ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

เผยโฉม “ประดาบ ไฮ-ทักษิณ” ที่แท้หัวโจก “ไข่แม้ว” รุ่น 2
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 มีนาคม 2551 15:27 น.
 
 
 
สมยศ พฤกษาเกษมสุข หรือ "ประดาบ"?

 
สมยศ (ขวาสุด) ร่วมแถลงข่าวกับ นปช. เมื่อ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา

 
สมยศ พฤกษาเกษมสุข ยื่นหนังสือต่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งเป็นอดีตแกนนำ นปก.รุ่น 1 เรียกร้องให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และคำสั่ง คมช.ทั้งหมด เมื่อ 5 มี.ค.51

 
 
 
  เผยโฉม “ประดาบ” คอลัมนิสต์จอมพลิกพลิ้วแห่งเว็บไฮ-ทักษิณ ที่แท้คือ “สมยศ พฤกษาเกษมสุข” หนึ่งในแกนนำ นปก.รุ่น 2 อดีตเคยเป็นแกนนำแรงงานเคลื่อนไหวต่อต้าน “เผด็จการทักษิณ” ก่อนกลับขั้วตาลปัตรหลังเข้าคลุกคลีกับกลุ่ม “ลิ่วล้อแม้ว” และออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คมช.หลายรูปแบบหลังปฏิวัติ 19 ก.ย.และยังคงมีบทบาทปกป้องเทิดทูน “ทักษิณ ชินวัตร” มาจนปัจจุบัน
       
        เป็นที่สงสัยกันมานานว่า นามปากกา “ประดาบ” ในเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ที่เขียนบทความโจมตีฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้อย่างสุดชีวิตนั้น คือใครกันแน่ ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มี.ค. เว็บบล็อกของกลุ่ม รณรงค์สื่อต้านคอร์รัปชั่น หรือ Anti-Corruption Center โดย “สายสืบภาคประชาชน” ได้นำเสนอรายงานเปิดโปงว่า “ประดาบ” ก็คือนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) รุ่นที่ 2 นั่นเอง
       
       เนื้อหาของรายงานดังกล่าวมีดังนี้
       
       “Anti-Corruption Center : ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการทำหน้าที่กระบอกเสียงและสื่ออันทรงพลังในการท้าทายอำนาจรัฐอย่างต่อเนื่องของของเว็บไซต์ ไฮ-ทักษิณ ก็คือเจ้าของเว็บไซต์ผู้ใช้นามปากกาว่า “ประดาบ” ผู้มีวิชามารในการเข้าถึง “เอกสารลับ” ของทางราชการโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใส และ “บาดแผล” ในการดำเนินงานของ คมช. แต่โดยข้อเท็จจริงก็ทราบกันอยู่ในทางลึกว่าเอกสารที่นำมาเปิดนั้นมีทั้ง “ของจริง” และ “ของปลอม” ที่หลง “ฮุบเหยื่อ” เข้าไปเต็มๆ อาทิ แผนการสกัดและบ่อนทำลายพรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่มีการแก้ไขบิดเบือน “แผนปลอม” ให้หนักข้อยิ่งขึ้น จนสุดท้ายต้องยอมเลิกแล้วต่อกันไป ดีกว่าซวยทั้งสองฝ่ายฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารกองทัพ
       
       ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ข้อเขียนของ “ประดาบ” สร้างความสั่นสะเทือนอยู่เสมอ เนื่องจากความได้เปรียบในการเข้าถึงแหล่งข่าวและฐานข้อมูลโดยความร่วมมืออย่างดียิ่งจากข้าราชการและบุคคลที่จงรักภักดีต่อ “ระบอบทักษิณ” ไม่เสื่อมคลาย
       
       ทุกฝ่ายต่างสงสัยใคร่รู้ตามสัญชาติญาณของมนุษย์ว่า “ประดาบ“ คือใคร !?
       
       ข้อที่แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยก็คือ “ประดาบ” ต้องเป็นคนที่มีความสามารถพอตัวในการเขียนหนังสือ และเทิดทูน “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่น้อยไปกว่า “กลุ่มลิ่วล้อ” อื่นๆ ที่ทำเว็บไซต์ในเชิงนี้เพื่อปกป้องนาย
       
       สายสืบภาคประชาชน ก็เคยอยากรู้และคิดจะแกะรอยให้ได้ว่า “ประดาบ” คือใคร!?
       
       จนกระทั่งวันนี้ (17 มี.ค.) จึงสบโอกาสในการต่อจิ๊กซอว์และแกะรอยจนมั่นใจว่า “ประดาบ” คือ หนุ่มใหญ่วัย 40 ปลายๆ นามว่า นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หนึ่งในแกนนำ นปก.(ชุด 2) ที่สวมหมวกอีกสองใบ คือ ประธานกลุ่ม 24 มิถุนา และเจ้าของนิตยสารและสำนักพิมพ์ สยามปริทัศน์
       
       “ประดาบ” หรือนายสมยศเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเข้มข้นร่วมกับสารพัดกลุ่มต่อต้าน คมช.ในปี 2550 อาทิ กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ พร้อมๆ กับการจัดทำเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ก่อนจะเข้าร่วมใน “ม็อบ นปก.” โดยการเคลื่อนม็อบบุก บก.ทบ.ครั้งแรก นายสมยศคือผู้ยืนอยู่แถวหน้าสุดติดแผงเหล็กในการเจรจาให้ตำรวจเปิดทางแก่ม็อบบริเวณสะพานผ่านฟ้า
       
       ที่น่าประหลาดก็คือ เส้นทางชีวิตของนายสมยศก่อนหน้านั้นดูเหมือนจะอยู่ตรงข้ามกับ “ระบอบทักษิณ” โดยสิ้นเชิง เนื่องจากเขาดำรงตำแหน่งเป็น ประธานสหภาพพันธมิตรแรงงานประชาธิปไตย ที่เคยเคลื่อนไหวเสียดทานรัฐบาล “ทักษิณ 1” หลายครั้ง โดยเฉพาะส่วนตัวนายสมยศก็มีข้อเขียนเชิงวิพากษ์รัฐบาล “ทักษิณ 1” อยู่เสมอ ดังตัวอย่าง เช่น บทความเรื่อง พฤติกรรมเผด็จการรัฐบาลทักษิณ ที่ปรากฏในเว็บไซต์ ไทยเอ็นจีโอ (อ่าน บทความเรื่องพฤติกรรมเผด็จการรัฐบาลทักษิณ)
       
       แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด นายสมยศจึงเปลี่ยนจุดยืนและมุมมองไปเป็นคนละคนเดียวกันในช่วงปลายรัฐบาล “ทักษิณ 1” ต่อเนื่อง "ทักษิณ 2" อันเป็นช่วงที่นายสมยศได้จับงานเขียนมากขึ้นใน นสพ.พิมพ์ไทย จนกระทั่งในช่วงที่กระแส “ขับไล่ทักษิณ” ลุกลามจนใกล้วิกฤต นายสมยศยิ่งมีโอกาสใกล้ชิดกับนักวิชาการและบุคคลสำคัญหลายคนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ “ลิ่วล้อเหลี่ยม” อันดับต้นๆ จนกระทั่งมีโอกาสแปลงร่างเป็น “ประดาบ” ดังกล่าวไปแล้ว
       
       มูลเหตุแห่งการค้นพบตัวตนของ “ประดาบ” เกิดจากการเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ ไฮ-ทักษิณ เมื่อเช้า ตอนแรกก็อ่านบทความใหม่ของเขาเรื่อง “ชักธงรบ” อ่านแล้วรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ กับวาจาสามหาวและเจตนาอย่างชัดเจนในการปลุกระดมมวลชน “ฝ่ายลิ่วล้อ” ในเชิงให้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะจัดสัมมนาโหมโรงในวันที่ 28 มีนาคม นี้ ตัวอย่าง เช่น
       
       “หากทุกท่านยังพร้อมจะสู้ต่อ เราก็จะเดินหน้าไปด้วยกัน ไปเพื่อจะฟาดฟันเหล่าอันธพาลของระบอบอประชาธิปไตย ให้ดับดิ้นสิ้นสูญกันไปเสียที”
       
       และ
       
       “ผมอยากจะชักชวนท่านทั้งหลาย “ชักธงรบ” กับเหล่าอันธพาล แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
       
       หากเราอยู่ มันต้องม้วย หากมันอยู่ เราก็ตาย”
       
       ทำให้ย้อนนึกถึงบรรยากาศการปลุกระดมมวลชนเพื่อมุ่งให้ “ไทยฆ่าไทย” ในช่วงก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือเมื่อ 30 กว่าปีก่อนเสียจริงๆ
       
       จึงเกิดแรงบันดาลใจอย่างยิ่งในการที่จะแกะรอยสืบค้นให้ได้ว่า “ประดาบ” คือใคร?
       
       จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับเรื่องบังเอิญที่พบว่าในเว็บบอร์ดของไฮ-ทักษิณ มีผู้โพสต์กระทู้ใหม่เอี่ยมไว้ในหัวข้อว่า ชายลึกลับข่มขู่สั่งเก็บหนังสือเปิดหน้ากากผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ อ่านแล้วจึงรู้ว่าที่แท้ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็คือนายสมยศ และจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายต่อสิ่งที่ภาษาข่าวเรียกว่า Nose of News!!
       
