกมาแหลก จะเวิร์คไหม... ดี หรือ แย่ อย่างไร...



พอครับ ยังไงก็พอ  (จริงๆประเทศไทย จะพิมพ์เงินบาทขึ้นมาเท่าไรก็ได้ในสมัยปี 40)  มันก็คือการพิมพ์เงินออกมาแหลกที่คุณคิดแหละครับ   ในโลกนี้ใครจะพิมพ์เงินออกมาเท่าไรก็ได้  ตราบเท่าที่มีคนเชื่อถือในมูลค่าของเงินนั้นหรือเปล่า(ก็คือเครดิตของรัฐบาลอเมริกัน) กรณีนี้ธนบัตรไม่ได้ถูกพิมพ์ออกมาจริงๆ  รัฐบาลอเมริกันเอาเครดิตตัวเองมาเทคโอเวอร์พวกขี้เยี่ยว ขยะ ปฏิกูล ออกไปจากสถาบันการเงินเน่าๆ

ถ้าเป็นรัฐบาลที่รับผิดชอบ เมื่อพิมพ์ออกมาแล้วหรือออกไปเทคโอเวอร์ขี้เยี่ยวมาแล้ว จะต้องมีการตั้งภาระผูกพันในงบประมาณเป็นหนี้สาธารณะ เพื่อเป็นการดูดเอาเงินพวกนี้กลับเข้าไป ด้วยการเก็บจากภาษีประชาชน หรือออกพันธบัตรออกขาย หรือมีการยอมให้ต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการไป เพราะว่าถ้าไม่ทำงั้น มันก็จะเหมือนว่าอเมริกาพิมพ์เงินออกมาตามใจชอบ ก็จะไม่มีใครเชื่อถืออเมริกาต่อไป ดอลล่าร์จะกลายเป็นแบ๊งก์กงเต็ก

ประเทศจะสาปสูญจากแผนที่โลกเป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศมันก็มีคนเป็นส่วนสำคัญ  อเมริกายังมีเทคโนโลยีเรื่องสงครามก้าวหน้าสุดในโลก นวัตกรรมใหม่ๆ การแพทย์ เนื้อที่กว้างใหญ่ ดังนั้นคงต้องฟื้นขึ้นมาแหละ แต่ใช้เวลา ฟันธงว่า ยังไงอเมริการอดแน่นอน ไทย เม็กซิโก อะไรยังใช้เวลาตั้ง 5 ปี อเมริกาอาจจะใช้สัก 5-10 ปี แม้ฟื้นกลับมาแล้วก็ไม่ได้มั่งคั่งเหมือนเดิมแล้ว ความเป็นมหาอำนาจมันก็คือ "เครดิต" อีกรูปแบบหนึ่ง เพราะคนไปเชื่อว่าเขามีอำนาจอิทธิพล

(ในโลกทุนนิยมก็งี้แหละ มูลค่าทุกอย่างเป็นภาพลวงตา  ราคาหุ้นในตลาด ราคาที่ดิน ก็สุดแล้วแต่คนจะยอมรับกันไปตามความพอใจว่ามันมีค่า 1 ล้านนะ อันนี้มีค่า 10 ล้าน  พอมันไปตั้งอยู่อีกทำเลมันมีค่า 100 ล้าน    "กระดาษ" CDO CDS leveraged buy-out อะไรบ้าบอคอแตก มันยังเชื่อกันเองเลยว่ามีค่ากลายเป็นหลักทรัพย์ได้อีก :slime_smile2:   ที่หม่อมเจ้าจำชื่อไม่ได้ ที่ท่านกล่าววลีที่ว่า "เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง"  เรื่องจริงๆ)



ผมขอเชิญชวนคนทีสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฟังรายการ "เจาะตลาดแดนมังกร"  โดย ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ ทุกวันอาทิตย์ หรือไปที่ลิ้งก์นี้ครับ
http://radio.mcot.net/player/playProgramClip.php?id=43056

มีสาระความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและอเมริกา  อ.สมภพ แกไม่ค่อยออกทีวีให้สัมภาษณ์บ่อยๆเหมือนบางด๊อกเตอร์ แต่ความรู้เยอะ

แล้วก็มีหนังสือที่แกเขียนมาเยอะแยะ อ่านง่าย ไม่วิชาการมากไป ทำให้เราเข้าใจกลไกของโลกทุนนิยม  ทำให้เวลาเราดูข่าวเกี่ยวกับพวกนี้ก็คิดตามได้ทันที ทุกเล่มหาได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ แต่ละเล่มออกมานานแล้ว


(http://img217.imageshack.us/img217/9417/tawiluckdk1.jpg)

(http://img520.imageshack.us/img520/3061/chinabankingrh5.gif)

อันนี้ Paul Krugman เขียน คนไทยเอามาแปล นี่ก็แปลได้ดี เข้าใจง่าย
(http://img216.imageshack.us/img216/5281/depressionvb5.jpg)


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 20-09-2008, 21:55
อ่านความเห็นของคุณ AsianNeocon ตั้งแต่แรกๆ จุดประกายให้ผม กลับไปอ่านเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์อย่างจริงจัง อีกครั้งครับ

หนังสือ อ.สมภพ อ่านเข้าใจง่ายจริงๆครับ ตอนนี้กำลังอ่าน "ทุนโลก บุกจีน"และ"ธุรกิจจีน ในต่างแดน"

ผมเคยอ่านข่าวเก่าสัก 10 ปีมาแล้ว จำได้คร่าวๆว่าเป็นเรื่องที่ บ.จีน ไปฟ้องรัฐบาลจีน ให้กดดัน รัฐบาล US ว่า บ.โกลด์แมน แซค เคยไปติดต่อแบบใช้เล่เหลี่ยมทุนนิยม กับ บ.จีน โดยที่ วัฒนธรรมของ บ.จีน ในขณะนั้นเป็นแบบตรงไปตรงมา จึงรับเล่เหลี่ยม กลโกงของGoldman sachs ไม่ได้ ไม่ทราบว่าคุณ AsianNeocon เคยได้ยินไหมครับ รู้สึกว่าสุดท้าย ทางgoldman sachs ต้องไปขอโทษ เพราะ รบ.US กดดัน


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 21-09-2008, 12:59
เรื่องโกลด์แมนแซคนั่นคุ้นๆ แต่จำไม่ได้แล้วครับ

ก็เหมือนตอนต้มยำกุ้งปี 2540 ทำให้ผมเริ่มหันมาสนใจเศรษฐศาสตร์  ขนาดตอนนั้นคนขับแท็กซี่ยังรู้เรื่องค่าเงินเลยครับ

ส่วนคุณ bangkaa  ก็อย่างที่คาดไว้ ในความเห็นนี้

ถ้าเป็นรัฐบาลที่รับผิดชอบ เมื่อพิมพ์ออกมาแล้วหรือออกไปเทคโอเวอร์ขี้เยี่ยวมาแล้ว จะต้องมีการตั้งภาระผูกพันในงบประมาณเป็นหนี้สาธารณะ เพื่อเป็นการดูดเอาเงินพวกนี้กลับเข้าไป ด้วยการเก็บจากภาษีประชาชน หรือออกพันธบัตรออกขาย หรือมีการยอมให้ต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการไป เพราะว่าถ้าไม่ทำงั้น มันก็จะเหมือนว่าอเมริกาพิมพ์เงินออกมาตามใจชอบ ก็จะไม่มีใครเชื่อถืออเมริกาต่อไป ดอลล่าร์จะกลายเป็นแบ๊งก์กงเต็ก

รัฐบาลอเมริกาต้องตั้งภาระผูกพันเป็น "หนี้สาธารณะ" จริงๆด้วย โดยจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องใช้เงิน 5 แสนล้าน เวลานี้อาจต้องใช้ถึง 7 แสนล้าน หรือ 8 แสนล้าน หรือ 1 ล้านล้าน ด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครรู้ว่าขนาดความเสียหายมันจะลามไปถึงขนาดไหน เพราะว่าบรรดากระดาษที่พวกนี้สร้างขึ้นมาเป็นการรับประกันความเสี่ยง (derivatives)  เหมือนกับซื้อประกันทับประักันอีกชั้น ซ้อนไปซ้อนมา และมีการประกันไขว้กันไปกันมาจนมั่วไปหมด   จึงทำให้ต้องมีการเพิ่ม "เพดาน" การก่อหนี้ของอเมริกา จาก 10.6 ล้านล้าน เป็น 11.3 ล้านล้านดอลล่าร์   ตรงนี้ไงที่แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของอเมริกาซึ่งอเมริกาก็รู้ตัวดีว่า ไม่สามารถพิมพ์แบงก์ตามใจชอบได้  โดยเงิน 1 ล้านล้าน ที่จะมาตั้งปรส. หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ อเมริกาจะมีการดูดกลับไปเมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย  ถ้าไม่ดูดกลับ(ก็คือตั้งเป็นหนี้สาธารณะ) ดอลล่าร์จะกลายเป็น "แบ๊งก์กาโม่" แน่นอน[/size]

U.S. government seeks approval for $700B financial bailout
Proposal would raise U.S. debt limit to $11.3 trillion

Last Updated: Saturday, September 20, 2008 | 10:30 AM ET
CBC News

The bailout of the U.S. banking industry would cost an estimated $700 billion US, according to a draft of the proposal.

President George W. Bush has asked Congress to approve the plan to stem losses from faltering mortgages, which analysts earlier predicted would cost anywhere from $500 billion to $1 trillion.

A copy of the draft legislation given to Congress on Saturday shows it would give the government broad power to buy the bad debt of any U.S. financial institutions for the next two years.

It also would raise the statutory limit on the national debt from $10.6 trillion to $11.3 trillion, making room for the massive rescue.

The proposal does not specify what the government would get in return from financial companies for the federal help.

http://www.cbc.ca/money/story/2008/09/20/bailout.html


มีคนเยาะเย้ยว่า อเมริกากลายเป็น "รัฐสังคมนิยม" ไปแล้วครับ  คือยึดสถาบันการเงินและบริษัทเป็นของรัฐ  ทั้งๆที่ตัวเองเป็น "หัวขบวนทุนนิยม" แปรรูปรัฐวิสาหกิจ แล้วก็เอาไปเข้าตลาดหุ้น

วิกฤติแบบนี้ทำให้ผมหันมาสนับสนุนจุดยืนพันธมิตรฯเกี่ยวกับปตท.แล้วว่า ยึดปตท.คืนเป็นของรัฐโดยด่วน  :!:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: bangkaa ที่ 21-09-2008, 13:30
เมื่อกี้ฟัง รายการ อ. สมภพ  96.50 วันอาทิตย์...

ตอนนี้ FED หมดตัว เดี้ยงแล้ว... ต้องโยนภาระไปให้ประชาชนจ่ายภาษีแทน... โดยผ่านสภา ในสัปดาห์หน้า ( ปลาย ก.ย. 2551) ต้องดูว่าจะได้หรือไม่

แต่การอัดเงินเข้าไป ก็คล้ายการ... เอาทรายไปถมทะเลให้เต็ม... (กี่ชาติถึงจะเต็ม)
หรือเหมือนที่ไทยสู้ค่าเงิน ตอน 2540... แล้วจะไหวไหม...

แถมเงินออมในอเมริกาก็น้อย เป็นหนี้กันเยอะ... เรียกว่า กระสุนดินดำหมด... ฝืนสู้ลำบาก...


ส่วนการยึด AIG เขาเรียกว่าเป็น Nationalize เอาเป็นของรัฐบาลไปเลย...
โปรดสังเกตว่า AIG เป็น 1 ใน 30 ของ ดาวโจนส์ด้วย..

ก็คล้ายกับ PTT ที่เป็น เบอร์ 1 ของ SET นั่นล่ะ...

ถ้าอเมริกายึด AIG ได้... แล้วถ้า PTT จะกลับมาเป็นของรัฐ... จะแปลกตรงไหน... (อันนี้พูดทีเล่นทีจริง)
แต่สำหรับความเห็นของผม... ผมยังอยากให้ PTT อยู่ใน ตลท. อยู่ครับ...
เพราะผมยังอยากจะเลือกเดินทางทุนนิยมอยู่บ้าง... แม้ PTT จะไม่สามารถสนับสนุนรัฐได้เต็มที่... แต่ก็สนับสนุนตลาดเงิน ตลาดทุนในประเทศได้บ้าง...

ได้อย่าง เสียอย่าง... มันก็ต้องเลือกน่ะครับ...


 :slime_fighto: :slime_agreed: :slime_fighto: :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 24-09-2008, 23:02
ผมไปเจอข้อความในเว็บบอร์ดฝรั่งที่นึง มีความเห็นสะท้อนอะไรได้น่าสนใจดี ขอเอามาลงให้อ่านกันดูนะครับ

อ้างถึง


"Just kick back and let the USA finish its meltdown. Nobody listens to its ideas any more. Instead everyone is blazing a different path. For example, nobody follows the US healthcare model, but instead everyone is doing single payer after the successful models elsewhere.

Nobody is following the US model of freeways and cars/trucks. - Everyone is expanding their rail transport, following the models of other countries, getting off fossil fuels, and addressing global warming responsibly.

Nobody is following the US model of opening their borders to imports. Instead, everyone is keeping up the tariffs to protect their own industries, the highly successful model pioneered outside the USA.

Nobody is following the US model of petro-synthetic food production. Everyone is instead following the old traditions producing healthier organic food.

Nobody is following the US model of militarist foreign policy. Instead everyone is keeping their military expenditures very modest and are banning land mines and all those things.

Nobody is following the USA in allowing ridiculous unregulated financial market speculation. Instead everyone else is keeping the same strong regulations that allowed their economies to grow surpluses while the US economy plunges into debt.

Nobody is following the US model of war on drugs. Instead others are legalizing the various mild drugs such as cannibis and coca.

Nobody is following the US model of privatizing government services. Instead, others are keeping all traditional government services in the public sphere at one half the cost or less.

Nobody follows the USA in chucking the rule of law, chucking the rule of international law, and chucking international treaties. Instead everyone is strengthing the rule of laws and treaties in an alternate community of nations that excludes the USA.

Nobody is paying any attention to US ivy league business schools. Everybody knows their prescriptions would lead to millions of citizens rioting in the streets in other countries."




หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: โต มิ โต โชว์ ดะ ที่ 24-09-2008, 23:24
ในอดีต พวกฝรั่งหัวแดงมาเป็นที่ปรึกษา ปรส.ซื้อของถูกแล้วมาขายต่อในราคาแพง


โดยมีอมเรศเป็นผู้จัดแจง


เพราะเราไม่มีทางเลือก วันนี้มันโดนเข้ากับตัวเอง โคตระสมน้ำหน้ามัน


ผมไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ไปลงทุนอะไรมากมายในตราสารหนี้ที่พวกมันเห่อนำออกมาขายเท่าไรนัก


วัคซีน ต้มยำกุ้ง ยังทำให้คนไทยเรียนรู้และหลาบจำ




หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: vorapoap ที่ 25-09-2008, 05:15
อยากทราบครับว่า ถ้ามีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่มีขนาดยักษ์ใหญ่เจ๊ง Congress ก็จะอนุมัติเงินออกมาถมได้อีกไหมครับ?


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ ที่ 25-09-2008, 05:17
ในอดีต พวกฝรั่งหัวแดงมาเป็นที่ปรึกษา ปรส.ซื้อของถูกแล้วมาขายต่อในราคาแพง


โดยมีอมเรศเป็นผู้จัดแจง


เพราะเราไม่มีทางเลือก วันนี้มันโดนเข้ากับตัวเอง โคตระสมน้ำหน้ามัน


ผมไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ไปลงทุนอะไรมากมายในตราสารหนี้ที่พวกมันเห่อนำออกมาขายเท่าไรนัก


วัคซีน ต้มยำกุ้ง ยังทำให้คนไทยเรียนรู้และหลาบจำ




คนไทยเสื้อแดงมิได้เรียนรู้และมิได้จดจำ  และยังเรียกหามันอีก อย่าลืม  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 25-09-2008, 09:30
อยากทราบครับว่า ถ้ามีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่มีขนาดยักษ์ใหญ่เจ๊ง Congress ก็จะอนุมัติเงินออกมาถมได้อีกไหมครับ?

แผนการณ์ ปรส.ฉบับ USA 7 แสนล้าน  อันนี้ก็ครอบคลุมแล้วครับ  คือให้บริษัทเหล่านั้นเอาขี้เยี่ยวมาขายแก่รัฐบาล แลกกับสภาพคล่อง(เงิน)ที่จะฉีดเข้าไปแทน   โดยเงินที่รัฐบาลอเมริกามีเวลานี้ ก็คือ เงินประชาชนในอนาคต ตั้งเป็นหนี้สาธารณะไว้ในงบประมาณแต่ละปี ที่จะมีการกันเอาจากภาษี     ส่วนเงินดอลล่าร์ที่เพิ่มขึ้นมา กดดันให้ค่าดอลล่าร์อ่อนลงในระยะยาว สะท้อนเครดิตที่ลดลงของประเทศอเมริกา   ดังนั้นอเมริกาก็จะเจอกับข้อจำกัดในการพัฒนาประเทศและขยายอำนาจของตัวเอง  ที่คุณวิหคฯ ก๊อปมา ใช่หมดเลยทุกข้อ


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: vorapoap ที่ 25-09-2008, 11:38
แผนการณ์ ปรส.ฉบับ USA 7 แสนล้าน  อันนี้ก็ครอบคลุมแล้วครับ  คือให้บริษัทเหล่านั้นเอาขี้เยี่ยวมาขายแก่รัฐบาล แลกกับสภาพคล่อง(เงิน)ที่จะฉีดเข้าไปแทน   โดยเงินที่รัฐบาลอเมริกามีเวลานี้ ก็คือ เงินประชาชนในอนาคต ตั้งเป็นหนี้สาธารณะไว้ในงบประมาณแต่ละปี ที่จะมีการกันเอาจากภาษี     ส่วนเงินดอลล่าร์ที่เพิ่มขึ้นมา กดดันให้ค่าดอลล่าร์อ่อนลงในระยะยาว สะท้อนเครดิตที่ลดลงของประเทศอเมริกา   ดังนั้นอเมริกาก็จะเจอกับข้อจำกัดในการพัฒนาประเทศและขยายอำนาจของตัวเอง  ที่คุณวิหคฯ ก๊อปมา ใช่หมดเลยทุกข้อ

เมื่อเช้าฟังข่าว Congress ไม่อนุมัติงบดังกล่าวครับ แต่วอร์เรน บัฟเฟต์ ให้บริษัทของแกเองซื้อโกล์ดแมนแซก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเปลี่ยนจากแดงเปียวเขียวทันที


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 25-09-2008, 12:16
เมื่อเช้าฟังข่าว Congress ไม่อนุมัติงบดังกล่าวครับ แต่วอร์เรน บัฟเฟต์ ให้บริษัทของแกเองซื้อโกล์ดแมนแซก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเปลี่ยนจากแดงเปียวเขียวทันที

ใจหายว้าบบ 

congress ยังถกเถียงกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ  ยังไม่ได้ลงมติ
เมื่อเช้านี้ bush ก็ออกมาอ้อนประชาชนผ่านจอทีวีอยุ่ว่าให้อนุมัติเถิด

ตามความเข้าใจของเดี๊ยน เชื่อว่าการเอาเงินรัฐมาอุ้มภาคการเงินตอนนี้ น่าจะคุ้ม
คุ้มกว่าปล่อยให้ทั้งระบบขาดความเชื่อมั่นโดยรวม ปล่อยภาคการผลิตตายสนิท
เพราะ real sector ของอเมริกามันก็มีดีอยุ่ เรียกว่าผลิตอะไรออกมาขายได้อีกเยอะ
ก็ทำตรงนั้นแหละ ค่อยๆผ่อนใช้หนี้สาธารณะไป


ซึ่งตรงนี้ มีความแตกต่างกับเมืองไทย
เมืองไทยช่วงฟองสบุ่แตก มีแต่การลงทุนกับความหวัง ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่จะสร้างรายได้
ดังนั้นจึงต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอการลงทุนให้ได้ และทำให้บาทไม่ตกลงไปอีก



หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 25-09-2008, 14:06
เรื่องที่ต้องรอปวดหัวกันต่อไป เมื่อค่าเงินดอลล่าร์ตกต่ำ
ก็คือวิกฤตราคาน้ำมันรอบใหม่อีกแล้วครับ
  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 25-09-2008, 15:20
ต้องอุ้มครับ ไม่อุ้มไม่ได้ แม้จะไม่ถูกต้องก็ตาม เพราะจะโกลาหลกันทั้งโลกแน่นอน ตั้งแต่ตลาดหุ้นเจ๊ง ธนาคารเจ๊ง   ถ้าภาคการเงินตาย หมายถึงทั้งระบบตาย

ผมไม่ได้หนุนตลาดหุ้นนะ แน่นอนมันโป่งพอง แต่ถ้าจะให้พังทลาย ควรให้มันค่อยๆลงเป็น soft landing  ให้ค่อยๆมีการปรับตัวไป

ไม่ต้องดูอะไรมาก เมืองไทยปี 40   ไอ้เหลี่ยมไปสั่งปิด 56 สถาบันการเงินหวังแค่จะทุบค่าเงินบาท  ทำให้ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงเรา เช่น โรงงาน บริษัท เน่าตายไปตั้งกี่โรง ผู้ฝากเงินถูกล็อกเงินเป็นปีแลกกับบัตรเงินฝาก กระทบไปถึงผู้บริโภครายย่อย  เพราะอยู่ดีๆ "ตัวกลาง" ที่รับฝากเงินปล่อยกู้เกิดอันตรธานหายไปในบัดดล สภาพคล่องก็สะดุดสิครับ เหมือนเลือดในร่างกายคนหยุดไหลเวียน ไม่มีการฟอกเลือด   ตายนะครับ

ต้นทุนในการอุ้มต่ออนาคตมีแน่ครับ ก็คือให้อเมริการับไป เป็นหนี้สาธารณะ แล้วอเมริกาจะได้หยุดซ่าด้วย   ทั่วโลกรับผลกระทบแน่นอนทั้งทางตรง และทางอ้อมในแง่ชาติที่ถือครองเงินดอลล่่าร์เยอะๆ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไทย

แต่ดีกว่าไม่อุ้ม เพราะถ้าไม่อุ้มก็คือไม่มีอนาคตเลย คนอเมริกันนั่นแหละจะตายเอง แล้วฉุดทั้งโลกไปด้วย


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 25-09-2008, 20:05
เอากระดาษไปแลกเงิน
สุดท้ายก็กลายเป็นอากาศ  :slime_bigsmile:

ว่าแต่ว่า สิงคโปร์จะเป็นรายต่อไปที่ล้มตามสหรัฐหรือเปล่า?
ไอ้ประเทศนี้มันก็ขายลม/ขายอากาศกันทั้งประเทศเหมือนกัน
 :D


หัวข้อ: Re: Bush: เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง !! (ปรส.คือสิ่งจำเป็น)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 25-09-2008, 22:06
Bush: เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง !! (ปรส.คือสิ่งจำเป็น)


อันตรายมากๆ ถึงขนาดต้องเรียกผู้ที่อาจจะเป็นผู้นำคนต่อไปเข้าพบเพื่อรับทราบปัญหาและขอไอเดียเลยนะเนี่ย  :slime_sentimental:
ทั่วโลกต้องกดดันให้อเมริกา ชาวอเมริกัน และคองเกรส ยอมผ่านกฎหมายฉบับนี้  คนอเมริกันที่ใช้จ่ายเกินตัวจะต้องยอมรับผลกรรมที่ตัวก่อไว้ ไม่ใช่ชักดาบไปดื้อๆ งานนี้ต้องเชียร์บุช :slime_fighto:

Bush summons Obama, McCain for crisis economy talks

Thu Sep 25, 7:21 AM

WASHINGTON (AFP) - Warning "our entire economy is in danger," US President George W. Bush called unprecedented emergency talks for Thursday with the two men vying to succeed him, John McCain and Barack Obama.

Bush announced his summit with the presidential candidates and top congressional leaders in a prime-time televised speech Wednesday seeking public support for his 700-billion-dollar Wall Street rescue plan.

"We're in the midst of a serious financial crisis," Bush said in his 13-minute speech from the White House, after angry legislators on Capitol Hill declared the shock proposal dead on arrival.

"Without immediate action by Congress , America could slip into a financial panic," the president said. "Ultimately, our country could experience a long and painful recession."

Six weeks before the November 4 elections, and four months before he hands the battered US economy to a new president, Bush said inaction could wipe out banks, empty retirement nest eggs, send home values into freefall, and create millions of new jobless.

"We must not let this happen," he said.

