หัวข้อ: ชูวิทย์แฉผ่านภาคนิพนธ์ กองทุนหมู่บ้าน แม้วเน่า ผลักผู้หญิงขายตัว! เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 16-08-2008, 16:03 เฮ้อ..ชูวิทย์หนอชูวิทย์ ก่อนมาเล่นการเมืองก็หากินอยู่กับอ่าง อยู่กับเรื่องใต้สะดื้อ ทำภาคนิพนธ์เพื่อเป็น "มหาบัณฑิต" กับเขาทั้งทีก็ยังไม่วายเข้าไปยุ่งกับเรื่องใต้สะดื้อ
อย่างว่ามันเรื่องถนัดของ "ชูวิทย์" :slime_sentimental: :slime_sentimental: :slime_sentimental: ชูวิทย์แฉผ่านภาคนิพนธ์ กองทุนหมู่บ้าน แม้วเน่า ผลักผู้หญิงขายตัว! ฯลฯ ผลการสำรวจสถานบริการและผู้ให้บริการทางเพศทั่วประเทศ ปี พ.ศ.2550 ของกรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขระบุปัจจุบันว่ามีสถานบริการทั้งหมด 13,954 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น 25 ประเภทธุรกิจหลักๆ มีผู้ชายให้บริการทางเพศ 5,922 คน ผู้หญิงให้บริการทางเพศ 54,719 คน รวมทั้งหมด 60,641 คน ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวนายชูวิทย์ระบุว่าถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก โดยจากการประเมินด้วยตัวเลขที่แท้จริงแล้วผู้ให้บริการทางเพศไม่น่าจะมีน้อยกว่า 229,000 คน นอกจากนี้ภาคนิพนธ์ดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ในปี 2550 มูลค่ารายได้รวมของธุรกิจเพศพาณิชย์ซึ่งเป็นการประมาณการขั้นต่ำ อย่างน้อยมีรายได้ประมาณ 174,050 ล้านบาท หากเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)โดยรวมของประเทศในปีเดียวกัน (ปี 2550 จีดีพี เท่ากับ 8,485,200 ล้านบาท) รายได้จากการค้าประเวณีคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 2.05 นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นด้วยว่ารายได้รวมเฉลี่ยต่อคนต่อเดือนของผู้ให้บริการทางเพศนั้นจะอยู่ในช่วงต่ำสุดคือ ราว 15,000 บาท ในกรณีสำหรับผู้ชายที่ขายบริการในดิสโกเธค ส่วนผลตอบแทนเฉลี่ยสูงที่สุดนั้นอาจจะมากกว่า 100,000 บาทสำหรับผู้หญิงที่ให้บริการในสถานบริการนวดแผนโบราณ ทั้งนี้ถ้าเปรียบเทียบแล้วรายได้ต่ำสุดที่หญิงบริการได้รับมากกว่าคนทำงานที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท จึงเป็นเหตุจูงใจให้คนมาทำอาชีพนี้กันมาก ขณะที่ในตอนหนึ่งของภาคนิพนธ์ นายชูวิทย์ยังศึกษาพบกรณีศึกษาหนึ่งด้วยว่า มีผู้หญิงชาวเหนือที่ได้รับผลกระทบมีหนี้สินล้นพ้นตัวจากความล้มเหลวของโครงการกองทุนหมู่บ้านที่เริ่มต้นในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐบาล จนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตต้องมาหารายได้ด้วยการขายบริการทางเพศ โดยรายละเอียดมีดังนี้คือ กรณี น.ส.บี อายุ 21 ปี เป็นคนทางภาคเหนือ ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่รัฐบาลมีนโยบายโครงการกู้ยืมเงินหมู่บ้านละล้านนั้น ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่รวมทั้งบ้านของตนทำการกู้ยืมเงิน แต่เมื่อกู้ยืมเงินมาแล้วแทนที่จะนำไปลงทุนประกอบอาชีพ กลับนำไปซื้อรถจักรยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ ตู้เย็น และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอีกมากมาย จึงต้องทำการกู้นอกระบบ โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 ซึ่งถือว่าสูงมาก ถึงเวลาครบกำหนดก็ไม่มีเงินชำระหนี้อีก ตนเองรวมทั้งเพื่อนบ้านที่ประสบปัญหาเดียวกันจึงตัดสินใจเข้ามาทำงานในตัวเมือง เพื่อหารายได้ไปชำระหนี้ ประกอบกับการศึกษาต่ำ ไม่มีความรู้ที่จะไปประกอบอาชีพที่ทำรายได้สูงๆ จึงได้ตัดสินใจเข้ามาขายบริการทางเพศ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000096783 หัวข้อ: Re: ‘ชูวิทย์’แฉผ่านภาคนิพนธ์ กองทุนหมู่บ้าน ‘แม้ว’เน่า ผลักผู้หญิงขายตัว! เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 16-08-2008, 16:25 เคยประชดในวงกินข้าวว่า ถ้าแกเป็น รมต มหาดไทย คงจะได้รู้กันหมดว่า จะไปจับซ่องที่ไหนได้หมด :slime_shy:
คือ แนวโชว์ออฟแกเก่งอ่ะ แต่ยังไม่เห็นแกเสนอแนวคิดในการบริหารเมืองอย่างเป็นระบบเลยอ่ะ ส่วนของ ดร. แดน เคยฟังแล้วออกจะเว่อๆ ไปหน่อย ไม่รู้จะทำได้จริงแค่ไหน หัวข้อ: Re: ‘ชูวิทย์’แฉผ่านภาคนิพนธ์ กองทุนหมู่บ้าน ‘แม้ว’เน่า ผลักผู้หญิงขายตัว! เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 16-08-2008, 18:33 ก็อย่างที่บอกในกระทู้ก่อนหน้าว่าแกเองงานเก่าแกมาทำปริญญานิพนแน่ๆ :slime_bigsmile:
หัวข้อ: Re: ชูวิทย์แฉผ่านภาคนิพนธ์ กองทุนหมู่บ้าน แม้วเน่า ผลักผู้หญิงขายตัว! เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 16-08-2008, 22:20 ก็อย่างที่บอกในกระทู้ก่อนหน้าว่าแกเองงานเก่าแกมาทำปริญญานิพนแน่ๆ :slime_bigsmile: อืม..แต่ก็ดีนะ ตีแผ่ประจานให้เห็นถึงความล้มเหลวของนโยบายประชานิยม ที่สาวกทักษิณชื่นชมและเชิดชูบูชา ก็บอกแล้ว..กู้กองทุนไปใช้ พอไม่มีเงินชำระหนี้ก็ต้องกู้หมุนไปเวียนมา สุดท้ายก็ต้องไปก้มกราบ "นายทุน" ที่ชาวบ้านร้านช่องเคยร้องเรียนกล่าวหาว่า "เป็นผู้มีอิทธิพล" เพราะหวังว่ารัฐบาลทักษิณจะช่วยปลดเปลื้องหนี้สินให้ โดยที่ตัวเองไม่ต้องนำเงินไปใช้คืนแม้แต่สตางค์แดงเดียว สุดท้ายแล้วเป็นไง "นายทุนเงินกู้ - ผู้มีอิทธิพล" ก็ยังคงอยู่ แถมยังคงปล่อยเงินกู้ให้ชาวบ้านได้แบบสบายใจ พ่วงด้วยดอกเบี้ยมหาโหดร้อยละ 20 - 25 บาท/เดือน ทีนี้ชาวบ้านกล้าบ่น กล้าร้องเรียนอีกไหม ไม่มีใครกล้า..เพราะขืนร้องเรียนอีกมีหวังบ้านช่อง ห้องหอ เรือนชาน ที่ดิน ที่ดอน ถูกยึดเรียบวุธ เพราะเอาไปค้ำประกันไว้หมดแล้ว สรุปผลถึงได้ออกมาอย่างที่ "มหาบัณฑิตสุวิทย์" ทำภาคนิพนธ์ ใครมีลูกสาวก็ต้องให้ไปขายตัวเอาเงินมาใช้หนี้ ส่วนใครมีลูกชายก็ให้ไปรับจ้างชนิดตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน๊อต เพื่อหาเงินมาใช้หนี้อีกเหมือนกัน บางคนหาทางออกไม่ได้ ก็ค้ายาบ้ามันซะเลย.. เวรกรรมคนชนบทไทยจริง ๆ ให้ดิ้นตายซิเอ้า.. :slime_worship: :slime_worship: :slime_worship: |