ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: protecter ที่ 18-07-2008, 08:20



หัวข้อ: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: protecter ที่ 18-07-2008, 08:20
คนที่พูดว่า 4.6 ตร กม บนเขาพระวิหาร เป็น  *พื้นที่ทับซ้อน*  คือคนเข้าใจผิด และ ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำนี้

จริงๆแล้ว บนบกไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่พื้นที่ต่างอ้างสิทธิ พื้นที่ทับซ้อนมีได้แต่ในน่านน้ำทะเลเท่านั้น

หลักเกณฑ์การแบ่งเขตแดนสากล มี 3 แบบ

1.ถ้าเป็นภูเขาก็ยึดสันปันน้ำ
     คือถ้าฝนตก น้ำจะไหลไปที่ต่ำกว่าทั้ง 2 ด้านของยอดเขา จุดนั้นหละ เรียกว่าสันปันน้ำ หลักสากลจะยึดตรงนี้เป็นเขตแดน
เขาปราสาทพระวิหารก็ยึดถือหลักเกณฑ์นี้ ฉนั้น ตามหลักการแบ่งเขตสากล ภูเขาทั้งลูกเป็นของไทย ศาลโลกพิพากษาเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

2.ถ้าเป็นแม่น้ำก็ยึดร่องน้ำที่ลึกที่สุด
    คือ เอาร่องที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเป็นเขตแดน เมื่อหน้าแล้งน้ำลด ในแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดเท่านั้นที่ยังคงจะมีน้ำเหลืออยู่ นั้นหละ ยึดหลักตรงนี้เขตแดน

3.ถ้าเป็นทะเลก็ยึด 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
    คือ วัดจากชายฝั่งของประเทศนั้นๆ 200 ไมล์ทะเล เป็นเขตเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
   แต่เนื่องจากประเทศ แต่ละประเทศมักจะอยู่ติดๆกัน เช่น ไทยกับเขมร เมื่อวัดจากฝั่งไทย 200 ไมล์ทะเล จะมีพื้นน้ำทะเลไปทับและซ้อนกับเขมรซึ่งวัดจากชายฝั่งของเขาเช่นกัน  ส่วนนี้หละ เขาถึงเรียกว่า * พื้นที่ทับซ้อน *

วิธีการจัดการของพื้นที่ทับซ้อน ส่วนใหญ่มักจะตกลงร่วมกันพัฒนา แบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน เช่น กรณีทะเลด้านภาคใต้ของไทย กับ มาเลเซีย

ฉนั้น จงระมัดระวังในการใช้คำว่า พื้นที่ทับซ้อน...........ถ้าเราคำนี้มาใช้กับ 4.6 ตร กท ของเขาพระวิหาร นั่นก็เท่ากับเราต้องเอาดินแดนของเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้เขมร


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 18-07-2008, 10:10
คนที่พูดว่า 4.6 ตร กม บนเขาพระวิหาร เป็น  *พื้นที่ทับซ้อน*  คือคนเข้าใจผิด และ ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำนี้

จริงๆแล้ว บนบกไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่พื้นที่ต่างอ้างสิทธิ พื้นที่ทับซ้อนมีได้แต่ในน่านน้ำทะเลเท่านั้น

หลักเกณฑ์การแบ่งเขตแดนสากล มี 3 แบบ

1.ถ้าเป็นภูเขาก็ยึดสันปันน้ำ
     คือถ้าฝนตก น้ำจะไหลไปที่ต่ำกว่าทั้ง 2 ด้านของยอดเขา จุดนั้นหละ เรียกว่าสันปันน้ำ หลักสากลจะยึดตรงนี้เป็นเขตแดน
เขาปราสาทพระวิหารก็ยึดถือหลักเกณฑ์นี้ ฉนั้น ตามหลักการแบ่งเขตสากล ภูเขาทั้งลูกเป็นของไทย ศาลโลกพิพากษาเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

2.ถ้าเป็นแม่น้ำก็ยึดร่องน้ำที่ลึกที่สุด
    คือ เอาร่องที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเป็นเขตแดน เมื่อหน้าแล้งน้ำลด ในแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดเท่านั้นที่ยังคงจะมีน้ำเหลืออยู่ นั้นหละ ยึดหลักตรงนี้เขตแดน

3.ถ้าเป็นทะเลก็ยึด 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
    คือ วัดจากชายฝั่งของประเทศนั้นๆ 200 ไมล์ทะเล เป็นเขตเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
   แต่เนื่องจากประเทศ แต่ละประเทศมักจะอยู่ติดๆกัน เช่น ไทยกับเขมร เมื่อวัดจากฝั่งไทย 200 ไมล์ทะเล จะมีพื้นน้ำทะเลไปทับและซ้อนกับเขมรซึ่งวัดจากชายฝั่งของเขาเช่นกัน  ส่วนนี้หละ เขาถึงเรียกว่า * พื้นที่ทับซ้อน *

วิธีการจัดการของพื้นที่ทับซ้อน ส่วนใหญ่มักจะตกลงร่วมกันพัฒนา แบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน เช่น กรณีทะเลด้านภาคใต้ของไทย กับ มาเลเซีย

ฉนั้น จงระมัดระวังในการใช้คำว่า พื้นที่ทับซ้อน...........ถ้าเราคำนี้มาใช้กับ 4.6 ตร กท ของเขาพระวิหาร นั่นก็เท่ากับเราต้องเอาดินแดนของเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้เขมร


 :slime_v: :slime_v: :slime_v:

เห็นด้วยกับการตีความคำพิพากษาของศษลโลกนยุคมหาอำนาจรังแกไทย

อ้างถึง
ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ สำหรับในยุคนี้ เราต้องตีความคำตัดสินของศาลโลกไว้เพียงเท่านี้  ไทยรับคำตัดสินของศาลโลก แต่โลกนี้ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญโลก หรือศาลปกครองโลก ที่จะตีความปัญหาความเข้าใจของไทย ดังนั้นเรารับตรงนี้ก็เรื่องของเรา

เรื่องนี้คนรักชาติไทยและฉลาด จะเข้าใจได้ดี ส่วนพวกขายชาติ หรือไม่มีปัญญาพอที่จะดูแลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ช่างหัวมัน

ตอนนี้ก็รอรัฐบาลที่รักชาติและฉลาดอยู่ค่ะ  แต่หาไม่ได้ในพวกขี้ข้าเหลี่ยม  :slime_smile2:


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: Karnja ที่ 18-07-2008, 10:55
คำว่าพื้นที่ทับซ้อนถูกสร้างเป็น "วาทกรรม" ไปแล้ว

ได้ยินครั้งแรกจากปากไอ้เหล่ จากนั้นใครๆก็เรียกว่าพื้นที่ทับซ้อนๆๆๆ (รวมทั้งทหารด้วย น่าอนาถ)

จำได้ว่าตอนที่่นพดลเหล่ อ้างว่าพื้นที่ทับซ้อน อภิสิทธิแย้งมาว่า บริเวณนั้น ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน เขาพระวิหารทั้งหมดเป็นของไทย 100% เพียงแต่เขมร "อ้างว่า" เป็นพื้นที่ของเขา เพราะเขาถือแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำ

ไม่เข้าใจเลย ทำไมคนไทยอยากยกดินแดนให้เขมรเหลือเกิน

เคยไปดูที่พันทิพย์ อะโห มีแต่คนอยากยกพื้ืนที่ให้เขมร ใครบอกว่าพื้นที่นั้นเป็นของไทย หาว่าโง่ โดนเยาะเย้ยถากถาง


เหลือเชื่อว่าเกิดมาชาตินี้จะได้เห็นคนครึ่งประเทศยินดีที่จะขายชาติ


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: วิหค อัสนี ที่ 18-07-2008, 11:04
:slime_v: :slime_v: :slime_v:

เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ สำหรับในยุคนี้ เราต้องตีความคำตัดสินของศาลโลกไว้เพียงเท่านี้  ไทยรับคำตัดสินของศาลโลก แต่โลกนี้ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญโลก หรือศาลปกครองโลก ที่จะตีความปัญหาความเข้าใจของไทย ดังนั้นเรารับตรงนี้ก็เรื่องของเรา


ต้องหมายเหตุไว้ว่าในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่ ยังไม่เคยมีรัฐบาลโลก ที่จะมีสิทธิอำนาจปกครองเหนือประเทศต่างๆ อย่างแท้จริงนะครับ

แต่ละประเทศ รวมทั้งไทยเราและกัมพูชาด้วย ต่างมีเอกราชและอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของตนเอง และคนในแต่ละประเทศย่อมต้องการจะรักษาไว้ให้ดีที่สุด

ยกเว้นข้าทาสนักการเมืองระบอบแม้ว ที่อยากจะขายชาติขายแผ่นดินให้เขาจนตัวสั่นอยู่แล้วตอนนี้





หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-07-2008, 12:24
คณะของนายนพดลไปเซ็นต์ให้เป็นพื้นที่ทับซ้อนห้ามบุกรุกให้ใช้ประโยชน์ด้วยกันตั้งแต่ปี 2543 แล้ว
จะหน้าด้านเบี้ยวเขมรดื้อๆ แบบนี้เรอะ บ้ามากไปหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 18-07-2008, 12:34
จะไปแอบเซ็นไว้เมื่อไร ก็ต้องตามไปยกเลิกทุกฉบับ

เพราะเป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับ 2550 ในมาตรา 190

และ รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ในมาตรา 224 ( ข้อความเหมือนกับ มาตรา 190

ในรัฐธรรมนูญ ปี 2550)


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 18-07-2008, 12:42
"ผมยอมรับว่าเป็นในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จริง ซึ่งผมได้นำคณะไปเจรจาประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศสมัยนั้น ซึ่งก็มีนายนพดล ปัทมะ เลขานุการ รมว.ต่างประเทศไปร่วมเจรจาด้วย นายนพดลซึ่งมีการทำบันทึกช่วยจำทั้งสองฝ่ายห้ามลุกล้ำหรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อน นายนพดลน่าจะนำข้อมูลนี้ให้นายกฯ ดู ว่าเราได้เตรียมป้องกันปัญหาไว้อย่างรอบคอบ"

พอเขมรมาตั้งร้านค้า ทหารไม่ไล่ ดันไปโทษหาว่าการเมืองสั่งเฉย ไหนบอกป้องกันปัญหาอย่างรอบคอบ
แล้วตอนทหารเรืองอำนาจหลัง 2549 ไปมัวหากินที่ไหนอยู่ ไม่ยอมไปไล่ ไอ้ถุยเอ๊ย เป็นแต่โทษคนอื่น


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 18-07-2008, 13:00
ทหารได้แจ้งให้รัฐบาลสมัยนั้นทราบแล้ว(รัฐบาลแม้ว) แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สั่งการอะไรลงมา

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเขมรไม่เคยอ้างสิทธืเหนือพื้นที่ 4.6 ตรกมเลย เพิ่งมาอ้างสิทธ์หลังจาก

มีแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร ที่เหล่ไปเซ็นรับรองแผนที่ฉบับเขมร


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: ล้างโคตรทักษิณ ที่ 18-07-2008, 13:01
แล้วตอนโคตะระพ่อสุดประเสริฐของเมิงอยู่ มัวไปอมกะ***ไอ้ฮุนเซนที่ไหน  ทำไมไม่ทำห่*อะไร  ไอ้ขี้ข้า

สันดานดีแต่โทษคนอื่น ความชั่วขายชาติของพ่อเอ็งไม่เคยถ่างตาดู


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 18-07-2008, 13:32
ทหารได้แจ้งให้รัฐบาลสมัยนั้นทราบแล้ว(รัฐบาลแม้ว) แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สั่งการอะไรลงมา

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเขมรไม่เคยอ้างสิทธืเหนือพื้นที่ 4.6 ตรกมเลย เพิ่งมาอ้างสิทธ์หลังจาก

มีแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร ที่เหล่ไปเซ็นรับรองแผนที่ฉบับเขมร


คงจะมีผลประโยชน์ อยู่เต็มปากเลยพูดไม่ได้... :slime_bigsmile:


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: คนเร่ร่อน ที่ 19-07-2008, 10:16

พื้นที่ทับซ้อน เหรอครับ

สำหรับผม...พื้นที่ส่วนนั้น คือ " แผ่นดินไทย "
ขะเหม็น ออกไป ๆ ๆ

" ลิ้นกระดาษทราย น้ำลายแชลแลค "




หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: บักหัวเถิก ที่ 19-07-2008, 15:30
นั้นมันของไทย ชัดๆๆ

ไม่มีหรอกพื้นที่ทับซ้อนๆๆ


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: DAWN ที่ 19-07-2008, 16:16
คำว่าพื้นที่ทับซ้อน มันเป็นคำที่ฝ่ายที่ไม่มีสิทธิในพื้นที่
พยายามยกขึ้นมาอ้าง เพื่อจะได้มีสิทธิร่วม ซึ่งไม่ควรมีอยู่จริง
และเมื่อสามารถใช้พื้นที่ร่วมแล้ว ก็จะใช้วิธีซึมลึก หน้ามึน
ยึดเอาเป็นพื้นที่ของตัว เราเป็นผู้มีสิทธิเต็มไม่ควรโอนผ่อน
เพราะถ้ามันเข้าครอบครองแล้ว ไล่ยาก เจรจาให้เด็ดขาดไปเลย
ว่าไม่มีพิ้นที่ทับซ้อน  มีแต่แผ่นดินไทย



หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนร่วมชาติ ที่ 19-07-2008, 16:53
ประเทศไทยทั้งใหญ่กว่า ประชากรเยอะกว่า

ก็ทัพก็ใหญ่กว่า

ยุทโธปกรณ์ก็เหนือกว่า

ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เราทำตัวเป็นนักเลงโต ไปเอาเปรียบคนอื่น

แต่อยากถามว่า

ถ้าไม่มีนักการเมืองขายชาติอย่างไอ้พวกที่กระเฮี่ยนกระหือรืออยากยกดินแดนให้เขมร

มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขมรจะเอาเปรียบเรา

สมมุติว่าเกิดกรณีพิพาทพรมแดนระหว่าเม็กซิโกกับอเมริกา หรือเวียดนามกับจีน

เป็นไปได้มั้ยที่อเมริกาหรือจีนจะเป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบ

รัฐบาลไทยกับทหารไทยนี่โคตรใจดีเลยหวะ


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 19-07-2008, 18:12
ทุเรศในความอ่อนแอของทหารไทย

 :slime_mad:


หัวข้อ: Re: ว่าด้วยคำว่า ** พื้นที่ทับซ้อน **
เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 20-07-2008, 01:39
คนที่พูดว่า 4.6 ตร กม บนเขาพระวิหาร เป็น  *พื้นที่ทับซ้อน*  คือคนเข้าใจผิด และ ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำนี้

จริงๆแล้ว บนบกไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มีแต่พื้นที่ต่างอ้างสิทธิ พื้นที่ทับซ้อนมีได้แต่ในน่านน้ำทะเลเท่านั้น

หลักเกณฑ์การแบ่งเขตแดนสากล มี 3 แบบ

1.ถ้าเป็นภูเขาก็ยึดสันปันน้ำ
     คือถ้าฝนตก น้ำจะไหลไปที่ต่ำกว่าทั้ง 2 ด้านของยอดเขา จุดนั้นหละ เรียกว่าสันปันน้ำ หลักสากลจะยึดตรงนี้เป็นเขตแดน
เขาปราสาทพระวิหารก็ยึดถือหลักเกณฑ์นี้ ฉนั้น ตามหลักการแบ่งเขตสากล ภูเขาทั้งลูกเป็นของไทย ศาลโลกพิพากษาเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรเท่านั้น(โดยใช้อำนาจอิทธิพล) สรุปคือ เขมรมีกรรมสิทธิ์ในตัวปราสาทพระวิหาร ส่วนพื้นดินเป็นของไทย (ข้อนี้ไม่ต้องมาเถียง ไปอ่านคำแปลคำพิพากษาจะรู้แจ้ง)

2.ถ้าเป็นแม่น้ำก็ยึดร่องน้ำที่ลึกที่สุด
    คือ เอาร่องที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเป็นเขตแดน เมื่อหน้าแล้งน้ำลด ในแม่น้ำส่วนที่ลึกที่สุดเท่านั้นที่ยังคงจะมีน้ำเหลืออยู่ นั้นหละ ยึดหลักตรงนี้เขตแดน

3.ถ้าเป็นทะเลก็ยึด 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง
    คือ วัดจากชายฝั่งของประเทศนั้นๆ 200 ไมล์ทะเล เป็นเขตเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
   แต่เนื่องจากประเทศ แต่ละประเทศมักจะอยู่ติดๆกัน เช่น ไทยกับเขมร เมื่อวัดจากฝั่งไทย 200 ไมล์ทะเล จะมีพื้นน้ำทะเลไปทับและซ้อนกับเขมรซึ่งวัดจากชายฝั่งของเขาเช่นกัน  ส่วนนี้หละ เขาถึงเรียกว่า * พื้นที่ทับซ้อน *

วิธีการจัดการของพื้นที่ทับซ้อน ส่วนใหญ่มักจะตกลงร่วมกันพัฒนา แบ่งผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน เช่น กรณีทะเลด้านภาคใต้ของไทย กับ มาเลเซีย

ฉนั้น จงระมัดระวังในการใช้คำว่า พื้นที่ทับซ้อน...........ถ้าเราคำนี้มาใช้กับ 4.6 ตร กท ของเขาพระวิหาร นั่นก็เท่ากับเราต้องเอาดินแดนของเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้เขมร

จะว่าไปบนบกก็ใช้คำว่าพื้นที่ทับซ้อนได้นี่ครับ ถ้าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีอะไรที่ใช้แบ่งอาณาเขตได้ชัดเจน แต่ไอ้ที่แบ่งชัดเจนอย่างสันปันน้ำแต่ดันบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนนี่แหละที่พิลึก