ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

           หลังจากมีศาลยุติธรรมทั้ง 3 ศาล (ศาลฎีกา ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ) ออกมาทำหน้าที่กำหนดอนาคตประเทศตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ วันที่ 25 เมษายน 2549 ที่ผ่านมา
           แทนที่บ้านเมืองจะมีทางออกหรือสัญญาณอะไรที่ชัดเจนออกมาจากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า “จะยอมพิจารณาตนเองควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่”
           และสัญญาณที่ชัดเจนจากฝ่ายการเมืองจากฟากรัฐบาลว่า “จะยอมถอยฉากออกมาเพื่อให้ศาลทั้ง 3 ศาลโดยเฉพาะศาลฎีกาเข้ามากำหนดกรรมการใหม่ทั้งชุด 10 คนแล้วส่งให้ รักษาการ สมาชิวุฒิสภา (ส.ว.) หรือ ส.ว.ชุดใหม่รับรองภายใน 45 วัน ตาม ม.138(3) รธน.หรือไม่”
           ส่วนซีกฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยและพรรคมหาชนมีมติร่วมกันว่า “พร้อมที่จะลงเลือกตั้งทุกเมื่อ แต่ไม่แน่ใจว่าการที่ กกต.ชุดนี้ไม่ลาออกจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะอีกหรือไม่”
          ไม่น่าเชื่อครับว่า กกต.ชุดนี้ตีความมติทั้ง 3 ศาลว่า “กกต.ควรพิจารณาตัวเอง ถ้าออกได้จะเป็นคุณูปการต่อบ้านเมือง” ไม่ออกครับ
          คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บรรดานิติบริชิน เจ๊หน้าเด้ง จตุชิน ศิเธย พงศ์มาร และโภชินต่างให้สัมภาษณ์น่ารักมากครับว่า “กกต.ต้องทำหน้าที่ต่อไปยังออกตอนนี้ไม่ได้ หากออกตอนนี้การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ใครจะดูแลการเลือกตั้ง”
          แค่นั้นยังไม่พอครับ คุณสุชิน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา หรือที่รู้จักกันดีอีกนามว่า “ท่านสุดทน” มาจากไหนก็มิทราบครับจู่ๆออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “กกต.ที่ว่างลง 2 คนนั้นต้องใช้การสรรหาเพิ่มเติมชุดเก่าอีก 3 คนจะลาออกหรือไม่แล้วการตัดสินใจของคนเก่า”
          อ่านจบตรงนี้รู้สึกอย่างไรครับ คุณทักษิณ กกต.และ ท่านสุดทนมองมติทั้ง 3 ศาลซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของเบื้องสูงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำหรือครับ!!!
          ใครกันแน่ที่กำลังลบหลู่เบื้องสูงอยู่!!!
           ตอนนี้คุณทักษิณ กกต.และนายสุดทนยังมีเวลากลับตัวทันครับก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปจนต้องกลับสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะอีกครา
           แต่ผมว่าตอนนี้เอาช้างมาฉุดก็ฉุดไม่อยู่แล้วครับวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 มีมติคณะรัฐมนตรีออกมาว่า กำหนดวันเลือกตั้งใหม่วันที่ 15 ตุลาคม 2549 บอกตามตรงผมไม่ติดใจวันเลือกตั้งหรอกครับเพราะว่า การปลดล็อค 90 วันเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่อยากทำงานกับพรรคใหม่อย่างเต็มตัวรวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคคู่แข่งมีเวลาเตรียมตัวด้วย
          ผมห่วงแต่เพียงว่า หาก กกต.ชุดนี้ดื้อด้านไม่ออกกลืนน้ำลายเพื่อทำงานให้คุณทักษิณต่อไปน่าเป็นห่วงครับบ้านเมืองจะเดินหน้าอย่างสมานฉันท์อย่างไร
         บอกตามตรงผมอดห่วงไม่ได้จริงๆครับ หากพี่หนา พี่ปริญญา ม.แม้ว และพี่วีระชิน ไม่ลาออกตามที่เคยลั่นวาจาไว้ตอนสิ้นเดือนเมษายนว่า “ขอเวลา 1 เดือนสะสางงาน”
         ครบกำหนด 1 เดือนก็สิ้นเดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนมิถุนายน!!!
         บอกง่ายๆว่า หาก กกต.ชุดนี้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยวิธีตะแบงว่า “ถึงมี 3 คนก็ทำงานได้ไม่มีปัญหา” จนถึงวันเลือกตั้งวันที่ 15 ตุลาคม 2549 เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาผลการเลือกตั้งจะเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่
         หรือเราจะเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะอีก ด้วยเหตุผลไม่ฉลาดของคนเห็นแก่ตัว ของ กกต.ทั้ง 3 คน ว่า กกต.ชุดนี้หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วต่อให้จัดการเลือกตั้งกี่ครั้งก็ไร้ความหมายการเลือกตั้งต้องเป็นโมฆะจนกว่าจะมีการสรรหา กกต.ใหม่ยกชุดจากศาลยุติธรรมหรือ
         หากผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ทุกอย่างก็จะกลับไปวังวนเดิมอยากหลีกเลี่ยงมิได้
          เมื่อถึงตอนนั้นคุณทักษิณและ กกต.ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งคณะเพื่อแสดงความรับผิดชอบอีก 2.2 พันล้านบาทรวมของเดิม 2.2 ล้านบาท(การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549) รวมเป็น 4.4 พันล้านบาท
         เพราะเงินเหล่านี้คือภาษีอากรของประชาชนไม่ใช่เงินส่วนตัวของคุณทักษิณ!!!
         แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าที่ กกต.ชุดนี้ต้องกลับไปอ่านสัก 1,000,000,000 รอบ หรือตลอดชีวิตคือ ม.136 รธน. แต่ผมไม่มั่นใจว่า กกต.ชุดนี้อ่านแล้วจะทำใจได้มากน้อยแค่ไหน