หัวข้อ: ดั่งธนูน้าวถึงคราวแผ่นดินเดือด : เปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Cherub Rock ที่ 31-05-2008, 02:53
ดั่งธนูน้าวถึงคราวแผ่นดินเดือด
31 พฤษภาคม 2551 กองบรรณาธิการ
"แล้วจะเอายังไงกันต่อไป?" ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ต่างคน-ต่างถาม โดยใครก็ยังให้คำตอบใครไม่ได้ ถึงแม้ "นายจักรภพ เพ็ญแข" ประกาศลาออกจากรัฐมนตรี
และญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ "ตกไป" แล้วก็ตาม แต่การเมือง "ภาคประชาชน" ยังคุโชน..รุกต่อ ครับ..ประชาชนทางการเมืองนั้น ปลุกยาก แต่เมื่อปลุกตื่นแล้ว ก็ยากที่จะให้กลับไปหลับ-ไปนอนได้ง่ายๆ การประชุมใหญ่ของ "มวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ตอนหัวค่ำวานนี้ (๓๐ พ.ค.๕๑) ที่มัฆวานรังสรรค์ มีเรื่องเดียวที่ทั้งสำเร็จ และล้มเหลว ที่ล้มเหลวคือ "ห้ามฝน" ไม่อยู่ แต่ที่สำเร็จคือ มวลชนยังอยู่! ก็ โอเค น่ะ!!
ประเมินจากมวลชนเป็น "มหาประชามติ" วานนี้แล้ว ผมบอกได้คำเดียวว่า..หนักใจแทนรัฐบาลนอมินีทักษิณ และ..หนักใจแทนแผ่นดินของเราทุกคน!!
ทำไม..แกนนำพันธมิตรฯ จึงไม่สลายมวลชน ในเมื่อเป้าหมายบรรลุแล้ว เพราะนายจักรภพก็ลาออกแล้ว ญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญก็ตกไปแล้ว..พันธมิตรฯ ได้คืบจะเอาศอก ต้องการป่วนบ้าน-ป่วนเมืองงั้นหรือ? อืมมมม..มองเผินก็น่าคิด แต่ถ้ามองพิศ เรื่องนี้มันมี "รากพิษ" ฝังยาวที่ต้องขุด-ต้องถอนเป็นไมล์เป็นกิโลฯ
ก็ต้องย้ำจากที่บอกว่า "หนักใจ" แต่ต้น เป็น "วิตก-หวั่นไหว" แทนครับ!
การที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยกระดับการชุมนุมจากเงื่อนไขจักรภพ เงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญ ขึ้นไปสู่เงื่อนไขขับไล่รัฐบาล "สมัคร-นอมินีทักษิณ" แล้วประกาศเป็น "มหาฉันทามติ" ว่า เดินหน้า..ชุมนุมต่อ นั้น นับจากนี้ มิถุนา-กรกฎา-สิงหา ไปสิ้นสุดที่กันยา ผมไม่รับประกันว่า "มหาสงกรานต์เลือด" จะไม่เกิด!? ทำไงได้ล่ะครับ เมื่อสิ้นเหตุ-สิ้นผลจะตอบ ผมก็คงต้องกำปั้นทุบดินว่า..สุดแต่ชะตา-วาสนาชาติบ้านเมืองจะเป็นไปเถอะ?
ถ้าผมหรือใครจะบอกฝ่ายพันธมิตรฯ ตอนนี้ว่า เพลาฟืนจากเตาไฟ รอดูฝ่ายรัฐบาลเขาก่อนสักระยะดีไหม ถ้าไม่เห็นแก่ใคร ก็ขอให้เห็นใจประชาชนที่มาร่วมชุมนุมทุกคืนจะได้ไหม? อยู่กันอย่างนี้ ๕ วัน ๑๐ วัน ก็พอไหวหรอก แต่ถ้าจะต้องอยู่กันเป็นเดือน เป็นปี โดยมีเป้าหมายที่ตอบได้ในความชอบธรรมไม่ชัดเจน ก็จะเหมือนพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาหน้าน้ำ ตั้งค่ายก็ยาก เสบียงกรังก็ขาด ไพร่พลก็ห่วงหน้า-พะวงหลัง ลงท้ายก็ต้องรื้อค่ายกลับหงสาวดี..มือเปล่า
เสียทั้งฟอร์ม เสียทั้งประวัติศาสตร์!
นับจากวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ศึกยกใหม่นี้เห็นทีต้องเรียกว่า "ปฏิบัติการตีหมาจนตรอก" ท่านก็คงทราบกันแล้วว่า สัญชาตญาณหมา เมื่อจนตรอกมันไม่ "มุดตรอก" หนี แต่มันจะหันหลังกลับมาสู้ และการสู้แบบหมาจนตรอกนี่แหละ ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บไปข้าง!
ถ้าลองไปกรองคำแถลงลาออกของนายจักรภพ ก็จะเห็นว่า ที่ลาออกนั้น ใช่ว่านายจักรภพสำนึกในสิ่งที่ตัวได้กระทำลงไปไม่ แต่ที่ลาออกนั้น ลาเป็นกตัญญู-กตเวทิตาต่อผู้บังคับบัญชาที่เขาเคารพรักในน้ำใจคือ "นายสมัคร สุนทรเวช"
ไม่ได้เป็นการลาด้วยจิตสำนึกต่อวาจาที่เขาพาดพิงถึงสถาบันแต่อย่างใด?
และอีกอย่าง นายจักรภพย้ำชัดเจน ถึงออกไปแล้ว ไปพูดที่ไหน คิดที่ไหน เขาก็จะพูด จะคิดอย่างนั้นเหมือนเดิม เพราะมั่นใจว่า..นั่นไม่ผิด!
นี่ก็กลายเป็นเงื่อนไขใหม่ที่ฝ่ายพันธมิตรฯ มองยาวไปถึง "เจ้าของคอก" ด้วยมุมมองเชิงตรรกะว่า นายจักรภพเป็นเช่นนี้ เพราะเจ้าของ ซึ่งนายจักรภพเรียกว่า "ผู้สนับสนุนทางการเมือง" มีความคิด-ความเห็นต่อสถาบัน เป็นดังที่นายจักรภพแสดงนั่นเอง นี่เป็นอีก ๑ เหตุปัจจัยที่พันธมิตรฯ ไม่ถอยทัพ! และการที่ ส.ว.ล็อตสุดท้ายในบัญชีญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปขอถอนชื่อเพื่อให้ "ญัตติตกไป" วานนี้ ใครต่อใครทราบข่าวก็ถอนหายใจเฮือก เหมือนสลักระเบิดถูกถอดเข็มแทงชนวนในนาทีสุดท้าย แต่แล้ว ในการประชุมพรรคพลังประชาชน ก็มีมติออกมาว่า ในเมื่อญัตติที่ ส.ส.-ส.ว.ที่เข้าชื่อกัน ๑๖๔ คนต้องตกไป เขาก็จะให้ ส.ส.พลังประชาชนล้วนๆ จำนวน ๑ ใน ๕ ของสมาชิกสภาผู้แทนฯ เท่าที่มีอยู่ ทำญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสนอประธานสภาฯ ขึ้นไปใหม่ ให้ทันสมัยประชุมวิสามัญที่ ๙ มิ.ย.นี้! เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๑๙ (๑) นั่นแหละครับ จำนวน ส.ส. ๑ ใน ๕ ครั้งนี้ก็ ๙๕-๙๖ คน กะกันว่า ในสภาฯ ก็จะแก้รัฐธรรมนูญกันไป ส่วนนอกสภาฯ ก็จะทำประชามติควบคู่กันไป
อย่างนี้ก็เลยเข้าล็อก ไฟพอจะมอด ได้เชื้อชิ้นใหม่ ไฟก็โชนอีก!
นี่ก็เป็นเหตุปัจจัยที่ ๒ ที่ฝ่ายพันธมิตรฯ สามารถใช้อ้างเป็นเงื่อนไขไม่สลายการชุมนุม เพราะฝ่ายรัฐบาลนอมินีทักษิณยังไม่ละความพยายามที่จะใช้ประชาธิปไตยใจนอก สถาบัน เป็นเครื่องมือแก้รัฐธรรมนูญ "ชิงศพ" นายเหนือหัว! เมื่อหยิบแต่ละส่วนมาดูและเห็นอย่างนี้ ก็บอกได้ว่า ต่างฝ่ายต่างพร้อมประจันหน้า และต่อจากนี้ เป็นการประจันแบบ "ธนูน้าวสุดสาย" ฉะนั้น การล้มตายยากจะไม่ให้เกิด!!
เห็นได้ข่าวว่า "นายกฯ สมัคร" จะเปิดรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ภาคพิเศษ-เฉพาะกิจเช้าวันเสาร์นี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะอ่านไทยโพสต์ปูพื้นไปก่อนฟัง หรือว่าฟังแล้วมาอ่านทีหลัง ถ้าอ่านก่อน ทราบข่าวนี้ก็รีบไปนั่งหน้าจอ คอยฟังเถอะครับว่านายกฯ สมัครในฐานะ "หัวหน้ารัฐบาลนอมินี" จะประกาศการรับรู้การทำสงครามยืดเยื้อของฝ่ายพันธมิตรฯ ด้วยลีลาไหน? คนอย่างสมัครถอยเป็นซะที่ไหนล่ะ ถ้ามีรายการ "ต่อปาก-ต่อคำ" รับรองกวาดแชมป์ทุกรายการ ฉะนั้น ด้วยเหตุผล ๑๑-๑๒ ข้อที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศเป็นมูลฐานให้ต้องยกระดับการชุมนุมเป็น "ขับไล่รัฐบาล" ต่อเนื่องจากนี้ไปนั้น นายสมัครจะรับคำท้าสงคราม หรือประกาศยอมสงบศึก ๙ โมงเช้า ต้องตามฟังกันเอานะครับ
เดี๋ยว..ขอคั่นรายการซัก ๒-๓ บรรทัด เพราะถ้าไม่ชี้แจงจะมีคนเข้าใจผิดเหมือนในกรณีข่าวลือปฏิวัติ คือ ๒-๓ วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ "ไทยโพสต์" หายหน้าไปจากแผงในภาคกลางหลายจังหวัด ยังอยู่ดี สุขบ้าง-ทุกข์บ้าง ตามประสาภาวะน้ำมัน "๒ ลิตรร้อยนั่นแหละครับ" ยังไม่ล้มหายตายจากไปทางไหน แต่เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ คือแท่นพิมพ์ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับผมกระเสาะกระแสะ หนังสือพิมพ์ก็เลยตกรถ-ตกรา ผมยืนดูกองหนังสือที่พิมพ์เสียกระดาษเปล่า ส่งไปขายไม่ทัน ต้องขนกลับมาชั่งโลด้วยความปวดใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะยังไม่มีเงินซื้อแท่นใหม่ๆ เองนี่ครับ จึงรายงานให้ทราบตามนี้ สำหรับโทรศัพท์ที่ถามกันเข้ามา..นึกว่าเจ๊งแล้ว!
เอาละครับ เข้าเรื่องต่อ ผมยอมรับว่า ถ้าผมเป็นแกนนำพันธมิตรฯ และเป็นแกนนำรัฐบาล "คิดไม่ออกจริงๆ" ครับว่า จะบริหารเรื่องราวต่อไปข้างหน้าให้จบแบบ WIN-WIN กันได้อย่างไร? ฝ่ายทหาร จะใช้บทเรียนเก่าๆ มาเป็นบทปฏิบัติการใหม่ๆ เพื่อรักษาความสงบสุขบ้านเมืองได้แบบไหน โดยไม่ปฏิวัติ? พูดถึงปฏิวัติ ต่อให้นองเลือด รับประกัน..ก็จะไม่มีการปฏิวัติ "ปีนี้" แน่นอน!! การเมือง ต้องแก้กันด้วยการเมือง เพราะการเมือง แก้ด้วยการทหารตรงๆ ๑๐๐% มาแล้วหลายครั้ง ปรากฏว่า..พังทุกครั้ง ฉะนั้น ต้องปล่อยครับ ปล่อยให้กระบวนการการเมืองไปด้วยตัวของมันเองให้สุดๆ จะได้รู้ว่า สุดทางด้วยพลังและสติปัญญาของการเมืองนั้น มันไปได้ยาวไกลที่สุดขนาดไหน? ขืนใครเข้าไปคั่นกลางอยู่เรื่อย มันก็ข้องใจ ต้องมีไฟต์ล้างตากันอยู่เรื่อย ฉะนั้น คราวนี้ต้องปล่อย ปล่อยให้กัดกันเขี้ยวรุ่นๆ จนหัวขาดไปข้าง แพ้-ชนะ จะได้เข็ดเขี้ยวกันไปเอง ทุกคนมีเหตุ-มีผล และมีสติรู้อะไรควรแค่ไหน ไม่ควรแค่ไหนด้วยกันทั้งนั้น จึงป่วยการอ้างความรัก ความสามัคคีขึ้นมาห้าม ก็มันต้องแตกสามัคคี แยกเขี้ยวด้วยไม่รักกันให้ถึงที่สุดเสียก่อนนั่นแหละ "รักแท้-สามัคคีถาวร" จึงจะเกิดตามมาทีหลัง ก็อย่างที่เคยบอก "สังคมกำลังลอกคราบ" ไงครับ.
| (http://www.vanhara.com/wp-photos/thumb.20061028-231702-5.jpg) |
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=31/May/2551&news_id=159265&cat_id=200 :slime_worship:
หัวข้อ: Re: ดั่งธนูน้าวถึงคราวแผ่นดินเดือด : เปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ดอกฟ้ากับหมาวัด ที่ 31-05-2008, 03:02
รักแท้ที่แพ้เงิน ยังงกเงิ่นเฝ้าเดินหา รักแท้แพ้เงินตรา ให้ชาติหน้าหา...ไม่เจอ
แผ่นดินจะแดงเดือด จะหลั่งเลือดเพียงเพราะเธอ หลงรักจริงนะเออ.... ฉันรักเธอ...ประทศไทย
หัวข้อ: Re: ดั่งธนูน้าวถึงคราวแผ่นดินเดือด : เปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: คนกวาดขยะ ที่ 31-05-2008, 08:55
อยากล้างบางมันวันนี้ แต่ฝ่ายโน้นแก้เกมโดยการถอยอำพราง เริ่มยากละซีพี่น้องเอ๋ยยย
จะแก้เกมนี้หาเงื่อนไขที่ชาวบ้านพลังเงียบเห็นด้วยได้ยังไง รอจังหวะก่อนดีไหม
หัวข้อ: Re: ดั่งธนูน้าวถึงคราวแผ่นดินเดือด : เปลวสีเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 31-05-2008, 11:19
ยันดูท่าทีก่อนครับ
มวยกำลังต่อยบนเวที
รอดูลีลาแต่ละฝ่าย
สุดท้ายที่หวังคือ "รัฐบาลลาออก"
เหตุผลคือ แถลงการณ์ฉบับที่ 11 นั่นแหละครับ
มีเหตุสมควรที่ต้องขับไล่รัฐบาล
ส่วนรัฐบาลไปแล้ว ก็ปรับตัวแก้ไขไปตามสถานการณ์
ที่สำคัญ พันธมิตรต้องไม่เรียกร้องการปฏิวัติเด็ดขาด
เมื่อธนูโก่งจนล้า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
หากคราวนี้ พันธมิตรถอยไป ทักษิณก็ไม่เลิกครอบงำอำนาจปกครองประเทศ
สู้ให้แตกหักดีกว่าครับ
ให้มันรู้ไปว่า แม้ทักษิณหนีไปแล้ว หรือรับโทษ หรือ ชนะในทางการเมืองต่อไป
ประเทศชาติจะได้รู้กันเสียทีว่า ประเทศนี้ต้องการให้มีนายทุนมาซื้ออำนาจของประเทศไทย
ผมยังมีความเห็นว่า เราต้องสู้ครับ ให้เด็ดขาดไปซักที
|