       คือจากเดิมที่เคยมีความสังหรณ์ใจส่วนตัวอยู่ว่า “ประดาบ” อาจเป็นนายสมยศ จึงตัดสินใจเช็กข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับคนของ “ระบอบทักษิณ” และ “กลุ่มสื่อเทียม” ทำให้ได้ข้อมูลสนับสนุนหลายประการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจกระทบกระเทือนต่อแหล่งข่าวที่จำต้องสงวนไว้
       
       แต่รวมความแล้วน่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ก็คือ “ประดาบ” แห่งเว็บไซต์ ไฮ-ทักษิณ !!
       
       หากไม่ใช่ก็ถือว่า...เป็นความผิดของแหล่งข่าวแล้วกัน !! (ฮา)
       
       สายสืบภาคประชาชน (17 มีนาคม 2551)”
       
       
       อนึ่ง สำหรับบทบาทของนายสมยศ ในช่วงหลังนับจากพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยังคงเคลื่อนไหวเพื่อปกป้อง “ระบอบทักษิณ” อย่างต่อเนื่องทั้งในนามกลุ่ม 24 มิถุนาฯ และ พันธมิตรแรงงานฯ อาทิ
       
       วันที่ 5 มี.ค. 51 - นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ซึ่งเป็นอดีตแกนนำ นปก.เช่นกัน เรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้รัฐธรรมนูญ 2550 คำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กฎหมาย รวมถึงองค์กรต่างๆ ที่เป็นผลผลิตของคณะรัฐประหารสิ้นสุดลง หรือให้เป็นโมฆะ โดยอ้างว่าการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ทำลายประชาธิปไตย เป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
       
       วันที่ 10 มี.ค. 51 - นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในนามประธานกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ประชาธิปไตย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้มีการสอบสวนวินัยร้ายแรงเพิ่มเติม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมกรอบประชาชนที่ชุมนุมบริเวณหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อคืนวันที่ 22 กรกฎาคม 2550
       
       วันที่ 16 มี.ค.51 – นายสมยศร่วมแถลงข่าวกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ กำหนดท่าทีต่อการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
       
       วันที่ 17 มี.ค.51 - นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานพันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย เข้ายื่นหนังสือถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อจักรยานยนต์สายตรวจขนาด 200 ซีซี จำนวน 19,147 คัน มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ด้วยระบบทางอิเลกทรอนิกส์ (e-Auction) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็น ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เป็นตัวแทนรับเรื่อง

 
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000032896
 
 
 
 
อ่านแล้ว....
ใช้วิจารณญาณของตนเอง พิจารณาครับ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

แวะไปที่เว็บสยามปริทัศน์มาครับ ก็เลยมีรูปคุณสมยศเจ้าของเว็บมาให้รู้จักกัน
จากหน้ารวมภาพเหตุการณ์ของเว็บสยามปริทัศน์

http://www.siamreview.net/photo.php#

รูปนี้ตอนไปยื่นเอกสารให้สอบสวน พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เพิ่มเติม

(http://www.siamreview.net/photo/IMG_5117.gif)

อีกภาพเรื่องรัฐธรรมนูญ เห็นมีคนคุ้นเคย (เจ้าเก่า) มายืนอยู่ข้างๆ ด้วย

(http://www.siamreview.net/photo/1204737273.jpg)

ความเห็นเก่าๆ เมื่อปี 2548 ของนายสมยศ ในงานเสวนาหัวข้อ ’การเมืองของภาคประชาชนและ วุฒิสภา’
จัดโดย พรรคแนวร่วมภาคประชาชน ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2548
ในช่วงที่ ส.ว. จากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 ชุดแรกกำลังจะหมดวาระในวันที่ 21 มี.ค. 2549

มีผู้ร่วมเสวนา คือ นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีต NGO และ ส.ว.ในขณะนั้น ร่วมด้วย นายนที ธีระโรจนพงษ์
นักเคลื่อนไหวเกย์ เจ้าของหนังสือแกะกล่องเกย์ นางสาวรสนา โตสิตระกูล เลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทย
และกรรมการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักเคลื่อนไหวด้านแรงงาน
ดำเนินรายการโดย ร.ศ.ใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

http://www.ftawatch.org/news/view.php?id=6744

สังเกตว่าคุณสมยศ ให้ความเห็นต่อรัฐบาลทักษิณว่า “รัฐบาลชุดนี้ถือเป็นชุดที่เลวที่สุด มีแต่ ส.ส.ที่เลวร้าย”

...

สมยศ พฤกษาเกษมสุข

“ส.ว.ต้องมีจิตสาธารณะก่อนผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีความหวังสักเท่าไร”

นายสมยศ เริ่มต้นด้วย “รัฐบาลชุดนี้ถือเป็นชุดที่เลวที่สุด มีแต่ ส.ส.ที่เลวร้าย” ก่อนที่จะขยายความต่อไปว่า
“เมื่อก่อนผมยังสามารถเดินขบวนแถวๆ หน้าทำเนียบรัฐบาลได้ แต่วันนี้ทำเนียบฯ กลายเป็นเขตหวงห้าม
โดนใช้กำลังปราบปรามตลอด ขณะที่ประชาชนไปหาด้วยความเดือดร้อนแต่นายกรัฐมนตรีกลับไปช็อปปิ้ง”

ยิ่งไปกว่านั้น นายสมยศ ยังกล่าวอีกว่า เราค่อนข้างผิดหวังกับระบบรัฐสภา คนที่เราเลือกเข้าไปไม่มีใครเข้าใจผู้ใช้แรงงานเลย
ไม่เคยทำเพื่อคนจน แม้ว่าหลายคนจะมีคุณสมบัติวุฒิภาวะกลับไม่เคยเข้าใจ องค์กรอิสระก็ไม่เคยอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ล้วนเต็มไปด้วยการวิ่งเต้น ทุจริต ทุกอย่างจึงเป็นระบบที่ล้มเหลวและไม่น่าไว้วางใจ

ขณะที่มีเพียงบางมิติเท่านั้น ที่นักเคลื่อนไหวแรงงานเห็นว่า ส.ว.พอที่จะพึ่งพาได้ โดยปัจจุบันประชาชนต้องเดินต่อสู้
บนท้องถนนเพียงหนทางเดียว ทั้งยังพบกับความรุนแรงมากขึ้นและมีการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่รัฐเกือบทุกครั้ง

“ต้องผลักดันคนที่มีคุณภาพเข้าไปนั่งในวุฒิสภาให้ได้ เพราะพอจะเป็นช่องทางการสื่อสารในระดับบนได้บ้าง
แต่ที่สำคัญผมยังไม่เห็นใครที่เป็นความหวังได้ โดย ส.ว.ต้องมีจิตสาธารณะก่อนผลประโยชน์ของตัวเอง
แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีความหวังสักเท่าไร” นายสมยศ กล่าวในตอนสุดท้าย

ก่อนหน้านั้น 1 ปี คือใน ปี พ.ศ. 2547 คุณสมยศ เคยมีผลงานหนังสือวิพากษ์ระบอบทักษิณออกมาเล่มหนึ่ง คือ

"กะเทาะเปลือกทักษิโณมิคส์ : ความเป็นจริงอีกมุมหนึ่งของสังคม ที่ถูกปิดบัง ซ่อนเร้น ในช่วง 4 ปีของระบอบทักษิณ"

และยังเคยออกเอกสาร "ค่าแรงขั้นต่ำ" โดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข พันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย (พสป.)
ในปี พ.ศ. 2547 วิจารณ์ความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ หลายประเด็น

ทำไปทำมา คุณสมยศ ก็เปลี่ยนไป นอกจากทำ สยามปริทัศน์ ออกมาทันทีหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ต่อมายังรับงานเป็นแกนนำ นปก.รุ่นที่ 2 และเข้าร่วมจัดกิจกรรมกับ อดีต ครม.ทักษิณ อย่างคุณจาตุรนต์ ฉายแสง
และล่าสุดยังไปขึ้นเวที "คิดถึงทักษิณ" อีกต่างหาก กลายเป็นรักกันจี๋จ๋าไปแล้วครับ  :slime_smile:

ไปเจอข่าวเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ปรากฏว่าคุณสมยศ เคยไปยื่นหนังสือเรียกร้อง
ให้คุณทักษิณลาออก และขู่จะนำกลุ่มแรงงานไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรอีกต่างหาก
กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยเรา ย้ายฝั่งกันไปมาติดตามดูยากจริงๆ  :slime_smile:

------------------------------------------------------------------------------------------------

http://www.rakbankerd.com/hotnews.html?nid=5460

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานพันธมิตรสหภาพแรงงานประชาธิปไตย
เข้าพบนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องต่อนายกฯ 4 ข้อ คือ

1.ให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 233 บาททั่วประเทศ
2.ให้ชะลอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานที่ผ่าน ครม. ไปเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา
   เพราะร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังไม่มีความเป็นธรรม
3.ขอให้จัดงบประมาณให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร และ
4.เรียกร้องให้นายกฯลาออกจากตำแหน่ง แล้วจัดตั้งรัฐบาลรักษาการทำหน้าที่เป็นกองเลขานุการ
   สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

นายสมยศกล่าวว่า นายสุวัจน์นัดให้ตัวแทนแรงงานมาหารือในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หากไม่เป็นที่พอใจ
จะไปเข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ด้วย คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน

กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยเรา ย้ายฝั่งกันไปมาติดตามดูยากจริงๆ 

---

แต่ผมว่าไม่ได้ย้ายฝั่งนะครับ ท่านคิดยังไงกับผังนี้
(http://picdb.thaimisc.com/mscc2/598-22.gif)
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mscc2&topic=857 (http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mscc2&topic=857)

 นอกจากเรื่องงูแล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก
มีคนถามเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองกับเศรษฐกิจไทย
ว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร คนที่ถามคือนักศึกษา
ระดับปริญญาโท ในอังกฤษ เป็นแบบสอบ
ถามเพื่อการวิจัย เลยตอบไปว่า

ขอความกรุณาช่วยตอบคำถาม ทั้งสาม ข้อนี้ หน่อยนะ คะ

คำถามที่ ๑ คุณคิดว่าสถานการณ์ทางด้าน เศรษฐกิจ และ การเมือง ในปัจจุบัน ของประเทศไทย เป็นอย่างไร



- ทางด้านเศรษฐกิจ

เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในโครงสร้างของรัฐบาลที่ไม่ต่อเนื่องและไม่มีแผนระยะยาวในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาวะเศรษฐกิจของไทยขึ้นลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจของโลกขึ้นกับ ๒ ค่ายใหญ่คือ ค่ายสหรัฐอเมริกา กับค่ายของจีน ซึ่งกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจของไทยจึงสามารถพลิกผันได้ทั้งทางดีและไม่ดีได้โดยง่าย ขึ้นอยู่กับว่าประเทศผู้นำในค่ายใดจะสามารถยึดกุมนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศในขณะนั้นได้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยค่อนข้างจะขึ้นอยู่กับฝ่ายค่ายสหรัฐอเมริกามากกว่าฝ่ายค่ายจีน เพราะสหรัฐอเมริกาสามารถยึดกุมอำนาจฝ่ายการเมืองของไทยได้มากกว่า ประกอบกับขณะนี้ในภาพรวมของเศรษฐกิจของไทยหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจปี พ.ศ.๒๕๔๐ เป็นต้นมาแล้ว ผู้ที่เข้ามายึดครองระบบเศรษฐกิจพื้นฐานของไทยคือบริษัทข้ามชาติของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ดังนั้น ระบบเศรษฐกิจของไทยจึงค่อนข้างจะอยู่ภายใต้การกำหนดทิศทางทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการโดยสหรัฐอเมริกา แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาถือว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่จะสามารถเป็นหมากตัวสำคัญที่จะสามารถยันการขยายตัวของค่ายจีนได้ สหรัฐอเมริกาจึงต้องหนุนเศรษฐกิจของไทยอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจของไทยเข้มแข็งอย่างเป็นอิสระของตนเองได้ จึงจะเห็นภาพว่า บางครั้งเศรษฐกิจขาขึ้น เมื่อขึ้นสักระยะหนึ่งแล้วก็ลงในระยะเวลาอันสั้น วงจรด้านเศรษฐกิจของไทยจึงยังคงเป็นเช่นนี้ รัฐบาลทักษิณ ถือว่าขึ้นระดับหนึ่งด้วยการอุ้มโดยสหรัฐอเมริกาโดยทักษิณ เมื่อขึ้นแล้วก็จำต้องลง มาอยู่ในสมัยพลเอกสุรยุทธ์ ฯ ซึ่งก็เป็นฝ่ายสหรัฐอเมริกาเช่นกันแต่เล่นคนละบทบาท หลังจากนั้นรัฐบาลนายสมัครฯ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของทักษิณก็อาจจะให้อยู่ในระดับธรรมดา หรือถ้ารีบขึ้นแล้วก็ต้องรีบลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยที่รอเวลาให้ทักษิณแก้ต่างคดีให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งหลังจากนั้นอาจจะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่เพื่อให้พรรคเก่าไทยรักไทย หรือ พลังประชาชน ได้รับการเลือกตั้งมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แล้วเมื่อนั้นทักษิณหรือผู้แทนของทักษิณโดยการสนับสนุนของสหรัฐอเมริกาจะขึ้นมาบริหารประเทศแล้วเศรษฐกิจของไทยก็จะกลับมาเหมือนช่วงแรก ๆ ที่รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศ

- ทางด้านการเมือง

การเมืองของไทยกำลังเล่นเกมตามใบสั่งของประเทศมหาอำนาจที่หนุนหลังพรรคการเมืองซีกของทักษิณ โดยที่หมากทางการเมืองที่อยู่บนกระดานของประเทศมหาอำนาจมี ๓ กลุ่มใหญ่ ๆ ในเวทีการเมืองไทย คือ กลุ่มสถาบันพระมหากษัตริย์ กลุ่มทักษิณ และ กลุ่มอำนาจทหารและนักการเมืองเก่าคือ พลเอกเปรม ซึ่งทั้ง ๓ กลุ่มกำลังต่อสู้กัน เมื่อรัฐบาลทักษิณเข้าบริหารประเทศโดยพรรคไทยรักไทยก็ทำตามใบสั่งของประเทศมหาอำนาจตนที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นกลุ่มอำนาจดั้งเดิมและเข้มแข็ง แต่เนื่องจากการกระทำของรัฐบาลทักษิณเข้าไปก้าวล่วงอำนาจของอีกกลุ่มหนึ่งด้วยคือกลุ่มอำนาจทหารเก่าคือ พลเอกเปรม ฯ และ พรรคประชาธิปัตย์ ทำให้รัฐบาลทักษิณต้องถูกโค่นล้มโดยกลุ่มสถาบันพระมหากษัตริย์ร่วมมือกับกลุ่มพลเอกเปรมและพรรคประชาธิปัตย์ในการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ แล้วทั้งสองกลุ่มดังกล่าวก็ชูพลเอกสุรยุทธ์ ฯ ขึ้นเป็นผู้บริหารประเทศแล้วอำนวยการให้มีการเลือกตั้งเพื่อหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนนเสียงข้างมากแล้วขึ้นบริหารประเทศ แต่เนื่องจากกลุ่มทักษิณฯ ได้วางเกมไว้ดีกว่า (ตามใบสั่งของประเทศมหาอำนาจ) ทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑ พรรคพลังประชาชน ( ไทยรักไทยเดิม) ได้คะแนนเสียงข้างมากและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ทักษิณฯ สามารถเข้ามาแก้ต่างคดีที่ติดตัวอยู่ได้ค่อนข้างจะสะดวกโดยการอำนวยการของรัฐบาลของนายสมัครฯ ซึ่งมีทักษิณฯ เป็นผู้อุปถัมภ์ด้านการเงิน เมื่อทักษิณฯ ต่อสู้คดีจนได้ชัยชนะแล้วจะมีการประกาศยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ หรือยังแก้ต่างไม่เสร็จก็ตาม ถ้ามีสถานการณ์อันต้องยุบสภาจะทำให้การเลือกตั้งใหม่ที่มีพรรคไทยรักไทยเดิม หรือพรรคพลังประชาชนใหม่นั้นได้คะแนนเสียงข้างมากอีกครั้งแล้วจะได้มากกว่าเดิม ซึ่งเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของทักษิณก็จะมีขึ้น สิ่งที่ทักษิณจะทำต่อจากนั้นก็คือ การบั่นทอนอำนาจของกลุ่มสถาบันกษัตริย์ และ พลเอกเปรม ฯ จนสิ้น ซึ่งอาจจะเห็นมิติใหม่ของการเมืองไทยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ทั้งนั้นทั้งนี้ การเมืองของไทยยังคงอยู่ในการกำกับของประเทศมหาอำนาจ การเมืองไทยจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงดังที่กล่าวมาแล้วนี้ได้ก็ต่อเมื่อ จีนมีพลังอำนาจที่เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมแล้วเข้ามาแทรกแซงแผนการของฝ่ายสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนทักษิณ แล้วจีนเข้ามาแทนที่สหรัฐอเมริกา เมื่อนั้น โฉมหน้าการเมืองไทยก็จะเป็นรูปแบบหนึ่งแตกต่างจากที่นำโดยสหรัฐอเมริกา

คำถามที่ ๒ คุณคิดว่า การเมือง กับ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ในประเทศไทย เกี่ยวข้องกันอย่างไร ช่วยอธิบาย

ความสัมพันธ์ของการเมืองและเศรษฐกิจของไทยมีความเกี่ยวข้องกันแน่นอน กล่าวคือ การเมืองไทยไม่ได้เป็นอิสระของนักการเมืองไทย แต่การเมืองไทยอยู่ภายใต้การกำกับของประเทศมหาอำนาจ เมื่อเศรษฐกิจของไทยเป็นปฎิภาคโดยตรงกับการเมืองคือถ้าการเมืองมีเสถียรภาพเศรษฐกิจก็จะดี ถ้าการเมืองไร้เสถียรภาพเศรษฐกิจก็จะไม่ดี แต่เศรษฐกิจของไทยมีมากกว่านั้น เศรษฐกิจของไทยนอกจากจะขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของการเมืองแล้ว เนื่องจากประเทศไทยเป็นพื้นที่แย่งชิงของมหาอำนาจ ๒ ค่าย เมื่อค่ายใดค่ายหนึ่งสามารถยึดหัวหาดการเมืองไทยได้ แล้วต้องการที่พลิกเศรษฐกิจของไทยให้ขึ้นหรือลงก็ได้ แล้วแต่หมากที่ประเทศมหาอำนาจต้องการจะทำในขณะนั้น ซึ่งไม่แน่นอน ตัวอย่างเช่น สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่เป็นช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจที่ชาวต่างชาติเข้ากว้านซื้อธุรกิจใหญ่ ๆ ของไทยไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าคาดกันตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์จะเห็นว่าประเทศไทยไม่มีสิทธิที่จะฟื้นฟูประเทศได้เลยหนี้สินสาธารณะก็ล้นพ้นตัว แต่สถานการณ์กลายเป็นว่าเมื่อรัฐบาลทักษิณขึ้นมาเศรษฐกิจกลับดี ปลดเปลื้องหนี้สินสาธารณะได้ การบริหารประเทศเป็นไปได้ด้วยดีระยะหนึ่งจนกระทั่งมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ซึ่งเศรษฐกิจของไทยมีลักษณะเป็นพิเศษกว่าเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ

คำถามที่ ๓ คุณคิดว่า เศรษฐกิจ ของไทย จะเป็นอย่างไรในอนาคต อันใกล้
มีโอกาส จะ เกิด วิกฤติการณ์ ทางเศรษฐกิจ ที่มีการ ลดค่าเงินบาท หรือ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อย่างมาก ภายในประเทศ เหมือน เหตุการณ์ ใน ปี ๒๕๔๐ หรือไม่ อย่างไร ช่วยอธิบาย

เศรษฐกิจของไทยจะเป็นไปตามใบสั่งของมหาอำนาจที่หนุนหลังรัฐบาลที่มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะดีอย่างไม่น่าเชื่อระยะหนึ่งแล้วจะลงมาใหม่หลังจากที่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้นในระบบการเมืองไทยที่จะมีการปะทะกันทางสังคมอย่างรุนแรง เมื่อนั้นเศรษฐกิจของไทยจะลงมาอีก ซึ่งในภาพรวมการขึ้น ๆ ลง ๆ ของเศรษฐกิจไทยจะมีค่อนข้างสูงมาก

โดย arttamart [15 มี.ค. 2551 , 10:28:41 น.]
 

ฝังแบบนี้ใครก็ทำได้

ผมยังจำวันที่มันเปิดตัวเว็บ ไฮ ทักษิณ ได้
ไอ้ทนายตาหวาน มันยังงามหน้ามาโกหกบอกว่า เป็นเว็บที่ใช้ไว้ให้คนที่รักทักษิณ เข้าไปแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ ไม่เกี่ยวการเมือง
(นี่ก็อีกหนึ่งหลักฐานว่าพลังประชาโจรรู้เห็นเป็นใจกะเว็บนี้)

แล้วเอาไปเอามา เว็บบ้านี่เป็นเว็บเต้าข่าว ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นไปทั่วด้านการเมือง

ถุย ไอ้ประดาบเนี่ย มึงกลัวนักเหรอ ในการเป็นลิ่วล้อเหลี่ยม

ทำไมมึงไม่แสดงตัวแต่แรก แสดงเอาตอนท้ายให้คนเห็นเป็นฉากๆทำไม ว่าที่พวกมึงทำเนี่ย มีเอี่ยวกับนักการเมืองทั้งนั้น

ถึงวันนี้ จะไม่ขอด่าคนที่รักทักษิณเรื่องที่ไปชอบคนขี้ฉ้อ
แต่ขอประนามว่าคุณคือควายที่เข้าไปชื่นชมมวลชนจัดตั้งของนักการเมือง

ควายแบบพวกคุณ ไม่สมควรเอาคำว่าประชาชนมาใช้

อา...ย้ายข้างแล้วมันดียังงี้นี่เอง

กลุ่มที่ต้านเผด็จการโดยจิตใจแท้ๆ ไม่หวังผลทางรายได้ ยังมีอยู่

เช่นกลุ่ม นิธิ กลุ่ม มช. ยังพอรับฟังได้

แต่กลุ่มสื่อเทียมนี่รับไม่ได้จริงๆ

เอาเถอะจะยืนฝั่งไหนก็ไม่ว่ากัน แต่อย่ายุให้คนออกไปตีกันก็พอแล้ว

คนมีเงิน มันเรียกผีมาโม่แป้งให้เห็นกันแล้ว

คนพวกนี้สู้ให้แม้ว ยิ่งกว่าบิดาของตนเอง

ยิ่งดูแล้วก็ได้แต่ปลงในทิศทางการดำเนินชีวิต

คนจำพวกนี้ คงสอนให้ลูกหลานหาเงินกันอย่างเดียว

สื่อสมัยใหม่ มันทำเงินได้ดีซะด้วยสิ...เห็นเล่นกันมันหยด

ไม่ได้คิดว่าอะไรคือ ศีลธรรม คุณธรรม หรือ ประชาธิปไตยที่แท้จริง

เห็นแบบนี้ก็ได้แต่ปลงกับอนาคตของประเทศไทย ผิดถูกมันไม่สนใจกันแล้ว

กลัวรายได้จะต่ำกว่าเส้นยากจน  :slime_bigsmile:

ผมขอตั้งข้อสังเกตนะฮะ
1.สำนวนของสมยศนั้นจะออกแนวๆผู้นำสหภาพ หรือละม้ายกับพวกอาจารย์เสริฐมากกว่า เวลาเขียนอะไรก็จะอินโทรซะยาวเฟื้อย เอาทฤษฎีมานำร่องซะยาว หาหลักฐาน หรือคำสัมภาษณ์ประกอบการเขียนไม่ค่อยมี(ดูข้อเขียนของสมยศทั้งในสยามปริทัศน์ และฉีกหน้ากากผู้มีบารมีฯ)

2.สำนวนของประดาบนั้น เป็นสำนวนของคนหนังสือพิมพ์ พวกคอลัมนิสต์ คือ มีลูกหนักลูกเน้น มีเป้าชัด มีหลักฐานเอกสารคำให้สัมภาษณ์ประกอบ ในลักษณะinvestigative news

สำนวนของคนเขียนก็เปรียบเสมือนลายเซ็นต์ของคนเราครับ

หากให้ผมเดา ผมเดาว่าประดาบน่าจะเป็น1.คนหนังสือพิมพ์มาก่อน 2.น่าจะเคยเป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์มา 3.มีทีมงานเจาะข่าวชุดหนึ่ง(ที่มีฝ่ายทักษิณหรือฝ่ายตรงข้ามพวกคมช.เป็นสายข่าวให้) 4.หากเดาลงไปอีกผมคิดว่าเป็นคนที่เคยทำเวปไซต์ให้กลุ่มเนวินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผมจำไม่ได้แล้ว ที่เคยด่ากันว่า"สื่อเทียม" หรือออกไปในโทนนี้

หากเป็นสมยศ ผมก็ว่าน่าทึ่งที่สมยศเขียนอะไรได้ในสำนวนที่แตกต่างกนขนาดนี้

ต้องถามกลุ่ม พญาไม้ มดคันไฟ หรือสายสยามรัฐครับ

ผมไม่ทันรุ่นนี้ แต่ทันรุ่นพญาไม้ ลมเปลี่ยนทิศ ตรีศูร ฉัตร เชิงดอย

ดูลีลา "ประดาบ" ก็เหมือนคอลัมนิสต์ธรรมดาๆ นี่แหละ

แต่จะเป็นตัว "เปิดเกม" กำหนดวาระการต่อสู้ในประเด็นต่าง ๆ

ช่วงนี้ กลุ่มรักแม้ว ดึงประเด็น รัฐตำรวจ ทุนสามานย์ มาปูพื้นไว้ก่อน

กลัวพวกพันธมิตรให้ข้อมูลฝ่ายเดียว

แต่มองอีกมุมการเปิดเกม วันที่ 23 นี้ ของกลุ่มประชาทรรศน์จะกลายเป็นเปิดเกมให้ฝ่ายพันธมิตร ขยี้ในคืนเดียว

ฝีมือมันผิดกันครับ เล่นจับเอาระดับ คุณปลื้ม อชิรวิทย์ ระดับนี้มาสู้ ก็สมันน้อยเราดีๆนี่เอง

ก็เหมือนระดับ หมอผี เจอพ่อมด...ผลสรุปไม่ต้องพูดถึง...ตายหยังเขียด

โธ่ เวลาต่อยมวย แค่เค้าบอก ระวังหัว ก็เอามือปิดหัว ระวังท้องก็เอามือปิดท้อง

แบบนี้ก็โดนพันธมิตรหลอกต่อย ตายกันพอดี อิ อิ

ประดาบเป็นใคร... ผมไม่อยากรู้....

แต่ที่ผมอยากรู้  ก็คือว่าตอนนี้ประดาบได้ส่งพวงหรีดไปให้ เหลิม รายวัน รึยัง ..5555 :slime_whistle: