ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เบื้องหลัง"บวรศักดิ์"ไขก๊อก "เบื่อ-แรงกดดันการเมือง"

(http://www.matichon.co.th/newsphoto/matichon/pol08070649p1.jpg)

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นหนึ่งในอดีตทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชวนมาร่วมงาน โดยเข้ามาเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2546 แทนนายวิษณุ เครืองาม ที่ลาออกไปเป็นรองนายกฯในรัฐบาล "ทักษิณ 1"

ด้วยความรู้ความสามารถของนายบวรศักดิ์ทำให้การทำงานในตำแหน่งเลขาธิการ ครม.ในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความราบรื่น ตอบสนองการทำงานของรัฐบาลได้อย่างดี

จนมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ นายบวรศักดิ์น่าจะ "ขึ้นชั้น" เป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ

แต่เมื่อสถานการณ์การเมืองเริ่มปะทุขึ้น บ้านเมืองเข้าอยู่ในวิกฤต นายบวรศักดิ์ก็เริ่มเจอปัญหาที่ไม่เคยเจอมาก่อนในภาวะปกติ ทั้งเรื่องการเสนอร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภาและเลือกตั้ง การเว้นวรรคของ พ.ต.ท.ทักษิณ

ซึ่งในตอนแรกๆ นายบวรศักดิ์ยังพอรับได้

แต่เมื่อต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ต้องเสนอร่าง พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ช่วงนี้เองทำให้นายบวรศักดิ์ต้องเจอแรงกดดันรอบด้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันและฝ่ายตรงข้ามที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง

ยิ่งเมื่อฝ่ายตุลาการร่วมในการกดดันด้วย ทำให้คนที่เป็น "นักกฎหมาย" อย่างนายบวรศักดิ์ต้องเจอแรงกดดันมากขึ้น

ช่วงนี้เองนายบวรศักดิ์เริ่มบ่นกับคนใกล้ชิด ตลอดจนเพื่อนฝูงอย่างนายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่า รู้สึกเบื่อกับการทำงานที่ต้องเจอแรงกดดันทางการเมือง อยากกลับไปเป็นนักวิชาการเหมือนเมื่อก่อน

หลัง กกต.มีมติให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 15 ตุลาคม นายบวรศักดิ์ก็ถูกกดดันให้เร่งเขียนร่าง พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง เสนอให้ ครม.พิจารณา

ซึ่งหลังจากโดนแรงกดดันทางการเมืองจนรับไม่ไหว นายบวรศักดิ์ก็เสนอร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวให้ ครม.พิจารณา เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา

แต่เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะการกล่าวหากรณีพรรคการเมืองใหญ่จ้างพรรคการเมืองเล็กลงเลือกตั้ง ยังไม่มีข้อสรุปออกมา ทำให้นายบวรศักดิ์ไม่ยอมนำร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ

โดยผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้ส่งคนมากำชับนายบวรศักดิ์หลายครั้งว่าไม่ให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ

แต่ฝ่ายการเมืองซึ่งใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณก็เร่งให้นายบวรศักดิ์นำร่าง พ.ร.ฎ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา

แรงกดดันทั้ง 2 ด้าน ทำให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ครม.กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ในที่สุด เมื่อวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา นายบวรศักดิ์ก็ได้แจ้งขอลาออกให้ พ.ต.ท.ทักษิณทราบ ที่ห้องทำงานนายกฯ ตึกไทยคู่ ทำเนียบรัฐบาล

โดยเป็นการคุยกันสองต่อสอง

ซึ่งที่จริงนายบวรศักดิ์ไม่ต้องการให้เป็นข่าว เพราะตั้งใจจะลาออกในวันที่ 10 มิถุนายน

แต่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ประกาศให้รัฐมนตรีทุกคนใน ครม.รับทราบในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน

จึงเป็นการปิดฉากในตำแหน่งเลขาธิการ ครม.ของนายบวรศักดิ์ หลังจากที่อยู่ในตำแหน่งมา 3 ปี 2 เดือน กับอีก 10 วัน

หน้า 11
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol08070649&day=2006/06/07

บทความจากมติชน บทความนี้ ถูกอ่านออกอากาศในสถานีวิทยุนำเสนอข่าว แทบทุกช่อง !

ไม่ว่าจะเป็นช่อง  96.5 97 101  ....

ถ้าตั้งใจออกเพื่อลาสิกขาจริง ๆ ก็ขออนุโมทนา และอโหสิ

ลูกศิษย์เขาฝากมาบอกว่า "อาจารย์อย่าน้อยใจถ้าจะมีใครโกรธอาจารย์ที่ดูดวงให้เขาแล้วคำทำนายไม่ตรงใจ ไม่เข้าหู ปล่อยไปตามเวรกรรมเถอะครับอาจารย์ คนแบบนี้ไม่รู้จักบุญคุณคนหรอกครับ รู้จักแต่ผลประโยชน์"

สำนึกช้า ดีกว่า ไม่สำนึกเลย
เงินทองๆได้มา ถ้าเทียบกับ สุขสงบ ก็แลกกันไม่ได้ เน๊าะ

  สนธิ - เพียงแต่ว่าในช่วงหลังๆ นั้น หลายๆ ประการเพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มีความรู้สึกว่าถ้าส่งไปแล้วพระองค์ท่านต้องเซ็น บางครั้งมีการกระทำอะไรบางสิ่งบางอย่างแสดงออกในทางสาธารณะเหมือนกับว่าจะไปบีบพระองค์ท่านให้ต้องลงพระปรมาภิไธย อันนี้เป็นเรื่องไม่บังควรอย่างยิ่ง จริงๆ แล้วคนที่รู้เรื่องพระราชอำนาจในรัฐบาลชุดนี้มี 2 คน คนนึงคือ ท่าน ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการ ครม. อีกคนคือ ท่านรศ.ธงทอง จันทรางศุ ท่านรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และท่านเป็นกรรมการบอร์ด อสมทฯ ด้วย อ.ธงทอง น่าสนใจมาก อ.ธงทองเคยใช้คำว่า พระราชอำนาจทั่วไป ในงานวิทยานิพนธ์ ในปี 2529 ซึ่ง อ.ธงทอง เขียนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นงานที่คลาสสิกมาก อ.ธงทอง เขียนบอกว่า หนึ่งในรูปแบบการใช้พระราชอำนาจทั่วไปอันเป็นลักษณะเฉพาะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในรัชกาลปัจจุบัน และยังพูดต่อ แม้ว่าพระราชอำนาจดังกล่าวจะมิได้บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ตาม แต่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เข้าใจตรงกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า เป็นพระราชอำนาจที่มีอยู่จริง  และอาจกล่าวได้ว่าเป็นพระราชอำนาจส่วนที่สำคัญที่สุดในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน ส่วน อ.บวรศักดิ์ แทบไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นผู้ถวายพระเกียรติพระองค์ว่า เปรียบเสมือน
       ซูเปอร์ออมบุดสแมน 

       สโรชา - ผู้ตรวจการ
       
       สนธิ - ผู้ตรวจการ คือเป็นผู้ตรวจการ สุดยอดผู้ตรวจการ แล้ว อ.บวรศักดิ์ ได้มีกล่าวถึงพระราชอำนาจทั้งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในงานเขียนหลายชิ้นระหว่าง พ.ศ.2535-2538 โดยเฉพาะชิ้นสำคัญในปี 2536 อ.บวรศักดิ์ เขียนว่า ในหลวงกับประชาชน เอกลักษณ์ประชาธิปไตยไทย อ.บวรศักดิ์ คนนี้ที่เป็นเลขาฯ ครม.ปัจจุบัน แล้วพูดเสียงแปร่งๆ เมื่อถูกถามว่า เหตุไฉนประกาศพระบรมราชโองการให้ทหารรับราชการปีนี้ล่าช้า อ.บวรศักดิ์ คนนี้เมื่อหลายปีแต่งโคลงสี่สุภาพเฉลิมพระเกียรติไว้ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟัอ.บวรศักดิ์ คงจำได้โคลงนี้ท่านแต่งเอง "ปางบรรพบูรพระกษัตริย์เจ้า จอมไทย มีพระเนตร พระกันไปปกกล้า ราชาประชาธิปไตยตรำตรากพระองค์เฮย ทรงสดับทุกราษฎร์เศร้า ฝากไข้ฝากผี"  คือประชาชนคนไทยฝากไข้ฝากผีให้กับพระองค์ท่าน ฝากกราบบังคมทูลให้พระองค์ท่านช่วยดูแลให้หน่อย อ.บวรศักดิ์ เคยพูดว่า ไม่มีประมุขรัฐใดที่ข้าเจ้ารู้จักเคยบำเพ็ญเสมอด้วยในหลวงเลย แม้ประมุขนั้นจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทั้ง 2 ท่าน เป็นผู้ที่รู้เรื่องพระราชอำนาจดี เคยเขียนหนังสือถึงพระราชอำนาจ

http://www.rta.mi.th/crma41/board/board_posts.asp?FID=399

ไปอ่านเจอ กรณีคุณบวรศักดิ์ จากคำพูดของ สนธิแห่งผู้จัดการเคยพูดไว้ในรายการ

น่าสนใจมากครับ

อ.บวรศักดิ์ คงจำได้โคลงนี้ท่านแต่งเอง "ปางบรรพบูรพระกษัตริย์เจ้า จอมไทย มีพระเนตร พระกันไปปกกล้า ราชาประชาธิปไตยตรำตรากพระองค์เฮย ทรงสดับทุกราษฎร์เศร้า ฝากไข้ฝากผี"  

คนถ้าเคยทำผิดแต่สำนึกได้ ก็ควรจะให้อภัยอะน่ะ... :)

บวรศักดิ์ น่าเปิดแถลงข่าว
ไถ่บาป
แค่วาทะ
เห็นแก่ประเทศมากๆ
ก็เอาการอยู่

ไทยรัฐหน้า 3 วิเคราะห์ได้เบาบางมากครับ

เทียบกับ ที่มติชนวิเคราะห์ไว้ไม่ติดเลย

ไทยรัฐหน้า 3 มือตกลงไปเยอะมากๆ สมัยก่อนยังจะดีกว่านี้ครับ

มือชั้นเซียน ขนาดนี้ ลาอุปสมบท และไม่ขอเข้ามายุ่งการเมือง อีก มันก็น่าคิดนะครับ

ไม่ได้รู้ใจคุณบวร หรอกนะครับ แต่มันก็ต้องวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา ไม่งั้นก็ไม่มีเรื่องให้ต้องคุยกัน  :mrgreen:

ส่วนตัว เชื่อนะครับ ว่าคุณบวร เชื่อปัจจัยด้านโหราศาสตร์ เพราะดวงเมืองช่วงนั้น หลายสำนักฟันธงว่าวิกฤต  :shock:

ลาออกจากราชการเลยครับ ทั้งที่เหลืออายุราชการอีก 9 ปี

เรื่องใหญ่และน่าศึกษามาก

จะช้าหรือเร็ว  คนที่รู้ความจริงในจุดมุ่งหมายของแกนนำพรรค ด้วยข้อตกลงฟินด์แลนด์ ก็จะต้องยุติบทบาทของตนเอง

เปลือกนอกี่อ้างนโยบายพรรคที่จะทำเพื่อประชาชน  แต่แก่นแท้ของพรรคเพื่อล้มล้างระบบของประเทศ  ก่อนจะยึดครองและกอบโกย  ผู้ที่ได้รู้ก็จะตีจากในเวลาอันรวดเร็ว

บางคนรู้เร็ว ไปเสียตั้งแต่ปีแรกของพรรคที่ได้ครองอำนาจ  เมื่อไปแล้วได้นำสิ่งที่รู้ไปแจ้งแก่ผู้เกี่ยวข้องให้ทราบ  การจับตาดูพฤติกรรมของพรรคนี้จึงมีมานานแล้ว  รายต่อๆมาเริ่มรู้สถานการณ์และต้องตกตะลึงกับแนวิดอันที่คนไทยรับไม่ได้ ก็พากันหาทางตีจากไปอย่างนุ่มนว  เพราะเกงอิทธิพลมืดจะตามมาคุกคาม

ในสมัยสงคราโลกครั้งที่สอง  ประชาชนเยอรมันรู้จักฮิตเลอร์เพียงผิวเผิน  จากภาพยนต์โฆษณาชวนเชื่อ  แต่กลุ่มคนที่ได้ใกล้ชิด  ต่งได้ออกมาเขียนหนังสือไว้เหมือนกันว่า  ฮิตเลอร์เป็นคนที่ไร้มารยาท หยาบคาย และไร้การศึกษา  เมื่อใครที่รู้จักตัวจริงของเขา  ก็จะค่อยๆถอยห่างออกมา  แต่จะไม่กล้าบุ่มบ่าม  เพราะผู้นำนั้นบ้าพอที่จะฆ่าได้ไมเลือกหน้า

นายโสภณ หมอประเวศ และใครอีกคนทีร่วมโต๊ะอาหารในบ้านนายโสภณ  ต่างได้รับรู้ความจริงที่หลุดออกมาจากปากผู้นำ  และทั้งหมดท่ได้ยินก็ตีจาก  หนีห่าง  และตกตะลึงในแนวคิดซึ่งอยู่ในหัวสมองของผู้นำ   รับไม่ได้  ไม่มีคนไทยคนไหน  ต้องการร่วมงานกับแนวคิดพลิกฟ้าคว่ำดิน

อ.บวรศักดิ์คิดถูกแล้วค่ะ  และเพื่อลดแรงกดดันหรือการคุกคาม  ท่านกต้องไปบวช  เหมือนพระเปรมศักดิ์ค่ะ