ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: control_J ที่ 04-07-2008, 10:34



หัวข้อ: เปลวสีเงิน :แถลงการณ์ ๒๒ พฤษภา หน้ากากนพดล
เริ่มหัวข้อโดย: control_J ที่ 04-07-2008, 10:34
เปลวสีเงิน
แถลงการณ์ ๒๒ พฤษภา หน้ากากนพดล


4 กรกฎาคม 2551    กองบรรณาธิการ

ฮืมมมมม..ใจเย็นๆ กันไว้นะครับ ผมอยากให้ข้อสังเกตไว้ว่า "ประเทศไทย" ตอนนี้ ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้อำนาจ กฎหมาย กฎ-กติกา สัญญา และศาล ไม่ต้องดูอื่นไกลหรอก


ขนาดเรื่อง "แถลงการณ์ร่วมฯ" ที่ไทยเราไปลงนามให้กัมพูชาใช้ไปขอจดทะเทียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียว นั่นคือ "เงื่อนไขกฎหมาย" ที่รัฐบาลไทยทำซ่อนเงื่อน "ฆ่าไทย" เราเอง!

เรื่องนี้ "น้ำตื้น" จริงๆ  หากแต่รัฐบาลนอมินีทักษิณ โดยนายสมัคร นายนพดล "เป็นคนน้ำลึก คือลึกล้ำเหนือกำหนด" ในจิตเจตนา เห็นหน้า-เห็นตา เฉพาะนายนพดล ก็พอเดา "ความคด-ความตรง" ได้มิใช่หรือ?

การประชุมมรดกโลกที่ควิเบก   แคนาดา ๒-๑๐ กรกฎานี้ อย่าตายใจกันนะครับว่าที่  คณะกรรมการจาก  ๒๑ ประเทศเขาจะรู้-เขาจะเข้าใจอย่างที่เราเข้าใจว่า

ไทยไม่ได้ยอมให้กัมพูชายื่นจดทะเบียนฝ่ายเดียว

ทั้งศาลปกครองสูงสุด ทั้งรัฐบาลไทย  สั่งยกเลิกการลงนามในแถลงการณ์ร่วม ๑๘ มิ.ย.๕๑ ไปแล้ว!

ควรเข้าใจ ด้วยการ "ทำใจ" ไว้ล่วงหน้าว่า นายนพดลไปเซ็นให้เขาไว้ล่วงหน้าที่ฝรั่งเศส เมื่อ ๒๒ พ.ค.ฉบับหนึ่งก่อนแล้ว และ ๑๘ มิ.ย.เป็นแค่ ครม.อนุมัติย้อนหลังอีกฉบับเท่านั้น

แต่เท่ากับสลักหลังเช็ค "รับรอง-ผูกมัด" ให้แน่นหนายิ่งขึ้น!

และทั้งหมดนั้น  กัมพูชานำแนบคำร้องขอว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการสั่งให้มาแก้ไขเมื่อปีที่แล้วครบถ้วนแล้ว  และเอกสารเหล่านั้น

อยู่ในแฟ้มเพื่อการพิจารณาของ  ๒๑  คณะกรรมการไปเรียบร้อยแล้ว  การโวยวาย  และการกระทำการใดๆ ของไทยหลังจากนั้น เป็นเรื่องเฉพาะภายในของไทย

คณะกรรมการเขาไม่รู้เรื่องด้วย!

ต้องเข้าใจให้ถูกต้องนะครับ คณะกรรมการ ๒๑ ประเทศที่จะประชุมชี้ขาดกันนั้น "ไม่มีประเทศไทย"

และในการประชุม  ประเทศไทยก็จะไปพูดจา ชี้แจงอะไรในวงประชุมไม่ได้ เพราะคณะของไทยที่มีนายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการมรดกโลกของไทยที่เดินทางไปนั้น

ไปในฐานะ "ผู้สังเกตการณ์" ครับ ไม่ใช่ในฐานะคณะกรรมการที่จะไปประชุม ถกเถียง ชี้แจง โหวตเสียงอะไรกับเขาได้