Citing a rare "spirit of cooperation," Bush said he was inviting McCain, Obama, and senior Democratic and Republican leaders from the House and Senate for a 4 pm (2000 GMT) meeting at the White House.

Bush invited Obama in a personal telephone call 90 minutes before his speech on Wednesday, the White House said. The Democrat's chief spokesman, Bill Burton, confirmed in a statement that the Illinois senator would attend.

Obama has worked all week with senior lawmakers, Treasury Secretary Henry Paulson, and Federal Reserve chairman Ben Bernanke, Burton said.

"He will continue to work in a bipartisan spirit and do whatever is necessary to come up with a final solution," the spokesman added.

"We will discuss the progress we have made to improve the administration's deeply flawed plan to address this unprecedented crisis ," Democratic Senate Majority Leader Harry Reid said.

"As I have said throughout, tomorrow's meeting and future deliberations must be focused on solutions, not photo ops," Reid said, after other Democrats mocked McCain's decision to suspend his campaign over the crisis as a gimmick.

The Republican candidate announced he would return to Washington "until this crisis is resolved."

But House Financial Services Committee chairman Barney Frank, who has worked closely with Paulson and Bernanke in negotiating the bailout, expressed concern that McCain -- who suggested Thursday's White House crisis talks -- could be a distraction from attempts to secure a rescue package this week on Capitol Hill.

"We were making progress, and I hope the presidential politics that he is injecting don't stop it," Frank told Fox News.

The Washington Post quoted Frank saying Democrats had reached agreement on the main elements of a bailout bill that they would present to their Republican counterparts Thursday.

Opinion polls show the US public is angry at Wall Street but deeply divided about a remedy, with many ready to blame Bush and his Republican Party -- which itself has fissured over the plan amid fierce objections from conservatives.

They have expressed dismay over the massive government involvement in the economy, while Bush's Democratic foes have pushed for more government oversight and stronger consumer protection.

Defending his position, Bush said: "I faced a choice, to step in with dramatic government action or to stand back and allow the irresponsible actions of some to undermine the financial security of all."


หัวข้อ: Re: UPDATE: ปรส.มะกันตั้งล่าช้า WaMul ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เจ๊งพร้อมบ.ในเครือ!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 27-09-2008, 20:55
Washington Mutual เป็นแบ๊งก์ที่เจ๊งไปอีกราย
บรรษัทประกันเงินอเมริกาฝากรอดจากวิกฤติ เพราะ JP Morgan Chase เข้่ามารับซื้อซาก
ไม่งั้นคงต้องไปกู้เงินจากรัฐบาลอเมริกาที่ถังแตกอยู่แล้ว มาจ่ายผู้ฝากเงิน



Washington Mutual, Inc. Files Chapter 11 Case

Last update: 11:40 p.m. EDT Sept. 26, 2008
SEATTLE, Sep 26, 2008 (BUSINESS WIRE) -- WASHINGTON MUTUAL, INC. announced today that it has, together with its wholly-owned subsidiary, WMI Investment Corp., commenced voluntary cases under chapter 11 of the United States Bankruptcy Code in the United States Bankruptcy Court for the District of Delaware. The chapter 11 filings were a result of the appointment, by the Office of Thrift Supervision, of the Federal Deposit Insurance Company as receiver of Washington Mutual Bank, Washington Mutual, Inc.'s banking subsidiary on September 25, 2008.


หัวข้อ: Re: UPDATE: ปรส.มะกันตั้งล่าช้า WaMu ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เจ๊งพร้อมบ.ในเครือ!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 27-09-2008, 21:43
ได้เวลาคนอเมริกันต้องก้มหน้าก้มตาชดใช้หนี้ที่ตนเองก่อเอาไว้หลังจากสะดวกสบายมาหลายปีแล้วครับ
หนี้ใครหนี้มันครับ 
:slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: UPDATE: วิกฤตอเมริการะบาดสู่อังกฤษ 2 ธนาคารเจ๊งไปแล้ว วันพรุ่งนี้อาจเจ๊งอีก 1 !!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 28-09-2008, 13:50
วิกฤตอเมริการะบาดสู่อังกฤษ 2 ธนาคารเจ๊งไปแล้ว วันพรุ่งนี้อาจเจ๊งอีก 1 !!

Northern Rock เจ๊งไปปีที่แล้ว   Halifax Bank of Scotland เพิ่งเจ๊ง  ตอนนี้มีอีกแบงก์ชื่อ Bradford & Bingley เพิ่งเคยได้ยินชื่อเหมือนกันเพราะไม่ค่อยได้ยินอะไรเกี่ยวกับอังกฤษมากนัก

มิน่า ช่วงต้นปีนายกฯอังกฤษถ่อไปหานายกฯจีน ขอให้จีนซึ่งเป็นประเทศที่อังกฤษเคยเข้าไปยึดครองและกดขี่อย่างแรง ให้จีนหอบเงินไปลงทุนเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจอังกฤษ จีนยังนิ่งอยู่


U.K. Officials in Talks on Bradford & Bingley Rescue (Update2)

By Gonzalo Vina and Poppy Trowbridge

 Sept. 27 (Bloomberg) -- The U.K. government is in talks with banking executives over a possible rescue of Bradford & Bingley Plc, the mortgage lender whose shares have tumbled 93 percent this year after late loan payments surged.

Treasury, Financial Services Authority and Bank of England officials are working ``closely'' with the company and executives of other banks, said a Treasury spokesman who asked not to be identified because of ministry policy. The options for Bradford & Bingley include a takeover by the government, acquisition by a rival bank or a break up and purchase by several buyers.

Bradford & Bingley, the U.K.'s largest lender to landlords, may join HBOS Plc and Northern Rock Plc among British banks that couldn't survive the worldwide credit crisis. In the U.S., regulators seized Washington Mutual Inc., America's biggest failed bank, this week and sold assets to J.P. Morgan Chase & Co.

``Nationalization may be more likely,'' said Guy de Blonay, a London-based fund manager at New Star Asset Management, who doesn't hold Bradford & Bingley stock. ``The government is having difficulty in finding any interest from potential buyers.''

The Treasury spokesman didn't identify the banks that are involved in the Bradford & Bingley negotiations.

Late Payments

Tony McGarahan, a Bradford & Bingley spokesman, confirmed that the lender was working with regulators ``to clarify the bank's future.''

``We can assure customers that their deposits are safe with Bradford & Bingley,'' he said, adding that a further statement will be made before financial markets re-open on Sept. 29.

Officials at Barclays Plc, Royal Bank of Scotland Group Plc and Lloyds TSB Group Plc., three of Britain's biggest banks, declined to comment on Bradford & Bingley.

The Bingley, northern England-based bank has 197 branches and almost 3,000 employees. It cut back on lending after funding from credit markets evaporated and late payments climbed.

Almost half of Bradford & Bingley's 42 billion pounds ($77 billion) of loans in the first half were to landlords, and about 17 percent to customers who certify their own income on application and typically have a higher level of default than standard borrowers.

Customers are more than three months late on almost 2.3 percent of the bank's mortgages. That compares with the U.K. average of 0.5 percent, according the Council of Mortgage Lenders.

Bradford & Bingley's market value has fallen to 256 million pounds, less than the 400 million pounds the bank raised in a share sale last month that was snubbed by almost three quarters of the bank's investors.

Next Northern Rock?

Fitch Ratings Service placed the bank's mortgage-backed bonds on negative watch Sept. 24, forcing the bank to call on Barclays Plc to act as a counterparty.

U.K. officials have tried for most of the year to prevent Bradford & Bingley from becoming the next Northern Rock, which ran out of funding and triggered the first bank run in more than a century in Britain. It had about 113 billion pounds of assets before it was forced to borrow about 24 billion pounds in emergency funds from the Bank of England.

The government waived antitrust rules on Sept. 18 to allow Lloyds TSB to acquire HBOS, the nation's largest mortgage lender, in a stock swap valued at about 12 billion pounds. HBOS CEO Andy Hornby said he agreed to the rescue after the company's shares fell 76 percent and he realized that the credit crisis won't be ending any time soon.

``You can't play brinksmanship with any entity that has depositors' money,'' said Mamoun Tazi, a London-based analyst at MF Global Securities Ltd. with a ``neutral'' rating on Bradford & Bingley. ``You have to find a solution before the problem becomes unmanageable.''


หัวข้อ: Re: UPDATE: วิกฤต US ลามสู่ UK แบ๊งก์เตรียมเจ๊ง (ไอ้เหลี่ยมอยู่ที่ไหน ที่นั่นซวย) !!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 28-09-2008, 14:58
ไหนใครบอกว่าแปรรูปเป็นเอกชนแล้วจะมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากกว่า
ไหงเที่ยวนี้ทั้งอังกฤษทั้งอเมริกากลับทำตรงกันข้ามกับทฤษฎีกันหมดหว่า
อะไรทำกำไรดีก็ privatize ให้คนไม่กี่คนเอาไปแบ่งกัน
พออะไรเป็นขยะก็ nationalize กลับมาให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมชดใช้ :-)
"Loans nationalised"  คิดได้ไง สุดยอดจริงๆ
ตอนนี้คนอเมริกันกับคนอังกฤษไม่น้อยคงอยากเข้าไปยึดทำเนียบแบบ พธม บ้านเราแน่ๆ เลย 555



===================
Treasury to nationalise B&B bank

Troubled bank Bradford & Bingley, which has seen its share price crash, is to be nationalised, the BBC has learned.

Officials from the Treasury and the Financial Services Authority (FSA) have been in talks with executives from the bank in a bid to secure its future.

BBC News business editor Robert Peston says the Treasury will then speedily sell B&B's 200 branches and its savings business to a bank or number of banks.

But the British Bankers Association is unhappy at some aspects of the plan.

'Difficult choices'

Association chief executive Angela Knight told BBC Five Live she was not happy the taxpayer was having to take on the liability of B&B as well as Northern Rock.

She said: "I'm not comfortable with that, I don't know anybody who is comfortable with that. There's a series of difficult choices here.

"The financial services industry underpins, not just the UK economy, but indeed all of us individually, and there can be times where authorities have to step in."

But she added that it was a "very great shame that it's got to this place".

Loans nationalised

B&B's share price has plummeted and it has announced plans to cut 370 jobs due to a downturn in the mortgage market.

The bank will be nationalised using special legislation the Treasury put through when it took Northern Rock into public ownership earlier this year.

The measure is expected be announced on Sunday night or Monday morning.

The Treasury and FSA will negotiate with banks interested in buying parts of B&B. Possible buyers included Santander of Spain, HSBC and Barclays.

Santander, which already owns Abbey and Alliance & Leicester, has been looking at B&B for some time.

B&B's £50bn of loans, including £41bn of home mortgages, will not be sold and will be nationalised on a long-term basis. The mortgages may be given to the nationalised Northern Rock to manage.

The bank experienced significant withdrawals of cash from its branches and online bank on Saturday amid customer concerns about its situation.

The Treasury's decision to sell B&B's savings business means that depositors and savers' money should be safe.

Demutualisation woes

However, B&B's shareholders and holders of its subordinated debt may lose out.

Our business editor says the nationalisation and break-up of B&B represents a momentous event in the history of British banking.

He said: "It will mean that every building society that floated on the stock market in the wave of demutualisations of the past two decades will either have collapsed or been sold to a conventional bank."

B&B was close to seeing a demand from depositors for the return of billions of pounds, which it would have been unable to find.

Credit rating agencies had been downgrading the rating of its covered bonds, a form of funding which involves packaging up mortgages for sale to investors.

Liberal Democrat treasury spokesman Vince Cable said: "There doesn't seem to have been a white knight in the offing. The alternative otherwise was just to let the thing go bust and protect the depositors".

Bradford & Bingley spokesman Tony McGarahan said discussions were taking place and an announcement would be made before the stock market opened on Monday.

"We can assure customers that their deposits are safe with Bradford & Bingley," he said.
====================



หัวข้อ: Re: UPDATE: วิกฤต US ลามสู่ UK แบ๊งก์เตรียมเจ๊ง (ไอ้เหลี่ยมอยู่ที่ไหน ที่นั่นซวย) !!
เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 29-09-2008, 10:32
กระทู้มีประโยชน์ ต้องดันไว้ก่อน เดี๋ยวตก  :slime_fighto: :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 29-09-2008, 12:15
เรื่องที่ต้องรอปวดหัวกันต่อไป เมื่อค่าเงินดอลล่าร์ตกต่ำ
ก็คือวิกฤตราคาน้ำมันรอบใหม่อีกแล้วครับ
  :slime_hmm:

เด๋วเค้าอาจจะอ้างว่า ดีมานด์ลดลง ราคาเก็งกำไรเกินไป ทุบฟิวเจอร์ลงมาอีกก็ได้ค่ะ  :slime_smile:

ข่าวคืบหน้า
สาระสำคัญของมาตรการฟื้นภาคการเงินฉบับสภาคองเกรส
   
11:49 น.

    ผู้นำในสภาคองเกรสสหรัฐ เห็นชอบในเบื้องต้นที่จะสนับสนุนข้อตกลงในการอนุญาตให้กระทรวงการคลังเข้า ซื้อหลักทรัพย์ที่มีปัญหาในวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาภาวะวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อทั่วโลก
    คณะผู้เจรจาของสภาคองเกรสได้แก้ไขข้อเสนอเดิมของกระทรวงการคลังโดยเพิ่ม อำนาจการกำกับดูแลครั้งใหม่และเงื่อนไขที่จะปกป้องผู้เสียภาษี
    เมื่อเช้าวานนี้ผู้นำสภาคองเกรสประกาศว่า พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับสาระสำคัญของแผนดังกล่าว และเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำเนื้อหาในขั้นสุดท้าย ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาและวุฒิสภา จะต้องรับรองร่าง
    กฎหมายดังกล่าว
    ต่อไปนี้เป็นสาระสำคัญของมาตรการความช่วยเหลือตามที่มีการชี้แจงจากสมาชิกสภานิติบัญญัติและระบุในร่างกฎหมายขั้นต้น : -
    - สภาคองเกรสจะแบ่งเบิกจ่ายงบในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์เป็นงวดๆ โดยจะมีการอนุมัติเงินงวดแรก 2.50 แสนล้านดอลลาร์เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมาย ขณะที่จะมีการเบิกงบงวดต่อไปอีก 1 แสนล้านดอลลาร์หากประธานาธิบดีมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนงวดสุดท้าย 3.50 แสนล้านดอลลาร์จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติของสภาคองเกรส
    - รัฐบาลจะเข้าถือหุ้นในบริษัทที่ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางเพื่อให้ผู้ เสียภาษีจะสามารถได้รับส่วนแบ่งกำไรถ้าบริษัทเหล่านี้ฟื้นตัวขึ้น โดยมีข้อยกเว้นสำหรับสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์น้อยกว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือถ้ารัฐบาลเข้าซื้อธุรกิจที่มีปัญหาในวงเงินต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์
    - ถ้าบริษัทหนึ่งๆได้รับความช่วยเหลือแต่ล้มละลาย นักลงทุนจะเป็นผู้รับผลขาดทุนเป็นลำดับแรก ส่วนรัฐบาลจะเป็น 1 ในนักลงทุนรายสุดท้ายที่รับภาระขาดทุน
    - คณะกรรมการสภาคองเกรสชุดใหม่จะมีอำนาจในการกำกับดูแลโครงการนี้ และรมว.คลังจะทำการรายงานเป็นประจำต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติ
    - หากกระทรวงการคลังเข้าถือหุ้นในบริษัทแห่งหนึ่ง ผู้บริหารชั้นนำ 5 คนของทางบริษัทจะต้องถูกจำกัดการได้รับผลตอบแทน
    - ผู้บริหารที่ถูกจ้างหลังบริษัทการเงินแห่งหนึ่งได้ขายสินทรัพย์เป็นมูลค่า มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อรัฐบาลนั้น จะไม่มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์หรือค่าตอบแทนภายใต้ข้อตกลงที่เรียกว่า "golden parachute"
    - มาตรการนี้จะอนุญาตให้ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มจ่ายดอกเบี้ยให้กับทุนสำรองของ ธนาคารตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการลดภาวะตึงตัวของตลาดสินเชื่อ
    - ให้มีการดำเนินการศึกษาผลกระทบของมาตรฐานการบัญชีแบบ mark-to-market ซึ่งนักวิจารณ์ระบุว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ลดลงในงบดุลบัญชี ของภาคธุรกิจ
    - รัฐบาลกลางสหรัฐอาจระงับกระบวนการยึดทรัพย์จำนองสำหรับเงินกู้ซื้อบ้านที่รัฐบาลซื้อมาภายใต้แผนดังกล่าว
    - ตามแผนที่จะเข้าซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดนั้น กระทรวงการคลังสหรัฐจะพิจารณาจัดทำโครงการประกันซึ่งจะค้ำประกันเงินกู้ที่ มีปัญหาและจะได้รับการชำระจากบรรดาบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ
    - หากรัฐบาลประสบภาวะขาดทุนในช่วง 5 ปีของการเข้าร่วมโครงการ กระทรวงการคลังจะร่างแผนเพื่อเรียกเก็บภาษีจากบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการเพื่อชดเชยการขาดทุนของผู้เสียภาษี

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=341637&lang=T&cat= (http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=341637&lang=T&cat=)


หัวข้อ: Re: UPDATE: วิกฤต US ลามสู่ UK แบ๊งก์เตรียมเจ๊ง (ไอ้เหลี่ยมอยู่ที่ไหน ที่นั่นซวย) !!
เริ่มหัวข้อโดย: AKE LAKSI ที่ 29-09-2008, 14:10
 :slime_smile2:อ้าว...พูดอย่างนี้จะไล่ให้มันไปอยู่ดวงจันทร์หรืออย่างไร (อั้ยจั***เหลี่ยม)


หัวข้อ: Re: UPDATE: วิกฤต US ลามสู่ UK แบ๊งก์เตรียมเจ๊ง (ไอ้เหลี่ยมอยู่ที่ไหน ที่นั่นซวย) !!
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 29-09-2008, 15:06
3 ชาติยุโรปโดดอุ้ม"ฟอร์ติส"ขณะยึดกิจการเป็นของรัฐ
   
13:45 น.

    ฟอร์ติส ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทการเงินของกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยียม,เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก) เข้าสู่กระบวนการโอนกิจการเป็นของรัฐบาลเมื่อวานนี้หลังการเจรจาฉุกเฉินกับ นายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลาง
    ยุโรป (อีซีบี) เพื่อป้องกันผลกระทบทางการเงินแบบสหรัฐซึ่งกำลังรุมเร้าฟอร์ติสซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำ 20 แห่งของยุโรป
    ทั้งนี้ รัฐบาลเบลเยียม, เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์กตกลงที่จะอัดฉีดเม็ดเงิน 1.12 หมื่นล้านยูโร (1.64 หมื่นล้านดอลลาร์) ให้กับฟอร์ติสซึ่งเป็นบริษัทด้านธนาคารและประกัน ซึ่งจะขายธุรกิจบางส่วนของธนาคารเอบีเอ็น แอมโรของ
    เนเธอร์แลนด์ซึ่งได้ซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว
    นายอีฟส์ เลอร์แตร์ม นายกรัฐมนตรีเบลเยียมประกาศแผนกอบกู้ดังกล่าวในการแถลงข่าวหลังช่วงสุด สัปดาห์ในวิกฤตการณ์ด้านธนาคารครั้งใหญ่ครั้งแรกที่ส่งผลกระทบต่อเขตยูโรโซน ในระยะ 13 เดือนของความปั่นป่วนทางการเงิน
    ทั่วโลกที่เริ่มต้นขึ้นในสหรัฐ
    แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการเจรจาระบุว่า รัฐบาลกลุ่มประเทศเบเนลักซ์เลือกให้การช่วยเหลือบางส่วนหลังความเชื่อมั่น ของนักลงทุนทรุดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา และผู้เสนอซื้อกิจการ 2 รายจากภาคเอกชนเสนอราคาที่ต่ำเกินไป
    "เราอาจไม่เข้าแทรกแซงก็ได้ แต่คำถามก็คือฟอร์ติสจะอยู่รอดได้ในวันนี้หรือไม่" นายวูเตอร์ บอส รมว.คลังของเนเธอร์แลนด์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
    ทั้งนี้ รัฐบาลแต่ละแห่งจากกลุ่มเบเนลักซ์จะถือหุ้น 49 % ในธนาคารฟอร์ติสในประเทศของตน โดยเบลเยียมจะถือหุ้นมูลค่า 4.7 พันล้านยูโร, เนเธอร์แลนด์ถือหุ้นมูลค่า 4.0 พันล้านยูโร และลักเซมเบิร์กถือหุ้น 2.5 พันล้านยูโรโดยถือในรูปหุ้นกู้แปลงสภาพ
    แหล่งข่าวระบุว่าผู้ซื้อหุ้นฟอร์ติสที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดซึ่งได้แก่ บีเอ็นพี พาริบาส์ของฝรั่งเศสนั้น ได้ถอนตัวหลังจากเสนอซื้อหุ้นเพียง 1.60 ยูโรต่อหุ้น เมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 5.20 ยูโร และยังเรียกร้องให้รัฐบาลค้ำประกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
    แหล่งข่าวอีกรายที่ใกล้ชิดกับการเจรจาระบุว่า บีเอ็นพี พาริบาส์ได้เสนอซื้อหุ้นฟอร์ติส 2 ยูโรต่อหุ้น ขณะที่บริษัทไอเอ็นจี กรุ๊ปของเนเธอร์แลนด์เสนอซื้อที่เพียง 1.5 ยูโร "ไม่มีผู้เสนอซื้ออย่างจริงจังสำหรับมูลค่าที่แท้จริงของทั้งกลุ่ม"
    นายทริเชต์ ซึ่งเป็นประธานอีซีบีที่รับผิดชอบในการปกป้องเสถียรภาพทางการเงินในยูโรโซน ได้ร่วมกับนายลอร์แตร์ม, นายบอสและผู้ว่าการธนาคารกลางของทั้ง 2 ประเทศในการเจรจาเพื่อกอบกู้ฟอร์ติส
    การเข้าร่วมเจรจาของนายทริเชต์ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในการช่วยเหลือธนาคาร พาณิชย์นั้น ได้ตอกย้ำถึงความรุนแรงของความวิตกเกี่ยวกับความมั่นคงของระบบการเงินของ ยุโรป
    นักลงทุนทั่วโลกหวังว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐจะอนุมัติแผนช่วยเหลือภาค การเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหนี้เสียจากธนาคารสหรัฐที่ประสบปัญหาอันเป็นความ พยายามที่จะหยุดยั้งวิกฤติสินเชื่อที่กำลังคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก
    การที่ฟอร์ติสมีพนักงาน 85,000 คนทั่วโลก และมีโครงสร้างระหว่างประเทศ ทำให้มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มละลาย โดยการโอนกิจการฟอร์ติสเป็นของรัฐจะทำให้ขนาดการเทคโอเวอร์ของธนาคาร นอร์เธิร์น ร็อคของอังกฤษ
    ในปีที่ผ่านมาดูเล็กลงไปเลยเมื่อเทียบกับการเทคโอเวอร์ฟอร์ติส
    นายมอริซ ลิพเพนส์ ประธานฟอร์ติสได้ลาออกจากตำแหน่งหลังถูกผู้ถือหุ้นกล่าวหาว่าปกปิดปัญหาของฟอร์ติสมานานเกินไป
    ปัญหาของฟอร์ติสมาจากการเข้าซื้อเอบีเอ็นพร้อมด้วยรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์และแซนแทนเดอร์ของสเปนซึ่งเป็นหุ้นส่วน ในวงเงิน 7 หมื่นล้านยูโร เมื่อปีที่แล้ว โดยหุ้นของฟอร์ติสร่วงลง 33 % เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากความวิตกของ
    นักลงทุนเกี่ยวกับสภาพคล่องและการระดมทุนของฟอร์ติส
    ฟอร์ติสถูกกดดันจากการใช้เงินทุน 2.4 หมื่นล้านยูโรสำหรับการซื้อเอบีเอ็นในตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพิ่มทุนต่อไป
    หุ้นฟอร์ติสดิ่งลงกว่า 20 % สู่จุดต่ำสุดรอบ 15 ปีในวันศุกร์ แม้ว่ามีแถลงการณ์ว่า บริษัทมีสถานะการเงินแข็งแกร่ง และมีการยืนยันที่จะเพิ่มการขายสินทรัพย์เป็นมูลค่ามากถึง 1 หมื่นล้านยูโร
    เงินทุนจดทะเบียนในตลาดของทางกลุ่มบริษัทลดลงจาก 5 หมื่นล้านยูโรหลังการเข้าซื้อเอบีเอ็น สู่เพียง 1.2 หมื่นล้านยูโรเมื่อวันศุกร์
    มีความเสี่ยงสูงในเบลเยียมที่ซึ่งฟอร์ติสเป็นผู้ว่าจ้างภาคเอกชนรายใหญ่ที่ สุดและครัวเรือนกว่า 1.5 ล้านครัวเรือนหรือราวครึ่งหนึ่งของประเทศ ฝากเงินกับกลุ่มบริษัทดังกล่าว

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=341656&lang=T&cat= (http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=341656&lang=T&cat=)


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 29-09-2008, 17:04
เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)

New York Times มีลงอันนี้น่าสนใจดีครับ

http://www.iht.com/bin/printfriendly.php?id=16538680


AIG มีพนักงานทั่วโลกเป็น 100000 คน แต่คนเพียง 377 คนในสาขาของ AIG Financial Products London (AIGFP) สามารถทำให้บริษัทเก่าแก่ใหญ่โตล้มได้  แสดงถึงรูโหว่ขนาดใหญ่ และความอุบาทว์ของอเมริกาและอังกฤษที่เที่ยวไปสั่งสอนชาวบ้านเรื่อง "ธรรมาภิบาล"   ไอ้ 377 คน นี่ก็เป็นพวกจบทั้ง MBA PhD อะไรระดับหัวกะทิของโลกทั้งนั้น ด้วยความที่เรียนเก่ง หัวดี  สนญ.AIG ที่อเมริกาก็มอบอำนาจให้มหาศาล มีอิสระในการตัดสินใจ  และมีคนที่ชื่อว่า Joseph Cassano เป็น CEO ของ AIGFP London

นาย Joseph Cassano คนนี้เคยทำงานให้ Drexel Burnham Lambert ซึ่งเป็นธนาคารวาณิชธนกิจคล้ายๆกับ Lehman Brothers ที่เพิ่งล้มไป   แต่รายของ DBL นี่ล้มไปนาน 20 ปีแล้ว สาเหตุจากการออกตราสารหนี้ขยะออกมาขายเหมือนกัน แล้ว AIG ก็เสือกไปจ้างมันมานั่งเป็น CEO ที่อังกฤษ   ไอ้นี่ละที่บทความสงสัยว่าเป็นต้นคิดสิ่งที่เรียกว่าเป็น "นวัตกรรมทางการเงิน" ที่เรียกว่า CDS Credit Default Swap  ภาษาชาวบ้านก็คือ ออกกรมธรรม์แก่แบ๊งก์ต่างๆ ล่อให้มาซื้อ โดยอ้างว่า ช่วยประกันความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง และประกันความเสี่ยง หากมีแบ๊งก์ไหนล้ม จะจ่ายเงินให้  รวมทั้ง CDO ที่มีเหตุมาจาก subprime mortgage ด้วย

ก็คือ CDS เนี่ย เป็นตัวไปค้ำประกันตัว CDO นี่อีกที  และไอ้ CDO นี่ก็คือของเน่าๆที่ถูกจับมายัดไส้ แล้วเรียกบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง Moody's, S&P (ที่รัฐบาลไทยต้องไปกราบเท้าให้มันคงอันดับสมัยปี 40) ให้ไอ้พวกบ้านี่มาจัดอันดับ AAA, AA+ ให้

ดังนั้นก็ล่อให้ ธนาคารทั่วโลก โดยเฉพาะพวกยุโรป  (ส่วนใหญ่ฝรั่งมันเชื่อกันเอง เพราะมันคิดว่ามันเจ๋งสุด) ก็แห่มาซื้อกรมธรรม์โดยคิดว่า มันคือของดี   จะไม่ดีได้ไงก็ AIG ก็ได้เรตติ้ง AAA  ไอ้ตราสารที่ไปค้ำอยู่ก็ AAA  ความเสี่ยงแทบจะเป็น 0

การเอากระดาษมาตีมูลค่าให้เป็นทอง ทำให้รายได้ของ AIGFP London เพิ่มจาก 700 ล้าน เป็น 3000 ล้านต่อปีภายใน 6 ปี  นาย Cassano นี่ก็ได้รับการแซ่ซ้องจากทั้งภายใน AIG  นิตยสารการเงิน นักวิชาการ และในวงการการเงินฝรั่ง  ทำนองเดียวกับสมัยก่อนปี 40 ที่ไทยเกิดนิตยสารการเงินการธนาคาร แล้วตั้งรางวัลมายกย่องและมอบให้นักบริหารดีเด่นมากมาย

ขายไปขายมา ยอดของไอ้กรมธรรม์หรือ derivatives ที่เรียกว่า CDS ก็มียอดรวมในงบดุลไปถึง 500,000,000,000 ดอลล่าร์ ซึ่งก็จะมีลูกค้า(แบ๊งก์ต่างๆในยุโรปและอเมริกา) ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ AIG รวมกัน 250,000,000 ดอลล่าร์ต่อปี เป็นรายได้มหาศาล

จริงๆแล้ว พวกนี้คือกรมธรรม์ แต่ว่าไม่เรียกว่ากรมธรรม์ เพราะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายของอังกฤษ (คือ ไอัอังกฤษนี่ก็เหี้.ย. ตัวเองหวังเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ก็เลยเปิดเสรีทุกอย่าง ไร้การควบคุม เพราะคิดว่า "กลไกตลาด" จะแก้ไขตัวมันเองได้ อาศัยบารมีเก่าๆ ใครๆก็บ้า London ก็เชื่อมัน)

เมื่อสินเชื่ออสังหาฯในอเมริกาเริ่มออกอาการเน่า ก็ส่งต่อมาถึง CDO แล้วก็ลามมาหา CDS  แต่นาย Cassano นี่ก็เผ่นลาออกจากบริษัทไปตั้งแต่ต้นปี 2007 แล้ว



สังเกตว่า อเมริกากับอังกฤษ อยากเป็น "มหาอำนาจทางการเงินการธนาคารของโลก" เลย deregulate แหลก   เวลาอเมริกาไปไหนอังกฤษต้องไปด้วย  ไปอิรัก อังกฤษก็ตามไปด้วย  อเมริกามีฐานทัพที่ไหนอังกฤษก็มีสิทธิพิเศษไปใช้ได้  เวลาเน่าเลยเน่าพร้อมกัน แล้วลากเอายุโรปลงไปด้วย


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 29-09-2008, 17:27
อ่านแล้วมันส์ดี  :P


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: BrettAnderson ที่ 29-09-2008, 17:30
ปรส. = ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง หรือครับ -3-

 :slime_evil: :slime_evil: :slime_evil:


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 29-09-2008, 18:12
รู้สึกว่า พวกนี้อยากรวยบนความฝันเฟื่อง อยู่ในโลกมายาไงไม่รู้

มติชน ฉบับวันนี้ มีสองคอลัมน์ที่หยิบเอามาวิพากษ์

ปิดฉาก"วาณิชธนกิจ"สหรัฐ "ความโลภทะลุฟ้า"ที่"ฆ่าตัวเอง"

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01ecb01290951&sectionid=0141&day=2008-09-29

รัฐบาลอเมริกัน เอาเงินไปแลกขยะ

โดย โสภิณ ทองปาน

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act03290951&sectionid=0130&day=2008-09-29



หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 29-09-2008, 18:20
รัฐบาลอเมริกัน เอาเงินไปแลกขยะ

โดย โสภิณ ทองปาน

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act03290951&sectionid=0130&day=2008-09-29



โสภิณ ทองปาน ลงผิดแล้ว  7 แสนล้านครับ ไม่ใช่แค่ 7 พันล้าน   7 แสนล้านนี่คงได้แค่เข้าอุ้มธนาคารไทยแค่แห่งเดียวสมัยปี 40 มั้งครับ :lol:


นี่คือโฉมหน้าของ Joseph Cassano อดีตผู้บริหาร AIGFP London  เมื่อ "รายงานศปร." เวอร์ชั่นอเมริกาทำเสร็จ  คุก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
(http://img216.imageshack.us/img216/2436/josephcassanotf8.jpg)


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 29-09-2008, 18:50
อยากรู้ว่าคนอเมริกันมัน panic และแค้นขนาดไหนต้องฟังรายการวิทยุ จะได้ยินความคิดเห็นชัดกว่า

http://www.streamaudio.com/stations/player/pages/newplayer/index_win.asp?Owner=&public=&headertext=570%20KLIF&Station=KLIF_AM&Mac=No&OptIn=&Streamtype=&filename=


คนอเมริกันหลายๆ คนยังงงๆ อยู่เลยว่าอยู่ๆ ตนเองต้องมารับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ได้ยังไง 555

 :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 29-09-2008, 18:57

วันนี้ (29 ก.ย.) นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ผลกระทบความเสียหายระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จากวิกฤตซับไพร์มในอนาคตจะยังมีอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเนื่องจากครั้งนี้ที่เสียหายไปแล้วกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ถึงแม้สภาคองเกรสจะอนุมัติเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ตลาดการเงิน แต่คงไม่เพียงพอ เพราะปัญหาซับไพรม์ ยังคงจะมีต่อเนื่องอีกเป็นปี

http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000115406

ตามที่ผมเข้าใจ เหมือน ดร.ก้องเกียรติ จะบอกว่า ความเสียหายจะประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้นต้องใช้เงินเพื่อแก้ปัญหา ในอนาคตมากกว่าที่ สภาอนุมัติอีกอย่างน้อย 8 แสนล้านดอลลาร์




หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 29-09-2008, 19:14
เวลานี้ประเทศตะวันตกที่ได้รับผลกระทบน้อย ได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี 

ซึ่งทั้ง 3 ไม่ได้ร่วมหอลงโรงไปกับอเมริกาและอังกฤษ ในการบุกโจมตีอิรัก

แบงก์ชาติของทั้ง 3 ประเทศเผอิญว่าควบคุมกิจการธนาคารเข้มงวด  ไม่ได้ deregulate ตามอังกฤษและอเมริกา

และไม่ได้บ้า privatization

โดยเฉพาะฝรั่งเศส  นายซาร์โคซี่ เคยบ้าอเมริกา บอกว่าจะแปรรูปอะไรสารพัด และ deregulate เพื่อให้เศรษฐกิจฝรั่งเศสมีความเป็นเสรีเหมือนอเมริกา เจองี้คงเลิกคิดไปแล้ว  :lol: :lol:

ส่วนแคนาดาที่เคยคิดจะเปิดเสรีกิจการธนาคารให้เสรีแบบอเมริกาก็เลิกคิดไปแล้ว  ส่วนการแปรรูปการไฟฟ้าแคนาดาทีมณฑล Ontario แปรรูปให้กับเอกชน ไปๆมาๆ รัฐบาลเอาคืนไปแล้วครับ


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 29-09-2008, 19:15
คนอเมริกันเริ่มรู้ตัวแล้วว่าคนที่ตนเองเลือกเข้าไปไม่ได้เป็นตัวแทนของตนเองอย่างแท้จริง
ตนเองไม่ได้มีปากมีเสียงอะไรเลย ในสภาจะทำอะไรก็ทำ โดยไม่ต้องสนใจประชาชน แม้แต่โยนหนี้ก้อนโตให้ประชาชนต้องรับกรรมแทนนายทุนที่ล้มบนฟูก
งี่เง่ามานาน คนไทยรู้มานานแล้ว คนอเมริกันเพิ่งตื่น 555  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 29-09-2008, 20:05
ใครจะเชื่อ แฮมเบอร์เกอร์ กับต้มยำกุ้ง ผลิตด้วยกรรมวิธีเดียวกัน :slime_bigsmile:

ถ้ามีนักการเมืองทุบค่าเงินด้วย จะได้รสชาติใกล้เคียงกันมาก


หัวข้อ: Re: ถ้ามะกันทุ่ม $7แสนล้านแล้ยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 29-09-2008, 20:49
ถ้ามะกันทุ่ม $7แสนล้านแล้วยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)

อ้างถึงบทวิเคราะห์ใน Wall Street Journalขณะนี้อเมริกาเป็นหนี้ทั่วโลกอยู่ 14,000,000,000,000 ดอลล่าร์ (14 ล้านล้าน) ซึ่งใหญ่โตกว่า GDP ของอเมริกาเอง ซึ่งมีประมาณเกือบๆ 14 ล้านล้าน เหมือนกัน แต่ขณะนี้ GDP อเมริกากำลังหดตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้น GDP อเมริกาก็ไม่พอจะชดใช้หนี้ต่างประเทศของอเมริกา

อเมริกาอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขอรับความช่วยเหลือจาก จีน รัสเซีย อาหรับ บราซิล ญี่ปุ่น  แต่จีนคือเป้าหมายอันดับหนึ่งของอเมริกาเวลานี้ ที่จะสามารถเข้าซื้อทรัพย์สินของอเมริกา เพื่อให้เงินดอลล่าร์ไหลกลับอเมริกาไปแก้วิกฤติเศรษฐกิจ  แน่นอนจีนต้องการ "สิ่งตอบแทน"  ไม่ใช่ช่วยฟรีๆ

รัฐมนตรีคลังของเยอรมันยังยอมรับว่า "ขณะนี้ความเป็นมหาอำนาจของอเมริกากำลังจะเสื่อมลง"



Chinese take-away
Douglas Herbert

Monday 29 September 2008

Think of it as a giant Chinese take-away with more courses than you can possibly eat – and more dollars than you can possibly make sense of.

According to the Brookings institution, foreigners hold more than $14 trillion in US assets, bigger than the entire US national output. US Treasury securities – that is, government “IOU”s – account for $2.5 trillion of that total.

And if you bear with me just a little longer, and follow me down this statistical trail, we see that China holds the lion’s share of this foreign-held US debt portfolio. As of July 2008, mainland China held $518.7 billion in US Treasury bonds, more than half of its estimated $1.2 trillion in reserve assets.

So why am I wasting my time telling you all this?

The point is that foreigners – and China in particular, though also emerging markets in Mexico, Brazil and Russia as well as oil-rich states in the Middle East – are going to play a yeoman’s role in financing this bailout.

The Wall Street Journal goes so far as to say that the “success of the pending rescue of the US financial system probably depends as much on the central banks of China and the Middle East as on Congress and the Federal Reserve.”

In other words, it’s not just Main Street, USA that’s going to shoulder the costs of this bailout – but also Main Street, Beijing. Or Main Street, Moscow.

That is why the US needs to seriously woo the Chinese, Russians, Mexicans, Brazil and others if it hopes to pull off this rescue without a hitch.

As the Journal notes, the Fed and Treasury’s sales pitch on the bailout plan is aimed almost as much at China as at Congress and the American public, and at persuading them that the US economy is not about to implode.

So far, no one really seems to fear such a prospect – though there are signs of growing skittishness to invest in American financial institutions.

Kenneth Rogoff, a Harvard economist, recently wrote about the “extraordinary” resiliency of the dollar in the face of a “once-in-a-lifetime financial crisis. If the US were an emerging market country, its exchange rate would be plummeting and interest rates on government debt would be soaring. Instead, the dollar has actually strengthened modestly, while interest rates on three-month US Treasury Bills have now reached 64-year lows. It’s almost as if the more the US messes up, the more the world loves it.”

But this tough love could prove very short-lived if the bailout goes awry, especially because the credit contagion spreads quickly to other sectors of the economy as many analysts say it’s already doing.

Whatever happens, the financial balance of power in the world is undergoing a realignment as the US model of high-risk capitalism tries to cover its exposed flank. At this week’s Economic Forum in Tianjin, touted as the Chinese “Davos”, Chinese participants are making many of the Western business and financial leaders in attendance eat humble pie. In other words, they are turning tables and suggesting that the US is no longer in a position to give anyone economic lessons.

And suddenly, Washington’s power elite find themselves cast in the role of global supplicant. According to the WSJ, the Treasury is even planning a sort of "road show" for its bailout to bring the skeptics - the Chinese among them - around.

The German Finance Minister, Peer Steinbrueck, was blunt last week when he said that the US is poised to lose its superpower status in the world financial system.

The Chinese take-away from the Wall Street kitchen is about to move to the next course – and there are bound to be more guests around the table.




เวลานี้เป็น "วิกฤติ" สำหรับจีน เพราะวิกฤติอาจลามมาหาจีนได้ แต่ก็เป็น "โอกาส" ในการสร้างอิทธิพลของจีนอีกเช่นกัน

ในภาษาจีน คำว่า "วิกฤติ" มีคำว่า "โอกาส" อยู่
危機 = วิกฤติ
แต่พอแยกเป็นตัวหนังสือ 2 ตัว
危 wei =อันตราย
機 ji = โอกาส


หัวข้อ: Re: ถ้ามะกันทุ่ม $7แสนล้านแล้ยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 29-09-2008, 21:10

เวลานี้เป็น "วิกฤติ" สำหรับจีน เพราะวิกฤติอาจลามมาหาจีนได้ แต่ก็เป็น "โอกาส" ในการสร้างอิทธิพลของจีนอีกเช่นกัน

ในภาษาจีน คำว่า "วิกฤติ" มีคำว่า "โอกาส" อยู่
危機 = วิกฤติ
แต่พอแยกเป็นตัวหนังสือ 2 ตัว
危 wei =อันตราย
機 ji = โอกาส


ลึกซึ้งค่ะ จากคำเต็ม ๆ สองคำ 危险,机会

อาจารย์ท่านหนึ่งที่เคยเรียนด้วยบอกไว้ว่า ไมเคิลเดลล์ ก็ยกภาษาจีนคำนี้มาใช้กับธุรกิจของตน ในการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส  :D

แต่อ่านข่าวที่ทุกท่านยกมาแล้วงงว่า นี่คือเรื่องจริงหรือ ?  :mozilla_surprised:



หัวข้อ: Re: เบื้องหลังความหายนะของ AIG (เหลือเชื่อ และเอี้ยกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งซะอีก)
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 29-09-2008, 21:22
โสภิณ ทองปาน ลงผิดแล้ว  7 แสนล้านครับ ไม่ใช่แค่ 7 พันล้าน   7 แสนล้านนี่คงได้แค่เข้าอุ้มธนาคารไทยแค่แห่งเดียวสมัยปี 40 มั้งครับ :lol:

ดูจากต้นฉบับก็ลงไว้ว่า $700 billion นะครับ สงสัยคนเขียนคงตาลายดูผิดและำจำผิด
เพราะพิมพ์ว่า "7 พันล้าน" หลายแห่งทั่วบทความเลย  :slime_smile:

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Krugman: Cash for trash
http://www.iht.com/articles/2008/09/22/opinion/edkrugman.php

PRINCETON, New Jersey: Some skeptics are calling Henry Paulson's $700 billion rescue plan for the U.S. financial system "cash for trash." Others are calling the proposed legislation the Authorization for Use of Financial Force, after the Authorization for Use of Military Force, the infamous bill that gave the Bush administration the green light to invade Iraq.


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 30-09-2008, 00:32
ยังไม่ทันข้ามวัน แทงหวยไม่ยักกะแม่นแบบนี้ (ทั้งๆ ที่ แทงไม่เป็น) น้ำมันกลิ้งโค่โร่ลงมาต่ำร้อยแล้วค่ะ (WTI นะคะ ดูไบต่ำร้อยมานานแล้ว) วันเดียวลงไป 7 เหรียญกว่า พอเวลาใกล้โหวต จากลบเกือบ 300 ดีขึ้นมาหน่อย เหลือ 200 หน่อยๆ (แล้วกลิ้งลงมา เกือบ 300 ใหม่ เอาใจยากจังวุ้ย ไอหยานับไปนับมา -398 แล้ว bill ไม่ผ่านได้ลงกันเละ สงสัยไม่ผ่านแหงเลย 554 แล้วยังไม่ทันแปะบอก ก็ลงไปเรื่อยๆ 579 แระ)

ล่าสุดกำลังนับคะแนน ได้ 170 กว่าๆ ต่อข้างแล้ว แต่คะแนนสูสีมาก ห่างไม่ถึง 10 คะแนน ลุ้นสุดๆ

198 ต่อ 221  มิน่า ลงเละ 633 แระ (-6% แล้ว เละ)

205 ต่อ 228 เหลือแค่ 1 คะแนนยังไม่โหวต

เด้งมา -502 ไม่ผ่านชัวร์แระ

เด้งมาเหลือ -416 แระ น้ำมันก็ลง ตะกี้มี 97 แล้ว (-370 แระ)

ตะกี้เห็นยืนอึ้งกันทั้งฟลอร์ ว่าแต่จะทำไงต่อหว่า  :slime_doubt:

สรุปล่าสุด ตะกี้นับผิดหรือไงไม่รู้ โหวต yea 207 nay 226

เอ๋ โหวตเสร็จแล้วมีคนขอเปลี่ยนโหวตด้วยอ่ะ ไรหว่า งง


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 30-09-2008, 01:41
เอ่อ สภาตอนนี้พี่แกล๊อคตัวไม่ให้กลับบ้านแล้ว เห็นว่าจะจับเข่าคุยแล้วอาจจะมีจุดตกลงกันให้โหวตผ่านให้ได้ ปัญหาน่าจะเพราะมีส่วนหนึ่งไม่เข้าใจผลกระทบว่า ถ้าไม่ผ่าน จะเสียหายกับคนส่วนล่าง (ที่ส่งจม มาด่า สส ว่าทำไมไปอุ้มนายแบงค์ไม่ช่วยหนี้เค้า) มากมายมหาศาลขนาดไหน

แน่นอน มีการด่ากัน โทษกัน เพราะเสียงฝ่ายรัฐบาล (รีพับบลิกัน) นั่นแหละที่ไม่โหวตให้  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: bangkaa ที่ 30-09-2008, 02:37
U.S. House Rejects $700 Billion Financial-Rescue Plan  


Sept. 29 (Bloomberg) -- The financial-rescue plan intended to restore confidence in the U.S. banking system collapsed in partisan wrangling as the House of Representatives voted down the proposal backed by the Bush administration and congressional leaders of both parties.

Markets plunged as the House rejected, by a vote of 228 to 205, the $700 billion measure to authorize the biggest government intervention in the markets since the Great Depression. The Dow Jones Industrial Average fell 564 points, or 5 percent to 10,579, at 3:05 p.m. New York time.

from bloomberg...



ไม่น่าเชื่อ ก็ต้องเชื่อ... อึ้งกิมกี่ กันทั่วโลก...   สภาครองเกรส คว่ำแผนกู้หนี้เน่าสหรัฐ 700b U.S. ...
ตอนนี้ ดาวโจนส์เดี้ยงไปประมาณ - 672 จุด ทำนิวโลว์ไปเรียบร้อยแล้ว....

ไม่ผ่านด้วยเสียง 228  ต่อ 205

ผ่านแผน 205 เสียง... เป็น Democratic 140 เสียง กับ Replubican 65 เสียง

ไม่ผ่านแผน 228 เสียง... เป็น Democratic 95 เสียง กับ  Replubican 133 เสียง

งดออกเสียง 1 ...
 



ถ้าเป็นพรรคพลังแม้ว พร้อมใจกันเสียงข้างมากลากไป ยกผ่านหมดแล้ว.... เมกาฯ นี่อ่อนชั้นกว่า พี่แม้ว ณ ลอนด้อน นัก...

(http://s.wsj.net/public/resources/images/OB-CK721_stocks_D_20080929140354.jpg)


(http://s.wsj.net/public/resources/images/OB-CK785_bailou_NS_20080929151258.jpg)



 :slime_dizzy: :slime_doubt: :slime_dizzy: :slime_surrender: :slime_surrender: :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship:


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 30-09-2008, 06:55
ปิดลบไป 777 จุด -6.98% วันนรกแตก  :slime_hmm:

29-30 กันยายน 2008 เป็นวันแห่งความล่มสลายของทุนนิยมโลก


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 30-09-2008, 09:00
ขอประณามไอ้พวกคว่ำพรก. 7 แสนล้าน  สงสัยไอ้พวกบ้านี่อยากตายหมู่  มัวแต่บ้ากับคำว่าไม่เป็นธรรมกับผู้เสียภาษี แต่มันก็ไม่เคยเสนอกลับเลยนะว่าจะให้แก้ปัญหายังไง    จะให้ต่างชาติเข้ามาเทคโอเวอร์มันก็หาว่าชาตินิยม จะอุ้มต่อมันก็บอกไม่เป็นธรรม  ถ้าเลือดไม่ไหลเวียน อวัยวะอื่นๆจะตายหมด สุดท้ายลามมาถึงตัวมันเอง  ทั้งเลวทั้งโง่    ไอ้พวกนี้แหละที่เลวพอๆกับผู้ก่อการร้าย


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 30-09-2008, 09:04
พรก.ถูกคว่ำ   FED ตัดสินใจพิมพ์ $630,000,000,000 ล้านฉีดเข้าธนาคารไปแล้ว ไม่งั้นธนาคารทั่วโลกพังแน่   ที่แน่ๆ เงินดอลล่าร์อนาคตเละแน่นอน เป็นความโง่ของคองเกรส


เฮ้ย มีโหวตครั้งที่ 2 ด้วยอะ   ไอ้เลวพวกนั้นมันอินไซเดอร์เปล่าวะ เมื่อวานคงไปช้อนไว้เยอะ เลวมาก


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 30-09-2008, 09:16
เฟดตัดสินใจ ปั๊ม ออกมามากขนาดนั้น....ถือเป็นการวัดดวงอย่างแรง....

ความเสี่ยงเรื่องการอ่อนค่าของดอลล่า อาจทำให้ มูลค่าสินทรัพย์ตกลงตามไปด้วย...

ความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ อาจทำให้ ดอกเบี้ยพุ่งกระฉูด

คนที่จะเข้ามาซื้อสินทรัพย์ต่อ คงต้องประเมินกันใหม่อีกพักใหญ่ เพื่อให้นิ่ง และแน่ใจว่า มีความเสี่ยงน้อยที่สุด...

ยิ่งเนิ่นนานออกไป บรรดาหนี้เน่าทั้งหลาย จะเริ่มบวมอืดไปเรื่อย ด้วยดอกเบี้ยมหาโหด จากการเป็น NPL ....

ดูแล้วน่าปวดหัวจริง ๆ ครับ.......ผมดูแล้วหนักกว่า วิกฤติ ปี 30 ที่เกิดในอเมริกาซะอีก..

นี่ ก็ได้ข่าว ว่า หลายประเทศในยุโรป ก็เริ่ม ออกอาการแล้ว 2-3 แห่ง...ที่จำได้ ก็มีลักแซมเบิร์ก

ที่อังกฤษ ก็เป็นข่าวใหญ่ออกมาแล้ว...หืดขึ้นคอจริง ๆ ครับ



หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 30-09-2008, 09:29
มันก็สะท้อนออกมาผ่านดัชนีหลักทรัพย์ทั่วโลกอยู่แล้วว่า ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกจะตกต่ำลงอย่างรุนแรง แล้วจะกลายเป็น "วงจรอุบาทว์"  แบ๊งก์ใหญ่ๆเจ๊ง --- เศรษฐกิจขาดสภาพคล่อง --- แห่ขายสินทรัพย์ --- ราคาตกต่ำ --- แบ๊งก์เจีง --- ขาดสภาพคล่อง ------- ไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆ มองไม่เห็นก้นเหว

สมัยปี 40 เราที่ไปปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง อันนั้นคือแบบจำลองอย่างดีเลย อยู่มาวันหนึ่งมีสถาบันการเงินหายไป 56 แห่งเศรษฐกิจพังทันทีเลย แต่นี่ระดับโลกนะเนี่ย

ขนาดประธานสภา Nancy Pelosi กับ Obama ที่เป็นเดโมแครต ยังต้องเห็นด้วยกับ 7 แสนล้านเลย เพราะมันไม่มีทางเลือก


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 30-09-2008, 09:55
นั่นแหละครับ  ที่ผมถึงบอกว่า หืดขึ้นคอ.....จะไปซ้าย ก็มีปัญหา ไปทางขวาก็มีอีกปัญหา...

ฟากปล่อย ให้ เจ๊ง จะทำให้ หนี้เสียพุ่งกระฉุด ด้วย อีกเหตุผลหนึ่ง....

ในบรรดา สถาบันการเงิน ที่ล้ม ถึงแม้จะมีหนี้เน่าอยู่มากก็จริง...

แต่ในนั้น ก็ยังคงมีลูกค้าที่ ดี ๆ อยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน....

หากปิดลงไปแล้ว...บรรดา ลูกค้า หรือ ลูกนี้ ที่ดี ก็จะถูกตัดกระแสเงินหมุนเวียน...

การปล่อยสินเชื่อ ในสภาบันการเงินอื่น ที่ พัวพันกันอยู่ ก็จะถูกเข้มงวด

หนี้ดีจะกลาย เป็น หนี้เน่าในที่สุด....(ใครที่ทำธุรกิจ คงเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี)

แบบที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า เป็นการล้มแบบโดมิโน.......นั่นแหละครับ...

มันจะเริ่มลุกลามไปเรื่อย ๆ แบบ เชื้อไวรัส....เริ่มจาก อเมริกาก่อน...แล้วลาม

ไปทั่วโลก...โดยเริ่มจากสถาบันการเงิน ที่ เกี่ยวพัน กับ อเมริกา ....

โอย...ไม่อยากจะนึกถึง......

ของเรา ยังโชคดี อยู่อย่าง.........หลังจาก วิกฤติปี 40  เราได้ตั้งมาตรฐาน การจัดชั้นหนี้ไว้สูงเกินจริง...

จึงมีการกันเงินสำรองไว้มาก...ทำให้ สถาบันการเงินที่เหลืออยู่ แข็งแกร่ง....

หาก วิกฤติ ไม่รุนแรงนานเกินไป เราคงพอรับมือไหวครับ...

แต่ หากมีวิกฤติ รุนแรง เป็นระยะเวลานาน...คงไม่ไหวเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 30-09-2008, 10:16
ตอนนี้เดโมแครต กับรีพับลิกันโทษกันใหญ่แล้วครับ ต่างคนต่างโทษกันว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา  :D


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 30-09-2008, 10:53
ขอประณามไอ้พวกคว่ำพรก. 7 แสนล้าน  สงสัยไอ้พวกบ้านี่อยากตายหมู่  มัวแต่บ้ากับคำว่าไม่เป็นธรรมกับผู้เสียภาษี แต่มันก็ไม่เคยเสนอกลับเลยนะว่าจะให้แก้ปัญหายังไง    จะให้ต่างชาติเข้ามาเทคโอเวอร์มันก็หาว่าชาตินิยม จะอุ้มต่อมันก็บอกไม่เป็นธรรม  ถ้าเลือดไม่ไหลเวียน อวัยวะอื่นๆจะตายหมด สุดท้ายลามมาถึงตัวมันเอง  ทั้งเลวทั้งโง่    ไอ้พวกนี้แหละที่เลวพอๆกับผู้ก่อการร้าย

อย่าคิดอะไรมาก มันบอกว่า ปล่อยให้แบงค์ล้มไปดิ เรียลเซคเตอร์ไม่เกี่ยว คิดได้แค่นี้ก็รู้แล้วว่า สมองมีปัญหาแหง  :slime_dizzy:

เห็นว่าจะแก้ไข ล๊อบบี้ (ไม่เหมือนบ้านเราเอาตังไปฟาดหัวซัก 30 ล้านขี้คร้านจะยกเป็นฝักถั่ว) โหวตอีกทีพฤหัสฯ นี้

แต่อย่างว่า ข่าวมันเน่ามาแต่เมื่อวานแล้วว่า ต่อให้ออกมาจริงๆ เมกาก็ยังมีปัญหาระยะยาว ปีหน้าเรียลเซคเตอร์กระทบ เงินครึ่งหลังยิ่งยากจะผ่านสภา

คราวนี้แหละจะมีบริษัทล้ม คนตกงานอีกระเนระนาด แล้วจะรู้สึก


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: BrettAnderson ที่ 30-09-2008, 11:20
เมื่อกี้นั่งฟังข่าวคลื่น 97 (เชียร์รัฐบาลทั้งวัน อั้ยปลื้มมาแถตอนบ่ายๆด้วย ใครสนใจก็มาฟังได้นะครับ ผมต้องทนฟังเพราะที่ทำงานรับ 92.25 กับ 90.5 ไม่ได้ T-T) มันบอกว่านายกสมชายสายลมบอกว่า วิกฤติครั้งนี้ไทยไม่เดือดร้อนมาก ไม่รับผลกระทบมาก อั้ยพิธีกรก็รับลูกบอกว่าไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่จะไม่รับผลกระทบ

...ส้นตินน่ะสิครับ... ไม่ต้องพูดเรื่องตลาดหุ้นที่ตกตามดาวโจรแน่ๆ มาดูเรื่องส่งออกกับท่องเที่ยว ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงดีกว่า

ส่งออกไทยพึ่งตลาดหลักที่อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เป็นหลักแล้วถ้าทั้งสามโดนผลกระทบเต็มๆ แล้วใครจะมาออเดอร์สินค้าจากเราล่ะครับ ถ้าบริษัทที่นำเข้าสินค้าจากเราเขารับผลกระทบจนเจ๊งไปแล้ว

เรื่องท่องเที่ยวนี่ก็ลืมไปได้เลย ถ้าเขาไม่มีเงินแล้ว ใครเขาจะมาเที่ยวบ้านเราล่ะ

ผมเป็นห่วงว่า พวกฝรั่งมันจะมาเมืองไทย แต่ว่ามาแต่ตัวน่ะสิ มาแล้วมันจะมาหากินในบ้านเรา อย่างที่พวกรัสเซียมันแทบจะยึดพัทยาไปหมดแล้ว

จับตาดูรัสเซีย กับ จีน ดีๆครับงานนี้ ถ้าสองชาตินี้ไม่โดนผลกระทบ รับรองมีเฮแน่ๆ

แต่อยากบอกว่าอาหรับน่ะอย่าไปหวัง เพราะถ้าอเมริกาหมดเขี้ยวเล็บเมื่อไหร่ (ไม่มีเงินมาทำสงครามแล้ว) พวกหัวรุนแรงจะกลับมาผงาดอำนาจในดินแดนอาหรับแน่ๆ เพราะลำพังรัฐบาลง่อยของพวกชาติอย่าง ซาอุ คูเวต ยูเออี บาห์เรน อิรัก ไม่มีทางจะไปต่อกรกับพวกหัวรุนแรงอย่างอัลไกด้าแน่นอน แล้วเมื่อนั้น กลียุคจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง

อ่อ เกือบลืมอินเดียไป อย่าลืมจับตาดูสามชาตินี้ไว้ให้ดี ว่าจะเกิดผลกระทบกับวิกฤติครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 30-09-2008, 12:13
จีน: นายกฯ Wen Jiabao ออกมายอมรับแล้วว่า ผลกระทบจะมาถึงจีนแน่ๆ แสดงถึงการออกมาตรการเตรียมพร้อม เพื่อลดแรงกระแทกเต็มที่  ตอนนี้จีนยังมี "ก๊อก 2" เพราะคนจีนมีเงินออมอยู่
แคนาดา: นายกฯ Stephen Harper แม้แคนาดาจะบอบช้ำน้อยที่สุดในบรรดาประเทศตะวันตก แต่ก็กล่าวเมื่อคืนว่า เตรียมรับวิกฤตการณ์แล้ว และขอให้ชาวแคเนเดี้ยนทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี

ทุกประเทศตั้งการ์ดกันหมดแล้ว น่าเป็นห่วงประเทศไทยมาก เพราะขณะนี้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มีรัฐบาล  พายุกำลังจะมามันยังจะชกต่อยแย่งตำแหน่งกันอีก   พวกนี้ไม่มีควรเป็นคนเลย แปลว่ามันมานี่ไม่ได้มีประชาชนอยู่ในสมองแม้แต่นิดเดียว



ทำนายวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจปี 51 โดย "ยูเรสโตร" ตั้งแต่ปี 2549
http://forum.serithai.net/index.php?topic=3105.0



หัวข้อ: Re: นายกฯจีน แคนาดา และทั่วโลก เตือนภัยเศรษฐกิจประชาชนแล้ว ... ไทย???
เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 30-09-2008, 12:27

ทุกประเทศตั้งการ์ดกันหมดแล้ว น่าเป็นห่วงประเทศไทยมาก เพราะขณะนี้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มีรัฐบาล  พายุกำลังจะมามันยังจะชกต่อยแย่งตำแหน่งกันอีก   พวกนี้ไม่มีควรเป็นคนเลย แปลว่ามันมานี่ไม่ได้มีประชาชนอยู่ในสมองแม้แต่นิดเดียว


*  นี่ไงโฉมหน้าทีมเศรษฐกิของประเทศไทย ..................... !!!

   
ฝ่าเปลวไฟ สุนันท์ ศรีจันทรา

30 กันยายน 2551    กองบรรณาธิการ

ครม.ชุดคนส่ายหน้า

รัฐบาลสมชาย       วงศ์สวัสดิ์       1     คลอดออกมาท่ามกลางการถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง  เพราะเป็นรัฐบาลที่มีภาพของความอัปลักษณ์       และไม่ได้สร้างความคาดหวังใดๆ     จากประชาชน โดยเฉพาะ ครม.ด้านเศรษฐกิจ

ทีมงานเศรษฐกิจควรเป็นจุดแข็งหรือจุดขายของรัฐบาลชุดใหม่    เพราะประเทศกำลังเผชิญเฮอริเคนลูกใหญ่จากสหรัฐ    จำเป็นต้องระดมผู้ที่มีความรู้ความสามารถ   มีประสบการณ์  เพื่อรับมือผลกระทบจากภายนอกประเทศ และนำประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ

แต่ ครม.เศรษฐกิจกลับเป็นจุดที่อ่อนด้อย

ตั้งแต่หัวหน้าทีม   หรือตั้งแต่  ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม และ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ดร.โอฬาร   จบชีวิตความเป็นโหรเศรษฐกิจไปแล้ว  ตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี  2540 เพราะทำนายและคาดหมายแนวโน้มเงินบาทผิดอย่างมหันต์   โดยยืนยันว่า   ธนาคารแห่งประเทศไทย  จะไม่มีวันลดค่าเงินบาท   เมื่อมีการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท  ในวันที่  2 กรกฎาคม  2540  ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทในเครือ  รวมทั้งบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด จึงได้รับผลกระทบอย่างหนัก

เพราะไม่มีการประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้    ต้องเกิดผลเสียหายจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมาก   ทำให้  ดร.โอฬารได้รับแรงกดดัน จนต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่  ธนาคารไทยพาณิชย์  และเข้าไปรับใช้ดูแลธุรกิจของตระกูลชินวัตร

ส่วน  ดร.สุชาติ ถือเป็นรัฐมนตรีคลังมือใหม่หัดขับ ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ขีดความสามารถของตัวเองอยู่  จึงระดมทีมที่ปรึกษาเข้ามาช่วยเสริมบารมีชุดใหญ่ รวมทั้ง ดร.วีรพงษ์ รามางกูร  หรือ ดร.โกร่งด้วย แต่แม้จะมี ดร.โกร่งมาเป็นพี่เลี้ยง แต่ไม่ได้ช่วยให้ภาคธุรกิจมีความคาดหวังกับกระทรวงการคลังเท่าใด

เพราะเฮอริเคนจากสหรัฐ หรือวิกฤตการณ์สถาบันการเงินสหรัฐหนักหน่วงรุนแรง    จนอาจทำให้เศรษฐกิจปั่นป่วน   ระเนระนาดไปทั่วโลก และระดับความสามารถของ ครม.เศรษฐกิจชุดนี้ ต้องบอกว่าฝีมือยังห่างไกลเกินกว่าจะรับมือกับปัญหาที่กำลังพุ่งเข้าใส่ประเทศไทย

ครม.เศรษฐกิจมีฐานะเพียงไม้ประดับ     และคงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้มาก     เพราะนอกจากระดับความสามารถมีขีดจำกัดแล้ว  ระยะเวลาการทำงานยังสั้น  จนอาจทำให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจหลายคนทำงานในลักษณะประคับประคองตัว  เพื่อไม่ต้องเปลืองตัวมากนัก ไม่ว่า ดร.โอฬาร หรือแม้ ดร.โกร่ง

จะมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่แสดงบทบาทเต็มตัวอยู่เพียงคนเดียวคือ   ดร.สุชาติ  เพราะส้มหล่นใส่เท้าทั้งที ต้องทุ่มเทกันอย่างสุดฤทธิ์ แต่คงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้มากนัก

เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจ   หรือนักลงทุน  ดูเหมือนจะไม่ให้เครดิตทีมเศรษฐกิจรัฐบาลสมชายแต่อย่างใด   และอาจเป็นครั้งแรกเสียด้วยซ้ำที่ภาคธุรกิจเอกชน  แสดงทัศนะคติออกมาในเชิงลบกับรัฐบาลสมชาย  ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย เนื่องจากภาคธุรกิจจะเกรงอกเกรงใจ ไว้หน้ารัฐบาล

แต่  ครม.รัฐบาลสมชาย   อัปลักษณ์จนภาคธุรกิจรักษามารยาทต่อไปไม่ไหว  ออกมาวิจารณ์ตรงๆ  ไม่ได้พูดเชียร์หรือสรรเสริญเยินยอทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่  เหมือนประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมาก

นักธุรกิจส่วนใหญ่แทบไม่มีความคาดหวังมาตรการช่วยเหลือ    หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลนายสมชายแต่อย่างใด    โดยมองว่าเป็นเพียงรัฐบาลขัดตาทัพ   เข้ามาบริหารประเทศชั่วคราว  และในวาระสั้นๆ ไม่ได้มุ่งมั่นการแก้วิกฤติเศรษฐกิจเป็นนโยบายสำคัญอันดับแรก

ส่วน  ครม.เศรษฐกิจก็เป็น  ครม.เศรษฐกิจชุดที่ใครๆ  ก็ส่ายหน้า  เพราะทั้งชื่อทั้งชั้น  ทั้งประสบการณ์ความสามารถ ไม่สามารถเรียกความมั่นใจจากนักลงทุนได้ แม้แต่นักลงทุนในประเทศก็ตาม จึงอย่าหวังว่าจะสร้างความเชื่อมั่นจากต่างชาติ

ดร.โอฬาร    ดร.โกร่ง    เก่าคร่ำครึเกินไปที่จะหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นใช้งานแล้ว   และ ดร.สุชาติก็เป็นขุนคลังป้ายแดงที่ยังไม่เคยเห็นผลงานใดๆ    ครม.เศรษฐกิจชุดนี้จึงไม่มีจุดขายใดๆ

นักธุรกิจและนักลงทุนจึงไม่ตั้งความคาดหวังใดจากทีมเศรษฐกิจ  และถ้าเป็นไปได้ก็หวังว่าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลสมชายจะไม่มีนโยบายหรือมาตรการใหม่ๆ   ออกมามากมาย  แต่เพียงแค่ทำงานประคับประคองสถานการณ์ไปเท่านั้น

เพราะกลัวกันจริง   กลัวนโยบายใหม่ๆ    ของ ครม.เศรษฐกิจ    จะซ้ำเติมให้เศรษฐกิจเลวร้าย ซ้ำเติมภาคธุรกิจเอกชนให้ย่ำแย่หนักไปกว่าเดิม.




หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 30-09-2008, 13:16
พรก.ถูกคว่ำ   FED ตัดสินใจพิมพ์ $630,000,000,000 ล้านฉีดเข้าธนาคารไปแล้ว ไม่งั้นธนาคารทั่วโลกพังแน่   ที่แน่ๆ เงินดอลล่าร์อนาคตเละแน่นอน เป็นความโง่ของคองเกรส


เฮ้ย มีโหวตครั้งที่ 2 ด้วยอะ   ไอ้เลวพวกนั้นมันอินไซเดอร์เปล่าวะ เมื่อวานคงไปช้อนไว้เยอะ เลวมาก

น่าสงสัยครับ เพราะการมีโหวตครั้งที่ 2 ไม่รู้งานนี้จะมีคนอเมริกาขายชาติรึเปล่า
แต่อเมริกา น่าจะมีระบบ ตรวจสอบการเงิน ที่เข้มข้น
ถ้ามันคำนวนว่า ดอลล่าร์จะตกวูบล่วงหน้า แล้วมันประวิงเวลา เพื่อ ขายดอลล่าร์ไปก่อน
มันไม่กลัวทางการจับได้หรือ


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คือคำตอบ?!? (FRANCE 24)
เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 30-09-2008, 13:59
จีน: นายกฯ Wen Jiabao ออกมายอมรับแล้วว่า ผลกระทบจะมาถึงจีนแน่ๆ แสดงถึงการออกมาตรการเตรียมพร้อม เพื่อลดแรงกระแทกเต็มที่  ตอนนี้จีนยังมี "ก๊อก 2" เพราะคนจีนมีเงินออมอยู่
แคนาดา: นายกฯ Stephen Harper แม้แคนาดาจะบอบช้ำน้อยที่สุดในบรรดาประเทศตะวันตก แต่ก็กล่าวเมื่อคืนว่า เตรียมรับวิกฤตการณ์แล้ว และขอให้ชาวแคเนเดี้ยนทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี

ทุกประเทศตั้งการ์ดกันหมดแล้ว น่าเป็นห่วงประเทศไทยมาก เพราะขณะนี้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มีรัฐบาล  พายุกำลังจะมามันยังจะชกต่อยแย่งตำแหน่งกันอีก   พวกนี้ไม่มีควรเป็นคนเลย แปลว่ามันมานี่ไม่ได้มีประชาชนอยู่ในสมองแม้แต่นิดเดียว



ทำนายวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจปี 51 โดย "ยูเรสโตร" ตั้งแต่ปี 2549
http://forum.serithai.net/index.php?topic=3105.0



รองนายกฯ กะรมต คลัง บอกว่า ไทยไม่กระทบ ไม่เป็นไร กระทบน้อยมาก

ได้ยินมันให้สัมภาษณ์ก็รู้แล้วว่า ตายแหง  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: UPDATE: แบ๊งก์เบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ้าที่ 2, พี่ใหญ่ฝรั่งเศสช่วยอุ้ม!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 30-09-2008, 17:04
UPDATE: ธนาคารในเบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ้าที่ 2, เพื่อนบ้านฝรั่งเศสช่วยอุ้ม!

สถานการณ์ผันผวนรายชั่วโมงเลย จู่ๆธนาคารในเบลเยี่ยมกับลักเซมเบิร์กก็เจ๊งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  2 ประเทศเป็นประเทศเล็ก เลยต้องเรียกฝรั่งเศสที่เป็นพี่เบิ้มย่านนั้นมาช่วยกันฉีดเงินอุ้มรวมกัน 6.4 พันล้านยูโร

น่าคิด ไม่รู้มันจะมาถึงเอเชียจังๆเมื่อไร ขนาด จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยังนั่งไม่ค่อยติด เหมือนซึนามิเลยอะ

การที่เบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก สะเทือน ถึงขนาดต้องเรียกฝรั่งเศสมาช่วย แสดงให้เห็นว่าชาติที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กกว่าเวลาโดนจะสะเทือนมากกว่า เช่น ประเทศไทย ต้องระวังให้ดี อย่าประมาท

เลิกหวังกะไอ้รัฐบาลโจรได้แล้วว่ามันจะมาช่วยอะไรประชาชน ป่านนี้ยังกัดกันไม่จบ  :slime_hmm:


Dexia secures survival with €6.4bn rescue

Dexia today became the second Belgian bank to be bailed out by authorities after Belgium, France and Luxembourg pledged to inject €6.4 billion (£5.1 billion) to keep the local government lender afloat.


http://business.timesonline.co.uk/tol/business/industry_sectors/banking_and_finance/article4851187.ece


หัวข้อ: Re: UPDATE: แบ๊งก์ในเบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ้าที่ 2, พี่เบิ้มฝรั่งเศสช่วยอุ้ม!
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 30-09-2008, 17:07
เวรกรรมละคร้าบบบบ
มันจะล้มกันอีกกี่ที่เนี่ย
อีกกี่ประเทศ
แล้วประเทศเรา ดันมามีรัฐบาลแบบนี้ในช่วงนี้ด้วย
แค่คิดก็เหนื่อยแล้วค่ะ
 :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คื
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 02-10-2008, 17:07

พวก BENELUX ประเทศมันจะมีอะไรกินกัน ยอมรับว่าชื่นชมพวกนี้อยู่มากทีเดียว 
เพราะประเทศแค่นั้นแต่มัน trade สารพัดอย่างเก่งมากๆจนรวยได้
ได้ยินมาว่า ดอกทิวลิป เครื่องมือหากินของ holland เดิมมาจากตุรกี....


อย่าคิดอะไรมาก มันบอกว่า ปล่อยให้แบงค์ล้มไปดิ เรียลเซคเตอร์ไม่เกี่ยว คิดได้แค่นี้ก็รู้แล้วว่า สมองมีปัญหาแหง  :slime_dizzy:

เห็นว่าจะแก้ไข ล๊อบบี้ (ไม่เหมือนบ้านเราเอาตังไปฟาดหัวซัก 30 ล้านขี้คร้านจะยกเป็นฝักถั่ว) โหวตอีกทีพฤหัสฯ นี้

แต่อย่างว่า ข่าวมันเน่ามาแต่เมื่อวานแล้วว่า ต่อให้ออกมาจริงๆ เมกาก็ยังมีปัญหาระยะยาว ปีหน้าเรียลเซคเตอร์กระทบ เงินครึ่งหลังยิ่งยากจะผ่านสภา

คราวนี้แหละจะมีบริษัทล้ม คนตกงานอีกระเนระนาด แล้วจะรู้สึก

เฮ่ออออ พี่น้อง  ที่เดี๊ยนหายไปนานก็เพราะไอ้เรื่องโหวตบ้านี่แหละ
บอกตรงๆว่าเสียหุ้นไป 2 หมื่นกว่า  เบลอไปเลยทีเดียว
( ถ้าสงสารก็ปลอบใจกันมั่งนะ  :slime_shy: )


คุณแอนคิดเหมือนกันว่า congress ทำไมมันโง่ขนาดนี้
ตอนที่เดี๊ยนเก็บหุ้น ก็คิดว่ามันไม่น่าจะโง่คว่ำ พรก นี้
เลยไม่ได้เปิดจอดูหุ้นเลย  มาดูอีกทีลงไป 10 step ภายในบ่ายนั้นเลย
สรุปคือ  กูโง่ที่สุด

แบบว่า ตลาดหุ้นไทยรู้ล่วงหน้าด้วยเนอะว่ามันจะไม่ผ่าน
เค้าจะโหวตตอนกลางคืน  ตอนบ่ายหุ้นกระจุยไปแล้ว



พรก.ถูกคว่ำ   FED ตัดสินใจพิมพ์ $630,000,000,000 ล้านฉีดเข้าธนาคารไปแล้ว ไม่งั้นธนาคารทั่วโลกพังแน่   ที่แน่ๆ เงินดอลล่าร์อนาคตเละแน่นอน เป็นความโง่ของคองเกรส


เฮ้ย มีโหวตครั้งที่ 2 ด้วยอะ   ไอ้เลวพวกนั้นมันอินไซเดอร์เปล่าวะ เมื่อวานคงไปช้อนไว้เยอะ เลวมาก


น่าคิดนะท่าน
สังเกตจากบ่ายวันที่ 29 หุ้นไทยตกแบบตายกันไปเลย
(มันรู้ก่อนได้ไง  ทั้งๆที่การโหวตจะเกิดขึ้นในตอนกลางคืน)

ที่สำคัญ  วันรุ่งขึ้น 30 กย ทั้ง hang seng ทั้ง SET พุ่งแบบติดจรวด
ทั้งๆที่แบงค์ในยุโรปเพิ่งจะล้มไปแหม่บๆ  ยังมีคนมาวิ่งไล่เก็บหุ้นกันอีก

วานพี่ท่านช่วยแจงเรื่องการโหวตครั้งที่ 2 หน่อยได้มั้ย แบบว่า งงว่ะ




หัวข้อ: Re: ถ้า $7แสนล้านยังเอาวิกฤตไม่อยู่ .. "จีน" คื
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 03-10-2008, 11:20
การโหวตครั้งที่ 2 ก็คือพยายามจะเสนอกฎหมายเข้าไปใหม่ ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ก็เหมือนกฎหมายธรรมดาถ้าถูกโหวตตก คนทีเสนอก็บรรจุเป็นวาระเสนอเข้าไปใหม่ได้   โดยการจะเสนอเข้าใหม่ก็ต้องมีการล็อบบี้และเจรจาหลังฉากเพื่อให้มีการเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง จะได้เปลี่ยนใจส.ส.ที่คัดค้าน จะได้หันมาสนับสนุนในที่สุด

ก่อนที่หุ้นจะตก 777 จุด (ตรงกับกลางคืนของกทม.) ผมเกือบโทรสั่งซื้อหุ้นแบงก์อยู่เหมือนกัน แต่เผลอหลับไปก่อน  ไม่งั้นตื่นเช้ามาเจอข่าวช็อคโลกคงหน้ามืดไปแล้ว  :slime_v:

ใจเย็นๆครับ คาดว่า ข่าวร้ายคงมีอีกหลายระลอกให้เราได้มาเก็บของกัน :mrgreen:   ใหัสังเกตว่า ญี่ปุ่น จีน แคนาดา เริ่มเข้าไปล่าของถูกกันบ้างแล้ว  แล้วก็เก็บยาว


หัวข้อ: Re: UPDATE: แบ๊งก์ในเบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ้าที่ 2, พี่เบิ้มฝรั่งเศสช่วยอุ้ม!
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 03-10-2008, 11:50
ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเงินเริ่มไหลกลับเข้าไปซื้อของถูกในอเมริกาครับ แม้แต่ขาใหญ่แบบนายบัฟเฟตก็ออกมาช่วยแจมช้อนซื้อด้วย ดอลล่าร์เลยกลับมาแข็งค่าอีกรอบ แต่จะไปได้แค่ไหนนี่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแผนปรส.ฉบับฝรั่งจะมีประสิทธิผลแค่ไหน คงต้องรอดูอีกซักห้าหกดือน

ตอนนี้ผมดูว่าหุ้นบลูชิพของไทยกลับเริ่มดูน่าสนใจมากกว่าหุ้นฝรั่งครับ ถ้าใจเย็นเงินเย็นจริงอาจได้ซื้อที่ 400++   :slime_inlove:


หัวข้อ: Re: UPDATE: แบ๊งก์ในเบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 03-10-2008, 19:58
                                                                                                                           ^
                                                                                                                           ^

ขอบคุณนะคะพี่น้อง                                                    สมพรปาก ส๊าธุ  :slime_worship:



หัวข้อ: Re: UPDATE: วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลก
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 03-10-2008, 20:31
ตอนนี้ผลกระทบเริ่มลามมาถึง ญี่ปุ่น กับ จีน แล้ว   โรงงานเริ่มชะลอการสั่งวัตถุดิบ ราคาอสังหาฯลง น่ากลัวมากจริงๆ


หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 04-10-2008, 13:33
รัฐบาลรัฐ CALIFORNIA ขาดสภาพคล่องหนัก เตรียมกู้เงินรัฐบาลกลาง 7 พันล้าน

แม้สภาคองเกรส (ทั้ง ส.ส. และ ส.ว.) จะผ่านวงเงิน 7 แสนล้านไปแล้ว แต่นั่นแค่เริ่มต้นและทำให้ตลาดเสียความรู้สึก เพราะวิกฤตได้ลามไปถึงโชวห่วยอเมริกา รากหญ้า  เดือนก.ย.ที่ผ่านมามีคนอเมริกันตกงานเพิ่ม 160,000 คนทั่วประเทศ

วิกฤติลามไปถึงระดับรัฐบาลท้องถิ่น เช่น Jefferson County (เปรียบเหมือนอำเภอ) ในรัฐ Alabama ขาดเงิน ไม่เงินมาจ่ายเงินเดือนข้าราชการและบำรุงท้องที่  ส่วนรัฐ California ขาดเงินอย่างหนักถึงขนาด Arnold Schwarzenegger เรียกร้องให้รัฐบาลกลางที่ DC ตั้งวงเงินฉุกเฉิน 7 พันล้าน มาสำรองเร่งด่วนไม่งั้นมลรัฐนี้จะล้มละลาย


ผู้ว่าการธนาคารกลางเฟด Ben Bernanke ใช้คำพูดสยองมาก "We will continue to use all of the powers at our disposal to mitigate credit market disruptions and to foster a strong, vibrant economy."  ก็คือ จะระดมสรรพกำลังเท่าที่เรามี เพื่อบรรเทาภาวะตลาดขาดสภาพคล่อง !!!!
:slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 04-10-2008, 15:59
เห็นบอกว่าจะไม่มีงบประมาณให้ตำรวจ สถิติอาชญากรรมอาจจะพุ่งสูง
อะไรมันจะตกต่ำได้ขนาดนี้


หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: marrykate ที่ 04-10-2008, 18:32
ถ้ามี 401K อยู่ในอเมริกาตอนนี้ ควรรีบเอาออกมาไหมคะ

(ถ้าเอาออกมาตอนนี้ต้องเสียภาษีเยอะมาก)





หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 04-10-2008, 19:45
ถ้ามี 401K อยู่ในอเมริกาตอนนี้ ควรรีบเอาออกมาไหมคะ

(ถ้าเอาออกมาตอนนี้ต้องเสียภาษีเยอะมาก)

ขึ้นอยู่กับว่า ตอนเปิดบัญชี 401K เลือก plan แบบไหนแล้วไปลงทุนในสัดส่วนอะไรยังไงอะครับ  ยังไงถอนตอนนี้มีแต่เสียกับเสียแหละ ทั้งภาษีบาน ราคาก็เละ  อเมริกาคงไม่เจ๊งหรอกครับ ที่สุดยังไง จีน ญี่ปุ่น อาหรับ สิงคโปร์ ต้องแห่มาช่วยอุ้มแหละ  เหมือนสมัยปี 41 ญี่ปุ่นต้องเข้ามาอุ้มไทย เพราะมาลงทุนในไทยไว้มาก

นึกถึงไทยสมัยหลังวิกฤตปี 40  เกิดความตื่นตระหนกแผ่ไปทั่ว  ค่อยๆกลายเป็นอาการช็อคทางความรู้สึก (กูเคยรวยนี่หว่า ราคาที่ดินเคยวาละ 1 แสน เหลือวาละ 2 หมื่น  หุ้นเคยราคา 100 บาทเหลือ 20) พอฝุ่นหายตลบเสร็จแล้วก็เป็นความซึมเศร้ามองไม่เห็นอนาคต  เสร็จแล้วก็กลายเป็นความเคยชิน เสร็จแล้วมันก็ค่อยๆฟื้นตัวครับ


เห็นบอกว่าจะไม่มีงบประมาณให้ตำรวจ สถิติอาชญากรรมอาจจะพุ่งสูง
อะไรมันจะตกต่ำได้ขนาดนี้
ก็คงเหมือนไทยสมัยปี 41  อะครับ   แฮมเบอร์เก้อร์นี่รสจัดกว่าต้มยำกุ้งอีกนะ  :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: 55555 ที่ 04-10-2008, 20:07
ผมว่า สาหัสแล้วครับ....

อาการแบบนี้ คงลามเข้าไปที่ real sector แล้ว จริง ๆ .....

เมื่อครั้งวิกฤติ ปี 40 ในประเทศไทย .......

ผู้ที่ได้รับ ผลกระทบโดยตรง คือ ผู้ประการธุรกิจ กับ ชนชั้นกลาง บางส่วน....

ขณะที่ ในความเป็นจริง แล้ว เกษตรกร บางส่วน กลับได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน ทำให้ส่งออกได้ดี

ประเทศในแถบเอเซีย อยู่รอดด้วยการพึ่งพิง ทรัพยากรธรรมชาติ...

แต่ในอเมริกา...เศรษฐกิจส่วนใหญ่ พึ่งพิง นวัตรกรรมทางการเงิน....ตลาดหุ้น....และ อุตสาหกรรม...

ทรัพยากรธรรมชาติ มีน้อย.....อาจจะหยุดอาการตื่นตระหนกได้  แต่ การจะฟื้นตัว แบบ วิกฤตในเอเซียคงยากหน่อยครับ...

เราคงต้องติดตามดูครับว่า เงินที่จะเข้าไปอุด  จะเป็นแหล่งไหน...ได้มาจากที่ใด....

ซึ่ง ไม่ว่า จะเป็นวิธีใด ก็จะมีผลกระทบ ทางใดทางหนึ่งทั้งสิ้น....

ถึงกระนั้น ผมคิดว่า เค้าคงตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ปล่อยให้สถาบันการเงินล้ม...

แต่ผมยังอดคิดไม่ได้อยู่ดี...." ว่ามันจะจบจริงหรือ "........

เพราะ กว่า ข่าวจะหลุดออกมา ไม่รู้มันลามไปถึงไหนแล้ว...


หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 04-10-2008, 21:31
New York State วิกฤตตาม California  เรียกประชุมสภามลรัฐด่วน หลังสูญรายได้ 20%


ข้อสังเกตคุณ 55555 มีเหตุผลและเป็นจริง  ถ้ารัฐบาลมลรัฐขาดสภาพคล่อง แปลว่า บรรดาการค้าในรัฐกำลังขาดทุนแล้วทยอยเจ๊งในปริมาณมาก รัฐเก็บภาษีไม่ได้ จะออกพันธบัตรช่วงนี้ก็ไม่มีใครซื้อ ต้องเสนอดอกเบี้ยสูงมากเพื่อแย่งเงินมา เพราะสภาพคล่องในเศรษฐกิจมีปัญหา

ตอนนี้ ผู้ว่ามลรัฐ New York ซึ่งแกพิการทางสายตา จัดประชุมสภารัฐด่วน เพราะรายได้ของมลรัฐนี้ต้องพึ่งพา Wall Street ถึง 20% :!:

2 มลรัฐนี้เป็นมลรัฐที่ใหญ่สุดในอเมริกาด้วย เพราะมีประชากรมาก แค่ CA รัฐเดียวก็มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 6 ของโลกแล้ว ใหญ่กว่าหลายประเทศซะอีก

7 แสนล้านดอลล่าร์ too little too late  ไม่พอแน่นอน คงต้องมีตามมาอีกหลายระลอก ถึงเวลาฟันธงว่าหนีไม่พ้นต่างชาติต้องมาช่วยกันซื้อสินทรัพย์ของอเมริกาแน่นอน

ดังนั้น ใครลงทุน อดใจรอ ข่าวร้ายมีหลายรอบ โอกาสมาแล้ว  :slime_fighto:


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: vorapoap ที่ 04-10-2008, 22:22
อืมมม มันจะเป็นไงต่อเนี่ย.... อยากทราบว่า แถว ตะวันออกกลางได้รับผลกระทบบ้างไหมครับ


หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: marrykate ที่ 04-10-2008, 22:31
ขึ้นอยู่กับว่า ตอนเปิดบัญชี 401K เลือก plan แบบไหนแล้วไปลงทุนในสัดส่วนอะไรยังไงอะครับ  ยังไงถอนตอนนี้มีแต่เสียกับเสียแหละ ทั้งภาษีบาน ราคาก็เละ  อเมริกาคงไม่เจ๊งหรอกครับ ที่สุดยังไง จีน ญี่ปุ่น อาหรับ สิงคโปร์ ต้องแห่มาช่วยอุ้มแหละ  เหมือนสมัยปี 41 ญี่ปุ่นต้องเข้ามาอุ้มไทย เพราะมาลงทุนในไทยไว้มาก

ขอบคุณค่ะ plan ที่เลือกเป็น Long Term Bond กับ Blue Chip Stock
แต่คิดว่าคงไม่ถอนเพราะถ้าถอนตอนนี้จะโดน tax + penalty ไปประมาณครึ่งนึง
แต่ก็ต้องรออีกหลายปีเหมือนกัน กว่าจะได้เสียภาษีเรทต่ำ ยังไงจะลองวัดดวงดูสถานการณ์ไปก่อนค่ะ :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 04-10-2008, 22:51
คุณ marrykate ขอเอาใจช่วยค่ะ
ยังไงซะ ถ้าท่านเป็นเงินเย็น รอได้ก็รอเถอะค่ะ

--------------------------------------------------------------------

อเมริกาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันมาหลายปีแล้ว
ที่มันกินใช้กันมาตลอดนี่ สงสัยเป็นเงินแขกอาหรับรึป่าวหว่า

เมื่อก่อนพูดผิดไปที่ว่าปล่อยให้ real sector มันค่อยๆฟื้นเศรษฐกิจด้วยตัวเอง
ถ้ายืมเงินคนอื่นมาหมุนไปวันๆแบบนี้  ยิ่งถ้าภาคการเงินการธนาคารตายด้วยแล้ว......
สงสัยต้องเอา weapon of mass destruction ไปเลหลังขายซะล่ะมั้ง มึงเอ๊ยย งานนี้เผาจริง  :slime_whistle:

อาจจะหนีไม่พ้นต้องบากหน้าเอาสมบัติไปขายถูกๆให้จีน ญี่ปุ่น แขกอาหรับ
ลดการบริโภคน้ำมันลง แบงค์ดอลล่ากลายเป็นของเด็กเล่น อยู่อย่างพอเพียงซัก 4-5 ปี 



หัวข้อ: Re: ***ปรส.*** ฉบับ USA เตรียมเสนอต่อสภาคองเครสแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: TrainnerGoki ที่ 04-10-2008, 22:56
หวังว่า ดอลลาร์สหรัฐ คงจะไม่เป็นแบบนี้นะครับ
(http://cache.daylife.com/imageserve/03ORa153k8bVA/610x.jpg)

 :slime_dizzy: :slime_dizzy:


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 04-10-2008, 23:12

สงสัยต้องเอา weapon of mass destruction ไปเลหลังขายซะล่ะมั้ง มึงเอ๊ยย งานนี้เผาจริง  :slime_whistle:

อาจจะหนีไม่พ้นต้องบากหน้าเอาสมบัติไปขายถูกๆให้จีน ญี่ปุ่น แขกอาหรับ
ลดการบริโภคน้ำมันลง แบงค์ดอลล่ากลายเป็นของเด็กเล่น อยู่อย่างพอเพียงซัก 4-5 ปี 



ใครบอกต้องเลหลัง WMD? มีอีกหลายญัตติที่ไม่ค่อยเป็นข่าวที่ถูกบรรจุเข้าไปในวาระการประชุมเพื่อลงมติเห็นชอบครับ หนึ่งในนั้นคือ งบทหาร 600,000,000,000 ดอลล่าร์ ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่มากกว่าประเทศที่เหลือในโลกรวมกัน  ไอ้ที่อเมริกาเคยไปว่าจีนว่าเพิ่มงบทหาร 3 หมื่นล้านดอลล่าร์ ขี้ๆไปเลย ขนาดจีนมีกำลังคนกองทัพใหญ่กว่าอเมริกาเพราะขนาดประชากร ยังใช้แค่ 3 หมื่นล้านดอล

ทั้งนี้เนื่องมาจากอเมริกาไปติดหล่มในอิรักและอัฟกานิสถาน  และเวลานี้พวก fundamentalists ยังมีอยู่ แล้วก็สามารถหาคนใหม่ๆเข้าร่วมได้เรื่อยๆ  ถ้าอเมริกาตรึงกองกำลังไว้ต่อ รัฐบาลอิรักและอัฟกาที่ตั้งขึ้นมารับรองว่าล่มสลายภายในไม่กี่วัน   วันนี้นายกฯแคนาดา Stephen Harper เผลอหลุดยอมรับระหว่างโต้วาที (แคนาดากำลังมีเลือกตั้งกลางเดือน ต.ค.นี้) ยอมรับว่า โชคดีที่แคนาดาไม่ได้ตัวแกเองเป็นนายกฯ ไม่งั้นป่านนี้คงติดหล่มร่วมกับอเมริกาในอิรักแล้ว เพราะสมัยนั้นแกคลั่งไคล้อเมริกามาก

แต่มองอีกมุมหนึ่ง หากอเมริกาไม่ทุ่ม 6 แสนล้าน  อำนาจทางหทารที่เป็นอีกเสาหลักหนึ่งจะล่ม อเมริกาก็ไม่เหลือครับ (ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ท่านบอกว่า อเมริกาขายอยู่ 2 อย่างคือ ดอลล่าร์ กับอาวุธ) ดังนั้นยังไงก็ต้องผ่าน

รัฐมนตรีคลังของเยอรมนี ยังบอกเลยว่า "ความเป็นมหาอำนาจและความน่าเชื่อถือของอเมริกากำลังสึกกร่อนลง"  ทำให้เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลอเมริกันโกรธมาก


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 05-10-2008, 08:23
อ่านข่าวซิตี้กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการที่กำลังจะเจ๊งโดยไม่สนใจว่าตนเองจะโดนลดอันดับความน่าเชื่อถือแล้วก็เสียวๆ ยังไงไม่รู้แฮะ  :D


=======================================
ซิตี้กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการวอโชเวียคอร์ป หวังสร้างภาพสหรัฐฯดีขึ้น Written by SW   
Sep 30, 2008 at 10:51 AM
ซิตี้กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการวอโชเวียคอร์ป สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯลงมติคว่ำแผนกู้วิกฤต โดยการซื้อกิจการดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ภาคการเงินสหรัฐฯอ่อนแอลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่
              รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า การซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้ซิตี้กรุ๊ปมีสาขาในสหรัฐฯเพิ่ม 4,300 แห่ง และมีสาขาในต่างประเทศเพิ่ม 3,300 แห่ง ขณะเดียวกันซิตี้กรุ๊ปได้ประกาศลดการจ่ายเงินปันผลลงครึ่งหนึ่งจาก 36 เซนต์ เป็น 16 เซนต์ และเพิ่มทุน 10 พันล้านดอลลาร์

               นาย วิครัม แพนดิท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า การซื้อกิจการวอโชเวียเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม และจะทำให้ซิตี้กรุ๊ปเป็นธนาคารที่มีสาขาในสหรัฐฯมากที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากแบงก์ออฟอเมริกาและเจพีมอร์แกนเชสแอนด์โค

               ทั้งนี้ บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐฯเปิดเผยว่า ซิตี้กรุ๊ปจะต้องรับรู้ผลขาดทุน 42 พันล้านดอลลาร์จากพอร์ตสินเชื่อของวอโชเวีย ซึ่งมีขนาด 312 พันล้านดอลลาร์
==================


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 05-10-2008, 09:37

ถามผู้รู้เรื่องการเงินหน่อยสิ

Loans/Deposits Thai commercial bank ช่วงก่อนและหลังต้มยำกุ้ง
Period   Credits      Deposits      L / D Ratios   No. of Banks
1993 Dec   2,692,289   2,414,525   111.5      43
1994 Dec   3,456,099   2,713,404   127.37      49
1995 Dec   4,249,525   3,161,515   134.41      49
1996 Dec   4,854,504   3,610,284   134.46      48
1997 Dec   6,058,427   4,228,980   143.26      54
1998 Dec   5,382,750   4,663,842   115.41      49
2000 Dec   4,605,995   4,883,209   94.32      46
2001 Dec   4,309,436   5,078,582   84.86      41
2002 Mar   4,413,210   5,229,603   84.39      39
2002 Jun   4,522,248   5,261,881   85.94      38
2002 Sep   4,574,565   5,127,426   89.22      38

ปัจจุบัน
Loans/Deposits Q2/2008
Large Thai Commercial Bank   99.81
Medium Thai CommercialBank  100.87
Small Thai Commercial Bank  115.97
Average Thai Commercial bank 101.41

สงสัยครับว่าปกติเขามีกฎหมายควบคุมระดับ loan/deposit ratio ของสถาบันการเงินกันหรือเปล่า ทำไมมันถึงปล่อยกู้ได้เกิน 100% ได้???


