ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

“ทหาร” เกาะติดซักฟอก “เขาพระวิหาร” ชี้ “หมัก” ตอบไม่ตรงประเด็น กังขา “นพดล” มีอำนาจลงนามหรือไม่ จับตารัฐบาลเทงบท่องเที่ยวลงฝั่งตะวันออก ทำถนนวิ่งเข้าเกาะกงมั่นใจยูเนสโกไม่ขึ้นทะเบียน “ประสาทพระวิหาร” เป็นมรดกโลก เหตุยังมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ
       
       วานนี้ (24 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านหยิบยกประเด็นเรื่องปราสาทเขาพระวิหารมาอภิปรายนั้น ผบ.เหล่าทัพ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของแต่ละเหล่าทัพติดตามการอภิปรายชนิดคำต่อคำ เพื่อประเมินถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งนี้ เท่าที่ได้ติดตามดูการชี้แจงของรัฐบาล โดยเฉพาะนายสมัครนั้นตอบคำถามไม่ค่อยตรงประเด็น และยิ่งดูการอภิปรายของนายอภิสิทธิ์ ก็ยิ่งเห็นช่องโหว่ของรัฐบาลในการลงนามข้อตกลงเรื่องดังกล่าว
       
       นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นจากแหล่งข่าวทางทหารว่า ในการตั้งข้อสังเกตเรื่องอำนาจของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ในการลงนามในแถลงการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ต้องมีการตรวจสอบว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ให้อำนาจไว้หรือไม่ หากศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่าไม่สามารถลงนามได้ แถลงการณ์ดังกล่าวก็จะเป็นโมฆียะ ส่วนแผนที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้นำมาเปิดเผยนั้นมีความแตกต่างจากที่นายนพดล นำมาแถลง จึงกลายเป็นว่าเขาพระวิหารอยู่นอกเหนือจากคำพิพากษาของศาลโลก
       
       “เชื่อว่าการพิจารณาของยูเนสโกในเดือน ก.ค.นี้ คงไม่ยินยอมขึ้นทะเบียนให้ปราสาทเขาพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลกอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ และควรจับตาดูการพิจารณางบประมาณประจำปี 2552 ของรัฐบาลนายสมัคร ให้ดี โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยว ที่อาจจะมีการทุ่มงบประมาณเข้าไปในพื้นที่ย่านฝั่งตะวันออกเพื่อสร้างถนน ตั้งแต่ จ.ระยอง จันทบุรี และ จ.ตราด เพื่อวิ่งเข้าไปที่เกาะกงของประเทศกัมพูชา” แหล่งข่าว กล่าว
       
       อีกด้านหนึ่งมีรายงานแจ้งว่า ในการตรวจสอบโทรสารซึ่งมีเอกสารส่งมายังห้องผู้สื่อข่าว ซึ่งลงชื่อของ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด สามีคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ส่งถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เรื่องการรักษาอธิปไตยเหนือดินแดนกรณีปราสาทเขาพระวิหาร โดยอยากให้ทุกฝ่ายดำเนินการด้วยความรอบคอบ และพบว่าในเอกสารเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.51 มีการเขียนด้วยปากกว่าว่า “เป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินทางหนึ่ง” และมีลายเซ็นของ พล.อ.เปรม กำกับ ทั้งนี้ ลายเซ็นดังกล่าวเมื่อเทียบกับการลงนามในประกาศมูลนิธิรัฐบุรุษ เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือหลักสูตร และแนวปฏิบัติในโครงการดังกล่าว เป็นลายเซ็นเดียวกัน

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000074442

มันเป็นเรื่องระหว่างประเทศ และการลงนามอาจนำมาซึ่งการได้มาสูญเสียอธิปไตยหรืออาจนำมาซึ่งการได้มาหรือสูญเสียอธิปไตย

หรืออาจทำให้ไทยเสียเปรียบในอธิปไตย ต้องเอาเรื่องเข้าสภาเพื่อพิจารณาร่วมกัน

การที่นพเหล่ไปเซ็นสัญยาแต่เพียงคนเดียว ไม่ผ่านการพิจารณาในสภาจึงเป็นโมฆะ

การทำความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสิ่งที่ดี แต่เรื่องนี้ เราถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือไม่? รู้อยู่แก่ใจล่ะครับ เพราะมันช่วงเลือกตั้งของไอ้ here ฮุนเซน

เราก็เดินตามพวกมันจนได้

แล้วเป็นไง?

มันก็ยุ่งแบบนี้แหละ ถ้าจะบอกว่า เอ้าก็พิจารณาแล้วทุกฝ่าย ว่าเราไม่เสียอธิปไตยและดินแดน... แล้วกูก็จะถามกลับว่า แล้วมันเรื่องอะไรของมึง ที่จะต้องมาทำเรื่องนี้ในช่วงเลือกตั้งของไอ้here ฮุนเซน? แถมยังบอกให้ทหาร หุบปาก

เวรกำจริงๆ

จะยืดอีก สัก 2 ปี หรือ 100 ปี มันจะตายหรือไม่ ที่ตายแน่ คือ พวกมันในสภานี่แหละ ตาย และ ตัวคนเขียนกระทู้นี้แหละตาย เหมือนกัน

มันใช้ไม่ได้เรื่องแบบนี้ มันต้องทำความเข้าใจก่อน ไม่ใช่ว่า มันเป็นตัวแทนของเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งทำแบบนี้ มันไม่จบหรอก มีแต่ไฟในบ้านเราเอง

หรือว่าเป็นเกม ที่บางคนวางไว้?

คิดเอาเองละกัน เบื่อจริงๆ กับคนที่ไม่รู้จักว่า อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ตอนนี้ มันเอาเราไปอ้างในเอกสารที่มันยื่น

เรื่องอธิปไตยของชาติ
มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
จะให้คนคนเดียวหรือกลุ่มเดียว
มาตัดสินใจแทนคนทั้งชาติ โดยที่ประชาชนไม่ระแคะระคายอะไรเลย
แล้วนี่ถ้าพันธมิตรไม่จุดประเด็นขึ้นมา
รู้มั๊ยครับว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศชาติของเรา
ความรักชาติ หวงแหนชาติ ไม่อยู่ในสายเลือดของคนบางคนแล้วหรือครับ
น่าเศร้าใจ ที่ปัจจุบันมีคนพวกนี้มาเกิดในแผ่นดิน