ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: AsianNeocon ที่ 22-06-2006, 23:03



หัวข้อ: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 22-06-2006, 23:03
มองเผินๆ ก็ดีนี่ จะได้อุดหนุนผลไม้ไทย แต่ชาวสวน เกษตรกรไทยล่ะ :?:

ในขณะที่น้ำมันแพง ค่าครองชีพอะไรก็สูงขึ้น แต่คนไทยส่วนใหญ่รายได้ (จากการประกอบสัมมาชีพ ไม่ใช่กู้มาแล้วบอกมีเงินเพิ่มขึ้น) ไม่ได้โตตาม

นี่แค่ตัวอย่างเดียว แล้วคุณลองมองไปรอบๆในสังคมเมือง หรือต่างจังหวัดสมัยนี้ก็ตาม

ห้างยักษ์
ห้างสี่แยก ..... ฝรั่งเศส
ห้างดอกบัว .... อังกฤษ
ห้างซีใหญ่ ..... มีหุ้นส่วนต่างชาติมาร่วมด้วย ไม่มีข้อมูลชัด เดาว่าเบลเยี่ยม
ซุปเปอร์มาร์เก็ต ... เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น

ธนาคาร
ดอกบัว ..... สิงคโปร์
ยูไนเต็ด .... สิงคโปร์
รวงข้าวฮวงจุ้ย .... สิงคโปร์
ชาร์เตอร์ .... สิงคโปร์ หมาดๆ
ใบโพธิ์ .... สิงคโปร์เข้ามามีเอี่ยว

โรงพยาบาลชั้นนำ
ย่านนานา .... สิงคโปร์ กับอาหรับเอมิเรต
ย่านสุขุมวิททองหล่อ ... SHIN
ย่านพญาไท ... SHIN
แถววิภาวดี ... ญี่ปุ่น

เงินกู้
ซื้อง่าย .... ญี่ปุ่น
อ้อนทีน .... ญี่ปุ่น
โอเค .... สิงคโปร์
เฟิร์สต์ช้อยส์ .... อเมริกา

มือถือ
ถ้าไม่สิงคโปร์ ก็นอร์เวย์

รถยนต์
ญี่ปุ่น อเมริกา

บริษัทโฆษณาชั้นนำ
ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ

สายการบินแบบประหยัดชั้นนำ
สิงคโปร์ มาเลเซีย

ผลไม้
เดี๋ยวนี้คุณสังเกตดีๆ ตลาดสดเริ่มมีผลไม้จีน อเมริกา ออสเตรเลีย ปะปน ยิ่งเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต ผลไม้จีน อเมริกา ออส ครึ่งๆกับผลไม้ไทยเลย

โทรทัศน์ เครื่องเสียง
ญี่ปุ่น จีน เกาหลี

ยารักษาโรค
ถ้าเป็นโรคร้ายๆ หนีไม่พ้น สวิส อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน

ส่งของ ลอจิสติกส์
อเมริกา

การท่องเที่ยว
ที่ขยันโปรโมตเที่ยวไทย ทุ่มงบไปตั้งเท่าไร แต่รีสอร์ท โรงแรม ทำเลดีๆ ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของนะนั่น

ทำการตลาดอสังหาหรูๆ
ออสเตรเลีย

แค่สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แค่นี้ก็ยี่ห้อต่างชาติพรืดไปหมด ตราสินค้าไทยก็อยู่ชั้นวางล่างสุด สังเกตได้ยาก

ตลาดสดเริ่มหายไปเรื่อยๆจากเขตเมือง


เชื่อว่า อีกไม่นาน ต่างชาติเดินกันเพ่นพ่าน ยิ้มแย้มแจ่มใส ความเป็นอยู่หรูหรา อีกหน่อยคนไทยน่าจะถอยร่นไปอยู่ในสลัม ห้องเช่า กระต๊อบ ปลูกข้าวเลี้ยงชาวต่างชาติ  หรือทำงานเป็นลูกจ้างให้ต่างชาติ

กลายเป็นว่า ถ้าจะทำกิจการตัวเอง คนไทยต้องมาขายก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ร้านทำผม เปลี่ยนถ่านนาฬิกา ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านอาหาร ขายบัตรเติมเงิน ขายหน้ากากมือถือ ขายเสื้อผ้า

คนไทยที่จะอยู่ดีกินดีได้ ก็คือ ต้องคบกับต่างชาติ ทำเงินจากการที่มันเขมือบคนไทยกันเอง


ที่เปิดเสรีให้ต่างชาติมาลงโน่นลงนี่ อ้างว่าจ้างงาน พอมันอยู่ในไทย ก็กลายเป็นนิติบุคคลไทย มาส่งออกสร้าง GDP คนไทยไม่ได้ขยับขึ้นลำดับชั้นที่ดีกว่าเลย ทรัพยากรน้ำ อากาศ ไฟฟ้า ต่างๆถูกจัดสรรไปให้ต่างชาติมาใช้กันเปรมไปเลย

เมืองไทยกำลังไม่ต่างจาก ประเทศจีนในสมัยที่ถูกฝรั่ง ญี่ปุ่น ยึดพื้นที่ทำเลทอง ผูกขาดการค้า ต่างกันตรงที่ไทยไปเชื้อเชิญเขามายึดเราเอง แล้วบอกว่า GDP เราโตอย่างนั้นอย่างนี้ GDP โตพวกต่างชาติกับคนรวยก็ได้ไปแบบเนื้อๆ แต่พอ GDP ตกๆ ไอ้คนไทยกลับซวย เพราะเป็นลูกจ้างเขา ไอ้กิจการเล็กๆที่เป็นของคนไทยก็ซวยตาม เพราะกำลังซื้อหด มีแต่เจ๊ากับเจ๊ง

ประเทศนี้เหมือนถูกสาปให้อยู่ในวงจรแบนี้ และกำลังล่มจม


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: สมชายสายชม ที่ 23-06-2006, 00:07
5 ปีก่อน ก่อนที่ทักษิณจะเป็นนายก

ลองกองจาก จ.นราธิวาสที่อร่อยที่สุดในประเทศ ราคา ก.ก. ละ ๑๐๐ ถึง ๑๒๐ บาท

หลังจากที่ทักษิณเป็นนายกได้สองปี ลองกองจาก จ.นราธิวาส เหลือราคา ก.ก. ละ ๒๐ บาท

และยังต้องใช้เครื่องบินทหาร C130 ลำเลียงมาขายในกรุงเทพ

เพราะว่า พ่อค้าคนกลางไม่กล้าลงไปรับซื้อ เนื่องด้วยกลัวพวก โจรกระจอก


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: THX ที่ 23-06-2006, 10:39
เดี๋ยวลิ่วล้อก็มาตะแบงอีกว่า ยางโลละ 200 ช่วงนี้ผลผลิตไทยเขาคุยราคายางได้อย่างเดียว


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 23-06-2006, 11:09
ถ้าเงาะโลละ 10 กว่าบาท ชาวสวนคงรวยกันเป็นแถวๆแล้วล่ะค่ะ

เงาะจากสวนพ่อค้ารับซื้อ โลละ 1.5 - 2 บาท
ทุเรียนหมอนทอง จากสวน โลละ 7 บาท

ส่วนลองกอง ที่ถูกลงเป็นเพราะส่วนหนึ่งเกิดจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกด้วยค่ะ ส่วนยางพารา ราคาสูงขึ้นเพราะความต้องการยางพาราในตลาดโลกสูงขึ้น และเกิดจากการรวมตัวกันของผู้ผลิตในการต่อรองราคา (มีมาเลย์เป็นหัวเรือใหญ่) ราคาเลยสูงขึ้น  เมื่อก่อนที่ราคายางตก เพราะสิงคโปร์มันกดราคา.......

ตอนนี้จับตาดูราคาปาล์มน้ำมันค่ะ ได้ข่าวว่า มาเลย์กะอินโด รวมตัวกันกำหนดราคาเอง (จากที่เมื่อก่อนถูกกำหนดโดยสิงคโปร์)  แต่งานนี้ไม่ได้ข่าวว่ามาเลย์ชวนไทย ไปร่วมด้วย....(ถ้าข่าวผิดก้ขออภัยค่ะ)

ช่วงหลังๆมาเลย์ขัดผลประโยชน์กับสิงคโปร์เยอะค่ะ  เลยมีคนพยายามยุให้ไทยกะมาเลย์ผิดใจกัน....ท่าทางจะสำเร็จด้วย


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 23-06-2006, 11:48
โหย!!! อ่านแล้ว มันบอกอะไรได้มากกว่าจริงๆครับ  :mozilla_yell:

เลือดไทยไหลออกทุกวัน ต้องเอาโมเดสมาซับไว้ไม่ให้ไหลเลอะเทอะซะก่อน


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: atumyata ที่ 23-06-2006, 12:36
มีวิธีแก้ง่ายๆ อยู่ 2 วิธี เอาเงาะไปปลูกภาคใต้หรือไม่ก็เอาคนภาคใต้มาปลูกเงาะที่ภาคตะวันออก
รับรองทำตาม 2 วิธีนี้ ราคาเงาะจะวิ่งกระฉูดตามราคายางพาราเลยล่ะ


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 23-06-2006, 12:48
มีวิธีแก้ง่ายๆ อยู่ 2 วิธี เอาเงาะไปปลูกภาคใต้หรือไม่ก็เอาคนภาคใต้มาปลูกเงาะที่ภาคตะวันออก
รับรองทำตาม 2 วิธีนี้ ราคาเงาะจะวิ่งกระฉูดตามราคายางพาราเลยล่ะ

ภาคใต้ มีผลไม้ทุกอย่างที่ภาคตะวันออกมีค่ะ โดยเฉพาะ ทุเรียน เงาะ มังคุด ปลูกกันมากแถม ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ผลไม้ทางใต้จะออกหลังผลไม้ทางตะวันออกอยู่นิดหน่อยค่ะ

แต่ราคาของผลไม้เหล่านี้ตกต่ำมาก บางปี ราคาขายไม่คุ้มกับค่าการเก็บเกี่ยวด้วยซ้ำ

ยกเว้นมังคุด ที่ราคาดีตลอดปี.....เชื่อไหมคะ บางช่วง ชาวสวนขายมังคุดได้ กิโลละ 120 บาท แต่เป็นช่วงที่ผลผลิตมีน้อย

ยังไงเกษตรกรก้ยังเป็นอาชีพที่ยากจนที่สุดอยู่ดี


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 23-06-2006, 13:19
มังคุดเป็นผลไม้ที่ญี่ปุ่นชอบมากครับ แต่ปลูกเองไม่ได้
คู่แข่งส่งออกมังคุดก็เพื่อนบ้านเวียดนามของเรานี่เอง

ผมเป็นคนชอบกินผลไม้ครับ ทั้งไทยและเทศ
และยอมซื้อกินแม้ราคาจะแพงมากช่วงนอกฤดู
แต่รู้ดีว่าเงินไปถึงมือคนปลูกไม่เท่าไหร่หรอก
บางทีผลผลิตล้นตลาดต้องปล่อยให้เน่าคาต้น
เพราะเก็บมาขายก็ได้ไม่คุ้มค่าจ้างเก็บจริงๆ

สิ่งแรกที่ทำได้คือคนไทยต้องช่วยกันซื้อกินเองก่อนครับ
ส่วนในระยะยาวรัฐบาลก็ต้องช่วยในด้านการตลาด
วิเคราะห์ความต้องการซื้อ และวางแผนการปลูก ควบคุม
ปริมาณการผลิตและคุณภาพผลผลิตให้ชาวสวนครับ


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: cha_srt ที่ 23-06-2006, 13:52
มีชาวบ้านแถว ๆนี้
ยามเงาะโลละ 10 บาท สมัยก่อนโน้นถือว่าแพงมาก ๆๆๆ ชาวสวนรวยกับการขาย
เงาะ และช่วงนั้นเอง ยาง กก.ละ 18 บาท ชาวสวนยางหลายรายโค่นยางปลูกเงาะกัน
อยู่มาไม่นาน เงาะลง โล ละ5บาทปีละครั้ง ไม่มีกำไรอย่างที่คิด ก็กลับมาปลูกยาง
เหมือนเดิม ในช่วงนั้นเอง ปาล์มน้ำมันราคาดี รับผลได้ไม่ต้องกลัวฝน ต่างก็พากัน
โค่นยางปลูกปาล์มกันยกใหญ่ มีรัฐคอยสนับสนุนเต็มที่ พันธ์ปาล์มก็ไม่ต้องหา
จากไหนมาแจก ก็ซื้อจากแหล่งเพาะของโรงงานบีบน้ำมันปาล์มนั้นเหละ
ปลูกได้สามปี ออกบ้างไม่ออกบ้าง ให้ปุ๋ยอย่างไรก็ิคิดกันเอาเอง ผลิตออกได้ไม่นาน
ราคาก็ลงจาก 4 บาท เหลือ 1 บาทบ้าง 2 บาทบ้าง ปัญหาหนักอกก็คือปาล์มน้ำมัน
ต้องการน้ำต่อต้นและปุ๋ยเยอะพวกที่ปลูกบนเขาลำบากหน่อย มาถึงตอนนี้ ยางราคาดี
ปาล์มน้ำมันหลายสวน ก็ต้องเอาน้ำมันเบนซิน ราดยอด แล้วปลูกยางระหว่างแถว
ต่อไปถ้ายางราคาลง คราวนี้จะปลูกอะไรดีละ
ทั้งหมดที่ว่ามา มีต้นทุนระหว่างเปลียนการปลูกแต่ละอย่าง มีระยะเวลาที่ต้องรอ
สุดท้ายแล้วมีหลายคนที่ทำไปทำมากลายเป็นลูกจ้างในโรงงาน จากเคยเป็น
เจ้าของสวน

อิอิเข้ามาบ่นนะ


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: In The Name Of Justice. ที่ 23-06-2006, 14:26
มีชาวบ้านแถว ๆนี้
ยามเงาะโลละ 10 บาท สมัยก่อนโน้นถือว่าแพงมาก ๆๆๆ ชาวสวนรวยกับการขาย
เงาะ และช่วงนั้นเอง ยาง กก.ละ 18 บาท ชาวสวนยางหลายรายโค่นยางปลูกเงาะกัน
อยู่มาไม่นาน เงาะลง โล ละ5บาทปีละครั้ง ไม่มีกำไรอย่างที่คิด ก็กลับมาปลูกยาง
เหมือนเดิม ในช่วงนั้นเอง ปาล์มน้ำมันราคาดี รับผลได้ไม่ต้องกลัวฝน ต่างก็พากัน
โค่นยางปลูกปาล์มกันยกใหญ่ มีรัฐคอยสนับสนุนเต็มที่ พันธ์ปาล์มก็ไม่ต้องหา
จากไหนมาแจก ก็ซื้อจากแหล่งเพาะของโรงงานบีบน้ำมันปาล์มนั้นเหละ
ปลูกได้สามปี ออกบ้างไม่ออกบ้าง ให้ปุ๋ยอย่างไรก็ิคิดกันเอาเอง ผลิตออกได้ไม่นาน
ราคาก็ลงจาก 4 บาท เหลือ 1 บาทบ้าง 2 บาทบ้าง ปัญหาหนักอกก็คือปาล์มน้ำมัน
ต้องการน้ำต่อต้นและปุ๋ยเยอะพวกที่ปลูกบนเขาลำบากหน่อย มาถึงตอนนี้ ยางราคาดี
ปาล์มน้ำมันหลายสวน ก็ต้องเอาน้ำมันเบนซิน ราดยอด แล้วปลูกยางระหว่างแถว
ต่อไปถ้ายางราคาลง คราวนี้จะปลูกอะไรดีละ
ทั้งหมดที่ว่ามา มีต้นทุนระหว่างเปลียนการปลูกแต่ละอย่าง มีระยะเวลาที่ต้องรอ
สุดท้ายแล้วมีหลายคนที่ทำไปทำมากลายเป็นลูกจ้างในโรงงาน จากเคยเป็น
เจ้าของสวน

อิอิเข้ามาบ่นนะ

เป็นคำบ่นที่ดีครับ

คนไทยกลายเป็นนักฉวยโอกาศ จากความผันผวนที่ไม่แน่นอนครับ

ถ้าทำได้ก็รวย "แต่ต้องเลิกให้ทันนะ" ไม่งั้นก็เจ๊ง

ตอนจีนจะเอาตะพาบน้ำ ก็ทำฟาร์มซะใหญ่โต สุดท้ายก็ล้นตลาด

แปลกใจว่าทำไปอย่าง สวิต ที่ผลิตนาฬิกา ทำไปราคาถึงไม่ตกซะที

เพราะตระกูลไหนทำ ก็ทำมันอยู่นั่นแหละครับ...

แต่ก็มีคนมาบอกว่า เขาทำให้ "พอเพียง" กับคนในประเทศ

ที่เหลือก็ขายสบายๆ ไม่ต้องตัดราคากับใคร เพราะมันเหลือ

ผมเรียงคำพูดไม่สวย พยายามอ่านกันหน่อยนะครับ  :mozilla_surprised:


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่าน
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 23-06-2006, 14:31
ขอบคุณคุณเจ้าผิงครับ

คือราคาเงาะที่ผมหมายถึงคือ ไปซื้อตลาดสดน่ะครับ ก็แปลว่าเกษตรกรไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเลย

คือผมงงว่า ต่างชาติก็เข้ามาในเมืองไทย มาลงทุนอะไรที่ประเทศไทยยอมให้เขาทำ อยู่เมืองไทยก็อยู่กันแบบหรูหราฟู่ฟ่า มีผลกำไรเติบโต

แต่ทำไมรายได้คนไทยเราในส่วนต่างๆ ทั้งที่เป็นลูกจ้าง ทั้งที่ทำธุรกิจ นอกจากจะตามไม่ทันต่างชาติแล้ว ยังมีห่างชั้นกันเองอีก

แล้วทำไปทำมา กิจการไทยมีแต่จะถูกครอบงำกิจการไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ แล้วเศรษฐีที่สู้ต่างชาติไม่ได้ ก็ต้องลดระดับลงมาทำสิ่งที่มีมูลค่าน้อยลง ก็มาแย่งอาชีพของคนชั้นล่างๆลงมา ไอ้คนชั้นกลางก็ต้องขยับลงมาเบียดรากหญ้าอีก

ทั้งๆที่ประเทศนี้ มีพื้นที่เพาะปลูกมากมาย อากาศชุ่มชื้น แต่ผู้คนกลับยากจนค่นแค้น แถมมีหนี้มีสิน คุณภาพชีวิตคนในเมืองก็ไม่ได้ดีไปกว่า ทรัพยากรของชาติกลายเป็นว่าต้องเอามาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างชาติ แทนที่คนไทยจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน  มันอะไร


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: จ้าวผิงกว่อ ที่ 23-06-2006, 14:31
เพราะเกษตรกร ขาดความรู้ ความเข้าใจอย่างที่คุณ chart_srt เล่าไงคะ พวกเค้าถึงได้ยากจน

ถ้าความรู้ในการเพาะปลูก เกษตรกรยังพอมีบ้างเพราะมีประสบการณ์จากการทำงาน แต่ถ้าแนวคิดในการวางแผนขายผลผลิตในระยะยาว โดยเฉพาะกับพวกไม้ผล หรือไม้ยืนต้นอื่นๆ มีน้อยมาก

เกษตรกรเลยต้องพึ่งรัฐ ในการให้รัฐกำหนดนโยบาย หาตลาด และการส่งเสริมการส่งออก หรือแปรรูป  แต่ไทยเราไม่มีนโยบายที่ชัดเจนและเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าช่วงไหนอะไรแพงก็โหมกระแส ส่งเสริมให้ปลูกกันเป็นพักๆ โดยที่เกษตรกรไม่รู้เลยว่า 5 ปีผ่านไปผลผลิตจะเอาไปขายที่ไหน

ส่วนเรื่องพันธ์ปาล์มแจก ถ้าของโรงงานแจก รับรองได้ร้อยละ 80 ว่าเอามาปลูกลงสวนได้....คุณภาพได้รับการยอมรับ โรงงานเอาพันธ์ที่ดีพอสมควรมาให้ เพราะเค้าก้หวังในผลผลิตจากสวนของเราเหมือนกัน แต่ถ้าพันธ์ที่รัฐแจกจ่าย.......เอามาสับ ให้วัวกิน ยังมีประโยชน์มากกว่าเอาไปลงแปลง

ส่วนเรื่องปลูกขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง วิธีการให้ปุ๋ย นี่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐ ในการเข้าไปช่วยเหลือและให้ความรู้กับเกษตรกร แต่เท่าที่รู้ ชาวบ้านจะช่วยเหลือกันในการแนะนำวิธีการปลูก ถ้าอยู่ในชุมชนที่ดีก็ดี แต่ถ้าชุมชนไหนอ่อนทั้งความรู้ อ่อนทั้งน้ำใจ อันนี้ก็ถือว่าซวย  ในแต่ละพื้นที่ในประเทศไทย มีความเหมาะสมต่อพืชแตกต่างกัน ถ้าเกษตรกรโหนกระแสปลูกพืชตามๆกัน โดยไม่รู้ว่าคุณภาพดิน ในบริเวณนั้นเป็นอย่างไร มีแต่เจ๊งกับเจ๊งค่ะ

ก่อนอื่นต้องเริ่มจากความจริงใจของรัฐในการพัฒนาให้เกษตรกรช่วยเหลือตัวเองได้ ให้ความรู้ และความช่วยเหลือ ส่งเงินไปอย่างเดียวมันพัฒนาอะไรไม่ได้ นอกจากสร้างความฟุ่มเฟือยให้ชาวบ้าน

เคยเห็นโฆษณา ที่ไม้ซุง กลายเป็นไม้จิ้มฟันไหมคะ.....


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 24-06-2006, 19:52
สวัสดีครับทุกท่าน เรื่องนี้โดนผม

หลายสิบปีมาแล้วครับ ที่เราไม่ได้เห็นความสามารถในการผลิตของคนไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตาม
สินค้า บริการด้าน IT มันก็เพิ่งจะมาบูมไม่นานนี้ คนไทยเองก็มีเก่งๆเยอะ แต่ว่า ก็ไม่สามารถผลิตอะไรออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้แม้กระทั่ง software ส่วน hardware ไม่ต้องพูดถึง

ผมลองมองดูประเทศต่างๆแล้ว เห็นว่าเขามีวิธีการพัฒนาต่างกัน

ประเทศไทย ผลิตอะไรที่โดดเด่นไม่ได้ซักอย่าง  แต่อยากจะเพิ่ม GDP อยากจะรวยกันเหลือเกิน
เศรษฐกิจของไทยที่เดินอยู่ทุกวันนี้ เกิดจากการระดมเงิน การลงทุนของชาวต่างชาติ 
บางอย่างก็ช่วยไทยเรื่องส่งออก เช่นการผลิตรถยนต์  บางอย่าง ก็สูบเอาๆทรัพยากรของไทยอย่างเดียว เช่น ห้างดอกบัว
หรือคนไทยบางคน  ลงทุนไป import สินค้าจากต่างชาติ เช่นมือถือ แล้วเอามาขายฟันกำไรคนไทยเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่จริงๆแล้ว เงินไหลออกจากประเทศ

ก็แล้วทำไมล่ะ ประเทศเราถึงเดินทางผิด ปล่อยให้มีการลงทุนที่ไม่เพิ่มศักยภาพของไทยเกิดขึ้นมากมาย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่า คนที่จะได้เปรียบกอบโกยจากเม็ดเงินต่างชาติ ก็คือพ่อค้าใหญ่ นักการเมืองของไทย เท่านั้นเอง
เรียกว่า ใครอยากรวย อยากได้ดิบได้ดี ก็ต้อง"หลิ่วตาตาม"กลุ่มอำนาจ กลุ่มผลประโยชน์

ชาวรากหญ้า ไม่ต้องพูดถึง นอกจากจะกอบโกยอะไรไม่ได้แล้ว จิตใจยังตกเป็นทาสความต้องการฟูเฟื่อง ที่สังคมเมืองยัดเยียดให้อีกต่างหาก

ผมก็เลยสำนึกว่า ทำไม ในหลวงถึงทรงออกมาย้ำเศรษฐกิจพอเพียง


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: ไม่อยากสมานฉันท์กับคนชั่ว ที่ 24-06-2006, 20:10
เรื่องนี้ โดนผมจริงๆครับ

ผมคิดว่า เราเดินผิดทางมาตลอด การที่ไทย ระดมเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามามากมาย แต่เงินไม่ได้ถูกนำไปใช้สร้างศักยภาพให้ประเทศ
เงินที่เข้ามา เข้าไปอยู่ในกระเป๋าชนชั้นสูงกลุ่มหนึ่งในประเทศเท่านั้น

และคนเหล่านั้น ก็ไม่มีแม้แต่น้ำใจเล็กน้อย  ที่จะใช้ความร่ำรวยของตัวเองมาลงทุนในธุรกิจที่สร้างสรรค์ผลิตสินค้า hi value เข้าสู่ตลาดโลก
คนเหล่านั้น ดีแต่จะซบอิงการเมือง รักษาอำนาจความร่ำรวยของตัวเองไปวันๆ


ถามว่า ถ้าเราจะค่อยๆเปลี่ยนเส้นทางเดิน ลดการลงทุนต่างชาติที่ไม่สร้างสรรค์ หันมาพัฒนา "คน" ของเราก่อน แล้วค่อยๆเติบโตอย่างยั่งยืน มันจะไม่ได้เหรอครับ
ผมก็คิดว่า มันไม่ได้ เพราะกลุ่มพ่อค้าในวงการเมือง จะต้องเสียประโยชน์จากทุนต่างชาติอย่างมหาศาล  เขาไม่ยอมเปลี่ยนนโยบายร๊อก

ถ้าท่านใดมีความรู้ว่า ประเทศเล็กๆอย่างสวิส นิวซีแลนด์  ทำไมสังคมเขาถึงน่าอยู่ได้ ก็ช่วยเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

ที่รู้ๆ ประเทศเหล่านั้น ไม่มีห้างสรรพสินค้าต่างชาติเกลื่อนเมืองเหมือนไทยแน่นอน


หัวข้อ: Re: 10 ปีก่อนเงาะโลละ 10 กว่าบาท สมัยนี้ก็ยังโลละ 10 กว่าบาท (บอกอะไรได้มากกว่านั้น)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 25-06-2006, 18:38
ถ้ารัฐบาลต้องการให้ผลผลิตเกษตรกรรมของเราส่งออก รัฐบาลจะต้องมี...

1.  เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความรู้ว่าพื้นดินส่วนไหนของประเทศสามารถปลูกพืชผลอะไรดีที่สุด ปริมาณเท่าใด และส่งเสริมจะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นได้ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว....

2.  เจ้าหน้าที่ของรัฐมีบัญชีผลผลิตตามฤดูกาล ที่ต้องการส่งเสริม

3.  เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต้องมีผู้เชี่ยวชาญ พัฒนาคุณภาพ การขยายพันธุ์ รูปแบบสินค้าสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า แทนการส่งวัตถุดิบหรือผลไม้สด ผักสด อย่างเดียว

4.  เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องรู้ว่า"ตลาด"ของผลการเกษตรกรรมเหล่านั้น ต่างประเทศจะนำไปทำอะไร ผลิตอะไร และปริมาณความต้องการของแต่ละประเทศ

5.  การขยายตัวของอุตสาหกรรมนั้นของต่างประเทศ

6.  การแข่งขันระหว่างประเทศ

7.  การกำหนดเขตส่งเสริมการเกษตรกรรมนั้น

8.  วัฏจักรของพืชผลเกษตรกรรมนั้น เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจ วางแผนผลิต การอดทนบางภาวะเศรษฐกิจ

9.   การพักสินค้าและการจัดส่งผลผลิตสู่"ตลาด"

10. การกีดกันการค้าระหว่างประเทศ

11. ........ฯลฯ