หัวข้อ: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 02-04-2008, 16:26 * เป็นคนชอบทานกาแฟค่ะ ..... !!!
ไม่รู้จะมีใครเป็นแบบนี้มั๊ย ... คือ ต้องทานกาแฟทุกวันในของทุก ๆ เช้า เมื่อชงกาแฟแล้วสูดเอากลิ่นหอม ๆ แล้วรู้สึกดีจังเลย ......... เมื่อก่อนจะชอบบอกใคร ๆ ว่า ... ให้ เหยาะ ไวน์ ลงไปสักหยด สองหยด โห ... สุดยอดของความหอมแบบนุ่ม ๆ เลยนะนั่น ( แต่ ตัวเองนาน ๆ ทำสักที 555 ) ปกติเวลาชงกาแฟทานเอง ... ก็เป็นกาแฟยี่ห้อที่เขานิยมกันนะแหละ ( มีคนบอกว่ากาแฟยี่ห้อนี้ผสมเม็ดมะขามลงไปด้วย... คุณน้อง กึ้ง ณ. เนสกาแฟ จิงป่าวที่เขาว่ากัน !! ) แต่ถ้าเป็นไปนั่งทานที่ร้าน ... เมื่อก่อนจะชอบ เอสเปรสโซ มาช่วงหลังเกือบปีแล้วที่หันมาทาน ลาเต้เย็น ( เหตุผล ... ม่ายบอก ) ด้วยสาเหตุที่เป็นคนชอบกาแฟ ... เลยไปหาอ่านเรื่องราวของต้นกาแฟว่า ขั้นตอนการปลูก จนมาถึง เป็นแก้ว ให้เราทาน เริ่มต้นมาจากไหนมั่ง ...... !!! (http://img99.imageshack.us/img99/8349/18913763pw8.jpg) (http://imageshack.us) เด๋วมาต่อ .......... ค่ะ :slime_smile: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 02-04-2008, 17:05 * ต้นกาแฟ ............................
(http://img86.imageshack.us/img86/6347/74565092ba0.jpg) (http://imageshack.us) ใบเค๊าสวยดีเนาะ ... แต่ไม่รู้ในรูปคือพันธ์อะไร เค๊าบอกว่ามี 2 แบบที่นิยมปลูก คือ 1. โรบัสต้า ( Robusta ) 2. อราบิก้า ( Arabica ) ความแตกต่างนอกจากสายพันธุ์แล้ว ก็อยู่ที่พื้นที่ปลูกในระดับความสูงจากน้ำทะเลภูมิอากาศแถบที่ปลูกรวมทั้งดิน ที่มีแร่ธาตุต่างกัน ความเด่นกลิ่น-รสชาติก็ย่อมไม่เหมือนกัน พันธุ์โรบัสต้า - เป็นกาแฟที่ต้านทานโรคสูง เติบโตเร็ว - ผลผลิตสูง กลิ่น-รสชาติ และราคาต่ำกว่าพันธุ์อราบิก้า - ผลผลิตจะถูกนำไปทำกาแฟผงสำเร็จรูปเป็นส่วนใหญ่ พันธุ์อราบิก้า - จะเป็นกาแฟที่สมบูรณ์ด้วยรสชาติ-กลิ่นหอม - และราคาสูงกว่าเป็นเท่าตัว และปลูกในพื้นที่สูง - ยิ่งสูงคุณภาพยิ่งดี และต้องพื้นที่ดินดี มีฝนตกชุกพอควร การปลูกกาแฟ ....... การเพาะพันธุ์กาแฟ จะต้องทำจากเมล็ดกาแฟเท่านั้น ไม่สามารถต่อตาหรือตัดกิ่งชำและไม่สามารถผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ นั่นคือ อาราบิก้า จะไม่สามารถนำมาผสมพันธุ์กับโรบัสต้า เพราะ ทั้งสองพันธุ์มีโครโมโซมแตกต่างกัน โรบัสต้ามีโครโมโซม 22 โครโมโซม ส่วนอาราบิก้า มีถึง 44 โครโมโซม เมล็ดกาแฟจะถูกนำมาเพาะในแปลงอนุบาล เมื่ออายุได้ประมาณ 1 ปี จึงย้ายมาปลูกในแปลงที่เตรียมไว้และอีกประมาณ 3-4 ปี กาแฟจึงจะเริ่มออกดอกออกผลระหว่างนี้ ชาวไร่จะต้องคอยหมั่นดูแลตกแต่งลำต้นให้ตรงและแต่งกิ่งให้แผ่ออกไปรอบ ๆ ลำต้นคล้ายกับร่มที่กางออก ถึงแม้ว่ากาแฟจะสามารถซื้อได้ในเกือบทุกสภาพดินฟ้าอากาศ แต่สภาพของดินที่น้ำไม่ขังจะเหมาะที่สุดสำหรับการปลูกกาแฟ อณุหภูมิประมาณ 15 - 25 องศาเซลเซียสต่อปี และปริมาณน้ำฝนประมาณ 2,000-3,000 ต่อปี ต้นกาแฟชอบน้ำกับแสงแดด เมื่อต้นกาแฟโตเต็มที่ ความต้องการของต้นกาแฟจะเปลี่ยนไป ดังนั้นชาวไร่จึงปลูกต้นไม้สูงที่แสงแดดสามารถส่องลอดได้ในไร่กาแฟ เช่น ต้นซิลเวอร์ โอ๊ก (Wilver Oak) เพื่อให้ร่มเงาแก่ต้นกาแฟ ปกติกาแฟต้นหนึ่งจะสามารถให้ผลผลิตได้ในปีที่ 4 ถึงปีที่ 5 และหลังจากนั้นผลผลิตกาแฟต่อต้นก็จะค่อยๆ ลดลง ชาวไร่ก็จะต้องโค่นทิ้งและปลูกต้นใหม่แทน เมื่อเก็บผลกาแฟแล้วจะต้องคอย ตกแต่งต้นกาแฟให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ใส่ปุ๋ย แต่กิ่งและควบคุมลำต้นไม่ให้สูงเกินไป ปกติต้นกาแฟที่ได้รับการดูแล จะมีความสูง ประมาณ 1.20-1.60 เมตร เพื่อสะดวกในการเก็บผล แต่ถ้าไม่เอาใจใส่ดูแลปล่อยให้ต้นกาแฟสูงขึ้นตามธรรมชาติ ต้นกาแฟอาจจะมี ความสูงถึง 5-10 เมตร ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี (http://img221.imageshack.us/img221/4294/47002964wk5.jpg) (http://imageshack.us) ดอกกาแฟมีสีขาว ... หอมและออกตามกิ่ง แต่ไม่พร้อมกัน ดอกจะเริ่มร่วงภายใน 2-3 วัน ผลกาแฟมีสีเขียวขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ จะเริ่มปรากฏให้เห็นเมื่อดอกร่วง และผลจะค่อยๆ ใหญ่ขึ้น จนมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไม่เกิน 1 ซม. เมื่อใกล้สุก ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง, แดง ไปจนถึงแดงเข้มคล้ายผลเชอรี่สุก นั้นหมายความว่าถึงเวลากเก็บเกี่ยวแล้ว ** มีต่อค่ะ ......... หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 02-04-2008, 17:30 มีความสงสัยครับ
กินสตาร์บัค แล้วเป็นศักดินาเหรอ??? แสดงว่าผมโคตรศักดินาเลย กินเป็นร้อยถ้วยแล้วมั้ง หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 02-04-2008, 18:14 * เกี่ยวไรกันเนี่ยยย .... กะ ศักดินา
อารายยว่ะเนี่ยยย ........... ทู้ เดี๊ยนพูดเรื่องที่มา ~ ที่ไป ของกาแฟ จะกินที่ไหน แบบไหน ก็เหมือนกันแหละ .... แต่ ราคาอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กะบรรยากาศร้าน ... และ น้ำหนักมือของคนชง โห ... จะกินกาแฟสักแก้วยังมีเรื่องชั้นวรรณะเลย ... ไรกัน ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์กันเลยพวกนี้ เฮอะ !!! หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: grave accent ที่ 02-04-2008, 21:57 ขอ ลาเต้เย็นแก้วนึงครับ :slime_agreed:
หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 03-04-2008, 11:31 * เอา ลาเต้เย็น มาฝากคุณ ... grave accent ค่ะ :slime_smile:
(http://img215.imageshack.us/img215/281/12fi4.jpg) (http://imageshack.us) อ่อ ... การทำ ลาเต้เย็น เค๊าก็ใช้กาแฟเอสเปรสโซนี่แหละค่ะ เอาสูตรการทำมาฝากด้วย !!! >: ลาเต้เย็น :< 1. กาแฟเอสเปรสโซ 1 shot .ใช้กาแฟ 15 กรัม กลั่นกาแฟออกมาได้ 100 ml.ใส่ในแก้ว 16 ออนซ์ 2. ใส่น้ำตาลทรายขาวหรือน้ำเชื่อม 30 กรัม 3. ใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว 4. เทนมสด 50 ml. ลงไปในแก้วไม่ต้องคน หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 03-04-2008, 11:55 ผมชอบดื่ม คาเฟโอเล ใส่น้ำแข็งปุ๊บ
กลายเป็นโอเลี้ยงขึ้นมาทันใด.........เอิ้กกกกก :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 03-04-2008, 12:04 ขอลาเต้ ฮ้อนๆ คับผม :slime_inlove:
หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: Scorpio6 ที่ 03-04-2008, 12:07 มีความสงสัยครับ กินสตาร์บัค แล้วเป็นศักดินาเหรอ??? แสดงว่าผมโคตรศักดินาเลย กินเป็นร้อยถ้วยแล้วมั้ง ผมนานๆ..แวะครั้งนึงดอกเด้อสหายฯ :slime_shy: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 03-04-2008, 12:32 * มาต่อกันค่ะ ...........
เราเห็นดอกสวย ๆ ของต้นกาแฟไปแล้ว ... ซึ่งหลังจากผลิดอกก็จะกลายเป็นผลกาแฟต่อไป งั้นมาดูผลกาแฟกันดีกว่า ..... ( ต้นนี้ใบแหว่งด้วย ) (http://img396.imageshack.us/img396/3401/13ew3.jpg) (http://imageshack.us) ไม่แน่ใจว่าระยะเวลาระหว่างผลกาแฟสีเขียว ๆ จะกลายเป็นสีส้มใช้ระยะเวลากี่วัน แต่เท่าที่อ่านมา ... เค๊าบอกถึงการเก็บ คือ ต้องทะยอยการเก็บผลกาแฟสุก ประมาณ 3 - 4 ครั้ง เพราะ ผลกาแฟนั้นสุกไม่พร้อมกัน ... โดยใช้ระยะในการเก็บผลกาแฟเว้นระยะประมาณ 7 - 15 วัน รูปนี้จะเห็นผลกาแฟที่เริ่มสุกแล้วจะมีสีส้มอมแดง ... สวยดี (http://img230.imageshack.us/img230/9377/13320372ef3.jpg) (http://imageshack.us) >: วิธีการเก็บกาแฟสามารถเก็บได้ 2 วิธี คือ :< 1. แบบเด็ดทั้งกิ่งที่มีลูกกาแฟอยู่ 2. แบบเลือกเก็บ แต่เป็นเพราะลูกกาแฟจะสุกไม่พร้อมกัน การเก็บเกี่ยวกาแฟจึงนิยมใช้วิธีหลังมากกว่า แล้วเราจะได้เมล็ดกาแฟ แบบนี้ >: การแยก :< หลังจากเก็บเกี่ยวผลกาแฟแล้ว ต้องนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ ให้พร้อมเป็นกาแฟที่เราดื่มกัน โดยต้องแยกเมล็ดกาแฟออกจากเปลือกและเนื้อของผลก่อน ซึ่งมี 2 วิธี คือ ........ 1. แบบแห้ง ( dry method ) เป็นวิธีธรรมชาติและทำกันมานาน โดยตากผลกาแฟจนแห้งเหี่ยว หรือเอา เข้าเครื่องทำให้แห้งแล้วค่อยแกะเอาเมล็ดออก เมล็ดที่ได้จะมีเยื่อบางๆ เรียกว่า silver skin หุ้มอยู่ 2. แบบเปียก ( wet method ) ที่ใช้น้ำล้างจนเนื้อกับเปลือกหลุดออกจากกัน กาแฟที่ได้จากวิธีนี้เรียกว่า washed coffees ปล. ผลกาแฟที่จมน้ำ ซึ่งเป็นผลกาแฟที่มีความสมบูรณ์ ค่ะ หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: นายเกตุ ที่ 03-04-2008, 12:46 * เกี่ยวไรกันเนี่ยยย .... กะ ศักดินา อารายยว่ะเนี่ยยย ........... ทู้ เดี๊ยนพูดเรื่องที่มา ~ ที่ไป ของกาแฟ จะกินที่ไหน แบบไหน ก็เหมือนกันแหละ .... แต่ ราคาอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กะบรรยากาศร้าน ... และ น้ำหนักมือของคนชง โห ... จะกินกาแฟสักแก้วยังมีเรื่องชั้นวรรณะเลย ... ไรกัน ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์กันเลยพวกนี้ เฮอะ !!! :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: ม่ายมีฟามเห็นเลยครับ ขอกาแฟเย็น(โบราณ)รถเข็นสักแก้วเถอะครับ หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 03-04-2008, 12:49 * ลาเต้ร้อน .... สำหรับคุณ Scorpio6 ค่ะ
แถมประวัติ ( เรื่องเล่า ) ที่มาของกาแฟให้ด้วย .... :slime_smile: (http://img397.imageshack.us/img397/6599/14yr3.jpg) (http://imageshack.us) มีตำนานเล่ากันมาไม่แพ้นิทานพื้นบ้านว่า ในต้นศตวรรษที่ 6 มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ คาลดี เป็นชาวอาบิสซีเนีย หรือเอธิโอเปียในปัจจุบัน หนุ่มน้อยผู้นี้มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแพะ ทุกวันเขาจะนำฝูงแพะออกไปหาอาหารกินตามทุ่งนา และตามเนินเขาต่าง ๆ เมื่อเจอแหล่งหญ้าและพุ่มไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เขาก็จะปล่อยให้ฝูงแพะหากินตามสบาย ส่วนตัวเขาตามประสาหนุ่มขี้เกียจก็จะหาที่ร่มเพื่อนอนพัก ตกเย็นก็ต้อนฝูงแพะกลับบ้าน นี่คือกิจวัตรประจำวันของเขา แม้เขาจะเป็นคนขี้เกียจ แต่เขาก็ยังมีความดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ เป็นคนช่างสังเกต วันหนึ่งเขาสังเกตเห็นความผิดปกติ ของฝูงแพะหลังจากที่มันไปหากินตามบริเวณเนินเขา ดูเหมือนว่ามันจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น เจ้าหนุ่มคาลดีก็เริ่มจับตาดูว่า ฝูงแพะมันไปกินอะไรเข้าจึงเกิดอาการเช่นนี้ และ สังเกตเห็นว่ามีผลไม้ลูกเล็ก ๆ สีแดงชนิดหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นอาหารที่ฝูงแพะของเขากิน จากการเฝ้าสังเกตติดต่อกันหลายวัน เขาจึงสันนิษฐานว่าจะต้องเป็นผลไม้สีแดงนี้แน่ ที่เป็นสาเหตุให้ฝูงแพะกระปรี้กระเปร่าขึ้น เพื่อความแน่ใจเขาจึงเด็ดผลไม้นี้ติดตัวกลับบ้านและทดลองกินดู เขาก็เลยกลาย เป็นหนุ่มคนแรกที่ได้ลิ้มรสชาติของผลไม้วิเศษที่มีชื่อเรียกกันภายหลังว่า "กาแฟ " นับว่าเป็นโชคดีของชาวโลกที่เจ้าหนุ่มคาลดีไม่ได้เก็บการค้นพบโดยบังเอิญนี้ไว้คนเดียว เขานำสิ่งที่พบไปเล่าให้นักบวช ที่อยู่ในหมู่บ้านฟัง ความที่เป็นพระและมีความรู้ทางสมุนไพร พระรูปนี้จึงได้นำผลไม้ลูกเล็ก ๆ สีแดงนี้ไปลอกเปลือกออก และนำไปตากแห้ง จากนั้นนำไปต้มน้ำ ดื่มเป็นสมุนไพรและสังเกตความเปลี่ยนแปลงของตนเองดู ก็พบว่าความง่วงหง่าว ในระหว่างการสวดมนต์ตอนเย็น ได้หายไป และ มีความกระปรี้กระเปร่าเข้ามาแทนที่ ทำให้การสวดมนต์สรรเสริญพระเจ้า ในตอนเย็นมีชีวิตชีวาขึ้น และจากที่วันที่เองการต้ม ผลไม้ลูกเล็ก ๆ สีแดงที่เรียกว่า กาแฟ ก็ได้แพร่หลายออกไป จากการค้นพบครั้งแรกในศตวรรษที่ 6 เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 16 การดื่มกาแฟและการขยายพันธ์ยังคงจำกัดอยู่ในวงแคบ และอยู่ในเมืองของชาวอาหรับเท่านั้น ชาวอาหรับหวงแหนเมล็ดกาแฟมาก และเก็บเป็นความลับสุดยอด เมล็ดกาแฟที่จะส่งออก ไปจำหน่ายให้พ่อค้า จะต้องผ่านการต้มสุกเสียก่อนเพื่อป้องกันการนำไปขยายพันธุ์ แต่ในที่สุดเมล็ดพันธุ์กาแฟที่เป็นของหวงแหน ของอาหรับ ก็ถูกมือดีชาวอินเดียลักลอบนำออกไปสู่โลกภายนอกจนได้ ในระหว่างเดินทางกลับจากการไปแสวงบุญที่กรุงเมกกะ นายบาบา บูดาน ผู้มีถิ่นพำนักอยู่ที่ไมซูทางภาคกลางของประเทศอินเดีย * จบแร่ววว .... เรื่องเล่าประวัติความเป็นมา แต่ เรื่องของ กาแฟ ยังไม่จบค่ะ หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 03-04-2008, 13:05 ขอสูตรกาแฟหลายๆแบบหน่อยได้ไม๊ครับ :slime_bigsmile:
หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 03-04-2008, 17:23 แล้วกาแฟ ที่เขาพึ่งจับไปอะครับ
ที่เขาบอกกินแล้วคึก 5555555555 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 04-04-2008, 11:45 * ขอมาก็จัดให้ ... Mőbiuş
(http://img389.imageshack.us/img389/5233/61182139sg6.jpg) (http://imageshack.us) ~: คาปูชิโน่เย็น :~ ( ในรูปเป็นคาปูชิโนร้อน ) 1. ตีฟองนมประมาณ 150 ml. 2. ชงกาแฟให้เหมือนกับทำลาเต้ 3. ใส่น้ำเชื่อมหรือนมข้นหวาน 50 ml.คนให้เข้ากัน 4. เติมน้ำแข็งเต็มแก้ว 5. ตักฟองนมที่เตรียมไว้ลงด้านบนจนเต็มปากแก้ว 6. โรยผงชินนาม่อนหรือผงโกโก้ลงบนฟองนมนิดหน่อย ~: สูตรกาแฟแบบอื่น ๆ ( เป็นแบบร้อนนะ ) ส่วนผสมคร่าว ๆ คือ ..... 1. กาแฟดำ ( Black Coffee ) กาแฟคั่วชงผ่านความร้อนไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล เสิร์ฟปกติ 2. เอสเพรสโซ ( Espresso ) กาแฟคั่วเข้ม ไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล ชงด้วยเครื่องชง Espresso Machine ปริมาณเสิร์ฟ 1 ออนซ์ เรียกว่า 1 ช็อต (shot) หากใช้ 2 ช็อต จะเรียกว่า double 3. คาปูชิโน ( Cappuccino ) ใช้เอสเพรสโซ 2 ช็อต เติมน้ำร้อนประมาณ 150-170 องศาเซลเซียส 2 ออนซ์ และปิดด้วยฟองนมอีก 2 ออนซ์ กรณีที่เป็นคาปูชิโนเย็น มักใช้วิปครีมแทนฟองนม เพราะความเย็นทำให้ฟองนมยุบตัว 4. แคฟเฟ แลตเต้ / แคฟเฟ โอ เลต์ ( Caffe Latte/Caffe Au Lait ) เหมือนกาแฟใส่นมทั่วไป ใช้กาแฟเอสเพรสโซ 1 ช็อต แล้วเติมนมร้อนจนเต็มถ้วย ปิดด้วยฟองนมประมาณ 1/4 นิ้ว อาจโรยหน้าด้วยเครื่องเทศ เช่น อบเชย หรือเกล็ดช็อคโกแลต ที่อเมริกานิยมดื่มกันมาก 5. แคฟเฟ มอคคา ( Coffe Mocha ) เริ่มจากเทน้ำเชื่อมมอคคาหรือน้ำเชื่อมช็อคโกแลตที่ใช้ราดไอศครีมจนท่วมก้นแก้ว ตามด้วยเอสเพรสโซ 1 ช็อตหรือ 1 ออนซ์ แล้ว แล้วเติมนมร้อนจนเต็มแก้ว ปิดท้ายด้วยวิปครีม 1 ช้อน และเกล็ดโกโก้หวาน หรืออาจจะทำเป็นมอคคาเย็นก็อร่อย 6. แคฟเฟ อเมริกาโน ( Caffe Americano) เป็นกาแฟดำ ใช้เอสเพรสโซ 1 ช็อตแล้วเติมน้ำร้อนจนเต็มถ้วย เวลาชง มีเคล็ดลับนิดหนึ่งครับ คือ ต้องใส่น้ำกาแฟก่อนแล้วค่อย ๆ เติมน้ำร้อน ถ้าใส่น้ำร้อนก่อนแล้วเติมน้ำกาแฟทีหลัง จะได้กาแฟที่มีฟองขนาดใหญ่เหมือนหวอดปลากระดี่ ขาดความละเมียดละไม 7. เอสเพรสโซ ลังโก ( Espresso Lungo) กาแฟเอสเพรสโซที่ใช้เวลาชงนานกว่าปกติ เป็นวิธีที่ทำให้ได้คาเฟอีนมากที่สุด ได้รสชาติกาแฟเอสเพรสโซที่เข้ม ข้น ขม... 8. ฟรัพเพ ( Frappe ) กาแฟเย็นเตรียมจากเอสเพรสโซ เอาใส่ shaker แล้วเขย่า เติมนม เสิร์ฟในแก้วทรงสูง ที่สำคัญต้องมี ฟองนมลอยแจ่มอยู่ด้านบน ส่วนที่ยังไม่ได้หาให้ ........ รอสักครู่ :slime_v: ปล. ของลุงถึก กะ คุณ นายเกตุ เด๋วจัดให้ค่ะ พร้อมด้วยวิธีการคัดกาแฟ รวมถึงการบดด้วย !!! หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 04-04-2008, 12:02 ขอกาแฟหมา เอาแบบไม่ใส่น้ำตาลนะเอ้
จะเอาไปให้การุณกิน เผื่อมันจะได้ซื่อสัตย์อย่างหมาขึ้นมาบ้าง ที่ไม่ให้ใส่น้ำตาล เพราะหมากินหวานมากๆแล้วมันจะดุ.......เอิ้กกกก :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 04-04-2008, 13:44 * ง่า ..... ลุงถึก มาขอกาแฟอะไร เอ้ เนี่ยยยย
ไม่มี๊ ไม่มี ..... เอ้ ไม่เคยได้ยินกาแฟหมา เอ๊อออ !! ขอเป็นใช้ น้ำร้อน แทนได้ป่าวค่ะ ........................... ถ้าแบบนั้น เอ้ มี ..... เผื่อลุงจะเอาไว้สาดการุณช่วงสงกานต์ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 04-04-2008, 15:44 อย.เต้นตรวจสอบกาแฟปลุกเซ็กส์
อย.ตีปี๊บ เตรียมอัดกาแฟปลุกเซ็กส์ หลังพบมีการวางตลาดขายอ้างสรรพคุณเพิ่มพลังเพศชาย 11 ก.พ.สั่งการสารวัตรอย.เก็บตัวอย่างพิสูจน์ เตือนระวังโทษจำคุกจากกรณีกาแฟนำเข้ายี่ห้อเมจิค ที่วางจำหน่ายอยู่ในร้านขายเครื่องสำอางในห้างแห่งหนึ่ง และมีการติดประกาศอวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นกาแฟสมุนไพรสกัดจากเม็ดเก๋ากี้ ช่วยเพิ่มพลังให้แก่เพศชายอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่เกิดการหงุดหงิด เหมาะสมสำหรับสุภาพบุรุษที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังทางเพศ ฟื้นฟูความภาคภูมิใจของชาย เพิ่มความสุขแห่ง ชีวิต ดื่มแล้วเห็นผล 100 เปอร์เซ็นต์ ฯลฯ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น นพ. ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จากกองควบคุมอาหาร ไปตรวจสอบการจำหน่ายและการโฆษณาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม โดยปกติกาแฟนำเข้าหรือผลิตในประเทศ อย.จะดูแลในเรื่องของฉลาก ที่ต้องแจ้งส่วนผสมว่ามีส่วนผสมอะไรที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ รวมทั้งกำหนดให้มีฉลากภาษาไทยกำกับให้ชัดเจน ส่วนใหญ่ผู้ผลิตก็มักจะใส่ส่วนผสมที่เป็นสมุนไพร เช่น เก๋ากี้ โสม เห็ดหลินจือ หรือแม้แต่คอลลาเจน ถือเป็นสูตรเฉพาะที่ อย.ไม่ได้ห้าม แต่ประเด็นสำคัญก็คือการโฆษณาสรรพคุณของสินค้า ที่ผ่านมา อย.เคยดำเนิน คดีกับผู้ผลิตและนำเข้ากาแฟผสมคอลลาเจน ที่โฆษณาสรรพคุณว่าชะลอความแก่ ช่วยให้เต่งตึงไม่เหี่ยวย่น ที่ถือว่าโฆษณาเป็นเท็จและเกินจริง ในกรณีของกาแฟชนิดนี้ก็เข้าข่ายเช่นเดียวกัน อย.จะเร่งดำเนินการสรุปสำนวน หลักฐาน เพื่อดำเนินคดีและดูความเชื่อมโยงของการโฆษณาสินค้าว่ามีการโฆษณาที่เป็นเท็จหรือไม่ หากโฆษณาเป็นเท็จ จะมีโทษถึงจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท ที่ผ่านมาผู้ผลิตมักเลี่ยงกฎหมายโดยการไม่ โฆษณาที่ข้างกล่องหรือบนตัวผลิตภัณฑ์ แต่แยกโฆษณาต่างหาก กรณีเช่นนี้ก็สามารถที่จะตรวจสอบและเอาผิดได้ หากมีการโฆษณาเชื่อมโยง เช่น เขียนป้ายโฆษณา และนำสินค้าไปตั้งไว้ใกล้ๆ กัน ก็ถือว่ามีเจตนาโฆษณาเป็นเท็จ นพ.ศิริวัฒน์กล่าว และว่าในวันที่ 11 ก.พ.นี้ จะสั่งการให้สารวัตรอาหารและยาเร่งเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์มาตรวจ พิสูจน์ ว่ามีการผสมตัวยาที่มีผลต่อการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศลงในกาแฟชนิดนี้หรือไม่ ถ้ามีก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาด้วย ฐานโฆษณาสรรพคุณเป็นยา และใส่ส่วนผสมที่เป็นยาลงไปในผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นอาหาร รวมทั้งจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีการจำหน่ายสินค้าเหล่านี้อย่างใกล้ชิดด้วย เลขาธิการ อย.ยังกล่าวอีกว่า โดยปกติเก๋ากี้ หรือสมุนไพรพวกโสม จะมีสรรพคุณเพียงแค่ส่งเสริมสุขภาพไม่ถึงขั้นเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ถ้าคนที่ซื้อไปรับประทานแล้วได้ผลตามที่โฆษณา อาจมีสาเหตุอยู่ 2 อย่างคือ อุปาทาน กับผสมยาปลุกเซ็กซ์ใส่ลงไป ในกรณีหลัง นอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายตามที่ได้ให้รายละเอียดแล้ว ผู้ที่มีโรคประจำตัวกินเข้าไปยังอาจเกิดอันตรายได้ อีกด้วย ที่ผ่านมา อย.เคยดำเนินคดีกับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารบางตัวที่แอบใส่ยาลดความอ้วน ซึ่งเป็นยาที่ ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทลงไป นอกจากจะเป็นอันตรายแล้ว ยังต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีกด้วย นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริษัทบีที จำกัด ย่านถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง และได้รับการเปิดเผยจากนายรุ่งเดช หลิว อายุ 41 ปี เจ้าของบริษัท ว่า รู้สึกตกใจหลังจากที่ได้เห็นข่าวทางหนังสือพิมพ์ ตนอยากจะบอกว่า กาแฟยี่ห้อดังกล่าวที่นำเข้าจากประเทศจีนอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้น มีการขออนุญาต อย. เรียบร้อยแล้วทุกประการ และทุกครั้งที่นำสินค้าเข้าก็ได้มีการขออนุญาตอย่างถูกต้องทุกครั้งไป ซึ่งลูกค้าของตนก็ค่อนข้างที่จะมีระดับและมีชื่อเสียงในวงสังคม ถ้าเอาสินค้าไม่ดีมาแหกตาคงอยู่ไม่ได้นานมาจนปีกว่า อย่างไรก็ตาม คงจะต้องปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ ก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆคงต้องคุยกับ อย.ว่าเกิดอะไรขึ้นในสารบบของการตรวจสอบที่ผิดพลาดจนทำให้ตนเสียหายจากนั้นนายรุ่งเดชก็ได้นำใบจดทะเบียนของ อย. ทั้งแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษมาให้ดู เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วย อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ตรวจสอบเลขสารบบอาหารของกาแฟปลุกเซ็กซ์ยี่ห้อดังกล่าว อีกครั้ง พบว่ามีการจดทะเบียนไว้จริง โดยประเภทที่จดแจ้งเป็นการจดทะเบียนอาหารนำเข้า ประเภทอาหาร : กาแฟ ชื่อผลิตภัณฑ์ (ไทย) : กาแฟสำเร็จรูป (ตรา เพาเวอร์ บี ที) ชื่อผลิตภัณฑ์ (อังกฤษ) : INSTANT COFFEE (POWER B T BRAND) ประเภทใบอนุญาต : ใบอนุญาตนำหรือสั่งอาหารเข้า เลขสถานที่/เลขใบอนุญาต : 10-3-15449 ผู้รับอนุญาต/ผู้นำเข้า : บริษัท บี ที จำกัด ผู้ผลิตต่างประเทศ : JIANGXI JIANYUAN BIOLOGICAL TECHNOLOGY CO;LTD.P.R.CHINA นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ประกาศขายสินค้าเสริมสุขภาพ ซึ่งส่วนใหญ่ขายกันในลักษณะให้สั่งซื้อผ่านระบบอินเตอร์เน็ต หรือโทร.สั่งซื้อนั้น พบว่ายังมีผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกับกาแฟดังกล่าว คือมีส่วนผสมของสมุนไพรเก๋ากี้ ประกาศขายในอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นจำนวนมาก และมักมีการอวดอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เพิ่มพลังชาย แก้ปัญหาล่มปากอ่าว ฯลฯ รวมทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่า บางยี่ห้อยังอวดอ้างความน่าเชื่อถือของสินค้าด้วยการระบุว่าได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆเป็นจำนวนมาก ขณะที่สนนราคาหลักร้อยบาทขึ้นไปต่อซอง ********************************** อันนี้ทำไงครับ 55555555 หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 05-04-2008, 03:38 กาแฟหมา ก็คือ "น้ำข้าว"ไงละเอ้
สมัยนี้หุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า หมาเลยอดกินน้ำข้าว เฒ่าคนหนึ่ง มีความเป็นอยู่พอเพียง แกเรียกร้องให้ชาวบ้านหันมากินน้ำข้าวแทนไปดื่มกาแฟ "สูจะไปดื่มกาแฟให้เสียตังค์ทำไม น้ำข้าวร้อนๆเติมน้ำตาล อุดม ไปด้วยวิตามิน กินไม่หมดยังเผื่อหมาได้อีก" นี่คือความเป็นหมาของ"กาแฟหมา"ครับ... เอิ้กกกกกก (http://www.weekendhobby.com/offroad/pajero/picture/253255021100.JPG) โด่..ริน"กาแฟหมา"ทิ้งทำไมเพ่ (http://www.ricethailand.go.th/rkb/data_008/image/rice_xx2-08_produce042.jpg) กาแฟหมาบรรจุขวด เอิ้กกกกก...ครั้งหนึ๋งป๋าเทพ จะให้ผม เป็นตัวแทนจำหน่ายในสวีเดน แต่ดันเกิดเจ๊งเสียก่อน......กร๊ากกกกก หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: ปุถุชน ที่ 06-04-2008, 22:30 * ขอมาก็จัดให้ ... Mőbiuş (http://img389.imageshack.us/img389/5233/61182139sg6.jpg) (http://imageshack.us) ~: คาปูชิโน่เย็น :~ ( ในรูปเป็นคาปูชิโนร้อน ) 1. ตีฟองนมประมาณ 150 ml. 2. ชงกาแฟให้เหมือนกับทำลาเต้ 3. ใส่น้ำเชื่อมหรือนมข้นหวาน 50 ml.คนให้เข้ากัน 4. เติมน้ำแข็งเต็มแก้ว 5. ตักฟองนมที่เตรียมไว้ลงด้านบนจนเต็มปากแก้ว 6. โรยผงชินนาม่อนหรือผงโกโก้ลงบนฟองนมนิดหน่อย ~: สูตรกาแฟแบบอื่น ๆ ( เป็นแบบร้อนนะ ) ส่วนผสมคร่าว ๆ คือ ..... 1. กาแฟดำ ( Black Coffee ) กาแฟคั่วชงผ่านความร้อนไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล เสิร์ฟปกติ 2. เอสเพรสโซ ( Espresso ) กาแฟคั่วเข้ม ไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล ชงด้วยเครื่องชง Espresso Machine ปริมาณเสิร์ฟ 1 ออนซ์ เรียกว่า 1 ช็อต (shot) หากใช้ 2 ช็อต จะเรียกว่า double 3. คาปูชิโน ( Cappuccino ) ใช้เอสเพรสโซ 2 ช็อต เติมน้ำร้อนประมาณ 150-170 องศาเซลเซียส 2 ออนซ์ และปิดด้วยฟองนมอีก 2 ออนซ์ กรณีที่เป็นคาปูชิโนเย็น มักใช้วิปครีมแทนฟองนม เพราะความเย็นทำให้ฟองนมยุบตัว 4. แคฟเฟ แลตเต้ / แคฟเฟ โอ เลต์ ( Caffe Latte/Caffe Au Lait ) เหมือนกาแฟใส่นมทั่วไป ใช้กาแฟเอสเพรสโซ 1 ช็อต แล้วเติมนมร้อนจนเต็มถ้วย ปิดด้วยฟองนมประมาณ 1/4 นิ้ว อาจโรยหน้าด้วยเครื่องเทศ เช่น อบเชย หรือเกล็ดช็อคโกแลต ที่อเมริกานิยมดื่มกันมาก 5. แคฟเฟ มอคคา ( Coffe Mocha ) เริ่มจากเทน้ำเชื่อมมอคคาหรือน้ำเชื่อมช็อคโกแลตที่ใช้ราดไอศครีมจนท่วมก้นแก้ว ตามด้วยเอสเพรสโซ 1 ช็อตหรือ 1 ออนซ์ แล้ว แล้วเติมนมร้อนจนเต็มแก้ว ปิดท้ายด้วยวิปครีม 1 ช้อน และเกล็ดโกโก้หวาน หรืออาจจะทำเป็นมอคคาเย็นก็อร่อย 6. แคฟเฟ อเมริกาโน ( Caffe Americano) เป็นกาแฟดำ ใช้เอสเพรสโซ 1 ช็อตแล้วเติมน้ำร้อนจนเต็มถ้วย เวลาชง มีเคล็ดลับนิดหนึ่งครับ คือ ต้องใส่น้ำกาแฟก่อนแล้วค่อย ๆ เติมน้ำร้อน ถ้าใส่น้ำร้อนก่อนแล้วเติมน้ำกาแฟทีหลัง จะได้กาแฟที่มีฟองขนาดใหญ่เหมือนหวอดปลากระดี่ ขาดความละเมียดละไม 7. เอสเพรสโซ ลังโก ( Espresso Lungo) กาแฟเอสเพรสโซที่ใช้เวลาชงนานกว่าปกติ เป็นวิธีที่ทำให้ได้คาเฟอีนมากที่สุด ได้รสชาติกาแฟเอสเพรสโซที่เข้ม ข้น ขม... 8. ฟรัพเพ ( Frappe ) กาแฟเย็นเตรียมจากเอสเพรสโซ เอาใส่ shaker แล้วเขย่า เติมนม เสิร์ฟในแก้วทรงสูง ที่สำคัญต้องมี ฟองนมลอยแจ่มอยู่ด้านบน ส่วนที่ยังไม่ได้หาให้ ........ รอสักครู่ :slime_v: ปล. ของลุงถึก กะ คุณ นายเกตุ เด๋วจัดให้ค่ะ พร้อมด้วยวิธีการคัดกาแฟ รวมถึงการบดด้วย !!! ผมสนใจสูตรกาแฟที่เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ จะได้ไปปรับปรุงร้านกาแฟและเคาน์เตอร์กาแฟของผม....... ถ้ามีสูตรใหม่อีก กรุณานำมาลงต่อนะครับ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 24-04-2008, 20:23 โห..อ่านเรื่องกาแฟของคุณ เอ้ แล้วเพิ่งจะได้ความรู้ครับ.. :slime_v: ดื่มมาทุกๆเช้าแหละครับ..แต่ไม่มีโอกาสลิ้มลองรสกาแฟหลากหลาย..ขอบคุณครับ... :slime_whistle: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 17-05-2008, 18:51 * แวะมา อัฟ กระทู้ซักหน่อย ........
ขอบคุณค่ะลุงถึกที่ช่วยให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่อง ...... น้ำข้าว ( กาแฟหมา ของลุง ) เอ้ ว่า .... มันก็มีประโยชน์นะแหละ แต่ว่า รสชาด กะ ความหอมมมมม มันต่างกันอ่ะ ....................................................................................... * เอ้ เอาสูตรกาแฟมาฝากคุณ ปุ เพิ่มค่ะ ........ ~: คอฟฟีโซดา (Coffee Soda) เติมแข็งลงในแก้ว เติมกาแฟครึ่งถ้วยลงไป ใส่โซดาหรือโคล่าลงอีก 1/4 ถ้วย ประดับด้วยมะนาวหรือส้มฝาน ~: แคฟเฟ รอแยล (Caffe Royale) ใช้กาแฟดำหนึ่งถ้วย เอาน้ำตาลก้อนวางลงบนช้อนกาแฟ ถือไว้เหนือแก้ว เทเหล้าเบอร์เบิ้นลง 1 ออนซ์บนน้ำตาล แล้วปล่อยให้เหล้าลงไปผสมในกาแฟ จากนั้นจุดไฟบนน้ำตาลจนไหม้หมด คนกาแฟให้เข้ากันแล้วเสิร์ฟ.. ~: กาแฟไอริช (Irish Coffee) ไอริชวิสกี้ 1-2 ออนซ์ , น้ำตาล 1-2 ช้อนชา , เอสเปรสโซ 1.5-2 ออนซ์ วิปครีม 0.5 ช้อนโต๊ะ อุ่นถ้วยให้ร้อนด้วยน้ำร้อน เอาไอริชวิสกี้และน้ำตาลเทลงไปในถ้วย เทกาแฟเอสเปรสโซลงไป และคนให้น้ำตาลละลายเข้ากัน ~: กาแฟโบราณ ( คุณ นายเกตุ ขอไว้ ) กาแฟชนิดกากพอประมาณ นมข้น 2 ช้อนโต๊ะ , นมสดจืด 2 ช้อนโต๊ะ นำกาแฟชนิดกาก ใส่น้ำร้อนกรองเอาแต่น้ำ เทนมข้นและนมสดใส่น้ำครึ่งแก้ว ~: Ice Fresh coffee กาแฟเอสเปรสโซ่ 2ชอท (ใช้แบบคั่วเข้ม) , น้าเชื่อม 1.5ออนซ์ , นมข้นจืด 1ช้อนโต๊ะ นมข้นหวาน 1ช้อนโต๊ะ ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันในแก้ว16ออนซ์ ใส่น้ำแข็งบด เติมกาแฟที่ผสมไว้แล้วลงไป ราดด้วย นมสด 1 ออนซ์ แต่งด้วยวิปปิ้งครีม ............................................................................................... * คุณเล่าปี๋ ..... ขอบคุณมากค่ะ จริง ๆ แล้วเรื่องของกาแฟยังไม่จบ เพราะยังมีเรื่องของการบด การชง รวมถึงศิลปะของการดื่มกาแฟ ................ แล้วจะมาอัฟข้อมูลให้เพิ่มค่ะ :slime_smile: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: เพื่อนฝัน ที่ 05-07-2008, 13:43 อ่านจบแล้วเมากาแฟ---เอ๊ก(http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/doggy-emoticon-004.gif) (http://www.myem0.com/emoticon/doggy-emoticon/) (http://www.myem0.com/emoticon/doggy-emoticon/)
หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: อธิฏฐาน ที่ 05-07-2008, 20:02 มีอาจารย์คนนึงทำงานอยู่ที่สถาบันพระปกเกล้า เขาไม่ยอมดื่มหรือซื้อกาแฟเนสกาแฟเด็ดขาด สาเหตุเพราะทักษิณมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย ใครจะมีข้อมูลเรื่องนี้หรือเปล่าคะ หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: cameronDZ ที่ 05-07-2008, 20:42 มีอาจารย์คนนึงทำงานอยู่ที่สถาบันพระปกเกล้า เขาไม่ยอมดื่มหรือซื้อกาแฟเนสกาแฟเด็ดขาด สาเหตุเพราะทักษิณมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย ใครจะมีข้อมูลเรื่องนี้หรือเปล่าคะ เนสกาแฟ เป็นของ ประยุทธ มหากิจศิริ ที่สนิทสนมกับทักษิณ ถึงขั้นเคยให้เป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มาแล้ว http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98_%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4 ส่วนทักษิณจะมีหุ้นอยู่ด้วยหรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน ส่วนตัว ก็ดื่มเนสกาแฟเย็น กระป๋องเขียว วันละอย่างน้อย 2 - 3 กระป๋อง (ติดกาแฟ แต่ขี้เกียจชง) เมื่อก่อน เคยคิดเหมือนกันว่า สินค้าอะไรที่เป็นของทักษิณ หรือเป็นพันธมิตรกับทักษิณ จะแอนตี้ ไม่ซื้อ ไม่ใช้ แต่หลัง ๆ ชักจะรู้สึกว่า คิด-ทำแบบนั้น มันดูจะ ปญอ. ไปหน่อย เพราะทักษิณเป็นนักธุรกิจใหญ่ มันคงหว่านเงินไปลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ครอบจักรวาล ไปหมดเกือบทุกสินค้า ตราบใดที่เรายังดิ้นไม่หลุดไปจากความคิดบริโภคนิยม ยังไงก็ไม่พ้นต้องบริโภคสินค้าในท้องตลาด เนสกาแฟอร่อยกว่าเบอร์ดี้ ถ้าบอกว่า แอนตี้ทักษิณ ยอมไม่กิน ไปกินเบอร์ดี้ดีกว่า เบอร์ดี้มันก็เป็นสินค้าสนับสนุนแกรมมี่ เครือข่ายของทักษิณอีก เลยไม่ต้องกินอะไร บ้าตาย ประสาทเสีย กันเปล่า ๆ :slime_dizzy: :slime_dizzy: หัวข้อ: Re: ** กว่าจะเป็น .... กาแฟ ** เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 11-07-2008, 12:56 * เห็นด้วยกะที่ พี่คาเมะ พูดไว้ คือ ..... ถ้าแอนตี้ใครแล้วต้องเลิกในสิ่งที่เราคุ้นเคย ประสาทเสียกันพอดี
ตัว เอ้ .... เมื่อก่อนไม่เคยไปกินกาแฟตามปั๊มเลย เพราะเป็นคนไม่ชอบออกจากบ้านไปไหน ... นาน ๆ ที ก็เรื่องหนึ่ง มีมาช่วงระยะหลังที่เริ่มไปนั่งทาน กาแฟในปั๊ม .... เพราะพี่คนหนึ่งพาไป มันก็ได้บรรยากาศดี ๆ น่ะ... ร้านกาแฟในปั๊มสวยและบรรยากาศดีกว่าที่คิดเยอะเชียว ( เสียดายที่ไม่มีรูปร้านที่นั่งประจำมาให้ดู ) ว่าแล้ว.....ก็ขอเอาวิธีการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟมาเล่าสู่กันฟัง นะจ๊ะ :slime_smile: ~: การเลือกซื้อ :~ กาแฟส่วนใหญ่มีรสชาติดีที่สุดเมื่อคั่วไปแล้ว 1-2 วัน เพราะฉะนั้นหากเป็นไปได้ควรสอบถามผู้ขายถึงวันที่กาแฟถูกคั่ว ก่อนซื้อทุกครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นกาแฟยังคงสภาพที่ดีมากต่อไปได้อีก 7-10 วัน ถ้าเก็บรักษากาแฟไว้อย่างถูกวิธี คือเก็บ ในภาชนะปิดสนิทและเก็บรักษาในที่เย็น ~: ข้อสังเกตในการซื้อ :~ เมล็ดกาแฟที่คั่วไว้นานแล้ว มักปรากฎคราบมันที่ผิวอย่างมากมักสูญเสียกลิ่นหอมไปหรือเหลือกลิ่นไว้น้อยมาก หรืออาจ กลายเป็นกลิ่นหืน นอกจากนี้ก็ต้องสังเกตการจัดเก็บเมล็ด กาแฟของผู้ขายว่าถูกต้องตามวิธีการคือเก็บในภาชนะปิดสนิทหรือไม่ |