หัวข้อ: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: คนไทยคนหนึ่ง ที่ 05-06-2008, 19:46 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2549 นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประ เทศไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาหัวข้อ "การปฏิรูปสังคมและการเมืองครั้งใหม่" โดยชี้ว่าสังคมไทยกำลังล้มเหลว-แตกเป็นเสี่ยงๆ และถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง"
"ผมมาวันนี้อยากให้คึกคักมากขึ้น จึงขอประกาศตัวเลยว่าผมไม่เป็นกลาง ในชีวิตผมไม่เคยเป็นกลาง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความถูกต้องและความผิด ไม่เป็นกลางระหว่างความถูกกับความชั่ว ระหว่างประชาธิปไตยกับไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เคยเป็นกลางระหว่างธรรมะและอธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างวิชาและอวิชชา หรือระหว่างกติการัฐธรรมนูญที่ถูกต้องกับกติกาที่จัดตั้ง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างอิสรภาพของสื่อกับการกีดกันอิสรภาพ ไม่เคยเป็นกลางระหว่างหลักนิติธรรมกับการใช้ความอยุติธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความดีและความไม่ดี..... ผมอยู่ฝ่ายหนึ่งเสมอไปและตลอดชีวิตเชื่อว่าฝ่ายที่ผมอยู่นั้นถูกต้อง ถึงเวลาที่สังคมไทยใช้คำว่าเป็นกลางเฟ้อเกินไป สังคมไทยต้องมีจุดยืน แต่ต้องเป็นจุดยืนที่มาจากข้อเท็จจริงและมีเหตุผล ต้องแน่ใจว่าจุดยืนที่เราเลือกนั้นระหว่างฝ่าย ไม่ใช่ระหว่างบุคคล จะเป็นจุดยืนที่ถูกต้องและเหมาะสม" ............................. อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้จาก http://www.naewna.com/news.asp?ID=23604 แม้จะพูดไว้2ปีมาแล้วแต่ก็ยังทันสมัย เหมาะสำหรับคนที่ออกมาประกาศตัวว่าเป็นกลางโดยยังไม่รู้ว่าเป็นกลางระหว่าอะไรกับอะไร หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-06-2008, 20:14 บทความดีๆ น่ารัก ๆ วันนี้
3 พยางค์ 'มนุษย์' ต่างจาก 'เดรัจฉาน' สำนึกความ 'รับผิดชอบ'คุณธรรมสำคัญอันพึงมีในฐานะที่เป็นมนุษย์ผู้ย่อมต้องรู้ผิดรู้ชอบอันแตกต่างจาก 'เดรัจฉาน' โดย อรวรรณ ศิริสวัสดิ์ อภิชยกุล .............ฯลฯ........ มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองหนึ่ง ณ ขณะนี้ เหตุการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างออกมาเรียกร้องหาคุณธรรมที่สำคัญบางอย่างที่เชื่อกันว่าเลือนและขาดหายไป คุณพูดคุณก็ต้องยอมรับในสิ่งที่พูดสิ คุณทำคุณก็ต้องยอมรับในสิ่งที่คุณทำสิ ผมพูดแต่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันทำแต่ฉันทำด้วยบกพร่องโดยสุจริต ที่จริงเหตุการณ์เรียกร้องอะไรเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย เพียงแค่แต่ละฅนจะมีคุณธรรมข้อนี้อยู่ตรงที่ใจ อันจะส่งผลให้แสดงออกมาทางกาย วาจา ได้อย่างมีสำนึกอย่างสม่ำเสมอ แทนที่จะ เปล่า... แต่... บกพร่องโดยสุจริต... ! หรือต้องรอให้มีการเรียกร้องใดใด เขาและเธอผู้ที่มีคุณธรรมข้อนี้อยู่ กลับควรที่จะต้องยืดออกพกคำและแสดงออกมาจากสำนึก ครับ ผมพูดครับ และแม้ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น ผมก็ขอรับผิดที่ทำให้หลายฝ่ายเข้าใจคาดเคลื่อนเช่นนั้น ค่ะ ดิฉันทำจริงค่ะ แม้จะด้วยความไม่รู้ นั่นคือความบกพร่อง ดิฉันขอรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ สง่า งดงาม ยิ่งกว่าคำปฏิเสธฤาข้อกล่าวอ้างอื่นใด... ระหว่างการเริ่มต้นคาบเรียน อาจารย์กำลังเริ่มดำเนินการสอนตามปกติ นักศึกษาฅนหนึ่งยกมือขึ้น อาจารย์คะ อาทิตย์ที่แล้วหนูกลับไปบ้านหาความหมายของคำว่าความรับผิดชอบมาอีกครั้งค่ะ คือว่าหากเราเปิดพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ฉบับออนไลน์ ใส่คำว่า ความรับผิดชอบ หน้าจอจะแสดงว่า คำ ความรับผิดชอบ ค้นไม่เจอ โปรดพิมพ์ใหม่ ... ยังไม่ทันพูดจบ เสียงโห่ผสมฮา...า...า จากรอบห้อง และรอยยิ้มจากอาจารย์ นักศึกษาฅนเดิมต่อ อะเฮ่มๆ...จากนั้นให้พิมพ์ใหม่โดยตัด ความ ออก เหลือแต่ รับผิดชอบ จะได้ว่า ก. ยอมรับผลทั้งที่ดีและไม่ดีในกิจการที่ตนได้ทำลงไปหรือ ที่อยู่ในความดูแลของตน ตามที่อาจารย์ถามว่ามองเห็นอะไรบางอย่างมั้ย? หนูขอตอบว่า คือ การยอมรับทั้งที่ดีและไม่ดี ใช่หรือเปล่าคะ? ใช่ แต่ยังไม่ทั้งหมด อีกนิดเดียวเพียงแต่สลับที่กัน อาจารย์ตอบพร้อมรอยยิ้ม นิ่ง สักครูหนึ่งจึงกล่าวต่อ พวกคุณมองเห็นความแยบผลบางอย่างมั้ย สำหรับคำแปลที่เชื่อมถึงความหมายของคำคำนี้? พวกคุณมองเห็นความแยบผลบางอย่างมั้ย สำหรับคำแปลที่เชื่อมถึงความหมายของคำคำนี้? เอาหล่ะ กลัวพวกคุณคาใจ ไม่เป็นอันเรียนกัน หากพวกคุณสังเกตกันให้ดี จะเห็นว่า คือความแยบยลของผู้แปลคำๆ นี้ ท่านแปลและกำหนดให้คำๆ นี้ขึ้นต้นด้วยคำว่า ผิด ก่อนคำว่า ชอบ นั่นหมายความว่าอย่างไร?...หมายความว่า ท่านปรารถนาที่จะให้พวกเรารู้จักรับผิดก่อนที่จะรับชอบ พูดง่ายๆ ก็คือรู้จักรับสิ่งไม่ดีที่ตนเองกระทำก่อนที่จะรับเอาแต่ความดีความชอบเข้าหาตัวนั่นเอง หยาดน้ำตา สีหน้า สำนึกที่เทอรี่มีในวันนั้น... จะปรากฏขึ้นบนสีหน้า สำนึกของใครต่อใครในบ้านเมืองหนึ่งหรือไม่ คงไม่อาจตอบแทนกันได้ ทว่าทุกขณะจิตคิดเสมอว่า หากทุกฅนร่วมใจ ร่วมวาจา ร่วมแรง รู้รับผิด...ก่อนรับชอบน่าจะดี รับผิด เรียนรู้ผิด และแก้ไข จึงรับชอบอย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอล ประธานสโมสร รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ประชาชน พันธมิตรกับประชาชน ใครก็ตามที ถือเป็นคุณธรรมสำคัญที่พึงมีในฐานะที่เป็นมนุษย์ มนุษย์ผู้ย่อมต้องรู้ผิดรู้ชอบอันแตกต่างจากเดรัจฉานสัตว์ อะแฮ่มๆ...หากใครเป็นเพียงแต่ผู้รับชอบ-รู้ชอบ ติดอยู่กับความพึงได้พึงมี ปราศจากการรับผิด-รู้ผิดในจิต อันนำมาซึ่งการประพฤติตนด้วยความรับผิดชอบแล้วไซร้ ใครผู้นั้นคงเป็นได้แต่เพียง ครึ่งหนึ่งของมนุษย์เท่านั้น ที่มา มติชน วันที่ 05 มิถุนายน 2551 เวลา 10:53:08 น. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=34446&catid=25 หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 05-06-2008, 20:23 นายกฯผู้ดี
ไทยรัฐ[5 มิ.ย. 51 - 16:47] จดหมายฉบับนี้ ส่งมาทางโทรสาร เนื้อหาจากลายมือนี้ คนระดับผู้นำ ใช้เวลาด่ากว่าสิบนาที คราวที่แล้วไม่มีชื่อ คราวนี้ใช้ชื่อว่า นายรู้น้อย พลอยรำคาญ ตอนสายวันเสาร์ ผู้คนพลเมืองได้ยินเสียงกร้าวๆดุดัน ปลุกเร้าอารมณ์ทางโทรทัศน์ วันนี้ต้องแตกหัก ผมเตรียมพร้อมไว้แล้วทั้งทหารตำรวจ แถวบ้านผมพากันตื่นตระหนก นึกว่านายกฯประกาศสงคราม ตอนหลังถึงได้รู้ว่า ฯพณฯ อารมณ์เสีย คุณกิเลน ทราบไหม...นายกรัฐมนตรีที่อบรมบ่มนิสัยสื่อมวลชน มีใคร? ผมมีอยู่ในสมอง สอง-สาม คน หนึ่ง...ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้เป็นเอตทัคคะในทุกๆด้าน ยากจะหาผู้ใดเทียบเทียม บ้านซอยสวนพลู คือสำนักตักกสิลา ที่นักการเมืองมุ่งไปหา คล้ายบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ยุคนี้หัวกระไดไม่แห้ง แต่สมัยก่อน เขาไปบ้านซอยสวนพลูเพื่อหาวิชาความรู้ ไม่ใช่ชักแถวไปหาอย่างอื่น แอ็กชั่นและชั้นเชิงการเมืองของคึกฤทธิ์นั้น แสบสัน เหมือนชื่อพรรค สลับซับซ้อนยากจะตามทัน มีที่ไหนในโลก 18 เสียง เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเฉย แล้วก็นายกฯ 18 เสียงคนนี้ อีกนั่นแหละ ที่พลิกโฉมหน้าการเมืองไทยไปสุดขั้ว อย่างอัศจรรย์ พันลึก เมื่อบึ่งไปเขย่ามือกับประธานเหมา ที่เมืองจีน...ก่อนใคร แต่สิ่งที่คึกฤทธิ์เป็นมากกว่าครึ่งชีวิต คือสื่อมวลชนหน้า 5 สยามรัฐ ที่ท่านเขียน (เกือบ) ทุกวัน คืออาหารรสเด็ดที่ผู้คนทุกวงการเสพติด นักข่าวคนไหนถูกท่านดุด่าว่ากล่าว ก็ถือว่าเป็นมงคลของชีวิต สอง...นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรีที่มีต้นทุนสูง ไม่ใช่โลว์คอสต์ ไร้ราคา นำคำว่า โปร่งใส มาใช้กับการเมืองไทย การเมืองในมิติของคุณอานันท์ ต้องสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ (ไม่ใช่หนีการตรวจสอบสุด ขอบฟ้า) สามารถนำพาบ้านเมืองผ่านช่วงเวลาที่วิกฤติเลวร้ายที่สุดไปได้ ไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมท่านจึงได้รับความชื่นชมนิยมสูงจากประชาชน ไม่ว่าจะสำรวจกันกี่โพลๆ ก็มาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่เหมือนสมัยนี้ แค่สอง-สามเดือน ไม่รู้ว่าไปทำโพลกันแบบไหน ผลจึงออกมาเป็นบ๊วย (ไอ้โพล เฮงซวย!) คุณอานันท์ เคยได้สมญา ผู้ดีรัตนโกสินทร์ แล้วที่ว่าผู้ดีๆนั้น เป็นไฉน? ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ต้องยกไว้ ท่านเป็นหน่อเนื้อกษัตริย์ แต่คุณอานันท์ เป็นคนสามัญ เทือกเถาเป็น มอญแถวโพธาราม แต่ความจริง ศักย์ คุณอานันท์นั้นสูง บิดาเป็นถึงพระยา บรรดาศักดิ์เป็น พระยาปรีชานุศาสตร์ ท่านเป็นปัญญาชนที่สุขุมลุ่มลึก ใครๆก็ใคร่จะเสวนาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่คาดไม่ถึง มีการสำรวจ พบว่า คุณอานันท์ เป็นสุภาพ บุรุษที่มีเสน่ห์เข้าตาผู้หญิง นี่แหละคือบทพิสูจน์คำว่า ผู้ดี...ทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อมีอำนาจวาสนาก็อ่อนน้อม เหมือนต้นไม้สูงใหญ่ที่ลู่กิ่งลง ไม่มีใครเคยได้ยินคุณอานันท์ ชูเครื่องราชฯชาติตระกูล ทับถมข่มคนอื่น เหมือนผู้ดี...บางคน. กิเลน ประลองเชิง หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ชามู ที่ 06-06-2008, 10:01 หึ หึ หึ
และแล้วกิเลน ก็ถวาย "พระผาง" ให้นายกฯ สมัคร อีกหนึ่งดอกเต็มๆ ตีน หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 06-06-2008, 10:36 นายกฯที่มาจากรัฐประหารย่อมไม่เคยเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน...ฉันใดฉันนั้น ผู้ที่ได้ดีมีตำแหน่งจากการยึดอำนาจประชาชนย่อมไม่สนใจความทุกข์ร้อนและเสียงเรียกร้องของประชาชน หาไม่แล้ว....บุคคลผู้นี้ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชนมาอย่างยาวนานและไม่ละอายแก่ใจของผู้ที่เคยมีตำแหน่งอดีตนายกฯของไทยในช่วงสมัยรัฐประหารกระมัง!?! :slime_doubt:
หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: AsianNeocon ที่ 06-06-2008, 11:22 ถ้าจะห้ำหั่นกัน อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง กรุณาแตกหักกันไปเลย
น่าเวทนาคนในประเทศสาระขัน ที่ต้องมาห้ำหั่นกันเองใน "สงครามตัวแทน" เพื่อใครก็ไม่รู้ พอสงครามดำเนินไป ก็มีแต่ผลัดกันถอยฉาก ไม่ได้แลกหมัดให้น็อกกันไปซะที หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: caveman ที่ 06-06-2008, 11:45 แล้ว สัมประทานที่ได้จาก เผด็จการละครับ มันน่านับถือนักหรือ
หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ตาย่าน ที่ 06-06-2008, 12:44 เลือกข้างแล้ว เลือกข้างก่อนที่นายอานันท์จะออกมาพูดเป็นปี
หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ฮูลิแกน ที่ 06-06-2008, 12:54 แล้ว สัมประทานที่ได้จาก เผด็จการละครับ มันน่านับถือนักหรือ น่าคิด :slime_cool:หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 06-06-2008, 13:26 เลือกแล้วครับ เลือกข้างหน้า ไม่เลือกข้างหลัง :slime_smile2:
หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 06-06-2008, 13:36 แล้ว สัมประทานที่ได้จาก เผด็จการละครับ มันน่านับถือนักหรือ ถ้าได้มาผิดๆ...คมช.คงขอให้คตส.จัดการไปนานแล้ว ที่เฉยอยู่ก็เพราะมันไม่ผิดไง! หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ผู้ทำลาย ที่ 06-06-2008, 13:49 ตัวผมนะเลือกข้างไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็ถอยมาหนึ่งก้าวเหมือนกัน
หัวข้อ: <<ต้องเลือกข้าง ?>> พวก อาแป๊ะกะทิ & พันธ์ทรมาน.." ลอกไอเดียหรูๆ" ของ อาแม๊ว #@ เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหินฮะ๛ ที่ 06-06-2008, 15:47 พวก อาแป๊ะกะทิ & เดอะ แก๊งค์พันธ์ทรมาน.. ช๊อบชอบ" ลอกไอเดียหรูๆ" ของ อาแม๊ว อยู่เรื่อยๆ..เร๊ย@# :slime_smile2: ...ถึงเวลา ต้อง เลือกข้าง ? โครงการนี้ " อาแม๊ว " ของลูกหิน ท่านมี ดำริ, มีวิสัยทัศน์ แบร์ๆๆ LOL ฯลฯ มา นานแสนนาน แล้ว อ่ะฮ้ะ :slime_fighto: :slime_hmm: ตัวอย่าง..ต้องเลือกข้าง (http://www.thairath.co.th/2550/international/Dec/library/30/str10.jpg) เป็นผู้นำเมืองน้ำหอม ฝรั่งเศส ได้ไม่ทันไร ท่านซาร์โกซีก็เร่งสร้างผลงานจ้าละหวั่น เพราะฝรั่งเศสมีปัญหามากมายรอให้แก้ไข เช่น การนัดหยุดงานและจลาจลในกรุงปารีส แล้ว ไหนจะเจอมรสุมชีวิตรักจนต้องหย่ากับนางเซซิเลียอีกล่ะ แต่ตอนนี้ท่านคงหายเหงาแล้ว เพราะมีรักใหม่กับคาร์ลา บรูนี นางแบบและนักร้องเชื้อสายฝรั่งเศส-อิตาลี วัย 38 ปี ยินดีด้วย เฮ... :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_fighto: :slime_fighto: :slime_v: :slime_v: หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ผู้ทำลาย ที่ 06-06-2008, 15:49 ทักษิณจะเลือกข้าง น้องลีเดีย หรือเปล่าเนี่ย :slime_inlove:
หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: ฮูลิแกน ที่ 06-06-2008, 17:02 ความหมายของผมคือ...
ทั้งอานันท์ ทั้งทักกี้ ต่างก็เคยได้รับผลประโยชน์ จากการเข้ามาของ รสช.ด้วยกันทั้งคู่ :slime_cool: อานันท์ได้มีตำแหน่งทางการเมือง(เป็นนายกฯ) ส่วนทักกี้ได้แอบอิงอำนาจทางธุรกิจจาก รสช. คำถามคือ ถ้า รสช.เลวร้าย...อานันท์จะถือว่าเข้าข่าย รับของโจร ด้วยหรือไม่? :slime_doubt: ส่วนทักกี้คงไม่ต้องกล่าวถึง เพราะเห็นกันอยู่แร้ว :slime_sleeping: หัวข้อ: Re: ถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง" เริ่มหัวข้อโดย: The Last Emperor ที่ 06-06-2008, 17:05 คำถามคือ ถ้า รสช.เลวร้าย...อานันท์จะถือว่าเข้าข่าย รับของโจร ด้วยหรือไม่? :slime_doubt: น่าจะเข้าข่ายรับใช้โจรมากกว่าน๊ะ :slime_smile2: |