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 05-10-2008, 10:38
ย้อนรอยวิกฤติการเงินสหรัฐฯ [3 ต.ค. 51 - 19:48]
 
ไหนๆก็เขียนเรื่องวิกฤติการเงินสหรัฐฯมาหลายวันแล้ว วันนี้ผมขอ ย้อนรอยวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ ให้เห็นกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่า วิกฤตินี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ข้อมูลนี้ผมไปค้นมาจากวารสาร “การเงินธนาคาร” ฉบับเก่าของปีที่แล้ว ซึ่ง ดร.สุธี โมกขะเวส ผู้เชี่ยวชาญการบริหารความเสี่ยง ได้บรรยายไว้เป็นฉากๆอย่างละเอียดเลยทีเดียว

เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านใหม่ แล้วเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ยิ่งขนลุก นึกไม่ถึงว่าตลาดเงินในโลกทุนนิยมตะวันตกจะชั่วร้ายขนาดนี้

จุดเริ่มต้นของปัญหา “ซับไพร์ม” ที่เป็นต้นตอวิกฤติการเงินยุคใหม่ เกิดจากคนอเมริกัน 6 ล้านคน ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีเงินได้ แต่ไปขอกู้เงินซื้อบ้านจากสถาบันการเงิน ด้วยวิธีการกู้ที่เรียกว่า Loan to Value สินเชื่อตามมูลค่าบ้าน โดยกู้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ของราคาบ้าน แถมยังไม่ต้องมีเงินดาวน์อีกต่างหาก

เงินกู้แบบนี้เรียกว่า No Doc Loan หรือ No Document Loan เป็นการกู้เงินที่ไม่ต้องมีเอกสาร ไม่ต้องบอกว่ามีเงินเดือนเท่าไร สามารถผ่อนส่งบ้านได้หรือไม่ ที่สำคัญคือสามารถกู้ได้เท่ากับมูลค่าบ้าน

ไม่น่าเชื่อว่าระบบสินเชื่อบ้านในสหรัฐฯจะเหลวแหลกขนาดนี้

ฝ่ายสถาบันการเงินผู้ให้กู้ ก็มีรายได้จากค่าธรรมเนียมการปล่อยกู้ และไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงของลูกหนี้เหล่านี้จะเบี้ยวหนี้ เพราะเมื่อปล่อยกู้ออกไปแล้ว ก็นำสินเชื่อบ้านพวกนี้ไปทำ Securitization เป็นตราสารหนี้ที่เรียกว่า Mortgage Back Securities หรือ MBS ตราสารนี้ที่มีบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

จากนั้นก็ขายสินเชื่อพวกนี้ออกไปจากบัญชี ความเสี่ยงจากการถูกเบี้ยวหนี้ก็ถูกขายออกไปให้กับสถาบันการเงินที่รับซื้อตราสารหนี้เหล่านี้ไป

ด้วยวิธีนี้ทำให้การปล่อยสินเชื่อบ้านในสหรัฐฯ เป็นไปอย่างไร้ความรับผิดชอบ เพราะสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ก็ไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากขายออกไปแล้ว

สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้ “ซับไพร์ม” จะเร่งขาย MBS ออกไป เพื่อให้ได้เงินสดก้อนใหม่มาปล่อยกู้ต่ออีกรอบ หมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

ทีนี้ก็มาถึง Investment Bank หรือ วานิจธนกิจ หรือ ธนาคารเพื่อการลงทุน แล้วแต่จะเรียก เป็นสถาบันการเงินที่ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไป มีความเชี่ยวชาญในการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างมากกว่าการปล่อยกู้

เมื่อเห็นว่าตราสารหนี้ MBS มีกำไรดี ก็ไปซื้อมา แล้วแบ่งออกเป็นกองๆ ตั้งชื่อเสียใหม่อย่างโก้หรูว่า Collateral Debt Obligations หรือ CDOs ที่คนไทยเรารู้จักกันดี เพราะมีแบงก์ไทยเจอไปหลายแบงก์

ซีดีโอเหล่านี้มีทั้งความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงปานกลาง และความเสี่ยงต่ำ ดังนี้

1. Equity กลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง แต่ถ้าตลาดบ้านตก กลุ่มนี้จะถูกเทขายก่อน แต่สภาพคล่องไม่มีเงินลงทุนในก้อนนี้ก็จะหายไปทันที

2. Mezzanine เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงปานกลาง จะถูกเทขายตามมา

3. Investment Grade Bond เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ มีสัดส่วนถึงร้อยละ 80 ของตราสาร MBS ถ้าเกิดวิกฤติตลาดบ้านตก ก็ยังขายได้เงินคืนบ้าง ซีดีโอกลุ่มนี้แหละที่วานิจธนกิจนำไปให้สถาบันจัดอันดับอย่าง มูดี้ส์ หรือ เอส แอนด์ พี จัดเรตติ้งให้สูงในระดับ AAA ทำให้ธนาคารแห่ไปซื้อลงทุนกันมาก

ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ราคาบ้านในสหรัฐฯขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกหนี้จึงไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ ซีดีโอเหล่านี้ก็ขายดิบขายดี จนมีมากถึง 62 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยิ่งได้ Hedge Fund กองทุนความเสี่ยงเข้ามาปั่นด้วย ราคาและวงเงินก็ยิ่งบานไปใหญ่

ธนาคารที่ปล่อยกู้ให้เฮดจ์ฟันด์ เมื่อเห็นราคาหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ก็ยิ่งปล่อยกู้ให้มากขึ้น เฮดจ์ฟันด์ก็ได้เงินไปซื้อ CDOs จากวานิจธนกิจมากขึ้น สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ “ซับไพร์ม” ก็เร่งปล่อยกู้มากขึ้น เพื่อนำสินเชื่อบ้านมาขายเป็นซีดีโอได้มากขึ้น เพื่อนำเงินมาปล่อยกู้ให้มากขึ้น กลายเป็นวงจรวิบัติอย่างนี้ สุดท้ายก็พังพินาศอย่างที่เห็น.

“ลม เปลี่ยนทิศ”
 
http://thairath.co.th/news.php?section=society03&content=106276

สองวันก่อน ได้อ่านคอลัมน์ข้างต้น ขออนุญาตแปะหน่อยนะคะ  :D

เมื่อหลายปีก่อน น่าจะเป็นช่องฮอลล์มาร์ค เสนอซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เอาเบื้องหลังของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ล้มไป มาตีแผ่ความเน่าเฟะของผู้บริหารฯ

ก่อนนู้น ก็มีข่าวการตกแต่งบัญชีของพวกบริษัทใหญ่ ๆ แต่ที่แย่ก็คือ ระดับบิ๊กโฟร์บิ๊กไฟว์ของบริษัทตรวจสอบบัญชีก็มีเอี่ยวกับเค้าด้วย

ปล. ใน มติชน ก็มี อ.เกษียร เตชะพีระ ว่าไว้ยาวเหยียดเหมือนกันค่ะ  :D



หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 05-10-2008, 11:17
อ่านข่าวซิตี้กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการที่กำลังจะเจ๊งโดยไม่สนใจว่าตนเองจะโดนลดอันดับความน่าเชื่อถือแล้วก็เสียวๆ ยังไงไม่รู้แฮะ  :D

               ทั้งนี้ บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐฯเปิดเผยว่า ซิตี้กรุ๊ปจะต้องรับรู้ผลขาดทุน 42 พันล้านดอลลาร์จากพอร์ตสินเชื่อของวอโชเวีย ซึ่งมีขนาด 312 พันล้านดอลลาร์
==================

Wachovia อ่านว่า "แหว็ก โค เฟีย" ครับ ที่เคยเห็นในโฆษณาทีวี  ส่วนประธาน Citigroup  แกเป็นคนอินเดีย ชื่อ วิกรม บัณฑิต  (ไม่รู้ว่าทำไมคนไทยไปเขียนเป็น วิครัม แพนดิท)

มันก็มองได้หลายมุม ก็ืคือ มองมุมดีคือ ลงทุนซื้อของถูก ทนเจ็บระยะสั้น แล้วไปกำไรในอนาคต  มองมุมร้าย ถ้ามันลากยากกว่าที่คิด แบ๊งก์ก็เซได้   BoA Bank of America ที่เวลานี้เที่ยวไปกว้านซื้อสินทรัพย์ประมาณ 4-5 ปีก่อนก็เคยเซเหมือนกัน  มองในแง่ธุรกิจของการยึดครองส่วนแบ่งตลาด ทั้ง JP Morgan Chase รุก BoA รุก Citigroup ก็ต้องรุกบ้าง   แล้วเวลานี้มีคู่แข่งจากญี่ปุ่น Mitsubishi ก็สนใจ  กำลังมีแคนาดาตามมาอีก



สงสัยครับว่าปกติเขามีกฎหมายควบคุมระดับ loan/deposit ratio ของสถาบันการเงินกันหรือเปล่า ทำไมมันถึงปล่อยกู้ได้เกิน 100% ได้???


ผมไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญ แต่เคยทำงานแผนกสินเชื่อแบงก์มาบ้างบวกกับเคยลงทุนพวกนี้บ้าง  กฎหมายคงน่าจะมีแหละ   ถ้าปล่อยกู้ได้ 100% ของเงินฝากก็ไม่แปลก เพราะแหล่งเงินที่ธนาคารเอามาปล่อยกู้ต่อไม่ได้มาจากเงินฝากอย่างเดียวนี่ครับ  อย่างในไทยยังมีแบงก์นอกบางแห่ง มาชวนลูกค้าซื้อตั๋ว B/E Bill of Exchange ระยะสั้น 3 6 8 เดือนอะไรก็มี แล้วก็บอกว่าเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร เช่น เอาไปปล่อยกู้ให้กับบริษัทขายรถยนต์    ในตปท.ก็มี Deposit Notes, Bankers Acceptance, Bond (ธกส., เอ็กซิมแบงก์ในแคนาดานิยมมากเลย) ออกขาย ซึ่งไม่เหมือนกับเงินฝากประจำ เพราะไม่รับประกันเงินฝากโดยบรรษัทประกันเงินฝากของประเทศ แต่ว่าจ่ายดอกสูงกว่า หรือมีเทอมที่หลากหลายกว่า ตอนขายแบงก์ก็จะมีหนังสือชี้ชวนว่า เอาไปปล่อยกู้ต่อในเรื่องอะไร บางทีเอาไปปล่อยกู้ต่อในประเทศอื่นก็มี แล้วก็จะมีสถาบันจัดอันดับออกมาให้ rating ครับ  หรือว่าธนาคารอาจจะไปหาแหล่งเงินอื่นมาปล่อยต่อก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาอะ  มันก็เลยทำให้ปล่อยกู้เกินเงินฝาก


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 05-10-2008, 17:14
ย้อนรอยวิกฤติการเงินสหรัฐฯ [3 ต.ค. 51 - 19:48]
 
จุดเริ่มต้นของปัญหา “ซับไพร์ม” ที่เป็นต้นตอวิกฤติการเงินยุคใหม่ เกิดจากคนอเมริกัน 6 ล้านคน ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีเงินได้ แต่ไปขอกู้เงินซื้อบ้านจากสถาบันการเงิน ด้วยวิธีการกู้ที่เรียกว่า Loan to Value สินเชื่อตามมูลค่าบ้าน โดยกู้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ของราคาบ้าน แถมยังไม่ต้องมีเงินดาวน์อีกต่างหาก

เงินกู้แบบนี้เรียกว่า No Doc Loan หรือ No Document Loan เป็นการกู้เงินที่ไม่ต้องมีเอกสาร ไม่ต้องบอกว่ามีเงินเดือนเท่าไร สามารถผ่อนส่งบ้านได้หรือไม่ ที่สำคัญคือสามารถกู้ได้เท่ากับมูลค่าบ้าน

ไม่น่าเชื่อว่าระบบสินเชื่อบ้านในสหรัฐฯจะเหลวแหลกขนาดนี้



เห็นในอเมริกามันมีธุรกิจ credit repair คนที่เครดิตเสียมาแล้วก็กลับมามีเครดิตใหม่ได้อีก ออกจากคุกมา 3 วันก็มีเครดิตพอซื้อบ้านได้แล้ว ไม่รู้มันทำกันยังไง
ผมว่าอันนี้น่าจะเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้มันเกิดการสร้างหนี้ที่ตนเองไม่มีปัญญาใช้คืนได้

บ้านเรายังไม่เห็น (หรือมีแต่ไม่เคยเห็นหว่า) และหวังว่าคงจะไม่มีธุรกิจแบบนี้ในเมืองไทย :D


หัวข้อ: Re: UPDATE: อบต.ใน USA เจ๊ง, CALIFORNIA ขาดสภาพคล่อง ร้องรัฐฉีดเงินฉุกเฉินด่วน!!
เริ่มหัวข้อโดย: nutiu ที่ 05-10-2008, 18:15
ถ้ามี 401K อยู่ในอเมริกาตอนนี้ ควรรีบเอาออกมาไหมคะ

(ถ้าเอาออกมาตอนนี้ต้องเสียภาษีเยอะมาก)

มีเหมือนกัน ใสไปประมาณ 100k  :slime_hmm:

กะรออายุ 59.5 เสี่ยงไปเลยตอนนี้  :slime_v:


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: โปจิ ที่ 05-10-2008, 18:24
เพื่อนๆ พี่ๆ คิดว่าควรแลกเยนตอนนี้เลยดีรึป่าวคะ มีแนวโน้มว่าจะอ่อนลงบ้างไหมคะ พอดีจะไปทำธุระที่นู่นหน่อย :slime_shy:


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 06-10-2008, 09:14
แบงก์อันดับ2เยอรมนีล้มอีก
เหตุหนี้เสียและขาดสภาพคล่อง
บุชอ้อนคนมะกันขอเวลาฟื้นศก.

 ธนาคารไฮโป เรียล เอสเตท ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนีล้มอีก หลังเจอปัญหาหนี้เสียและขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถหากลุ่มสถาบันการเงินร่วมแผนฟื้นฟู 35,000 ล้านยูโรได้ ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีเรียกประชุมฉุกเฉินหาทางกอบกู้แล้ว

 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางกอบกู้ธนาคารไฮโป เรียล เอสเตท ซึ่งเป็นผู้ปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนี ประสบปัญหาล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถหากลุ่มสถาบันการเงินเข้าร่วมแผนฟื้นฟูมูลค่า 35,000 ล้านยูโร

 โดยในการประชุมฉุกเฉินครั้งนี้มีธนาคารกลางและคณะกรรมการกำกับดูแลการเงินเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อหามาตรการในการให้ความช่วยเหลือธนาคารดังกล่าว เพราะการล้มของธนาคารจะสร้างความวิตกกังวลให้กับสถาบันการเงินอื่นในต่างประเทศซึ่งขณะนี้กำลังหาทางกอบกู้ความเชื่อมั่นในระบบการเงินโลก ขณะที่ธนาคารไฮโป เรียล เอสเตท กล่าวว่ากำลังมองหาทางเลือกในการหาเงินทุนมาสนับสนุนธุรกิจอีกทางหนึ่งเช่นกัน

 รายงานระบุว่าธนาคารไฮโป เรียลเอสเตท ประสบปัญหาดังกล่าวเนื่องจากต้องพึ่งพิงเงินกู้จำนวนมหาศาลจากธนาคารอื่นเพื่อช่วยพยุงธุรกิจและยังประสบปัญหาหนี้เสียอีกเป็นจำนวนมาก

 ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารไฮโอ เรียลเอสเตท เพิ่งจะยืนยันถึงความสำเร็จในการหาเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังจากทำแผนฟื้นฟูร่วมกับรัฐบาล โดยภายใต้ข้อตกลงรัฐบาลจะจัดหาเงินกู้ก้อนใหญ่ให้ โดยมีกลุ่มธนาคารอื่นร่วมสนับสนุนอีก 8.5 พันล้านยูโร

 ข่าวการล้มของธนาคารอันดับ2ของเยอรมนี มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำยุโรปซึ่งประชุมสุดยอดในกรุงปารีส เพื่อหาทางรับมือวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ได้ปฏิเสธแผนฟื้นฟูธนาคารในลักษณะเดียวกับสหรัฐ ทำให้กลุ่มสถาบันการเงินและธนาคารได้ถอนตัวไม่ร่วมแผนฟื้นฟูกับธนาคารไฮโอ เรียล เอสเตท ขณะที่ธนาคารอื่นๆก็เพิ่มความเข้มงวดและความระมัดระวังในการปล่อยกู้ระหว่างธนาคารมากขึ้น

 สำหรับการประชุมสุดยอดยุโรปเพื่อหาแนวทางรับมือวิกฤติการเงินนั้น ประเทศยักษ์ใหญ่ในยุโรปต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะสนับสนุนสถาบันการเงิน แต่จะไม่ยอมจัดตั้งกองทุนกอบกู้วิกฤติการเงินเพื่อช่วยธนาคารที่ประสบปัญหาหนี้เสียเหมือนแผนของสหรัฐ

 ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมร่วมกับผู้นำอังกฤษ,เยอรมนี และอิตาลี ได้หารือร่วมกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และเห็นชอบที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมการปล่อยสินเชื่อ แต่ขณะเดียวกันนายซาร์โกซี ก็ได้ประกาศมาตรการอื่นๆอีก รวมทั้งแผนปฏิบัติการที่ยังไม่ได้เปิดเผยในการจัดการกับผู้บริหารธนาคารที่ประสบปัญหา

 ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่าแต่ละรัฐบาลจะดำเนินการตามวิธีของตนเอง แต่จะประสานความร่วมมือกันในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว

 ขณะที่ นายไมเคิล กลอส รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนีได้ออกมาปฏิเสธแนวความคิดที่ว่า สหภาพยุโรปควรจัดทำแผนกู้วิกฤติการเงินเช่นเดียวกับสหรัฐ หลังจากวิกฤติการเงินในสหรัฐลุกลามมาถึงยุโรป

 นายกลอสให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ของเยอรมนีว่า แทนที่ธนาคารจะพิจารณาหาทางร่างแผนกู้วิกฤติการเงินในยุโรปขึ้นมา ก็ควรจะสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นในวงการธนาคารของยุโรป เพราะการปราศจากความเชื่อมั่นในวงการธนาคารต่างหากที่เป็นรากเหง้าของปัญหา อันส่งผลให้เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินขึ้นจริงๆ

 นายกลอส กล่าวว่า นายธนาคารซึ่งกินเงินเดือนสูงมากๆ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนที่ได้รับ การออกไปเรียกร้องให้รัฐบาลเอาเงินภาษีอากรของประชาชนมาช่วยเหลือวิกฤตการณ์ของกิจการของตนที่กำลังประสบปัญหา ดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่เอาเปรียบประชาชน

 ขณะที่ลักเซมเบิร์กและเบลเยียมเร่งหาผู้ซื้อธุรกิจที่เหลือของฟอร์ติส กลุ่มการธนาคารและประกันภัยที่มีปัญหา หรืออาจยึดเป็นของรัฐหลังจากเนเธอร์แลนด์เข้ายึดกิจการในส่วนของเนเธอร์แลนด์แล้ว

 การแยกส่วนกลุ่มฟอร์ติสมีขึ้นหลังจากรัฐบาลลักเซมเบิร์ก เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ร่วมกันอัดฉีดเงิน 11,200 ล้านยูโร ช่วยกลุ่มนี้ได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ รัฐบาลลักเซมเบิร์กเผยว่า บีเอ็นพีปาริบาส ธนาคารของฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในผู้ที่อาจจะเข้าซื้อธุรกิจที่เหลือของฟอร์ทิส และจะต้องหาข้อสรุปให้ได้ภายในสุดสัปดาห์นี้ หลังจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ซื้อธุรกิจการธนาคารและประกันภัยของฟอร์ทิสในเนเธอร์แลนด์ไปแล้วเมื่อนศุกร์ในวงเงิน 16,800 ล้านยูโร ครอบคลุมธุรกิจส่วนใหญ่ของเอบีเอ็นแอมโร

 ด้านแหล่งข่าวในเบลเยียมเผยว่า ทางออกที่เหลืออยู่คือ ขายกลุ่มฟอร์ทิสให้แก่ภาคเอกชนหรือยึดเป็นของรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ฝากเงินและพนักงานที่อาจตกงานมากถึง 45,000 คน หนังสือพิมพ์ธุรกิจในเบลเยียมอ้างแหล่งข่าวทางการเมืองว่า มีผู้เสนอซื้อธุรกิจฟอร์ทิสในเบลเยียมราว 3-4 ราย ในจำนวนนี้มีบีเอ็นพีด้วย

 ทางด้านประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ ยังคงพยายามให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่า รัฐบาลจะรอบคอบในการปฏิบัติตามแผนช่วยตลาดเงินเพื่อแก้วิกฤตสินเชื่อ แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะเห็นผลที่มีต่อเศรษฐกิจ

 ประธานาธิบดีบุช กล่าวในรายการวิทยุประจำสัปดาห์ หนึ่งวันหลังจากลงนามอนุมัติแผนช่วยตลาดเงินมูลค่า 700,000 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 23.8 ล้านล้านบาท) ว่า แผนนี้นอกจากแก้ปัญหาเร่งด่วนให้แก่ระบบการเงินสหรัฐแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะยาวของสหรัฐด้วย ขณะเดียวกันยอมรับว่า ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดเงินที่ตกอยู่ในภาวะชะงักงัน เพราะเกิดกระแสวิตกเรื่องหนี้เสีย รัฐบาลจะดำเนินการตามแผนโดยเร็วและรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่า ภาษีของประชาชนถูกนำไปใช้อย่างเหมาะสม แต่ผลที่จะเกิดจากแผนนี้ จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง


หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 06-10-2008, 12:44

เห็นผู้นำยุโรปออกมาพูดเปรยๆว่า  ยินดีจะเข้าอุ้มกิจการสถาบันการเงิน 

แต่พวกผู้บริหารของสถาบันที่เข้าไปอุ้ม มันผู้นั้นต้องถูกลงโทษ  :slime_evil:
ไม่ใช่ว่าทำเงินชาวบ้านเจ๊งแล้วตัวเองไปลงเรือยอทช์




หัวข้อ: Re: UPDATE: California & New York States ขาดสภาพคล่องหนัก, NY สูญรายได้ 20%!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 06-10-2008, 20:21
ผมไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญ แต่เคยทำงานแผนกสินเชื่อแบงก์มาบ้างบวกกับเคยลงทุนพวกนี้บ้าง  กฎหมายคงน่าจะมีแหละ   ถ้าปล่อยกู้ได้ 100% ของเงินฝากก็ไม่แปลก เพราะแหล่งเงินที่ธนาคารเอามาปล่อยกู้ต่อไม่ได้มาจากเงินฝากอย่างเดียวนี่ครับ  อย่างในไทยยังมีแบงก์นอกบางแห่ง มาชวนลูกค้าซื้อตั๋ว B/E Bill of Exchange ระยะสั้น 3 6 8 เดือนอะไรก็มี แล้วก็บอกว่าเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร เช่น เอาไปปล่อยกู้ให้กับบริษัทขายรถยนต์    ในตปท.ก็มี Deposit Notes, Bankers Acceptance, Bond (ธกส., เอ็กซิมแบงก์ในแคนาดานิยมมากเลย) ออกขาย ซึ่งไม่เหมือนกับเงินฝากประจำ เพราะไม่รับประกันเงินฝากโดยบรรษัทประกันเงินฝากของประเทศ แต่ว่าจ่ายดอกสูงกว่า หรือมีเทอมที่หลากหลายกว่า ตอนขายแบงก์ก็จะมีหนังสือชี้ชวนว่า เอาไปปล่อยกู้ต่อในเรื่องอะไร บางทีเอาไปปล่อยกู้ต่อในประเทศอื่นก็มี แล้วก็จะมีสถาบันจัดอันดับออกมาให้ rating ครับ  หรือว่าธนาคารอาจจะไปหาแหล่งเงินอื่นมาปล่อยต่อก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาอะ  มันก็เลยทำให้ปล่อยกู้เกินเงินฝาก

อย่าหาว่าผม paranoid เลยนะ ถีงไม่มีความรู้ทางด้านการเงิน อ่านเป็นแต่ balance sheet ของตัวเอง
แต่ผมเห็นตัวเลขสัดส่วนเงินให้กู้กับเงินฝากมันเกิน 100% และเห็นแบงก์แข่งกันหาเงินฝากช่วงนี้แล้ว
บอกได้คำเดียวว่า หนาว...

 :slime_worship:


หัวข้อ: Re: UPDATE: แบ๊งก์ในเบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ้าที่ 2, พี่เบิ้มฝรั่งเศสช่วยอุ้ม!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 06-10-2008, 22:39
DOW 30 ร่วงทะลุต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลงทีเดียว 1000 จุด !!!! ราคาน้ำมันร่วงรุนแรง

ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงเงินเริ่มไหลกลับเข้าไปซื้อของถูกในอเมริกาครับ แม้แต่ขาใหญ่แบบนายบัฟเฟตก็ออกมาช่วยแจมช้อนซื้อด้วย ดอลล่าร์เลยกลับมาแข็งค่าอีกรอบ แต่จะไปได้แค่ไหนนี่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแผนปรส.ฉบับฝรั่งจะมีประสิทธิผลแค่ไหน คงต้องรอดูอีกซักห้าหกดือน

ตอนนี้ผมดูว่าหุ้นบลูชิพของไทยกลับเริ่มดูน่าสนใจมากกว่าหุ้นฝรั่งครับ ถ้าใจเย็นเงินเย็นจริงอาจได้ซื้อที่ 400++   :slime_inlove:

คุณ so what? พูดไว้ไม่ผิด SET อาจเห็นที่ 400   มีคนบอกว่า ราคาน้ำมันจะร่วงลงสู่ $50 กลางปีหน้าแล้วครับ  แปลว่าที่ผ่านมามันปั่นกันจนเศรษฐกิจพัง :slime_hmm:

ข่าวร้ายยังมีอีกหลายรอบจริงๆ  :slime_hmm: 



Stocks in freefall as financial crisis spreads



STEVE LADURANTAYE

Globe and Mail Update

October 6, 2008 at 11:24 AM EDT

Stocks in Toronto plunged Monday, joining a global selloff sparked by concerns about a $700-billion (U.S.) bailout package for the U.S. financial sector and the spreading banking crisis in Europe and Asia.

The S&P/TSX slid 9.29 per cent, or 1,003.18 points, to 9,800.17 in morning trading. The index last closed below 10,000 July 4, 2005.

The Dow Jones industrial average traded 5.12 per cent lower, down 529.10 points to 9,796.28 – the first time it has traded below 10,000 since April 2005. The broader S&P 500 fell 5.69 per cent, or 62.57 points, to 1,036.66.

“Breaking below 10,000 is a psychologically significant thing for investors,” said Kenneth Norquay, a partner at CastleMoore. “Those big round numbers – like $1,000 gold, 10,000 on the indexes – can become very important as benchmarks. Just how important, I guess we're about to find out.”


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 06-10-2008, 22:47
ตะกี้นั่งดูมันไหลลงไป 500 กว่าจุด ลงอย่างไม่มีแนวรับ จนสุดที่ 9738.30  ก็เริ่มรีบาวด์

วันนี้ตลาดหุ้นไทยลบหนัก ปิดโลว์เลยมั้ง  น่ากัวๆ :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 06-10-2008, 22:52
ดอกเบี้ยที่ CANADA เป็นขาขึ้นแล้วครับ เพื่อดึงเงินฝาก และชะลอการปล่อยกู้  ลูกค้ารายย่อยโดนก่อน



CREDIT SQUEEZE
Big Five seek to share pain
Banks hike rates to the very retail customers that have helped them avoid a U.S.-style meltdown

TARA PERKINS

FINANCIAL SERVICES REPORTER

October 6, 2008

Canadian banks have been able to weather the worst of the crisis gripping global financial markets but now face the risk of losing their one main source of strength - the retail consumer.

With their own costs of funding soaring, the banks are beginning to pass them on to their most important customers through higher lending rates in an effort to preserve profitability. That trend, in addition to a broader slowdown in the pace of lending due to higher risks, may undermine their key retail businesses.

There's no doubt the credit crunch has already squeezed profits, says Chris Hodgson, head of Canadian banking at Bank of Nova Scotia. The delicate balance, he explains, is how to pass on some of the banks' pain via higher rates on mortgages and loans without squeezing the consumer too much and slowing things down further.

The credit crunch means that banks are paying significantly more to obtain money to lend to customers.

................................

The personal and commercial banking business brings in roughly 60 per cent of bank profits, and the earnings have been growing more than 10 per cent per year. Retail operations have brought in profits that the Big Five can bank on, while investment banking has been a smaller, less reliable portion of the business.

The strength of their retail franchises is why Canada's banks have held up well during the credit crunch, despite taking more than $10-billion in writedowns. As the U.S. financial sector tries to resurrect itself, it is moving toward a model based on Canadian-style banks - big retail outlets with strong deposit bases that also do some investment banking.

The Big Five's Canadian retail businesses, which earned $2.73-billion in the last quarter, have never been more important to them than now, with much of the investment banking business in tatters.


Q3 profits: Personal and commercial banking

CIBC: $572-million

Scotiabank: $463-million

TD: $644-million

RBC: $709-million

BMO: $343-million


หัวข้อ: Re: UPDATE: แบ๊งก์ในเบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ้าที่ 2, พี่เบิ้มฝรั่งเศสช่วยอุ้ม!
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 06-10-2008, 22:54
...

คุณ so what? พูดไว้ไม่ผิด SET อาจเห็นที่ 400   มีคนบอกว่า ราคาน้ำมันจะร่วงลงสู่ $50 กลางปีหน้าแล้วครับ  แปลว่าที่ผ่านมามันปั่นกันจนเศรษฐกิจพัง :slime_hmm:

ข่าวร้ายยังมีอีกหลายรอบจริงๆ  :slime_hmm: 


...


ที่จริง 400++ ของ set นั่นเป็นสิ่งที่ผมคาดว่าจะเกิดเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยเองครับ แต่ก็ประคับประคองกันมาได้ด้วยแรงฮึดของเอกชน โดยเฉพาะภาคส่งออก

แต่มาถึง ณ วันนี้ เศรษฐกิจโลกส่งท้ายรัฐบาลบุชดิ่งนรกแบบนี้ ผมคงต้องไปตั้งแนวรับต่ำกว่า 400 แล้วครับ อาจจะตกลึกแล้วซึมยาวแบบครึ่งหลังรัฐบาลชวน 2 ก็ได้ เพราะปัจจัยมันเลวร้ายไปหมด ยังไงก็ตาม ผมว่าจะกัดฟันเข้าไปเก็บของถูกตอนช่วง 400++ ซัก 30-40% กันตกรถครับ

ยังไงก็ขอให้โชคดีเซงลี้ฮ้อนะครับท่าน     :slime_v: :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: UPDATE: แบ๊งก์ในเบลเยี่ยม+ลักเซมเบิร์ก ล้มเจ้าที่ 2, พี่เบิ้มฝรั่งเศสช่วยอุ้ม!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 06-10-2008, 23:04

ที่จริง 400++ ของ set นั่นเป็นสิ่งที่ผมคาดว่าจะเกิดเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยเองครับ แต่ก็ประคับประคองกันมาได้ด้วยแรงฮึดของเอกชน โดยเฉพาะภาคส่งออก

แต่มาถึง ณ วันนี้ เศรษฐกิจโลกส่งท้ายรัฐบาลบุชดิ่งนรกแบบนี้ ผมคงต้องไปตั้งแนวรับต่ำกว่า 400 แล้วครับ อาจจะตกลึกแล้วซึมยาวแบบครึ่งหลังรัฐบาลชวน 2 ก็ได้ เพราะปัจจัยมันเลวร้ายไปหมด ยังไงก็ตาม ผมว่าจะกัดฟันเข้าไปเก็บของถูกตอนช่วง 400++ ซัก 30-40% กันตกรถครับ

ยังไงก็ขอให้โชคดีเซงลี้ฮ้อนะครับท่าน     :slime_v: :slime_v: :slime_v:

ผมก็รออยู่เหมือนกัน  :slime_v: :slime_v: :slime_v: :slime_inlove: :slime_inlove: :slime_inlove: 

แต่อีกด้านหนึ่งก็เสียวๆกับเศรษฐกิจนะ :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm:


CEO Lehman Bros กำลังจะถูกย่างสดแล้วครับ  อนาคตจะโดนคดีทำเศรษฐกิจล่มสลายหรือเปล่า :?:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 06-10-2008, 23:07
มาขอพล่ามต่ออีกหน่อยครับ   :mrgreen:

อาการเน่าทั่วโลกแบบนี้ ไอ้กันคงถูลู่ถูกังไปได้เพราะมันพิมพ์เงินได้เอง แล้วยักษ์ใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น อินเดี กับมหามิตรในยุโรปของมันคงไม่กล้าปล่อยให้มันตายหยังเขียด ก็ต้องเฉือนเนื้อกลืนเลือดเข้าไปช่วยพยุง แต่ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กแบบไทยและเพื่อนบ้านเรานี่น่าห่วงมากครับ เพราะพอน้ำเลี้ยงจากเงินนอกหยุดชะงัก ไม่ช้าคงได้เห็นแบงค์ไทยขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดึงค่าเงินบาท คนตกงาน บ้าน-รถ โดนยึดแบบปี 40-42 แหละครับ ใครที่มีหนี้ตอนนี้รีบโปะให้หมดหรือเหลือน้อยที่สุดโดยด่วนเลยครับ ส่วนพวกมีเงินเย็นก็ฝากแบงค์กินดอก แล้วนอนกระดิกเท้ารอซื้อของถูก หรือไม่ก็ไปซื้อทองเก็บไว้รอ $1000++ โลด  :mozilla_money: :mozilla_money:



หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 06-10-2008, 23:10
ไม่ทันแล้วค่ะ พี่ so what?
มารุฯ ติดหุ้นค้างไว้ ขาดทุนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากถือรอไปอย่างนั้น
โชคดีที่เป็นเงินเย็น ปล่อยมันอยู่ในนั้นไปก่อน
รอวันหน้าฟ้าใหม่ ค่อยเข้าไปขายคืน
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ส่วนเรื่องเงินเก็บที่เหลือก็ยังเหลืออยู่
ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประหยัดไปเรื่อย ๆ ก็สบาย ๆ ค่ะ
 :slime_v: :slime_v: :slime_v:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 06-10-2008, 23:12
พรุ่งนี้ช่วงเช้าคงลงอีก ฟิวเจอร์ดาวน์โจนส์ยังลงอยู่

มะรืนนี้...อาจมีมีรีบาวน์ เพื่อลงต่อ ขึ้นมาฝรั่งขายทุกราคา คิดว่า ดัชนี 400ต้นๆ รอบบนี้คงเอาอยู่


เล่นฟิวเจอร์ สนุกกว่าเล่นหุ้น ในเวลาตลาดหมีแบบนี้เยอะเลย


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 06-10-2008, 23:19
ไม่ทันแล้วค่ะ พี่ so what?
มารุฯ ติดหุ้นค้างไว้ ขาดทุนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
แก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากถือรอไปอย่างนั้น
โชคดีที่เป็นเงินเย็น ปล่อยมันอยู่ในนั้นไปก่อน
รอวันหน้าฟ้าใหม่ ค่อยเข้าไปขายคืน
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ส่วนเรื่องเงินเก็บที่เหลือก็ยังเหลืออยู่
ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประหยัดไปเรื่อย ๆ ก็สบาย ๆ ค่ะ
 :slime_v: :slime_v: :slime_v:



ติดหุ้นไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นหุ้นบลูชิพ

ผมเคยเจ๊งตอนก่อนปี 40 บางตัวต้นทุน 200+ โดนเตะออกจากตลาดกลายเป็นเศษกระดาษเลยก็มี แต่ได้ประสพการณ์เยอะครับ มาใช้วิธีดูภาพรวมแล้วเก็บของตอนถูกจริง เข้าตลาดปีละสองสามหนพอ เลยมาได้คืนเนื้อๆก็ตอนต้นรัฐบาลชวน 2 กับเหลี่ยม 1 ตอนนี้เตรียมเข้าช้อนรอบใหม่แล้วครับ

ว่าแต่ว่ามารุจังจะขวนขวายหาไปทำไมครับเงินทอง ลูกเต้าก็ไม่มี  :slime_doubt:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 06-10-2008, 23:40
เอ้า.. พี่ so what?
ก็เพราะไม่มีลูก ก็ต้องมีเงินไว้ดูแลตัวเองยามแก่เฒ่าเจ็บป่วยสิคะ
ยิ่งมารุฯ เคยทำเด็กหลอดแก้วไป 10 กว่าหน ฉีดฮอร์โมนไป เกือบ 300 เข็ม
ก็ต้องกลัวเป็นมะเร็งกับเค้าบ้างสิคะ

คนมีลูก ถ้าสอนลูกดี ก็ไม่ต้องห่วงตอนแก่เฒ่า
คนไม่มีลูก ตอนแก่เฒ่าใครจะดูแลล่ะคะ
นอกจากต้องดูแลตัวเอง ก็ต้องคิดเผื่อไว้หน่อยค่ะ
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว, S&P/TSX ลง 1000 จุด โอ้ววววว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 07-10-2008, 00:04
ถ้าทำขนาดนั้นแล้วยังไม่ติด น่าเสียดายตังค์นะครับ แต่เอาน่า ถือว่าเป็นวาสนาครับ ยังไงเราทำเต็มที่แล้ว ผมได้ยินจากหนังเรื่องเรื่องนึงเมื่อสามสี่เดือนก่อน เค้าประชดว่า damn ... it really costs a lot more to have someone born than to have somone killed ...   :lol:

อ้าว ลากกระทู้คุณไทยทรูทออกทะเลมาซะแล้ว คุยกันเรื่องเศรษฐกิจมหภาคอยู่แท้ๆ  :slime_smile2:

ขออภัยด้วยครับท่าน   :slime_worship:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 07-10-2008, 10:43
ไม่เป็นไรครับ ออกทะเลกันบ้างก็ดี พักผ่อน คลายเครียด  :D

เวลานี้ความเครียดมารอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ยอดขายตก หุ้นตก  แล้วยังมาเจอเหตุการณ์นองเลือดจนผู้ประท้วงฝ่ายพันธมิตรฯ ขาขาด ข้อมือขาด แบบนี้    เครียดแบบไม่รู้ตัว  :x  ขอคารวะท่านพี่ทั้งสอง ทั้งท่านพี่มารุจัง ท่าน so what? และพี่ๆน้องๆท่านอื่นครับ ขนาดเจอวิกฤติกับตัวเองแล้วยังยิ้มออกสู้ต่อได้  จิตใจเข้มแข็งจริงๆ  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 07-10-2008, 10:49
เครียดค่ะ ไม่ใช่ไม่เครียด
บางทีก็กดดันจนร้องไห้ออกมา

การหัวเราะดัง ๆ ทำให้เราผ่อนคลายความเครียดได้เยอะค่ะ
และจะทำให้มีสติว่าจะทำอะไรต่อ จะดำเนินการไปด้านไหนได้บ้างค่ะ

ตั้งแต่เช้าก็เครียดมาตั้งกะเช้าแล้วค่ะ
ทั้งเรื่องหน้ารัฐสภา (มีญาติอยู่ที่โ่น่นด้วย โดนแก๊สน้ำตาไปเหมือนกัน)
ทั้งเรื่องหุ้่นที่ดิ่งเหว
แต่ก็ต้องพยายาม เดินไปหาที่ผ่อนคลาย แล้วก็กลับมาลุยกันต่อ
 :slime_smile: :slime_smile:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 08-10-2008, 12:07
SET Index

Last Update : 08 Oct 2008 11:58:04   
Status : Open(I)
   
     
Last Change Value (M.Baht)
 
SET  499.00 -29.71 7,246.57         :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:
 
SET100  740.30 -48.19 6,285.43
 
SET50  344.89 -22.49 5,898.98
 


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 08-10-2008, 12:24
อ๊ากกกกกกกก
ต่ำกว่า 500 แ้ล้วววว
300 จะอยู่มั้ยคะเนี่ย
 :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 08-10-2008, 12:39
เห็นหุ้นวันนี้แล้วเจื่อนจริงๆ  เคยกลัวว่าจะต่ำ 500 แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
อ๋อ มีเรื่องนองเลือดเข้าไปช่วยกดด้วย
ดู nikkei กับ hangseng แล้ว เป็นไปได้ว่าขาใหญ่ระดับโลก wait and see จริงๆ



หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 08-10-2008, 12:42
ไม่เป็นไรครับ ออกทะเลกันบ้างก็ดี พักผ่อน คลายเครียด  :D

เวลานี้ความเครียดมารอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ยอดขายตก หุ้นตก  แล้วยังมาเจอเหตุการณ์นองเลือดจนผู้ประท้วงฝ่ายพันธมิตรฯ ขาขาด ข้อมือขาด แบบนี้    เครียดแบบไม่รู้ตัว  :x  ขอคารวะท่านพี่ทั้งสอง ทั้งท่านพี่มารุจัง ท่าน so what? และพี่ๆน้องๆท่านอื่นครับ ขนาดเจอวิกฤติกับตัวเองแล้วยังยิ้มออกสู้ต่อได้  จิตใจเข้มแข็งจริงๆ  :slime_worship:



Well, I posted that reply the day before yesterday krab. The mood would have been diffent otherwise.   :slime_hmm:



อ๊ากกกกกกกก
ต่ำกว่า 500 แ้ล้วววว
300 จะอยู่มั้ยคะเนี่ย
 :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm:

If this political crisis ends soon enough, 400+ should be a good time to buy (again) krab.   :slime_agreed:

Sorry for having no Thai keyboard krab ...


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 08-10-2008, 12:43
SET Index

Last Update : 08 Oct 2008 11:58:04   
Status : Open(I)
   
     
Last Change Value (M.Baht)
 
SET  499.00 -29.71 7,246.57         :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:  :slime_bigsmile:
 
SET100  740.30 -48.19 6,285.43
 
SET50  344.89 -22.49 5,898.98
 


อ๊ากกกกกกกก
ต่ำกว่า 500 แ้ล้วววว
300 จะอยู่มั้ยคะเนี่ย
 :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm:

ถูกแล้ว มีถูกกว่า ตอนนี้ผมเชื่อท่าน so what? แล้วครับ ประสบการณ์ปี 40 เป็นประกัน :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

เวลานี้ผมดูความเคลื่อนไหวของ Manulife และธนาคารต่างๆของแคนาดาเป็นเกณฑ์ครับ ว่าจะเข้ากินซากอเมริกาเมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ   conservative ไว้ก่อน :slime_inlove: :slime_inlove:

เห็นคน "ช้อนหัก" ไปหลายคนแล้ว  :slime_bigsmile:


(ท่าน so what? ผมกำลังจะส่งข้อความปรึกษาหลังไมค์ รอผมก่อนนะครับ)


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJIA ร่วงต่อ 500 จุด/ ปท. Iceland กำลังล้มละลาย
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 08-10-2008, 12:48
หักไปหลายแล้วค่ะ ช้อนน่ะค่ะ
แต่ยังพอมีช้อนสำรองเหลือ

แต่ ต้องดูดี ๆ ก่อนจะใช้ช้อนค่ะ
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 08-10-2008, 12:52
เห็นหุ้นวันนี้แล้วเจื่อนจริงๆ  เคยกลัวว่าจะต่ำ 500 แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
อ๋อ มีเรื่องนองเลือดเข้าไปช่วยกดด้วย
ดู nikkei กับ hangseng แล้ว เป็นไปได้ว่าขาใหญ่ระดับโลก wait and see จริงๆ



Warren Buffet said we have to look at unexpected situations or even crises as our opportunities.

We'd better trust this guy krab - he is the best in this business.   :slime_agreed:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJIA ร่วงต่อ 500 จุด/ ปท. Iceland กำลังล้มละลาย
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 08-10-2008, 13:09
หักไปหลายแล้วค่ะ ช้อนน่ะค่ะ
แต่ยังพอมีช้อนสำรองเหลือ

แต่ ต้องดูดี ๆ ก่อนจะใช้ช้อนค่ะ
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ต้องเลือกขนาดดีๆนะครับ ทัพพี ช้อนโต๊ะ ช้อนกินข้าว หรือช้อนชา หรือช้อนคนกาแฟ  :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: UPDATE: วิกฤติลามฟองสบู่อสังหาฯ "อาหรับ" ใกล้แตก!! ... เป็นห่วงไทยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 08-10-2008, 16:52
วิกฤตลามถึง "ต.อ.กลาง" หวั่นฟองสบู่อสังหาฯแตก

ในขณะที่เมืองไทยกำลังวิกฤติการเมือง  วิกฤติเศรษฐกิจโลกยังลามไม่หยุด  ประเทศ Iceland รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัสเซียไปแล้ว หลังธนาคารทั้ง 6 แห่งของไอซ์แลนด์ล้มหมด ทำให้ประเทศกำลังจะล้มละลาย รัสเซียเข้ามาปล่อยกู้ฉุกเฉิน

เมื่อกี้ดู Al Jazeera   พวกชาติอาหรับที่ขายน้ำมันกำลังโดนวิกฤติแล้ว เพราะที่ผ่านมาบรรดากองทุนเก็งกำไรของอเมริกาเป็นตัวปั่นราคาน้ำมันจนเว่อร์    พวกอาหรับก็รับผลบุญไปตามๆกัน ทำให้รายได้และทุนสำรองอื้อซ่า  แล้วก็ไปสร้างโครงการอสังหาฯหรูหรา ทั้งคอนโด ตึกไฮเทค ถมทะเลสารพัด เพื่อล่อกิเลสเศรษฐีจากทั่วโลกไปซื้อ  จนกระทั่งอเมริกาเกิดวิกฤติลามกลายเป็นเศรษฐกิจชะลอทั่วโลก  ความต้องการและราคาน้ำมันก็ลงแบบฮวบฮาบ  ต่างชาติที่จะสนใจมาลงทุนในอสังหาฯอาหรับก็ลดลง ทำให้ความเชื่อมั่นในระดับราคาอสังหาฯเดิมลดลง ราคาก็ลดลงฮวบฮาบตาม  ตอนนี้หวั่นเกรงว่า ฟองสบู่อสังหาฯอาหรับอาจกำลังใกล้แตกแล้ว



กลับมาที่ไทย
ผมงงจริงๆกับโครงการคอนโดหรูที่ผุดเป็นดอกเห็ดย่านสุขุมวิท สาทร สีลม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา   แพงก็แพงเป็นหลักสิบล้าน จะว่าคนไทยซื้ออยู่จะมีสักกี่คน หรือถ้าสร้างรองรับต่างชาติ แล้วความต้องการต่างชาติยังมีอยู่หรือเปล่า :?: (เรื่องนี้ไม่มีความรู้ แต่สงสัยว่า มันจะกระทบไทยหรือไม่)


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 08-10-2008, 17:27
Warren Buffet said we have to look at unexpected situations or even crises as our opportunities.

We'd better trust this guy krab - he is the best in this business.   :slime_agreed:

พี่ so what ทำไมภาษาอังกฤษเก่งจัง  :slime_smile:

อ่ะนะ  แสดงว่าพี่ so what มีเงินตุนไว้เยอะสำหรับ take this opportunity ล่ะซิ
ตอนนี้หนูก็อยากจะมีซํก 5 ล้านนะพี่  เผื่อว่ามันจะเป็น double ภายใน 10 ปี




หัวข้อ: Re: UPDATE: ธนาคารกลางทั่วโลกพร้อมใจลดด.บ. 0.5%
เริ่มหัวข้อโดย: Rule of Law ที่ 08-10-2008, 22:58
ชอบทู้นี้จังว้อย ได้เม้าท์เศรษฐกิจกันยาวๆ

after Fed's rates cut......

DOW
9269.02 Last Trade    -178.09 (-1.89%) Change Today  *767,402,000 Volume    11:57:03 AM  :slime_worship:





หัวข้อ: Re: UPDATE: ธนาคารกลางทั่วโลกพร้อมใจลดด.บ. 0.5%
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 08-10-2008, 23:03
วันนี้หุ้นไทยปิดที่ 492.34 ลดลง -36.37
อาทิตย์หน้าจะเหลือเท่าไรหนอ...
 :slime_shy: :slime_shy:


หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 10-10-2008, 09:05
แบงก์ในยุโรปใกล้อยู่ในสภาวะ "ล้มทั้งยืน" ระบบเครดิตพัง  เกิดกระแสแห่ถอนเงิน ตู้เซฟขายดี

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ยุโรปเน่ายิ่งกว่าไทยสมัยปี 40 ซะอีก  เวลานี้แม้แต่แบงก์ด้วยกันก็หยุดปล่อยกู้กันเอง หนี้เสียลามจนแม้แต่รัฐบาลยังฉีดเงินอุดไม่ทัน รัฐบาลในยุโรปประกาศรับประกันเงินฝากทั้งจำนวน  แปลว่าเครดิตพังพินาศไปแล้ว  ทำให้ประชาชนแห่ซื้อตู้เซฟแล้วไปแห่ถอนเงินมาเก็บไว้ที่บ้าน



General Motors GM เจ๊งแน่นอน

GM อาจต้องล้มก็ได้ Ford อาการร่อแร่ เพราะจำได้ว่าขายหุ้นกู้กันมานานนับ 7 ปีแล้ว เรตติ้ง BBB-   Bush ประกาศโยนเงินให้ 2 หมื่นล้านเหรียญ   ถามว่าจะต่ออายุให้บริษัทขยะพวกนี้ได้กี่เดือนกัน ??  มีทางเดียวบริษัทพวกนี้อาจจะต้องย้ายสำนักงานใหญ่ไปจีน เพราะเวลานี้ GM Ford Chrysler พวกนี้อยู่ได้ขณะนี้เพราะคนจีนเท่านั้น



CANADA ขึ้นชั้น ปลอดภัยที่สุดในโลก

World Economic Forum พร้อมใจโหวตให้แคนาดาและสถาบันการเงินแคนาดา อันได้แก่ Royal Bank of Canada (RBC), Canadian Imperial Bank of Commerce (CIBC), TD (Toronto Dominion Bank), Bank of Montreal (BMO), Scotiabank (BNS), National Bank (Banque National) ฯลฯ แข็งแกร่งสุดในโลก

Manulife บริษัทประกันภัยแคนาดากำลังกลายเป็นบริษัทประกันภัยที่ใหญ่สุดในโลก รองลงมาคือ Sun Life และ Great West Life และกำลังจะเข้าซื้อซากดีๆจาก AIG และบริษัทประกันอื่นๆของอเมริกาและโลก

จำชื่อเหล่านี้ไว้ดีๆนะครับ




FED ถึงขนาดเร่ขายแบ๊งก์ให้ Bank of Canada

เฟดช่วยต่อสายถึงแบ๊งก์ชาติแคนาดา เป็นแม่สื่อด้วยตัวเอง ต่อตรงไปถึงแบงก์ใหญ่ๆของแคนาดาให้ช่วยรับซื้อสถาบันการเงินต่างๆในอเมริกาออกไป แต่แคนาดายังคงนิ่งเงียบรอฝุ่นหายตลบ แล้วเข้าซื้อของถูก

อดีตเจ้านายใหญ่ของเฟด บอกว่า "แคนาดาไม่ใช่จีนนะมึง ถึงมีเงินเยอะแยะไปกว้านซื้อ"  แปลว่าอีกหน่อยต้องคลานมาหาจีนแน่นอน ไปตอนนี้เสียศักดิ์ศรี :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 10-10-2008, 14:27
(http://www.chinadaily.com.cn/world/images/attachement/jpg/site1/20081009/0022190fd3300a57f0fc38.jpg)
ตัวนับมูลค่าหนี้ของประเทศอเมริกาที่ time square มีจำนวนหลักไม่พอนับมูลค่าหนี้ 1 ล้านล้าน
ตอนนี้ต้องใช้หลักหน้าสุดที่เคยใช้แสดงตัวดอลลาร์มาแสดงหลักแรกไปพลางก่อน  :D

http://edition.cnn.com/2008/US/10/09/national.debt.clock.ap/index.html



หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 10-10-2008, 15:23
(http://www.chinadaily.com.cn/world/images/attachement/jpg/site1/20081009/0022190fd3300a57f0fc38.jpg)
ตัวนับมูลค่าหนี้ของประเทศอเมริกาที่ time square มีจำนวนหลักไม่พอนับมูลค่าหนี้ 1 ล้านล้าน
ตอนนี้ต้องใช้หลักหน้าสุดที่เคยใช้แสดงตัวดอลลาร์มาแสดงหลักแรกไปพลางก่อน  :D

http://edition.cnn.com/2008/US/10/09/national.debt.clock.ap/index.html



ตอนนี้อเมริกาตึงไปหมด  แค่เงิน 17,000 ล้าน ที่จะเอาไปทำสงครามในอัฟกานิสถานก็ตึง  ส่วนกำลังทหารก็ตึง เพราะไปติดแหง็กในอิรัก  จึงร้องขอให้พันธมิตรตัวเองในยุโรป เกาหลีใต้ กับญี่ปุ่น ช่วยส่งทหารสมทบ หรือเขียนเช็คจ่ายลงขันด่วน

ชาวบ้านกำลังดิ้นรนแก้วิกฤติกันอยู่ใครจะมีอารมณ์ส่งทหารไปช่วยมันเพิ่มฟะ :?:  การเลือกตั้งในแคนาดาขณะนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า ประชาชนคัดค้านการส่งทหารเพิ่มไปในอัฟกานิสถานเพื่อช่วยอย่างแข็งขัน  ผมยังสงสัยอยู่ว่าแล้วฐานทัพที่มีทั่วโลก จะไหวเหรอ

ถ้าวิกฤติเศรษฐกิจลามไปสู่อำนาจการทหาร ตรงนี้อาการหนัก

ผมยังสงสัยอยู่ว่า ในบรรดาพวกระดับชนชั้นปกครองของอเมริกา มีใครกำลังคิดบ้าเลือดก่อสงครามขึ้นมาหรือเปล่า มันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะทำให้อเมริกาไม่ต้องจ่ายหนี้ และรักษาอำนาจเอาไว้


หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 10-10-2008, 16:14
ใช่ครับ ตอนนี้ใกล้จะเป็นขอทานกันค่อนโลกแล้วครับ   :slime_bigsmile:

โชคดีที่ผมชิ่งออกจากอัฟกานิสถานแล้ว ไม่งั้นอาจซวยตกงานได้


หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: taecu ที่ 10-10-2008, 16:25
ตอนนี้ราคาคอนโด อยู่บนยอดดอยครับ

เพราะคิดค่าก่อสร้าง เหล็ก น้ำมันที่ 150 เหรียญ

ถ้าสร้างกันเยอะขนาดนี้ ขายไม่ออกแน่นอนครับ เศษรฐกิจชะลอตัวขนาดนี้

พวกเก็งกำไร จาก ใบจองขาดทุนเป็นแถวๆๆ

แล้วพวกคอนโดระดับสูงตายแน่นอนครับ พวกโครงการตารางเมตรละ 1 - 2 แสน


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 10-10-2008, 16:38
พี่ so what ทำไมภาษาอังกฤษเก่งจัง  :slime_smile:

อ่ะนะ  แสดงว่าพี่ so what มีเงินตุนไว้เยอะสำหรับ take this opportunity ล่ะซิ
ตอนนี้หนูก็อยากจะมีซํก 5 ล้านนะพี่  เผื่อว่ามันจะเป็น double ภายใน 10 ปี




ภาษาปะกิดต้องคุยกะคุณเจ้าของกระทู้ครับ  :slime_agreed:
ผมเป็นแค่ ordinary user เท่านั้น เอาไว้ใช้ทำมาหากินเท่าที่จำเป็น

ส่วนเงินเย็นไม่มีเหลือเท่าไหร่หรอกครับ ตอนนี้ติดทองอยู่
แต่ก็พอมีกำไรบ้างแล้ว คิดว่าคงจะขายทองออกไปซื้อหุ้นเร็วๆนี้  :mrgreen:


ข้อมูลล่าสุด : 10 ต.ค. 2551 16:22:11  

SET       453.54    -46.45     14,797.50
 
SET100  671.30    -74.45     13,449.90

SET50    313.45    -34.69     12,562.55



วันนี้ต่างชาติขายถล่มอีกสองพันกว่าล้าน   :slime_hmm:

นักลงทุน             ซื้อ           ขาย          สุทธิ  
 
 ในประเทศ    11,598.44  10,492.41    1,106.03    
 
 สถาบัน        5,138.19     3,946.98    1,191.21    
 
 ต่างประเทศ   3,291.94     5,589.18   -2,297.24     
 
 มูลค่าการซื้อขายรวม 20,028.57 ล้านบาท  




หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: มารุจัง ที่ 10-10-2008, 16:40
เห็นตลาดหุ้นวันนี้แล้ว
 :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm:
อาทิตย์หน้าจะเป็นยังไงหนอ...
เฮ้อ....
 :slime_shy: :slime_shy: :slime_shy:


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 10-10-2008, 19:44
ภาษาปะกิดต้องคุยกะคุณเจ้าของกระทู้ครับ  :slime_agreed:
ผมเป็นแค่ ordinary user เท่านั้น เอาไว้ใช้ทำมาหากินเท่าที่จำเป็น

ตอนนี้ต้องรีบๆไปฝึกภาษาจีนหรือญี่ปุ่น หรือหมดไฟแล้วก็ให้ลูกๆหลานๆคุณนั่นแหละไปฝึกซะ ได้ใช้แน่นอน

(http://img224.imageshack.us/img224/4377/chinaflagyl1.gif) (http://img224.imageshack.us/img224/8519/flagjapandb5.gif)


นักลงทุน             ซื้อ           ขาย          สุทธิ  
 
 ในประเทศ    11,598.44  10,492.41    1,106.03    
 
 สถาบัน        5,138.19     3,946.98    1,191.21    
 
 ต่างประเทศ   3,291.94     5,589.18   -2,297.24     
 
 มูลค่าการซื้อขายรวม 20,028.57 ล้านบาท  


เห็นตลาดหุ้นวันนี้แล้ว
 :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm: :slime_hmm:
อาทิตย์หน้าจะเป็นยังไงหนอ...
เฮ้อ....
 :slime_shy: :slime_shy: :slime_shy:

คิดว่าตอนนี้ดอลล่าร์แข็งก็คงเพราะงี้แหละครับ จนกว่ามันจะขายของหมดแล้ว มันน่าจะดีขึ้น คิดดูปัญหามันใหญ่โตมากและลามเรื่อยๆ ก็ต้องเทขายสินทรัพย์กันครั้งใหญ่ วันสองวันคงไม่จบ   ไม่ใช่เป็นเพราะประเทศไทยมีปัญหาด้านการเงิน  ที่แคนาดาก็ลงหนักมากครับ  มูลค่าหุ้นบุริมสิทธิ์ของธนาคารที่ผมถืออยู่ก็ลงไป 20-30% ครับ แต่ถือมานานแล้วเพือเงินปันผล ก็อดทนต่อไป สำรองกระสุนดินดำไว้เก็บของ  ดังนั้นถ้าเรามีของดีในมือก็ท่องคาถาใจเย็นๆ  :slime_hmm:


หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 10-10-2008, 20:03
วันนี้หุ้นไทยลงแรงมาก...ด้วยความตระหนกเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่

มองภาพรวมไม่ออก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคต

แต่สิ่งหนึ่งที่มอง....คือ หลังจากเราเรียนรู้กับวิกฤติต้มยำกุ้ง เราเกิดการเรียนรู้และหลาบจำมาก ขอยกความดีงามให้กับ...

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ที่ทรงมองเห็นการณ์ไกล ทรงตอกย้ำถึงหลายครั้งครา


ปัจจุบัน สถาบันการเงินของไทยไม่มีปัญหา การสำรองมีมากกว่า 15% เกือบทุกธนาคาร

ทั้งที่แบงค์ชาติกำหนดแค่ 8.5 เท่านั้น ส่วน ไทยธนาคาร มาเลเซียก็มาซื้อหุ้นเพิ่มเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว

เอ็นพีแอล ในแต่ละธนาคารก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นจนผิดปรกติ

กำไรของทุกธนาคารใหญ่ๆก็ยังมีเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น

สิ่งที่น่ากลัวที่สุด.... คือความกลัวที่ขาดความรู้ แบบกระต่ายตื่นตูม


วันนี้พวกเรายังไม่ได้แพนิค และคิดจะถอนเงินมาฝังตุ่มแบบบางประเทศ


หัวข้อ: Re: UPDATE: CDS ของ Lehman เดิม $1.00 ประมูล 9¢...ถูกกว่ากระดาษเช็ดก้น!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 10-10-2008, 22:48
ดู Bloomberg ตอน 4 ทุ่ม

จำได้ว่า กระดาษเช็ด 3 ม้วน ที่ร้าน 99¢ Only Stores ใน L.A. ราคา 99 เซ็นต์


(http://www.99only.com/img/logo.png)


หัวข้อ: Re: UPDATE: DJ Index ต่ำกว่า 10000 แล้ว/ ไทยกระทบน้อย แต่ดันบ้านเมืองวุ่นวาย
เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 10-10-2008, 23:33
ตอนนี้ต้องรีบๆไปฝึกภาษาจีนหรือญี่ปุ่น หรือหมดไฟแล้วก็ให้ลูกๆหลานๆคุณนั่นแหละไปฝึกซะ ได้ใช้แน่นอน

(http://img224.imageshack.us/img224/4377/chinaflagyl1.gif) (http://img224.imageshack.us/img224/8519/flagjapandb5.gif)


อ้าว แบบนี้น้องมารุจังกับน้องใบไม้ทะเลก็โลดดสิคะ  :slime_v:

มาดูคำทำนายทายทักนะคะ  :slime_inlove:

ผมจำได้ว่า หลายปีก่อน อาจารย์วิศิษฎ์ เตชะเกษม เคยเขียนไว้ในวารสาร “การ เงินธนาคาร” ทำนายไว้ว่า โลกยุคปัจจุบันตกอยู่ในอิทธิพลของ “กลุ่มดาวยุคที่ 8” ทำให้ ความมั่งคั่งจาก สหรัฐฯและยุโรปเสื่อมถอย และ ความมั่งคั่งจะโยกย้ายมาอยู่ที่เอเชียแทน โดยมีจีนและญี่ปุ่นเป็นหลัก และ ความมั่งคั่งร่ำรวยนี้จะอยู่กับชาวเอเชียไปนานถึง 20 ปี

ช่วงที่ อาจารย์วิศิษฎ์ เขียนคำทำนายนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯยังรุ่งโรจน์ จีนเพิ่งจะโผล่รัศมีขึ้นมาเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไปไม่กี่ปี คำทำนายนี้กลับเป็น จริง


http://thairath.co.th/news.php?section=society03&content=106608

北京欢迎你  

:slime_inlove:



หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 11-10-2008, 00:05
ตอนนี้ราคาคอนโด อยู่บนยอดดอยครับ

เพราะคิดค่าก่อสร้าง เหล็ก น้ำมันที่ 150 เหรียญ

ถ้าสร้างกันเยอะขนาดนี้ ขายไม่ออกแน่นอนครับ เศษรฐกิจชะลอตัวขนาดนี้

พวกเก็งกำไร จาก ใบจองขาดทุนเป็นแถวๆๆ

แล้วพวกคอนโดระดับสูงตายแน่นอนครับ พวกโครงการตารางเมตรละ 1 - 2 แสน

ถามเอาความรู้หน่อยครับ แล้วคนที่ไปเก็งคอนโดพวกนี้เป็นใครกันน่ะ :?: คนไทยหรือต่างชาติ :?:

ตารางเมตรละแสน เว่อร์มากเลยครับ แล้วที่ดินเปล่าบนผืนเดียวกันจะวาละกี่ล้าน


หัวข้อ: Re: UPDATE: CDS ของ Lehman เดิม $1.00 ประมูล 9¢...ถูกกว่ากระดาษเช็ดก้น!!
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 11-10-2008, 00:07
แก่ปูนนี้แล้วอุตริไปเรียนภาษาที่สามภาษาที่สี่ ผมกลัวว่าเส้นเลือดในสมองมันจะแตกเอาซะก่อนครับ   :slime_whistle:

วันนี้ทองตกเอาๆ ตอนบ่าโบร๊กมันโทรมาจะขายให้ที่ 930 ดันใจเย็นไม่ปล่อย ตอนนี้วูบไป 880+ แล้ว   :slime_hmm:

ส่วนหุ้นไทยคงได้เห็น 300++ เร็วๆนี้ครับ
เรื่องเอ็นพีแอลแบงค์ไทยนี่ตอนนี้ยังไม่ถึงคิวครับ ต้องรออีกพักนึง พอมันฝืดเคืองมากๆ ลูกหนี้ชั้นดีไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาส่งดอก มันก็กลายเป็นเอ็นพีแอลเอง แต่เห็นด้วยที่ว่าแบงค์ไทยรัดกุมขึ้นมากหลังจากปี 40


หัวข้อ: Re: UPDATE: CDS ของ Lehman เดิม $1.00 ประมูล 9¢...ถูกกว่ากระดาษเช็ดก้น!!
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 11-10-2008, 00:15
สิ่งหนึ่ง...ที่อยากจะฝากเอาไว้จากใจจริง

คนไทยส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่เป็นเหยื่อ....ขาดความรู้ความเข้าใจในตลาดทุนเป็นส่วนมาก


แพนิกเซลล์.....ขายหมูซ้ำซาก ให้ต่างชาติมาตีกินเสมอ เกิดขึ้นกับประเทศเราตลอดมา



หัวข้อ: Re: UPDATE: CDS ของ Lehman เดิม $1.00 ประมูล 9¢...ถูกกว่ากระดาษเช็ดก้น!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 11-10-2008, 05:56
(http://www.smh.com.au/ffximage/2006/11/07/Iceland_wideweb__430x320,0.jpg)

Want to buy Iceland? eBay bidding soars to £10 million 
Iceland Offered for Sale as a Wholesale Lot on eBay on Friday


LONDON, Oct 10, 2008

GREAT scenery and wildlife but financial situation in need of repair - collect in person.

Iceland, which is going cap in hand to Russia for a four billion euro (S$8 billion) loan to bail out its failed banks, was offered for sale as a wholesale lot on eBay yesterday.

Bidding started at 99 pence but had reached £10 million (S$25.4 million) by mid-morning yesterday.

Globally renowned singer Bjork was 'not included' in the sale, according to the notice, but there were nonetheless 26 anonymous bidders and 84 bids.

'Located in the mid-Atlantic ridge in the North Atlantic Ocean, Iceland will provide the winning bidder with a habitable environment, Icelandic horses and admittedly a somewhat sketchy financial situation,' the notice read.

Bidders' questions included: 'Do you offer volcano, earthquake insurance?', 'Is it possible that my payment will be frozen?', and 'Will you accept COD as a form of payment?' -- Reuters

http://abcnews.go.com/International/story?id=6002265&page=1

 :D


หัวข้อ: Re: UPDATE: CDS ของ Lehman เดิม $1.00 ประมูล 9¢...ถูกกว่ากระดาษเช็ดก้น!!
เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 11-10-2008, 06:07
สิงคโปร์จมสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค  
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 ตุลาคม 2551 23:21 น.
 
 
       สิงคโปร์กลายเป็นเศรษฐกิจของเอเชียรายแรกที่ถลำลงสู่ภาวะถดถอย โดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ วันศุกร์(10)เผยแพร่ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งชี้ว่า อัตราเติบโตของจีดีพีแท้จริง (จีดีพีที่หักอัตราเงินเฟ้อแล้ว) ในไตรมาสสามปีนี้ อยู่ในระดับติดลบ 6.3% หลังจากที่ในไตรมาสสองก็หดตัวลงมา 5.7% อยู่แล้ว
       
       ถึงแม้ทางการสิงคโปร์ยังไม่ได้เรียกสภาพที่บังเกิดขึ้นมานี้ว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่คำจำกัดความทางวิชาการของสภาพเช่นนี้มีอยู่ว่า หมายถึงภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในอาการหดตัว 2 ไตรมาสต่อเนื่องกัน ดังนั้น หน่วยงานวิจัยของแบงก์ใหญ่ในสิงคโปร์เองอย่าง ดีบีเอส กรุ๊ป รีเสิร์ช จึงสรุปว่า "สิงคโปร์จะเป็นเศรษฐกิจแห่งแรกของเอเชียที่จมลงสู่ภาวะถดถอยเมื่อมองในทางเทคนิค" ขณะที่ มอร์แกนสแตนลีย์ บอกด้วยว่า สิ่งต่างๆ น่าจะมีแต่เลวร้ายลง และการถดถอยน่าจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ประเด็นทางเทคนิคเท่านั้น
       
       กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ยังได้ลดการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปีนี้ลงมาอยู่ที่ราว 3% หลังจากในการปรับปรุงหนสุดท้ายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้ให้ตัวเลขไว้ที่ระหว่าง 4.0-5.0% ส่วนทบวงการเงินแห่งสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) ซึ่งเป็นเสมือนแบงก์ชาติของประเทศนี้ ก็แถลงว่า กำลังผ่อนคลายนโยบายการเงินลงเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลากว่า 4 ปี
 
 


หัวข้อ: Re: UPDATE: CDS ของ Lehman เดิม $1.00 ประมูล 9¢...ถูกกว่ากระดาษเช็ดก้น!!
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 11-10-2008, 12:16
สิ่งหนึ่ง...ที่อยากจะฝากเอาไว้จากใจจริง

คนไทยส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่เป็นเหยื่อ....ขาดความรู้ความเข้าใจในตลาดทุนเป็นส่วนมาก


แพนิกเซลล์.....ขายหมูซ้ำซาก ให้ต่างชาติมาตีกินเสมอ เกิดขึ้นกับประเทศเราตลอดมา



เมื่อวานไปดูที่ห้องสินทร  หลายคนโดดไปซื้อหุ้น ซื้อเสร็จแล้วเพิ่งมาถามว่า อันนี้เกิดอะไรขึ้น ตรงนั้นหมายความว่าอะไร สัญญาณนั้นหมายความว่าอะไร สยดสยอง
อีกส่วนหนึ่งยังคลั่งทักษิณอยู่ คิดว่าทักษิณเป็นพระเจ้าจะดลบันดาลให้ตลาดหุ้นบูม :slime_sentimental:


หัวข้อ: Re: UPDATE: Ping An of China โดนหางเลข 15000 ล.หยวนจาก Fortis เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 11-10-2008, 20:22
Ping An of China โดนหางเลข 15000 ล้านหยวนจาก Fortis เจ๊ง

บ.ประกันภัยจีนชื่อ "ผิงอัน" (Ping An of China 中国平安) อุตส่าห์วิเคราะห์ซะดิบดีแต่แรกคิดว่าอเมริกาเสี่ยง เลยมาลงทุนกับ Fortis ในยุโรป ปรากฎว่าวิกฤติอเมริกากลายเป็นโดมิโน่มาโดนยุโรป แต่ยังดีที่บริษัทมีทุนสำรอง 300 เปอร์เซ็นต์ของภาระรายจ่ายทั้งหมด

"ผิงอัน" นี่ในเมืองไทยคนไทยจะได้ยินคำว่า "เผ่ง อัง" บ่อยๆ ก็คือคำเดียวกัน แปลว่า ปลอดภัยสงบสุข  แต่ดูท่าทางจะอยู่ไม่ค่อยสุขแล้วเมื่อเห็นฝรั่งล้มกันระเนระนาด

ปกติญี่ปุ่นจะไม่ชอบขี้หน้าจีน จีนก็ไม่ชอบขี้หน้าญี่ปุ่น แต่ว่าเวลานี้ต่างฝ่ายต่างห่วงซึ่งกันและกัน หยุดทะเลาะกันชั่วคราว หากญี่ปุ่นวิกฤติจีนก็เซ หากจีนโดนหนักญี่ปุ่นก็เซเหมือนกัน เพราะต่างเป็นตลาดซึ่งกันและกัน


หัวข้อ: Re: UPDATE: ยุโรปแห่ถอนเงินแบงก์, US ตื๊อ Canada รับซื้อแบงก์ เดี๋ยวคงต้องตื๊อ "จีน"
เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 12-10-2008, 04:20
ตอนนี้ราคาคอนโด อยู่บนยอดดอยครับ

เพราะคิดค่าก่อสร้าง เหล็ก น้ำมันที่ 150 เหรียญ

ถ้าสร้างกันเยอะขนาดนี้ ขายไม่ออกแน่นอนครับ เศษรฐกิจชะลอตัวขนาดนี้

พวกเก็งกำไร จาก ใบจองขาดทุนเป็นแถวๆๆ

แล้วพวกคอนโดระดับสูงตายแน่นอนครับ พวกโครงการตารางเมตรละ 1 - 2 แสน

เห็นคำว่า "ยอดดอย" แล้วนึกถึงเพลงนี้ครับ...

http://www.doohoon.com/songs/doi.wma        <--- คลิกโหลดไฟล์เพลง 1MB

...

ยอดดอยอยู่ไหน
                            โสมรัศมี
คำร้อง-ทำนอง-เรียบเรียง หมื่นรู้
http://www.doohoon.com/songs/song1.htm

ยอดดอยอยู่ไหนนะ                เมื่อไรจะถึงนะ
ก็ไม่กล้าซื้อ กลัวจริงๆ            จะเจอยอดดอย
 
        ยอดดอยอยู่ไหนนะ               ขึ้นมามากแล้วนะ
        ตัดใจต้องซื้อตามจริงๆ            ด้วยความมั่นใจ
 
ขึ้นไม่หยุดยั้ง จนเราต้องซื้อ     แต่พอเราซื้อ มันก็ลงไป
ไหลลงอย่างนั้น ใครจะตัดไหว   ปล่อยใจให้อยู่ยอดดอย
 
  ***อยู่ยอดดอย เหงาจัง             เมื่อไรจะขึ้นมารับสักที
        อยู่ยอดดอยหลายปี             ไม่เคยจะมีใครมาหา
 
ยอดดอยก็สูงละ                    รูดลงอีกแล้วนะ
ตัดใจจะขายไปจริงๆ              ไม่ทนแล้วเรา
 
         ขยับจะขาย อีกใจคอยยั้ง       ตัดใจอีกครั้ง ทั้งทั้งอาลัย
         ไหลลงอย่างนั้น ใครจะตัดไหว ปล่อยใจให้อยู่ยอดดอย
 
   ***อยู่ยอดดอย เหงาจัง             เมื่อไรจะขึ้นมารับสักที
         อยู่ยอดดอยหลายปี              ไม่เคยจะมีใครมาหา
 
อยู่ยอดดอยนานวัน               มันคงจะไม่เสียหายอะไร
แต่ต้องทนแทบตาย               เมื่อไรจะได้ลงมาหาพื้นดินที่กว้างใหญ่
 
         ยอดดอยอยู่ไหนนะ               ต้องจำให้ซึ้งละ
         ว่าจะไม่ซื้อเลยจริงๆ               ที่ตรงยอดดอย...


หัวข้อ: Re: UPDATE: Ping An of China โดนหางเลข 15000 ล้านหยวนจาก Fortis เจ๊ง
เริ่มหัวข้อโดย: vorapoap ที่ 12-10-2008, 07:59
ขอขอบคุณกระทู้นี้มากครับ  :slime_sentimental:

ผมเข้าใจว่าแบงค์ไทยจะไม่ล้มอีก อันนี้ถูกไหมครับ?