ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งตำรวจขอหมายจับจากศาล ในข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากกการนำคำพูดของ ดา ตอปิโด ไปเผยแพร่ กำลังจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่สำคัญ

ขณะนี้เกมส์ของฝ่ายสาธารณรัฐ ต้องการความวุ่นวาย นองเลือด จนควบคุมไม่ได้ นายสนธิ พลาดเดินไปเข้าทาง จึงถูกกระทำเพื่อยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

การคุมขังนายสนธิ จะต้องกระทำโดยศาล ซึ่งหากเรื่องเดินไปถึงจุดนั้น การกดดันต่อศาลคือความพ่ายแพ้ของพันธมิตรในทันที

หากต้องเสียหมากไปหนึ่งตัวบนกระดาน ต้องอย่าให้หมากทั้งหมดเสียไป อย่าทำให้หมากที่เราเล่นเป็นหมากรุก ที่เสียขุนแล้วคือแพ้ แต่เราต้องทำหมากของเราให้เป็นหมากฮอร์ส ที่เสียเบี้ยไปหนึ่งตัว ก็เข้าฮอร์สสร้างหมากตัวใหม่มาต่อสู้ได้อีก

ระวัง การใช้กำลังจะนำไปสู้ความพ่ายแพ้ โปรดมองอีกมุมหนึ่ง นายสนธินำกลุ่มพันธมิตรมานานแล้ว อาจจะถึงเวลาเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ขึ้นมาเล่นเกมส์ หากใจเย็น รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

แพ้ หรือ ชนะ เหลือเวลาเล่นอีกไม่นานแล้ว อย่าให้ทัพแตกเพราะเรื่องนี้นะคะ  :slime_v:

ยังไงก็ไม่เหมือนหมากรุก จะเหมือนเกมโกะมากกว่า อาจจะมีการยอมให้กินในตอนแรก

แต่ตอนสุดท้ายก็จะสามารถยึดพื้นที่ได้ทั้งหมด ไม่ตัองกลัวกันไปจนเกินเหตุครับ

ผู้ประสานพันธมิตรฯ แฉใบสั่งนายใหญ่ จี้ตำรวจเร่งเอาผิด “สนธิ ลิ้มทองกุล” ระบุมุ่งเล่นงานใช้เหตุ “ดา ตอร์ปิโด” อ้างความชอบธรรมเอาผิด พร้อมตุกติกคัดค้านการประกันตัว หวังเชือดแกนนำพันธมิตรฯ
           
       วันนี้ (24 ก.ค.) เวลา 00.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยโดยตั้งข้อสงสัยกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯว่า การออกหมายจับมีนัยสำคัญ เพราะทันที่ศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยกโขยงมานั่งแถลงข่าว ประหนึ่งเป็นชัยชนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่สามารถดำเนินคดีต่อนายสนธิได้
       
       นายสุริยะใส กล่าวว่า ถ้อยแถลงที่ออกมาจากปากของ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุจะใช้มาตรฐานเดียวกับ น.ส.ดารณี เชิงชาญศิลปกุล หรือ “ดา ตอร์ปิโด'” สมาชิก นปก.เป็นสิ่งที่พันธมิตรฯ ยอมรับไม่ได้ ตำรวจต้องใช้ดุลพินิจอยู่บนความเที่ยงธรรม ไม่เลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งตามหลักกฎหมายยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์
       
       “ถ้อยแถลงดังกล่าวระบุชัดเจนว่า ตำรวจไม่สนใจมูลเหตุและพฤติการณ์แห่งคดี โดยเฉพาะที่มาที่ไประหว่างคำพูดของนายสนธิ กับดา ตอร์ปิโด จึงไม่แปลกที่ตำรวจไปยื่นขอหมายจับต่อศาล โดยที่พันธมิตรฯ ไม่ทราบ ซึ่งหากรู้ล่วงหน้าก็มีสิทธิคัดค้านการออกหมายจับ สามารถทำความเห็นชี้แจงต่อศาลว่า คำขอหมายจับจากตำรวจไม่ชอบอย่างไร แต่การดำเนินการของ สตช.เป็นไปแบบลุกลี้ลุกลน รวบรัดตัดตอน ประหนึ่งว่าเวลาเชือดนายสนธิมาถึงแล้ว” ผู้ประสานพันธมิตรฯ กล่าว
       
