หัวข้อ: [ถึงลุงปุถุชน] ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน เริ่มหัวข้อโดย: Kittinunn ที่ 07-04-2008, 11:47 ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน
กมล กมลตระกูล ศูนย์วิจัยธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในคอลัมน์นี้ เมื่อปีที่แล้วในช่วงที่กำลังมีการพิจารณา พ.ร.บ.ค้าปลีกในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผมได้เขียนวิจารณ์ว่าพ.ร.บ.ที่คณะรัฐมนตรีได้ผ่านความเห็นชอบในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2550 นั้นค่อนข้างจะไม่ทันกาล และไม่แก้ปัญหาของผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าซูเปอร์สโตร์ นี่คือ ประเด็นหลักของบทความ "พ.ร.บ.ค้าปลีก-กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้" ใน คอลัมน์ "ภูมิคุ้มกันคอร์รัปชัน" นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2550 โดยมีข้อมูลอื่นๆ ที่ยกมาประกอบ เพื่อสนับสนุนประเด็นหลักของบทความ ข้อมูลหนึ่งที่ผมยกมาอ้างและกลายเป็นประเด็นหลัก ที่ทำให้ผมถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายถึง 100 ล้านบาท คือ ข้อความที่ผมนำมาจากพาดหัวของนสพ.ผู้จัดการรายวัน ที่ผมเปิดอ่านจากเวบไซต์ที่รายงานว่า ร้อยละ 37 ของยอดขายของเทสโก้มาจากประเทศไทย การอ้างข้อความข้างต้นเป็นการอ้างอย่างบริสุทธิ์ใจจากข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อ โดยที่ผมไม่ได้สร้างตัวเลขขึ้นมาเอง เพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัท เอกชัย-ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจในชื่อทางการค้า ว่า เทสโก้โลตัส ผมไม่ได้อยู่ในวงการค้าจึงไม่เฉลียวใจในการคิดคำนวณถึงความผิดปกติของตัวเลขนี้ บัดนี้เมื่อได้ตรวจสอบจากเวบไซต์ของบริษัทเทสโก้ และทราบว่าตัวเลขนี้ไม่ตรงกับความจริง จึงเสียใจ และขออภัยบริษัท เอกชัย-ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด มา ณ ที่นี้ ประเด็นอื่นๆ ที่ยกมาสนับสนุนประเด็นหลัก คือ กล่าวว่า ห้างค้าปลีกยักษ์มักเปิดชนกับตลาดสด ชุมชนเก่า ซึ่งเป็นทั้งวิธีชีวิต วัฒนธรรม และแหล่งค้าขายของคนยากคนจน ชาวบ้าน เกษตรกร และชาวสวนรายย่อย คนไทยเหล่านี้กำลังหายนะเพราะว่าถูกทำลายอาชีพทางอ้อม โดยรัฐไม่ปกป้องสิทธิทำกินของเขา ลูกหลานจะไม่ได้รับการศึกษาและกลายเป็นอาชญากรในที่สุด และการขยายตัวของห้างค้าปลีกยักษ์ ในขณะนี้ ได้ขับให้ร้านโชห่วยต้องเลิกกิจการ คิดเป็นสัดส่วน 40 ผมได้เขียน % ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งปิดตัวเอง และอีกครึ่งหนึ่งหันไปทำธุรกิจอื่นที่เลี้ยงตัวไม่ได้ ตัวเลขนี้ก็นำมาจาก นสพ.ผู้จัดการเช่นเดียวกัน ปัจจุบันห้างค้าปลีกยักษ์ ที่เรียกตัวเองว่าโมเดิร์นเทรดได้ครอบครองตลาดค้าปลีกไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 34.2 โดยเฉพาะห้างเทสโก้โลตัสห้างเดียว มีสาขาทั้งหมด 370 แห่ง แบ่งเป็น 4 ขนาด คือ ห้างขนาดใหญ่ที่เรียกว่าไฮเปอร์มาร์เก็ต 75 แห่ง (แยกเป็นวาลูสโตร์ 17 แห่ง) เอ็กซ์เพรส สโตร์ 266 แห่ง และซูเปอร์มาร์เก็ต 29 แห่ง และมียอดขาย 1 แสนล้านบาทต่อปี หรือร้อยละ 10 ของงบประมาณแผ่นดิน จากการขยายตัวข้างต้นทำให้น่าเป็นห่วงว่า จำนวนร้านค้าปลีกรายย่อยที่จะได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของห้างค้าปลีกยักษ์มีจำนวน 680,000 ร้าน และจำนวนตลาดสด 125,000 ตลาด (เอกสารของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย 2550) ถ้าหากว่า แต่ละตลาดสดมีแม่ค้าไม่ต่ำกว่า 50 ราย หากตลาดต้องปิดตัวลงหมด จะมีพ่อค้าแม่ค้าหมดอาชีพจำนวน 6.25 ล้านคน หากแต่ละคนมีครอบครัวละ 3 คน ก็จะมีผู้ได้รับผลกระทบมากถึง 18.75 ล้านคน บวกกับร้านโชห่วยที่เลี้ยงคนอีกร้านละ 3 คน ก็จะมีผู้ได้รับผลกระทบรวมกัน 20.79 ล้านคน (โจรอาจจะเต็มบ้านเต็มเมืองมากกว่านี้หลายเท่า-รั้วเหล็กของบ้านก็อาจจะถูกถอดขโมยไป) แม้ว่าโชห่วยจำนวนไม่น้อยจะห่วยสมชื่อ คืออาจจะขายของแพงกว่า หรือสินค้าไม่สะอาด หรือเก่า หรือตลาดสดสกปรก ไม่มีที่จอดรถ แต่เขาเหล่านี้ก็เป็นคนไทย ที่มีสิทธิมนุษยชนที่จะมีที่ยืนในสังคมเช่นเดียวกับบุคคลอื่นๆ มิใช่ปล่อยให้ถูกโมเดิร์นเทรดเข่นฆ่าโดยรัฐไม่เข้ามาเหลียวแล อันที่จริงการที่คนไทยต้อนรับการลงทุนของบริษัทต่างชาติ ที่เข้ามาจดทะเบียนให้มีสถานะเหมือนทุนไทย ก็น่าจะสำนึกในบุญคุณของคนไทยโดยการประกอบการค้าอย่างมีสำนึกต่อผลกระทบต่อชุมชน และอาชีพของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจมาก่อนหน้ามาเป็นชั่วๆ คนบ้าง เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ แต่กลับทำตรงกันข้าม เพื่อผูกขาดตลาดจัดจำหน่าย มีข้อที่น่าสังเกตถึงวิธีการทำธุรกิจของห้างค้าปลีกยักษ์ทั้งหลาย ซึ่งมีลักษณะของการใช้อำนาจเหนือตลาด โดยมีรายงานอยู่ใน นสพ.ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2551 รายงานว่า "ผู้ประกอบการข้าวถุงแฉโมเดิร์นเทรดพลิกลิ้น เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม แถมบีบลดราคาข้าวถุงทันที 30% เพื่อจัดโปรโมชั่นหลังขยายสาขาเพิ่ม หากไม่ลดราคาก็จะไม่ให้วางจำหน่ายในห้าง" นอกจากนี้ ยังวิธีการประกอบการค้าแบบจับเสือมือเปล่า โดยผลักภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างมาที่ผู้ผลิต อาทิเช่น ค่าปรับปรุงห้าง ค่าเปิดสาขาใหม่ ระยะเวลาการชำระเงินของห้างยาว 45-60 วัน บางห้างขยายออกไปถึง 80 วัน ขณะที่สินค้าที่ถูกส่งไปขายหมดภายใน 10-15 วัน มีการเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าสูงลิ่ว สินค้าบางตัวโดนเก็บเป็นล้านบาท ค่าเมล (ค่าพิมพ์และค่าส่งใบปลิว ใบโฆษณา) ปัจจุบันมีการจัดเก็บราว 2-4 แสนบาทต่อตัวสินค้า อาทิเช่น ข้าวถุง ค่าหักส่วนลด (rebate) ต่างๆ โดยทางโมเดิร์นเทรดขอเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ขึ้นอีก 5-10% และบีบให้ผู้ประกอบการข้าวถุงเข้าร่วมลดราคาสินค้าในช่วงเทศกาลโปรโมชั่นทันที 30% ซึ่งแต่ละครั้งจะมีระยะเวลา 15 วัน แม้ว่าทางผู้ประกอบการได้พยายามชี้แจงถึงต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ทางห้างยังยืนยันข้อเสนอที่เข้มงวด ผมเขียนบทความชิ้นที่ถูกฟ้องด้วยความกังวลในปัญหาข้างต้น มิได้ต้องการโจมตีห้างเทสโก้โลตัส โดยได้ค่าเรื่อง 1 พันบาท แต่ถูกฟ้องเรียกเงินถึง 100 ล้านบาท ในฐานะของนักหนังสือพิมพ์ตัวเล็กๆ ก็ไม่มีเงินและปัญญาจะสู้คดีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ที่มียอดขายแต่ละปีมากกว่างบประมาณแผ่นดินไทย 2 เท่า หนทางเดียวที่จะไม่ต้องติดคุกแทนการจ่ายค่าปรับ ก็ต้องขอรับบริจาคจากผู้อ่านมาเป็นค่าใช้จ่ายต่อสู้คดีนี้ โดยหวังว่าคดีนี้จะทำให้สังคมให้ความสนใจในการเรียกร้องให้มีการทบทวนกฎหมายและกฎระเบียบในการประกอบการค้าที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายที่อ่อนแอกว่า อาทิเช่น พ่อค้าท้องถิ่น เจ้าของโรงงานที่ถูกบีบราคาซื้อ และผู้ประกอบการรายย่อยทุกสาขา ซึ่งเป็นประเด็นที่ผมเรียกร้องในบทความของผม และเป็นสาเหตุให้ถูกฟ้อง ผู้ที่มีเมตตาและต้องการบริจาคกรุณาโอนเงินเข้า บัญชีออมทรัพย์ในนาม กมล กมลตระกูล ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยซีคอนสแควร์ หมายเลขบัญชี 223-2-00326-6 เพื่อร่วมกันสร้างระบบการค้าที่เปิดพื้นที่ให้ทุกๆ คนได้มีที่ยืนในสังคม ครับ ความน่าเศร้าของนักวิชาการ ถูกนายทุนฟ้องร้อง หัวข้อ: Re: [ถึงลุงปุถุชน] ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-04-2008, 13:12 ในที่สุดสามารถตกลงกันได้ โดยคุณกมล กมลตระกูลไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ห้างเทสโก้ฯ...
การฟ้องร้องของบริษัทฯ น่าจะเป็นการปรามไม่ให้นักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหวต่อต้านคนอื่น ๆเอาอย่างมากกว่า.... หัวข้อ: Re: [ถึงลุงปุถุชน] ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 07-04-2008, 14:05 ในที่สุดสามารถตกลงกันได้ โดยคุณกมล กมลตระกูลไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ห้างเทสโก้ฯ... การฟ้องร้องของบริษัทฯ น่าจะเป็นการปรามไม่ให้นักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหวต่อต้านคนอื่น ๆเอาอย่างมากกว่า.... เทสโก้ไม่กล้าฟ้องจริงหรอกครับ เพราะเป็นไปได้ว่าเรื่องราวอาจลุกลาม ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงภาพลักษณ์อย่างมากก็ได้ คนไทยมักเห็นใจคนที่ด้อยกว่า อาจมองว่าเทสโก้ใช้อำนาจเงินที่เหนือกว่า รังแกนักวิชาการสื่อมวลชน โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ และในอีกทางหนึ่งหากฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วทางเทสโก้เกิดแพ้คดีขึ้นมา หรือศาลอาจให้จ่ายค่าเสียหายเพียงเล็กน้อย (ยังไงคุณกมลก็ไม่มีเงินจ่าย มากมายตามที่ฟ้องแน่นอน) ก็เท่ากับเทสโก้ไม่ได้อะไรเลย งานนี้มีแต่เจ๊ากับเจ้งเท่านั้น จึงเป็นแค่การแกล้งฟ้องเพื่อข่มขู่จริงๆ ครับ :slime_smile: หัวข้อ: Re: [ถึงลุงปุถุชน] ภูมิคุ้มกันคอรัปชั่น : แก้ไขข้อมูลเทสโก้ฟ้อง 100 ล้าน เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 07-04-2008, 20:22 เทสโก้ไม่กล้าฟ้องจริงหรอกครับ เพราะเป็นไปได้ว่าเรื่องราวอาจลุกลาม ทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงภาพลักษณ์อย่างมากก็ได้ คนไทยมักเห็นใจคนที่ด้อยกว่า อาจมองว่าเทสโก้ใช้อำนาจเงินที่เหนือกว่า รังแกนักวิชาการสื่อมวลชน โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ และในอีกทางหนึ่งหากฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วทางเทสโก้เกิดแพ้คดีขึ้นมา หรือศาลอาจให้จ่ายค่าเสียหายเพียงเล็กน้อย (ยังไงคุณกมลก็ไม่มีเงินจ่าย มากมายตามที่ฟ้องแน่นอน) ก็เท่ากับเทสโก้ไม่ได้อะไรเลย งานนี้มีแต่เจ๊ากับเจ้งเท่านั้น จึงเป็นแค่การแกล้งฟ้องเพื่อข่มขู่จริงๆ ครับ :slime_smile: ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ ขนาดยักษ์ ต้องพึ่งพา'ภาพพจน์' อย่างยิ่ง... ถ้าห้างยักษ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ การไม่ลดราวาศอก จิตใจคับแคบ บิดเบือนข้อเท็จจริง การไม่มีส่วนร่วมกับสังคม....ตายแน่ครับ เนื้อหาของบทความนี้ ไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริง(ยกเว้นรายได้) หรือใส่ความธุรกิจการค้าปลีกในขณะนี้ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์หนักหนากว่านี้ด้วยซ้ำ..... เชื่อว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมแก่คุณกมลอย่างเหมาะสมครับ.... |