หัวข้อ: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 01:56 นพดล เตรียมฟื้นคดีเพชรซาอุฯ หวังยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูต กรุงเทพฯ 5 มี.ค.2008 - นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าเยี่ยมคารวะของนาย Nabil H. Ashri อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย วันนี้ (5 มี.ค.) ว่า มีการหารือและย้ำในเรื่องที่ประเทศไทยต้องการปรับระดับความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียให้เป็นระดับปกติ คือ มีสถานเอกอัครราชทูต และเอกอัครราชทูต ที่ผ่านมามีปัญหาจากคดีนักการทูตและนักธุรกิจซาอุฯ ถูกสังหารในประเทศไทย และเรื่องเพชรซาอุฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ซาอุดีอาระเบียยังไม่ปรับระดับความสัมพันธ์กับไทย ผมจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อหาทางคลี่คลายเรื่องดังกล่าว และหาคำตอบให้ประเทศซาอุดีอาระเบีย รัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อตามคนผิดมาลงโทษให้ได้ เนื่องจากที่ไทยได้สูญเสียความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ทำให้ซาอุดีอาระเบียไม่ออกวีซ่าให้แรงงานไทย จากที่ปี 2532 มีแรงงานไทยในซาอุฯ ถึง 150,000-200,000 คน แต่ปัจจุบันมีเพียง 10,000 คนเท่านั้น ทำให้สูญเสียรายได้เข้าประเทศถึง 200,000 ล้านบาท ดังนั้น การรื้อฟื้นคดีต้องดูว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อรายงานให้ซาอุดีอาระเบียทราบโดยเร็ว นายนพดล กล่าว. - สำนักข่าวไทย อัพเดตเมื่อ 2008-03-05 16:49:16 หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 01:59 ใครครอบครองหาทางคืนเจ้าของโดยด่วนครับ ผู้ใดทราบเบาะแส รายงานไปที่ ดีเอสไอ ประเทศไทยจะได้หลุดพ้นจากการสาปแช่งจากเจ้าของที่แท้จริง หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 02:16 November 3, 2006
โจรกรรมเพชรซาอุ http://www.angkul007.com/Blog/?p=27 Filed under: โจรกรรมเพชรซาอุ Angkul @ 7:10 pm ความสัมพันธไมตรี ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุดิอาระเบีย อยู่ในฐานะที่ดีมาเป็นเวลานาน มีการเจริญไมตรีทางการทูต ไทยส่งแรงงานไปทำงานในประเทศซาอุจำนวนมาก เวลาเดียวกันคนประเทศซาอุก็เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากเช่นกัน ประเทศซาอุทำรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล แต่ปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุดิอาระเบียไม่ดีเหมือนเดิม เพราะมีเรื่องเกี่ยวพันกันระหว่าง 2 ประเทศหลายเรื่อง 1. เรื่องฆ่า จนท.สถานทูตซาอุ 2. เรื่องนักธุรกิจซาอุถูกอุ้ม 3. เรื่องโจรกรรมเพชร แต่ละเรื่องลึกลับซับซ้อน ไม่สามารถที่จะคลี่คลายได้ ชนิดเรียบร้อยบริบูรณ์ ชุดสืบสวนฝีมือดีของเมืองไทย ถูกเรียกมาใช้หมด แต่ละคดีก็จบหรือสรุปแบบมีเงื่อนงำ คือทิ้งข้อกังขาให้คนที่สนใจขบคิด ระยะแรกประเทศซาอุเข้มงวด เรื่องการส่งแรงงานไทยไปซาอุ และห้ามคนซาอุเดินทางเข้าไทย รัฐบาลไทย รวมแล้วถึง 5 ชุด 5 สมัย พยายามแก้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ทำให้มีการรื้อฟื้นสืบสวนสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับซาอุฯ หลายครั้งหลายครา คดีบางเรื่องก็ยังไม่เสร็จสิ้นจนถึงเดี๋ยวนี้ สมัยที่แรงงานไทยไปทำงานที่ซาอุฯ ได้ค่าหัวคิวส่งแรงงานไทยไปซาอุ แพงมากๆ หัวละถึงแสนบาท โดยมีหัวหน้ามาเฟียไทยเรียกเก็บ จ่ายใครบ้างไม่ทราบ ทางการประเทศซาอุฯ ก็พยายามปราบเรื่องนี้ มีการย้ายเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการออกวีซ่า และส่งคนเข้ามาสืบสวนลับๆ จากการเข้มงวดกวดขันของทางการซาอุฯ ทำให้วงจรอุบาทว์ส่วยแรงงานชะงัก จึงทำให้มีการฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง 1. เมื่อประมาณปลายปี 2531 ขณะที่แรงงานไทยส่งไปซาอุยังฟูเฟื่อง เวลาเดียวกันที่ซอยนานา ใน กทม. และที่พัทยาใต้ แถวมาลินพลาซ่า รุ่งเรืองคราคร่ำไปด้วยคนซาอุ เกือบจะเรียกได้เลยว่าลักษณะเป็นเมืองแถบตะวันออกกลาง ที่พัทยามีการแบ่งโซนกินและเที่ยวอย่างชัดเจน ไม่มีการล่วงล้ำแดนทำให้อยู่กันได้อย่างสงบ บรรดาหญิงบาร์อะโกโก้ สาวนั่งดริ๊งค์ สาวขายชั่วโมงจากทุกสารทิศไปขุดทองที่พัทยา กลุ่มซาอุอยู่แถวพัทยาใต้ ย่านมาลินพลาซ่า และโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ มีโบว์ลิ่งอยู่ด้านล่าง ฝั่งตรงข้ามกับมาลินพลาซ่าแถวฝั่งทะเลย่าน Baby อะโกโก้ เป็นถิ่นของ นายโรต้า แก๊งเยอรมัน พัทยากลาง กลุ่มฮอลแลนด์ ไต้หวันอยู่พัทยานาเกลือ สถานบริการเปิดถึงตี 5 ปลายปี 2531 มี จนท. กงศุลของซาอุฯ ถูกลอบสังหารที่พัทยา ขณะกำลังนั่งดื่มเบียร์เคล้านารีอยู่ที่บาร์เบียร์ พัทยาใต้ในย่านของพวกมิดเดิลอีส คนร้ายมาโดย จยย. ขับขี่ 1 คน ซ้อนท้าย 1 คน แต่ละคนสวมหมากกันน็อค รถจยย. ของคนร้ายจอดห่างเป้าหมายประมาณ 30 เมตร คนร้ายที่นั่งซ้อนลงจากรถ จยย. โดยยังสวมหมวกกันน๊อคอยู่ พร้อมชักอาวุธปืนพก AUTO ขนาด 6.35 หรือ ขนาด .32 ยิงแบบ Double Tribs คือ 2 นัดซ้อน ลูกกระสุนวิ่งคู่เข้าหาเป้าหมายถูกบริเวณราวนมซ้าย 2 นัด แม่นราวจับวาง โดยในขณะนั้นคนร้ายที่ขับขี่รถ จยย. ก็ยังคร่อมอยู่บนรถและติดเครื่องรถ จยย.อยู่แล้วคนร้ายเป็นคนยิงก็กระโดดขึ้นซ้อนท้าย จยย.คันเดิม เสียง จยย.แผดก้องดังยาว แล้วรถ จยย.ของคนร้ายก็หายไปกับความมืด ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก แต่ถึงจะเร็วอย่างไรก็ไม่พ้นสายตาของกลุ่มนายตำรวจหนุ่ม เพิ่งจบจากโรงเรียนนายร้อย นั่งพักผ่อนปล่อยอารมณ์อยู่กับเพื่อนๆ ประมาณ 3-4 คน ทุกคนไม่มีอาวุธปืน ทุกคนไม่มียานพาหนะ เพราะมาเที่ยวพักผ่อน มิได้มาปฏิบัติหน้าที่ พวกเขานั่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เห็นคนร้ายหลังเสียงปืนดัง และได้ยินเสียงเร่งมอเตอร์ไซค์ ไม่สามารถจำอะไรได้เลย ทุกคนวิ่งไปที่เกิดเหตุ ก็พบว่าเหยื่อตายสนิท ทุกคนยอมรับฝีมือการยิงแม่นยำ และมีความชำนาญในการใช้อาวุธ การสืบสวนคดีนี้ ไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด 2. เมื่อต้นปี พ.ศ.2532 นายซอแล๊ะ เลขานุการโท ประเทศซาอุฯ ประจำประเทศไทย ถูกสังหารด้วยอาวุธปืนพก AUTO ขนาด 6.35 ถึงแก่ความตายในเขตท้องที่ สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้คือบังมุด ปฏิเสธต่อสู้คดี ในที่สุดศาลยกฟ้อง ขอพักคดีเรื่องฆ่าไว้ก่อนชั่วคราว เพราะการฆ่ายังไม่จบ หลังจากคดีบังมุดแล้ว ยังมีการฆ่าเกิดขึ้นอีก 2 ราย จนท.สถานทูตซาอุฯ ตายอีก 3 ศพ รวมทั้งนักธุรกิจของประเทศซาอุ ถูกอุ้มหายไปอีก 1 คน เหตุที่พักไว้เพราะมีคดีใหญ่คือ คดีโจรกรรมเพชรซาอุเกิดขึ้น 3. ประมาณปลายปี 2532 ตอนกลางๆ เดือนธันวาคม เริ่มมีข่าวแพร่งพรายออกมาว่า ทางรัฐบาลประเทศซาอุฯ ประสานมายังรัฐบาลไทย ว่ามีคนไทยที่ไปทำงานที่ประเทศซาอุ โจรกรรมเพชรล้ำค่า จากวังเจ้าชายไฟซาล บินซาฮัด อับดุลลาซิส มูลค่าหลายร้อยล้าน ทำให้ประเทศซาอุฯ เข้มงวดแรงงานไทยที่จะไปทำงานซาอุฯ มากยิ่งขึ้น ขั้นต้นรัฐบาลไทยปฏิเสธ ต่อมารัฐบาลประเทศซาอุฯ ยืนยันว่าคนร้ายที่กระทำผิดเป็นคนไทย ที่ไปทำงานในประเทศซาอุฯ และได้หนีกลับประเทศไทยแล้ว ขอให้ส่งตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศซาอุ หนังสือพิมพ์ในประเทศไทยทุกฉบับลงข่าว เรื่องโจรกรรมเพชรซาอุฯ ระบุคนร้าย คือ นายเกรียงไกร เตชะโหม่ง อยู่ที่ ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง ขณะนั้น พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร ดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมตำรวจ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อ.ตร. มอบหมายให้มือปราบพระกาฬ ซึ่งนำโดย พล.ต.ต.ชลอ เกิดเทศ (ยศในขณะนั้น) ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผบช.ก. ซึ่งควบคุมกองปราบ เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน การเจรจาในทางการทูตเกิดขึ้น ประเด็นจะส่งตัวผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นคนไทยให้กับประเทศผู้เสียหายหรือไม่ ประเทศไทยไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบีย ในทางปฏิบัติ ส่งก็ได้ ไม่ส่งก็ได้ ระหว่างเจรจาเรื่องส่งตัวหรือไม่ส่งตัวไปดำเนินคดีที่ซาอุฯ นสพ.ลงข่าว เพิ่มความกดดันให้กับ นายเกรียงไกร เตชะโม่ง เป็นอย่างมาก เพราะถ้าถูกส่งตัวไป ก็ถูกแขวนคอตายสถานเดียว เพราะนายเกรียงไกร เห็นตัวอย่างในประเทศซาอุฯ มาแล้ว ขนาดลักทรัพย์ธรรมดา ยังถูกตัดมือ แต่นี่ลักในพระราชวังกษัตริย์ไฟซาล ผู้มีอำนาจ ก็คงจะถูกประหารชีวิตสถานเดียว จึงทำให้นายเกรียงไกร หนีสุดชีวิต พร้อมยาไซยาไน้ท พร้อมฆ่าตัวตาย กล่าวคือถ้าถูกจับตัวได้ ก็จะรีบกินยาไซยาไน้ททันที รัฐบาลไทยเลือกหนทางตัดสินใจไม่ส่งตัวนายเกรียงไกร ไปดำเนินคดีที่ประเทศซาอุฯ เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่ากฎหมายของประเทศซาอุฯ รุนแรงเกินไป โดยจะขอดำเนินคดีในประเทศไทย หมวด 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ว่าด้วยอำนาจการสอบสวนของไทย มาตรา 20 ระบุไว้ว่า ความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย ให้อัยการสูงสุด หรือผู้รักษาการแทน เป็นพนักงานสอบสวน หรือจะมอบหน้าที่นั้นให้พนักงานสอบสวนคนใดก็ได้ หมวด 3 ว่าด้วยอำนาจศาล มาตรา 22 (2) เมื่อความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย ให้ชำระคดีนั้นที่ศาลอาญา เมื่อรัฐบาลไทยตัดสินใจไม่ส่งตัวผู้กระทำผิดไปดำเนินคดีที่ซาอุฯ ก็ได้ประสานให้ส่งผู้แทนในฐานะเป็นผู้เสียหายมาร้องทุกข์ดำเนินคดี ซึ่งประเทศซาอุ ก็ได้ส่ง ร.ต.อ.ซาแอค เอ็มเอส ซาซิส เข้ามาให้ปากคำ และอัยการสูงสุดก็ได้มอบหมายให้ กองปราบปราม เป็นพนักงานสอบสวน กลับมาดูทางเรื่องการโจรกรรมเพชร ถ้าฟังตามข่าวแล้วเป็นเรื่องเหลือเชื่อว่า คนไทยตัวเล็กๆ ไม่มีการศึกษา จะสามารถอาจหาญเข้าไปโจรกรรมถึงในวังเจ้าชาย เข้าไปเอาได้อย่างไรในรั้วในวัง ทำกันกี่คน มีคนอื่นร่วมไหม ทำไมมันง่ายนัก ไม่อยากจะเชื่อ แล้วนำกลับเข้าเมืองไทยได้อย่างไร ผ่านการตรวจตราของทั้งสองประเทศ เวลาออกเมือง และเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ศุลกากร ตายังกับสับปะรด หลุดรอดไปได้อย่างไร ท่านติดตามรับฟังจากผมแล้ว จะหายกังขา ถ้าไปอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์อย่างเดียวจะงง เพราะเรื่องนี้ไม่มีการแถลงข่าว ถึงแถลงข่าวก็จะไม่พูดรายละเอียด ข้ามตรงโน้น ปิดตรงนี้ แต่งเติมไปบ้าง เพื่อให้ดูดีไม่เสียหาย ไม่เสียฟอร์ม แต่สำหรับรายการคนจริง จะนำมาเปิดเผยในส่วนที่เข้าไปสัมผัสจริง เพราะผู้เขียนอยู่ในชุดสืบสวนสอบสวน โจรกรรมเพชรซาอุฯ ภาคที่ 2 (ภาคแรก กองปราบเป็นผู้สืบสวนสอบสวน และจับกุมตัวนายเกรียงไกร เตชะโม่ง ส่งขึ้นศาล) ต่อมาเมื่อมีการติดตามเพชรกลับคืนมาได้ นำส่งคืนไปให้กษัตริย์ไฟซาล ปรากฎว่าเพชรอัญมณีบางชิ้นที่ส่งกลับคืนไปเป็นของปลอม ทำให้รัฐบาลซาอุฯ ไม่พอใจ ไม่ยอมรับแรงงานไทย ไม่ยอมให้คนซาอุฯ เข้าประเทศไทย ขณะนั้นเป็นรัฐบาล อานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ เป็น อ.ตร. พล.ต.ท.ธนู หอมหวล หรือเชอร์ล็อคนู เป็น ผบช.ก. เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้เป็น หน.ชุดสืบ พล.ต.ต.อังกูร ผู้เขียน ขณะนั้นยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งเป็นรอง ผกก.2 ป. อยู่ในชุดสืบสวนสอบสวน เพชรซาอุ ภาคที่ 2 นี้ด้วย เรื่องที่ พล.ต.ท.ธนู ได้รับมอบหมายให้สืบสวนสอบสวน มี 2 เรื่อง 1. กรณีฆ่า จนท. สถานทูตซาอุฯ 2. กรณีโจรกรรมเพชรซาอุ ซึ่งผลการสืบสวนสอบสวนของเชอร์ล็อคนู ในคดีแรกออกมาแบบชนิดไม่คาดคิด ผมเองก็ยังนึกไม่ถึง ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร จะพูดถึงในโอกาสต่อไป ส่วนกรณีโจรกรรมเพชรซาอุ ภาคที่ 2 เชอร์ล็อคนู ก็ยังสามารถเก็บตกได้ตัวผู้ต้องหาที่รับซื้อของโจร (ผู้รับซื้อเพชรและอัญมณี จากนายเกรียงไกร ที่โจรกรรมจากวังกษัตริย์ไฟซาลได้อีกหลายคน) และพบว่ามี จนท.ตำรวจอมเพชรอีกหลายคน เรื่อง จนท.อมเพชรของเชอร์ล็อคนู หรือเพชรซาอุ ภาค 2 นี้ ก็เล่นไม่ยาก กล่าวคือ ย้อนรอยการดำเนินการของตำรวจชุดแรก พบว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปตรวจค้น ตามจุดต่างๆ ในครั้งแรกนั้น เมื่อพบของกลาง (ทรัพย์ที่จากการกระทำผิด) ที่ใดก็ทำบัญชีทรัพย์ที่ยึด แล้วนำไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจท้องที่ แต่พอนำเข้า กทม. แล้ว พบว่าของกลางบางรายการหายไป บางทีก็ขาดหายไปทั้งบันทึก เหตุเพราะมีการจัดทำบันทึกใหม่ แต่ก็จับกุมได้แต่เจ้าหน้าที่ระดับเล็กๆ ส่วนบลูไดมอนด์ เพชรเม็ดใหญ่ ที่ทางซาอุฯ ต้องการทราบไม่รู้อยู่ที่ใด ข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจประการหนึ่งก็คือ หลังจากออกปฏิบัติการสืบสวนตรวจค้นตามจุดต่างๆ ที่ต่างจังหวัดแล้ว พอกลับ กทม. มารวมทำบันทึกใหม่ เป็นฉบับเดียวเพื่อจะให้เรียบร้อย ทำให้สิ่งของบางรายการขาดหายไป ในช่วงที่ทำการสืบสวนการโจรกรรมเพชรซาอุภาค 2 พล.ต.ต.อังกูร ผู้เขียน ทำหน้าที่รับตัวนายเกรียงไกร เตชะโม่ง ซึ่งต้องโทษตามคำพิพากษาอยู่ที่เรือนจำจังหวัดอยุธยา ใกล้จะพ้นโทษ (นายเกรียงไกร ถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน ระวางโทษ 1 ถึง 7 ปี ศาลยกโทษขึ้นมาในอัตราสูงสุด แต่นายเกรียงไกรรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง) ตอนเช้าประมาณ 09.00 น. จะไปรับตัวนายเกรียงไกร ที่เรือนจำอยุธยา แล้วพาตัวไปสอบสวน ที่ บชก. ถนนอังรีดูนังส์ กทม. โดยมี จนท.ราชทัณฑ์ คุมตัวมาด้วย มีโอกาสใกล้ชิดนายเกรียงไกร นั่งติดกัน คุยกันในช่วงเดินทางประมาณ 4-5 วัน เรื่องรายละเอียดต่างๆ เล่าสู่กันฟัง ไม่มีผลทางคดี เพราะคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว ลักษณะของนายเกรียงไกร เป็นคนบุคลิกหลุกหลิก ไม่นิ่ง เหมือนหวาดระแวงตลอดเวลา นัยน์ตาล่อกแล่ก ความรู้สึกไว ตอบสนองทันที เมื่อมีเสียงเรียก เหมือนคนไม่เคยไว้ใจใคร การพูดจาลักษณะใช้ความคิด คิดคำนึงก่อนพูด เชื่อถือไม่ค่อยได้ ที่นิ้วกลางมือซ้าย ฝังแม่เหล็กไว้ในนิ้ว เพื่อใช้ในการต้มตุ๋นในการเล่นการพนันไฮโล บ่งบอกว่าเป็นอาชญากรตัวยง นายเกรียงไกร เดินทางเข้าไปขายแรงงานในประเทศซาอุฯ เช่นเดียวกับผู้ขายแรงงานอื่นๆ เป็นพวก Unskill Labour แรงงานไร้ฝีมือ ทำงานอยู่ในบริษัท รับทำความสะอาดแห่งหนึ่งในซาอุ ซึ่งในบริษัทดังกล่าวนี้ มีคนไทยอยู่ประมาณ 4-5 คน แล้วยังมีคนฟิลิปปินส์ ศรีลังกา ร่วมทำงานในบริษัทเดียวกัน ในช่วงเกิดเหตุ บริษัทรับทำความสะอาดที่นายเกรียงไกรทำงาน