ยิ่งนายนพดลบอกว่า "จะไปด้วย" ก็เลยไม่แน่ว่า ระหว่างนายนพดล กับนายปองพล "ใครจะเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย?" ซึ่งด้วยตำแหน่ง "รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ" นายนพดลน่าจะเป็นเบอร์ ๑

แล้ววางใจได้หรือว่า คนที่มีพฤติกรรม "ใจอยู่กับเขมร" จะจริงใจไปพูดจาหักล้างในสิ่งที่ตัวเองทำไปทั้งต่อหน้าและลับหลัง

อย่างเก่ง ก็คงมาเหลือกตาบอกว่า "สายเสียแล้ว..ประเทศไทย"!

ผมอ่านเว็บไซต์ "กรุงเทพธุรกิจ" วานนี้ เขานำที่ "ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ" พูดไว้มาเผยแพร่ ในฐานะที่ท่านเป็นประธานมรดกโลกไทยมาก่อน ความเห็นท่านน่าใคร่ครวญอย่างยิ่ง ผมจะลอกมาให้อ่านกันบางตอนนะครับ

"ผมย้ำจุดยืนว่า ประเทศไทยควรขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายปองพลจะไม่สามารถคัดค้านในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกได้ เพราะได้ข่าวว่านายนพดลไปด้วย ที่สำคัญคือ นายนพดลอาจจะไปในฐานะหัวหน้าคณะเสียด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ไทยไม่ใช่ประเทศสมาชิก  ๑  ใน ๒๑ ประเทศ เป็นเพียงประเทศภาคีเท่านั้น  โดยธรรมเนียมปฏิบัติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียง หรือให้ความเห็นประกอบการพิจารณาก็คือ ประเทศสมาชิก ๒๑ ประเทศ

ส่วนประเทศอื่นๆ จะอยู่ในฐานะสังเกตการณ์เท่านั้น ซึ่งถ้าเขาเปิดโอกาส ไทยก็อาจมีโอกาสแสดงความคิดเห็น แต่นั่นคือภายหลังการหารือพิจารณาของประเทศสมาชิก หรือบางกรณี คืออาจจะเป็นหลังการลงมติด้วย

วาระสำคัญ ๒ ประการจากการประชุมที่นิวซีแลนด์ ที่เกี่ยวเนื่องมาจนถึงการประชุมในครั้งนี้ก็คือ ประการแรก คือการเห็นควรว่าปราสาทพระวิหารมีคุณสมบัติตรงตามที่คณะกรรมการมรดกโลกระบุ สามารถขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้

อีกประการหนึ่ง คือแม้ในหลักการจะสามารถขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทได้ ก็จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่ในการสร้างพื้นที่อนุรักษ์ในการวางแผนพัฒนา ดังนั้น คณะกรรมการมรดกโลกจึงให้ไทยและกัมพูชากลับมาตกลงกันก่อน และเมื่อนายนพดลไปลงนามสนับสนุนเช่นนั้น  ก็แปลว่าการประชุมที่แคนาดาครั้งนี้ 'เป็นการตอบโจทย์' เพื่อปิดประเด็นจากการประชุมคราวที่แล้ว"

ครับ..เหล่านี้เป็นข้อห่วงกังวลที่ "ผู้รู้-ผู้หลักผู้ใหญ่" ติติงให้เรารู้ไว้ล่วงหน้าจากประสบการณ์จริง อันนับว่าเป็นความห่วงกังวลที่มีความเป็นไปได้สูง!

ยิ่งนับวัน ก็ยิ่งเห็นว่า "อันตราย" ที่จะให้นายนพดลเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ต่อไป เพราะวางใจอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าจะใช้ตำแหน่ง-ฐานะไปทำอะไรผูกพันในนามประเทศไว้ ที่ไหน เมื่อไหร่บ้าง

เพราะนายนพดลปกปิด  ซ่อนเร้นทุกอย่าง เช่นในกรณีลงนามแถลงการณ์ร่วมนี้ จริงๆ แล้ว  ทั้งในสภาฯ-นอกสภาฯ   ไม่มีใครรู้แน่ว่านายนพดลไปเซ็นอะไรไว้กับกัมพูชาบ้าง?

จนกว่าจะจับได้อย่างหนึ่ง นายนพดลก็จะคายตรงนั้นออกมาทีหนึ่ง!?

อย่างโวยวายกันเรื่องมติ ครม. ๑๗  มิ.ย. ที่ให้นายนพดลไปลงนามแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา นายนพดลก็เอาตรงนี้แพลมมาซะทีหนึ่ง ของจริง-ของปลอม ตรงกับที่ไปเซ็น และทำไปเป็นเอกสารแนบท้ายหรือเปล่า ก็ไม่มีใครตอบได้

พอนายเชลดอน แชฟเฟอร์  ผู้อำนวยการยูเนสโก ประจำกรุงเทพฯ อ้างอิงเอกสารผิดฉบับในหนังสือตอบวุฒิสมาชิกและคณะ ที่ยื่นคำร้องคัดค้านให้ชะลอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร

คือจากเอกสารที่ทราบกันทั่วไปว่าแถลงการณ์ร่วม  เป็นวันที่ ๑๘ มิ.ย. แต่นายแชฟเฟอร์กลับไปเอ่ยถึงการลงนามในเอกสารฉบับวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑

นายนพดลก็ "ท้วง" นายแชฟเฟอร์ทันทีว่า แถลงการณ์ร่วมฯ ที่ ครม.ยกเลิกไปนั้น ลงนามวันที่ ๑๘ มิ.ย. ไม่ใช่ ๒๒ พ.ค.อย่างที่นายแชฟเฟอร์อ้างอิงในหนังสือตอบกลับ ส.ว.และคณะ!?

ตรงนี้กลายเป็นการ "เผยไต๋" ที่ตัวเองอุบซ่อนไว้โดยไม่ตั้งใจ  จากที่ชาวบ้านไม่ทราบมาก่อน ก็เลยทราบกันตอนนี้เองว่า

"อ้อ..ที่ไปที่ฝรั่งเศสคราวนั้น แอบไปเซ็น 'แถลงการณ์ร่วม ๓ ฝ่าย' ยูเนสโก-ไทย-กัมพูชา ไว้ฉบับหนึ่งเมื่อ ๒๒ พฤษภา แล้วหรือ..นี่!?"

แล้วยังมีอะไรอีกมากน้อยขนาดไหน ที่นายนพดล "อุบไต๋" ไม่ยอมบอกประชาชนคนไทย คิดแล้วน่ากลัวนะครับ!

อย่าไปฟังที่นายนพดลอ้างว่า  แถลงการณ์ ๒๒ พฤษภา ไม่มีความหมายอะไร ถ้าไม่มีความหมาย  ความสำคัญอะไร แล้วจะต้องไปเซ็นหาวิมานอะไร ยิ่งฟังที่นายแชฟเฟอร์พูดให้มองเห็นถึง "น้ำหนัก-ความสำคัญ" ของแถลงการณ์ ๒๒ พฤษภา ก็ยิ่งน่าตกใจ

"เป็นอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาลไทย จะจัดการกับเอกสารที่แตกต่างนี้อย่างไรว่า  จะใช้เอกสารฉบับแรก  หรือเอกสารฉบับที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว ผมเชื่อว่าคณะกรรมการมรดกโลกจะตัดสินใจขึ้นปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกภายใต้หลักฐานที่ปฏิบัติได้ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้"

ครับ..นี่มันก็ชัดแจ้งแดงแจ๋จากที่ยูเนสโกเขาบอกแล้วว่า "แถลงการณ์ร่วม ๒๒ พฤษภา" กับ "แถลงการณ์ ๑๘ มิถุนา" มันมีค่าเท่ากัน!

แต่เราให้น้ำหนัก โวยวายกันแต่ "แถลงการณ์ร่วม" ไทย-กัมพูชา แต่หารู้ไม่ว่ายังมีอีกฉบับที่มีความหมายเหนือกว่า  คือ "แถลงการณ์ร่วม  ๓ ฝ่าย" คือไม่เฉพาะกับไทย-กัมพูชาเท่านั้น

ยังมี "ยูเนสโก" ผู้มีความสำคัญเป็นน้ำหนักสูงสุดของปัญหานี้  เป็นผู้ลงนามร่วมรับรู้ ในการตกลงยินยอมจากฝ่ายไทยให้กัมพูชาจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมดกโลกแต่ฝ่ายเดียวอยู่ด้วย!!

ทั้งซีด   ทั้งซวยละตานี้ ศาลปกครองกลางท่านก็คุ้มครอง "ห้ามใช้" แถลงการณ์ร่วม ๑๘ มิ.ย.ฉบับเดียว ครม.ก็ยกเลิกแค่ฉบับ ๑๘ มิ.ย.ฉบับเดียว

แต่ "แถลงการณ์ร่วม" อีกฉบับ  ที่นายนพดลแอบไปเซ็น  ๓ ฝ่ายที่ฝรั่งเศสเมื่อ ๒๒ พฤษภา ไม่มีใครนึกถึงเลย!!

ทั้งที่มีความหมาย  มีผล-มีน้ำหนัก  มีศักดิ์ และสิทธิ์ ในการรับรู้ของยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก  ๒๑ ประเทศ อาจจะเหนือกว่า "แถลงการณ์ร่วม" ฉบับ ๑๘ มิ.ย.

ซึ่งมาทีหลัง และเขาอาจไม่รับรู้ก็ได้!?

ครับ..ก็คอยดูกัน ประมาณวันที่  ๖-๗  กรกฎานี้ ก็จะรู้ว่าไทยแพ้เขมรซ้ำสอง  หรือว่าดึงสิทธิ์เหนือปราสาทพระวิหารกลับมาได้  ยกนี้-สิ่งที่ทำได้คือ เชื่อใจตามที่นายนพดลพูด  แต่ถ้าเขมรใช้เอกสารที่นายนพดลเซ็นไปสามารถตีทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ สงสัย..จะต้องตายคาสุวรรณภูมิ.


ถ้ารู้ว่าจะตายคาสนามบิน จะกลับมาเร้อ


หัวข้อ: Re: เปลวสีเงิน :แถลงการณ์ ๒๒ พฤษภา หน้ากากนพดล
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 04-07-2008, 12:52
คณะกรรมการ 21 ประเทศมองตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทย/เขมร คงไม่แน่ในว่า 'ตา'ข้างไหนบอกความจริง 'ตา'ข้างไหนเล่าความเท็จ อาจจะยกประโยชนให้เขมร ก็ได้....

'เป็ดเหลิม'เคยสอพลอ'หน้าเหลี่ยม'ว่ากลับเมืองไทยเมื่อไหร่จะไปรับที่ลานบินสุวรรณภูมิ และ'พ่อไอ้ปื๊ด'ทำตามคำพูดด้วย
คราวนี้ 'เป็ดเหลิม'จะใช้ตำแหน่ง'มท1.' ไปรับสมเด็จสัปดนที่สนามบินสุวรรณภูมิเหมือนเดิมไหม.... :?:


หัวข้อ: Re: เปลวสีเงิน :แถลงการณ์ ๒๒ พฤษภา หน้ากากนพดล
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 04-07-2008, 16:27
เรื่องที่จะพูดนี้ ฟังดูอาจจะไม่เกี่ยวพันกับเรื่องปราสาทพระวิหาร แต่ลองพิจารณาดูกันเอง

หากมีคำตัดสินของศาลไทย ให้จำคุกนายใหญ่ และนายใหญ่หลบหนีออกนอกประเทศ ตามวิธีการที่ถูกต้อง รัฐบาลไทยก็จะทำการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ไปยังประเทศที่นายใหญ่หลบหนีไปอยู่ และเมื่อมีคำขอตัวไป ศาลของประเทศนั้นๆก็จะดำเนินการตามคำร้องขอ และอายัดตัวนายใหญ่ไว้จนกว่าการพิจารณาคดีจะสิ้นสุด ทั้งนี้ยกเว้นการไปพักอาศัยในประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย

แต่ประเทศในกลุ่มที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทยนั้น รัฐบาลไทยก็อาจจะใช้มาตรการอื่นในการร้องขอตัวอาชญากรได้ ทั้งนี้แล้วแต่กฎหมายของประเทศนั้นๆ และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

อีกประการหนึ่ง ถ้านายใหญ่หลบหนีไปยังประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลไทยก็อาจจะยกเลิกหนังสือเดินทาง ทำให้สถานะของนายใหญ่ยุ่งยาก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ ต้องทำการตกลงกับประเทศที่จะไปอาศัยนั้น ขอเป็นพลเมืองของเขาเสียก่อน จึงจะมีหนังสือเดินทางเพื่อไปไหนต่อไหนได้

ว่าด้วยเรื่อง ฮ่องกง ก่อน

เมื่ออังกฤษทำสัญญาเช่าเกาะฮ่องกงนั้น อังกฤษได้สิทธิ์เหนือเกาะฮ่องกงดังหนึ่งอาณานิคม แทบทุกเรื่องอังกฤษเป็นคนดูแล ตำรวจ การปกครอง นโยบาย เรียกว่าครอบครองเหนือเกาะฮ่องกงอย่างเกือบสมบูรณ์ อาจจะยกเว้นทางด้านการทหารเท่านั้น เพราะจีนยังคงถือว่าฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีน ที่ถูกเช่าไปเท่านั้น แต่หนังสือเดินทางของฮ่องกง ไม่ขึ้นกับประเทศจีน อังกฤษเป็นคนดูแล แม้แต่คนจีนที่หนีจากแผ่นดินใหญ่ปยังฮ่องกง อังกฤษยังไม่ส่งตัวคืนให้จีนเลยถ้าไม่ต้องการส่ง

ว่าด้วยเรื่อง เกาะกง บ้าง

เมื่อใครสักคนจะทำการเช่าเกาะกงนั้น หากทำสัญญาเช่าเช่นเดียวกับอังกฤษทำกับฮ่องกง ก็จะได้สิทธิ์เช่นเดียวกับอังกฤษเคยได้ รวมไปถึงอำนาจการบริหาร การออกหนังสือเดินทาง อำนาจตำรวจ การปกครองด้วย

ถ้ารัฐบาลไทยจะขอให้เขมรส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่อาศัยอยู่บนเกาะกง เขมรก็จะต้องตอบแบบที่จีนต้องตอบกรณีเกาะฮ่องกง นั่งคือเขมรไม่มีสิทธิ์ เพราะเกาะถูกเช่าไปแล้วโดยสมบูรณ์ เกาะกงจะมีอำนาจรัฐปกครองตนเอง ออกหนังสือเดินทางของตนเอง ถึงจะอาศัยกลไกของเขมร แต่อำนาจไม่ได้อยู่ที่เขมร

ดังนั้น อาชญากรที่หนีไปยังเกาะกง จะอยู่ภายใต้รัฐบาลเกาะกง ใช้หนังสือเดินทางของเกาะกงในอำนาจของเขมร ไปไหนก็ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องกลัวถูกจับ ยกเว้นกลับบ้านเกิด  :slime_smile2:

ย้อนกลับมาเรื่องปราสาทพระวิหาร

ไม่ต้องวิเคราะห์ ว่านพดลทำอะไร และไปปารีสทำไม  แต่เขมรจะได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เพราะมีคนอยากได้เกาะกง

จบการนั่งเทียน  :slime_v:


หัวข้อ: Re: เปลวสีเงิน :แถลงการณ์ ๒๒ พฤษภา หน้ากากนพดล
เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 04-07-2008, 16:30
คนอย่างเปลวที่มีอคติต่อระบอบทักษิณมาตลอด...หนังสือพิมพ์ของมันจึงไม่เจริญและมีคนอ่านแค่หลักพัน/วันไง  สม!! :slime_smile2: