หัวข้อ: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 22-07-2008, 16:35 ทางเลือกของสังคมกำลังถูกบีบรัดให้คนในสังคมต้องเลือกข้างมากขึ้นเรื่อยๆ และพัมนาการที่คนจำพวกหนึ่งในสังคมกำลังจุดพลุอยู่ก็คือ..."เอา หรือ ไม่เอาในหลวง"
ผมจำได้ว่า ได้เขียนกระทู้เรื่อง กองเชียร์ทักษิณ กับ คนเกลียดเจ้า คนสองสายพันธุ์ที่มาผสมพันธุ์กันได้อย่างกลมกลืน เมื่อไม่นานมานี้เอง ซึ่งหลายคนในห้องนี้คงจะจำกันได้นะครับ และวันนี้ พัฒนาการของมันก็กำลังรุดหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว จากวีระ มุสิกพงศ์ สู่ โชติศักดิ์ ไม่ยืนไม่ผิด สู่ จักรภพ some loyalty และล่าสุด ดา ตอปิโด เหมือนไม้ผลัดที่รับส่งกันเป็นทอดๆ เอาไม้แรกก่อนนะครับ.. วีระ กับก้าวย่างที่พลาดไปโดยการเลินเล่อ เพราะเกิดในช่วงที่กำลังหาเสียงกับชาวบ้าน แต่ดันไปเปรียบเทียบตนเองกับความเป็นอยู่ของราชวงศ์เข้า เชื่อว่า ครานั้นเป็นความพลั้งพลาดไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่การติดคุกครั้งนั้นก็จุดประกายไม่ยอมรับขึ้นมาในใจ แผลเป็นที่บาดลึกนี้เยียวยาไม่ได้เลยในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ตีตราเอาแล้วว่า ผิดพลาดเพียงครั้ง ไม่มีสิทธิ์ให้อภัย อาชีพนักการเมืองของวีระถูกตัดตอนไปก่อนกำหนดอายุขัย ลงที่ไหนก็ไม่ได้รับเลือก เพราะตราบาปที่ฝ่ายตรงข้ามยกขึ้นมาอ้าง เป็นรัฐมนตรีไม่ได้ ไม่รู้ว่า ชาวบ้านจะเลือกไปทำหอกพระแสงอะไร แก่ปูนนี้ ประสบการณ์ทางการเมืองปานนี้อย่างเก่งยังเป็นได้แค่ ส.ส. คงไม่ใช่ความบังเอิญหรอกที่วีระต้องหันไปซบอกทักษิณ เพราะมีแต่ทักษิณเท่านั้นที่ยอมให้โอกาสในการกลับมา เพราะขั้วการเมืองอีกขั้วหนึ่ง ตัดสายสัมพันธ์กับวีระแบบไม่มีเยื่อใยใดๆ ให้เลย ไม่ว่าวีระจะยอมสยบนบนอบอย่างใดก็แล้วแต่ แต่ในสำนักนี้ ไม่เคยคืนโอกาสให้ "ศิษย์ทรยศ" คนใดเลย ไม้ต่อมา..โชติศักดิ์ ไม่ยืนไม่ผิด ที่มันผิด เพราะ คนอื่นๆ ดันยืน ไงล่ะครับ :slime_smile2: โชติศักดิ์เองก็รู้มานานแล้วว่า ทำเช่นนี้บ่อยๆ สักวันต้องเจอดีแน่ แต่เขาก็ยังทำ นอกจากตนเองทำแล้ว ยังสอนคนอื่นๆ ให้ทำตามอย่างด้วย จึงไม่ใช่โชติศักดิ์คนเดียวที่ไม่ยืน แต่ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นเพื่อนคิดของโชติศักดิ์ คนจำนวนนี้มีมากพอที่จะทำเสื้อ "ไม่ยืนไม่ผิด" ในแบบเดียวกันออกมาใส่ จำนวนสั่งสกรีนต้องว่ากันเป็นหลัก 100 ขึ้นไปครับ ไม่งั้นไม่คุ้มค่าจ้างสกรีน และคนจำนวนนี้ก็มีมากพอ และมีบารมีพอที่จะใส่เสื้อไปออกรายการในสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลได้ คำถามคือ โชติรู้ว่าผิด สักวันเจอคุก ทำไมยังกล้าทำ :slime_whistle: ก็ถ้าไม่ทำในช่วงนี้ ช่วงที่สมัคร นอมินีทักษิณเป็นนายกอยู่ จะให้ทำช่วง คมช.เรืองอำนาจหรือไร โธ่..ถามได้ :slime_hitted: และก็ได้ผลในระดับหนึ่ง คือ สังคมหันมาให้ความสนใจ (จากเดิมที่ไม่กล้าสนใจ) แต่นายกสมัครกลับไม่ให้ความสำคัญ(ตามแผนที่คาดไว้เปี๊ยบ) คดียังไม่ตัดสิน วันนี้ยังไม่ติดคุก ถ้าทักษิณได้กลับมาเรืองอำนาจ เรื่องนี้อาจมีพลิก แล้วทำไมจึงจะไม่ทำล่ะครับ ในเมื่อ เป็นความใฝ่ฝันที่จะสู้กับระบอบเก่าแก่มานานแล้วน่ะ ในอดีตเคยเคลื่อนไหวอยู่ฝ่ายไหนไม่สำคัญหรอกครับ เพราะ คมช.ทำให้คนเปลี่ยนได้ทันใจ เพราะคมช.มาจากสายอำนาจเก่าอุปถัมภ์ (ใครๆ ก็รู้) ถ้าทักษิณอยุ่ตรงข้ามกับอำนาจเก่าอุปถัมภ์ ก็ถือเป็นพวกเดียวกันได้แล้ว ไม่เชื่อถาม..หมอเหวงดูได้ครับ จาก "ท้าก..ก ษิณ..ออกไป" หมอเหวงยังทำให้กลายเป็น "รักทักษิณเพราะทักษิณรักประชาธิปไตย" ได้เลย :slime_smile2: ทั้งโชติ และเหวง แสดงให้เห็นว่า..ทักษิณไม่ใช่ตัวแปรให้ตนเองเลือกฝ่าย ใจอาจไม่ได้ชอบทักษิณก็ได้ เช่นเดียวกับ นักวิชาการ "หัวโต" แห่งค่าย 6 ตค. แต่ทักษิณเป็นตัวช่วยทำให้ "งานของพวกเขาง่ายขึ้น" หากมีทักษิณเป็นสะพานเชื่อม ไม้ที่สาม..อีเพ็ญพลีร่าง เดิมทีไม่ใช่เป็นคนแอนตี้สถาบันหรอกครับ มาเปลี่ยนพฤติกรรมเอาตอน คมช.เหมือนกัน นัยว่า รับไม่ได้ที่เห็นนายโดนรังแก คนอื่นๆ ในพรรคเขาออกอาการพอท้วมๆ แบบเดินสายกลาง เหยียบสองแง่สองง่ามเอาไว้ เผื่อการเมืองพลิก แต่อีเพ็ญพลีร่างแบบนางโลมในเพลงๆ หนึ่งเลยครับ เรียกว่า กินใจนายใหญ่ นายหญิงสุดๆ โดยเฉพาะเป็นคนภาษาที่สองดีกว่า วีระ ณัฐวุฒิ เหวง จรัล และตุ๊ดตู่ เลยได้ไปออกเวทีระดับชาติบ่อยครั้งกว่า เลยซวย (แทนเพื่อนๆ) ไปเลย :slime_v: จักรภพพยายามแก้ตัวว่า การบรรยายให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเป็นแง่วิชาการ แต่ Thaksin has some loyalty อธิบายความหมายของเนื้อหาที่กล่าวมาในเบื้องต้นของจักรภพไปทั้งหมด และเป็นการตอกย้ำให้สังคมรู้ความในใจของทักษิณ ที่แม้แต่ทักษิณยังไม่กล้าเปิดเผย แต่อีเพ็ญได้พลีชีพให้ท่านในวันนั้นเรียบร้อยแล้ว การที่จักรภพได้เป็น รัฐมนตรี ก็มิใช่เพราะนายสมัครเห็นฝีมือ แต่เป็นเพราะมือที่มองไม่เห็นส่งโพยมาให้สมัคร จึงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่า จักรภพและทักษิณ มีความเห็นพ้องต้องกันว่า การเคลื่อนไหวโจมตีพลเอกเปรม โจมตีสถาบัน โจมตีระบบอุปถัมภเก่าแก่ของสังคมไทย นั้นเป็นสิ่งที่ชอบแล้ว และควรดำเนินการต่อไป ไม้ล่าสุด แต่ไม่ใช่ไม้สุดท้ายแน่นอน (Last but not least :slime_v:) ดา..ตอปิโด(บก) สาวฮาร์ดคอร์ของกลุ่ม นปก. และคนวันเสาร์ ที่เรียกร้อง "คุก..คุก..คุก" แทนเสียงของชะนีมาหลายเพลาแล้ว :slime_bigsmile: วันที่ขึ้นเวที ดาใส่แบบหมดแม็ก กะว่า หากคราวนี้ยังไม่ถูกจับอีก คราวหน้าจะเป็นชะนีซะทีแล้ว ได้ผลแฮะ.. เรียกว่า กลุ่มแนวร่วมต้องเลือกข้างกันแล้วว่า จะให้ดาตายเดี่ยว หรือ พวกเราตายพร้อมๆ กัน แนวร่วมที่รับไม่ได้ก็ต้องเดินหนีออกไป คนที่ยังอยู่ก็ชัดเจนว่า ถ้ายังรักทักษิณก็ต้องไม่เอาระบบเจ้า ถ้ากรณีของดา ตอปิโดยังไม่ชัดเจนพอ จะมีไม้ต่อๆ ไปออกมาบีบให้คนรักทักษิณต้องเลือกแน่นอนครับ คอยดูต่อไป ทุกกรณีที่ถูกส่งไปติดคุก (ในกรณีศาลพิพากษาแล้ว) จะเรียกมวลชนคนเกลียดเจ้าได้เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง ด้วยการเพิ่มข้อหาให้กับสถาบันเก่าแก่ว่า ทำให้คนดีๆ (ที่รักทักษิณ) เหล่านี้ติดคุก หลังจากได้กระทำการ ล้มล้างระบอบทักษิณมาก่อนหน้านี้แล้ว คุณจะเชื่อผมไหมว่า ตอนนี้ คนที่ต้องคดีหลายคนอยากให้พิพากษาโทษจำคุกกับตนเอง เพราะคำพิพากษาจะเป็นใบเบิกทางให้ขบวนการล้มเจ้า เอาทักษิณคืนมา ประสบความสำเร็จ ดังนั้น..ถ้าคุณเป็นกองเชียร์ทักษิณต้องหันมาเกลียดระบบอุปถัมภ์ เกลียดเจ้าด้วยกัน ไม่เช่นนั้น ก็ไสหัวไปอยู่กับอีกขั้วหนึ่งได้เลย นี่จะเป็นทางเลือกให้คนรักทักษิณต้องตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต.."จะเอาทักษิณหรือเอาในหลวง" เอาอาวุธที่ฝ่ายโน้นจะมอมเมาประชาชนโดยจะบอกว่า.. "ถ้าเลือกทักษิณ เขาจะมาโปรยเงินโปรยทองให้ท่าน ปลดหนี้ให้ท่านถึงถิ่น แต่ถ้าเลือกในหลวง พวกท่านสัมผัสได้แต่ในรายการเฉลิมพระเกียรติ" สงครามครั้งนี้ ดูเหมือนฝ่ายทักษิณจงใจเพลี่ยงพล้ำนะครับ ไม่ใช่ติดบ่วงโดยประมาทอย่างที่หลายคนเข้าใจ เหมือนการเล่นหมากรุกชั้นเซียน ที่ยอมเสียเบี้ยเพื่อแลกกับเรือไงครับ ไม่เชื่อ ไปดูตามเว็บบอร์ดที่ "หมิ่น" เป็นประจำดูสิครับ จะพบว่ามีเสียงเชียร์เจ๊ดา มากกว่าเสียงด่าแล้ว และคนเหล่านี้จะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการจับกุมดา และจำคุกดาเกิดขึ้น ขั้นต่อไปของการเดินหมากของขบวนการล้มเจ้าจะเป็นอย่างไร น่าติดตามยิ่ง โดยเฉพาะเป้าหมายของพวกนี้ กำหนดให้จบลงเมื่อ..สิ้นรัชกาลนี้เท่านั้น ............................................................. บทความนี้..สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามนำไปเผยแพร่ที่อื่น แก้ไขและดัดแปลงใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ :slime_surrender: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 22-07-2008, 17:37 ส่วนตัวผมคิดว่า กรณี ดา ตอปิโด คือการหลุดออกมาเองนะครับ
ถ้าเป็นการวางแผนมา ก็น่าจะถือว่าดำเนินข้ามขั้นตอน สถานการณ์ในตอนนี้ถ้าไล่จี้ อดีตนายกฯทักษิณ รัฐบาลสมัคร พรรคพลังประชาชน ไปจนถึง แนวร่วม นปก. ผมคิดว่าไม่มีใคร กล้าประกาศยืนข้าง ดา ตอปิโด สักคนเดียว ส่วนแผนการณ์คิดร้ายสถาบันในอนาคตนั้น ผมเชื่อว่ามีอยู่แน่นอน และผมคิดว่าควรให้คนไทยทั้งหลายได้รู้ถึงการมีอยู่ของขบวนการ ล้มล้างสถาบันฯ พวกนี้ ตามแผนแล้วความสัมพันธ์ของขบวนการนี้ กับเครือข่ายทักษิณ คงจะค่อยๆ เปิดเผยออกมา แต่ไม่น่าจะเปิดเผยกันในระยะเวลานี้ เพราะการทำอะไรในรัชกาลปัจจุบัน คงสุ่มเสี่ยงมากเกินไป ยืนยันว่ามีการปล่อยข่าวโจมตีสถาบันฯ ต่อชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา ค่อยๆ เลี้ยงกระแสโจมตีไปเรื่อยๆ เพราะยังทำอะไรไม่ได้ พวกนี้ทำกันเป็นขบวนการจริงๆ แต่ยังไม่กล้าเผยตัวหัวหน้าใหญ่ กลัวเสียด้วยซ้ำที่จะถูกเปิดโปงก่อนเวลาที่มั่นใจ กรณี ดา ตอปิโด น่าจะเป็นรายการ ผิดคิว นะครับ :slime_smile: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 22-07-2008, 17:45 ปรากฏการณ์นี้ ผมมองว่าเป็นการเปิดตัวขบวนการล้มเจ้าที่ชัดเจนที่สุด นับตั้งแต่สมัย 6 ตค.
พวกที่ยืนอยู่ในมุมมืดพวกนี้ เริ่มออกสู่แสงสว่าง แต่ความเห็นผมว่า ไม่มีทางจุดติด เว้นเสียแต่ กลุ่มนักวิชาการแนวคิดแอนตี้ราชวงศ์และผู้นำความคิดทางสังคม จะออกมาคอยจุดพลุกับเขาด้วย แต่บอกตรงๆ ผมไม่เห็นว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้จุดกระแสติด และผมไม่เชื่อว่า การขังคุกดาหน้าอึ จะเป็นการ ตายหนึ่งเกิดสิบ แต่อย่างใด นอกจากคำพิพากษาจับไอ้เหลี่ยมติดคุกคนเดียวเท่านั้น ที่อาจทำให้เกิดการเลือกอย่างที่คุณ bonny ว่าไว้ แต่มองๆหัวกันดูแล้ว ทั้งชาวเมืองทั้งชาวบ้าน ไม่มีทางที่จะถือหางขบวนการนี้แน่ๆ ขอเพื่มเติมอีกหน่อยว่า การ เอา/ไม่เอา ทักษิณ ไม่น่าจะมาเชื่อมโยงตามหัวข้อกระทู้ได้ครับ เพราะมันจะจบแค่ทักษิณติดคุก และจะ "กรูจะเอาอย่างไรต่อกันดี" มากกว่า และข้อสำคัญที่สุดคือ คนไทยส่วนใหญ่มาก รักในหลวง ครับ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 22-07-2008, 17:53 ตายหนึ่งเกิดสิบ แต่อีกฝั่งมาทีเดียวเป็นล้าน อีกสิบถ้าเกิดจริงก็ตายยกรังอยู่ดี แพ้แหงๆ ผมว่าดาผิดคิว ไม่เชื่อถามมังกือดำได้ :lol: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 22-07-2008, 17:56 ก็มีทางเป็นไปได้ที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
เพราะจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่จะสามารถทำได้ งานนี้อาจจะเป็นการทุ่มสุดตัว ถึงขนาด ชนะเป็นเจ้า พ่ายแพ้เป็นโจร และได้มีการเตรียมระดมมวลชนมาที่สนามหลวงในวันที่ 28 กค. ซึ่งเป้นวันที่ฝรั่งเศสบุกคุกเซบาสตินในเหตูการณ์ปฎิวัติฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นไม่ควรประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป เตรียมพร้อมรับมือไว้ก็ไม่เสียหลาย ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงก็ดีไป ถ้ามี ก็จะได้รับสถานการณ์ได้ในทันที หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 22-07-2008, 17:58 เรียนคุณ บอนนี่
กรุณา พิจารณาในบรรทัดสุดท้ายว่าเปลี่ยนหรือตัดออกได้ไหม ตั้งแต่คำว่า โดยเฉพาะ จนจบ ผมไม่ค่อยสบายใจกับส่วนนี้น่ะครับ ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: boyk ที่ 22-07-2008, 17:59 น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน...
อย่าได้มองข้ามคนกลุ่มนี้เป็นอันขาด ในขณะเดียวกัน สถาบันก็ควรมีพัฒนาการเท่าทันการเปลี่ยนแปลง โดยปรับปรุงสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นจุดที่อาจเพลี่ยงพล้ำและถูกโจมตีได้เสมอ เช่น กรณีสำนักงานทรัพย์สิน เป็นต้น หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 22-07-2008, 18:00 การบังคับให้เลือกข้างนั้น ได้เห็นกันบ่อยๆ ทั้งในการต่อสู้ทางการเมือง การทำธุรกิจ และอีกหลายวงการ แต่ถ้าพูดถึงความรักแล้ว มีคำสอนกันว่า อย่าบังคับให้เลือกข้าง :slime_doubt:
ถามผู้ชายว่า จะเลือกแม่หรือเมีย คำตอบนั้นส่วนหนึ่งอยู่ที่คนถามว่าเป้นใคร แต่มีมากรายที่ได้รับคำตอบแล้วหงายหลัง เพราะคนถูกบังคับให้เลือก มักจะเลือกตรงกันข้ามกับฝ่ายที่บังคับ :slime_smile2: ถ้าวันนี้ฝ่ายสาธารณรัฐแบไต๋ออกมาตรงๆ ว่าจะเลือกราชวงศ์หรือเลือกสาธารณรัฐ รับรองได้ว่า ฝ่ายสาธารณรัฐหงายท้อง และจะหมดรูปไปในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งฝ่ายสาธารณรัฐเองก็รู้ แผนการของพวกนั้นจึงต้องรอเวลาให้มีการเปลี่ยนแปลงตามกฏอนิจจัง แล้วค่อยดูสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นว่า จะสามารถบังคับให้เลือกข้างได้หรือไม่ :slime_whistle: แต่ภาษิตท่านบอกว่า กว่าถั่วจะสุก งาก็ใหม้ เวลาและวารีไม่เคยที่จะคอยใคร น้ำขึ้นให้รีบตัก แต่เวลานี้น้ำมันลงเอาๆ จะไม่ตักก็ไม่ได้ อีหลักอีเหลื่อเป็นยิ่งนัก :slime_bigsmile: เส้นตายที่รัดคอเข้ามา เวลาเหลือไม่มาก หลังพิงฝา หมาจนตรอก ทั้งกัดทั้งเห่าทั้งหอน แต่ก็มีวี่แววว่าจะเอาตัวรอดไปไม่ได้ ฟันธง ชี้ขาด วันพิพากษาคดี มีคนหนีไปเขมร :slime_v: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: simona ที่ 22-07-2008, 18:07 สิ่งที่ถือว่าเป็นความผิดพลาดในฝั่งของดา ตอร์ปิโดก็คือ ทำให้ม็อบพันธมิตรสามารถสร้างน้ำหนักในเรื่องฝั่งตรงข้ามพยายามล้มสถาบันสูงสุดโดยอาศัยคำปราศัยในวันที่ 18 กรกฏาคม
คุณสนธิให้สัมภาษณ์เรื่องเสื้อเหลือง-ฝ่ายรักสถาบัน และ เสื้อแดง-ฝ่ายตรงกันข้าม แม้ว่าจะมีความเห็นในเว็บพันทิพอ้างในฐานะส่วนหนึ่งของนปก.ว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของดา ตอร์ปิโด แต่คาดว่าคงมีผลกระทบน้อยกับคนรับสารส่วนใหญ่ ทิศทางของกลุ่มพันธมิตรต่อจากนี้ก็คงชัดเจนว่าดำรงอยู่เพื่อปกป้องสถาบันฯ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: bgn ที่ 22-07-2008, 18:11 ผมยังคงคิดเหมือนเดิมว่า พวกนี้เปิดตัวแบบชัดเจนเมื่อไหร่ 14 ล้านที่เลือก พปช จะหันมากระทืบพวกมันทันที :slime_sentimental:
สมัยก่อนแรงกว่านี่ เพียงแต่ว่าการสื่อสารไม่รวดเร็วเท่านั้นเอง หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: Puggi ที่ 22-07-2008, 18:29 สำหรับผม เห็นด้วยส่วนนึงกับบทความนี้ และไม่เห็นด้วยบางส่วน
แต่โดยส่วนตัว เชื่อว่าขบวนการ นี้มีจริง และ เริ่มชัดเจน ขึ้นเรื่อยๆ แต่ กรณี ดา ตอปิโด คาดว่าคงมันปากไป จุดที่พวกนี้ หวังให้แตกหัก ก็คงเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ไปสู่ รัชกาลใหม่ มากกว่าครับ ซึ่งจะเพราะอะไร เราก็คงรู้กันอยู่ในใจครับ แต่สำหรับในหลวงองค์ปัจจุบัน ท่านประเสริฐที่สุด ครับ คงพูดแค่นี้แหละครับ เรื่องนี้พูดมากก้ไม่ดี หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: mr.g ที่ 22-07-2008, 18:29 ชื่อกระทู้แรงไปครับ ผมเกรงว่า จะมีคนนำไปใช้ ซึ่งต่อไปมันจะทำให้กระทบกระเทือนความรู้สึกคนมากขึ้น
จะให้เบาลงมาหน่อย ควรใช้ว่า เอา/ไม่เอาสถาบันกษัตริย์ ดีกว่าครับ ส่วนตัวแล้ว จงรักภักดีต่อในหลวง และก็เชื่อว่า ส่วนมาก รักและเคารพในหลวงทั้งนั้น หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: 1ktip ที่ 22-07-2008, 18:31 ฝั่งพันธแม้ว ผมว่ามันผสมกันหลายกลุ่มอยู่นา พยายามหลอกใช้กันเอง ปลุกปั่นแนวร่วมให้เชื่อตาม มีทั้ง
1. เชือว่ามีผู้ทรงบารมีอยู่เบื้องหลัง พล.อ.เปรม 2. พล.อ.เปรม คือตัวร้าย 3. ทักษิณคือตัวร้าย (แต่ตูก็จะเอา) กลุ่ม 1 น่าจะมีน้อยที่สุด ตามด้วยกลุ่ม 3 และ 2 หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าเข้ม ที่ 22-07-2008, 18:37 เห็นด้วยกับคุณบอนนี้ครับ ตอนนี้มีการสร้างกระแส ให้ความรู้สึกศักดินานี้เหมือนเป็นการเอาเปรียบ
หรือเป็นสิ่งไม่เท่าเทียมกันเยอะมาก ตั้งแต่เรื่องไอ้คนไม่ยืนเคารพเพลง พยายามจะออกสื่อ เป็นวิธีการทำที่แนบเนียน ซึ่งไม่ว่าจะเอาผิดหรือไม่ ก็เป็นผลเสียทั้งสิ้น การเอาผิด ก็จะโจมตีชี้ไปถึงว่าแค่ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ถึงกับทำกันขนาดนี้ ต้องฟ้องร้องดำเนินคดีเลย ทำกันเกินไปรึเปล่า ครั้นไม่ดำเนินคดี คนกลุ่มนี้ก็เหิมทำในสิ่งที่มันรุนแรงยิ่งกว่าได้ ตอนนี้เหมือนว่าจะทำอะไร ก็เป็นสิ่งที่มีผลกระทบไปสู่สถาบันอันเป็นที่เคารพของเราทั้งสิ้น เหมือนก้อนหินตกลงน้ำและกระจายออกวงกว้าง แต่ก็เห็นด้วยเช่นกัน ที่ว่าไม่ได้หวังผลกับในหลวง แต่หวังผลในอนาคตมากกว่า หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: skl98 ที่ 22-07-2008, 18:41 เห็นด้วยกับคุณบอนนี่น่ะ แต่อยากให้พิจารณาหัวกระทู้ด้วย นปก.เปรียบเทียบเรายังไม่ชอบ
โปรดพิจารณาด้วยครับ ขอร้อง หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: login not found ที่ 22-07-2008, 18:47 สิ่งที่ถือว่าเป็นความผิดพลาดในฝั่งของดา ตอร์ปิโดก็คือ ทำให้ม็อบพันธมิตรสามารถสร้างน้ำหนักในเรื่องฝั่งตรงข้ามพยายามล้มสถาบันสูงสุดโดยอาศัยคำปราศัยในวันที่ 18 กรกฏาคม คุณสนธิให้สัมภาษณ์เรื่องเสื้อเหลือง-ฝ่ายรักสถาบัน และ เสื้อแดง-ฝ่ายตรงกันข้าม แม้ว่าจะมีความเห็นในเว็บพันทิพอ้างในฐานะส่วนหนึ่งของนปก.ว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของดา ตอร์ปิโด แต่คาดว่าคงมีผลกระทบน้อยกับคนรับสารส่วนใหญ่ ทิศทางของกลุ่มพันธมิตรต่อจากนี้ก็คงชัดเจนว่าดำรงอยู่เพื่อปกป้องสถาบันฯ อ้างว่าไม่เห็นด้วย แต่แต่เห็นขึ้นพูดก็หลายรอบไม่มีการห้ามปราม หนำซ้ำเห็นคนเฮตามก็ยิ่งปลุกเร้าเสียด้วย และก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะจักรภพ จะหมอแหวง ตุ๊ดตู่ ฯลฯ ที่เคยขึ้นเวที ก็ล้วนแต่พูดทำนองนี้มาแล้วทั้งนั้น หรือจะบอกว่า นปก.ไม่มีส่วนรู้เห็นในการบุกบ้านป๋า ดูเหตุแล้ว อ้างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: บักหัวเถิก ที่ 22-07-2008, 18:54 มาเลยจะสู้จนตายเลยละพวกนี้
หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 22-07-2008, 18:57 * ไม่ใช่ >: " กำลังจะเป็น " เอา / ไม่เอา ในหลวง :< แต่มีการพยายามให้เป็น " ไม่เอา " มานานแหล้ว
ถ้าตัด วีระ ออกไป .... เจ๊เพ็ญ โชติศักดิ์ ยัยดา คนกลุ่มนี้ฝักใฝ่ในเรื่องการล้มเจ้าในระยะเวลาคาบเกี่ยวกัน มีการพูดคุยในเรื่องสถาบัน .... ตั้งแต่เริ่มมีราชวงศ์จักรี ในทางลบ จากคนกลุ่มนี้มาระยะหนึ่งล้ว เพียงแต่ .... แต่ละคนแสดงออกกันต่างวาระกันเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย ที่ผ่านมาเรื่องของ สถาบัน ถูกเอามากระแนะกระแหนเป็นระยะ ๆ แต่อยู่ในลักษณะของ การเขียนในบอร์ด หรือ การพูดคุยจากปากสู่ปาก มากกว่าแสดงออกในลักษณะของการกระทำที่ชัดเจน .... อย่าง 3 คนนั้นที่มาจากฝ่าย รักทักษิณ ทำ เป็นที่น่าแปลกใจอย่างหนึ่งว่า .... ทำไมคนรักทักษิณถึงไม่ยอมรับสถาบัน ??? ( หมายถึงคนส่วนหนึ่งนะคะ ) ที่สงสัยเพราะเรื่องสถาบันจะถูกยิบยกมาพูดคุยควบคู่กะเรื่อง แม้ว ตลอด !!! ส่วนกรณีของ ดา ตอปิโด นั้นไม่คิดว่าเป็นการวางหมากหรอกค่ะ .... แต่เป็นเพราะ มันส์ปาก มากกว่า ก่อนที่จะถูกจับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ยัยดา ด่าองคมนตรี .... เพียงแต่ครั้งนี้ลามปามไปถึงพระเจ้าแผ่นดินก็เลยถูกจับ ก็ดีค่ะ .... เชือดไก่ให้ลิงดูเป็นตัวอย่าง จะได้รู้จักใช้สมองแยกแยะกันมั่งว่า ลีมิดของความพอดี คือ อะไร หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: นพดวยขายชาติ ที่ 22-07-2008, 19:11 เห็นหัวขัอกระทุ้แล้ว ไม่สบายใจเลยค่ะ เปลี่ยนหรือลบออกได้ปะคะ :slime_worship:
หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 22-07-2008, 19:12 พวกเราคงต้องยอมรับความจริงบางอย่าง ที่ว่าในสมัยสิบ ยี่สิบปีก่อน ไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น (แม้แต่คิดก็ยังไม่กล้า) แต่เดี่ยวนี้สังคมไทยกำลังเปลี่ยนไปครับ
ผมมองว่ากระแสวัตถุนิยม+โลกกาภิวัฒน์ ได้มอมเมาและกัดกร่อนสังคมของเราไปมากเหลือเกิน คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางกระแสวัตถุนิยม การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทำให้หลายคนมองข้ามคุณค่าของจริยธรรม รวมถึงความรักชาติ และความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดของชาติ การศึกษาเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ ถ้าคุณมีลูกลองเอาตำราสังคม+ประวัติศาสตร์ของลูกมาดูสิครับ จะเห็นว่าแตกต่างจากสมัยที่เราเรียนมาก สมัยนี้ไม่มีการปลูกฝังการรักชาติและความภูมิใจในชาติให้กับเด็กเลย การเรียนเกี่ยวกับสถาบันสูงสุดก็เพียงแต่ให้เด็กรับรู้ถึงสถาบันสูงสุดในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของรัฐ แต่ไม่ได้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจและคุณงามความดีของพระองค์ อีกทั้งไม่ได้ปลูกฝังความจงรักภักดีให้เด็กเลย วิชาศาสนาก็เป็นเหมือนการท่องจำแบบนกแก้ว ไม่ได้ปลูกฝังให้เด็กมีจริยธรรมแต่อย่างใด สิ่งที่คุณ bonny เสนออาจจะไม่เกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ แต่ถ้าเรายังปล่อยให้สังคมเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อีกสิบปี ยี่สิบปี จะเกิดอะไรขึ้น... หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: H-edge ที่ 22-07-2008, 20:13 สมัยนี้พวกทรราชย์ มันคิดจะทำไรกัน มันแยบยลสะยิ่งกว่า สามก๊ก ดูอย่างแค่เรื่องแถลงการณ์ร่วม
เขาพระวิหาร ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ UNESCO ระบุวันที่ผิดมาให้จดหมาย มีหรือคนไทยจะรู้เรื่อง แถลงการณ์ร่วมอีกฉบับที่เซ็นต์ในวันที่ 22 พ.ค. เพราะพระสยามเทวาธิราชช่วยชาติแท้ๆ ทำให้คนชั่วทำงานยากขึ้น :slime_worship: ในยุคสมัยที่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เราก็อย่าไว้ใจไอ้พวกนี้ ไม่ว่ามันจะทำวิธีการใดๆ แยบยลขนาดไหน เราทุกคนมีหน้าที่ สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง แต่จะด้วยวิธีใดก็ต้องมาสุมหัวช่วยกันคิด แต่ถ้าจะ เฉพาะแค่พวกเรากลุ่มเท่านี้ ช่วยกันสุมหัวยังไงก็คงจะเกิดยาก ต้องให้ผู้มีอำนาจบ้านเมื่องช่วยกัน ถึงจะดี * ไม่ใช่ >: " กำลังจะเป็น " เอา / ไม่เอา ในหลวง :< แต่มีการพยายามให้เป็น " ไม่เอา " มานานแหล้ว .................. เชือดไก่ให้ลิงดูเป็นตัวอย่าง จะได้รู้จักใช้สมองแยกแยะกันมั่งว่า ลีมิดของความพอดี คือ อะไร เชีอดไก่ให้ลิงดูก็ดีนะคะ แต่จะให้พวกนี้รู้แค่ลิมิดของความพอดี ไม่มีทางแน่ๆ เพราะมันฝังหัว ไม่รู้ดีรู้ชั่ว ถ้ามันไม่ชอบ สังคมแบบนี้ ก็เนรเทศให้มันไปอยู่อูกันดา สะเลย มันจะได้สำนึกว่า ประเทศไทยนั้นน่าอยู่กว่าหลายเท่า อ่านกระทู้นี้แล้วหดหู่ อยากให้ประเทศไทยเหมือนกับเมื่อก่อน ที่รายการทีวี เช้ามา ก็มีเพลงปลุกใจ หัวค่ำก็มีเพลง ปลุกใจ เผื่อว่าคนไทยสมัยนี้จะได้มีความรู้สึกรักชาติขึ้นมาบ้าง เป็นไปได้ไหมที่ประเทศไทยจะปิดประเทศเหมือนพม่า แต่อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมี พระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุข เผื่อว่าไอ้กระแสโลกาภิวัฒิ + ทุนนิยมสามานย์ มันจะทำอะไรประเทศไทยไม่ได้ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 22-07-2008, 20:14 ผมเห็นด้วย ว่ามีกระบวนการนี้ (ยึดแบบอุดมการณ์ เพราะ นักวิชาการ บางกลุ่ม เช่น อ.มธ.บางคนเป็น Think Tank) ส่วนโชติศักดิ์ หรือ ฟ้าเดียวกัน เป็นยอดของภูเขาน้ำแข็ง ทักษิณก็น่าจะฉวยแนวร่วมพวกนี้ (E-pen น่าจะเป็นตัวเชื่อมของทักษิณและกลุ่มนี้ จากที่ฟังที่ E-penพูดที่ USA) และเห็นด้วยกับคุณจี ว่า ในรัชกาลนี้ กระบวนการนี้ ไม่มีโมเมนตัม เพียงพอแน่นอน (เพราะพระองค์ท่าน มีบารมี (บุญที่กระทำได้ยากยิ่ง มาจากทศบารมี) มากเหลือเกิน) ผมพูดแบบวิเคราะห์นะครับ(ไม่ได้เลือดสีน้ำเงินแบบนายก) ท่านทำประโยชน์ต่อชาติมากมายจริงๆ ผมเชื่อว่าประชาชนไทยส่วนใหญ่ รักและปกป้องท่าน หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 24-07-2008, 09:39 สวัสดีครับทุกคน..
ผมหายไปหนึ่งวันเต็ม เพราะเน็ตมีปัญหา ส่งข้อความไม่ได้ มาตอบเช้านี้ กับประเด็นนี้ ถือว่า..ไม่สายเกิน ขอตอบความเห็นต่างๆ นะครับ.. คุณ jerasak..คุณpuggi..คุณsee_you ดา คะนองปากไปหน่อย? สำหรับผม คิดว่า ไม่เชิงนัก แม้ไม่มีสคริปท์เขียนให้อ่าน แต่มีสคริปท์เขียนให้เดิน ทุกอย่างเป็นไปตามสเต็ปที่ขบวนการวางแนวทางเอาไว้ เจ๊ดาอาจใส่ผงชูรสมากไปหน่อย แต่ก็เป็นพัฒนาการหนึ่งที่ขบวนการต้องการให้เดิน ตอนนี้สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว คือ เรื่องราวไม่จางหายไปจากข่าวหน้าหนึ่ง แต่อาจผิดโผนิดหน่อยที่เจ๊ดาไม่ได้ประกันในทันที แต่เชื่อเหอะ..ไม่นานนักก็จะได้รับการประกันตัวออกมาครับ ตำรวจต้องทำเรื่องนี้ให้เนียนจึงต้องคัดค้านไว้ก่อน สิ่งที่ถือว่าเป็นความผิดพลาดในฝั่งของดา ตอร์ปิโดก็คือ ทำให้ม็อบพันธมิตรสามารถสร้างน้ำหนักในเรื่องฝั่งตรงข้ามพยายามล้มสถาบันสูงสุดโดยอาศัยคำปราศัยในวันที่ 18 กรกฏาคม คุณสนธิให้สัมภาษณ์เรื่องเสื้อเหลือง-ฝ่ายรักสถาบัน และ เสื้อแดง-ฝ่ายตรงกันข้าม แม้ว่าจะมีความเห็นในเว็บพันทิพอ้างในฐานะส่วนหนึ่งของนปก.ว่าไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของดา ตอร์ปิโด แต่คาดว่าคงมีผลกระทบน้อยกับคนรับสารส่วนใหญ่ ทิศทางของกลุ่มพันธมิตรต่อจากนี้ก็คงชัดเจนว่าดำรงอยู่เพื่อปกป้องสถาบันฯ ที่คะนองปากไปหน่อย กลายเป็นสนธิ ลิ้ม มากกว่า :slime_dizzy: จะอ้างว่า เพื่อปกป้องสถาบันอย่างใดก็สุดแท้แต่ แต่เอาคำพูดของอาดมาป่าวประกาศต่อสาธารณะ ผิดแน่นอน แต่โทษทัณฑ์ไม่น่าจะหนักเท่าดา งง..เหมือนกัน เป็นถึงแกนนำที่มีโอกาสโค่นล้มรัฐบาลได้อยู่รอมร่อ ไหงสะดุดขาตัวเองล้มหัวฟาดพื้น เฮ้อ.. :slime_shy: .................. คุณskl98..คุณวช...คุณmoon.. หัวกระทู้แรงไปหน่อย อยากให้ลบ/ปรับปรุง? ขอบคุณครับที่เตือนสติ ผมเชื่อว่า..อีกไม่นานนัก หากขบวนการนี้เติบโตไปอีกสเต็ปสองสเต็ป พวกคุณจะเจอหัวกระทู้จากหลายฝ่ายที่หนักหน่วงกว่านี้มากนัก ที่ผมจั่วจะเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้นเมื่อถึงยามนั้น จริงๆ คำที่ซอฟกว่า น่าจะเป็น เอาหรือไม่เอาระบอบกษัตริย์ แต่ถ้าใช้คำว่า ระบอบกษัตริย์ หลายคนฟังดูอาจคิดว่า ยังห่างไกลตัว เข้าไม่ถึงต่อมสำนึก แต่ถ้าใช้คำว่า ในหลวง มันวิ่งจู๊ดเข้าถึงหัวใจ เกิดปฏิกริยาว่า ยอมไม่ได้แล้ว ซึ่งผมต้องการให้สังคมเกิดสังวรณ์เช่นนั้น เพื่อไม่ให้รู้สึกว่า เรื่องนี้ยังห่างไกล ไม่ต้องนำพาในเวลานี้ก็ได้ เอา/ไม่เอาระบอบกษัตริย์ ในความหมายที่แท้จริง ไม่ต่างจาก เอา/ไม่เอาในหลวงเลยครับ เพราะไม่มีอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ ต้องมีทั้งในหลวง ทั้งระบอบกษัตริย์ คู่กันไป แต่การเล่นคำเท่านั้นทำให้ฟังดูแตกต่าง ........................ คุณนักปฏิวัติ.. ในรัชกาลนี้ กระบวนการนี้ ไม่มีโมเมนตัม เพียงพอแน่นอน (เพราะพระองค์ท่าน มีบารมี (บุญที่กระทำได้ยากยิ่ง มาจากทศบารมี) มากเหลือเกิน? รัชกาลนี้กับรัชกาลหน้า อยู่ไม่ห่างไกลกันนักแล้วครับ ก็อย่างที่จักรภพพูดเอาไว้ตอนหนึ่งว่า.."ทุกท่านจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ในเวลาอันไม่นานจากนี้ไป ในชั่วอายุของพวกท่านนี่ล่ะ" ความหมายของจักรภพกำหนดเป้าหมายที่ไม่ระบุวันเวลา แต่ระบุกาลเวลาใกล้ๆ นี้ไว้ ผมเอาความเห็นของคุณพรรณชมพูมาตอบคุณได้ว่า.."ถ้าวันนี้ฝ่ายสาธารณรัฐแบไต๋ออกมาตรงๆ ว่าจะเลือกราชวงศ์หรือเลือกสาธารณรัฐ รับรองได้ว่า ฝ่ายสาธารณรัฐหงายท้อง และจะหมดรูปไปในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งฝ่ายสาธารณรัฐเองก็รู้ แผนการของพวกนั้นจึงต้องรอเวลาให้มีการเปลี่ยนแปลงตามกฏอนิจจัง แล้วค่อยดูสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นว่า จะสามารถบังคับให้เลือกข้างได้หรือไม่" หากจะรอให้ถึงคราเปลี่ยนผ่านแล้วจึงลงมือรณรงค์ มันช้าเกินไปครับ ต้องสร้างรากฐานให้แกร่งกล้าเสียแต่ตอนนี้ และช่วงเวลานี้ ผมเห็นว่า พวกเขาคิดว่า เหมาะที่สุดในการค่อยๆ รุกคืบ ...................................... ก่อนจบความเห็นนี้ ผมอยากให้ศึกษา เนปาลโมเดล นะครับ อ้างถึง ชาวเนปาลเดินขบวนหนุนยกเลิกระบอบกษัตริย์ โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 ตุลาคม 2550 12:53 น. ชาวเนปาลที่สนับสนุนกลุ่มกบฏลัทธิเหมาราว 5,000 คน เดินขบวนประท้วงไปตามท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุ เรียกร้องให้ยกเลิกการปกครองในระบอบกษัตริย์ที่มีมานานนับศตวรรษ และให้หันสู่การเป็นสาธารณรัฐ เนื่องจากกษัตริย์องค์ปัจจุบันได้เสื่อมความนิยมจากสาเหตุการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์องค์ก่อน คาดว่าอีกไม่นานจะถูกนำเข้าถกเถียงในรัฐสภา ตอนนั้นเริ่มแค่ 5000 เท่านั้นนะครับ จำนวนแค่นี้ ทุกพรรคการเมืองระดมได้ไม่ยาก เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 1 ปีล่วงหน้า อ้างถึง เมษายน 16, 2008, 12:20:51 AM -------------------------------------------------------------------------------- :)ตะลึงเลือกตั้งเนปาล อดีตกลุ่มกบฎลัทธิเหมามีคะแนนนำเหนือคู่แข่ง ด้านหัวหน้าพรรคปลื้ม พร้อมเตือนกษัตริย์คเยนทราอย่าฝืนกระแสฉันทามติปชช. ควรก้าวลงจากอำนาจดีกว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ว่า การเลือกตั้งประวัติศาสตร์ของเนปาลเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จากการนับคะแนนล่าสุดที่ผ่านไป 1 ใน 3 พบว่า พรรคลัทธิเหมาได้ที่นั่งในสภา 114 ที่นั่ง จากทั้งหมด 601 นำพรรคการเมืองอื่น ๆ ซึ่งได้ราว 34 ที่นั่ง สเต็ปต่อมา ชนะเลือกตั้งท่วมท้น และจบด้วย..การล้มระบอบกษัตริย์ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และการยอมรับจากสังคมโลกได้ โดยไม่ต้องทำสงคราม :slime_worship: อ้างถึง เอเอฟพีรายงานผ่านผู้จัดการว่าเนปาลกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ด้วยการที่สภานิติบัญญัติชุดใหม่ซึ่งพวกอดีตกบฎลัทธิเหมาเป็นผู้ครองเสียงมากที่สุดลงมติล้มเลิกสถาบันกษัตริย์ของราชอาณาจักรเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ที่ดำรงยืนยาวมา 240 ปี และประกาศให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐ การรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงกาฐมาณฑุอยู่ในสภาพเข้มงวดมาก โดยมีตำรวจกว่า 1,500 คนรายล้อมศูนย์การประชุม ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมของสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ อันคาดหมายกันว่าวาระแรกๆ ที่จะพิจารณากันคือ การปลดกษัตริย์คยาเนนทรา ซึ่งไม่เป็นที่นิยมของประชาชน ขั้นตอนพิธีการต่างๆ ได้กำหนดกันไว้ว่าจะเริ่มต้นในเวลา 11.00 น. (ตรงกับ 12.45 น.เวลาเมืองไทย) ทว่าโฆษกของกลุ่มลัทธิเหมาผู้หนึ่งแจ้งว่า พรรคของเขายังคงเจรจาอยู่กับ กิริจา ปราสาด โคอิราลา นายกรัฐมนตรีอาวุโสของประเทศ และการหารือไม่มีทีท่าคืบหน้า การประชุมสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องเลื่อนออกไปก่อน จนกว่าพวกเขาจะทำความตกลงกันได้ อนันตา รองผู้บัญชาการกองทัพปลดแอกประชาชนของกลุ่มลัทธิเหมา กล่าวกับผู้สื่อข่าว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า บรรดาพรรคการเมืองของประเทศยังมีความคิดเห็นแตกแยกกันอยู่ในเรื่องใครควรขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ การประชุมสมัชชาร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นการเติมเต็มกระบวนการสันติภาพ ซึ่งได้ทำให้พวกลัทธิเหมายอมออกมาจากเขตเคลื่อนไหวต่อสู้ด้วยอาวุธตามป่าเขาในปี 2006 และเข้าสู่การต่อสู้ทางการเมืองกระแสหลัก กรุงกาฐมาณฑุอยู่ในภาวะตึงเครียดก่อนหน้าเหตุการณ์สำคัญคราวนี้ โดยที่มีการโจมตีด้วยลูกระเบิดขนาดเล็กหลายระลอกในระยะไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางตำรวจแถลงว่า พวกเขาสงสัยว่าพวกนิยมกษัตริย์คือพวกที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีเหล่านี้ ผู้คนหลายร้อยคนพากันละเมิดคำสั่งห้ามการชุมนุม และไปรวมตัวกันที่บริเวณศูนย์การประชุม เพื่อกดดันให้สมัชชายุติรัชสมัยของกษัตริย์คยาเนนทรา ที่ดำเนินมา 7 ปี และเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายนานา ทางด้านสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ อันเป็นองค์กรฝ่ายเยาวชนของกลุ่มลัทธิเหมา ซึ่งเป็นที่หวาดเกรงกันของประชาชน เพราะถูกกล่าวหาว่าทำร้ายและก่อกวนรังควาญพวกปรปักษ์อย่างดุร้าย ก็กำลังวางแผนจัดการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่อยู่เช่นกัน นี่เป็นวันสีทองสำหรับเนปาลและชาวเนปาล มันเป็นการสิ้นสุดของยุคหนึ่ง และการเริ่มต้นของยุคใหม่ เป็นคำพูดของ ซาการ์ หัวหน้าของสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ กลุ่มลัทธิเหมาได้แจ้งต่อกษัตริย์คยาเนนทรา และมกุฏราชกุมาร เจ้าชายปารัส -ผู้ทรงขึ้นชื่อเรื่องใช้ชีวิตส่วนพระองค์แบบเพลย์บอย ให้ทรงยอมออกจากอำนาจอย่างมีเกียรติ มิฉะนั้นก็จะพบกับ การลงโทษอย่างรุนแรง โฆษกของกลุ่มลัทธิเหมา กฤษณะ บาฮาดูร์ มหารา แถลงว่า กษัตริย์ทรงมีเวลา 7 ถึง 15 วันที่จะต้องออกจากพระราชวังหลวงไป กษัตริย์คยาเนนทราทรงขึ้นครองราชสมบัติ ภายหลังเกิดกรณีโศกนาฎกรรมในปี 2001 เมื่อกษัตริย์พิเรนทรา พระบรมเชษฐาของพระองค์ซึ่งเป็นพระราชาธิบดีที่ประชาชนเคารพรักยิ่ง ได้ทรงถูกสังหารในพระราชวังหลวง พร้อมกับสมาชิกพระราชวงศ์แทบทั้งหมด โดยที่องค์มกุฏราชกุมารซึ่งทรงถูกกล่าวโทษว่าทรงกระทำการคราวนี้ขณะทรงมึนเมาทั้งด้วยฤทธิ์น้ำจัณฑ์และยาเสพติด ก็ได้ทรงปลงพระชนม์พระองค์เองไปด้วย อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมากยังคงสงสัยไม่รู้หายว่ากษัตริย์พระองค์ใหม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโศกนาฎกรรมในวังหลวงคราวนั้น ที่มา : ผู้จัดการ เขาเรียกว่า เป็นวัน สีทองผ่องอำไพ ซะด้วยเมื่อสามารถล้มระบอบกษัตริย์ได้ :slime_shy: ก่อนหน้านี้ ลัทธิเหมาเป็นใคร? ไมใช่กบฎหรือ? ไม่ใช่กลุ่มคนหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายที่ไม่ต้องการระบอบกษัตริย์หรอกหรือ? (ช่างละม้ายกับ ลัทธิทักษิโณมิกส์ และลัทธิล้มเจ้าที่เคยอิงแอบคอมมิวนิสต์เลยนะ) เคยถูกตราหน้าว่า พวกนี้คือ องค์กรเถื่อน นอกกฎหมาย แต่ในที่สุด รัฐบาลก็ยอมรับว่า ปราบไม่ได้ก็ให้เขาทำการเมืองแข่งให้ถูกกฎหมายซะ ลืมไปว่า..ถ้าเมื่อใด พวกนี้ชนะการเลือกตั้ง สามารถแก้กม.รัฐธรรมนูญได้ (เหมือนของเราเปี๊ยบ) ก็สามารถแก้ไขระบอบการปกครองได้เช่นกัน ตรงนี้ ระบอบกษัตริย์ของเนปาลไม่ได้สร้างเกราะป้องกันเอาไว้(อยางแน่นหนา) เพราะไปเทอำนาจให้กษัตริย์แต่ฝ่ายเดียวมาตลอดนั่นเอง เลยคิดว่า อำนาจสุดท้ายในการยับยั้ง ก็จะเป็นอำนาจของพระองค์ สุดท้ายอำนาจเบ็ดเสร็จที่อยู่ในมือของพระองค์ แต่ทรงเลือก "ถอย" ทุกอย่างก็เอวัง ผมมีบทความดีๆ มรให้อ่านต่ออีกย่อหน้านะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ.. อ้างถึง ค ว า ม ขั ด แ ย้ ง ใ น ป ร ะ เ ท ศ เ น ป า ล ในปี ค.ศ. 1763 ( พ.ศ. 2512 ) ผู้ปกครองเผ่ากูรข่าชื่อ ปฤฐวี นารายณ์ ชาห์ (Prithvi Narayan Shah) มีชัยชนะต่อราชวงศ์มัลละอย่างเด็ดขาดในบริเวณที่เรียกว่า หุบเขาแห่งกาฏมัณฑุ แล้วจึงตั้งราชวงศ์ชาห์ (Shah Dynasty) ขึ้นปกครองเนปาล โดยมีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่กาฎมัณฑุ ราชวงศ์มีทายาทที่เข้มแข็งจึงสามารถรวบรวมและขยายอาณาเขตจนเป็นประเทศเนปาลที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ในระหว่างปี ค.ศ. 1791 1792 (พ.ศ. 2334 2335) เนปาลประสบความสำเร็จในการขยายอาณาเขตขึ้นไปทางทิศเหนือ โดยได้รุกรานทิเบต เป็นเหตุให้จีนโกรธแค้น จึงส่งกองทัพเข้าโจมตีขับไล่เนปาลจนต้องถอยร่น กลับไปดินแดนของตน ใน ค.ศ.1814 ( พ.ศ.2357 ) เนปาลได้ขยายจักรวรรดิของตนไปถึงแม่น้ำสัตลัช ( Sutlaj ) ทางภาคตะวันตกและดินแดนบางส่วนของที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคาทางด้านทิศใต้ ขณะที่อำนาจของจักรพรรดิโมกุล ( Mogul ) กำลังเสื่อมถอยลง ทว่าความมุ่งหมายในที่ราบนี้นำเนปาลไปสู่การปะทะกับขั้วอำนาจอีกขั้วคือบริษัทบริติชอีสต์อินเดีย ซึ่งต้องการขยายอำนาจทางการเมืองของตนเช่นกัน การเจรจาทางการทูตไม่ประสบความสำเร็จ และตามมาด้วยสงครามในปี ค.ศ.1814-1816 (พ.ศ.2357 - 2359 ) บริษัทบริติชอีสต์อินเดีย ส่งกองทหารสี่กองสู่พื้นที่เขา สองกองแรกเดินทัพล้มเหลว กองที่สามถูกตีถอยร่น ส่วนกองที่สี่สามารถตีกลองทหารเนปาลได้หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือด และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเนปาล หลังจากที่เนปาลยอมแพ้แล้ว จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพที่เซเกาหลี (Segauli) ในปี 1816 (พ.ศ. 2359 ) ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองฝ่าย เนปาลสามารถรักษาเขตแดนของตนไว้ได้ จึงมีผลทำให้นโยบายขยายอาณาเตของเนปาลต้องถูกทำลายลง เนปาลไม่สมารถขยายอาณาเขตออกไปได้อีก แต่อย่างไรก็ดีในปี พ.ศ.2397 -2399 (ค.ศ. 1854 -1856) เนปาลก็ยังทำสงครามขยายดินแดนกับทิเบต และเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ถือว่าเป็นเพียงสงครามเล็กๆ เท่านั้น ส่วนอังกฤษก็เบนเป้าหมายเมืองขึ้นไปที่อื่นและได้พันธมิตรที่ภักดี กองทัพของเนปาลนี้เองที่เป็นแหล่งที่มาของกองทหารกุรข่า (Gurkha) ที่รับใช้กองทัพที่สหราชอาณาจักรอังกฤษมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งเดียวใน สนธิสัญญาสันติภาพ ที่ทำให้เนปาลไม่พอใจก็คือข้อกำหนดให้รัฐบาลเนปาลยอมรับชาวอังกฤษเข้ามาพำนักในกาฐมาณฑุ ชาวเนปาลสู้เพื่อรักษาอธิปไตยของตนมาโดยตลอดและไม่เคยต้อนรับคนแปลกถิ่น เว้นแต่ผู้จาริกแสวงบุญเท่านั้น นักบวชเยซูอิตสองรูปจากยุโรปเดินทางผ่านกาฐมาณฑุอย่างปลอดภัยในปี ค.ศ. 1661 (พ.ศ.2204) ในระหว่างการเดินทางจากจีนไปยังอินเดีย ทว่านักเผยแพร่ศาสนานิกายคาปูชิน (Capuchin) ที่เดินทางตามมา กลับเผชิญกับหายนภัย เมื่อถูกจับได้ว่ามีจุดประสงค์เพื่อมาเปลี่ยนศาสนาผู้คน ย่านคนต่างด้าวอังกฤษถูกกำหนดไว้ในพื้นที่ซึ่งเชื่อว่ามีวิญญาณร้ายสิงอยู่ การเคลื่อนไหวคนต่างด้าวกลุ่มนี้ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด แม้แต่การเดินทางในหุบเขากาฐมาณฑุเองก็ตาม การทำสงครามบ่อยๆ ทำให้การปกครองภายในของหย่อนสมรรถภาพลง มีการชิงอำนาจทางการเมืองภายในระหว่างกษัตริย์กับขุนนางผู้ใหญ่ ตั้งแต่ ค.ศ.1775 ( พ.ศ.2318 ) เป็นต้นมา ต่อมาในปี ค.ศ.1846 (พ.ศ.2389) นายทหารนาม จังก์ บะหะดูร์ รานะ (Jung Bahadur Rana) ฉวยโอกาสวิกฤตการณ์ระหว่างการประชุมในกต ( Kot คลังสรรพาวุธ ) และสังหารหมู่ที่อยู่ในกตทั้งหมด กษัตริย์ทรงได้รับการไว้ชีพ ส่วน จังก์ บะหะดูร์ ขึ้นเสวยอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทั้งกำหนดว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบทอดด้วยการสืบสันติวงศ์ ราชวงศ์ศาห์ยังคงฐานะกษัตริย์ แต่อำนาจที่แท้จริงอยู่ในกำมือของราชวงศ์รานา ราชวงศ์นี้สามารถปกครองเนปาลได้โดยเด็ดขาด และอยู่ใต้การอารักขาของอังกฤษ แต่ถึงแม้ว่าเนปาลให้ความสนับสนุนทางการทหารและส่งทหารเข้ากองทัพอังกฤษและอินเดียไม่น้อย ราชวงศ์รานายังเป็นผู้กุมบังเหียนประเทศ จนถึงช่วงหลังของสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) เมื่ออินเดียได้รับเอกราชใน ค.ศ.1947 ( พ.ศ.2490 ) มีผลทำให้สภาพทางการเมืองของเนปาลเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เพราะตระกูลรานะนั้นต้องอาศัยการสนับสนุนของอังกฤษ ยิ่งกว่านั้นชาวเนปาลจำนวนมาก ได้เข้าร่วมขบวนการชาตินิยม ซึ่งมีการเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศอินเดียวด้วย ซึ่งขบวนการนี้ต้องการล้มระบบการปกครองแบบอัตตาธิปไตยของตระกูลรานะ ในค.ศ.1950 ( พ.ศ.2493 ) เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มที่นิยมกษัตริย์ กับกลุ่มที่ต้องการล้มกษัตริย์ มีผลทำให้กษัตริย์ตรีภูวัน วีรวิกรม ( Tribhuvan Bir Bikram : ครองราชย์ตั้งแต่ ค.ศ.1911-1955 ( พ.ศ.2454-2498 ) ) ได้เสด็จลี้ภัยไปอยู่อินเดีย เมื่อ ค.ศ.1951 ( พ.ศ.2494 ) โดยก่อนหน้านั้นได้เสด็จประพาสอินเดียและยุโรป พระองค์ทรงติดต่อกับกลุ่มหัวก้าวหน้านอกประเทศเนปาล ในเดือนพฤศจิกายนปี 1950 ( พ.ศ.2493 ) พระองค์ทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อนำเอาระบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญกลับมา ระหว่างนั้นรัฐบาลอินเดียได้พยายามไกล่เกลี่ยให้กลุ่มต่างๆเลิกรบกันจนสำเร็จ หลังจากนั้นจึงมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างรัฐมนตรีซึ่งเป็นคนของกษัตริย์กับพรรคเนปาลี คองเกรส (Napalese Congress) กษัตริย์ตรีภูวันจึงเสด็จกลับมาครองราชย์ตามเดิมและเริ่ม การปฏิวัติราชสำนัก ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1951 ( พ.ศ.2494 ) โดยทำการล้มราชวงศ์รานาและทรงกู้บัลลังก์กลับมาสู่ราชวงศ์ศาห์ ในปีต่อมา ค.ศ. 1951 ( พ.ศ. 2494 ) พระองค์ได้ทรงนำการปกครองแบบประชาธิปไตยมาใช้ แต่การปกครองเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก มีการเปลี่ยนรัฐบาลถึง 8 ครั้งในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี ทั้งนี้เพราะขาดกลไกทางการปกครอง ขาดอุปกรณ์ในการขนส่งและคมนาคม ประชาชนขาดสำนึกเรื่องชาติรัฐยังคงภักดีต่อตระกูลขุนนางที่เคยปกครองตามระบบเก่า ฉะนั้นเมื่อกษัตริย์ราชวงศ์รานะนำการพัฒนาทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองมาใช้ จึงไม่ประสบความสำเร็จทั้งยังก่อให้เกิดความแตกร้าวซึ่งยากที่จะประสานได้ ในปี ค.ศ. 1955 ( พ.ศ. 2495 ) กลุ่มชาตินิยมซึ่งนำโดยดอกเตอร์ เค.ไอ.สิงห์ ( Dr.K.L.Singh ) ได้ก่อรัฐประหารขึ้นแต่ไม่สำเร็จจึงต้องลี้ภัยไปอยู่ในทิเบต การเมืองการปกครองสับสนยิ่งขึ้นโดยลำดับ ในปี ค.ศ. 1955 ( พ.ศ. 2498 ) กษัตริย์มเหนทรา ( Mahendra : ขึ้นครองราชย์เมื่อ ค.ศ.1955-1972 ( พ.ศ.2498-2515 ) ) ได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระบิดา พระองค์ทรงแก้ปัญหาความสับสนวุ่นวายทางการเมือง การปกครองด้วยการรวมอำนาจทั้งหมดมาไว้ที่พระองค์ จนกระทั่งปี ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) จึงทรงประกาศใช้รัฐธรรมนูญและจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นในปีเดียวกัน ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคคองเกรสแห่งชาติเนปาล ( Napalese national Congress ) ได้ที่นั่งถึง 74 ที่นั่งจากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 109 ที่นั่ง แต่เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการเลือกตั้งทั่วไปในเนปาลตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) ทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างกษัตริย์กับรัฐบาล เพราะกษัตริย์ต้องการจะมีอำนาจในการปกครอง แต่รัฐบาลซึ่งมาจากพรรคเนปาลีและมาจากการเลือกตั้ง ต้องการที่จะมีอิสระในการบริหารประเทศ แต่พรรคคองเกรสแห่งชาติเนปาลก็ยังประสบความล้มเหลวในการบริหารประเทศ ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1960 (พ.ศ.2503) กษัตริย์มเหนทราจึงทรงปลดคณะรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง และสั่งจับผู้นำของพรรคเนปาลี คองเกรส จากนั้นทรงประกาศเลื่อนการใช้รัฐธรรมนูญออกไปรวมการปกครองมาไว้ที่องค์พระมหากษัตริย์ กษัตริย์มเหนทราทรงปกครองประเทศด้วยพระองค์เอง และทรงรื้อฟื้นการปกครองแบบที่เรียกว่า ปัญจยัต ( เป็นการปกครองแบบสภาหมู่บ้านในอินเดียสมัยโบราณ ) ในเนปาลขึ้นมาใหม่ ต่อมาในปี ค.ศ. 1962 ( พ.ศ. 2505 ) จึงทรงประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ซึ่งจะทำให้โครงสร้างของรัฐบาลมีความมั่นคงยิ่งขึ้น ได้จัดระบบการปกครองขั้นพื้นฐานโดยยึดถือระบบปัญจยัต ( Panchayat ) ซึ่งมีรากฐานมาจากระบบกรรมการหมู่บ้านแบบดั้งเดิมของฮินดู ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกชายห้าคน ( ปัญจะ [ panch ] แปลว่าห้า ) การเลือกตั้งจึงเป็นแบบท้องถิ่น โดยเริ่มตั้งแต่ระดับละแวกบ้าน, หมู่บ้าน, อำเภอ และภาค โดยมีสภาปัญจยัตแห่งชาติ ( National Panchayat assembly ) เป็นผู้อนุมัติกฎหมาย ซึ่งร่างโดยคณะมนตรีแต่งตั้งจากกษัตริย์ หลังจากนั้นจึงให้มีการเลือกตั้งในระดับหมู่บ้านโดยประชาชนเป็นผู้เลือกตั้งโดยตรง เพื่อจัดตั้งสภาหมู่บ้าน หลังจากนั้นสมาชิกสภาหมู่บ้านก็จะเลือกสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาตำบลก็จะเลือกต่อๆกันไปจนถึงขั้นระดับชาติ อันเป็นการเลือกตั้งโดยทางอ้อม ส่วนการเลือกตั้งโดยตรงก็คือ การเลือกสมาชิกสภาหมู่บ้านเท่านั้น สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกยกเลิกไปเมื่อ ค.ศ.1960 ( พ.ศ.2503 ) ได้มีการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่อีกใน ค.ศ.1966 ( พ.ศ.2509 ) กษัตริย์มหินทราสวรรคต เมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ.2515) เจ้าชายพิเรนทรา พีระภีครามชาห์ เทพ ( BIRENDRA BIR BIKRAM SHAH DEV) เสด็จขึ้นครองราชย์แทน และมีการเฉลิมฉลองวันครองราชย์ที่เมืองกาฏมัณฑุ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1975 (พ.ศ.2518) ต่อมากษัตริย์พิเรนทราทรงรวบอำนาจและบริหารด้วยพระองค์เอง โดยไม่ยอมให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตย และปราบปรามพรรคฝ่ายค้านทำให้ประชาชน นักศึกษา นักการเมือง ซึ่งมีแนวความคิดไปทางเสรีนิยมไม่พอใจ กษัตริย์พิเรนทราทรงอ้างว่า การที่พระองค์ปกครองประเทศแบบปัญจยัตนั้น เป็นเพราะเนปาลไม่เหมาะสมที่จะเอาระบอบการปกครองประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาใช้ เพราะประชาชนชาวเนปาลด้อยการศึกษา และยังไม่มีความสำนึกทางการเมือง เพื่อเป็นการผ่อนคลายความกดดันทางการเมือง ใน ค.ศ.1980 ( พ.ศ.2523 ) กษัตริย์พิเรนทราได้ทรงเปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งประเทศได้ไปลงประชามติว่า จะยอมรับการปกครองแบบปัญจยัตต่อไปหรือไม่ ผลของการลงประชามติปรากฏว่า คะแนนของฝ่ายที่เห็นว่าควรปกครองระบอบนี้ต่อไปชนะฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเพียงเล็กน้อย คือร้อยละ 54.79 กับร้อยละ 45.21 ในปัจจุบันฐานะทางการเมืองของเนปาลไม่มั่นคงนัก ประชาชนและนักศึกษาผู้รักเสรีเดินขบวนประท้วงรัฐบาลของกษัตริย์พิเรนทราอยู่เสมอๆ ในบางครั้งถึงกับก่อการจลาจล เช่น เหตุการณ์ใน ค.ศ.1980 ( พ.ศ.2523 ) แต่กษัตริย์พิเรนทราก็ทรงทำการปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก พวกผู้นำฝ่ายค้านหลายคนต้องหลบหนีลี้ภัยไปอยู่ที่อินเดีย ถึงแม้กษัตริย์พิเรนทราจะทรงมีอำนาจและสิทธิ์ขาดในการออกกฎหมาย แต่รัฐบาลของพระองค์ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางการปกครองของเนปาลได้ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดโทรม ปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่ชาวนา เป็นต้น ในที่สุดกษัตริย์พิเรนทราก็ต้องทรงโอนอ่อนต่อเสียงเรียกร้องให้มีประชาธิปไตย ใน ค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) ภายหลังการออกเสียงประชามติของประชาชนแล้ว พระองค์ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีลักษณะเป็นประชาธิปไตย คือ มีสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงระบบพรรคเดี่ยว ทว่ามอบอำนาจให้กับสมัชชา ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ต้องผ่านความเห็นชอบของกษัตริย์ การเดินขบวนประท้วงในเดือนเมษายน 1990 ( พ.ศ.2533 ) ส่งผลให้กษัตริย์ทรงตัดสินพระทัยเปลี่ยนการปกครองเป็นระบบพหุพรรค โดยมีกษัตริย์เป็นประมุขของประเทศภายใต้ศาสนาฮินดูและรัฐธรรมนูญ การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้เนปาลก้าวไปสู่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าในปัจจุบันอำนาจของกษัตริย์ถูกลดทอนลงไปมาก พระองค์ก็ยังทรงมีบทบาทและอิทธิพลทางการเมืองอยู่ไม่น้อย พรรคคองเกรส (Congress Party : NCP) ได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้งปี 1991 (พ.ศ.2534) พรรคคองเกรสและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (CPN-UML) เป็นสองพรรคหลักของเนปาล ส่วนพรรครัสตริยาประชาตันตรา ( Rastriya Prajatantra : RPP พรรคประชาธิปัตย์ ) เป็นพรรคซึ่งมีบทบาทสำคัญเป็นอันดับสาม ที่มา...www.snr.ac.th/m5html/chavikan/Work/Content.htm - 60k - แสดงให้เห็นว่า ความขัดแย้งนั้น เริ่มมีมาก่อนหน้าที่กบฎลัทธิเหมาได้รับการยอมรับเสียอีก มีมาช้านานแล้วด้วย เป็นเกมสะสมทรัพย์แบบค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่ง เกิดโศกนาฏกรรมในราชดวงศ์ โดยคนในราชวงศ์นั่นแหละ เป็นจุดเริ่มต้นของความอ่อนแอของระบอบกษัตริย์ ก่อนจะมาถึงจุดพลิกผัน ก็เมื่อมีการใช้พระราชอำนาจในการก้าวก่ายขบวนการยุติธรรม และพระมหากษัตริย์ เลือกที่จะ "ถอย" หนึ่งก้าวเพื่อค้ำบัลลังก์ของตนเอง การถอยแบบหมดรูปนี้เอง คือ จุดที่ฝ่ายตรงข้ามอาศัย "รุกกลับ" ทันควัน โดยโจมตีจุดอ่อนทุกอย่าง รวมทั้งเรื่อง การปลงพระชนม์ ซึ่งชาวเนปาลเริ่มจะลืมเอือนไปแล้ว ก็ถูกแงะออกมาเล่นใหม่ ด้วยความเคารพ.. กรุณาอ่านให้จบ ก่อนแสดงความเห็นนะครับ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 24-07-2008, 09:49 บทสรุป.. :slime_agreed:
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เนปาลโมเดล คือ ประกายไฟหนึ่งที่ถูกจุดขึ้นมาเพื่อให้ความหวังกับขบวนการล้มราชวงศ์ในประเทศไทย พวกเขาต้องการแบบอย่างนี้ ..ไม่เสียเลือดเนื้อ ..ปฏิวัติโดยพลังประชาชน (ที่มีพรรคการเมืองหนุนหลัง) ไม่ใช่ทหาร ..ได้รับการยอมรับจากสากลโลก ไม่มีความสำเร็จใดๆ ที่ไม่ได้เริ่มมาจากจุดเริ่มต้น และ วันนี้ พวกนี้ก็กำลังเดินทางไปสู่ความสำเร็จอยู่ และเลยจุดเริ่มต้นมาพอสมควรแล้วด้วย หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 24-07-2008, 09:57 ไม่ขอแสดงความคิดเห็นครับเรื่องนี้ละเอียดอ่อนดี
ควรค่าแก่การศึกษาและติดตามอย่างยิ่งเลยครับ ทุกท่านควรติดตามกระทู้นี้..ขอบคุณมาก หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 24-07-2008, 10:07 ฮ่าๆๆๆๆๆ....ประเด็นสำคัญสุดหากยังจำกันได้ก็คือ ฝ่ายพันธมารชอบใช้คำถามในเชิงป้ายข้อหาหมิ่นฯให้กับฝ่ายทักษิณ เช่น การถามว่า "จะเลือกทักษิณหรือเลือกในหลวง"
พอประชาชนเค้าตอบกลับไปแบบปากต่อปากราวไฟลามทุ่งว่า 'ยังคงรักและศรัทธานายกฯทักษิณอย่างไม่เปลี่ยนแปลง'....คำตอบดังกล่าวนี่มันทำให้ใครต่อใครนอนสะดุ้งหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงขนาดนั้นเลยเหรอ!?! :slime_doubt: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: provoke ที่ 24-07-2008, 10:29 พวกเราคงต้องยอมรับความจริงบางอย่าง ที่ว่าในสมัยสิบ ยี่สิบปีก่อน ไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น (แม้แต่คิดก็ยังไม่กล้า) แต่เดี่ยวนี้สังคมไทยกำลังเปลี่ยนไปครับ ผมมองว่ากระแสวัตถุนิยม+โลกกาภิวัฒน์ ได้มอมเมาและกัดกร่อนสังคมของเราไปมากเหลือเกิน คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางกระแสวัตถุนิยม การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทำให้หลายคนมองข้ามคุณค่าของจริยธรรม รวมถึงความรักชาติ และความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดของชาติ การศึกษาเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์แบบนี้ ถ้าคุณมีลูกลองเอาตำราสังคม+ประวัติศาสตร์ของลูกมาดูสิครับ จะเห็นว่าแตกต่างจากสมัยที่เราเรียนมาก สมัยนี้ไม่มีการปลูกฝังการรักชาติและความภูมิใจในชาติให้กับเด็กเลย การเรียนเกี่ยวกับสถาบันสูงสุดก็เพียงแต่ให้เด็กรับรู้ถึงสถาบันสูงสุดในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของรัฐ แต่ไม่ได้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจและคุณงามความดีของพระองค์ อีกทั้งไม่ได้ปลูกฝังความจงรักภักดีให้เด็กเลย วิชาศาสนาก็เป็นเหมือนการท่องจำแบบนกแก้ว ไม่ได้ปลูกฝังให้เด็กมีจริยธรรมแต่อย่างใด สิ่งที่คุณ bonny เสนออาจจะไม่เกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ แต่ถ้าเรายังปล่อยให้สังคมเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อีกสิบปี ยี่สิบปี จะเกิดอะไรขึ้น... เห็นด้วยครับ ยุคใหม่เป็นพวกบริโภคนิยม เสพนิยม ซึ่งมาจากประชานิยมต่างๆจากรัฐบาล จิตใจเปลี่ยนไปมาก ถ้าไม่เข้าใจในสถาบันกษัตริย์ แล้วไปฟังพวกต่อต้าน (อย่าง ใจ อึ้งภากรณ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ด้วย) ที่อ้างว่า สหรัฐอเมริกา เป็น freedom of speech และฝรั่งเศษ เนเปาล ยกเลิกทำให้อิสระขึ้นอะไรประมาณนี้ ประเทศเราเหมาะสมกับระบอบที่มีำพระมหากษัตรย์ด้วยสุดแล้วครับ ได้มี paragon of virtue อย่างชัดเจน ได้มีพระองค์ที่เราได้เคารพ พระโพธิสัตว์ผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเมตตา อย่าไปให้อำนาจแบบ republic เลยครับ ประเทศเราผู้ซึ่งมาเป็นนายกต้องอยู่อำนาจของในหลวง ไม่งั้นจะโมหะ หลงไหลอยู่ในอำนาจ เหมือนกับคนที่แล้วๆมา และปัจจุบัน หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: -3- ที่ 24-07-2008, 10:41 ฮ่าๆๆๆๆๆ....ประเด็นสำคัญสุดหากยังจำกันได้ก็คือ ฝ่ายพันธมารชอบใช้คำถามในเชิงป้ายข้อหาหมิ่นฯให้กับฝ่ายทักษิณ เช่น การถามว่า "จะเลือกทักษิณหรือเลือกในหลวง" พอประชาชนเค้าตอบกลับไปแบบปากต่อปากราวไฟลามทุ่งว่า 'ยังคงรักและศรัทธานายกฯทักษิณอย่างไม่เปลี่ยนแปลง'....คำตอบดังกล่าวนี่มันทำให้ใครต่อใครนอนสะดุ้งหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงขนาดนั้นเลยเหรอ!?! :slime_doubt: แสดงว่าพี่จ๊ะยังไม่ได้ฟังที่ ดา ตอร์ปิโด พูดสินะครับ :slime_smile2: :slime_sentimental: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 24-07-2008, 10:49 แสดงว่าพี่จ๊ะยังไม่ได้ฟังที่ ดา ตอร์ปิโด พูดสินะครับ :slime_smile2: :slime_sentimental: เค้ามีหน้าที่ส่ง forward mails อย่างเดียวนี่คร้า.....เรื่องแบบนี้เค้าช๊อบชอบ คริ คริ :slime_smile2: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: แอ่นแอ๊น ที่ 24-07-2008, 10:50 ไม่ใช่ตายหนึ่ง เกิดสิบค่ะ แต่เป็น เกิดหนึ่ง ตายเป็นสิบ ลากเอาพวกที่อยู่ในรูตายห่าไปด้วย เพราะโดนลากไส้ :slime_smile:
คนที่ไม่เคยรู้ว่า พวกทำใบปลิว ทำเวปไซท์หมิ่นเป็นใครบ้าง พูดแค่ในวงจำกัด กลายเป็นโดนลากออกมาแฉหมดได้รู้กันทั้งประเทศ ก็อยากจะดูว่า 2 ล้านทีนที่ว่า จะไปกระทืบฝั่งไหน :slime_smile2: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: นักปฏิวัติ ที่ 24-07-2008, 11:00 ในการวิเคราะห็ผมเสนอขอให้แยกประเด็น การเติบโตอันเกิดจากความเคลื่อนไหว ของผู้มีอุดมการณ์ และ การฉวยแนวร่วมเพื่อหวังเปิดทาง ในการสูบประโยชน์ของชาติ ของทรราชนะครับ
ถึงแม้เหตุการณ์จะเป็นเรื่องสัมพันธ์กัน ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติ ในเวลาที่เหมาะสม ในบริบทของสถานการณ์ที่เหมาะเจาะ เป็นเรื่องปกติ (ผมค่อนข้างเสรีนิยม) เป็นข้อสังเกตเท่านั้นครับ เพราะผมติดตามข้อมูลในระดับ ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: -3- ที่ 24-07-2008, 11:13 http://www.mediafire.com/?zkm2djxxwy1
ผมไม่ได้เผยแพร่ใช่ไหมครับ? :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 24-07-2008, 11:19 http://www.mediafire.com/?zkm2djxxwy1 ผมไม่ได้เผยแพร่ใช่ไหมครับ? :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: อิ อิ ลิงค์ดังกล่าวถูกdownloadจนล่มไปเมื่อคืนเกือบ 7 ชม. เพิ่มกลับมาใช้ได้เมื่อเช้าเอง มันส์เจงๆ :slime_smile2: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: northstar ที่ 24-07-2008, 11:19 ฮ่าๆๆๆๆๆ....ประเด็นสำคัญสุดหากยังจำกันได้ก็คือ ฝ่ายพันธมารชอบใช้คำถามในเชิงป้ายข้อหาหมิ่นฯให้กับฝ่ายทักษิณ เช่น การถามว่า "จะเลือกทักษิณหรือเลือกในหลวง" พอประชาชนเค้าตอบกลับไปแบบปากต่อปากราวไฟลามทุ่งว่า 'ยังคงรักและศรัทธานายกฯทักษิณอย่างไม่เปลี่ยนแปลง'....คำตอบดังกล่าวนี่มันทำให้ใครต่อใครนอนสะดุ้งหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงขนาดนั้นเลยเหรอ!?! :slime_doubt: ถ้าเค้า "'ยังคงรักและศรัทธานายกฯทักษิณอย่างไม่เปลี่ยนแปลง.." อย่างที่พูด... ป่านนี้พวกเค้ายกขบวนใหญ่กว่า พันธมิตรเป็นร้อยเท่า...ขึ้นมาปกป้องท่านสมเด็จทักสินแล้วหล่ะ... คงไม่ต้องใช้ม็อบเติมเงินกระจอกๆที่มีเป็นอยู่เป็นหย่อมๆ...เหมือนขนอุยหรอกคร๊าบบบบบบบบบบบ... ไอ้พวกที่เลือก พปช มา...หายไปไหนโม๊ดดดดดดดด... 20ล้านคนที่เลือกมา...ก็ช่วยมาปกป้องรัฐกะบาลหน่อยคร๊าบบบบบบบ...หรือว่าจะศรัทธาแบบเงียบๆหว่า..? :slime_bigsmile: :slime_smile: :slime_smile2: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: หลอเหมือนเดิม ที่ 24-07-2008, 11:44 ฮ่าๆๆๆๆๆ....ประเด็นสำคัญสุดหากยังจำกันได้ก็คือ ฝ่ายพันธมารชอบใช้คำถามในเชิงป้ายข้อหาหมิ่นฯให้กับฝ่ายทักษิณ เช่น การถามว่า "จะเลือกทักษิณหรือเลือกในหลวง" พอประชาชนเค้าตอบกลับไปแบบปากต่อปากราวไฟลามทุ่งว่า 'ยังคงรักและศรัทธานายกฯทักษิณอย่างไม่เปลี่ยนแปลง'....คำตอบดังกล่าวนี่มันทำให้ใครต่อใครนอนสะดุ้งหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงขนาดนั้นเลยเหรอ!?! :slime_doubt: คนที่นอนสะดุ้งกลัวไม่มีแผ่นดินอยู่คงเป็นไอ้หน้าเหลี่ยมกับอีขี้ข้าจ๊ะมากกว่ามั้ง หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ 24-07-2008, 11:47 เห็นด้วยกับบทความทุกประเด็นครับ
ขอเสริมเรื่อง นังดารัจฉาน และพวกอีกหลายๆ ตัว ที่คิดว่ากำลังสร้างผลงานที่โดดเด่นเก็บแต้มสะสมอยู่ในขณะนี้ .. ผมเชื่อเสมอ ว่า ยุทธวิธีที่ให้คนไร้ค่าจำพวกนี้ออกมาถามทาง เป็นการยุยงปลุกปั่นและวางแผนกันเป็นลำดับขั้นตอน โดยวางสินจ้าง และลาภยศในอนาคต ล่อไว้ให้ พร้อมกับการยืนยันที่จะได้รับการอุ้มชูอย่างดีจากบุคลากร หรือหน่วยงานที่วางกำลังไว้แล้ว เพื่อรองรับในอนาคต อย่างเช่น ตำรวจ หรือ ก.ยุติ"ธรรม" โดยมีตัวอย่างที่สำเร็จรูปให้เห็น จาก นปก และ e-เพ็ญ การวางแผน "ให้เศรษฐกิจย่ำแย่ และประชาชนอดอยาก" "การเพิกเฉยไม่แก้ไขปัญหาใดๆ ของ รบ (นอกจากแก้ รธน)" และอีกหลายๆ เรื่องในหลายๆ ด้าน เป็นยุทธการที่ก่อชนวนอารมณ์ ให้ประชาชน สับสน ตึงเครียด และนำไปสู่อารมณ์รุนแรง ได้ทุกเมื่อ หากชนวนจุดติด นั่นจึงง่ายที่จะนำเอาฝูงชนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโมหะ ออกมาปลุกปั่น "เพื่อกระทำการตามเป้าหมายซ่อนเร้น" ที่วางไว้ หัวหน้าโจรและพวก ที่นั่งบนภู คงหวังเช่นนั้น .. หวังว่าแกนนำพันธมิตร คงถอดเปลาะ พวกนี้ออกอยู่แล้ว และเชื่อตามที่หลายๆ ท่านแสดงความคิดเห็นไว้ . :slime_worship: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: egoman ที่ 24-07-2008, 15:52 ผมอาจจะคิดแตกต่างนะ นอกจากคนกลุ่มนี้ ยังมี ทหาร และตำรวจบางคน
เห็นดีเห็นงามกับ พวกนี้ก้อมีอยู่ นะ หรือเพราะอำนาจเงิน ที่โน้มน้าว ได้ ถ้าพวกนี้รวมกัน อะไรจะเกิดขึ้นครับ :slime_agreed: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 24-07-2008, 16:09 ผมว่ากรณีนี้มันเหมือนเป็นการปลูกต้นท้อ3วันแล้วจะเอาผลนะครับ
การเร่งรัดของพวกมันจะไม่ส่งผลดี สุดท้ายพวกทักษิณจะพ่ายแพ้ในที่สุด หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 24-07-2008, 16:26 ถ้าเค้า "'ยังคงรักและศรัทธานายกฯทักษิณอย่างไม่เปลี่ยนแปลง.." อย่างที่พูด... ป่านนี้พวกเค้ายกขบวนใหญ่กว่า พันธมิตรเป็นร้อยเท่า...ขึ้นมาปกป้องท่านสมเด็จทักสินแล้วหล่ะ... คงไม่ต้องใช้ม็อบเติมเงินกระจอกๆที่มีเป็นอยู่เป็นหย่อมๆ...เหมือนขนอุยหรอกคร๊าบบบบบบบบบบบ... ไอ้พวกที่เลือก พปช มา...หายไปไหนโม๊ดดดดดดดด... 20ล้านคนที่เลือกมา...ก็ช่วยมาปกป้องรัฐกะบาลหน่อยคร๊าบบบบบบบ...หรือว่าจะศรัทธาแบบเงียบๆหว่า..? :slime_bigsmile: :slime_smile: :slime_smile2: ฮ่าๆๆๆ...เลือกตั้งทีไรชนะทุ๊กที ชนะจนเบื่อ ชนะจนบางพรรคหันมาเล่นการเมืองนอกสภาจนรุ่ง....คุ้นๆม่ะว่าพรรคไหน!?! :slime_smile2: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 24-07-2008, 16:32 ผมว่ากรณีนี้มันเหมือนเป็นการปลูกต้นท้อ3วันแล้วจะเอาผลนะครับ การเร่งรัดของพวกมันจะไม่ส่งผลดี สุดท้ายพวกทักษิณจะพ่ายแพ้ในที่สุด ปลูกลูกท้อจริงๆเหรอ? หุ หุ เกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องโค่นต้นท้อให้มันสิ้นซากไปมากกว่าน๊ะซิ ต้นท้อที่ไม่มีประโยชน์ใดๆแถมยังสร้างความเดือดร้อนให้นกกา ย่อมต้องถูกแรงลมกระหน่ำโค่นล้มเพื่อต้นหญ้าและทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่จักเติบโตทดแทน!!! :slime_sentimental: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 24-07-2008, 17:39 บอกตามตรง ผมก้เพิ่งได้ฟัง ดา ทอล์กโชว์แบบเต็มเวอร์ชั่นก็เพราะลิงค์ของคุณ-3- นี่แหละ
ฟังแล้ว.. :slime_shy: ต้องขอยืนยันอีกครั้งในที่นี้ว่า.. นี่ไม่ใช่อาการคะนองปาก ด่าเอามันส์จนเลยเถิด แต่เป็นการเจาะจง จำเพาะต้องการเปิดศึกทวงทักษิณคืนจากอำนาจซึ่ง ดา จงใจกล่าวหาว่า เป็นผู้พรากทักษิณไปจากประชาธิปไตย การตระเตรียมเรื่องราวและเรียบเรียงมาอย่างดี ทั้งผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อ 75 ปีก่อนทุกคน ดาสามาระรถบุวัน และเวลาแบบเฉพาะเจาะจงลงไปได้ ซึ่งคนที่ไม่ได้ผ่านการท่องจำมาคงทำไม่ได้หรอกครับ แสดงว่า มีการเตรียมตัวมานานพอสมควรเพียงแต่เลือกจังหวะที่จะแสดงเท่านั้น สิ่งที่ดา ตอ พูดไปทั้งหมด ย้ำจั่วหัวกระทู้ของผมว่า ไม่ได้เลื่อนลอย และ ไม่ได้จั่วหัวรุนแรงเกินจากความเป็นจริง ขอยืนยันว่า ดา ตอ ตั้งใจเปิดศึกขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ของในหลวงครับ ส่วนนายทักษิณจะอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ผมไม่สนใจ เพราะมีหลายท่อนพาดพิงนายทักษิณเต็มๆ อยู่แล้ว ซึ่งประชาชนที่จงรักภักดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และรักทักษิณด้วย ต้อง...เลือกข้าง เพราะดา ตอ กำลังบีบให้เขาเหล่านั้น..เลือกข้าง โดยโปรยความดีงามของทักษิณ และความเลวร้ายของสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คนฟังที่สนามหลวง น่าแปลกไหมที่มีประชาชนส่งเสียงเชียร์ เสียงเฮ เวลาที่ดา ตอ ด่าเจ้า แสดงว่า..คนเหล่านี้ก็คือ คนที่คิดอย่างเดียวกับดา ตอ อย่างเดียวกับโชติศักดิ์ และอย่างเดียวกับจักรภพนั่นเอง คนรักทักษิณธรรมดาๆ ปกติทั่วไป ไม่แสดงออกด้วยเสียงเชียร์เช่นนี้อย่างเด็ดขาดครับ เว้นแต่เป็นขบวนการเป็นแก๊งค์ที่เกิดขึ้นมาแล้วเท่านั้น แต่ที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ.. บริเวณรอบสนามหลวงวันนั้น มีจนท.ตำรวจอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่ได้ยินเต็มสองรูหู เห็นสองตา เป็นความผิดซึ่งหน้า จับได้ทันที ไม่ต้องรอหมาย ทำไมจึงนิ่ง.. ไม่ใช่นิ่งแค่ที่สนามหลวง แต่นิ่งทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเลย นิ่ง..จนกองทัพซึ่งทนนิ่งเฉยไม่ได้ต้องออกจดหมายกระตุ้นต่อมสำนึกของตำรวจทั้งกรม เมื่อวันที่ 21 กค.ที่ผานมา (ทำนองว่า..พวกเอ็งยังทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอยู่หรือเปล่าวะ ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวพวกข้าจะทำเอง ประมาณนั้น) ตำรวจทั้งกรมจึงสะดุ้ง แล้วออกจับกุมดา ตอ มาดำเนินคดีในวันรุ่งขึ้น ตำรวจภายใต้การกำกับดูแลของท่านพัชรวาท และ ท่านอัศวิน ความรู้สึกช้ากว่าพี่น้องที่สะพานมัฆวาน ช้ากว่ากองทัพทุกหมู่เช่นนี้เลยหรือครับ ในขณะที่สนธิพูดเรื่องนี้วันเดียว ท่านตำรวจทำงานรวดเร็วออกหมายจับทันทีทันควัน แสดงว่า..กองบัญชาการตำรวจถูกบีบโดยฝ่ายการเมืองอยู่ใช่หรือไม่? แล้วก็ยอมให้บีบโดยดีด้วยสิ เรื่องร้ายแรงเช่นนี้ เกิดขึ้นก่อนวันอาทิตย์ที่ 21 มิย. แต่นายกสมัครที่ออกตัวว่า จงรักภักดียิ่งนัก ไม่เอ่ยอะไรสักแอะกับพี่น้องประชาชน แต่ไปเล่นงานปปช. เล่นงาน ปชป. เล่นงานพธม. ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องเก่าๆ ไกลตัว ไกลหัวใจของประชาชนทั้งสิ้น หรือ..จะเป็นพวกเดียวกันโดยปริยายไปแล้ว อีกเรื่องที่น่าจะแปลกแต่กลายเป็นไม่น่าแปลกไปแล้ว คือ การที่ อัยการฝ่ายคดีพิเศษ ยอมเลื่อนสั่งคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นเอส ซี แอสเซ็ท ที่มีคนตระกูลชินวัตรทั้งนายใหญ่ นายหญิงและผู้ใกล้ชิดเเป็นจำเลย ไปเป็นวันที่ 16 กย. คดีนี้เลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาหลายรอบแล้ว อัยการศูงสุด ไม่เคยสั่งคดีเสียที จึงไม่ดำเนินต่อไปสู่ศาลสถิตยุติธรรมได้ ครั้งก่อนที่เลื่อนมาก็อ้างว่า ไปต่างประเทศ คราวนี้อยู่ในประเทศเพราะศาลไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้ แต่อ้างอีก ติดธุระที่นัดหมายไว้แล้ว ทั้งๆ ที่คดีนี้ ล่าสุดเลื่อนมาเป็น 15 พค. แล้ว15 พค.เลื่อนมานัดสั่งคดีเป็น 22 มิย. ถ้ารู้ว่า อัยการจะสั่งคดีวันนั้น ทำไมจึงนัดหมายธุระปะปังกันล่ะครับ เพราะจำเลยทุกคนรู้อยู่แล้วตั้งแต่ 15 พค.ว่า จะมีนัดกับอัยการ เหตุใดจึงนัดซ้อนได้ แล้วอัยการท่านทำไมจึงรับฟังการเลื่อนนัดเล่า ในเมื่อเลื่อนนัดมาตลอดทุกครั้งเช่นนี้ ยังฟังขึ้นอีก :slime_dizzy: ล่าสุด.. อัยการบอกว่า ต้องเลื่อนเพราะกำลังรอเอกสารสำคัญจากสิงคโปร์ มาเลย์ งง..ทำงานภาษาอะไรกัน ถ้าขออย่างเป็นทางการในนามตัวแทนของรัฐบาลไทย ไม่เกินสองสัปดาห์ต้องได้แล้ว เพราะเป็นแค่ใบถ่ายเอกสาร ถ้าไม่ได้ ก็ต้องทวงถามเป็นระยะก่อนถึงวันสั่งคดี ย้ำว่า ถ้าเป็นเรื่องความจำเป็นของคดี อัยการสามารถร้องขอความช่วยเหลือจาก กท.ต่างประเทศอีกแรงได้ครับ และไม่มีประเทศใดในโลกที่มีความสัมพันธ์อันดีกับไทยจะไม่เร่งรัดให้ทันวันสั่งคดีได้ เว้นแต่..มีคำสั่งจากทางรัฐบาลแอบสั่งให้..อย่าให้ความร่วมมือเด็ดขาด เพราะมันจะมัด สิงคโปร์ ติดร่างแหไปด้วยในฐานะรู้เห็นเป็นใจให้ทำความผิด เสียชื่อประเทศฟอกเงินหมด ถ้าอัยการทำหน้าที่ตามปกติที่สมควรทำ ผมว่า ป่านนี้บ้านเมืองจะสงบสุขได้ เพราะคดีทั้งหลายจะไปสู่จุดหมายปลายทางของมันนานแล้ว หรือว่า ต้องให้อัยการทั้งคณะต้องผ่านการโปรดเกล้าก่อน...????????????? หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: ฮูลิแกน ที่ 25-07-2008, 18:00 ในฐานะของคนนึงที่ไม่ชอบระบอบทักกี้ ศรัทธาในหลวงรัชกาลปัจจุบัน แต่ไม่ถึงกับนิยมเจ้า
แม้ผมจะเชื่อลึกๆว่า ผู้ที่จะมารับตำแหน่งในสถาบันฯคนต่อไป คงไม่สามารถรักษาความสมบูรณ์แบบอย่างในหลวงองค์ปัจจุบัน แต่ก้ยังเชื่อลึกๆอีกว่า คงไม่เลวร้ายเท่าระบอบที่ไอ้เหลี่ยมมันสร้างไว้ อย่างที่ สุลักษณ์ แกเคยกล่าวเปรียบเปรยไว้ว่า เผด็จการในอดีตอย่างจอมพล ป.หรือจอมพลสฤษดิ์ แม้จะใช้อำนาจกดขี่ผู้คนบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติไปขาย :slime_sleeping: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emporer ที่ 25-07-2008, 20:10 wmครับ
แบนเฮี่ยตัวหนึ่งในกระทู้นี้ซะได้ไหม จักเป็นพระคุณยิ่ง หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 25-07-2008, 23:13 ผมว่าเจ้าของกระทู้พูดเกินไป วิตกเกินขนาด อาจเป็นเพราะเสพสื่อไร้คุณภาพมากไป
คุณเอาอะไรมาเป็นฐานในการสรุปอย่างนั้น ผมอ่านหัวข้อก็หัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆกัน จนสำลักน้ำมูก ไอ้แม้วมันไม่มีอิทธิพลขนาดนั้น มันมีเงินชนะเลือกตั้งทั้งชาติ แต่มันซื้อความชอบธรรม ศรัทธา จากคนไทยดีๆ เก่งๆ ฉลาดๆ ไม่ได้ คุณลองเบิ่งดูว่าคนที่รายล้อมรับใช้มันเป็นใครบ้าง ประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง ทำงานอะไรมา ได้รับเลือกตั้งเพราะอะไร คุณลองเบิ่งอีกว่า คนที่ออกมาเย้วๆ โจมตีสถาบันต่างๆ นั้น เป็นคนประเภทไหน สติสตังค์สมประกอบหรือเปล่า คนพวกนี้ถ้าไม่มีน้ำเลีย้ง ไม่ไถชาวบ้านกิน มันจะอยู่อย่างไร แล้วคุณลองเบิ่งอีกด้าน ว่าเป็นใคร คนรายล้อมทำงานอะไร เพื่อใคร อย่างไร คนเหล่านี้ยืนอย่างไร แล้วคุณจะเข้าใจ แล้วลองยกตัวอย่าง ลูกน้องไอ้แม้วมาซักคนที่จะยืนอย่างสง่าผ่าเผยในสังคมได้ ถ้าไอ้แม้วมันสำลักเค้กกะแฟ้นต้าน้ำแดงตายพรุ่งนี้ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: numdee ที่ 26-07-2008, 01:50 อืม ฟังนังดามันแล้ว รู้สึกสงสารจับใจ มันอุตสาเสียสละได้แม้กระทั่งนายมันแต่นายมันไม่เห็นหัว พรุ่งนี้ว่าจะไปเยี่ยมนังดาพร้อมข้าวผัดไซยาไนต์ซักหน่อย นังดาจะได้ตาสว่างซักทีกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ :slime_smile2:
หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 26-07-2008, 02:46 หากทักษิณติดคุกและถูกยึดทรัพย์
ทุนดำเนินการคงหายากครับ พวกลิ่วล้อต่าง ๆ คงไม่มีน้ำยาทำอะไรได้ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 26-07-2008, 08:03 ผมว่าเจ้าของกระทู้พูดเกินไป วิตกเกินขนาด อาจเป็นเพราะเสพสื่อไร้คุณภาพมากไป คุณเอาอะไรมาเป็นฐานในการสรุปอย่างนั้น ผมอ่านหัวข้อก็หัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆกัน จนสำลักน้ำมูก ไอ้แม้วมันไม่มีอิทธิพลขนาดนั้น มันมีเงินชนะเลือกตั้งทั้งชาติ แต่มันซื้อความชอบธรรม ศรัทธา จากคนไทยดีๆ เก่งๆ ฉลาดๆ ไม่ได้ คุณลองเบิ่งดูว่าคนที่รายล้อมรับใช้มันเป็นใครบ้าง ประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง ทำงานอะไรมา ได้รับเลือกตั้งเพราะอะไร คุณลองเบิ่งอีกว่า คนที่ออกมาเย้วๆ โจมตีสถาบันต่างๆ นั้น เป็นคนประเภทไหน สติสตังค์สมประกอบหรือเปล่า คนพวกนี้ถ้าไม่มีน้ำเลีย้ง ไม่ไถชาวบ้านกิน มันจะอยู่อย่างไร แล้วคุณลองเบิ่งอีกด้าน ว่าเป็นใคร คนรายล้อมทำงานอะไร เพื่อใคร อย่างไร คนเหล่านี้ยืนอย่างไร แล้วคุณจะเข้าใจ แล้วลองยกตัวอย่าง ลูกน้องไอ้แม้วมาซักคนที่จะยืนอย่างสง่าผ่าเผยในสังคมได้ ถ้าไอ้แม้วมันสำลักเค้กกะแฟ้นต้าน้ำแดงตายพรุ่งนี้ สงครามแย่งชิงประชาชนของประเทศนี้ ไม่ได้วัดกันที่ ฝ่ายชนะต้องใช้คนฉลาด เป็นคนที่ยืดอกในสังคมนี่นะ การที่พรรค พลังประชาชน ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมทัน ก็ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนฉลาดเลือก และผู้แทนเป็นคนเก่ง คนดีในสังคมนี่นะ เรามีพลเมืองที่มีความรู้ไม่ทัดเทียมคนเมืองจำนวนมากกว่า 70-80% พร้อมจะเชื่อ พร้อมจะหลง พร้อมจะคิดตามแบบอย่างของผู้นำที่เขาภักดี..สั่งให้คิดตาม ทำตาม ไม่ใช่เรื่องเงินเรื่องเดียวหรอกครับ เงินทักษิณมีมากไม่พอจะซื้อความเชื่อความศรัทธาได้ตลอดไป คุณต้องยอมรับว่า มีคนจำนวนมากที่เลือกทักษิณเพราะชื่นชมเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เพราะเงินหรอก เพราะเขาคิดได้ไม่ลึกเหมือนคุณ ผมว่าคุณต่างหากควรกลับไปคิดใคร่ครวญดูอีกทีดีกว่าครับ บทสรุปของผมก็ไม่ได้บอกว่า บั้นปลายจะเป็นอย่างไร แต่ผมบอกว่า มีขบวนการนี้เกิดขึ้นมาแล้ว กำลังดำเนินการเป็นลำดับขั้น และพร้อมพัฒนาไปสู่ทางเลือกที่ว่า ฟังดาตอปราศรัยหรือเปล่า? กี่หนที่เธอบอกให้ประชาชนเลือกข้างน่ะ? ก่อนหน้านั้น คุณต้องวิเคราะห์และเข้าใจที่มาของขบวนการนี้ด้วย มันมีที่มายาวนานแค่ไหน อย่างไร พวกที่รวมกลุ่มกันเป็นก้อนเล็กๆ ในขณะนี้ ขอยืนยันว่า..เป็นบุคคลที่มีมันสมองระดับปัญญาชน ไม่แพ้คุณและผมนะครับ มีการศึกษาดีและเรียนหนังสือเก่งกันแทบทั้งนั้น สิ่งที่พวกเขาขาด คือ กำลังเงินที่จะปลุกระดม จึงต้องอาศัยทักษิณ สิ่งที่พวกเขารอ คือ เวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..คนเหล่านี้เป็นคนไทย และเป็นคนดีเช่นกัน เพียงแต่ความคิดทางการเมืองไม่เหมือนกัน เราคิดว่า เรากำลังทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง พวกเขาก็คิดแบบเดียวกัน การล้มระบอบกษัตริย์ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเป็นคนไม่ดี ไม่เก่ง ไม่ฉลาด ตรงกันข้ามเลยครับ พวกเขาเป็นคนมีความคิดอิสระ มีอีโก้สูง มีความทะเยอทะยานที่จะทำสิ่งที่คิดว่า ดีกว่า เพื่อชาติบ้านเมือง และไม่ยึดติดกับความคิดอ่านที่ถูกสังคมสั่งให้คล้อยตามต่างหาก ก็เพราะพวกนี้ฉลาดกว่านี่แหละถึงต้องเลือกใช้คนโง่กว่าเป็นฐานในการปฏิบัติการ กลับไปอ่านหนังสือประวัติศาลตร์เยอะๆ หาข้อมูลเกี่ยวกับคนพวกนี้เยอะๆ ก่อนนะครับว่า คนพวกนี้เป็นใครแล้วค่อยมาออกความคิดเห็นเช่นนี้ อ้อ..แล้วขึ้นไปอ่านการปฏิวัติที่เนปาลด้วยนะครับ จะได้รู้ว่า ก่อนได้มาครอบครองประเทศ ลัทธิเหมาเป็นคนที่ไม่อาจยืดอกในสังคมได้มาก่อนหรือเปล่า? ................................... หากทักษิณติดคุกและถูกยึดทรัพย์ ทุนดำเนินการคงหายากครับ พวกลิ่วล้อต่าง ๆ คงไม่มีน้ำยาทำอะไรได้ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่คิดว่า ทักษิณจะติดคุก(แม้จะมีคำพิพากษา) และถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด เรื่องนี้ยังอีกหลายศาลครับ แค่ศาลแรกยังดีเลย์ขนาดนี้ จบคดีก็แก่ตายไปข้าง ซึ่งผู้พิพากษาชุดนี้อาจตายหรือหมดหน้าที่ไปก่อน ชุดใหม่มาก็ไม่แน่ว่า จะซื้อไม่ได้นะครับ สิ่งที่ทักษิณพยายามจะพลิกตอนนี้ไม่ใช่ระบบศาล แต่เป็นขบวนการพิจารณาต่างหาก ถ้าล้มขบวนการพิจารณาได้ ทุกอย่างก็จบสิ้นกันไป หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา (ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ฝ่าย) ที่ 26-07-2008, 09:17 สงครามแย่งชิงประชาชนของประเทศนี้ ไม่ได้วัดกันที่ ฝ่ายชนะต้องใช้คนฉลาด เป็นคนที่ยืดอกในสังคมนี่นะ การที่พรรค พลังประชาชน ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมทัน ก็ไม่ได้หมายความว่า ประชาชนฉลาดเลือก และผู้แทนเป็นคนเก่ง คนดีในสังคมนี่นะ เรามีพลเมืองที่มีความรู้ไม่ทัดเทียมคนเมืองจำนวนมากกว่า 70-80% พร้อมจะเชื่อ พร้อมจะหลง พร้อมจะคิดตามแบบอย่างของผู้นำที่เขาภักดี..สั่งให้คิดตาม ทำตาม ไม่ใช่เรื่องเงินเรื่องเดียวหรอกครับ เงินทักษิณมีมากไม่พอจะซื้อความเชื่อความศรัทธาได้ตลอดไป คุณต้องยอมรับว่า มีคนจำนวนมากที่เลือกทักษิณเพราะชื่นชมเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เพราะเงินหรอก เพราะเขาคิดได้ไม่ลึกเหมือนคุณ ผมว่าคุณต่างหากควรกลับไปคิดใคร่ครวญดูอีกทีดีกว่าครับ บทสรุปของผมก็ไม่ได้บอกว่า บั้นปลายจะเป็นอย่างไร แต่ผมบอกว่า มีขบวนการนี้เกิดขึ้นมาแล้ว กำลังดำเนินการเป็นลำดับขั้น และพร้อมพัฒนาไปสู่ทางเลือกที่ว่า ฟังดาตอปราศรัยหรือเปล่า? กี่หนที่เธอบอกให้ประชาชนเลือกข้างน่ะ? ก่อนหน้านั้น คุณต้องวิเคราะห์และเข้าใจที่มาของขบวนการนี้ด้วย มันมีที่มายาวนานแค่ไหน อย่างไร พวกที่รวมกลุ่มกันเป็นก้อนเล็กๆ ในขณะนี้ ขอยืนยันว่า..เป็นบุคคลที่มีมันสมองระดับปัญญาชน ไม่แพ้คุณและผมนะครับ มีการศึกษาดีและเรียนหนังสือเก่งกันแทบทั้งนั้น สิ่งที่พวกเขาขาด คือ กำลังเงินที่จะปลุกระดม จึงต้องอาศัยทักษิณ สิ่งที่พวกเขารอ คือ เวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..คนเหล่านี้เป็นคนไทย และเป็นคนดีเช่นกัน เพียงแต่ความคิดทางการเมืองไม่เหมือนกัน เราคิดว่า เรากำลังทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง พวกเขาก็คิดแบบเดียวกัน การล้มระบอบกษัตริย์ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเป็นคนไม่ดี ไม่เก่ง ไม่ฉลาด ตรงกันข้ามเลยครับ พวกเขาเป็นคนมีความคิดอิสระ มีอีโก้สูง มีความทะเยอทะยานที่จะทำสิ่งที่คิดว่า ดีกว่า เพื่อชาติบ้านเมือง และไม่ยึดติดกับความคิดอ่านที่ถูกสังคมสั่งให้คล้อยตามต่างหาก ก็เพราะพวกนี้ฉลาดกว่านี่แหละถึงต้องเลือกใช้คนโง่กว่าเป็นฐานในการปฏิบัติการ กลับไปอ่านหนังสือประวัติศาลตร์เยอะๆ หาข้อมูลเกี่ยวกับคนพวกนี้เยอะๆ ก่อนนะครับว่า คนพวกนี้เป็นใครแล้วค่อยมาออกความคิดเห็นเช่นนี้ อ้อ..แล้วขึ้นไปอ่านการปฏิวัติที่เนปาลด้วยนะครับ จะได้รู้ว่า ก่อนได้มาครอบครองประเทศ ลัทธิเหมาเป็นคนที่ไม่อาจยืดอกในสังคมได้มาก่อนหรือเปล่า? ................................... ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่คิดว่า ทักษิณจะติดคุก(แม้จะมีคำพิพากษา) และถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด เรื่องนี้ยังอีกหลายศาลครับ แค่ศาลแรกยังดีเลย์ขนาดนี้ จบคดีก็แก่ตายไปข้าง ซึ่งผู้พิพากษาชุดนี้อาจตายหรือหมดหน้าที่ไปก่อน ชุดใหม่มาก็ไม่แน่ว่า จะซื้อไม่ได้นะครับ สิ่งที่ทักษิณพยายามจะพลิกตอนนี้ไม่ใช่ระบบศาล แต่เป็นขบวนการพิจารณาต่างหาก ถ้าล้มขบวนการพิจารณาได้ ทุกอย่างก็จบสิ้นกันไป เอาอย่างนี้ดีกว่าคุณบอนนี่ คุณว่าทำไมคณะราษฏรสถึงไม่กล้าเปลี่ยนสยามเป็นสาธารณรัฐ ทำไมรัฐบาลคณะราษฏรสมัยต่อๆมาถึงไม่ล้มสถาบัน ทั้งที่สถาบันอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ ทั้งที่อำนาจและทรัพยากรต่างๆอยู่ในมือ เยอะกว่ารัฐบาลตอนนี้ด้วยซ้ำ มีการพยายามหลายครั้งแล้ว โดยหลายกลุ่ม แต่ไม่สำเร็จ นอกจากนี้ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าจะมีใครล้มสถาบันได้ มีแต่พวกไอ้แม้วที่หลอกกันเองไปวันๆ ทั้งที่ตัวเองนับถอยหลังเข้าคุก ย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่รู้ว่าคุณเอาอะไรมาเป็นฐานว่าพวกล้มเจ้านั้นกล้าที่จะนับหนึ่ง พวกนี้อ่นหนังสือประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยนักขายฝันเมากัญชายุคซิกตี้มากเกินไป ผมก็เคยเป็นอย่างนั้นตอนสมัยเรียนมหาวิทยลัย เป็นสมาชิกชมรมอาสา อ่านเกี่ยวกับลัทธิคอมมินิสต์ ความเสมอภาค อ่นเลนิน อ่านเหมา อ่านจิตร เช ปฏวัติรัสเซีย ฝรั่งเศส etc. อ่านข่าวลือ ข่าวลับใน newsgroup soc . culture . thai ในdos ยุคเน็ตมีใช้ในมหาลัยใหม่ๆ ค่ำลงก็กินเหล้าดอง สูบบุหรี่ เมาแล้วคิดจะเปลี่ยนโลก ตอนนี้สร่างเมานานแล้ว แต่ดูเหมือนหลายคนยังไม่สร่าง และสิ่งที่พวกแม้วส่งผลกระทบนั้นไม่ใช่สถาบันแน่นอน แต่ความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ต่างหาก อย่ากังวลให้มากเลย เรามีสถาบันที่ทุกคนยึดถือไว้เป็นหลักว่า ไม่ว่าเหตุการณ์จะเลวร้าย อุปสรรคจะมีมากแค่ไหน เราก็จะผ่านพ้นไปได้ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: ฮูลิแกน ที่ 26-07-2008, 13:48 อยากรู้ว่า ในอังกฤษ สเปน เดนมาร์ก ญี่ปุ่น หรือแม้แต่มาเลเซีย บรูไน มีขบวนการพวกนี้อยู่ไหม? แล้วมันดำเนินการอะไรไปบ้างหรือเปล่า?
ถ้ามี ทำไมสถาบันฯเค้ายังอยู่ได้... หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: *bonny ที่ 26-07-2008, 14:01 อยากรู้ว่า ในอังกฤษ สเปน เดนมาร์ก ญี่ปุ่น หรือแม้แต่มาเลเซีย บรูไน มีไอ้ขบวนการพวกนี้อยู่ไหม? แล้วมันดำเนินการอะไรไปบ้างหรือเปล่า? ถ้ามี ทำไมสถาบันฯเค้ายังอยู่ได้... ในยุโรป ส่วนใหญ่แล้ว การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์กระทำได้ในระดับเปิดกว้างกว่าที่นี่ครับ ทำให้ลดความกดดันของผู้ที่ไม่นิยมลงไปได้ส่วนหนึ่ง แล้วเขาก็ไม่มีรายการเฉลิมพระเกียรติประจำวันแบบของเราด้วย :slime_surrender: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 26-07-2008, 14:30 เหมือนดาบนั้นคืนสนองเพราะคิดล้มล้างด้วยการกระทำที่เลว ใช่ว่าเสนอทางเลือกที่ดีกว่าหรือก็หาไม่
ตอนแรกก็ยึดอำนาจมาแย่งชิงกันเอง ต่อมาก็ปล้นชาติ ตอนนี้ก็ขายชาติ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 26-07-2008, 14:50 ไม่มีอะไรจะพูด แต่จากประสบการณ์ที่ติดตามเกี่ยวกับ แคนาดา และ จีน
ขอบอกว่า "ความโปร่งใส เปิดกว้าง เป็นธรรม" เท่านั้นครับที่จะฉุดรั้งไม่ให้ประเทศนี้ต้องจมดิ่งไปกว่านี้ และคือเกราะโลห์ที่แข็งดั่งเพชร ผมหวาดหวั่นกับอนาคตของประเทศนี้อย่างยิ่ง หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: ฮูลิแกน ที่ 26-07-2008, 20:24 อ้างถึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น..คนเหล่านี้เป็นคนไทย และเป็นคนดีเช่นกัน เพียงแต่ความคิดทางการเมืองไม่เหมือนกัน เราคิดว่า เรากำลังทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง พวกเขาก็คิดแบบเดียวกัน การล้มระบอบกษัตริย์ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเป็นคนไม่ดี ไม่เก่ง ไม่ฉลาด ตรงกันข้ามเลยครับ ผมไม่คิดว่า พวกที่สมยอมกับวิธีถ่อeๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งอุดมการณ์ตัวเอง เป็นคนดีหรอกครับ! :slime_slapped: เหมือนอย่างที่คุณ และ Amalit เคยประนามวิธีแบบกระทิงแดงหรือนวพล เมื่อตอนหกตุลา มาแล้ว ในยุโรป ส่วนใหญ่แล้ว การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์กระทำได้ในระดับเปิดกว้างกว่าที่นี่ครับ ทำให้ลดความกดดันของผู้ที่ไม่นิยมลงไปได้ส่วนหนึ่ง แล้วเขาก็ไม่มีรายการเฉลิมพระเกียรติประจำวันแบบของเราด้วย :slime_surrender: แล้วคุณ *bonny มองว่า การวิพากษ์วิจารณ์อย่างว่านั่น เป็นผลดี หรือผลเสียมากกว่ากันครับ? คือเห็นคุณกล่าวว่าการปราศรัยของ ดาตอฯ ทำให้เป้าหมายของพวกนั้น(หางแดง)ก้าวไปอีกขั้น? แต่อีกนัยหนึ่ง คุณบอกว่าการวิพากษ์สถาบันในยุโรป(รวมญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่า?)เป็นการช่วยลดความกดดันของพวกหางแดง เลยสงสัยอ่ะครับ... แต่รายการเฉลิมพระเกียรตินี่ จะว่าไปบางทีอาจจะดูเป็นดาบสองคมจริงๆน่ะ เพราะเป็นการสร้างให้สถาบันเป็นเป้าเด่นเกินไป จนบาดหูบาดตาพวกหางแดง ปล.หางแดงในความหมายผม คือพวกต่อต้านสถาบันฯสุดขั้ว ไม่ได้หมายถึงพวกซ้ายทั่วๆไป หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: sleepless ที่ 26-07-2008, 21:46 ที่คะนองปากไปหน่อย กลายเป็นสนธิ ลิ้ม มากกว่า :slime_dizzy: จะอ้างว่า เพื่อปกป้องสถาบันอย่างใดก็สุดแท้แต่ แต่เอาคำพูดของอาดมาป่าวประกาศต่อสาธารณะ ผิดแน่นอน แต่โทษทัณฑ์ไม่น่าจะหนักเท่าดา งง..เหมือนกัน เป็นถึงแกนนำที่มีโอกาสโค่นล้มรัฐบาลได้อยู่รอมร่อ ไหงสะดุดขาตัวเองล้มหัวฟาดพื้น เฮ้อ.. :slime_shy: สนธิ ลิ้มไม่ได้คะนองปากหรอก หากยังจำเมืองไทยรายวันช่วงที่ยังจูบปากกับทักษิณอยู่ ชุดความคิดสนธิอยู่ตรงข้ามกับปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง อยู่ดีๆ จะเปลี่ยนกลับตรงกันข้ามได้อย่างไร หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลว เริ่มหัวข้อโดย: มารร้ายพ่ายแพ้รัก ที่ 28-07-2008, 14:19 พวกนี้มันทำกันเป็นขบวนการมีมานานแล้วครับ แต่เพิ่งเข้มข้นก็ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมานี่เอง
กรณีดาตอปิโดคิดว่านังดามันหลุดออกมาเอง แนวร่วมฝ่ายนั้นเลยกระโดนหนีกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัวผมคิดว่าฝ่ายทักษิณไม่ชนะแน่นอน ณ.ตอนนี้นะครับ แต่ถ้าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชกาลไปแล้วก็มีความเป็นไปได้สูงครับ คงต้องดูล่ะครับ ว่าทักษิณจะติดคุกก่อน หรือว่าจะถึงช่วงเปลี่ยนผ่านรัชกาลก่อน หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: วาโย ที่ 28-07-2008, 14:50 การยกกรณีตัวอย่างของประเทสเนปาลผมว่ามีนัยยะหลายอย่างที่แตกต่างจากของเรามากนะครับ เช่น
1.ช่วงเวลาที่เกิดการปฏิวัติในนั้นเป็นช่วงเวลาของ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: วาโย ที่ 28-07-2008, 15:40 :slime_smile:การยกกรณีตัวอย่างของประเทสเนปาลผมว่ามีนัยยะหลายอย่างที่แตกต่างจากของเรามากนะครับ เช่น
1.ช่วงเวลาที่เกิดการปฏิวัติในนั้นเป็นช่วงเวลาของKองค์น้องที่ ปชช กังขาต่อการขึ้นมารับช่วงต่อของอำนาจและมีพฤติกรรมไม่น่าศรัทธา 2.องค์น้องดำเนินการแทรกแทรงอำนาจยุติธรรมเพื่อตนเองเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมความน่าเชื่อถือ 3.ระบบการเมืองการปกครองของเนปาลอิงกับหลักศาสนาฮินดูมากกว่าพุทธ(ของไทยอิงพุทธมากกว่าพราหมณ์) การปกครองที่อิงกับพราหมณ์มากกว่าทำให้Kของเขามีสถานะใกล้เคียงกับอำมาตยาธิปไตรที่คอมมิวนิสต์ชูธงต่อต้านสูง ยิ่งใช้อำนาจไปในทางมิชอบยิ่งเข้าทางพวกคอมเหมาเข้าไปใหญ่จุดพริกเปลี่ยนจึงเกิดขึ้นเร็ว :slime_smile:ลองมาดูของเรา(ของไทยอิงพุทธมากกว่าพราหมณ์)ทำให้เรามีนัยยะหลายอย่างที่แตกต่างจากรูปแบบการปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทั่วโลก เพราะแก่นของสังคมวิถีพุทธทำให้Kเป็นยิ่งกว่าสัญลักษณ์ เป็นยิ่งกว่าเจ้านายเหนือหัว และเป็นยิ่งกว่าศูนย์รวมอำนาจ นัยยะตรงนี้หาคำจำกัดความได้ยากแต่ถ้าให้ใกล้เคียงที่สุดก็คือ "เป็นตัวแทนของคุณธรรมในจิตใจของทุกๆคน" :slime_smile:ขบวนการนี้มีมาตั้งแต่ยุค14ตุลาแล้วผมเชื่อเช่นนั้นเหมือนกันครับ แต่ทำไมมันยังไม่สามารถทำอะไรให้ก้าวหน้ามากกว่าสิ่งที่พวกมันเคยทำ อาจจะเป็นเพราะคำๆนี้ของในหลวงก็ได้ครับ("เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม...") ธรรมราชาเป็นราชาในหมู่ราชา(พวกแถห้ามอ้างว่าพกลมเพราะพวกคุณก็เห็นๆอยู่ว่าพระราชกรณียกิจนั้นมีมากมายขนาดไหน)และเป็นเหนือยิ่งกว่าเทวราชา (นัยยะทางความหมายของศูนย์รวมอำนาจ)เพราะการปฏิเสธธรรมราชาที่พิสูจน์ด้วยกาลเวลาแล้วเท่ากับคุณปฏิเสธคุณธรรมในจิตวิญญาณของตนและเชื่อว่า "คนดีไม่มีอยู่จริงในโลกครับ" :slime_smile:ผมขอสรุปค้านว่าให้เหลี่ยมตายและเกิดอีกร้อยชาติก็ทำไม่สำเร็จแน่นอนครับ :slime_v: หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 28-07-2008, 16:26 อยากรู้ว่า ในอังกฤษ สเปน เดนมาร์ก ญี่ปุ่น หรือแม้แต่มาเลเซีย บรูไน มีไอ้ขบวนการพวกนี้อยู่ไหม? แล้วมันดำเนินการอะไรไปบ้างหรือเปล่า? ถ้ามี ทำไมสถาบันฯเค้ายังอยู่ได้... ในยุโรปไม่มีระบบ "สมมุติเทพ" สถาบันกษัตริย์ไม่มีความสำคัญเหมือนอย่างประเทศเรา ในญี่ปุ่นมีระบบ "โชกุน" ซึ่งศูนย์อำนาจของการเมืองการปกครองอยู่ที่โชกุน ไม่ใช่ "จักรพรรดิ์" จึงไม่มีใครคิดจะโค่นล้มราชวงศ์ มาเลเซียปัจจุบันไม่ได้เป็น "ราชอาณาจักร" สถาบันกษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ แทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย ส่วนประเทศเรา สถาบันกษัตริย์มีความสำคัญอย่างมากต่อการปกครอง เพราะเป็นผู้ทรงใช้อำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงมีความพยายามที่จะริดรอนพระราชอำนาจโดยการทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: watson ที่ 28-07-2008, 16:39 ผมไม่คิดว่า พวกที่สมยอมกับวิธีถ่อeๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งอุดมการณ์ตัวเอง เป็นคนดีหรอกครับ! :slime_slapped: เหมือนอย่างที่คุณ และ Amalit เคยประนามวิธีแบบกระทิงแดงหรือนวพล เมื่อตอนหกตุลา มาแล้ว แล้วคุณ *bonny มองว่า การวิพากษ์วิจารณ์อย่างว่านั่น เป็นผลดี หรือผลเสียมากกว่ากันครับ? คือเห็นคุณกล่าวว่าการปราศรัยของ ดาตอฯ ทำให้เป้าหมายของพวกนั้น(หางแดง)ก้าวไปอีกขั้น? แต่อีกนัยหนึ่ง คุณบอกว่าการวิพากษ์สถาบันในยุโรป(รวมญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่า?)เป็นการช่วยลดความกดดันของพวกหางแดง เลยสงสัยอ่ะครับ... แต่รายการเฉลิมพระเกียรตินี่ จะว่าไปบางทีอาจจะดูเป็นดาบสองคมจริงๆน่ะ เพราะเป็นการสร้างให้สถาบันเป็นเป้าเด่นเกินไป จนบาดหูบาดตาพวกหางแดง ปล.หางแดงในความหมายผม คือพวกต่อต้านสถาบันฯสุดขั้ว ไม่ได้หมายถึงพวกซ้ายทั่วๆไป กฏหมาย "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" มีไว้เพื่อคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ เหมือนกับที่ "กฏหมายหมิ่นประมาท" ให้ความคุ้มครองกับประชาชนทั่วไป เพราะการหมิ่นประมาทเป็นความผิดระหว่างบุคคลต่อบุคคล ถ้าผู้เสียหายไม่ทำการฟ้องร้องก็ไม่สามารถเอาผิดกับผู้หมิ่นประมาทได้ กฏหมาย "หมิ่นพระบรมฯ" จึงเป็นการเปิดช่องให้เอาผิดผู้ที่หมิ่นได้โดยไม่ต้องให้ "ผู้เสียหาย" ดำเนินการฟ้องร้องด้วยตนเอง ถ้าเปิดช่องให้มีการวิจารณ์ได้อย่างเสรีโดยไม่มีกฏหมายนี้ ก็เท่ากับว่าจะไม่สามารถเอาผิดกับผู้หมิ่นสถาบันได้เลย นอกจากให้ผู้เสียหาย (สถาบันกษัตริย์) ดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดกับผู้หมิ่นเอง หัวข้อ: Re: **พัฒนาการของความขัดแย้งจาก "เอา/ไม่เอาทักษิณ" กำลังจะเป็น "เอา/ไม่เอา ในหลวง"** เริ่มหัวข้อโดย: amm ที่ 28-07-2008, 18:28 ขอยกมือไม่ไว้วางใจ bonny พฤติกรรมน่าสงสัย อ่านหลายกระทู้ อ่านหลายความเห็น มันชักยังไง ยังไง :slime_mad:
|