ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

สุดท้ายเหตุการณ์จะเป็นยังไงน่าติดตามอยู่ไม่ใช่น้อย

คนไทยถูกพวกตำรวจมันกลั่นแกล้งมาเป็นศตวรรษแล้ว
มันกดขี่รีดไถข่มขู่คุกคามมานานแล้ว
ทำไงดี  จะล้างโ ค ต ร ตำรวจกันเหอะ

สนธิ สู้ ๆๆๆๆๆๆ 

 :slime_evil: :slime_evil:

จงรัก  กับนายหญ่ายยยยยยยย  มันรับใช้กันมานานแล้ว  ก่อนปฏิวัติ ก็จะปราบปราม สนธิ

http://www.bangkokbiznews.com/2008/07/23/

พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ สั่งตำรวจทุกพื้นที่ รายงานผลคดีฆ่าตัดตอน หากพบมีตำรวจเอี่ยว ต้องดำเนินการทันที

( 3 เม.ย.50 ) พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบติดตามการดำเนินคดีฆาตกรรม อันเนื่องมาจากสงครามปราบปรามยาเสพติด กล่าวภายหลังประชุมนัดแรก ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น การประกาศสงครามยาเสพติดรอบแรก ตั้งระหว่างวันที่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.2546 มีคดีเกิดขึ้น 1,164 คดี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,322 คน

ส่วนการประกาศสงครามยาเสพติด ช่วงที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-30 พ.ย. 2546 อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยให้ตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นำสำนวนคดีที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ช่วงมาตรวจสอบย้อนหลัง ว่า คดีใดต้องสงสัยเป็นการฆ่าตัดตอนบ้าง เป็นการกระทำของผู้ใด ดำเนินการไปมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากพบพยานหลักฐาน ระบุว่า เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ใช่การป้องกันตนเองจากการขัดขืนต่อสู้จากคนร้าย จะต้องถูกดำเนินคดีโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ พล.ต.ท.จงรัก กล่าวด้วยว่า ได้กำหนดกรอบเวลาให้คณะทำงานไปตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน และรายงานผลให้ทราบในการประชุมครั้งต่อไป ช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

http://www.oknation.net/blog/Anti-Corruption/2007/08/10/entry-2

แฉ จงรัก  เลือกปฏิบัติ  ตามลิงค์ไปอ่านฉบับเต็มได้  ตัดตอนมาให้เห็นว่า มันเลือกปฏิบัติ

เหตุใด พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ จึงไม่จับกุมตัวผู้ต้องหา (พ.ต.อ.ชาญชัย) ทันที หรืออย่างน้อยก็ไม่ควรจะต้องทอดเวลาให้ผู้ต้องหาถึง 6 วันในการเข้ามอบตัว โดยไม่มีเหตุผลฟังขึ้นว่า “เป็นวิธีการปฏิบัติตามปกติของพนักงานสอบสวน” ในคดีอื้อฉาวเยี่ยงนี้ 

เหตุใด พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ จึงไม่ขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาอีกคน (นายพินิจ) พร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่มีมูลฐานความผิดเกี่ยวเนื่องในคดีเดียวกัน โดยไม่มีเหตุผลฟังขึ้นเช่นกันว่า “ต้องฟังผลการสอบสวนจากทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของศาลฎีกา” เนื่องจากคณะกรรมการฯ สรุปผลการสอบสวนต่อประธานฎีกาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2550 แล้วว่า “กรณีมีมูล” อันนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ส่วนความผิดอาญาเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน

มิพักต้องกล่าวถึงความเคลือบแคลงของสังคมว่า เหตุใดจึงดูเหมือนว่าพนักงานสอบสวนเจตนาจะ “ตัดตอน - ปิดคดี” โดยไม่พยายามที่จะขยายผลสาวถึงตัวผู้มีส่วนร่วมกระทำผิดที่อยู่เบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง

อืม

ง่ายไปไหมค่ะ

ประชาชนเป็นหัวหลักหัวตอหรอกตะเหลี่ยม

ฝันหรอ ?   ตื่นหรือยังเอ่ย ?

...อ้ายหน้าเหลี่ยม มันยังละเมออยู่จร้า..คนสวย :slime_smile: