ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ตามตำราโหงวเฮ้งโบราณพันปี
บันทึกหลักการพิจารณานิสัยใจคอของคน จากการผายลม ดังนี้


คนใจเย็น :- คนที่กลั้นผายลมไว้นาน จนถึงจุดระเบิด
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/9830793)


คนไม่จริงใจ : - คนที่ผายลมแล้วหันไปจ้องหน้าคนที่ยืนข้างๆ
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/138826614)



คนหลงตัวเอง : - คนที่คิดว่าผายลมตนเองหอม ของคนอื่นเหม็น
(http://www.geocities.com/silent1212th/egoman.jpg)


คนใจนักเลง : - คนที่ชอบและชื่นชมการผายลมของเพื่อนๆ
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/8246434)


คนงก : - คนที่ชอบดมกลิ่นผายลมของตัวเอง
(http://mud.mm-a3.yimg.com/image/855814329)


คนขี้โอ่ : -  ผายลมเสียงดังแล้วหัวเราะชอบใจ
(http://www.geocities.com/silent1212th/proudman.gif)


คนโชคร้าย : คนที่พยายามใช้มือตบโต๊ะ ขณะผายลม แต่จังหวะไม่พอดี
(http://www.geocities.com/silent1212th/badluck.gif)


คนขี้ระแวง : คนที่แอบผายลมไปครึ่งหนึ่งแล้วหยุดชำเลืองมองคนรอบข้าง
ว่าไม่มีใครสังเกตุ  ก่อนจะปล่อยอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/11045012)


คนขี้เกรงใจ : คนที่ถามเพื่อนทุกครั้งหลังจากตนผายลมว่า เหม็นไหม
(http://mud.mm-a3.yimg.com/image/908084097)

ลักษณะเช่นนี้ ป้าเสลาเคยรับฟังเรื่องจริงจากน้องคนหนึ่ง
ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประจำช่องรับ-จ่ายเงินของธนาคารแห่งหนึ่ง
น้องคนนี้เล่าว่าขณะที่กำลังนับเงินที่ลูกค้า
ซึ่งเป็นคนจีนในวัยที่เรียกว่า อาเจ็กนำมาเข้าบัญชี
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง "ปู้ดดด.." ถนัดชัดเจน
น้องคนนี้ก็รีบก้มหน้าก้มตานับเงินทำเป็นไม่ได้ยิน ด้วยกลัวลูกค้าจะเขิน

แต่อาเจ็กกลับกระมิดกระเมี้ยน แหะๆ ถามด้วยเสียงที่เกรงอกเกรงใจขึ้นมาว่า
" เหม็นใหมคับ.."



นักอนุรักษ์ :- คนที่ผายลมใส่ถุง แล้วนำไปกลมฝัง เพราะกลัวก๊าซมีเทนจะทำลายชั้นโอโซน
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/21939340)


นักวิทยาศาสตร์ :-  คนที่สามารถวิเคราะห์ได้หลังจากสูดกลิ่นผายลมเข้าไปว่า
อาหารมื้อที่กินเข้าไปก่อนหน้านั้นประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรท โปรตีนและไขมัน อย่างละกี่เปอร์เซ็นต์
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/6336399)


คนซาดิสม์ : - คนที่ผายลมในผ้าห่มแล้วกดหัวคู่นอนเข้าไปดม
(http://www.somerset-health.org.uk/graphics/content/photos/blanket.jpg)


คนเจ้าเล่ห์ : - ผายลมพร้อมกับแกล้งไอ
(http://mud.mm-a6.yimg.com/image/2343355165)


คนสุภาพ :- คนที่กล่าวคำขอโทษก่อนและหลังจากผายลม
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/170889636)


ผู้ดี :- คนที่กลั้นผายลมไว้จนท้องอืด เพื่อกลับไปผายลมที่บ้าน
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/14498924)


คนมั่นคง : - คนที่ผายลมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ต่อเนื่องยาวนาน
(http://emol.org/images/clipart_people_108.gif)


คนอำมหิต : คนที่ผายลมไร้เสียงแต่กลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ
(http://mud.mm-a3.yimg.com/image/844533357)


คนดีแต่พูด : - คนที่ผายลมเสียงดัง แต่ไม่มีกลิ่น
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/148321284)


คนหลายใจ : - คนที่ผายลมพร้อมกับปัสสาวะและอุจจาระขณะเดียวกัน
(http://mud.mm-a4.yimg.com/image/1250186447)


แพทย์ : - ล้างมือทุกครั้งหลังจากผายลม
(http://mud.mm-a3.yimg.com/image/855847814)


คนใจบุญ : - ยืนเหนือลมเพื่อให้ทุกคนได้รับกลิ่นโดยทั่วกัน
(http://mud.mm-a2.yimg.com/image/505825895)


นักเขียน : - คนที่สามารถหยิบเรื่องการผายลมมาเขียนหากินได้
(http://www.showcatsonline.com/images/cats_writer.jpg)


*********************

ได้มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการผายลมนี้

คำถาม 1 :- คุณหมอครับ คือผมมีปัญหาใหญ่มากเรื่อง การผายลม
ส่วนใหญ่จะออกมาแบบไม่รู้ตัวและตลอดเวลา
จนบางทีคนที่นั่งข้างๆเริ่มจะรังเกียจ ผมรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นทุกทีครับ
ไม่ทราบว่าผมควรจะแก้ไขอย่างไร ฝึกการกิน การถ่ายยังไง
และมียาที่สามารถรักษา ระบบทางเดินอาหารของเรารึเปล่าครับ
 สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าคุณหมอคงจะช่วยให้ผมกลับมามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นนะครับ 
ขอขอบคุณมาล่วงหน้าครับ. 

คำตอบ : - "การผายลมเกิดจากการระบายก๊าซที่เกิดจากการหมักและย่อยของอาหารในลำไส้
ปกติผายลมบ่อยน่าจะเกิดจากก๊าซในอาหารมากไม่ค่อยเป็นโรคร้ายแรงใด
แต่ถ้าไม่ผายลมอาจเกิดจากการทำงานของลำไส้น้อยไป
โดยทั่วไปถ้าไม่ผิดปกติอะไรมากไม่ต้องกังวลครับ"

คำถาม 2 : - พี่สาวดิฉันอายุ 39 ปี มีอาการผายลมบ่อยมาก
เท่าที่สังเกตมานะคะ เป็นการผายลมชนิดมีเสียงไม่มีกลิ่น
เขาจะผายลมทุกวันๆละหลายๆครั้ง ความถี่จะเป็นมากตอนช่วงบ่ายๆ ถึงค่ำ
ถามเขาว่าเป็นมานานเท่าไรแล้ว เขาบอกว่าเป็นอย่างนี้มากว่า 10 ปีแล้ว
อ้อ มีอีกข้อหนึ่งเขามีปัญหาเรื่องการขับถ่ายด้วยค่ะ
คือหลังจากรับประทานอาหารเข้าไปแต่ละมื้อต้องเข้าห้องน้ำระบายของเสียหนักทันที
ดิฉันแนะให้ไปหาหมอ เขาก็ไม่ไปเพราะอายหมอค่ะ
คุณหมอว่าปกติหรือว่าควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคคะ

คำตอบ : - การผายลม ก็แสดงว่ามีลมคั่งค้างอยู่ในลำไส้และทางเดินอาหารมาก
ซึ่งลมที่ว่านี้มาจากลมที่กลืนเข้าไป เช่น เวลาพูดมาก ๆ ,
 การร้องเช่นในเด็ก และลมที่เกิดจากการรับประทานอาหารแล้วมีการย่อย
รวมทั้งที่เกิดจากการย่อยสลายอาหารจากแบคทีเรีย
ดังนั้นเมื่อเกิดลมขึ้นร่างกายต้องระบายออกครับด้วยการผายลม
แต่การที่ร่างกายจะขับลมออกมาต้องใช้เวลาครับเพราะทางเดินอาหารยาวหลายเมตร
ถ้าร่างกายเราเคลื่อนไหวทางเดินอาหารได้ช้า
เช่น งานที่ทำต้องนั่ง ไม่ค่อยเคลื่อนไหวมาก, ทานยาบางอย่าง,
ทานยาบางชนิดฯลฯ ก็จะทำให้เกิดลมได้มากและอยู่ในร่างกายนาน
ความถี่ที่เกิดจึงมาผายลมในช่วงบ่าย ๆ
เพราะบางคนนั่งทำงานทานจุกทานจิกทั้งวันกว่าลมจะเคลื่อนผ่านได้ก็บ่าย
 ส่วนตอนเช้า ๆ อาจมีน้อยเพราะกลางคืนเราทานไม่มาก
นอกจากเป็นคนชอบอาหารก่อนนอน

ส่วนการถ่ายหลังมื้ออาหาร บ่อย ๆ แสดงว่าลำไส้ทำงานไวเกินไปครับ
ถ้าเป็นหลังอาหารเช้าอาจพบได้เพราะร่างกายบางคน
มีการบีบตัวของลำไส้ตอนเช้าแรงเพื่อการขับถ่าย
แต่ถ้าเป็นมื้ออื่น ๆ ทุกมื้อ ควรมาพบแพทย์บ้างครับ
เพราะถ้าเป็นปัญหาจะได้หาสาเหตุครับ
แต่เท่าที่ดูประวัติเป็นมากว่า 10 ปีแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ไม่น่าจะเป็นโรคที่รุนแรงนะครับแต่ถ้าอายุมากขึ้นควรมาตรวจจะดีกว่า
( จากhttp://www.healthnet.in.th/cyber_board/room5/messages/2499.html)

 *****************

เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับกิจกรรมการผายลม

ศึกษาการผายลมคนทั่วโลก : - ประดิษฐ์เบาะดูดกลิ่นและเสียง

ศึกษาถึงธรรมชาติของคนเรา คนทั่วโลกผายลมกันถึงวินาทีละเกือบ 1,000,000 ครั้ง
จนมีคนหัวดีคิดประดิษฐ์เบาะนั่งเก็บเสียงและกลิ่น ไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้เสียหน้า
เชื่อว่าจะกลายเป็นสินค้ายอดฮิตต่อไป

คู่สามีภรรยาในสหรัฐฯ ได้ศึกษาถึงธรรมชาติการผายลมของคนเรา
ได้พบสถิติที่เป็นทางการได้ว่า เวลาเพียง 5 วินาที
คนทั่วโลกจะผายลมรวมกันถึง 4,850,000 ครั้ง
นายจิม ฮิววา อาชีพวิศวกรผู้เป็นสามีเล่าว่า ภรรยาของเขาเป็นต้นความคิด
และเสนอให้เขาลองคิดออกแบบเบาะเก็บเสียงและกลิ่นของ การผายลม
จึงได้ออกแบบขึ้นมา

เบาะที่ออกแบบ สามารถดูดกลิ่นและก็เสียงได้เกือบหมด
โดยตัวกรองกลิ่นที่ใช้งานได้นาน 6 เดือน
แต่ถ้าเป็นผู้ชาย อายุการใช้งานจะหดเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว
ทั้งคู่รับประกันเบาะว่าได้ผลดียิ่ง
เพราะได้ทดลอง โดยไปทดลองกินอาหารที่ทำให้ผายลมบ่อย
เช่น ถั่วและไส้กรอกมาแล้วด้วยตัวเอง
ปรากฏว่าเก็บกลิ่น และเสียงได้หมดทั้งยังช่วยดูดกลิ่นอันน่ารังเกียจอื่นได้ด้วย
โดยตั้งราคาเบาะเอาไว้อันละประมาณ 1,000 บาท

(ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 25 ธันวาคม 2544 http://www.thairath.co.th/25_12_2001/ntoday/techno/tech3.html)


     
 

5555555555+++++ ขำทุกสไตล์เลยครับ

คิดได้ไง

คุณป้าเสลากลับมาแล้ว ดีใจจัง

อาศัยหลักจากตำราที่ว่านี้
เราลองมาช่วยกันวิเคราะห์เล่นๆว่า
คนดังๆของไทยจะเข้าลักษณะการผายลมแบบไหนบ้าง

สวัสดีจ้า In The Name Of Justice.  :D

คนดังๆของผม เอาเป็น พั้นช์ ละกันครับ

ตดยังหอม...55555

อย่าว่าแต่ดาราเลยครับ

ตัวเองเป็นแบบไหน ยังไม่รู้เลย 555+

อะกึ๋ย กระทู้มีกลิ่น............

ผมเคยได้ยินแต่ว่า "ส่วนมากผู้หญิง ผายลมมีกลิ่นเหม็นกว่าผู้ชาย"

จริงมั๊ยครับ คุณป้า ใช่มิใช่อย่างไร วานบอก....ครับผม

 (อาจเป็นเพราะว่า ส่วนมากผู้หญิงจะท้องผูก อัดอั้นไว้นาน
  เลยทำให้หมักหมมมากมายจึงเหม็น) :lol: :lol: :lol:

ป้าว่าน่าจะเป็นผู้ชายนะ
เพราะผู้ชายชอบกินถั่วแกล้มเหล้า
ถึงแม้ผู้ชายคนที่ไม่ดื่มเหล้า เวลานั่งคุยกับเพื่อนที่ดื่ม
ฝ่ายคนที่ไม่ดื่ม ก็ต้องหยิบถั่วกินอยู่ดี

ถั่ว ทำให้เกิดแก๊ซในกระเพาะ ของตาย เหม็นแน่นอน...

การผายลมเหม็นไง เทียบกับผู้ชายปากเสีย มันก็ยังดีกว่านะค่ะ  :mrgreen: :mrgreen:

แวะมาอ่าน :oops:  :mozilla_oops:
วันหน้าถ้าย่าแก้วผายลม จะมาชมกระทู้อีกที เอิ๊ก  เอิ๊ก  เอิ๊ก  

ที่ประเทศฝรั่งเศส มีป้ายปักไว้ที่สระน้ำโรงแรมแห่งหนึ่ง เขียนไว้ว่า
ห้ามกะเทย ผายลมในสระ
เนื่องจากอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ
มีโอกาสตั้งครรภ์โดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อได้
(http://joke.sanook.com/picture/38876_0.jpg)

สมัยที่ อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ ปราโมช ยังมีชีวิตอยู่
ท่านจะมีคอลัมน์ประจำวันใน หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
"คุยกับคึกฤทธิ์" ซึ่งจะมีผู้อ่านทางบ้านเขียนมาถามปัญหาท่านหลากหลาย

ป้าเสลาจำได้ว่ามีผู้อ่านท่านหนึ่งเขียนมาปรึกษาอาจารย์หม่อม
ด้วยปัญหาส่วนตัวของเขา คือ "ผายลมบ่อย"
เจ้าของปัญหาเล่าว่า เขาผายลมบ่อย โดยไม่ทราบสาเหตุ
ตอนอยู่บ้าน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะลูก เมียที่บ้านชินแล้ว

แต่เพราะเขาเป็นข้าราชการ เมื่ออยู่ในที่ทำงาน ก็ต้องคอยระวังทุกขณะจิต
เช่นตอนมีลูกน้อง หรือมีแขกมาติดต่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนอยู่ในห้องประชุม
เขาจำเป็นต้องลุกออกมานอกห้องเพื่อผายลมบ่อยครั้ง

ทุกวันนี้เขาจึงเกิดกังวลจนเหมือนเป็นปมด้อย......

อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ท่านตอบปัญหาของท่านนี้ ว่าอย่างไรบ้าง
ป้าเสลาจำได้ไม่หมด ....จำได้แต่เรื่องที่อาจารย์ท่านยกตัวอย่าง
ให้เห็นว่า การผายลมนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย
เพราะได้มีผู้ซึ่งได้ดิบได้ดี มีชื่อเสียงจากการผายลมมาแล้ว

มีชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่ง เป็นคนที่ผายลมบ่อยมาก
แต่เขาเป็นคนที่สามารถพลิกปัญหาให้เป็นประโยชน์
หรือเรียกว่า "เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสได้"

กล่าวคือ ชายผู้นี้ได้ฝึกเสียงผายลมของเขาให้เป็นจังหวะสั้น ยาว
เสียงทุ้ม เสียงแหลม
ไล่เสียง จาก สูงไปต่ำ... จากต่ำไปสูง
หรือทำให้เป็นเสียงตัวโน๊ต 7 ตัว โด เร มี ฟา ซอล.... ก็ได้
และได้ออกแสดงตามที่ต่างๆ  มีรายได้มากมาย....

อ่านเรื่องนี้จบแล้วอาจมีบางท่านสบายใจและแอบฝึกเล็กๆน้อยๆบ้างก็ได้
แต่ควรจะเลือกสถานที่ที่เหมาะสม
ไม่งั้นท่านอาจเกิดเหตุการณ์ อันเกินคาดขึ้นมา...................   
                       
(http://mud.mm-a1.yimg.com/image/12703543)