หัวข้อ: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 23-06-2006, 20:52 หญิงชราผู้หนึ่งได้เสียชีวิตลง
และถูกนำไปหาเทวดาเพื่อรับคำพิพากษา ขณะที่กำลังตรวจสอบบันทึกอยู่นั้น เทวดาพบคุณงามความดีที่เธอกระทำอยู่เพียงข้อเดียวคือ ครั้งหนึ่งเธอให้หัวแครอทแก่ขอทานผู้หิวโหย ด้วยอำนาจของความรักเพียงข้อนี้ข้อเดียว เธอได้รับการตัดสินให้ขึ้นสวรรค์ เพราะอำนาจของหัวแครอทนั้น หัวแครอทถูกนำมาและมอบให้แก่เธอ ทันทีที่เธอจับมัน มันก็เริ่มลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับว่ามันถูกดึงด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ขอทานคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และเอื้อมมือไปจับชายผ้าของเธอ ต่อมามีอีกคนมาจับเท้าของขอทานคนนั้นและลอยขึ้นไปด้วย ไม่นานก็มีคนจับเป็นแถวยาวขึ้นไปบนสวรรค์ด้วยแครอทหัวนั้น เพราะว่าเธอมัวแต่มองขึ้นไปบนสวรรค์ เธอจึงไม่เห็นพวกเขา พวกเขายิ่งลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบจะถึงประตูสวรรค์แล้ว หญิงผู้นั้นก้มลงมองพื้นโลกเป็นครั้งสุดท้าย เธอจึงเห็นคนเป็นพรวนอยู่ข้างล่าง เธอโมโหมาก เธอโบกมือไล่ด้วยความโกรธพร้อมกับตะโกนว่า "ปล่อย ปล่อยให้หมด นี่หัวแครอทของฉัน! " ขณะที่เธอกำลังโบกมือไล่ด้วยความโกรธอยู่นั้นเอง เธอก็ปล่อยมือของเธอออกจากหัวแครอท เธอจึงตกลงมาข้างล่างพร้อมกับคนเหล่านั้น ********* วงดนตรีกำลังฝึกซ้อมเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางเสียงอึกทึกจากคนงานที่กำลังจัดตกแต่งเวที คนงานหนุ่มผู้หนึ่งตอกตะปูเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนวาทยากรทนไม่ไหวจึงสั่งหยุดซ้อม และหันไปมองเขาด้วยสายตาวิงวอน "เชิญซ้อมต่อไปเถิดครับคุณ" คนงานตอบอย่างอารมณ์ดี "ไม่รบกวนผมหรอก" ********* ลองเดาซิว่ามดจะพูดอะไรกับช้าง ตอนที่โนอาห์ให้สัตว์ทุกชนิดเดินแถวเข้าไปในเรือ มดบอกกับช้างว่า "หยุดผลักซะทีสิ! " .......จากบางส่วนของหนังสือคำภาวนาของกบ หนึ่งบาทถอดความ........ หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 23-06-2006, 20:56 โอ๋ยยยย.. ชอบจังเลยค่ะ เอาอีกๆๆๆ เก็ดถวาชอบฟังนิทาน :mrgreen: หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 23-06-2006, 21:37 เอา....แถมให้ "คุณเก็ดถวา" ไว้เป็นนิทานก่อนนอน
(ตื่นมาอาจแปลกใจ ...เอ !! อัตตาฉันหายไปไหน... :P) ******** ชายผู้หนึ่งมาหาพระพุทธเจ้าพร้อมกับดอกไม้ในมือ พระพุทธเจ้ามองหน้าเขาและตรัสว่า "โยนทิ้งเถอะ" เขาไม่เชื่อว่าเขาได้รับการขอร้องให้โยนดอกไม้ทิ้ง เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า พระองค์อาจทรงขอร้องเขาให้ทิ้งดอกไม้ในมือซ้าย เพราะการมอบดอกไม้ให้ผู้อื่นด้วยมือซ้ายเป็นการไม่สุภาพ และถือเป็นลางไม่ดี ดังนั้นเขาจึงทิ้งดอกไม้ที่อยู่ในมือซ้ายทั้งหมด แต่พระองค์ยังทรงตรัสว่า "โยนทิ้งเถอะ" คราวนี้ เขาทิ้งดอกไม้ทั้งหมดและยืนไม่ถืออะไรเลย "โยนทิ้งเถอะ" ด้วยความสงสัย ชายผู้นั้นจึงถามขึ้นว่า "ผมต้องทิ้งอะไรหรือครับ" พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า "ไม่ใช้ดอกไม้หรอก แต่ทิ้งคนที่นำดอกไม้นี้มาต่างหาก" ********* ชายหนุ่มท่าทางกังวลผู้หนึ่งเดินเข้ามาในออฟฟิตของจิตแพทย์ เขาคาบไปป์และสวมสร้อยรูปหัวใจ ใส่กางเกงอยู่ใต้เอว ชายกางเกงหลุดลุ่ย และไว้ผมยาวประบ่า จิตแพทย์กล่าว "คุณคิดว่าคุณไม่เป็นฮิปปี้ แล้วคุณพอจะอธิบายเสื้อผ้า และไปป์ของคุณได้รึเปล่า" "ก็นี่แหละ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมาที่นี่แหละ คุณหมอ" .......จากบางส่วนของหนังสือคำภาวนาของกบ หนึ่งบาทถอดความ........ หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 23-06-2006, 23:14 เอ่อ.. คุณภูพานขา 2 เรื่องหลังนี่ เก็ดถวาไม่ค่อยเข้าใจอ่ะค่ะ แต่ไม่แน่ อีก 2-3 วันมาอ่านใหม่ อาจจะเข้าใจค่ะ เพราะเก็ดถวาเป็นคนเข้าใจอะไรช้า :mozilla_tongue: หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 24-06-2006, 09:28 @ พระพุทธเจ้านำเรื่องดอกไม้เพื่อเป็นกุศโลบายให้คนฟังได้คิด
ไม่ใช้โยนดอกไม้ทิ้ง แต่ให้โยน "อัตตา" ทิ้ง(ความยึดมั่นถือมั่น ตัวกูของกู) นั้นแหละพ้นทุกข์เลย !! @ บางคนชอบทำตามกระแส ทำอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จุดมุ่งหมาย "ไม่เข้าใจตัวเอง" ทำไปทำไม ? ทำเพื่ออะไร ? หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 24-06-2006, 09:38 เรื่องที่สอง พอย้อนกลับไปอ่านใหม่ ก็เข้าใจแล้วค่ะ แต่เรื่องแรก ยังงงอยู่เล็กน้อย แม้จะอ่านอีกรอบ คือ...ยังไงล่ะคะ อ่านจบแล้ว มันไม่สามารถร้องว่า... ว้าววว ได้อ่ะค่ะ ไม่เหมือนกับเรื่องพระเซนอุ้มผู้หญิงข้ามแม่น้ำ ที่อ่านแล้วเก็ดถวาร้องว้าวทันที เพราะคมและแยบยลเหลือเกิน แต่กรณีนี้ อาจเป็นเพราะเก็ดถวาตื้นเขินเองก็เป็นได้ค่ะ เดี๋ยวค่อยๆ จะลองอ่านใหม่ คือคิดว่าการเปรียบเทียบในเชิงสัญลักษณ์มันดูไม่มีที่มาน่ะค่ะ ทำไมต้องทิ้งดอกไม้ ทำไมต้องสั่งให้ทิ้ง บลาบลาบลา หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 24-06-2006, 09:40 พูดถึงเรื่องอัตตา นุ๋สงสัยมานานแล้ว เวลาไปอ่านกระทู้ที่ รดน อ่านแล้วมักจะเจอคำนี้ อัตตาสูงบ้างล่ะ ไม่ฟังใครบ้างล่ะ
คือไม่รุว่าเข้าใจคำว่าอัตตาถูกต้องไหม คุณภูพานหรือคุณเกดถวา ถ้าว่าง มาอธิบายเพิ่มได้ไหมค่ะ คือนุ๋บอกตรงๆๆเลย เรื่องแบบนี้นู๋เข้าข่ายโง่มากๆๆเลยค่ะ หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ลูกไทย หลานไทย ที่ 24-06-2006, 10:17 ชอบครับ :P
หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 24-06-2006, 10:35 อัตตา............. ในใจ
อีโก้................ ในตัวเอง บางครั้ง ดิฉัน.. แยกไม่ค่อยออกนะ..สำหรับคำ 2 คำนี้ เนื่องจาก .. ดิฉัน เป็นคนที่มี อีโก้.. ในตัวเองสูงพอควร ถามว่า.. เป็นเรื่องดีไหม ตอบว่า..ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก เพราะ มันเป็นเหมือน ทิฐิ ในใจเราที่ไม่ยอมลง สงสัย.. ต้องรบกวนให้คุณ ภูพาน.. หาคำแนะนำให้ตัวเรา คลาย..สิ่งเหล่านี้ลงได้บ้างซะแย้ว ปล. ถ้าจะแนะนำเกี่ยวกะ เซน ต้องอธิบายละเอียดนะ คือ.. ดิฉัน พยายามอ่านแล้วแต่ยังไม่เข้าใจง่ะ หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 24-06-2006, 10:45 พูดถึงเรื่องอัตตา นุ๋สงสัยมานานแล้ว เวลาไปอ่านกระทู้ที่ รดน อ่านแล้วมักจะเจอคำนี้ อัตตาสูงบ้างล่ะ ไม่ฟังใครบ้างล่ะ คือไม่รุว่าเข้าใจคำว่าอัตตาถูกต้องไหม คุณภูพานหรือคุณเกดถวา ถ้าว่าง มาอธิบายเพิ่มได้ไหมค่ะ คือนุ๋บอกตรงๆๆเลย เรื่องแบบนี้นู๋เข้าข่ายโง่มากๆๆเลยค่ะ โห.. คุณใบไม้ฯ ขา เก็ดถวาคงไม่สามารถค่ะ เพราะตัวเองยังตื้นเขินเรื่องพวกนี้อยู่มากๆ ค่ะ เอ่อออ ขอนอกเรื่องนิดนึงค่ะ... คุณใบไม้ฯ เขียนชื่อเก็ดถวาผิดตลอดเลยยยยยย อิอิ :twisted: เก็ด.. เสียงสั้น...... เกด.... เสียงยาว ไม่เหมือนกันนะคะ คุณใบไม้ เลยเจอวิบากกรรม กร๊ากกกก ลงเลือกตั้ง เลยถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ใบไม่ทะเล" :mrgreen: :mrgreen: หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 24-06-2006, 10:49 พูดถึงเรื่องอัตตา นุ๋สงสัยมานานแล้ว เวลาไปอ่านกระทู้ที่ รดน อ่านแล้วมักจะเจอคำนี้ อัตตาสูงบ้างล่ะ ไม่ฟังใครบ้างล่ะ คือไม่รุว่าเข้าใจคำว่าอัตตาถูกต้องไหม คุณภูพานหรือคุณเกดถวา ถ้าว่าง มาอธิบายเพิ่มได้ไหมค่ะ คือนุ๋บอกตรงๆๆเลย เรื่องแบบนี้นู๋เข้าข่ายโง่มากๆๆเลยค่ะ โห.. คุณใบไม้ฯ ขา เก็ดถวาคงไม่สามารถค่ะ เพราะตัวเองยังตื้นเขินเรื่องพวกนี้อยู่มากๆ ค่ะ เอ่อออ ขอนอกเรื่องนิดนึงค่ะ... คุณใบไม้ฯ เขียนชื่อเก็ดถวาผิดตลอดเลยยยยยย อิอิ :twisted: เก็ด.. เสียงสั้น...... เกด.... เสียงยาว ไม่เหมือนกันนะคะ คุณใบไม้ เลยเจอวิบากกรรม กร๊ากกกก ลงเลือกตั้ง เลยถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ใบไม่ทะเล" :mrgreen: :mrgreen: นี่ๆๆๆ คุณเก็ดถวา ตามล้างแค้นดิฉันมาถึงนี้เลยเหรอค่ะ :lol: :lol: :lol: :lol: เด๋วชวน เถาะปก่า ซะเลย :mozilla_wink: เด๋วๆๆ ซ้อมๆๆๆ เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา เก็ดถวา พอไหวป่าวค่ะ :mrgreen: หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 24-06-2006, 10:52 บ้าๆๆ ใบไม้ทะเล บ้าๆๆ อย่ามาชวนเค้านะตัวเอง เดี๋ยวเค้าตกลงขึ้นมา จะเดือดร้อนนนนนนนนนนนนน หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 24-06-2006, 11:02 ความเข้าใจเรื่อง "อัตตา" ขออธิบายตามความเข้าใจของตัวเองนะ
ท่านทีสนใจจะแลกเปลี่ยนความคิดก็เชิญนะครับ อัตตา คือความยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ภาษาอังกฤษผมใช้คำว่า "self" คนเราแรกเกิดร้อง อุแว้อุแว้ ไม่มีอะไรติดมาด้วย ต่อมาเมื่อโตขึ้น เสาะแสวงหาตัวตน สิ่งต่างๆ ตามที่ต้องการ บางครั้งหลงคิดว่าของที่เราได้มา มันคือของของเรา "it belong to me" (ผิดเดี๋ยวอาจารย์สโนว์มาแก้ให้... :mrgreen:) และมันจะเป็นของของเราตลอดไป สมมุติเรามีแก้วแสนสวยอยู่ใบหนึ่ง เรารักมันมาก วันหนึ่งเผอิญทำมันแตก เราเสียใจมาก ไม่กินไม่นอน เฝ้าแต่คิดว่ามันเป็นของเรา ต้องอยู่กับเราตลอดไปสิ ...คำว่าอัตตาคือการไปยึดเป็นเจ้าของ ยึดมั่นว่าสิ่งของนั้นว่าเป็นของเรา (ทางพระว่า....ยึดเป็น "ตัวกูของกู") ยึดอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อพลัดพรากหรือเสียของรักไปก็เป็นทุกข์ ปลดปล่อย "อัตตา" เสียบ้าง แล้วคุณจะรู้สึกสบายใจขึ้น ไม่มีอะไรที่เป็นของเราที่ถาวรหรอก ทุกสรรพสิ่ง เกิดขึ้น มีอยู่ และดับไปทั้งสิ้น แม้ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย หลีกหนีไม่พ้นเช่นกัน @ เรื่องแรก ปกติการเรียนการสอน ครูต้องเตรียมสื่อการสอน พระพุทธเจ้าฉลาดที่จะใช้สื่อการสอนที่ชายหนุ่มนำมาเองคือ "ดอกไม้" ให้ชายหนุ่มเข้าใจว่า ไม่ใช่ "ทิ้งดอกไม้" หรอกที่จะทำให้พ้นทุกข์ แต่ให้ทิ้ง "อัตตา" ของตัวเอง ถ้าทิ้งอัตตา (ความยึดมั่นตัวกูของกู) จึงจะทำให้ชีวิตเบาสบาย หลุดพ้นความทุกข์ที่แท้จริง ....ลองดูสิ....เลือกของอะไรสักอย่างหนึ่งที่เป็นของเรา.... ต่อมาให้คิดว่าไม่ใช่ของเรา....จะเป็นของใครก็ช่าง ....ไม่ไปสนใจมันอยู่ หรือหายไป ....ใจมันเบาไหม? สบายไหม ? ไม่มีห่วงให้คิดกังวล เพราะในความจริงแล้ว ของที่อยู่ทุกสิ่งในโลกก็ไม่ใช่ของเรา มันเกิดขึ้น มีอยู่และดับไปตลอด ของบางอย่างเราจะเกิดหรือตาย ของมันก็ยังมีอยู่ เราครอบครองมันตลอดไปได้ไหม ไม่ได้ ! เราตายไปแล้ว ของก็ตกเป็นของคนอื่นต่อไป มันไม่ตามไปกับเราหรอก เรามาแต่ตัว ตายไปก็ไปแต่ตัว เอาอะไรไปไม่ได้ซักอย่าง หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 24-06-2006, 11:12 นุ๋ได้อ่านแล้ว อดไม่ได้เลยค่ะ ที่จะนำไปเปรียบเทียบกับคำว่า "ปล่อยวาง"
เวลาหนูทะเลาะกับอาจารย์ งานที่ออกมาต้องแก้แบบรื้อหมด จะไปโทษใครก็ไม่ได้ ทุกครั้งจะคิดแค่ว่า ปล่อยวาง หรือเวลาบ้านเมืองไม่สงบ ก็รู้ว่าอนาคตจะเป้นเช่นไร นุ๋ก็ใช้คำว่า ปล่อยวาง พอมาคำว่า อัตตา ที่คุณพูพานอธิบาย มันเหมือนไปสะกิดแผลเก่า ที่เกือบแห้งสนิท :cry: ของที่คิดว่าเป็นของเรา แท้จริงแล้วมันไม่ใช่" พอฟังคำนี้ แล้วนู๋คิดว่า การกระทำของหนูตอนนั้นคือทำถูกแล้ว ไม่ยึดไม่รั้ง ทิ้งอัตตาอย่างสิ้นเชิง ....................... เข้าโหมดใหม่ จริงๆๆเวบบอร์ดนี้มีทุกรสชาตินะค่ะ ถ้าเรื่องธรรมะ สงสัยต้องยกให้คุณภูพาน เรื่องทำอาหารคงต้องเป็นคุณดอกฟ้า เรื่องการเมือง โอ้ยยหลายคน เรื่องเอนเตอร์เทน มีเกือยทุกคน ส่วนเรื่อง เถาะปก่า นี้ต้องคุณ เก๊ดถวา อิอิอิ เผ่นแน๊บบบบบ หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" -- ฝากไว้ก่อนเถอะ ใบไม้ทะเล!!!! เริ่มหัวข้อโดย: เก็ดถวา ที่ 24-06-2006, 11:18 จ๊ากกกกกกก.......... คุณใบไม้ฯ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! :twisted: :twisted: มานี่เลยยยย แหม เห็นเราเพลี่ยงพล้ำแล้วซ้ำเติม หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 24-06-2006, 11:31 เมื่อกี้... ดิฉัน เข้าไปอ่านที่ท่าน พุทธทาส.. ท่านกล่าวถึงเรื่องของ อัตตา
น่าสนใจดี... เอามาฝากค่ะ http://www.pantip.com/~buddhadasa/self/self_05.html ................ ไม่รู้ดินะ...คุณ ภูพาน ดิฉัน..คิดว่า ......................... ไม่ว่าจะมีใครมาบอกกล่าว หรือ ให้คำแนะนำเราอย่างไร ทุกอย่าง.. อยู่ที่ ใจ ..เราทั้งนั้น เพราะ..คนเราทำอะไรย่อมรู้อยู่แก่ใจดี !!!!!!!!!!! ซึ่ง.. ถ้าเรา คอนโทรล...ความรู้สึกในใจ... ของเราเองยังไม่ได้ คำพูดคนอื่น...ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นนักปราชญ์ ปรัชญา .. หรือว่าใครที่ไหน มาแนะนำก็ไม่มีผลทั้งนั้น ถ้าใจ...เรา ไม่เปิดรับอะไรเลย การยึดมั่น ถือมั่น ... ให้ได้มาในสิ่งที่เราต้องการ บางครั้ง..สักวัน..มันจะย้อนกลับมาหาเราเองว่า.. มีประโยชน์อะไรเราที่ต้อง อยากได้ ขนาดนั้น !! จะว่าไปแล้ว.. คำสอน ของเรื่อง อัตตา อนัตตา ... เชื่อมโยงกะ เรื่องของ สมาธิ.. และ สติ ได้ไหม ???? หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: buntoshi ที่ 24-06-2006, 11:43 สรุป กระทู้นี้ คือ อัตตา แบบ เถาะปก่า ใช่ป่ะครับ คุณ ใบไม่ทะเล :lol:
------------------------------------------------------------------------------------- ขอบคุณคุณภูพาน ที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่านกัน อย่างน้อยก็ได้ เปิดกระโหลก ที่ไม่ค่อยมีสมองของข้าพเจ้าให้สัมผัสกับ ปรัชญาของศาสนาพุทธ ที่แม้กระทั่ง ไอน์สไตล์ ก็นับถือ ใครที่ไม่มี อัตตา ได้นี่ ผมว่าระดับ โสดาบันเลย นะ :) หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ประกายดาว ที่ 24-06-2006, 13:50 คุณ พี่ ภูพานนน อธิบาย และ เล่าได้ น่ารักมากๆ :D
สรุป กระทู้นี้ คือ อัตตา แบบ เถาะปก่า ใช่ป่ะครับ คุณ ใบไม่ทะเล :lol: ------------------------------------------------------------------------------------- ขอบคุณคุณภูพาน ที่นำเรื่องดีๆ มาให้อ่านกัน อย่างน้อยก็ได้ เปิดกระโหลก ที่ไม่ค่อยมีสมองของข้าพเจ้าให้สัมผัสกับ ปรัชญาของศาสนาพุทธ ที่แม้กระทั่ง ไอน์สไตล์ ก็นับถือ ใครที่ไม่มี อัตตา ได้นี่ ผมว่าระดับ โสดาบันเลย นะ :) กระบวนการ เถาะปก่า? มีอัตตา ด้วยเหรอ ประกายดาวไม่รู้ คิดว่าไม่น่า ...ถามคุณภูพานดีกว่า :?: สำหรับอัตตา ที่ ประกายดาวว่าเป็น อันตราย มากที่สุด ก็คือ การ ยึดมั่น ในตัวเรานี่เอง...ที่ เกาะติดใกล้ชิด ในจิตวิญญาณ จน หนาแน่น..ยิ่งใหญ่ การสลาย อัตตา ไปจนถึงแก่การละวาง เหลือแต่ความไม่มี คง ยังอีกยาวไกล ตราบเท่าที่ การขับวงล้อ แห่งสังสารวัฏ ยัง เคลื่อน การ ลดทอน อัตตา ลง อย่างที่สุด ต่างหาก ..... ที่ น่า เรียนรู้ ...เนอะ คะ หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 24-06-2006, 15:41 ดีใจครับ.... คุณเก็ดถวา คุณลูกไทย หลานไทย ไชโย คุณใบไม้ทะเล คุณ see_you
คุณ buntoshi คุณประกายดาว และท่านอื่นๆสนใจกระทู้นี้ .... ใจจริงแล้ว เรื่องที่นำมาเล่าต่อนั้น ไม่ได้มุ่งหมายไปในเรื่องธรรมะ แต่มุ่งหมายไปในเรื่องปรัชญาการใช้ชีวิตให้มีความสุข สุขในที่นี้ไม่ใช้สุขจากการได้อะไรมา ไม่ได้ใช้เงินทองซื้อหา ไม่ใช่ใครให้มา แต่หมายถึงสภาวะที่เราเกิดความรู้สึกเองว่าตัวเราสบาย เบา เบิกบาน รู้สึกถึงใจตัวเอง เกาะติดกับใจตัวเอง ไม่ได้คิดถึงสิ่งใด แต่รู้ตัวเอง ทางพุทธอาจกล่าวว่าเกิดภาวะสุญญตา (ความว่าง) ผมว่าเราเคยมีทุกคน เพียงแต่ว่ามันอาจเป็นช่วงสั้นๆ ใครทำสภาวะนี้ได้นานได้มาก ผมถือว่า คนนั้นมีความสุขแล้วล่ะครับ @ ต้องขอออกตัวก่อนว่าเป็นเพียงผู้ศึกษา ยังไม่ได้เป็นผู้บรรลุหรือผู้รู้แต่อย่างไร ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา มีกิเลส ตัณหาอยู่ ยังไม่ได้บรรลุโสดาบัน มีสุขบ้าง....ทุกบ้าง....สลับกันไปเหมือนละครชีวิตทั่วไป ผมดูละครในทีวีบ้างบางเรื่อง ผมสังเกตุละครชีวิตของตนเสมอ ผมนึกว่ามันไม่จีรังหรอก สักวันละครชีวิตของทุกคนก็คงจบลง เพียงแต่ใครจะเหลืออะไรไว้ให้คนอื่นบ้าง @ ไม่เคยอ่านพระไตรปิฏก......สนใจธรรมะแต่ก็เพียงเพื่อนำมาใช้ในการดำรงชีพเท่านั้น ได้แต่ยึดคำสอนที่เป็นหัวใจของศาสนาพุทธที่ว่า .......อย่ายึดมั่นถือมั่น (ตัวกูของกู) .......การปล่อยว่างจาก "อัตตา" (....ปล่อยวางตามที่คุณใบไม้ทะเลแนะนำ) .......ตถตา (เป็นเช่นนั้นเอง) @ นำมาขบคิดอยู่เสมอ เพื่อให้ใจเป็นสุข ผมจำเพียงว่าเคยตักบาตรตอนเป็นเด็ก จำไม่ได้ว่าเข้าวัดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ไม่คิดจะเบียดเบียนใคร ทำมาหาเลี้ยงชีพสุจริต พออยู่พอกิน ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ช่วยได้ และยึดหลัก " คิดดี พูดดี ทำดี" แม้ยังทำไม่ได้หมด แต่ก็ไม่ย่อท้อ @ และจากข้อความของคุณประกายดาว "การ ลดทอน อัตตา ลง อย่างที่สุด ต่างหาก ..... ที่ น่า เรียนรู้ ...เนอะ คะ" ......เราสามารถนำการ "ปล่อยวางอัตตา" มาใช้กับการทำงานได้ครับ ผมคิดว่าอันนี้แหละที่ทำให้งานออกมาดี เราทุกคนก็เคยเป็น เราทำงานบางครั้งเราทำเพลินจนไม่รู้ว่าเราทำงานอยู่ คือเกิดภาวะที่ไม่มีตัวเรา เรามีสมาธิจดจ่ออยู่ที่งาน เราตั้งเป้าหมายของงาน เราทำงานอย่างสุดความสามารถ ผลของงานถ้าได้ผลก็ดี...... ถ้าผลไม่ดี่ตามเป้าหมาย......ก็ดี เร่งหาจุดบกพร่องแล้วปรับปรุงแก้ไข..... แล้วทำใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยไป.....ตัวเราก็ไม่มี มีแต่งานที่เราทำ เมื่อไม่มีอัตตาในงาน ก็ไม่ต้องมาเครียดกับงาน ไม่ต้องผิดหวังหรือเสียใจ มัน......เป็นเช่นนั้นเอง @ สติกับสมาธิ (ตามที่คุณ....see_you กล่าวนั้น) ผมว่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้เรารู้ตัว คือบ้างครั้งใจเรามันซุกซน ก็คิดไปต่างๆ นานา คิดไปที่นั้นบ้างที่นี่บ้าง บางคนล้างจานอยู่ ใจไปคิดแต่เรื่องหนังละครช่วงหัวค่ำ กว่าจะล้างเสร็จก็เปลืองน้ำไปเยอะ... :D บางทีหนักกว่า.......อาจทำจานแตกได้... :cry: การมีสติสมาธิ อยู่สภาวะจดจ่อนกับจิตใจร่างกาย หมายความว่าทำให้เรารู้ตัวเอง ว่าเรากำลังทำอะไร คิดอะไรอยู่ ถ้าใจมันไปเที่ยวไหน ก็ "ดึงมันกับมา" แล้วเราก็ใช้สติกับสมาธิกับสิ่งที่เรากำลังทำนั้น ก็จะทำให้งานนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ดี ในลัทธิเซน บางทีอาจารย์ก็เคาะกระโหลกลูกศิษย์ เพื่อเรียกสติกลับมา เมื่อมีสติสมาธิปัญญามันก็เกิด ทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ง่าย...แม้เรื่องอัตตา (เชื่อมโยงสติสมาธิกับอัตตา ที่คุณ See_you ถาม) อ่านเรื่องต่างๆ ที่ผมให้มาแล้ว....คิดได้ไว ดังนั้นแล้วประโยชน์ของสติกับสมาธิจึงมีมาก หัวข้อ: You belong to me เริ่มหัวข้อโดย: snowflake ที่ 24-06-2006, 16:26 มาแก้ที่ผิดให้ตามคำเรียกร้อง (หรือประชด :mrgreen:) ของคุณ ภูพาน
belong เติม s เพราะ It เป็น singular ดังนั้นที่ถูก คือ it belongs to me มีเพลงเก่าๆ เพลงหนึ่งชื่อ You belong to me ไพเราะดีนะคะ แต่หาฟังไมได้ง่ายๆ ยุคไหนก็ไม่รู้ (อาจต้องไปถามคนเก่าคนแก่อย่างคุณ narong :lol:) ได้ยินมาจาก series "Ally McBeal" ที่เลิกสร้างไปแล้ว UBC เคยออกอากาศ ไม่ทราบมีใครเคยดูบ้างรึเปล่า? นางเอกที่เป็นทนายมักเห็นภาพหลอน dancing baby ที่คุณ SOCO เคยใช้เป็น Avatar หัวข้อ: Re: เหตุเกิดเพราะ..."อัตตา" เริ่มหัวข้อโดย: ภูพาน ที่ 24-06-2006, 17:48 :mozilla_tongue:..ขอบคุณครับ
|