ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

...
โดยในรอบของการออกรางวัลเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีวาระที่ทำให้นักเสี่ยงโชคทั้งหลายตีความเป็นเลขเด็ดเกิดขึ้นหลายงาน อาทิ พระโลงผีที่นครสวรรค์ หรืองานรำลึกถึงอดีตราชินีเพลงลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ รวมๆกันแล้วทำให้คนขายหวยบนดินเขียนเลขจนมือแทบหงิก


ส่วนกำไรจากการขายสลากกินแบ่ง และหวยบนดินแต่ละงวดที่กองสลากฯได้ไปนั้นไม่เคยปรากฏเป็นข่าว มีแต่ผู้สันทัดกรณีทำการประมาณการเอาไว้ว่าแต่ละงวดอยู่ระหว่าง 400-600 ล้านบาท


จัดอยู่ในขั้นค่อนข้างสูง


จึงเป็นโอกาสให้รัฐบาลทักษิณได้เข้ามาหยิบฉวยเงินก้อนนี้ไปใช้กับนโยบายประชานิยมอย่างมันมือ ไม่ว่าเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กยากจนที่ด้อยโอกาส หรือแจกให้กับคนขับรถแท็กซี่ เป็นต้น โดยไม่ต้องผ่านสภา หรือผ่านมติ คณะรัฐมนตรี เพราะอาศัยช่องว่างที่เป็นเงินนอกงบประมาณ


ซึ่งการที่ ทักษิณ ชินวัตร หยิบฉวยเงินก้อนนี้ออกมาหว่านได้ตามใจชอบก็เนื่องจากผู้บริหารที่ดูแลองค์กรแห่งนี้คือ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 26 นั่นเอง โดยรักษาการนายกฯคนปัจจุบันได้ทำการโยกย้ายเพื่อนรัก จากเก้าอี้ผู้ช่วยผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มานั่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่ง ตั้งแต่ปลายปี 2546 หลังจากที่รัฐบาลได้กินรวบหวยใต้ดิน จากผู้มีอิทธิพลที่เป็นเจ้ามือ มาอยู่ในมือของรัฐโดยมีกองสลากฯเป็นเจ้ามือ


นับแต่นั้นมา สำนักงานสลากกินแบ่ง เปรียบเหมือนเครื่องเอทีเอ็ม ของระบอบทักษิณ ให้การอุดหนุนโครงการประชานิยมในทุกโครงการ แม้กระทั่งการประชุม ครม.สัญจรก็ยังใช้เงินขององค์กรแห่งนี้ ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านระดับรากหญ้า ได้หลงไหลได้ปลื้มกันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ทั้งตำบล
...

http://www.thannews.th.com/detialColumn.php?id=T012123a&issue=2123&cColumID=2

อ่านตัวเต็มได้ตาม link เลยครับ คอลัมนิสต์คนนี้ พาดหัวได้กล้ามาก :D

ชี้ชัด ๆ แบบนี้ โดนปูนคาดคอแหงม ๆ  :P

สงสัยฐานเศรษฐกิจจะมี Air Bag รอบคัน เลยพุ่งเข้าชนแบบลืมตาย  :P

ผมคิดว่าพรุ่งนี้น่าจะโดน ถ้าไม่โดนถือว่า air bag ดีอย่างที่คุณ limmy ว่านั่นแหละ

 8)

พูดตรงๆเลยนะ เคสนี้นะถ้ากล้าชนกล้าฟันจริงๆละก็ หลายข้อหาเลยนะครับที่จะสามารถโยงได้
อย่างน้อยๆก็เห็นพวกนักการเมืองพูดกันว่าผิดวินัยการคลัง แล้วก็เท่านั้น
ผมไม่อยากคิดในแง่ร้าย ว่าเป็นการปล่อย เพื่อที่ต่อไป ใครจะได้เข้าไปทำแบบนี้กะเขามั่ง
อย่าว่าแต่เคสนี้เลย มีหลายเคสเลยละที่ผมเห็นว่าสามารถดำเนินไปจนสามารถจัดการกับคนผิดได้
แต่ก็เห็นไปได้ครึ่งๆกลางๆแล้วก็หยุด
บางทีมันทำให้ผมสงสัย ว่าแต่ละคนแต่ละฝ่ายต้องการอะไรกันแน่
ขนาดประชาชนอย่างเราๆ มองยังรู้เลยว่า ถ้าสาวไปเรื่อยๆในเรื่องๆหนึ่งรับรองเสร็จ
ไม่อยากจะเข้าใจเลยว่าชะงักไปเพื่ออะไร

การตรวจสอบ ระบบตรวจสอบ หากตกอยู่ในมือฝ่ายรัฐ อย่างเบ็ดเสร็จ

ถึงจะมีผู้เปิดประเด็นมาแล้ว ก็ทำอะไรต่อไม่ได้ครับ

ดีไม่ดี ผู้เปิดประเด็นอาจต้องสังเวย กลายเป็นแพะของเหตุการณ์แทน

เช่น

หลายกรณี เมื่อถูกตรวจสอบ กลับถูกสวนกลับ แค่คำพูดลักษณะโยนหนีออกไป แล้วแถมด้วยลูกป้ายความผิด

แล้วออกมาที่สื่อของรัฐอย่างต่อเนื่อง

หลายครั้งที่ รัฐใช้วิธีนี้ในการกำจัด ผู้ที่จะเข้ามาตรวจสอบการทำงาน

คนกล้า จึงทยอยสูญหายตายจากไปทีละคนสองคน ..

จุดที่คุณนนทร์ว่ามาผมพอเข้าใจนะครับ ว่าอะไรเป็นอะไร
เพียงแต่ผมตั้งข้อสงสัยว่า เขาเหล่านั้นไม่ได้ทำอย่างจริงจัง
และดูเหมือนกับว่า"ทำให้กลายเป็นการต่อรอง"มากกว่าจะขวนขวายหาความผิด

เป็นได้ครับ

ผมลองนึกความเป็นไปได้ วิธีที่จะเป็น
คนหนึ่งหากอยู่ฐานะได้เปรียบมากๆ โดนอีกคนหนึ่งฐานะเสียเปรียบมากๆ

1. เอามาเป็นพวกเดียวกัน
2. เจราต่อรองผลประโยชน์
3. ทำลายเสีย