       ทั้งนี้ นายสุริยะใส ตั้งข้อสงสัยอีกว่า พล.ต.อ.จงรัก อยู่เบื้องหลังกรณีนี้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งกรณีเปิดลำโพงโต้ตอบพันธมิตรฯ หรือการดำเนินการออกแบบให้ผู้ปกครองของนักเรียน รวมทั้งคนของพรรคพลังประชาชน ร้องต่อศาลแพ่ง เป็นเพราะถูกวางตัวจากนายใหญ่ให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ จึงจำเป็นที่จะต้องลงมาบัญชาการด้วยตัวเอง ทั้งที่ความจริงตามหน้าที่สายงานไม่เกี่ยวข้องกันเลย หากไม่เป็นความจริงขอให้ออกมาชี้แจง เพราะข้อมูลที่ได้มาเหล่านี้ มาจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง
       
       ขณะเดียวกัน นายสุริยะใสได้ย้ำเจตนารมณ์ของการเปิดโปงบันทึกการปราศรัยของ ดา ตอร์ปิโด นายสนธิ ระบุชัดเจนว่า ไม่สามารถเปิดซีดีได้ เพราะอาจผิดกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าไม่มีลักษณะของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เป็นการสรุปให้ตำรวจรีบดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้คดีอาญาของนายจักรภพ เพ็ญแข ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใดๆ
       
       นายสุริยะใส ระบุว่า แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ เกือบ 10 ฉบับ ระบุชัดเจนว่า ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น เมื่อดูเจตนาแล้วไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะไม่ให้ประกันตัว ส่วนกรณีที่ตำรวจมุ่งเล่นงาน ดา ตอร์ปิโด นั้น ตนไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะถือกรณีอ้างความชอบธรรมในการจับนายสนธิ และค้านการประกันตัวหรือไม่ นอกจากนี้ กรณีนี้ ดา ตอร์ปิโด ไม่ได้ดำเนินการเพียงคนเดียว ตำรวจจะสอบสวนและขยายความด้วยหรือไม่ เพราะมีวิทยุชุมชนคลื่นหนึ่งได้นำมาออกอากาศด้วย
       
       นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า ประชาชนที่มาชุมนุมจะเห็นว่า ทั้ง 5 แกนนำทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตรงข้ามกับรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี ที่ออกมาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ดำเนินการใดๆ อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ทางพันธมิตรฯ จะต้องระวังมากขึ้น แต่ยังยืนยันเรื่องการปกป้องสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นจุดก่อตัวของพันธมิตรฯ
       
       นอกจากนี้ นายสุริยะใส ยังเห็นว่า คดีหมิ่นควรเป็นคดีความที่จะต้องไปกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามกับพันธมิตรฯ เพราะด้วยพฤติการณ์ของพันธมิตรฯ ไม่มีข้อคลางแคลงใจแม้แต่น้อยว่า มีความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดขนาดใด ไม่ต้องไปเท้าความชัดเจน พันธมิตรฯ ไม่สามารถตอบได้ว่า ตำรวจเลือกปฏิบัติหรือไม่ ที่สำคัญยังเชื่อว่า ดา ตอร์ปิโด ไม่ได้ดำเนินการเพียงลำพังคนเดียว เพราะในระหว่างขึ้นปราศรัย หากมีการพูดในทำนองไม่ดี ประชาชนที่มานั่งการชุมนุมต้องโห่ร้องขับไล่ลงจากเวทีแล้ว กลับกันได้ไชโยโห่ร้อง แสดงถึงความซะใจ ไม่มีใครห้ามปรามให้หยุดพูด ที่สำคัญมีการขยายความในเครือข่าย ดังนั้น พันธมิตรฯ จะเตรียมเข้าแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีภายในสัปดาห์นี้ต่อไป

สนธิได้รับการประกันตัวไปแล้ว

แบบนี้อัศวินก็โดนเด้งสิ โทษฐานไม่สนองใบสั่งทางการเมือง

 :slime_bigsmile: