ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ข้ออ้าง "ปีมหามงคล" ดูเหมือนว่าจะเป็นกลยุทธที่ทางไทยรักไทยคิดว่า น่าจะสยบความเคลื่อนไหวของบรรดาฝ่ายตรงข้ามที่ไม่พอใจรัฐบาล ซึ่งนับวันยิ่งเกิดความรุนแรงทางความคิดที่แตกแยกจากพรรคไทยรักไทยขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งหลายคนคาดการณ์ว่าการเมืองจะกลับมารุนรง หลังจากงานพระราชพิธีเสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เริ่มจากตอนบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในทำนองขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ พร้อมทั้งเน้นย้ำคำพูดออกไปในทำนองว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดี หวังว่าจะนำมาซึ่งความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อบ้านเมืองจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข และพระเจ้าอยู่หัวจะได้ทรงสบายพระราชหฤทัย"

เมื่อผู้สื่อข่าวพูดถึงการน้อมรับกระแสพระราชดำรัส พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า "ทุกคนก็ต้องปล่อยวาง และนึกถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และไม่เอาชนะคะคานกัน รักษากติกา เคารพกติกา ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ก็คงไม่มีปัญหา หากยังไม่เคารพกติกาก็ลำบาก อยากให้ทุกฝ่ายหันมาเคารพกติกา"

นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกมาให้ความเห็นแกมขอร้องแล้ว ยังมีการรับลูกมาจนถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ ซึ่งก็ได้พูดเชิงดักคอทำนองว่า ในช่วงเวลานี้ทุกฝ่ายต้องน้อมรับกระแสะพระราชดำรัส และต้องทำงานให้ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ

"เราคงได้เห็นแล้วว่าหากประเทศเรามีความสามัคคี มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเมืองตามกระแสพระราชดำรัส ก็จะเป็นทางออกของประเทศอย่างแท้จริง วันนี้นักการเมืองทุกคนควรจะคิดถึงพระเจ้าอยู่หัว และประเทศให้มากๆ แล้วหันหน้าเข้าหากัน"

"ถ้านักการเมืองทะเลาะเบาะแว้งกันหรือโต้แย้งกันก็จะนำไปสู่ความแตกแยกที่เราไม่อยากเห็น ซึ่งตนเชื่อว่านักการเมืองของพรรคไทยรักไทยและพรรคอื่นก็น่าจะเห็นตรงกัน คิดว่าในสัปดาห์นี้ที่พระราชอาคันตุกะได้เสด็จฯกลับแล้วน่าจะเป็นช่วงที่การเมืองและนักการเมืองน่าจะหันหน้าเข้าหากัน"

นอกจากนี้ ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ว่า "การชุมนุมช่วงนี้อาจจะไม่เหมาะสมนัก ทุกฝ่ายควรนั่งคุยกัน การเอามวลชนมาชนกัน ตนไม่เห็นด้วย อีกทั้งปีนี้เป็นปีมหามงคล ไม่ควรจะทำอย่างยิ่งไม่ว่าฝ่ายไหน"

นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ "โปรเจ็กต์ปรองดรองต้านม็อบไล่ทักษิณ" โดยใช้ "ปีมหามงคล" เป็นเครื่องมือในการสร้างความสมานฉันท์ พร้อมๆ กับปิดปากประชาชนและฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ไม่ให้มีความคิดเห็นและความเคลื่อนไหวขัดแย้ง ที่อาจจะนำไปสู่ความไม่สงบในบ้านเมือง

ขณะนี้ โปรเจ็กต์ปรองดรองกำลังขับเคลื่อน ด้วยการสั่งบรรดาลูกหาบ ส.ส.ของพรรค ไม่ให้มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทางการเมือง แต่ไม่รู้ว่าบรรดาทีมโฆษกฝีปากกล้าอย่าง "จตุพร-ศิธา" จะยอมสงบปากสงบคำหรือไม่? ที่แน่ๆ ส.ส.ฝีปากดีที่กล้าต่อกรกับศาล อย่าง "โสภณ เพชรสว่าง" เริ่มเสียงอ่อย และยอมรับกับตัวเองว่า "ผมเป็นเพียง ส.ส. เป็นเพียงตัวเบี้ยเท่านั้น"

คาดว่าคุณโสภณคงถูกตำหนิจากกระแสภายในพรรค ว่าใช้แบรนด์ของพรรคมาต่อกรกับศาล ... คิดไปคิดมา ไทยรักไทย พ่อทุกสถาบันจริงๆ แฮะ

ทีนี้ ลองถามความเห็นของทุกท่านหน่อยว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่พรรคไทยรักไทยออกมาบอกให้ปล่อยวาง โดยที่ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ บรรดารัฐบาล และลูกพรรคไทยรักไทย ยังคาใจกับฝ่ายต่อต้านจนหลายฝ่ายยังไม่วางมือ

หรือจะใช้คำว่า "ปีมหามงคล" เป็นเกราะกำบังพรรค ไปพร้อมๆ กับปิดปากผู้อื่นกันแน่?

ลูกพี่เหลี่ยม น่ะแหละ
ปล่อยวางก่อน ถอยไปห่างๆ อำนาจบารมี น่ะ ถ้าตัวเองดีจริงคงได้กลับมา
ให้ ผู้หลักผู้ใหญ่ ปฎิรูปการเมือง วางกฎกติกากันใหม่ แล้วค่อยเข้ามา

เมื่อไหร่ จะเลิกตีความเข้าข้างตัวเองวะทีว้า...เหลี่ยมจัด

รู้จักหาโอกาสในวิกฤติ

ยอดเยี่ยมไม่มีใครเกิน

แต่...

เขารู้ทางกันหมดแล้ว  8)

เห็นด้วยกับคุณ นทธ์ค่ะ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอม

ไทยรักไทย พ่อทุกสถาบัน

คิดได้ไงคะ เยี่ยมจริงๆ ต้องเอาไปพ่นไว้ข้างรั้วสังกะสี ให้หมาฉี่รด อิอิ

ตอนนี้ไทยรักไทยกำลังยุ่งค่ะ เพราะต้องดักคนของตัวเอง  บัดนี้หายหน้ากันไปหมดแล้ว  เหลือแต่พวกไม่มีทางไป นอกนั้นปิดบ้านเงียบ ไม่ออกมาช่วยพรรคเลย

หมากำลังจะตาย เห็บหมัดสละเรือค่ะ

งันเหลียมกเลิกทำตัว เป-รด มังได้เปล่าละแล้วบอกสุนัขที่เลียงไว้ด้วยว่าหยุดเห่าสักที่ลำคาญ

อิอิ งั้นฝ่ายต่อต้านทักษิณก็ต้องใช้เหตุผลว่า
"เนื่องในปีมหามงคลนี้ เราจึงเห็นพ้องกันว่า เราจะไม่ยอมให้ตัวโสโครกทางการเมือง
ได้ดำรงค์ตำแหน่งต่อไป ให้เป็นกาลกิณีแก่บ้านเมือง และด้วยเหตุผลดังกล่าว พวกเรา
จะปัดกวาดสิ่งสกปรกโสโครกในการเมืองเหล่านั้น เพื่อประเทศชาติและ............."

ทุกเม็ดทุกโอกาสอยู่แล้ว สำหรับพี่เหลี่ยม.........

ทักษิณ ชินวัตร บอกว่าเชื่อฟังพระราชดำรัส แล้วพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2548 ทักษิณ ชินวัตรและพวกยังจดจำได้หรือไม่ :?: ขออัญเชิญมาบางส่วน

เมื่อก่อน ก่อนจะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นคิง ก็เสียใจหลายครั้ง แต่ตอนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วเป็นคิง คิงแบบไทยๆ ฝรั่งบอกเป็นเดอะคิง เข้าใจว่าน้อยครั้งที่ทำผิด เพราะระวัง ถ้าไม่ระวัง ป่านนี้ตายแล้ว ลำบาก ต้องระวัง ไม่ระวังก็ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เรียกว่าการเมือง หรือการอยู่ในสายตาของคน สายตาคนฆ่าได้ถ้าเราไม่ระวัง เราตาย ก็เลยถึงบอกได้ว่าทำไมการที่บอกว่า The King can do no wrong เพราะต้อง can do no wrong

ทุกคนก็มีฐานะอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเดอะคิงเก่ง แต่ทุกคนก็มีส่วนเก่ง เพราะมีตำแหน่งรับ รับตำแหน่งสูง ได้รับเหรียญตรา และคนชี้คนๆ นี้สูงมาก มียศศักดิ์ เดอะคิงเป็นยศศักดิ์สูง แต่คนที่อยู่ในที่นี้ ยศศักดิ์ทั้งนั้น ไม่ระวังตัวก็ตายเหมือนกัน ถ้าไม่ระวัง ไม่ใช่คนที่นึกว่า คนนั้นเขาต้องตายแน่ เพราะไม่ระวัง ทุกคนตั้งแต่แถวแรกจนถึงแถวสุดท้าย จนหลังแถว จนถึงข้างนอก ทุกคนถ้าไม่ระวังก็มีอันตราย

ที่พูดอย่างนี้อาจแปลกๆ หน่อย นี่ก็หาว่าแช่ง จริงๆ ไม่แช่ง สงสาร เพราะถ้าไม่ระวัง เมืองไทยตาย

............

"ในเมืองไทยนี่ คนไหนที่ทำอะไรไม่เข้าร่องเข้ารอยก็ลาออก ลาออกแล้วไม่มีอะไรผิดเลย แม้จะทำอะไรผิดอย่างมากๆ

ถ้าเป็นข้าราชการ ก็เรียกเข้ากระทรวง เข้ากรุงเทพฯ แล้วก็หมดเรื่อง นานๆ ทีมีเข้าคุก"

http://www.kanchanapisek.or.th/speeches/2005/1204.th.html (http://www.kanchanapisek.or.th/speeches/2005/1204.th.html)

องค์เหนือหัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ชาวไทยไว้ในหลายๆวโรกาส ไม่ใช่แค่ในวโรกาสปีมหามงคลเท่านั้น และไม่ได้หมายความว่าพระราชทานแล้วก็แล้วกันไป เพราะพระบรมราโชวาททันสมัยตลอด ทุกคนนำมาใช้ได้เสมอ ถามว่า ทักษิณ ชินวัตรและตลอดจนจอมสอพลอรายรอบสำเหนียกบ้างหรือเปล่า :?: