ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

สวัสดีครับทุกท่าน ในที่สุดผมก็ได้ไปเที่ยวแล้ว หลังจากจับเจ่าอยู่ในที่ทำงานมาเป็นเดือนๆ จะไปเกาะหมากก็มีข่าวมรสุม จำใจต้องให้เขายึดค่าจองที่พัก 1,000 บาท (ตอนนี้ผมมีจอง เลอ ฟลอร่าที่เขาหลักไว้ 2,000 บาท มีแนวโน้มว่าจะโดนยึดคืนเพราะไม่มีใครยอมไปกับผม  :( )

อย่างไรก็ตาม เมื่อพลาดจากเกาะหมากแล้ว ทางพวกผมก็ไม่ย่อท้อครับ พยายามหาที่เที่ยวกันต่อไปในช่วงเริ่มต้นของหน้าฝน ตัวเลือกที่เข้ามาก็มี เขาหลวง (อันนี้ผมเลือกของผมเอง คนในกลุ่มไม่มีใครยอมไป) น้ำตกคลองลาน (สนับสนุน 1 เสียง) แล้วก็เขื่อนเชี่ยวหลาน (สนับสนุน 2 เสียง) ก็เป็นอันว่าโปรแกรมนี้จึงไปพักผ่อนที่เขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

กระทู้นี้จะค่อยๆกระดึ๊บๆทีละช่วงนะครับ เนื่องจากภาพที่ถ่ายมานั้นบางรูปก็ต้องมาย่อบ้างทำให้เสียเวลา และมาคิดดูแล้ว ปล่อยมาเป็นช่วงๆย่อมทำให้กระทู้ของผมนั้นไม่ตกไปง่ายๆ  :mrgreen:

กระทู้นี้อาจมีรูปที่หลายๆคนดูไม่เจริญตา เช่นพวกทาก หนอน บางรูปผมเอาไปปะไว้ที่ห้องกล้องด้วยเจตนาต้องการโชว์ภาพจากกล้อง Kodak ก็มีเสียงสะท้อนจากคนเกลียดหนอนบางท่าน ก็เลยไปลบภาพที่นั่นออกไป แต่ที่นี่ผมคิดว่าจะไม่ลบครับ  :twisted:  ล้อเล่นครับ หากภาพไหนไม่ชอบบอกได้เลย

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks1_cat.jpg)

ตอนแรกเราวางแผนการเดินทางด้วยการค้นหาทางอินเตอร์เน็ตครับ ค้นหาคำว่าเขาสกไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไปเจอเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งพูดถึงที่พักที่ชื่อว่า Nature Resort เป็นที่พักบนต้นไม้ครับ เราก็เลยติดต่อจากทางกรุงเทพฯเพื่อจองที่พักล่วงหน้า

พอไปถึงหน้าเขื่อนเชี่ยวหลาน อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตอนตีห้ากว่าๆ เราก็รอรถประจำทางตอน 7 โมงเช้าเพื่อนั่งไปอีก 40 กม. เพื่อไปลงหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก จากนั้นก็มีคนจากที่พักมารับเราไปพัก ณ เรือนหลังนี้ครับ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks2_acc.jpg)

อยากเล่านอกเรื่องสักนิด ข้าวแกงที่ขายที่รอรถประจำทางหน้าเขื่อนอร่อยมั่กๆๆๆๆๆ ครับ ผักแนมเพียบเลย

หลังจากปีนบันไดเหล็กขึ้นไปยังเรือนข้างบน เปิดประตูออกมาจะเป็นอย่างนี้ครับ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks3_acc.jpg)

น่าไปมั่ก มั่ก

ช่วงกรกฏา เราจะไปสุราษฎร์

จะพยายามไปที่นี่ให้ได้ (ถ้าเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกในกลุ่มเห็นด้วย)

ปล.แล้วทากเยอะมั๊ย  ขึ้นมาถึงบ้านพักรึเปล่า    :mozilla_yell: :mozilla_yell:

เขาเรียกปั่นกระทู้เฟ้ย คุณ soco  :mrgreen:

ส่วนอันนี้คือห้องน้ำครับ

ตัวห้องน้ำจะออกแบบให้หน้าต่างเปิดโล่ง มองเห็นวิวได้ ขณะที่บิดก๊อกอาบน้ำ น้ำจะไหล(เอื่อยๆ)จากรางที่เห็นตรงผนังนั่นออกมา

ตอนแรกที่ผมเห็นว่าห้องน้ำเป็นอย่างนี้ผมก็โวยวายว่าอย่างนี้ผู้หญิงก็ลำบากน่ะสิ แต่แฟนผมลองมองๆข้างนอกแล้วก็ยืนยืนที่จะไม่ยอมให้ผมกางผ้าขาวม้ามาปิดตรงหน้าต่าง เพราะคิดว่าคงไม่มีใครมอง

ใหม่ๆผมก็เขินๆกับห้องน้ำแบบนี้นะครับ พอเริ่มชินๆคราวนี้ผมก็ได้ใจ เต้นระบำไปอาบน้ำไปด้วยเลย เพื่อสัมผัสธรรมชาติแบบสุดๆ  :mrgreen:

ตอบคุณไทมุง บริเวณที่พักไม่มี้ ไม่มีทากแม้แต่ตัวเดียวครับ เข้าใจว่าเพราะที่นี่เป็นสวนเก่า ทากมันคงหนวกหูก็เลยอพยพอยู่ที่ลึกๆไปครับ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks4_acc.jpg)

โล่งโจ้งขนาดนั้น ไม่กลัวโดนส่อง รึ

เบิ้ลกระทู้ซ่ะ อิอิ

ผักแนม เค้าน่าจะเรียก ผักเหน๊าะ

จากนั้นเราก็เก็บของเข้าที่พัก แล้วเตรียมอุปกรณ์เพื่อทำการเดินที่อุทยานแห่งชาติเขาสกครับ อุปกรณ์ทั้งหลายทั้งปวงได้แก่พวกกระเป๋ากันน้ำ (คนดูแลที่พักสั่งมา) น้ำขวด ส่วนอาหารนั้นคนดูแลที่พักเขาจะจัดให้พร้อมกับส่งเราถึงที่ครับ

ตอนแรกเราก็ถามเขาว่าหากจะเที่ยวอุทยานเขาสกมีอะไรเที่ยวบ้าง ก็ได้ความว่าเราสามารถเที่ยวได้สองแบบนั่นคือ เที่ยวแบบทั้งวันก็ไปน้ำตกธารสวรรค์ เดินกัน 9 กม. อีกประเภทหนึ่งคือเที่ยวแบบใกล้ๆก็มีน้ำตกอื่นๆให้ไปดูกัน

แน่นอนว่าลูกผู้ชายอย่างผมก็ต้องเลือกเที่ยวแบบไกลๆ ซึ่งคนดูแลที่พักเขาก็บอกอีกว่า มาบอกเอาตอนสิบโมงเช้าอย่างนี้อาจจะหาไกด์ไม่ได้นะจ๊ะ เพราะช่วงนี้โลว์ซีซั่นคนเขาไปประกอบอาชีพอย่างอื่น แต่เดี๋ยวจะหาให้นะ เอ้า ถ้าอยากไปจริงๆก็เอาถุงทะเลนี่ไปด้วยนะครับ ข้างในมีเชือก

ให้เชือกผมมาทำไมหว่า  :shock:

จากนั้นก็นั่งรถไปที่อุทยาน ระหว่างทางคนดูแลที่พักก็แวะตามบ้านของคนรู้จักว่าจะมีใครยอม(หลง)มาเป็นไก๊ด์บ้าง ปรากฎว่าไม่มีสักคนเดียวจนถึงที่อุทยานแห่งชาติเขาสก

เจ้าหน้าที่อุทยานพอรู้ว่าผมต้องการไปน้ำตกธารสวรรค์ อันดับแรกคือเขามอง(สังขาร)ของผม แล้วก็เปรยๆว่า ช่วงนี้ไม่มีไกด์นะครับ อันตรายครับ ไปใกล้ๆดีกว่าครับ ไม่ใช่แค่คนเดียวที่บอก สักพักพอมีเจ้าหน้าที่อีกคนรู้ว่าจะไปก็พูดเหมือนกัน จนผมเริ่มกลัว อาไรกันหว่า มันน่ากลัวขนาดนั้นเชียว

สุดท้ายก็เลยบอกเขาว่าไม่ไป งั้นไปไอ้ที่มันใกล้ๆก็ได้(วะ) ขัดใจจริง เห็นตูอ่อนแอหรือไงฟะ ตูเล่นฟิตเนสก่อนมาที่นี่วันละตั้งยี่สิบนาทีเชียวนะเฟ้ย  :lol:

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks5_naionalpark.jpg)

ตอบคุณ soco ตอนแฟนผมอาบน้ำ ผมไปนั่งจากหน้าต่างห้องข้างๆเพื่อจะสำรวจมองไปข้างนอกอย่างหวาดระแวงตลอดเวลา หากมีความเคลื่อนไหวข้างนอกผิดปกติรับรองว่าผมเห่า เอ๊ย ส่งสัญญาณอันตรายเตือนแน่นอนครับ แต่เท่าที่เฝ้ามายังไม่พบอะไร

ซึ่งตอนผมอาบน้ำเสียเอง ผมเต้นระบำไปอาบน้ำไปครับ ใครอยากถ่ายไปแจกอัดคนอื่นก็ไม่ว่ากัน  :twisted:

หลังจากที่เราอ่านแผนที่อย่างคร่าวๆ ก็เป็นตอนที่จะเข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติ แบ็ค ทู เดอะ เนเจอร์แล้ว

เจ้าหน้าที่บอกเราก่อนออกมาว่า หากจะใส่ถุงกันทากน่ะ ใส่ตรงน้ำตกบางหัวแรดก็ได้ เดินสองสามกิโลแรกยังไม่มีทาก แล้วหากเวลาบ่ายสามโมงก็หันหลังกลับได้แล้วนะจ๊ะ ฝนตกตอนเย็นมันจะมืดไว

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks9_naionalpark.jpg)

ผมดูจากรูป คาดว่า เค้าให้นุ่งกระโจมอก อาบน้ำ น่ะครับ บริกร มิได้บอกดอกรึ

แต่ใครอาบแบบญี่ปุ่นไปแล้วก็ คงไม่เป็นไร  :|

หุหุ อันนี้ไม่แน่ใจครับ ผมอาบแบบโยคีไปแล้ว ว่าไปแถวที่พักนี่ยังกะพัทยา ป้ายมีแต่ภาษาอังกฤษครับ ไทยฟู้ด ไทยม้าสซ้าจ เต็มไปหมด ปกติที่พักนี่เขาจะรับพวกฝรั่ง ให้ผมเดาว่าตอนฝรั่งมาพักก็น่าจะไม่นุ่งกระโจมอก

ห้องน้ำลอยฟ้านี่มันมีเรื่องประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง ตรงผนังซอกๆมันมีตุ๊กแกอยู่ตัวหนึ่งมันก็ไม่ประหลาดเท่าไหร่ แต่ตรงพื้นนี่มีเขียดอยู่หนึ่งตัวนี่สิครับมันชวนคิดจริงๆว่าเขียดตัวนี้มันมาได้อย่างไร

แต่ก็ถือว่าไม่ต้องกังวลเรื่องแมลงระหว่างอาบน้ำ เพราะมีหน่วยกินแมลงประจำทั้งฝาผนังและพื้นก้อนหิน

ต่อจากเมื่อกี๊นี้ครับ เราก็เดินเข้าไปเพื่อไปค้นหาน้ำตกลึกลับตามป้ายที่เขียนไว้

ก่อนออกมาเจ้าหน้าที่บอกว่าดอกบัวผุดยังไม่บานครับ ดังนั้นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้คือเดินไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks10_naionalpark.jpg)

สภาพป่ายังถือว่าสมบูรณ์ครับ เมื่อเทียบกับภูกระดึง ต้นไม้แย่งกันขึ้นเพื่อรับแสงอาทิตย์เต็มไปหมด

แฟนผมเขาถ่ายย้อนแสงเล่นๆครับ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks6_naionalpark.jpg)

ภาพต่อไปนี้ล่ะคือภาพตัวปัญหาที่ห้องกล้อง หุหุ ผมเอาไปตั้งกระทู้ให้ดูคุณภาพของ Kodak V570 เจอคนที่เกลียดหนอนบ่นเข้ามาเลยต้องลบไป

ซึ่งในนี้ก็ลบไปก่อนก็ดีเหมือนกันครับ เดี๋ยวกระทู้นี้ rating จะตก  :mrgreen:

แนะนำว่า ลบออกก็ดีน่ะครับ ตัวโจได๋

เพราะบางท่านเห็นแล้ว เป็นลมได้เหมือนกัน

ผมเรียนวิชาจิตวิทยามานิดหน่อยครับ

ผมไม่รู้ว่าโดยลักษณะพรรณพืช หรือลักษณะดิน ทำให้ต้นไม้พวกนี้สูงงงงงงงงงได้ขนาดนี้

แต่ผมรู้ว่าพวกนี้ต่างยื้อแย่งเพื่อรับแสงอาทิตย์ให้ได้มากที่สุด ต้นไหนที่ไม่ได้รับแสงอาทิตย์เพียงพอก็จะตายไป

ภาพนี้โดนบังคับให้ไต่ๆลงไปข้างทางเพื่อถ่ายรูปนี้  :( ทั้งๆที่กลัวงู กลัวทาก

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks8_naionalpark.jpg)

โอเช คุณ soco

อาบน้ำแบบ ญี่ปุ่น อาบยังไงค่ะ คุณ soco and คุณ ลท ลท เพราะดิฉันอยุ่นี้อาบแต่ฟักบัว หรือไม่ก็ โอฟุโระ ก็ไม่ต่างไรกับอ่างอาบน้ำ มีแบบพิเศษอีกเหรอค่ะ  :mrgreen: :mrgreen:

ลัดนิ้วมือเดียว เราก็เดินมาถึงซำแฮ่ก เอ๊ย น้ำตกบางหัวแร่ด ที่นี่จะมีป้ายสำหรับเป็นพื้นที่กางเต๊นท์สำหรับใครที่อยากกางเต๊นท์

(เอาเข้าจริงๆก็เหนื่อยเหมือนกันครับ ทั้งๆที่ทางก็ไม่ได้ลาดชันอะไร)

เราเจอตรงนี้ตอนแรกก็นึกว่าจะเหมือนภูกระดึง คือมีร้านอาหาร เครื่องดื่ม เป๊บซี่ น้ำแข็ง อา......

แต่พอไปใกล้แล้ว ร้างหมด  :shock: ไม่มีคนขายเลย เพราะเป็น low season ครับ ดูบรรยากาศรอบๆแล้วพอเดาได้ว่าช่วง high season ในนี้น่าจะสนุกไม่เบาเพราะมีป้ายขายเบียร์ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นภาษาฝรั่ง (นี่ตูอยู่ต่างประเทศหรือเปล่าเนี่ย)

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks11_naionalpark.jpg)

ผมเคยไปเกาะมิกิโมโต้ เขามีที่อาบน้ำแบบโอฟุโระบนภูเขา แต่ผนังเป็นกระจกใสใหญ่มองเห็นทะเลจากที่สูงลงมาครับ

แต่ แหะแหะ ผมไม่กล้าอาบรวมกับชาวบ้านครับ ต้องมาย่องๆๆๆๆอาบตอนตีห้ากว่าๆของอีกวันหนึ่งเพราะมั่นใจว่าต้องไม่มีคนอยู่แถวนั้น

ผมได้ยินเค้าเล่าว่า แบบญึ่ป่น ต้องก้าฯ

ฟังมาตอนเด็ก ๆ อ่ะครับ จริงๆ แล้วก็ไม่ทราบเหมือนกัน ตีขลุมเอา  :mrgreen:  :mrgreen:

อาหารกลางวันจัดโดย ที่พักที่เราอาศัยครับ มีกันคนละห่อ เอามากางกินกันที่ร้านค้าร้างนั่นเลย

อร่อยมั่กๆๆๆๆๆ รสชาดเข้มข้น  8)

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks12_naionalpark.jpg)

ตกใจหมดเลย อิอิ  :mrgreen:  :mrgreen:

นึกว่า ข้าวกู้ชาติ อีกแร๊ะ

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงตอนเดินทางกันต่อไป เราก็ไม่ลืมคำพูดของเจ้าหน้าที่อุทยานว่าให้ใส่ถุงกันทากที่นี่ ตรงน้ำตกบางหัวแรด

ผมว่าเจ้าหน้าที่แกบอกช้าไปนิดดดดด เพราะผมโดนทากเจี๊ยะไปสองตัวตั้งกะที่นี่เลย  :lol:

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks13_naionalpark.jpg)

ตอนนี้รูปหมดชั่วคราวครับ ไว้ตอนกระทู้ใกล้จะตกๆแล้วจะมาโพสใหม่ครับ ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามครับ

รูปของข้าวกู้ชาติต้องไปขอจากคุณปีศาจสุรา ขานั่นเขาซื้อ D70s มาก่อนหน้าผมไม่กี่อาทิตย์ครับ แต่ฝีมือถ่ายแต่ดั้งเดิมน่าจะดีกว่าผม

แต่ไม่เป็นไร ผมเน้นรูปถ่ายประเภทขบขันแทนก็แล้วกันครับ  :twisted:

อ่ะ นึกว่ากระทู้เขียนล้อเลียนทักษิน ที่แท้กระทู้หนุ่มสาว สวีทกันในป่า :lol:

ว้าวววว.... เก็ดถวาชอบกระทู้นี้มั่กๆ ค่ะ

เอาไว้เก็ดถวาขออนุญาตเขียนกระทู้ล้อดีก่า  :mrgreen:

ตั้งชื่อไว้แล้วด้วย...

"มือเอื้อมเช็ดฝุ่นดวงดาว สองท้าวก้าวย่างเหยียบดอกไม้" อิอิ  :mozilla_tongue:

พูดถึงเรื่องทาก แล้วนอนไม่หลับเลย

เพราะมันทำให้นึกไปถึงตอนที่ดิฉันเรียนอยู่ปีสอง ไปแคมปิ้งกับเพื่อนเดือนตุลา ที่ภูกะดึงค่ะ แหะๆๆ

คิดภาพออกนะค่ะ ปลายฝนต้นหนาว อากาศยังชื้ออยุ่เลย ตอนนั้นดิฉันยังนึกหน้าน้องทากไม่ออกเลยค่ะ เคยเห็นแต่หอยทากที่อยู่ในป่า สวยๆๆ แต่เพื่อนบอกว่าชนิดนี้ ดูดเดือด ไม่เป็นอันตรายหรอก ดูดเฉยๆๆ ตอนนั้นเพือนบอกว่าช่วงนี้ยังมีทากอยุ่ต้องเอาปูนขาวไปโรยรอบเต้นด้วย  ไอ้เราก็ไมได้เตรียมไรหรอกค่ะ เพื่อนผู้ชายเตรียมไปหมด เราไปถึงกลางวัน ยังไม่มีน้องทากออกมาเพ่นพ่านเราแดดเปรี้ยงเลย

พอตอนเย็นดิฉันไปอาบน้ำ อาบเส็ดยืนรอเพื่อน สังเกตุดูเท้ามีเหมือนมีอะไรอะไรกระโดด รอบๆเท้าตัวเองนะค่ะ มองดู อ๋อตัวหนอน เขมือบๆๆ ดิฉันดูชัดๆๆ (สายตาสั้นค่ะ ไมได้ใส่แว่นด้วย) เสียงกริ๊ดแปดหลอดดิฉัน ทำเอาเพื่อนที่อาบน้ำอยุ่ต้องตะโกนถามดิฉันว่าเป็นไรใหม พอดิฉัน ทั้งกริ๊ดทั้งเต้น แล้วก็ร้อง ทากๆๆๆๆ เท้านั้นค่ะ เพื่อนมันก็เงียบอาบน้ำต่อ แต่เพื่อนผู้ชายวิ่งมาแงะมันออกจากเท้าดิฉัน ไอ้เพื่อนมันก็ซื่อมาก เอาไฟแชคไปรนทาก ซึ่งมันก็รนเท้าดิฉันด้วยอ่ะ ดิฉันเลยเผลยกเท้าเตะหน้าแข่งเพื่อน ไป มันเลยเปลี่ยวิธีเอามีดมาแงะ ใครจะกล้าค่ะ ดูมันยกมีดตอนแงะ สุดท้าย พลเมืองดี เลยเข้ามาช่วยเอามือดึงออกเลยค่ะ ......... ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็ไม่ถูกกับไอ้ทากแบบถาวร  ใครที่เคยไปดูเรื่อง อนาคอนด้า เขากริ๊ดๆๆ ตอนงูมันโผล่ ฉันกริ๊ดลั่นอยุ่คนเดียวตอนที่พระเอกเปิดหลังเพื่อนแล้วทากเกาะอยุ่เต็มหลัง จึ่ยยยยย ขนลุกเลยค่ะ

มันยังไม่หมดเท่านั้นนะค่ะ ตื่นเช้ามา ดิฉันเห็นหน้าผากเพื่อนมีเลือดใหลออกมา แต่มันจะดูแห้งๆๆ จนดิฉันต้องขอดูหัวเขาว่ามีไรผิดปกติไหม  พี่น้องค่ะ ทากค่ะ ทากเกาะบนหัวเพื่อนฉัน มันกินเลือดบนหัวเพื่อนฉันจนพุงกางเลย ตัวอ้วนกลมเลย เท่านั้นแระ ดิฉันก็(((((((((((กริ๊ด)))))))))) ตั้งแต่เช้าเลย คิดภาพเถอะค่ะ ไอ้ทากนี้แระ ดิฉันไม่กลัวนะค่ะ แต่ดูตอนมันดูดอ่ะ ตอนมันเกาะอ่ะ ขยะเขยง จึ่ยยยยยยยยยย

ประกายดาว ไม่ได้เหยียบ ทาก  แต่ ทาก มาเกาะ ขาอ่อนหนู หนึ่งโขยง

 :mozilla_cry:

เข็ดมากๆ กลัวมากๆ

คุณ ลูกไทย หลานไทย ไชโยเขียนสนุกมากๆ ค่ะ

พวกเราควรจัดไปเที่ยว
ได้เปล่า?

 :lol: อืมม์ จิงด้วย เห็นชื่อกระทู้นึกว่าเหยียยทากกกก...สิน ซะอีก
ปล. ข้าวห่อน่าอร่อยจัง

สวัสดีครับทุกท่าน อ่านประสบการณ์เจอทากของแต่ละท่านแล้ว ทากของผมกลายเป็นเด็กๆไปเพราะยังไม่เจอขนาดกองทัพทากอย่างบางท่าน เป็นแค่กองโจรเท่านั้น อาจเพราะเพิ่งเข้าฤดูฝน พวกทากก็ยังไม่ตื่นกันดี หรือเพราะมีเสปรย์กันทากก็ไม่ทราบเหมือนกัน ผมเคยดูจากโทรทัศน์เขาว่าน้ำลายทากมีประโยชน์ทางการแพทย์นะครับ เพราะมีสารทำให้เลือดไม่แข็งตัว ประเทศจีนก็มีการวิจัยพวกสัตว์ตระกูลปลิงกับทากเพื่อเอามาทำยาเกี่ยวกับระบบเลือด แต่เมืองไทยรู้สึกยังไม่มีใครสนใจเจ้าตัวนี้สักเท่าไหร่

อย่างไรก็ดี ต่อไปนี้จะเป็นการนำเสนอต่อจากเมื่อวานนะครับ และยังไม่จบอยู่ดี  :mrgreen: (ใครไม่อ่าน ผมก็จะอ่านเอง หุหุ)

หลังจากที่เราใส่ถุงกันทากแล้วก็ถึงเวลาเดินเข้าไปทางในอุทยานต่อครับ ยิ่งลึกเข้าไปความอุดมสมบูรณ์ของป่ายิ่งปรากฎชัด ยิ่งเป็นช่วงหน้าฝน เหล่าสัตว์เล็กๆน้อยๆในป่าก็ปรากฏให้เราได้เห็นกัน

ในรูปคืองูดินครับ แฟนผมเดินนำหน้าเขาตาไวเห็นก่อน ตัวเล็กๆมันวาวอยู่กลางรูปนั่นแหละครับ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks14_nationalpark.jpg)

งูเขียวครับ ไม่รู้ว่ามันกำลังจ้องอะไรเหมือนกัน

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks15_nationalpark.jpg)

คุณ ลูกไทยค่ะ ตอนถ่ายคุณไม่กลัวเหรอค่ะ ฉันเจองูดินตัวเดียวฉันก็วิ่งออกจากป่าแล้วค่ะ  :shock: :mozilla_sealed:

ในที่สุดหลังจาก เดิน เดิน เดิน เดิน เราก็มาถึงป้ายแยกลงไปยังทางน้ำ ด้วยความเข้าใจว่าเป็นน้ำตกก็เลยลงไปข้างล่างครับ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks16_nationalpark.jpg)

ผมพยายามย่อรูปในนี้นะครับ เพื่อว่าจะได้ไม่กิน bandwidth มากไป หากใครอยากดูรูปใหญ่ก็แค่คลิกในรูป ไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่าหนอ

ตามมาดู..... เงียบๆ  :mozilla_cool:

สวัสดีครับคุณใบไม้ทะเล กับคุณเก็ดถวา

บ้านแถวลาดพร้าวสมัยก่อนเป็นทุ่งนาครับ ตอนเด็กๆงูมักจะเลื้อยเข้าบ้านเสมอ ทั้งงูเหลือม งูเห่า พอเห็นก็เลยกลัวนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับกลัวมากครับ

แต่ที่กลัวๆ ณ ขณะนั้นคือเจ้าตัวนี้ครับ  :twisted:


(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks20_nationalpark.jpg)


เอ้อ รูปนี้ว่าจะ crop แล้ว แต่เปลี่ยนใจครับ เผื่อมีคนไม่ชอบทาก เลยปล่อยให้เป็นตัวเล็กๆไป

ทีนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะใช้เสปรย์กันทากที่อุตส่าห์ถ่อไปถึงสนามเป้าแล้ว พอผมงัดเสปรย์ขึ้นมาพ่น ฟื่ดดดด ทากหงายท้องตึงเลยครับ

แฟนผมเห็นเข้าเลยแย่งเสปรย์จากมือผมไป (ผมเน้นว่าเธอแย่งไปจากมือจริงๆ) แล้วก็ถือเสปรย์ดังกล่าวนี้นำหน้าเดินเข้าป่าไป  :shock:

หากเจอทากตรงไหนก็พ่น ฟึ่ด จนผมต้องคอยห้ามเพราะว่า 1) เป็นการใช้ยาโดยไม่จำเป็น 2) ผมว่าทากบางตัวไม่ได้มาหาเราใกล้ๆก็ปล่อยมันไปก็ได้

ผมเริ่มเข้าใจและเห็นใจทาก  :mrgreen:

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks21_nationalpark.jpg)

เดินๆไปตอนนี้เราไม่กลัวทากแล้ว เราจึงมองหาจุดหมายข้างหน้าต่อไปนั่นคือน้ำตก.....เอ เราจำไม่ได้แล้วว่าคือน้ำตกอะไร แต่ดูจากแผนที่เราก็คิดว่าเจอป้ายแยกน้ำตกก็แวะไปแล้วกัน

เดินๆไปก็เจอฝรั่งหนุ่มสาวอยู่คู่หนึ่งครับเดินสวนกับเราออกจากป่า ทักทายเสร็จก็เลยถามได้ความว่ามีน้ำตกสวยรอเราอยู่ข้างหน้า เดินไปก็ประมาณ 5 นาที

ผมล่ะดีใจ เพราะเดินมาแค่นี้ก็ชักเหนื่อยแล้ว (วัยครับวัย) ก็กะว่าจะไปเจ้าน้ำตกนี่ถ่ายรูปไฮไลด์แล้วจะได้กลับสักทีว้อย

แต่เดินยิ่งเดินยิ่งเดิน ก็ไม่เจอน้ำตกเสียที มันชักจะยังไงกันหนอ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks22_nationalpark.jpg)

ไอ้ที่น่ากลัวคือยิ่งเดินยิ่งเดิน ทางมันก็เหมือนกับเดินกลับมาทางเดิน ตอนแรกผมก็ทักว่า เอ นี่มันเหมือนกับทางที่ผ่านมาเมื่อกี๊นะ แฟนผมก็เถียงว่า จะเป็นไปได้อย่างไร

เดินต่อไปอีกสักพัก จากตอนแรกเจอทางแยกก็เลือกทางที่คิดว่าใช่อย่างมั่นใจ เป็นเช่นนี้เรื่อยๆจนในที่สุดเมื่อถึงทางแยกหนึ่ง ตอนนั้นบ่ายสองโมงแล้ว ผมกับแฟนก็พยักหน้ากันว่า กลับกันเหอะ มองตาก็เข้าใจครับว่ากลัวกันทั้งคู่  :lol:

พอหันหลังเดินกลับ เราก็เจอกับเหตุการณ์เดิมครับ คือเดินไปสักพักก็เหมือนกับเดินกลับมาที่จุดเดิม จนในที่สุดผมบอกแฟนว่า อ้ะ งั้นคอยดูสัญลักษณ์อันนี้นะ เดี๋ยวถ้าเดินเจอสถานที่คล้ายๆกับอันนี้ให้ดูว่ามีสัญลักษณ์นี้หรือเปล่า

ปรากฎว่ามีสัญลักษณ์นั้นครับ แสดงว่าเราเดินกลับมาที่เดิมจริงๆ จากนั้นผมก็พยายามหาทางเดินออกจากจุดนี้ให้ได้ ระหว่างเดินก็พยายามคิดเรื่องที่ทำให้ใจสงบเช่นหนังที่ชอบ

ซึ่งตอนนั้นก็คิดออกแต่หนังเรื่อง "Blair witch project ภาค 1"  ครับ :mrgreen:

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks23_nationalpark.jpg)

ฝนก็เริ่มตก ผมก็เริ่มเก็บกล้องเข้ากระเป๋า พวกเราไม่มีใครกลัวทากตอนกลางวันแล้วครับ เรากลัวทากตอนกลางคืนมากกว่า

เคยอ่านหนังสือว่าเวลาหลงป่าให้สงบสติอารมณ์ (แม้ในเวลาคับขันเช่นนั้น ผมก็ยังนึกเถียงหนังสือเล่มนั้นในใจว่า ก็ทุกสถานการณ์ไหนมันก็ควรจะสงบสติทั้งนั้นล่ะวะ)

ว่าไปมันก็ช่วยนะครับ เวลาถึงทางแยกไหน เช่นทางแยกรูปตัว Y ผมก็จะพยายามนึกย้อนว่าขามาเราน่าจะเดินจากทางไหน โดยการหันหน้าเข้าหาทิศสวนทางกับทางที่ผมกำลังเดิน เพื่อจะได้เรียกความจำกลับมา

นอกจากใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ผมก็ใช้หลักการทางไสยศาสตร์เข้าช่วยด้วยการตั้งจิตอธิษฐานว่า ขออภัยด้วยค้าบที่พวกผมไปรังแกทากบางตัว โปรดให้ผมออกจากป่านี้ด้วยเถอะคร้าบ _/\_

เอ้อ  ตอนนั้นผมใช้ทุกวิถีทางเข้าช่วยครับ  :mrgreen:

อย่างไรก็ดี ไม่รู้ว่าด้วยวิธีไหนในที่สุด เราก็ค่อยๆหาทางกลับมาที่จุดน้ำตักบางหัวแรดจนได้ครับ  8)

ขออนุญาติขั้นค่า

ขอบคุณมากค่ะ ที่เอาไอ้ตัวนั้นมาเล็กนิดเดียว ทำให้ฉันนึกภาพเหตุการณ์ได้ชัดเจนมาก อิอิ

จะบอกว่าผู้หญิงต่อให้เจอทากทุกคน ก็ต้องไม่ชอบค่ะ  :mrgreen: :mrgreen:

รออ่านต่อไปค่ะ กำลังหนุก อิอิ

แหะๆๆ เป็นผู้หญิงที่ไม่กลัวทากอ่ะค่ะ (ควรอายเปล่าอ่ะ?)  :mozilla_oops:

คือว่าเก็ดถวาเริ่มรู้สึกเข้าใจและเห็นใจทากเหมือนคุณลูกไทยฯ แล้วล่ะค่ะ  :(

เก็ดถวามีวิธี จะแนะนำแบบไม่ต้องใช้สเปรย์ค่ะ คือว่าก่อนเข้าไปในป่าเนี่ยนะคะ

นอกจากการแต่งตัวที่ป้องกันเจ้าตัวดุ๊กดิ๊กนี่แบบเต็มที่แล้ว

ให้เอากากยาสูบนะคะ (ขอจากชาวบ้านแถวๆ รอบๆ ป่านั้นก็ได้ค่ะ)

เอามาเทใส่ผ้าบางๆ แล้วก็มัดเป็นจุกติดกับไม้ยาวๆ นะคะ

ทีนี้ล่ะ ลุย!!! พอเจอน้องทากเกาะปุ๊บ เอาไม้ยาสูบนี้ตีปุ๊ ปุ๊ ปุ๊ ไปที่ตัวทาก.. 2-3 ที นะคะ

น้องทากจะหล่นลงมา เพราะว่าเป็นลม ......ค่ะ แต่ไม่ถึงตาย  :mozilla_smile:

วิธีนี้ จะไม่ทำลายสภาพแวดล้อมอื่นๆ ด้วยนะคะ  :mrgreen:


เพราะจริงๆ แล้ว ชาวบ้านเคยบอกเก็ดถวาว่า

ทากพวกนี้ ถ้าเค้าทานเลือดไป 1 อิ่ม สามารถอยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยอ่ะค่ะ

คือเค้าไม่ได้เบียดเบียนมาก แหะๆ  :mrgreen:

เก็ดถวาเคยเจอเค้าเกาะที่ขา แล้วไม่ได้เอาไม้ยาสูบไป ก็ต้องปล่อยให้ดูดเลือดให้อิ่มไปเลย

เพราะมันดึงด้วยมือเปล่าไม่ออกอ่ะค่ะ.. แต่พออิ่มนี่ หลุดเองเลย  :mozilla_tongue:



------------------------
แว๊กกกก!!!!!!! ขออภัยนะคะคุณลูกไทยฯ เก็ดถวาเห็นคุณหยุดไปพักนึง นึกว่าหมดแล้ว ก็เลยมาคั่นซะอย่างนั้น ตายจริงๆๆๆ ขอโทษค่ะๆๆๆๆ

ตอนที่เราเจอทางออกกลับที่เก่า โอ้โหมันโล่งอกโล่งใจทันทีครับ เริ่มกลับมาสำรวจทากตามตัวเหมือนเดิม (เริ่มว่าง)

แต่ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นครับ เราไม่ได้เอาเสื้อกันฝนไป ก็เปียกไปตามๆกัน มีเพียงหมวกกะลาที่บังฝนไม่ให้เปียกแค่นั้นเอง เดินๆๆอย่างเดียวเพื่อไปกินเป๊บซี่ที่ทำการอุทยาน

ช่วงนั้นเราก็มาเจอฝรั่งคู่ที่บอกว่าน้ำตกอยู่ใกล้ๆเดินไป 5 นาทีก็ถึง ที่เราเจอเมื่อ 40 นาทีก่อนนั่นแหละครับ ผมสงสัยว่าเขาจะหลงทางเหมือนเรา แต่ก็ไม่ได้ถามเขานะครับ

เราก็เดิน เดิ๊น เดิน เดิน เดิน เดิน เดิน ........ เมื่อไหร่จะถึงที่ทำการอุทยานเสียทีว้อย ทำไมขากลับมันไกลอย่างนี้

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks19_nationalpark.jpg)

ย่อรูปไม่เป็นครับ ขออภัยอาจโหลดช้านะครับ

เข้ามานับถือคุณ เกดถวาคะ

ข้าน้อยขอคารวะ  :mrgreen:

จริงๆๆแล้วไม่ได้กลัวทากค่ะ แต่ตอนที่มันจับเราขาเรา .......... มัน....

อย่าให้บรรยายเลยค่ะ

ดีนะค่ะเดินแบบนี้ไม่ทะเลาะกันก่อน น่ากลัวค่ะ นึกภาพตอนอ่านนิยายที่ หลงป่ากัน

ใจเย็นกันจริงๆๆค่ะ

ในที่สุดเราก็กลับมาถึงที่ทำการอุทยานครับ   :D  :D  :D  :D

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks24_nationalpark.jpg)

ตอนนั้นภาพนี้ช่างสวยงามจริงๆครับ เหนื่อยก็เหนื่อยเพราะตอนสุดท้ายเดินลุยรวดเดียวไม่ได้พัก น้ำก็กินหมดไปแล้ว มีแต่เป๊บซี่(โค้กก็ได้) ที่แช่เย็นๆรอพวกผมอยู่ข้างหน้า :cry: ว่าแล้วก็เดินกระดึ๊บๆเข้าไปสั่งน้ำมากินกันสามคน แล้วก็นั่งพักผ่อน

พอเริ่มหายเหนื่อยผมก็เลยคุยกับเจ้าหน้าที่ คุยไปคุยมาถึงน้ำตกธารสวรรค์ที่ไม่ได้ไป เจ้าหน้าที่เลยเอารูปน้ำตกดังกล่าวมาให้ดูครับ คล้ายๆกับรูปที่เอามาจากผู้จัดการ

(http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=357700)

ถึงตอนนี้ผมเลยเข้าใจว่าทำไมคนที่ Nature resort เขาถึงเอาเชือกมาใส่ในถุงกันน้ำให้ผมมาด้วย เอาไว้โรยตัวลงนี่เอง ป้าดธ่อ รู้ว่าเป็นการโรยตัวลงน้ำตกอย่างนี้รับรองไม่ไปหรอกครับ  :mrgreen:

อ่านเพลินดี สยองนิดๆ


เจอคล้ายๆกัน ผมเห็นรูปมีคนใส่หมวก หมวกนี่หละครับ ประสบการณ์ครั้งนั้น


... ตอนที่ไปหน้าฝน ไปเดินเที่ยวป่าเป็นกลุ่ม 5 - 6 คน

ตอนนั้นคนนำทางเขามาส่งแล้วบอกให้เดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึง

เพื่อที่ไปด้วยเดินๆไปเมื่อยเราก็นั่งพักถ่ายรูปบ้าง กินน้ำบ้าง

พักเสร็จเราก็เดินกันต่อ พอเดินไปได้ซักนิด เพื่อนผู้หญิงคนที่ใส่หมวกบอกไม่รู้อะไรเข้าตา

เพื่อนที่เดินข้างๆ สนิทกับเขาก็เข้าไปดู .....


ทากเกาะอยู่ที่ ตา ข้างขวา...

ตัวเล็กนิดเดียวเกาะอยู่ที่ตา

ตามีน้ำตาหล่อเลี้ยง ตัวสัตว์ประหลาดก็ลื่น

...จะเอามันออกมาได้ยังไง หลายมือมากช่วยกันดึง (ทั้งกลุ่มช่วยดึงทุกคน)....

ดึงไปปลอบคนที่โดนไป ไม่ให้เธอตกใจมาก

.... ตอนดึงไปเสียวว่าตาเธอจะบอดรึเปล่า เพราะทำแรงไม่ได้ ทำเบาก็ไม่ออก...

ใช้เวลาดึงออกอยู่เกือบชั่วโมง  (ตัวนิดเดียวกรรมจริงๆ)

โชคดีเธอไม่เป็นอะไรตอนกลับไปหาหมอตรวจตาไม่เป็นอะไรมาก  :)


ผมก็นั่งนึกไป... ตอนนั่งพักกัน ตอนเธอถอดหมวกวางไว้ คงมีทากมาเกาะหมวก..



...

เรื่องหลงก็หลงเหมือนกันครับ ไม่ได้เห็นน้ำตก

โชคดีคนนำทางเดินมาหา เอาทั้งกลุ่มกลับไปที่พักได้

--

ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (หวาดเสียว)  :-)

เจอเรื่องคุณนทร์ บอกคำเดียวว่า


 :shock: สยอง ค่ะ  :mrgreen:

ยินดีมากครับคุณเก็ตถวา  :P เข้ามาคุยกันแบบนี้ผมจะได้รู้ว่ามีคนอ่านด้วยครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องยาเส้นนะครับ เพิ่งรู้ว่ามันโดนทากแล้วจะทำให้ร่วง ตอนแรกผมนึกว่าแค่กันๆทากได้เท่านั้นเลยหาพวกเสปรย์กันยุงกันทากมาใช้ในงานนี้

อ่านของคุณนทร์ก็น่ากลัววุ้ย เรื่องหมวกนี่ผมจะใส่เพราะเคยอ่านว่าเข้าป่าให้ใส่หมวกจะได้กันตัวต่อต่อยหัวครับ (แหะ แหะ ผมก็ไม่รู้ว่าในป่าภาคใต้มีตัวต่อหรือเปล่าครับ ใส่ไว้ก่อนเป็นดี)

คุณใบไม้ทะเล ตอนนั้นผมก็นึกไม่ออกนะครับ ว่าหากอยู่กลางป่าตอนมืดๆแล้วจะออกอย่างไร เอ้อ ตอนแรกอาจเป็นเพราะเดินกันเรื่อยเปื่อยประกอบกับชินป่าที่มีคนเดินกลุ่มอื่นๆเป็นเพื่อนก็เลยทำให้ไม่ค่อยสังเกตเส้นทางเท่าไหร่ พอมาเจอการเดินกลุ่มเดียวก็เลยมีรายการหลงเกิดขึ้น

จะว่าไปจุดที่ควรปรับปรุงในเส้นทางคือเรื่องของป้ายครับ ป้ายบอกทางไปน้ำตกจะพังกองไปอยู่ที่พื้น อ่านแล้วก็งงครับ

แต่ผมถามเจ้าหน้าที่ว่ามีคนหลงทางบ้างไหม เขาคิดสักพักแล้วบอกว่าไม่มีครับ เอ ตกลงทางไม่ดีหรือคนเดินทางไม่ใส่ใจกันหนอ

ช่วงที่พักดื่มน้ำล้างหน้าฝนก็ตกอีกแล้วครับ สุดท้ายผมเลยโบกรถปิ๊กอัพคันหนึ่งขออาศัยนั่งท้ายออกจากอุทยานไปอีกสักสองสามร้อยเมตรเพื่อเดินเข้าทางแยกต่อไปอีก 800 เมตรสู่ที่พักครับ

ระหว่างทางเดินนี่เป็นทางดีครับและก็จะมีต้นไม้เขียวๆให้ดูสลับกับที่พักนักท่องเที่ยวตามรายทาง ป้ายเป็นภาษาอังกฤษ(อีกแล้ว) เห็นอย่างนี้นึกถึงปายซึ่งผมไม่เคยไปครับ เห็นเขาว่าเป็นเมืองฝรั่งอยู่เมืองหนึ่ง

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks25_nationalpark.jpg)

เดินทางนี้ต้องไต่บันไดลิงข้ามลำน้ำถึงจะถึงที่พักของผมนะครับ ยังกะรายการโหดมันฮาของญี่ปุ่นเลย




และแล้วในที่สุด

HOME SWEET HOME อิอิ ถึงที่พักแล้วครับ

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks27_nationalpark.jpg)

เรื่องที่อนาบอกว่าตื่นมาเจอเพื้อนมีตัวประหลาดเกาะหัวผมอ่านแล้วขำ ดีนะมันอ้วนแล้วคงหลุดง่าย

ผมว่าเกาะหัวยังดีกว่าเกาะลูกตานะครับ แต่สงสัยจริงๆว่ามันคิดยังไงของมันถึงกระดึ๊บๆไปซะไกลขนาดนั้น

แต่อย่างไรก็ดีครับ เย็นนั้นอาหารที่เตรียมไว้ให้เราก็ไม่พอกินครับ เพราะหิวตาลายกันทุกคน ผมเบิ้ลกับข้าวไปอีกชุดหนึ่งในเวลาต่อมา

สำหรับเพื่อนๆที่ไม่เคยทราบ(เหมือนผม) แกงนั้นเป็นแกงส้มต้นบางอย่างที่ผมก็ออกเสียงคล้ายๆคูนแต่ไม่ใช่ เป้นแกงแบบของใต้ครับรสชาดออกเค็มๆ กินกับไข่เจียว แล้วก็มีน้ำพริกระกำออกแนวเค็มๆเหมือนกัน อร่อยครับ โดยเฉพาะน้ำพริก

แล้วที่ถ่ายนี่เพราะผมมองว่าน่าจะมาเผยแพร่ให้คนอื่นได้เห็นเพื่อความรู้ครับ ไม่ใช่เพราะบ้าถ่ายรูปแต่อย่างใด

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks28_nationalpark.jpg)

นี่เขากะให้เราเล่นอย่างงี้กันจริงๆเหรอ  :shock:

ตอนนั่งพักกัน เขาถอดหมวกไว้ตามกิ่งไม้ บางคนวางไว้กับพื้น

มันเกาะหมวกไปครับ

ผมก็ว่าแล้วครับ คุณนทร์ ทำไมตอนหาไก๊ด์ถึงไม่ค่อยจะมีใครอยากไป

เดาว่าตอนลงมาคงจะมีทางที่ปลอดภัยมั้งครับ ที่ได้ยินมาคือทางลงกลับที่พักที่ใกล้ที่สุดก็คือโรยตัวทางนั้นแล้วเดินต่อเพื่อกลับที่ทำการอุทยาน

แต่พวกผมก็ตั้งใจหลังจากเห็นรูปแล้วครับ ว่าอย่างไรก็จะเดินกลับทางเก่าแน่นอน  :P

อ้า ในที่สุดก็ถึงเวลานอนหลับเพื่อเตรียมตัวไปเขี่อนเชี่ยวหลานในวันถัดไปครับ พระจันทร์ดวงโตกลมดิก ดวงเดียวกับที่ฉายตอนจุดพลุวันมหามงคลเล้ย เฮ้อ เสียดายที่ผมไม่ได้ดูพลุครับ ตัวผมเองก็ขอลาไปพักผ่อนครับ ขอบคุณมากๆที่เข้ามาให้กำลังใจนะครับ

(รูปพระจันทร์ผมใช้เท็คนิค dry brush ของคุณภูพานครับ อิอิ ได้โอกาส)

(http://www.silalang.com/images/kawsok/ks29_nationalpark.jpg)[/img]

คุณใบไม้ฯอยู่ญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ....

คือจะโยนมุก ให้พี่ๆๆเขาอ่ะค่ะ ลุงปุ แต่ว่าไม่รับมุกกัน อิอิ

พอดี ที่คุณ ลทลท บอกว่า เคยอาบบ่อกลางแจ้ง อนาขอชี้แจ้งเลยนะค่ะ ว่า เขาเรียก ออนเซน ค่ะ อาบน้ำแร่ธรรมชาตินะค่ะ

ไม่กล้าอธิบายมากเลยลุงปุ กลัวว่าจะจินตนาการกันเยอะ คือเขาก็แยกนะค่ะ บ่อชาย บ่อญ บ่อสำหรับ ครอบครัว บ่อรวมก็มีนะค่ะ แต่น้อยนะค่ะ สำหรับที่นี้นะค่ะ

มีเรื่องโจ๊กของคนไทยเราที่นี้ไปออนเซนกันนี้ล่ะค่ะ  พอไปถึงคุณต้องถอดหมดทุกอย่างแต่เขาจะให้ผ้ามาผืยนหนึ่งเป็นผืนเล็กนะค่ะ ไม่ใหญ่

เขาถามกันว่าคนไทยจะเอาผ้าปิดส่วนใหน ...............











ปิดหน้าค่ะ  :mrgreen:

ปล. คุณ ลทลท น้ำพริกถ้วยนั้น ส่งมาทางนี้หน่อยค่ะ ง่า น่าทานมากๆๆ นำลายใหลเลยเลรา  :mrgreen:

อ๋อยยยยยยยยยย.... ไม่ไหวแล้วววววว   :lol:   :lol:   :lol:   :lol:   :lol:

ตามอ่านสารคดีเรื่องทาก (.. :mrgreen:)  ของคุณลูกไทย หลานไทย ไชโย แล้วสนุกดี....
สำหรับการป้องกันทากเกาะ ผมใช้ ยาเส้น (เหมือนกับคุณเก็ดถวา)
โดยใช้ยาเส้นมาประมาณ  3  ซอง(เล็ก) แช่กับถุงกันทาก ประมาณ 1 วัน
แล้วนำมาผึ่งลมให้แห้ง  แล้วมัดใส่ถุงพลาสติคให้แน่น เพราะกลิ่นมันแรง
ทากจะไม่เกาะหรือเกาะน้อย พอที่จะเขี่ยออกทัน
ถ้ามันเกาะตามตัวจะให้ทากหลุด  ใช้ พิมเสนน้ำ แตะใส่ตัวมัน จะล่วงเลย
แต่คิดว่ามันจะตาย  เอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายก็แล้วกัน...
สำหรับรูปพระจันทร์ของคุณ ลูกไทย หลานไทย ไชโย สวยดีครับ
แฮ่ม ถ้ามีพวกเงาต้นไม้หน่อยน่ะ ...ซู๊ดยอด... :D

ถ้าไม่ไหวววววววววว ก็ระวังไปทัวร์ชนบทของญี่ปุ่น ก็แล้วกัน

ไกด์ญี่ปุ่นมีความภาคภูมิใจมากที่พาคนต่างชาติไปทัวร์โรงแรมแบบญี่ปุ่นพื้นเมือง(เรียวกัง?)นอกเมือง บริการอาบน้ำแบบออนเซน............ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ผิงใช้วิธีดึงออกมาตอนที่มานยังมะอิ่มเลืออ่ะค่ะพี่เก็ตถวาขา เอามือจับหัว-ท้ายแล้วก็ดึงงง ขาดปึ๊ด...แฮ่ๆๆ

แต่ถ้ามันกินอิ่มแล้วนู๋มะกล้าจับอ่า กัวเลือด

โฮ่.... น้องผิง สาวนุ้ย หนูใจเด็ดมั่กๆ  :mozilla_surprised:

ถ้าปล่อยให้มันอิ่ม ไม่ต้องดึงเลยนะตัวเอง เอานิ้วเขี่ยๆ มันก็หลุด  :mrgreen:

น่าสนุกเนอะ ถ้า.. ไม่มีทาก! (http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/w00t.png)

..หากไม่ใช่ที่แดดร้อนเปรี้ยง และได้ใส่รองเท้าทะมัดทะแมง
พี่จะเป็นคนที่เดินอึดมาก ถึงไหนถึงกัน ยิ่งในป่ามีต้นไม้เขียวๆ
อากาศเย็นๆ ยิ่งชอบ แต่.. ไม่เอาทากเด็ดขาด!

ดังนั้น.. ถ้าเดินกลับแล้วต้องฝ่าดงทาก
พี่ว่าโรยตัวลงน้ำตกแบบนี้น่าสนุกกว่าเยอะค่ะ
(แม้จะไม่ต้องหลบทากก็น่าลอง แต่ขอใส่ harness ด้วยนะ)
v
v
v

ชอบรูป Home Sweet Home ค่ะ ..สวยจัง! (http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/happy.png)

(http://i30.photobucket.com/albums/c329/Seaspica/pink_flowers.gif)