หัวข้อ: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-07-2008, 10:21 "พล.ต.เจีย เคียวอ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา"
ผู้บัญชาการกองทัพบกจ.พระวิหาร"ระบุพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนของประเทศกัมพูชา ก่อนทั้งไทย-กัมพูชาจะเปิดประชุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในวันจันทร์นี้ (21ก.ค.) กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ได้ส่งจดหมายตอบกลับนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของกัมพูชา โดยยืนยันว่าพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหารเป็นดินแดนไทย และสิ่งปลูกสร้างรวมถึงทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ละเมิดอธิปไตยของไทยนั้น พลตรีเจีย เคียว ผู้บัญชาการกองทัพบกจังหวัดพระวิหาร กล่าวว่า หากดูตามแผนที่แล้ว พื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา แม้สถานการณ์ในพื้นที่วันนี้จะยังสงบเรียบร้อย แต่พลตรีเจีย เคียว กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายยังคงเสริมกำลังพลเข้าไปในพื้นที่ โดยกัมพูชาได้ส่งทหารเข้าประจำการกว่า 1,000 นาย ส่วนฝ่ายไทยนั้น มีทหารเกือบ400 นายบริเวณเชิงเขา และไม่แน่ใจว่ายังมีอีกกี่นายที่อยู่ตามป่า ก่อนหน้านี้ ทางการกัมพูชาปฏิเสธที่จะเปิดตัวเลขกำลังทหารของตนที่ประจำการบริเวณพรมแดน แต่สื่อต่างชาติรายงานว่ามีการเคลื่อนกำลังพลหลายร้อยนายเข้าไปเสริมทหาร 1,000 นายฝั่งกัมพูชา ส่วนไทยเอง มีการส่งทหาร 100 นายไปเพิ่มจากที่ประจำการอยู่ในพื้นที่แล้วตอนนี้ 400 นาย ก่อนที่สองฝ่ายจะเปิดการประชุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดในวันจันทร์นี้ (21ก.ค.) http://www.bangkokbiznews.com/ ผมได้ยินมาแล้ว ฝ่ายเขมรอย่างน้อย 3 คน คือ สมเด็จฮุนเซน สหายของนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ รองนายกฯ/รัฐมนตรีต่างประเทศเขมร และ นายพลเจีย เคียว ยืนยันว่าพื้นที่'ทับซ้อน' บริเวณรอบปราสาทเขาพระวิหารเป็นพื้นที่ของเขมร..... ก่อนหน้านี้ผมยังไม่ได้ยินว่านายกฯนอมินี รมว.กต. ลูกกรอก และนายพลไทย บอกว่าพื้นที่ทับซ้อนนั้นเป็นของประเทศไทย.....!!! ปล. ผมได้ยินว่านายกฯไร้วุฒิภาวะอารมณ์ของไทย ยืนยันว่าคนไทย(บ้า) 3 คนบุกรุกดินแดนเขมร.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 20-07-2008, 10:46 เขมรมันฉลาดกว่าคนไทยเยอะ อย่างน้อยสำนึกในการรักชาติ หวงแหนแผ่นดินก็มีอยู่เต็มเปี่ยม แม้จะแกมโกงก็ตาม
คนไทยกลุ่มหนึ่งนอกจากไม่รักชาติแล้ว ยังขัดขวางคนรักชาติที่พยายามเรียกร้องเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนคืนอีกด้วย แบบนี้จะเรียกคนกลุ่มนี้ว่าอะไรดี :slime_mad: หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: bangkaa ที่ 20-07-2008, 10:53 เขมรมันเห็นแก่ตัวโดยไม่เห็นหัวไทยครับ
จะเอาทุกอย่าง ไม่ค่อยสนใจ มิตรภาพเท่าใด ถือว่ามีแบ็กดี...เอาทรัพยากรที่มีเช่น แหล่งพลังงาน ทั้งที่เป็นของมัน และยังไม่ใช่ของมัน ต่อรองแบ่งให้ฝรั่ง มหาอำนาจ... ประเทศไทยเราเองก็ควรจะใช้สิ่งที่เรามีต่อรองกับฝรั่ง มหาอำนาจด้วยเช่นกัน... แต่ไม่ทำอาจเพราะ แม้ว อยากฮุบเป็นของตัวเอง... เรื่องนี่เป็นบทพิสูจน์ รัฐบาลหอกหัก ว่าจะแก้ปัญหายังไง... :slime_doubt: :slime_doubt: :slime_doubt: หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 20-07-2008, 10:57 ปี 46 ก็อย่างนี้แหละ มีคนเขมรออกมาบอกว่าได้ยินชัดที่อีกบ-สุวนันท์ด่าเขมร
หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 20-07-2008, 11:07 ปี 46 ก็อย่างนี้แหละ มีคนเขมรออกมาบอกว่าได้ยินชัดที่อีกบ-สุวนันท์ด่าเขมร รู้อย่างนี้แล้ว มะแอบังมุสลิมเขมรก็ยังเชียร์พวกมันอยู่เนอะ เหรี้ย ถึงใจจริงๆนะคุณ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 20-07-2008, 11:30 http://mil.news.sina.com.cn/2008-07-18/1351511958.html ขอยกมาบางตอน 泰国总理沙玛则指责,三名泰国示威者因非法进入柬埔寨境内,才会把事情闹大。他对记者说:就是这三个精神有问题的人越境才会引发问题,引起两方的军队对峙。三名越境的泰国示威者是一个和尚及一对男女,他们是在周二企图进入柏威夏古寺。 แปลได้ดังนี้ นายกประเทศไทยนายกสมัคร ประณามผู้ประท้วงคนไทย 3 คน ทำผิดกฏหมายรุกล้ำาเข้าไปในเขตแดนเขมร ทำให้เรื่องขยายใหญ่ขึ้น เขา( นายสมัคร)พูดกับนักข่าวว่า * 3 คนนี้สติไม่ดี ข้ามไปทำให้เกิดเรื่อง เป็นเหตุให้เกิดการประจานหน้าของทหารทั้ง 2 ฝ่าย* 3 คนไทยประกอบด้วยพระรูปหนึ่ง และชายหญิงอีกอย่างละคน ผมเข้าใจว่าสื่อต่างชาติหลายภาษาเสนอข่าวนี้ทั้งนั้น เป็นไงล่ะ ทั่วโลกต่างเข้าใจว่าประเทศไทยรุกล้ำดินแดนของเขมร เพราะ นายก ประเทศไทยพูดเอง :slime_mad: :slime_mad: :slime_mad: :slime_hitted: :slime_hitted: ถ้าเขมรฟ้องศาลโลก ไทยแพ้แน่นอน ก็แค่เอาเทปเสียงนายกไทยมายืนยันก็คงน่าจะเพียงพอ แถมเขมรอาจเชิญนายสมัครไปเป็นพยายฝ่ายเขมรก็เป็นไปได้ ฮ่อ.......... ขนาด นาย ก. หอกหัก ก็ยังยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขมร จนสำนักข่าวต่างชาติเอาไปอ้างอิง อย่างนี้ไม่เรียกว่า ขายชาติ ยกแผ่นดินให้เขมร แล้วจะเรียกว่าอะไร ส่วนฝ่ายเขมรนะพอเข้าใจ ว่าเขาทำเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเขมร คราวที่แล้วก็ทำแบบนี้จนชนะคดีปราสาทพระวิหาร อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกละ หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: p ที่ 20-07-2008, 11:40 ขนาด นาย ก. หอกหัก ก็ยังยอมรับว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเขมร สมัครขายชาติ สมัครขายชาติ สมัครขายชาติ :slime_evil: :slime_evil: :slime_evil: หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-07-2008, 13:57 ปี 46 ก็อย่างนี้แหละ มีคนเขมรออกมาบอกว่าได้ยินชัดที่อีกบ-สุวนันท์ด่าเขมร 'มะแอ ไม่ถึงสองหมื่น' เปรียบเทียบความเชื่อถือชาวบ้านเขมรเท่ากับนายกฯสมเด็จฮุนเซน รองนายกฯ และ นายพลเขมร.... 'หมัก เมถุน'นายกฯไร้วุฒิภาวะ และ รมว.ทนายหน้าหอเชื่อถือ'ใบบอก'ของพรรคฯ ยืนยันว่าประเทศไทยไม่เสียดินแดนให้เขมร... ชาวบ้านและพระไทยจึงพิสูจน์ ประจานรัฐบาลลูกกรอกโกหก ปลิ้นปล้อน หลอกลวงประชาชน ให้รับรู้ว่าคนไทยมีรัฐบาลนำโดย'เฒ่าเลี้ยงแกะ'...... วันนี้ยังไม่ถึงเวลาพวกบัตรเติมเงิน'รู้ทัน'รัฐบาลลูกกรอกอีกหรือ........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 20-07-2008, 22:11 'เขมร'ขู่หากเจรจากับไทยไม่ได้ผลส่ง'ศาลโลก'แน่ ปลัดกต.ซัด'กัมพูชา'ทำข้ามขั้นตอน
ปลัด กต. ซัดกัมพูชาทำข้ามขั้นตอน นักวิชาการชี้ 'ฮุน เซน' ฉลาดในการดึงคะแนนนิยม อดีตทูตชี้ทำไม่ได้หากไทยไม่ยินยอม โฆษกกัมพูชาอ้างไม่ได้หวังให้สหประชาชาติเข้าแทรกแซง เชื่อสถานการณ์ไม่เลวร้ายแม้การเจรจาจะล้มเหลว โวยเหนือไทยทั้งการทูต-กม. 'ปลัดบัวแก้ว' พร้อมแจงทุกเวที ความคืบหน้ากรณีปราสาทพระวิหาร หลังถูกประกาศให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่กลับสร้างปัญหาบานปลาย แถวบริเวณพื้นที่ชายแดนของไทยกับกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่คนไทยทะเลาะกันเอง หรือความตึงเครียด ของทหารทั้ง 2 ประเทศ กระทั่งทางการกัมพูชาได้ส่งหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ว่า เป็นสิทธิของกัมพูชาที่จะยื่นหนังสือถึงยูเอ็น แต่ต้องดูในแง่ความเหมาะสม เพราะควรต้องหารือในกลไกทวิภาคีก่อน ถ้าการหารือสองประเทศไม่สำเร็จ ก็ไปสู่กลไกระดับภูมิภาคคืออาเซียน แต่ถ้าไม่สำเร็จอีกจึงค่อยไปถึงยูเอ็น แต่อันนี้กระโดดไปขั้นสามเลย "ในแง่ของไทยซึ่งกำลังจะเป็นประธานอาเซียน เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของอาเซียนถูกกระทบกระเทือนว่า ทำไมเรื่องแค่นี้หาทางออกไม่ได้ ไปโพนทะนาให้คนอื่นฟัง เรื่องนี้เราควรหาทางแก้ไขกันเอง ควรเจรจากันได้ภายใต้กลไกที่มีอยู่ แต่ไทยก็พร้อมจะชี้แจงในทุกเวทีที่เขาไปหยิบยก" นายวีระศักดิ์กล่าว นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต กล่าวว่า ตามปกติความขัดแย้งของ 2 ประเทศ ยูเอ็นจะไม่แทรกแซงหากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ยินยอม การที่เขมรไปร้องต่อยูเอ็น เพื่อให้เข้ามาดูแลความขัดแย้งจึงทำไม่ได้ เพราะไทยไม่ยินยอมและไม่เกิดประโยชน์อะไร โดยเชื่อว่ายูเอ็นจะไม่เข้ามาแทรกแซงการภายในของไทย เพราะตามหลักการแล้วความขัดแย้งระหว่างสองประเทศจะต้องให้ประเทศที่เกิดขึ้นพิพาทแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่การที่กัมพูชายื่นเรื่องไปยูเอ็นนี้เป็นไปเพื่อกดดันทางการไทยมากกว่า ชี้ 'ฮุน เซน' ได้คะแนนนิยมอื้อ ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การส่งหนังสือถึงยูเอ็นถือเป็นความฉลาดของนายฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ที่เพิ่มอำนาจในการต่อรองกับไทยในเวทีจีบีซีที่จะมีขึ้น และได้คะแนนนิยมจากประชาชนมากทีเดียว จึงหวังว่า ผบ.สส.จะสามารถพลิกเกมการเจรจาให้มีทางออกและไทยไม่เสียเปรียบ และควรเปิดช่องทางการสื่อสารทางตรงระหว่างผู้นำกองทัพไทยกับผู้นำกองทัพกัมพูชาไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินที่อาจคาดไม่ถึง เช่น ทหารหนุ่มที่เลือดร้อนอาจจะเหนี่ยวไกโดยไม่มีคำสั่งจากผู้นำที่อาจเป็นชนวนเหตุให้เหตุการณ์บานปลายได้ "กัมพูชาใช้เวทีระหว่างประเทศกดดัน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองและป้องกันความเสียเปรียบในการเจรจากับฝ่ายไทย เพราะโดยสภาพแล้วกัมพูชาถือว่า ความสามารถทางการทหารเสียเปรียบไทย ดังนั้นการช่วงชิงการนำในเวทีระหว่างประเทศจึงเป็นการช่วงชิงการนำและเพื่อนานาชาติเห็นใจ" นายปณิธานกล่าว 'กองกำลังบูรพา' ประชุมรับมือ ด้าน พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อม พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย ที่กองกำลังบูรพา อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน และอารักขาการประชุมร่วมไทย-กัมพูชา ที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว วันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง และไม่มีใครให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือ นายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน จ.สระแก้ว และแกนนำพันธมิตรสระแก้ว กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรสระแก้ว หารือกันแล้วว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่จะส่งสารให้กำลังใจ พล.อ.บุญสร้าง ให้ทวงอธิปไตยของไทยกลับคืนมา เนื่องจากพื้นที่ส่วนหนึ่งบนเขาพระวิหารเป็นพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งส่วนอื่นของประเทศไทยที่กัมพูชารุกล้ำด้วย 'เขมร' โวย 'ไทย' ขนปืนใหญ่ขู่ สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า พลจัตวา เจีย เกียว ผู้บัญชาการทหารกัมพูชา เปิดเผยว่า การเจรจาของฝ่ายกัมพูชา-ไทย วันที่ 21 กรกฎาคมนี้ มีความหวังเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพราะรัฐบาลไทยได้ส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาบอกว่าดินแดนที่ทหารไทยตั้งอยู่ในเวลานี้เป็นดินแดนของไทย และสถานการณ์ยังลุกลามกรณีทหารไทยเคลื่อนย้ายเอาปืนใหญ่มาประจำการไว้บริเวณจุดที่ห่างจากปราสาทพระวิหารไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 1 กิโลเมตร ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจากันดังกล่าว "เราต้องตื่นตัวเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันเราก็ย้ำคำสั่งกับทหารของเราอยู่ตลอดให้อดทนและเลี่ยงไม่ให้ถูกตำหนิได้ว่าเป็นผู้เริ่มต้นสงคราม" พลจัตวา เจีย เกียว กล่าว โฆษกกัมพูชา เผยส่งจ.ม.ร้องยูเอ็น2ฉบับ ด้านนายเขียว กันนะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชาออกมาแถลงยืนยันว่า ทางการกัมพูชาได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตถาวรของกัมพูชาประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จัดส่งจดหมาย 2 ฉบับ ฉบับแรกส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น อีกฉบับส่งถึงประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ทั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้ยูเอ็นให้ความสนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นายเขียว กันนะริด กล่าวกับเอพีว่า การส่งจดหมายดังกล่าวไม่ได้เป็นการร้องขอให้ยูเอ็นเข้ามาแทรกแซงในกรณีนี้ เพราะทางการกัมพูชายังคงยึดมั่นอยู่กับคำสั่งของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ให้พยายามหาทางแก้ปัญหานี้ด้วยสันติวิธีอยู่ต่อไป แต่ในขณะเดียวกัน นายเขียว กันนะริด กล่าวกับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ว่า แม้การเจรจาที่จะมีขึ้นนี้ล้มเหลวลง สถานการณ์ก็คงไม่บานปลายออกไปมากมายอย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะกรณีที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะพิจารณาในเชิงของทางการทูตหรือในแง่มุมของกฎหมายแล้ว กัมพูชาสามารถเอาชนะไทยทั้งทางการทูตและทางกฎหมายได้อย่างแน่นอน "ถ้าหากการเจรจาล้มเหลว เราจะยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) อีก" นายเขียว กันนะริด กล่าว ...................................................................................................................................... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=41678&catid=1 ลองศึกษาคำพูด ความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่คิดว่าดินแดนบริเวณนั้นเป็นของประเทศของเขา.... และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่คิดว่าดินแดนบริเวณนั้นไม่ได้เป็นของประเทศของคนอื่น มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างใด..... ถ้าหมัก เมถุน นายกฯไร้วุฒิภาวะอารมณ์ อดีต รมว. กต.ทนายเหล่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทหารเกี่ยวกับแผนที่ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศไทย และ แกนนำพรรค พปช. ที่เคยยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่เสียดินแดนให้เขมร แม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว มีโอกาสให้สัมภาษณ์แก่สื่อฯไทยอีก จะยืนยัน เป็นพยานให้ฝ่ายเขมรอีกไหม..... :?: ปล. พวกที่ได้รับ'บัตรเติมเงิน'จากนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ ในเวบเสรีไทยยังยืนว่าที่ดินบริเวณนั้นเป็นของเขมร ตราบที่ได้รับ'บัตรเติมเงิน'ต่อเนื่อง..... คอยติดตามดูว่า ใครยังได้รับบัตรเติมเงิน ต่อเนื่อง.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 22-07-2008, 22:23 'ฮุนเซน'รุกหมักยัน'วัดแก้วสิขเรศวร'เป็นของเขมร/'จีบีซี'เหลว!
22 กรกฎาคม 2551 กองบรรณาธิการ "ฮุน เซน" รุกหนักทำหนังสือตอบ "หมัก" เพื่อนรัก ชูแผนที่ฝรั่งเศส-สนธิสัญญา 2450 ยืนกรานพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวรเป็นของกัมพูชา กินแดนเกือบกิโลเมตร อ้างศาลโลกตัดสินแล้ว ขณะที่ 2 ฝ่ายเสริมกำลัง เขมรเอาจริงขนรถถัง 8 คันประชิดหันปากกระบอกมาฝั่งไทย ส่วนที่ประชุมร่วมล้มเหลว ถกนาน 8 ชั่วโมงติดข้อกฎหมายถือแผนที่คนละฉบับ "เตีย บัณห์" ยอมรับสุดวิสัยที่จะหาทางออกได้ ต่างฝ่ายยืนกรานไม่ถอนกำลังกลับ อาเซียนติงกัมพูชาฟ้องยูเอ็น ไม่สบายใจที่ถูกทำให้กลายเป็นเวทีระหว่างประเทศ การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา วาระพิเศษ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเจรจาลดข้อพิพาทบริเวณเขาพระวิหาร ถูกจับตามองอย่างกว้างขวางจากประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียน ที่ต้องการให้เรื่องนี้ยุติลงอย่างสันติ การประชุมในครั้งนี้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นตัวแทนฝ่ายไทย โดยมี พล.อ.เตีย บัณห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานการประชุมฝ่ายกัมพูชา ทั้งนี้ ฝ่ายไทยที่เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.ท.นิพนธ์ ศิริวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เป็นผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสธ.ทหาร พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 นายพิษณุ สุวรรณชฏ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ นายทรงชัย ชัยประดิยุทธ ผู้แทนกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย นายสุรพล ทัดพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการ จ.สระแก้ว ทั้งนี้ รอบๆ โรงแรมอินโดจีนมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารบกจากกองกำลังบูรพา และเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 12-13 โดยมีรถจักรยานยนต์เคลื่อนที่เร็วและรถฮัมวีติดอาวุธปืนลาดตระเวนรักษาความสงบอย่างเข้มงวด ทันทีที่ พล.อ.เตีย บัณห์ เดินทางถึงโรงแรมเวลา 10.00 น. การหารือก็เปิดฉากขึ้นทันที โดยเป็นการหารือส่วนตัวกับ พล.อ.บูญสร้าง และคณะกรรมการฝ่ายไทยจำนวน 4 คน คือ พล.อ.อนุพงษ์ พล.ท.นิพัทธ์ พล.อ.ทรงกิตติ นายวีรศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายกัมพูชา 4 คน คือ พล.อ.เนียง พาด รมช.กลาโหมกัมพูชา นายลอง วิสาโล รมช.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ นายวาร์ กิม ฮอง รมว.อาวุโส/ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายกัมพูชา พล.อ.พอล ซาเรือน รอง ผบ.ทหารสูงสุด/เสนาธิการทหารแห่งชาติกองทัพกัมพูชา จนกระทั่งเวลา 13.15 น . ที่ประชุมได้หยุดหารือชั่วคราวเพื่อมารับประทานอาหาร จากนั้นได้ประชุมต่อในเวลา 14.00 น. สำหรับบรรยากาศการหารือกันนอกรอบนั้น ในช่วงเช้าใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง และในช่วงบ่ายเริ่มประชุมเหลือฝ่ายละ 3 คน ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง พล.อ.อนุพงษ์ และนายวีรศักดิ์ ส่วนฝ่ายกัมพูชาคือ พล.อ.เตีย บัณห์ พล.อ.เนียง พาด นายลอง วิสาโล ซึ่งทำให้การประชุมต้องยืดเยื้อออกไปเพราะยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประประชุมได้มีการหารือโดยได้เสนอในที่ประชุม 3 ประเด็น คือ 1.ห้ามยิง 2.ห้ามเพิ่มกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย 3.ห้ามนำผลการประชุมไปเป็นประเด็นการเมือง ขนอาวุธหนักประชิดชายแดน ในขณะที่การเจรจาเป็นไปอย่างเข้มข้นนั้น บริเวณชายแดนบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เส้นทางเข้าสู่เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด มีรถทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 23 พัน 4 บรรทุกกำลังทหารชุดลายพรางเต็มคันรถกว่า 12 คัน พร้อมลากปืนใหญ่อีกราว 3 กระบอกขึ้นไปยังบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นการเข้าเสริมกำลังเพิ่มเติมที่เชิงเขาพระวิหาร ร่วมกับทหารจากกองพลทหารราบที่ 6 (พล.ร.6) จ.ร้อยเอ็ด, กองกำลังทหารพรานของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 จ.บุรีรัมย์ ที่ได้ทยอยมาตรึงกำลังอยู่ก่อนหน้านี้เต็มบริเวณพื้นที่เชิงเขาพระวิหาร ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชาจับกุม 3 คนไทยไปและปล่อยตัวมา ส่วนฝ่ายทหารกัมพูชามีความเคลื่อนไหวไม่แพ้กัน มีการเสริมกำลัง และนำเอาอาวุธหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปืนอาร์พีจีเข้ามาตรึงกำลังบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร เพิ่มเป็นจำนวนมากเช่นกัน ยังมีรายงานแจ้งว่า กัมพูชานำรถถัง 8 คันมาเตรียมพร้อมอยู่ที่บ้านโกมุย และบ้านสวายจรุม หมู่บ้านชายแดนด้านหลังเขาพระวิหารฝั่งประเทศกัมพูชา โดยหันปลายกระบอกปืนรถถังเข้ามายังผามออีแดง และบริเวณเชิงเขาพระวิหาร จุดที่ทหารไทยตรึงกำลังอยู่ ขณะที่การประชุมที่โรงแรมอินโดจีนยังไม่มีข้อยุตินั้น อีกด้านหนึ่งที่ประเทศสิงคโปร์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนได้เรียกร้องให้ประเทศไทยกับกัมพูชาแสดงความอดกลั้นและความระมัดระวังอย่างถึงที่สุดต่อปัญหาการเผชิญหน้าที่แนวพรมแดนของประเทศทั้งสอง พร้อมกับเสนอที่จะยื่นมือเข้าช่วยหาทางออกต่อปัญหาที่เกิดขึ้น นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน เผยว่า กัมพูชาได้ชี้แจงว่ากัมพูชาไม่ได้ร้องเรียนหรือขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเข้าแทรกแซงต่อปัญหาข้อพิพาทดินแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร กัมพูชาเพียงแต่แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้คณะมนตรีความมั่นคงทราบเท่านั้น นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กล่าวว่า สถานการณ์ได้บานปลายออกไปอย่างน่าอันตราย กองกำลังจากทั้งสองประเทศได้เผชิญหน้ากันในพื้นที่พิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหาร อาเซียนไม่สามารถนิ่งเฉยโดยไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี เขาบอกว่า บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนได้รับคำยืนยันว่า ไทยกับกัมพูชาจะใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันในเรื่องข้อพิพาทพรมแดน อาเซียนติงกัมพูชา ที่น่าสนใจคือนายฮัสซัน วิรายุดา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกัมพูชาที่ทำหนังสือไปถึงยูเอ็น กลายเป็นประเด็นในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้อาเซียนรู้สึกไม่สบายใจ และอาเซียนได้ออกแถลงการณ์ร่วม หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหาข้อยุติได้ในการเจรจาที่อรัญประเทศ นายจอร์จ เยียว รมต.ต่างประเทศสิงคโปร์ ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้อ่านแถลงการณ์ว่า อาเซียนขอให้ไทยและกัมพูชาใช้ความอดกลั้นและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างฉันมิตร และหวังว่าการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา และการหารือในกรอบทวิภาคีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ อาเซียนพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทางด้านต่างๆ แก่ไทยและกัมพูชา หากทั้งสองฝ่ายต้องการ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่ประเทศกัมพูชายื่นไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบ โดยไม่ได้เรียกร้องให้ทำอะไร ซึ่งเราก็ได้อธิบายกับประธานคณะมนตรีความมั่นคงฯ ไปแล้วในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติการระหว่างประเทศโดยทั่วไป ไม่เฉพาะแต่กรณีปราสาทพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาเท่านั้น หลายๆ ข้อพิพาทระหว่างประเทศก็ไม่ได้ถูกนำเข้าที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพราะมีกลไกในการเจรจากันทั้งในระดับทวิภาคีระหว่างประเทศคู่กรณี การเจรจา 2 ฝ่ายไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้มีหนังสือลงวันที่ 19 กรกฎาคม ตอบจดหมายของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งลงวันที่ 18 กรกฎาคม โดยมีใจความสำคัญว่า พื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวรนั้น ตาม "แผนที่ผนวก 1" ซึ่งศาลโลกได้ใช้ในการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ถือว่าตั้งอยู่ภายในดินแดนของกัมพูชาในระยะประมาณ 700 เมตรโดยชอบด้วยกฎหมาย แผนที่ผนวก 1 ฉบับนี้ เขียนขึ้นเมื่อปี 2451 อันเป็นผลจากการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีนกับสยาม ซึ่งตั้งขึ้นตามข้อตกลงปี 2447 และสนธิสัญญาปี 2450 ระหว่างฝรั่งเศสกับสยาม ซึ่งได้รับการยอมรับจากราชอาณาจักรสยาม จดหมายจากผู้นำของกัมพูชาระบุด้วยว่า ในคำวินิจฉัยของศาลโลกนั้น ศาลโลกได้ระบุไว้อย่างชัดแจ้งถึงความชอบด้วยกฎหมายของแนวเส้นเขตแดนตามแผนที่ผนวก 1 อย่างไรก็ดี ตนมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า ความพยายามร่วมกันของเราทั้งสองจะบรรลุถึงซึ่งทางออกที่น่าพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายต่อปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น พลจัตวาเจีย เกียว ผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เปิดเผยว่า คุน คิม รองผู้บัญชาการทหารบกของกัมพูชาได้ไปตรวจเยี่ยมพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารในวันจันทร์ และได้บอกกับกำลังพลให้มีความอดทน และให้รัฐบาลเป็นผู้แก้ไขปัญหา ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลโลกที่มีการรับรู้ในฝ่ายไทย คือศาลโลกตัดสินเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้นที่เป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้ตัดสินเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ อีกทั้งแผนที่ที่กัมพูชาใช้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกก็ไม่ได้ผนวกเอาพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขเรศวรเข้าไปด้วย และไทยถือว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย ยังมีรายงานว่าภาคเอกชนของกัมพูชาส่งอีเมล์กระจายไปถึงกลุ่มเอ็นจีโอทั้งในสหรัฐ สหภาพยุโรป ขอบริจาคอาหารและหยูกยาไปช่วยเหลือทหารเขมรที่ประจำการอยู่บริเวณปราสาทพระวิหารเป็นการด่วน ในอีเมล์มีการตีพิมพ์ภาพทหารเขมรที่ปราสาทพระวิหารด้วย สรุปผลประชุมไร้ข้อตกลง ที่โรงแรมอินโดจีน การประชุมย่อย 2 ฝ่ายได้เสร็จสิ้นลงในเวลา 18.30 น. หลังใช้เวลาหารือกันอย่างยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ทำให้การประชุมใหญ่ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่ายที่เตรียมไว้ต้องยกเลิกไป เนื่องจากเวลาไม่พอ เพราะการประชุมจะต้องยุติก่อนเวลา 20.00 น. ที่จุดผ่านแดนจะปิด ทั้งนี้ สำหรับการแถลงข่าวร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ได้ใช้ผลการประชุมส่วนตัวมาแถลงข่าวร่วมกัน พล.อ.บุญสร้างแถลงข่าวถึงผลการประชุมว่า การประชุมวันนี้เป็นเรื่องไม่ง่าย ดังนั้นการประชุมจริงยังไม่เกิด มีแต่การประชุมวงเล็กด้วยบรรยากาศที่ดีตลอด 8 ชม แต่ทั้งนี้ยังติดขัดในข้อกฎหมายที่มีปัญหา จึงต้องให้หน่วยเหนือขึ้นไปตัดสินใจ เราจะนำข้อเสนอแนะที่เหมาะสมให้รัฐบาลนำไปแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม โดยทั้ง 2 ฝ่ายต้องนำผลไปรายงานรัฐบาลในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ที่เราทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายคือทั้ง 2 ฝ่ายจะไปสั่งการทหารที่เผชิญหน้าให้อยู่ในความสงบไม่ให้มีเหตุรุนแรง ด้าน พล.อ.เตีย บัณห์ แถลงว่า การประชุมครั้งนี้เราพยายามทำเต็มที่ ขอย้ำว่าที่ พล.อ.บุญสร้างเรียนมาเป็นสิ่งที่เราทำมา ทุกอย่างถือว่าเป็นสิ่งที่ก้าวหน้าอย่างดี แต่มาขัดต่อกฎหมายบางอย่างจึงทำให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมต้องเอาไว้ก่อน เพราะเรายังปฏิบัติไม่ได้ ตอนนี้จึงได้มาแค่นี้ สิ่งที่เราเข้าใจกันลึกซึ้งคือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าไม่ให้เกิดความรุนแรง แต่สิ่งที่ลดอุณหภูมิแห่งความตึงเครียด ขอเรียนว่ายังไม่มีการลดลง เพราะอย่างที่ทราบคือที่ผ่านมามีอุณหภูมิขึ้นมา ทำให้เราเป็นห่วง เราจึงอยากลดอุณหภูมิคือการเผชิญหน้ากัน แต่ถึงติดอยู่ที่ข้อกฎหมายทำให้ผลงานที่หารือกันก่อนที่ประชุมเป็นทางการ ก็เลยยังเปิดไม่ได้ จึงหารือนอกรอบนี้ก่อนและนำเรื่องนี้ไปอีกสู่ระดับหนึ่ง เป็นสิ่งที่ได้ปฏิบัติมาในวันนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อกฎหมายที่ติดขัดคืออะไร และจะมีการถอนทหารหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างตอบว่า ตอนนี้ไม่ทำอะไร เพราะติดข้อกฎหมายซึ่งซับซ้อนมาก เราจึงนำนักกฎหมายของแต่ละคณะมา ส่วนข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคคงต้องไปถามนักกฎหมาย ส่วนทหารจะถอนหรือไม่นั้นตอนนี้จะให้ตรึงกับที่ไว้ก่อน แต่อยู่ในความสงบไม่ให้เกิดความรุนแรง การจะไม่ยิงกัน และไม่มีการเสริมกำลังทั้งอยู่กับที่ไม่ให้ใช้ความรุนแรง และไม่มีการเสริมกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย การหารือไม่ถือว่าล้มเหลว เพราะประชุมมา 8 ชม. ได้อะไรมาเยอะ แต่อาจจะไม่มีข้อสรุปให้รัฐบาล แต่ตอนนี้ต่างคนต่างทราบว่าจุดยืนแต่ละฝ่ายมีอย่างไร และสิ่งที่เป็นรูปธรรมในการเจรจาครั้งนื้คือให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และในที่ประชุมไม่ได้นำการที่สมเด็จฮุน เซน ส่งจดหมายไปที่ยูเอ็นมาหารือกัน เพราะตอนนี้พยายามจะลดปัญหาการเผชิญหน้าเป็นหลัก ซึ่งเรายังพูดอะไรไม่ได้ ตั้งใจว่าจะประชุมอีกครั้งหลังจากแต่ละฝ่ายนำประเด็นไปสู่ระดับสูง ซึ่งอาจจะประชุมหลังเลือกตั้ง พล.อ.เตีย บัณห์ บอกว่า ตอนนี้ถือว่าสุดวิสัยที่เราจะหาทางออกได้ เราก็ต้องไปตามทางที่เราจะไปได้ การประชุมนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ส่วนปัญหาพื้นที่เรามีหน่วยงานที่ดูแลและต้องทำกันทั้ง 2 ฝ่ายว่าเป็นอย่างไรที่ทับซ้อนและไม่ทับซ้อนอย่างไร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ตัดบทผู้สื่อข่าวที่จะซักถามต่อ โดยอ้างว่า พล.อ.เตีย บัณห์ จะต้องรีบเดินทางกลับก่อนที่ด่านจะปิด จากนั้น พล.อ.บุญสร้างให้สัมภาษณ์ถึงการติดขัดข้อกฎหมายว่า เราถือแผนที่คนละฉบับ เรื่องพื้นฐานก็มีแค่นั้น ส่วนจะเกี่ยวกับข้อกฎหมายอย่างไรต้องไปถามนายวีระชัย และการประชุมครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่ยังไม่รู้ คงอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งคณะกฎหมายคงประสานงานกัน ส่วนจะสามารถลงเอยกันได้หรือไม่ ถ้าลงเอยกันได้ก็มาประชุม แต่ถ้าลงเอยไม่ได้มาประชุมก็เสียเงินเปล่า เมื่อถามว่าจะนำรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างไร ผบ.สส.ตอบว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ทำ เพราะเขาเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย และเขาจะรู้รายละเอียดเยอะ อย่าไปคิดว่าการประชุมล้มเหลว ซักว่าที่ประชุมมีการเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาถอนตัวออกจากพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างตอบว่า ถ้าการประชุมไม่ลงเอยสิ่งเหล่านี้ก็ออกมาไม่ได้ การประชุมวันนี้เราจะทำเฉพาะในข้อเสนอแนะเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่เสนอแนะจะนำไปสู่รัฐบาล แต่เมื่อกฎหมายไม่ลงตัวก็ยังทำอะไรต่อไม่ได้ พล.อ.บุญสร้างกล่าวถึงแนวโน้มการถอนทหารออกจากพื้นที่ว่า เราคงยอมไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับอธิปไตยและดินแดนของประเทศ ขณะนี้ทหารเหนื่อยอยู่และวางกำลังอยู่ มานั่งเจรจาให้ถอนกำลังคงทำไม่ได้ หลังจากนี้จะร่างข้อเจรจาทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีและทีมงานได้พิจารณา และจะมีการนัดหารือในระดับใดเมื่อไหร่ก็ดูว่าจะเป็นระดับกองทัพ รัฐบาลหรือจีบีซี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการหารือเมื่อเวลา 17.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามผลการหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. โดย ผบ.ทบ.ได้รายงานผลแก่นายกฯ ประมาณ 15 นาที จากนั้น ผบ.ทบ.ได้เรียกแม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 1 มาสั่งการถึงกรณีการตรึงกำลังทหารบริเวณแนวชายแดนที่มีปัญหา โดยได้ย้ำถึงมาตรการให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ทั้งนี้ ผบ.ทบ.มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด นอกจากนี้ พล.อ.เตีย บัณห์ ได้โทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุน เซน ด้วย พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เปิดเผยว่า ในการเจรจาได้เริ่มตั้งแต่จุดแรก แต่พอถึงข้อสุดท้ายปรากฏว่าไม่สามารถไปต่อได้ เพราะติดขัดข้อกฎหมาย ทั้ง พล.อ.บุญสร้าง และ พล.อ.เตีย บัณห์ จึงโทรศัพท์ไปหานายกฯ 2 ฝ่าย และก็ให้รอการประชุมครั้งหน้าที่น่าจะมีขึ้นหลังวันเลือกตั้งกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถบอกได้ว่าข้อกฎหมายที่ติดขัดคืออะไร เอาเป็นว่าถ้าพูดกฎหมายนี้จะไปเกี่ยวถึงกฎหมายโน้น มีผลต่อข้อนี้ ซึ่งมันก็เริ่มมาตั้งแต่เรื่องเอ็มโอยู ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้จะไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในกรณีปราสาทพระวิหารได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ปัญหาถูกนำขึ้นสู่โต๊ะเจรจา และทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงและลุกลามต่อไป ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง จึงอยากเอาใจช่วยทุกฝ่ายที่ทำงานในเรื่องนี้ และต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี "ขณะนี้มีการตรึงกำลังทั้ง 2 ฝ่าย เป็นไปอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเตือน ว่าหากกรรมการมรดกโลกไปอนุมัติให้มีการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ก็จะมีคนเข้าไปในพื้นที่แน่นอน การบริหารจัดการก็จะเกิดการโต้แย้ง ที่ผมเสนอก็อยากให้ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะเจรจา โดยยึดหลักว่าพื้นที่ตรงนั้นยังไม่มีการปักปันเขตแดน และไม่ควรมีใครไปทำอะไรส่งผลกระทบกับพื้นที่นั้น และการจัดการร่วมกันก็ต้องไม่กระทบสิทธิ์ซึ่งกันและกัน" ไม่ยอมรับแถลงการณ์ร่วม ถามว่า ขณะนี้กัมพูชาเดินหน้ามากกว่าการเจรจาในระดับทวิภาคี แต่มีการร้องเรียนไปยังองค์การสหประชาชาติด้วย กระทรวงการต่างประเทศควรดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไทยควรเดินหน้าในเชิงรุกอย่างที่ตนเคยเสนอไปตั้งแต่ต้นว่า ไทยไม่ยอมรับในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว และต้องทำความเข้าใจกับคณะกรรมการมรดกโลก โดยไม่ควรเพิกเฉยในเรื่องนี้ เพราะมีหลายประเทศที่สนใจในเรื่องเหล่านี้อยู่ จึงต้องทำความเข้าใจในมุมของเราด้วย เพราะกัมพูชาเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง "ให้ชาวโลกทราบว่าไม่มีใครรังแกใคร แต่เป็นเรื่องสิทธิและมีการโต้แย้งกันอยู่ ซึ่งเราสามารถพูดคุยและตกลงกันได้ในฐานะเพื่อนบ้านกัน การประชุมอาเซียนไทยก็ต้องแสดงท่าทีว่าเราไม่มีเจตนาละเมิดสิทธิ์ใคร เพียงแต่ไทยต้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง และสนับสนุนแนวทางสันติวิธีเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งเจรจากัน และถ้ามีโอกาสต้องแสดงข้อคิดเห็นกันว่าตั้งแต่ต้นทำไมเราจึงคิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเรา และทำไมจึงมีการเสนอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด" นายอภิสิทธิ์กล่าว นายอัษฎา ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เชื่อว่าไม่มีการเผชิญหน้าเด็ดขาด น่าจะทำความเข้าใจกันได้ ส่วนเรื่องเขตแดนที่ยังไม่มีการตกลงกัน ร้องขอว่าอย่าเข้าไปยุ่ง ขอให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการปักปันเขตแดนดำเนินการจะได้ลดความขัดแย้งในเรื่องนี้ลง ส่วนที่นายสมัครออกมาตำหนิคนไทย 3 คนว่าเป็นคนบ้านั้น ดูแล้วไม่เหมาะสมนักในฐานะนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เป็นปัญหาก่อนหน้านี้คือ การยอมรับแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่กรุงปารีสนั้น ถือเป็นข้อผิดพลาดทางการทูตของนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เขายังมองว่าการที่กัมพูชาทำหนังสือถึงยูเอ็น แสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ถือว่าเขาใช้วิธีการแจ้งก่อน ส่วนยูเอ็นจะเข้ามาประสานรอยร้าวกับข้อพิพาทนี้หรือไม่นั้น ตนมองว่าคงไม่แน่ เพราะนายฮุน เซน ให้ทูตทำหนังสือแจ้งสมัชชาใหญ่ที่มีสมาชิก 190 ประเทศ คล้ายกับสภาเป็นเพียงการแจ้งให้ทราบเฉยๆ ทำเหมือนหนังสือเวียน ในกรณีนี้ไม่น่าหนักใจ แต่เป็นเหมือนการประจานประเทศไทยของเรา เพื่อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกประณามไทย เหมือนกรณีที่เวียดนามบุกเขมร สำหรับการหารือที่โรงแรมอินโดจีน กลุ่มธรรมยาตราหรือกลุ่มคณะกรรมการแห่งชาติกอบกู้รักษาอธิปไตยของชาติด้วยอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย จำนวน 7 คน นำโดยนายสมาน ศรีงาม เลขาธิการกลุ่ม ได้มายื่นหนังสือเรียกร้อง 4 ข้อให้กับ พล.อ.บุญสร้าง โดยมี พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2/ผบ.กกล.บูรพา เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว สำหรับข้อเรียกร้องคือ 1.ให้รุกกลับทางการเมือง 2.รุกทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยึดถืออนุสัญญากรุงโตเกียว ค.ศ.1941 เพราะสนธิสัญญาสยาม ฝรั่งเศส ค.ศ.1904-1907 ถูกยกเลิกไปแล้วและข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศสเป็นโมฆะ และคำตัดสินของศาลโลกต้องเป็นโมฆะ 3.การรุกทางทหาร 4.การรุกด้วยการเจรจา เป็นการเจรจาไปรุกไป. อ่านข่าวย้อนหลัง http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=22/Jul/2551&news_id=161383&cat_id=501 นายกฯไร้วุฒิภาวะอารมณ์และอดีตรมว.กต.ทนายหน้าหอของนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ เคยยืนว่า เขมรต้องการปราสาทเขาวิหารเท่านั้น ส่วนดินแดนรอบข้างไม่เกี่ยว.... สองแกนนำพรรคพลังประชาชนยืนยันกับคนไทยว่าจะไม่ให้ประเทศไทยเสียดินแดนแม้แต่หนึ่งตารางนิ้ว วันนี้ประชาชน พวกเราได้รับรู้ว่าสองแกนนำพรรคพลังประชาชน โกหกพกลมอย่างไร้ยางอาย ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน พูดดำเป็นขาว มาตลอด..... 'ฮุนเซน'รุกหมักยัน'วัดแก้วสิขเรศวร'เป็นของเขมร! หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: อิรวันชาห์ IrWanSyah ที่ 22-07-2008, 22:30 อ้างถึง 'มะแอ ไม่ถึงสองหมื่น' เอ้า....ต่อให้อีกห้าพันก็ได้ เพราะวันนั้น CNN บอกว่า MOB กุ๊ยข้างถนนมีไม่เกิน 25,000 :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2: หัวข้อ: Re: ผมได้ยินมาจริงๆว่า พล.ต.เจีย เคียว อ้างพื้นที่ทับซ้อนเป็นดินแดนกัมพูชา..... เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 22-07-2008, 22:54 ฝ่าเปลวไฟ สุนันท์ ศรีจันทรา
22 กรกฎาคม 2551 กองบรรณาธิการ ไส้ศึกเขมร พื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยและกับพูชาขึ้นแล้ว โดยไม่อาจประเมินสถานการณ์ได้ว่าจะลุกลามบานปลายไปอย่างไร ปัญหาเขาพระวิหารกำลังปลุกให้คนไทยทั้งประเทศตื่นตัว กำลังทำให้คนไทยหันมาสนใจค้นหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และตั้งคำถามว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ไปทำอะไรไว้หรือไม่ จนเขมรเหิมเกริม รุกคืบที่จะครอบครองพื้นที่ทับซ้อน 4.3 ตารางกิโลเมตรอย่างหน้าตาเฉย ปัญหาเขาพระวิหารถูกขุดคุ้ยขึ้นมาหลายเดือนแล้ว โดยเริ่มต้นจากกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้าไปพัฒนาเกาะกง สำรวจก๊าซและน้ำมันในกัมพูชา แต่ความเคลื่อนไหวการเจรจาเข้าไปตักตวงผลประโยชน์ในกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณถูกเปิดโปงขึ้น เมื่อมีข่าวการทำข้อตกลงเซ็นแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อเสนอขอนำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และมีกระแสข่าวว่าการเซ็นแถลงการณ์ร่วม โดยนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเงื่อนไขในการขอสัมปทานธุรกิจในเขมร รัฐบาลนายสมัครพยายามบิดเบือน เบี่ยงเบนประเด็นเขาพระวิหารมาตลอด โดยยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่สูญเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว นายสมัครยืนกระต่ายขาเดียวว่า เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชามากกว่า 46 ปีแล้ว ตามคำตัดสินของศาลโลก และยืนกรานว่าไทยจะไม่สูญเสียอธิปไตยจากแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือ ทหารเขมรได้ยึดครองพื้นที่ทับซ้อนไปแล้ว และอ้างว่าเป็นดินแดนของเขมร กลุ่มประชาชนที่มีความเป็นห่วงอธิปไตยของประเทศไทย ห่วงดินแดนที่จะเสียไป และออกมาเคลื่อนไหวเปิดโปงผลประโยชน์ทับซ้อนของกลุ่มนักการเมืองในการออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา กลุ่มประชาชนที่ต่อต้านการออกแถลงการณ์ร่วมฯ และเคลื่อนไหวประท้วงการลุกล้ำดินแดนของฝ่ายเขมร รวมทั้ง 3 คนไทยที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อน และถูกทหารเขมรควบคุมตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน ถูกนายสมัครและนักการเมืองพรรคพลังประชาชนโจมตีว่า เป็นผู้ที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง 3 คนไทย ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อปกป้องดินแดงประเทศไทย ถูกนายสมัครด่ากราดว่าเป็นไอ้บ้าไอ้บอที่จะก่อชนวนสงคราม แต่ย้อนเวลาช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ถ้าไม่มีคนไทยที่หวงแหนแผ่นดิน นำข้อมูลการออกแถลงการณ์ร่วมขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของคนไทยที่ขายชาติมาเปิดโปง ถ้าสื่อมวลชนไม่ตีแผ่ข้อเท็จจริง และถ้าไม่มีกลุ่มประชาชนที่ลุกฮือขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของไทยแล้ว ใครจะบอกได้ว่า สถานการณ์เขาพระวิหารเป็นอย่างไร ใครจะบอกได้หรือไม่ว่า กองทัพไทยจะตื่นตัวลุกขึ้นมาปกป้องอธิปไตยของชาติหรือไม่ และใครจะบอกได้ว่า นายสมัครจะทำเป็นกระ***นกระหือรือ ทำท่าจะเป็นคนรักชาติกับเขาขึ้นมา โดยยื่นหนังสือถือนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีเขมร แจ้งว่าทหารเขมรลุกล้ำเขตแดนไทยหรือไม่ วันนี้คนไทยส่วนใหญ่หูตาสว่างขึ้นแล้ว รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร และเชื่อแล้วว่าการออกแถลงการณ์ร่วมขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น รัฐบาลนายสมัครมีลับลมคมใน แม้ว่านายสมัครจะทำเป็นกระ***นกระหือรือรักชาติ และกลับลำมายอมรับว่าเขมรกำลังรุกล้ำเพื่อครอบครองแผ่นดินไทย แต่จะไว้ใจอะไรกับรัฐบาลนายสมัครได้ จะเชื่อใจได้อย่างไรว่า นายสมัครจะต่อสู้เพื่อทวงดินแดนคืนอย่างจริงจัง และจะเชื่อความสามารถในการแก้ปัญหาเขาพระวิหารของรัฐบาลนายสมัครได้หรือ ในเมื่อขณะนี้ยุทธศาสตร์ทางการต่อสู้และการทูตของไทยเป็นรองเขมรอยู่หลายขุม เขมรยื่นคำร้ององค์กรสหประชาชาติไปแล้วว่าไทยลุกล้ำดินแดน แต่กระทรวงการต่างประเทศของไทยไม่รู้หายหัวไปไหน และแทบไม่มีบทบาทใดเลยในยามที่ประเทศต้องแสดงบทบาทต่อนานาประเทศ พื้นที่ทับซ้อนบริเวณรอบปราสาทพระวิหารถูกเขมรครอบครองไปแล้ว โดยไม่รู้ว่าจะทวงคืนกลับมาได้หรือไม่ เพราะการต่อสู้ทวงคืนอธิปไตยของไทยเป็นไปอย่างไร้เอกภาพ แตกต่างจากเขมรซึ่งประชาชนและรัฐบาลพูดจาภาษาเดียวกัน มีเจตนารมณ์เดียวกันเพื่อยึดเขาพระวิหาร แต่รัฐบาลนายสมัครกับประชาชนกลับพูดจาคนละภาษา และมีระดับความรักชาติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ประชาชนยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ แต่รัฐบาลนายสมัครกลับด่ากราดกลุ่มประชาชนที่พยายามต่อสู้ปกป้องเขาพระวิหาร ถ้าต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารไป ประเทศไทยยามนี้คงไม่แตกต่างจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โดยมีคนไทยที่เป็น "ไส้ศึก" ให้เขมร. http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=22/Jul/2551&news_id=161377&cat_id=600 ประชาชนยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ แต่รัฐบาลนายสมัครกลับด่ากราดกลุ่มประชาชนที่พยายามต่อสู้ปกป้องเขาพระวิหาร ถ้าต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารไป ประเทศไทยยามนี้คงไม่แตกต่างจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง โดยมีคนไทยที่เป็น "ไส้ศึก" ให้เขมร. ถ้าประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนเขาพระวิหารตลอดไป ประชาชนต้องจดจำไว้ว่านายสมัคร นายกฯนอมินี อดีตรมว.กต.นพดล และนักธุรกิจการเมืองแม๊วๆ เป็นผู้จัดการยกดินแดนให้เขมร เพื่อหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจที่พวกเขาจะได้รับร่วมกันเป็นการส่วนตัว....!!! |