ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: AsianNeocon ที่ 03-06-2006, 11:56



หัวข้อ: ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 03-06-2006, 11:56

ควรขึ้น "เงินออมกำลังหด ถ้าไม่ขึ้นตอนนี้ แล้วรอไปเรื่อยๆแล้วขึ้นแรงๆ อาจช็อคได้"

รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
การที่กนง.ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ก็จะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารเงินทุนหมุนเวียน โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายของไทยกับเฟดถ้าแตกต่างกัน 0.25-0.50% จะเป็นปัญหาบั่นทอนเงินออมในระบบ เพราะอัตราเงินเฟ้อยังสูง 6.2%ขณะที่อัตราดอกเบี้ยแท้จริงยังติดลบ และระยะต่อไปหากกนง.จะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยตามแนวโน้มก็อาจจะช็อคเศรษฐกิจได้

ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค BBL ""
ถ้ากนง.ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดหลักทรัพย์และภาคธุรกิจจะดีขึ้นเพียงระยะสั้น แต่ระยะยาวกนง.ก็ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังสูง โดยส่วนตัวคิดว่าโอกาสปรับเพิ่มดอกเบี้ยมีมากถึง 90% เพราะตลาดได้รับรู้ไปก่อนหน้าแล้วว่ากนง.จะปรับดอกเบี้ยขึ้น

ไม่ควรขึ้น "บาทแข็งทำให้ส่งออกทรุด กลัวกำลังซื้อหด NPL พุ่ง"

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ KTB
ขณะนี้การลงทุนและการบริโภคน้อยลงอยู่แล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกก็ต้องทำให้การลงทุนและการใช้จ่ายหดลงไปอีก ถามว่าเศรษฐกิจส่วนรวมรับได้หรือเปล่า?ถ้าอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นอีก ถ้ารับได้โดยคิดว่าจะมีส่วนอื่นมาเติมให้ก็โอเค ทุกอย่างจบ แต่ถ้าเศรษฐกิจส่วนรวมรับไม่ได้ก็ต้องหยุด

นายเธียรชัย มหาศิริ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ส.อ.ท.
หากมีการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่กู้เงินจากธนาคารมาลงทุนในการซื้อวัตถุดิบ การขยายโรงงาน การปรับปรุงเครื่องจักร รวมถึงใช้เป็นทุนหมุนเวียน หากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ถือเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ทรุดลงไปอีก บางรายอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการ



"ภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจ" คืออะไร :?: ก็คือ "ความพอเพียง" ไง แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่าน ภูมิคุ้มกันตรงนี้มันถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วด้วย Thaksinomics ตั้งแต่รัฐบาล คนชั้นกลาง คนต่างจังหวัด เลวร้ายกว่ายุคบรรหาร ชาติชาย ชวลิต รวมกันซะอีก กู้สะบั้นหั่นแหลก เอาเงินมาผลาญ คอรับชั่น แล้วมาบอกประชาชนว่า "กู้แล้วรวยอย่างผม" ถ้ามันไม่มีความเน่าเฟะพวกนี้ โลกจะเปลี่ยนแปลงยังไง ไทยจะไม่กระทบมากนัก ยุคโลกาภิวัตน์ รัฐบาลประเทศด้อยพัฒนาประเทศไหนอย่าทำลายภูมิคุ้มกันตัวเองลงไปก็เก่งมากแล้ว (มีประวัติศาสตร์ไทยยุคไหนบ้าง ที่กองทัพขาดเงินมากถึงขนาดกำลังจะฝึกร.ด.ไม่ได้)

เลิกใส่หน้ากากเหอะ จะพูดจะทำอะไรให้มันจริงใจกันบ้าง ให้มันมีความเด็ดขาด อย่ายึกยัก แทงกั๊ก ไม่ควรญาติดีกับผู้ที่สนับสนุนการทำลายชาติ แบบว่า  "สามัคคีกันดีกว่า" "เห็นต่าง แต่ก็คนไทยด้วยกัน" เสียเวลา แบบว่า ประเทศเดินมาถึงปากเหวอีกครั้งแล้ว


หัวข้อ: Re: ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 03-06-2006, 12:33
 ช่วงเวลาวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตการเมือง เสี่ยแม้ว 3 กกต. ควรลาออกและเว้นวรรคฯ เสีย เพื่อให้นายกฯคนใหม่เดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง แก้ไขการใช้เงินในอนาคตเพื่อตอบสนองวัตถุนิยมและ การเติบโตตัวเลข GDP ของเสี่ยแม้วและรากหญ้า.....



 พวกนี้ นอกจากฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องแล้ว ยังฟังภาษาศาลฏีกา ไม่รู้เรื่องอีก เป็นเวรกรรมของคนไทยทั้งชาติ......!








หัวข้อ: Re: ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: นทร์ ที่ 03-06-2006, 14:11
ขึ้นก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย

คอยเตรียมรับสภาพต่อไปให้ดีแล้วกัน


หัวข้อ: Re: ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 03-06-2006, 14:35
รัฐบาลถังแตก วิกฤติร้ายที่เกิดขึ้นจริง ภายใต้การล้างผลาญเงินมากว่าห้าปีของพรรคไทยรักไทย หนี้สาธารณะพุ่งกระฉูด เงินทุนสำรองกำลังร่อยหรอ ป่านนี้เงินทองของหลวงตามหาบัว เหลือกี่สลึงก็ไม่รู้

กองทัพขาดแคลนงบประมาณ เมื่อเกิดอุทกภัยใหญ่ร้ายแรง รัฐบาลไม่มีปัญญาครือไม่มีสมองพอจะพิจารณาว่า กองทัพไม่มีงบประมาณเหลือที่จะไปช่วยประชาชนที่ประสบภัย

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระราชทานรับสั่ง ให้กองทัพไปรับค่าน้ำมัน จากพระองค์ท่านได้

หากรัฐบาลและนายรัฐมนตรี มีความละอายในการบริหารราชการแผ่นดินที่บกพร่อง จนถึงขนาดกองทัพไม่มีเงินเติมน้ำมันพาหนะ จนระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัฐบาลและนายรัฐมนตรี น่าจะรับผิดชอบ เอาเพียงขอพระราชทานอภัยโทษ ที่บริหารราชการเลินเล่อถึงเพียงนี้  แต่พวกนั้นก็ไม่ทำ หนามาก

ภูมิคุ้มกันชาติ เพียงแค่ค่าน้ำมันของกองทัพยังมีไม่พอแล้ว ภูมิคุ้มกันอะไรจะเหลือ ป่านนี้กองทัพเรือมิต้องใช้กำลังพลพายเรือรบกันแล้วหรือ กองทัพอากาศคงต้องซื้อลูกโป่งมาผูกกับเครื่องบิน เผื่อมันจะลอยได้กระมัง

นี่แหละ การบริหารงานล้มเหลวผิดพลาดของไทยรักไทยและทักษิณ

แอร์ฟอร์ซวัน มีเงินเติมน้ำมัน แต่ไม่มีเงินค่าน้ำมันให้กองทัพไปช่วยผู้ประสบภัย  อนิจจา


หัวข้อ: Re: ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: so what? ที่ 03-06-2006, 16:00
หมดเวลาปาร์ตี้แล้วครับ ใครที่ผ่อนบ้านอยู่รีบหาเงินมาโปะได้แล้วครับ
ส่วนรากหญ้าที่รักของเหลี่ยมก็เตรียมตัวขายเลหลัง มือถือ มอเตอร์ไซค์ ปิ๊คอัพ ด่วนจี๋


                          :mrgreen:  :mrgreen:


หัวข้อ: มาดู "ทนงซัง" (รมว.การคลังเถื่อน) vs หม่อมอุ๋ย กันบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 03-06-2006, 16:47
ความเห็นของ "ทนงซัง" รัฐมนตรีเถื่อนด้านการคลัง

"กระทรวงการคลังเห็นว่า หากเศรษฐกิจได้รับยาที่แรงไปอาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาได้ ภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงถดถอย เราจึงได้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจลง ฉะนั้นก็ควรมีวิธีการที่ทำให้ดีกว่านี้ อย่างเรื่องดอกเบี้ยผมไม่แน่ใจว่าถ้าขึ้นแล้วจะดี" (อยู่ตรงข้ามกับธปท.)
"ที่สำคัญต้องดูแลระดับล่างไม่ให้ได้รับผลกระทบมาก มาตรการทางการคลังทั้งหมด ช่วยเหลือได้ในระยะสั้นเท่านั้น" (แปลว่ารากหญ้าเป็นรากเน่าแล้ว)
"การแก้ปัญหาในระยะยาวจะต้องใช้มาตรการทางการเงินเป็นตัวหลักในการกระตุ้น" (หลักการข้อเดียวของ Thaksinomics)


ความเห็นของ "หม่อมอุ๋ย"

"เรื่องดอกเบี้ยเวลาไม่มีทางออกทีไรก็โยนมาที่ผมซึ่งเรื่องนโยบายดอกเบี้ยมัน ก็มีส่วนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวเล็กน้อยเท่านั้น เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเพียง 4.5 % ทั่วโลกก็อิจฉาแล้ว"


ทั้งนี้นับจากกลางปี 2547 แบงก์ชาติแสดงความกังวลต่อภาวะคุกคามของเงินเฟ้อมาก ดังที่ปรากฎว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)หรือ บอร์ดการเงินนับจากช่วงเวลาดังกล่าวจนถึงการประชุมครั้งล่าสุด ( 10 เมษายน 2548 ) รวม 12 ครั้ง บอร์ดการเงิน ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาร์พี (อัตราซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่แบงก์ชาติใช้ชี้นำตลาด รวมแล้ว 3.5 % หรือจาก 1.25% เป็น 4.75 % มีเพียงการประชุม 2 ครั้งแรกในช่วงต้นปี 2548 เท่านั้นที่ไม่มีการขยับอัตราดอกเบี้ยชี้นำ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ชัดจากผลกระทบของโศกนาฎกรรมสึนามิ

เหตุผลหลักที่แบงก์ชาติดำเนินมาตรการการเงินอย่างเข้มข้นต่อเนื่องมาโดยตลอด นอกจากหวังกำราบเงินเฟ้อ ( ระดับราคาสินค้าและบริการที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง) ที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันแล้ว ยังหวังแก้ปัญหาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (หมายถึงอัตราดอกเบี้ย 1 ปี คาดการณ์เฉลี่ยในรอบ 12 เดือน หักลบจากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในรอบ 12 เดือน)ที่ติดลบต่อเนื่องมานาน ซึ่งส่งผลให้อัตราการออมภาคเอกชนของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควร โดยล่าสุด ณ เดือน เมษายน ที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบ 0.63 %

อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าวัคซีนดอกเบี้ยที่แบงก์ชาติฉีดใส่ระบบเศรษฐกิจ ไม่สามารถยับยั้งการเติบโตของตัวเลขเงินเฟ้อได้ หลายเดือนที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อขยับสูงขึ้นมาโดยตลอดล่าสุดเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาประกาศว่าอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นถึง 6.2 ซึ่งสูงที่สุดในรอบปี

ของแพง ไอ้คนที่มันเป็นหนี้อยู่แล้วก็ยิ่งต้องกู้เพิ่มมาโปะ มันก็ไม่หยุดกู้ เงินก็ยิ่งล้นออก เงินเฟ้อก็ไม่หยุดอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องออมเงินสำหรับคนกลุ่มนี้ แล้ว "ทนงซัง" จะให้มีการ กู้ๆๆๆ ไปสุดถึงเมื่อไร และถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ยสะกัด มันก็ยัง กู้ ๆๆๆ ไปเรื่อยๆ หนี้ยิ่งบานไปเรื่อย จุดสิ้นสุดอยู่ที่ไหน เมื่อไรมันถึงจะพอ(เพียง)


หัวข้อ: Re: ขี้ด.บ.ก็ตาย ไม่ขึ้นก็ตาย เพราะหน้าเหลี่ยมมันทำลายภูมิคุ้มกันชาติไปจนหมดสิ้นแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ::วิญญาณห้อง2:: ที่ 03-06-2006, 18:37
ฟันธง

ต้องขึ้นดอกเบี้ย.....................................................

รากหญ้าตาย ช่างมัน(เฉพาะพวกที่เป็นหนี้)

ไม่งั้นจะตายกันทั้งประเทศ เหตุผลรึ........

เงินเฟ้อ 6% ดอกเบี้ย 4%

ติดลบมาแบบนี้ 3-4 ปีแล้ว เมื่อก่อน Gap ติดลบไม่กว้างเท่านี้ ตอนนี้กว้างมาก ขอบอก