ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สโมสรริมน้ำ => ข้อความที่เริ่มโดย: In The Name Of Justice. ที่ 26-06-2006, 12:17



หัวข้อ: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 26-06-2006, 12:17
25 June 2006 : 5.30 PM
___________________

เพื่อนผมได้โทรมาชวนผมไปทำ "อาชีพเสริม" ที่ไม่กระทบกับงานประจำ...

โดยให้ผมคุยกับรุ่นพี่อีกคนในกลุ่มนั้น แล้วคนๆนั้นก็บอกผมว่ามันเป็นงาน

เกี่ยวกับตัวเลข "ทำถึงจุดนึงแล้วก็ไม่ต้องทำ รอรับเงินอย่างเดียว?" เอะยังไง

ของฟรีไม่มีในโลก มนุษย์ไม่อาจได้อะไรมา โดยไม่เสียอะไรไปเลย นี้คือกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม...

จากประโยคที่กล่าวมาทำให้ผมเริ่มแคลงใจกับไอธุรกิจที่ว่านั่นอย่างมาก

แต่ผมก็รับปากที่จะไปคุยกับเขาที่ "เกษตร ตอน 1 ทุ่มวันพุธนี้" เพราะว่าเกรงใจเพื่อน

_________________________________________________________

25 June 2006 : 8.30 PM
___________________

ผมได้กลับมาคิดดูอีกที มันไม่คุ้มเลยที่จะเสี่ยงไป เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ธุรกิจถูกกฎหมาย

เลยลองโทรไปถามเพื่อนอีกทีว่า "ขายอะไร" และ "ธุรกิจอะไร" เพื่อนผมไม่ตอบ เอาแต่บอกให้ไปฟังเอง

ไม่เข้าใจเลยครับว่าทำไมถึงพูดไม่ได้...

ผมเลยถามอีกว่า ถ้าจะทำต้องเสียตังไหม? เพื่อนผมบอกว่ามีค่าสมัคร แต่ไว้มาคุยกันก่อนดีกว่า?

น่าแปลกไหมครับว่าทำไมถึงบอกอะไรไม่ได้ ยังไงก็ต้องคุยกันก่อน?
_____________________________________________________

จากที่ผมได้เล่าไปแล้วนั้นผมว่า "เพื่อนผมโดนหลอก" นะครับ เขาคงไม่มีเจตนามาหลอกผมแน่ๆ

แต่ว่าทำไมเดี๋ยวนี้ธุรกิจแบบนี้มันเยอะจังครับ...

ไว้ตอนเที่ยงผมจะโทรไปถามคนที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนผมอีกที ว่ามันขายอะไร ถ้าตอบไม่ได้ไม่ต้องคุยกัน...

แล้วพี่ๆน้องๆ ในบอร์ดนี้เคยเจอในรูปแบบไหนอีกบ้างไหมครับ?

แล้ววงจรนี้มันทำงานกันยังไงบ้างครับ?


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: That's right. ที่ 26-06-2006, 12:32
DON'T TRUST THEM!!!!!   Please tell your friend that it's a money game.. My friend and I used to lose much money for this game.. Stop your friend and tell the police as soon as posible!!!!! :shock: :shock: :shock:


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 26-06-2006, 13:14
ขอบคุณมากครับคุณ That's right. ผมก็คิดอย่างนั้นแต่กำลังหาข้อมูลครับ

___________________________________________________
26 June 2006 : 00.30 PM

ผมได้โทรติดต่อกับคุณ เอ (นามสมมุติ) สอบถามว่าทำธุรกิจอะไรก็ได้ความว่า

ทำเกี่ยวกับ การรองรับระบบ e-commert (อีคอมเมิร์ท) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยนัดผมให้ไปคุยที่ The Mall บางแควันเสาร์ที่ 1 นี้ครับ

ไว้เย็นนี้ผมจะโทรไปเตือนเพื่อนก่อนว่าอย่าพึ่งตกลงปลงใจกับเขา

ใครๆก็อยากรวยนะครับ ถ้ามันง่ายขนาดนี้ทำไมต้องมาง้อผมด้วยเนี้ย -_-;


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 26-06-2006, 13:40
กระทู้เรื่องเก่าๆในอดีตครับ เข้าใจว่าพิมพ์จากพันทิพแต่ตอนหลังไปแพร่หลายที่อื่น

http://www.dvddiary.com/phpBB/viewtopic.php?mode=viewtopic&topic=4119&forum=10&start=0&increply

บางคนไปฟังเพื่ออยากรู้เรื่องการตลาดนะครับ ทำนองหาความรู้ใส่ตัว ที่สำคัญหากจะไปฟังพวกนี้ ต้องเป็นคนใจแข็งหน่อยครับ  หากจะทำก็ต้องทำเพราะรู้ว่าตัวเองทำได้ ไม่อย่างนั้นเสียเงินเปล่าๆครับ


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 26-06-2006, 14:38
อ่าแล้วอึ้งครับคุณ ลูกไทย หลานไทย ไชโย

ตอนผมจะเข้ามาเป็นตัวแทนประกันก็เจอประมาณที่ว่าเนี้ยแหละครับ

แต่ขอย้ำนะครับว่าขายประกันไม่ใช่การหลอกลวง...

ผมจะรู้สึกไม่ดีอย่างมาก เวลาพ่อผมชอบเอาไปเปรียบกับแชร์ลูกโซ่

ที่น่าแปลกคือว่า เนื้อเรื่องที่เล่ามาเนี้ย ความจริงหมดหรือเปล่า

ผมรู้สึกแปลกใจบท action ของเขาอยู่เลยครับ  :mozilla_laughing:


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 26-06-2006, 15:10
ถูกต้องแล้วครับขายประกันไม่ใช่เรื่องหลอกลวง แต่คนขายประกันนั้นมีทั้งดีและไม่ดี (วันหลังจะแชร์ประสบการณ์ครับ)

ตอนที่ว่าลงจากลิฟท์แล้วมีเสียงตะโกน กับตอนที่หนีบนรถไฟฟ้านี่ก็น่าสงสัยครับ อ่านเอาบันเทิงก็สนุกไปอีกแบบ

แต่ตอนการชักจูงให้ไปฟังด้วยตัวเอง ตอนให้คนเกลี้ยกล่อมกันเป็นหมู่คณะ ตอนเข้าประชุมแล้วมีคนออกมาพูดๆแล้วมีคนปรบมือ ผมเชื่อว่าอิงมาจากความจริงครับ เคยเจออยู่คนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคยนับถือมา บอกว่าอยากชวนผมไปทำธุรกิจด้วย อยากนัดเจอกันที่เซ็นทรัลลาดพร้าวและให้แฟนผมไปด้วย

พอผมขึ้นไปที่ convention hall แฟนผมก็เปรยขึ้นมา เอ นี่มันเหมือน Amway นะ จำได้ว่า Amway เคยจัดที่นี่ ผมก็เถียงว่าคงไม่ใช่หรอก หากเป็น Amway จริงคนนั้นก็คงบอกตั้งแต่แรก ผมก็ไม่ได้เห็นว่ามันจะเป็นอาชีพที่ต้องปิดบังอย่างไร(แม้ว่าเคยโดนผู้หญิงขาย Amway หักอกมาแล้ว ฮือๆ)

พอขึ้นไป Amway จริงๆครับ อึ้งเลยตรงที่ทำไมไม่บอกแต่แรก สินค้านี้เราก็เคยรู้จัก วิธีการแบ่งรายได้ของ upline downline ก็เคยฟังใครบางคนสาธยายมาแล้ว เพียงแต่เรายังไม่สนใจ

ผมกับแฟนก็ตกลงกันว่า ไหนๆมาแล้วก็นั่งฟังสักแป๊บหนึ่ง

หลังจากดูงานสักพักก็สรุปได้ว่า งานที่เข้าไปก็เป็นงานประกาศความสำเร็จของคนที่ขายได้ครับ มีแห่กลองยาว พูดอะไรก็มีคนใส่สูทสีดำปรบมือ(จากหลังเวที) มีฉายวิดีโอ คนที่ขึ้นมาพูดก็มาสาธยายว่าเขาได้อะไรจากการขาย ฯลฯ

แถมคนหนึ่งที่ขึ้นเวทีนั้นก็พูดไปหัวเราะไปว่าในนี้มีใครโดนหลอกให้มาบ้าง ใครมาโดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขากำลังพูดเรื่องอะไรบ้าง ก็มีคนยกมือขึ้นประปรายในที่นั่งข้างล่างเวที ผมไม่ยกมือแต่เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีกับคนที่ชวนผมมา สุดท้ายก็ขอตัวกลับมาก่อน เพราะฟังๆไปก็เรื่องเดิม วิธีการเดิม ปรบมือกันเหมือนเดิม

งานพวกนี้ไม่ได้หลอกลวงเสมอไปครับ อย่าง Amway นี่ถ้าคนที่ขายเขามีความตรงไปตรงมากับอาชีพก็ถือว่าเป็นงานที่ดีอันหนึ่ง เพราะผมเข้าใจว่าระบบรายได้ของเขาค่อนข้างจะแฟร์

มีสินค้าหลายตัวในธุรกิจขายตรงที่ใช้วิธีแบ่งรายได้แบบปิรามิดครับ อย่าง Tahitian Noni น้ำลูกยอขวดเป็นพันเป็นหมื่นนี่ได้ยินว่ามีการจ่ายเงินในระบบปิรามิด นั่นคือเงินจะถูกแบ่งตั้งแต่ยอดปิรามิดไล่ลงมา วิธีนี้ทำให้คนที่เข้ามาหลังๆได้เงินไม่เยอะ อันนี้คนที่เคยจะทำโนนี่เขาเล่าให้ผมฟังนะครับ ว่าไปแล้วเขาก็คุยว่าเขาเกือบจะเป็นคนประกอบการ Noni นี้คนแรกแล้วเชียว เขาเสียดายเพราะเมื่อ 5 ปีก่อน สินค้าตัวนี้ขายดีมากเนื่องจากการตื่นตัวป้องกันมะเร็งลำไส้ (ทั้งๆที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าลูกยอนี้ป้องกันมะเร็งลำไส้ได้แค่ไหน)

บางธุรกิจ คล้ายๆกับที่ผมยกกระทู้อันนั้นมา รายได้จะไม่ได้มาจากการขายสินค้าอย่างเดียวครับ แต่มาจากเงินค่าฝึกอบรม เราเสียค่าอบรมเป็นหมื่น ได้สินค้ากลับไป ได้บัตรผู้ประกอบการ หากอยากได้เงินง่ายๆไวๆ ก็แค่ชักจูงคนให้มาสมัครผ่านเราให้เขาจ่ายเป็นหมื่น แล้วเราก็กินคอมมิชชั่นไป ฯลฯ

นั่นคือ ไม่ใช่สินค้าที่เป็นตัวทำรายได้ แต่เงินค่าสมัครเป็นผู้ประกอบการต่างหากที่เป็นตัวทำรายได้ให้ระบบ คุณจ่ายให้เขา แล้วคุณก็หาคนอื่นมาจ่ายให้คุณเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ



ทีนี้มันก็อยู่ที่ว่า จะทำให้คนมาใหม่ไม่เห็นข้อเท็จจริงเหล่านี้อย่างไร  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 26-06-2006, 16:33
ถ้าทำได้ก็รวยไปเลยเหมือนกัน  :mrgreen:

ผมก็ชอบครับอาชีพอิสระ มันว่างดี จะได้มาเสรีไทยได้ทั้งวันไงครับ  :mrgreen:


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: Prometheus, The Titan ที่ 27-06-2006, 20:39
แต่พี่ขวางจบครุฯมานี่ครับ

ไม่ลองคิดเป้นครูดูเหรอครับ ^ ^


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 28-06-2006, 09:36
แต่พี่ขวางจบครุฯมานี่ครับ

ไม่ลองคิดเป้นครูดูเหรอครับ ^ ^

กลัวเด็กตายคามือครับ ไม่ไหว  :mozilla_yell:


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 03-07-2006, 10:33
แล้วผลสรุปของธุรกิจที่ว่านี้ก็คือ




------  AMWAY  ------

ธุรกิจเกี่ยวกับระบบเครือข่าย E-commert 55555

ถึงจะให้พูดอย่างไรหน้าที่ของผมก็คือขายตรง ครับ  :mozilla_laughing:


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: จูล่ง_j ที่ 03-07-2006, 15:37
MLM อีกแล้วเหรอ ผมโดนหลอกไปคุย ธุรกิจพวกนี้หลายครั้ง

แต่ผมเป็นคนใจแข็ง ปฏิเสธตลอด แต่ก็มีพลาดครั้งนึงโดนค่าสมาชิกไป

ต้องโทษตัวเอง ใจอ่อนเพราะสาวที่มาคุยด้วย หน้าตาดี :lol:


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: THE THIRD WAY ที่ 03-07-2006, 15:46
นี่คือคำขอร้องครับ
ถ้าไม่มีความชัดเจน
ทราบแต่เพียงว่าได้ค่าตอบแทนมหาศาล
ผิดปกติวิสัยที่พึงมีในโลกมนุษย์นี้
อย่าเลยครับ ได้โปรดหยุดทันที
ความเกรงใจนำไปสู่ความฉิบหายครับ
ได้โปรด
------------------------------------------------------------------------------
ธุรกิจแบบนี้ พวก"หมอนั่น"เค้าถนัด
ก็หมอที่พูดเรื่องบารมง บารมีนั่นแหละ ใช่เลย


หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 04-07-2006, 10:40
สมัยผมเด็กๆมีกรณีหนึ่งที่ดังมากๆคือคดีของคุณชม้อย ทิพย์โส ตอนนั้นหนังสือพิมพ์ต่างพาดหัวข่าวเรื่องแชร์แม่ชม้อย

ที่บ้านผมมีหนังสือเรื่อง"เจ้าพ่อ" ในเครือผู้จัดการ ตอนแรกว่าจะพิมพ์ลงแล้วเชียว แต่พอไปเจอในเว็บของผู้จัดการมีให้อ่านฟรีๆ ก็เลยก๊อปมาครับ

http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5817

 
 บทความจาก เจ้าพ่อ. หนังสือเล่มโครงการ Manager Classic กรกฎาคม 2545
 
ชม้อย ทิพย์โส วีรสตรีหรือซาตานกันแน่!

เรื่องของ ชม้อย ทิพย์โส มิใช่เรื่องของการฉ้อโกงหรือผิดพระราชกำหนดการ เล่นแชร์ธรรมดาสามัญ หากมีผลสะท้อนที่ลึกลงไปให้เห็นถึงความฟอนเฟะของสังคมที่กำลังขาดคุณธรรมอย่างมากๆ ซึ่งอาจจะเป็นลางบอกเหตุบางอย่างให้สังคมไทย ได้รับทราบกันว่า มันจวนจะถึงเวลาของมันแล้วที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ของประวัติศาสตร์ไทยกำลังจะเริ่มขึ้น

ในการเขียนเรื่องชม้อยครั้งนี้ "ผู้จัดการ " ไม่ต้องการจะนำเอาเหตุการณ์ความเป็นมาแต่ละเดือนมาลง เพราะเราได้ลำดับเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับ "ชม้อย " ไว้ดีอยู่แล้ว ประกอบกับมีหนังสือหลายเล่มในท้องตลาดก็ได้ทำหน้าที่อยู่อย่างไม่บกพร่อง

แต่สิ่งที่ "ผู้จัดการ " ต้องการจะรายงานเรื่องชม้อยครั้งนี้จะเป็นการวิสัชนากับปุจฉาหลายต่อหลายวันที่เกี่ยวกับเรื่องราวของชม้อย

ชม้อยเริ่มมาอย่างไร?

การเริ่มของชม้อยจากการตรวจสอบแหล่งข่าวทั้งใกล้ชิดและไม่ใกล้ชิดตลอดจนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและบรรดาเพื่อนพนักงานการปิโตรเลียมที่สนิท สนมกับชม้อยมากๆ ทำให้จับความได้ว่า ชม้อยนั้นชอบเล่นแชร์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

"ชม้อยแกเล่นแชร์ทีสิบกว่ามือ แต่ละมือนั้นแกยังมีอยู่ 3-4 มือ ฉะนั้นวันเลี้ยงแชร์หรือเปียแชร์นั้นชม้อยจะมีโต๊ะยาวเหยียดมีคนนั่งรอกันหลายๆ โต๊ะทีเดียว " เพื่อนสนิทของชม้อยพูดให้ฟัง

ความซื่อสัตย์ของชม้อยนั้นเป็นที่เลื่องลือกันว่าเล่นกับชม้อยแล้วไม่มีเบี้ยว การจ่ายเงินตรงเวลามาก

"บางทีแกไม่สบายมากแต่ถ้าใครเปียได้แกก็จะกัดฟันมาส่งเงินให้โดยไม่ขาดเลย " แหล่งข่าวคนเดิมพูดเพิ่มเติม

จากการวิเคราะห์ของ "ผู้จัดการ " ได้ความว่าจำนวนวงแชร์ที่ชม้อยเล่นนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

"ชม้อยเขาต้องตั้งแชร์มือใหม่ขึ้นมา เพื่อหมุนเงินมาจ่ายมือเก่า เพราะในช่วงนั้นเขามีเรื่องใช้เงินมาก " คนที่เคยเล่นแชร์กับชม้อยทุกมือ ตั้งแต่แรกเริ่มพูดให้ฟัง

จากจุดนี้เองทำให้ชม้อยทำธุรกิจในเรื่องการจัดคิวเงินขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจ!

เพียงแต่ว่าการจัดคิวเงินนั้นต้องรอให้มีการเปียแข่งขันกันในเรื่องดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวุ่นวายและเวียนหัวสำหรับชม้อยมาก

"ตรงนี้แหละที่ชม้อยเคยบ่นว่าเป็นเท้าแชร์ทุกมือต้องมาเสียเวลาประชุมเปียแชร์ทุกเดือน แล้วแต่ละคนก็เปียกันไปบางทีดอกที่เสียก็ไม่มากนั้น ชม้อยเลยมีความคิดว่าจากการเชื่อถือของลูกแชร์ซึ่งเวลานั้นมีเป็นร้อยคน ถ้าเขาจัดแบ่งผลประโยชน์ให้ ประจำสำหรับลูกแชร์ทุกคนก็จะสะดวกกว่า" แหล่งข่าวคนเดิมพูด

และนี่เองก็เป็นการเริ่มของแชร์แม่ชม้อยที่ลือลั่น

"ในตอนแรกนั้นก็เล่นกันในหมู่คนรู้จักกันมีกันไม่กี่คนแค่ร้อยกว่าคนแต่ข่าวของ ความเชื่อถือในตัวแม่ชม้อยนั้นมันขยายกันไปมากจนคนนอกวงการนั้นได้ข่าวและพยายามจะก้าวเข้ามาขอร่วมด้วย " แหล่งข่าวกล่าวต่อ

ก็คงจะเป็นตรงนี้เองที่ระบบหัวหน้าสายได้เริ่มขึ้นโดยที่ตัวชม้อยเองก็ไม่ทราบ ว่าระบบจัดคิวเงินของเธอมันกำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

"อาจจะเป็นเพราะว่าในช่วงหนึ่งชม้อยถูกย้ายไปประจำที่โคราช ซึ่งระยะทางเช่นนี้เธอเองก็ต้องมีระบบหัวหน้าสายเข้าปฏิบัติการรับเงินรับทอง และทำหน้าที่จ่ายดอกเบี้ยแทนเธอ " แหล่งข่าวอีกคนหนึ่งที่เคยอยู่องค์การเชื้อเพลิงกับชม้อยมาตั้งแต่แรก เริ่มพูดเพิ่มเติม

ฉะนั้นเราจะเห็นได้ชัดว่าธุรกิจของชม้อยนั้นเป็นธุรกิจที่เจริญเติบโตขึ้นมาจาก ไหวพริบปฏิภาณและเหตุการณ์ที่เอื้ออำนวยให้มาตั้งแต่ต้น
ชม้อยเอาเงินไปทำอะไรบ้าง?

มีอยู่หลายทฤษฎีตั้งแต่ค้าอาวุธ ค้าของเถื่อน ไปจนถึงเรื่องของการเอาไปหมุน แชร์รายวันซึ่งได้ดอกดี

แต่ที่แน่ๆ นั้นในช่วงต้นมีการค้าขายน้ำมันจริงจากการเอาโควตาน้ำมันของบรรดานายทหารที่ใช้เหลือไปปล่อยตามปั๊มต่างๆ ในฐานะที่ชม้อยเองนั้นก็ทำงานอยู่องค์การเชื้อเพลิง ในช่วงต้นก็ทำให้อยู่ในฐานะของคนกลางได้สบาย แต่กำไรจริงๆ ก็ไม่ได้มีมากมายอะไรที่จะทำให้คนที่ทำธุรกิจแบบนี้จะมีสัดส่วนกำไรอย่างมหาศาล อีกประการหนึ่งนั้นการทำงานของชม้อยในด้านน้ำมันก็จะทำได้เพียงปริมาณหนึ่งเท่านั้นก็จะเต็มที่ โดยลักษณะของจำนวนน้ำมันที่เหลือจากโควตา

"จริงๆ แล้วคุณชม้อยเขาหมุนแชร์หมุนไปหมุนมา พอเขาเริ่มตกลงกับลูกแชร์ว่าเขาจ่ายผลประโยชน์ให้เป็นรายเดือนจะดีกว่าแล้วใครจะถอนเงินออกไปทันทีก็ถอนได้ ทำให้หลายคนเชื่อมั่นว่า คุณชม้อยคงต้องเอาไปลงทุนทางอื่นแน่ๆ ประกอบกับเคยมีคนขอถอนเงินทันทีซึ่งก็จะได้รับเงินคืนทันที เลยทำให้ความเชื่อมั่นในตัวคุณชม้อยเขาสูงมาก แล้วคุณชม้อยก็เที่ยวพูดเสมอว่าเขาเอาเงินไปหมุนทำธุรกิจอื่นๆ ทำให้ความคิดที่ว่าเป็นเรื่องเงินต่อเงินนั้นมันหมดไป " คนที่เคยทำหน้าที่เขียนสัญญาให้ชม้อย เล่าให้ "ผู้จัดการ " ฟัง

ชม้อยเองก็เป็นคนที่มีจิตวิทยาสูง จากการเป็นคนที่มีไหวพริบและปฏิภาณสูง ทำให้ชม้อยสามารถหาทางออกกับคำถามเหล่านั้นได้สบาย

"เรื่องความจำนี่ก็ต้องยกให้เขาว่าเขาจำได้แม่นยำมาก พูดอะไร หรือตอบคำถาม อะไรที่กะทันหันนี่จะให้เธอตอบซ้ำอีก ไม่ว่ากี่ครั้งกี่หนก็จะไม่มีวันผิดไปจากเดิมเลย " นายตำรวจที่ทำคดีชม้อยพูดขึ้นมา

การที่มีผู้ใหญ่ในเครื่องแบบหลายคนมาเล่นแชร์กับชม้อย ก็ยิ่งทำให้ความลึกลับของชม้อยยิ่งดูศักดิ์สิทธิ์ "เขาชอบอ้าง และเล่าให้หัวหน้าสายฟังเสมอว่านายพลคนนั้น แม่ทัพคนนี้ลงมาแล้วสิบกว่าล้าน มิหนำซ้ำยังเอาเช็คดอกเบี้ยที่จะจ่ายเงินให้นายพลเหล่านั้นมาแสดงให้หัวหน้าสายดูด้วย " แหล่งข่าวคนเขียนสัญญาให้ชม้อยเล่าให้ฟังเพิ่มเติม

"พวกผู้ใหญ่ในกองทัพเริ่มเล่นแชร์ชม้อยก็มาจากบรรดาลูกน้องทั้งหลายที่เคย เล่นมาดึงผู้ใหญ่เข้ามาเล่นด้วย ความจริงแล้วแชร์ชม้อยนี้มันโตขึ้นมาด้วยอุบัติเหตุจริงๆ ไม่ได้มีใครหนุนข้างหลังเลย " แหล่งข่าวคนเดิมพูดต่อ

เมื่อมีผู้ใหญ่ในกองทัพระดับนายพลเล่นอยู่มากขึ้นก็ต้องเป็นที่แน่นอนว่าบรรดาลูกน้องทั้งหลายก็ทยอยเล่นตามอย่างเต็มใจ แต่ไม่ตั้งใจ

"นายพลบางคนเขี้ยวขนาดเป็นหัวหน้าสายเอง ทีนี้พอท่านนายพลเป็นหัวหน้าสายเสียอย่างลูกสายนอกจากไม่มีข้อกังขายังมีความมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าแชร์วงนี้ต้องมีการเอาเงินไปใช้ในธุรกิจต่างๆ ที่กองทัพผูกขาดอยู่เช่นการประมูลการก่อสร้าง การรับซื้อสัญญาของผู้ค้าขายกับกองทัพโดยจ่ายเงินสดไปให้ก่อนแล้วหักเปอร์เซ็นต์ออก มีแม้กระทั่งความเชื่อที่ว่ามีขบวนการค้าของเถื่อนที่เอาเงินแม่ชม้อยมาซื้อโดยใช้ฐานทัพอากาศตามภาคต่างๆ เป็นแหล่งขนย้าย "

ความคิดนี้มีอยู่ในสมองของคนที่มาเล่นตั้งแต่แชร์แม่ชม้อยมีนายพลในกองทัพเข้ามาเกี่ยวข้องร่วมเล่นด้วย

ทั้งๆ ที่โดยเนื้อแท้แล้วชม้อยเพียงแต่หมุนเงินใหม่มาจ่ายเงินเก่าเท่านั้นเอง มิได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย!!

คนในเครื่องแบบระดับใหญ่ๆ เหล่านั้นเองส่วนมากก็ไม่รู้ว่าเป็นธุรกิจเงินต่อเงิน กลับคิดไปว่าชม้อยนี้เก่งมีสติปัญญาเอาเงินไปหมุนต่อให้ออกดอกสูงได้

"คุณชม้อยแกฉลาดแกเที่ยวบอกพวกนายพลว่าแกมีสายเอาเงินไปปล่อยให้คนที่ต้องการใช้เงินระยะสั้นประเภท 10 วันหรือหนึ่งเดือนแล้วแกคิด 10% ก็เลยทำให้แกอยู่ได้ " แหล่งข่าวอดีตคนสนิทของชม้อยพูดให้ฟัง

เรียกได้ว่าชม้อยดูจุดอ่อนของแต่ละฝ่ายออกก็เลยจับทั้งสองฝ่ายให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง!

เงินที่ไหลเข้ามาหาชม้อยตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้วยังมีปริมาณไม่มากเท่าใดนัก แต่ก็มีเงินใหม่ไหลเวียนเข้ามาให้ชม้อยได้จ่ายเงินเก่าอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ทุกอย่างไม่ติดขัดในการจ่ายคืนลูกค้าที่ต้องการจะขอเงินคืนทันที

ชม้อยมาบูมเมื่อไร?

การเจริญเติบโตของแชร์ชม้อย มีลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไปมาแต่แรกเริ่มโดยมีอัตราการเจริญเติบโตที่คงเส้นคงวา กล่าว คือมีเงินใหม่เข้ามาจ่ายเงิน เก่าอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรฟู่ฟ่า

ในเวลานั้นในหมู่คนนอกก็ได้ยินข่าวคราวเรื่อง ชม้อยแล้ว แต่ความสงสัยว่าเอาเงินไปทำอะไรนั้นทำให้ เกิดอาการอยากๆ กลัวๆ อยู่ อีกประการหนึ่ง ในช่วง ทรัสต์เถื่อนและบรรดาบริษัทเงินทุนหลายแห่ง ยังไม่มี ปัญหาอยู่นั้น การฝากเงินที่ได้ผลประโยชน์สูงพอสมควรก็ยังเป็นไปได้ ทำให้บรรดานักลงทุนทั้งหลายยังไม่ได้เข้ามาอย่างจริงๆ จังๆ

"เงินที่เล่นชม้อยนั้นเข้ามาจริงๆ ก็ในช่วงที่ทรัสต์ต่างๆ พากันล้มอย่างระเนระนาด แต่ชม้อยยังคงอยู่ยงคงกระพัน ตรงจุดนี้เองแหละที่กลุ่มพวกชั้นกลางที่มีเงินกันคนละสองสามแสนหรือล้านสองล้านเทกันมาหาชม้อยอย่างผิดหูผิดตา ถ้าจำไม่ผิดเวลา นั้นยอดเงินเพิ่มจากไม่กี่ร้อยล้านขึ้นมาเป็นสองพันกว่าล้านทันที " แหล่งข่าวอดีตคนสนิท ของชม้อยพูดให้ฟัง

จากจุดนี้เองที่เงินเริ่มเดินเรียงหน้าเข้ามาหาชม้อย แต่ขณะเดียวกันมันก็คือจุดเริ่มต้นของจุดจบของชม้อยเช่นเดียวกัน

"มันล้มแน่ๆ เพราะวงแชร์แบบนี้มันจะล้มช้าหรือเร็วเท่านั้น ถ้าจำนวนเงินมันเพิ่มคงเส้นคงวาทีละน้อยมันก็ยืดเวลาไปจนถึงจังหวะที่ปริมาณที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมันมากกว่าปริมาณเงินใหม่ที่ต้องเข้ามาซึ่งอาจจะใช้เวลาถึง 10 ปีก็ได้ แต่พอยอดมันเริ่มถึงพันๆ ล้านบาทแล้ว ค่าดอกเบี้ยอย่างเดียวก็เป็นร้อยล้านบาทต่อเดือน ยอดเงิน 8,000 ล้านบาทนี่ชม้อยต้องจ่ายดอกตกเดือนละ 500 กว่าล้านบาท ซึ่งหมายถึงจำนวนเงินสด ที่มีอยู่ในมือประมาณสามพันกว่าล้านบาทนี้จะจ่ายได้เพียง 6 เดือนกว่าเท่านั้น และก็ต้องหาเงินเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่าเดือนละ 300 ล้านบาทถึงจะอยู่ได้ต่อไปอีก 1 ปีกับอีก 1 เดือนก็หมดเงินพอดี และเรื่องนี้ชม้อยก็รู้ดี " แหล่งข่าวคนเดิมพูดต่อ

ในกลางปี 2527 นั้น ชม้อยก็เริ่มง่อนแง่นแล้ว

"ที่ง่อนแง่นนั้นเป็นเพราะว่าหัวหน้าสายของชม้อยปลีกตัวออกไปร่วมกันจัดตั้งแชร์ร้อยแม่พันพ่อกันตั้งแต่แชร์ชาร์เตอร์ แชร์มิลเลียนแนร์ฯ และอีกอย่างหนึ่งมีเงินสวัสดิการของหน่วยราชการหน่วยหนึ่งก้อนมหึมาพอสมควรจะถอนแล้วถอนออกไม่ได้เพราะติดขัดตรงชม้อยมีเงินไม่พอ ทุกคนกำลังเหงื่อแตกกันว่าจะทำอย่างไรดี ก็พอดีปลายปีชม้อยได้มีโอกาสออกโทรทัศน์กองทัพบกสวนควันปืนของแถลงการณ์กระทรวงการคลังออกไป และหลังจากนั้นอีกไม่นาน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ก็ออกข่าวว่าชม้อยไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านคงไม่รู้และไม่ได้มีเจตนาอะไร " คนใกล้ชิดบิ๊กซันพูดขึ้น

เท่านั้นเองแหละคนที่กำลังเสียวๆ กับชม้อยก็หายเสียว เพราะเมืองไทยเป็นเมืองของข่าวลือและการเดา

"มันทำให้หลายคนคิดเลยเถิดไปว่าพลเอกอาทิตย์คือผู้อยู่เบื้องหลังแชร์นี้ ทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้เรื่องเลย เพียงแต่ท่านพูดออกมาโดยไม่ได้คิดว่ามันจะมีผลตามมาทีหลัง " ทหารคนสนิทของพลเอกอาทิตย์ชี้แจงกับ "ผู้จัดการ "

เงินที่เคยชะงักคราวนี้ก็ไหลมายิ่งกว่าท่อน้ำประปาเสียอีก และก็เป็นเงินก้อนที่เข้ามาชุดหลังนี้แหละที่เป็นตัวการสำคัญของการหายสาบสูญไปอย่างอัศจรรย์ที่สุด

จะอย่างไรก็ตามหน่วยราชการนั้นก็ได้รับเงินสวัสดิการคืนไปอย่างที่ผู้ใหญ่โล่งอกกันทุกคน "ชม้อยเองก็รู้ว่าจุดจบตัวเองต้องเป็นแบบนี้ เพราะเงินมันเดินหน้ากันเข้ามาหาจะหยุดก็หยุดไม่ได้ เพียงแต่ว่าจะหาทางออกอย่างไร? "

เงินชม้อยหายไปไหน?

ใครคือประสิทธิ์ จิตที่พึ่ง และมีจริงหรือไม่? คำตอบนี้ก็คงจะต้องบอกว่าชื่อนี้มีจริง แต่เป็นอีกชื่อหนึ่ง ส่วนจะเป็นใครนั้นก็คงต้องให้เงื่อนไขของเวลาและเงื่อนไขของสังคมเป็นเครื่องตัดสิน

ประสิทธิ์ จิตที่พึ่ง เคยเอาเงินชม้อยไปครั้งหนึ่งไปทำธุรกิจแล้วก็คืนมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เอาเงินชม้อยไปมีกำหนดคืนตอนต้นปีแต่ต้องเลื่อนไป และล่าสุดได้ส่งเงินเข้ามาแล้ว 600 กว่าล้านบาท แต่ปัญหาคือจะผ่องถ่ายกันอย่างไร?

เรื่องฉากสุดท้ายของชม้อยนั้นเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะการลงโทษชม้อยเพียงอย่างเดียวไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะปัญหาหลักอยู่ที่สังคมไทยของเราซึ่งมันมีอะไรหลายอย่างที่เริ่มคล้ายไซ่ง่อนก่อนเมืองแตกที่ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่มีคุณธรรม ชอบเอาตัวรอด ชอบกระทำความผิดแต่ไม่เคยต้องได้รับโทษ ปล่อยให้ประชาชนต้องขมขื่น กรณีแชร์แม่ชม้อยในช่วง 2-3 ปีหลังนั้นเป็นเรื่องของการเข้ามาร่วมของผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ แทนที่จะหยุดตักเตือนแล้วหาทางออกให้กับประชาชนผู้โลภและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผู้ใหญ่บ้านเรากลับเข้าไปร่วมทำมาหากินกับชม้อยอย่างหน้าตาเฉย บางครั้งก็ปกป้องให้เสียด้วย

และเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะไปหวังอะไรกับสังคมไทย เรื่องชม้อยจึงมีเรื่องที่น้ำท่วมปากอีกมากที่รู้ก็พูดไม่ได้เพราะมันอัปยศ ก็เอาเป็นว่าถ้าเงื่อนไขของเวลา อำนวยก็คงจะพูดให้ฟังสักวันหนึ่ง เช่น จู่ๆ เงินเป็นพันล้านบาทมันหายออกไปจากบัญชีได้อย่างไร? และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ไม่มีปัญหาจะติดตามได้ หรือว่ามันผ่องถ่าย ไปทางไหน?

ชม้อยเริ่มธุรกิจจัดเงินมาแต่แรกเริ่มไม่ได้มีอะไรพิเศษพิสดารไปกว่านั้นแต่ในช่วง 2-3 ปีหลังที่เงินมันเดินหน้าเข้ามาหาเป็นพันๆ ล้าน เรื่องมหัศจรรย์พันลึกมันก็เลยต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง และคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ล้วนแล้วแต่ระดับมหึมาทั้งนั้น ซึ่งการเข้ามาเกี่ยวข้องก็เพราะเงินเป็นพันๆ ล้านบาทในแชร์ก้อนนี้

และที่น่าเศร้าที่สุดก็ตรงที่ว่าเงินพันๆ ล้านบาทมันเป็นเงินของประชาชน ประชาชนที่โลภ ประชาชนที่เอารายได้ดอกเบี้ยมาจับจ่ายใช้สอยเพราะรายได้ประจำไม่พอใช้ ประชาชนชั้นกลางที่เล่นแชร์เพื่อส่งลูกเรียนหนังสือ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ

เหมือนอย่างที่เขาว่ากันว่า "ผู้ปกครองต่างมาแล้วจากไป มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่ต้องช้ำใจไปตลอดกาล "

หมายเหตุ : จากเรื่อง "ชม้อย ทิพย์โส วีรสตรีหรือซาตานกันแน่! " โดย สนธิ ลิ้มทองกุล และอภิชาติ ชอบชื่นชม ในนิตยสารผู้จัดการ ฉบับที่ 24 เดือนสิงหาคม 2528



หัวข้อ: Re: รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ "แชร์ลูกโซ่" ครับ (รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 04-07-2006, 11:47
อันนี้เป็นเกี่ยวกับบริษัทจัดหาที่พักท่องเที่ยว เริ่มต้นจะมีเด็กเข้ามาขอให้กรอกแบบสอบถาม จากนั้นก็จะมีบริษัทอ้างว่ามีที่พักฟรีมอบให้แต่เงื่อนไขก็คือจะต้องไปฟังเขาพูด


http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E1758063/E1758063.html&Query=ASIAN%20ALLIANCE%20GROUP

http://www.tourthai.com/webboard/other/W_05013.shtml

ผมมักจะถูกโทรบ่อยๆเนื่องจากเวลามีเด็กมาขอถามแบบสอบถาม ผมก็ตอบไปเพราะถือว่าเป็นรายได้ให้เด็ก ดีกว่าไปทำงานอื่นๆที่ไม่เหมาะสม เท่าที่จับไต๋ได้บริษัทดังกล่าวจะเล็งว่าที่ลูกค้าในอนาคตดังนี้

1) แต่งงานแล้ว
2) มีรายได้รวมกันมากกว่า 5 หมื่นบาท (เมื่อสองสามปีก่อน)

ซึ่งผมก็มักจะโกหกไปว่าอยู่ใน criteria เพราะหากไม่ตอบอย่างนั้น เด็กที่มาถามแบบสอบถามจะไม่ได้เงิน ซึ่งต่อมาอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ก็จะได้รับโทรศัพท์อย่างที่เล่าไว้ครับ เพียงแต่ผมไม่เคยไปสักที เพราะปกติเวลาว่างไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเท่าไหร่