ได้ไปรับจ้างทำความสะอาดวังของกษัตริย์ไฟซาล บินซาฮัด อับดุลลาซีส วังดังกล่าวอยู่นอกเมือง เนื้อที่วังประมาณ 10 ไร่เศษ ภายในเป็นอาคารหลายหลัง เป็นที่ประทับของกษัตริย์ มเหสี และห้องรับแขก ห้องรับรอง นับได้เป็นร้อยห้อง ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงประมาณ 3 เมตรทั้งสี่ด้าน ในช่วงที่บริษัทรับจ้างทำความสะอาดนั้น กษัตริย์ไฟซาล และมเหสี แปรพระราชฐานพักร้อนในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ประมาณ 15 วัน ในวังดังกล่าวจะมีแม่บ้านคนดูแลความเรียบร้อยประจำตึก คอยเปิดกุญแจตึก ตู้เก็บของให้คนงานทำความสะอาด และการทำความสะอาดดังกล่าวนี้ คนงานทุกคนจะเดินทางไปทำงานโดยรถปิคอัพของบริษัทเช้าไปส่ง เย็นรับกลับ มีการเซ็นชื่อเข้าทำงาน และเซ็นกลับ เพื่อเป็นการเช็คสอบว่าใครมาทำงานบ้าง ใครไม่มาบ้าง จะได้คิดค่าจ้างแรงงานได้ถูก หัวหน้าคนงานที่คอยถือสมุดคุมรายชื่อคนทำงานเป็นชาวฟิลิปปินส์ สิ่งที่ควรทราบ คือประเทศซาอุเป็นประเทศมุสลิม จะไม่เลี้ยงสุนัข และเป็นประเทศที่กฎหมายแรงมาก คดีลักทรัพย์จะไม่ค่อยมี เพราะกฎหมายลงโทษหนักและทารุณ เช่น คดีลักทรัพย์ ผู้กระทำผิดจะต้องถูกตัดมือ และไม่ค่อยนิยมติดสัญญาณกันขโมย นายเกรียงไกรเป็นคนฉลาดแกมโกง ไปทำงานครั้งแรกที่วังดังกล่าว ก็เห็นช่องทางโจรกรรม เพราะมองเห็นเพชรนิลจินดาอัญมณีของมีค่า แหวน นาฬิกา วางเกลื่อนกลาด ตามตู้โชว์ โต๊ะแต่งตัว แม้แต่ตู้เซฟ ก็ยังมีกุญแจเสียบ ลงชื่อทำงานและกลับ ตอนเช้าคนงานผู้ใดจะไปทำงาน ต้องลงชื่อในบัญชีการทำงานที่หัวหน้าถือ ครั้นตอนกลับนายเกรียงไกรเห็นช่องทาง คือ มีคนงานฟิลิปปินส์บางคนอู้งาน ขอกลับก่อนที่รถของบริษัทจะมารับกลับ โดยรู้กับคนควบคุม โดยเซ็นชื่อมาทำงาน พร้อมเซ็นกลับไว้ด้วย เวลาเดียวกันนายเกรียงไกร ก็พบว่าแม่บ้านที่มาเปิดบ้านให้ทำความสะอาด บางวันก็ไม่ได้มาปิด มาเช็คห้อง เพราะเจ้านายไม่อยู่ และคิดว่าคงไม่มีใครกล้าลองดี ดูลาดเลา 2 วัน วันที่ 3 นำกระสอบปุ๋ยติดตัวไปด้วย เที่ยงของวันที่สอง นายเกรียงไกรไปทำความสะอาดที่วังแห่งนี้ ก็เริ่มวางแผนทันที โดยในวันที่สามนายเกรียงไกร เริ่มนำกระสอบแบบกระสอบปุ๋ย ทบห่อให้เล็กติดตัวไป โดยไม่ให้ใครรู้ แล้วก็เซ็นชื่อไปทำงาน พร้อมเซ็นชื่อกลับไว้ในสมุดหัวหน้างาน พร้อมกับบอกหัวหน้าว่า จะขอเดินทางมาเอง กลับเอง ดังนั้นทุกวันนายเกรียงไกร ก็จะมาทำงาน โดยโผล่เข้ามาทางไหน ไม่มีใครรู้ เพราะตึกมีหลายหลัง หลายทางเข้าออก ทุกเช้าก็จะมาเซ็นชื่อทำงาน พร้อมกับเซ็นชื่อกลับไว้ด้วย ในเวลาเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นายเกรียงไกรมิได้เดินทางออกจากวังไปไหนเลย พอหมดเวลาทำงานแต่ละวันแล้ว ก็จะซุกตัวอยู่ในห้อง ในบริเวณตึกที่เห็นว่ามิดชิดไม่มีการตรวจสอบ พอคนงานกลับหมด แม่บ้านไปแล้ว นายเกรียงไกร ก็ออกจากที่ซ่อนเที่ยวค้นหาของมีค่า โดยใช้เวลาเก็บของมีค่าทั้งสิ้น 7 คืน (7 ครั้ง) แล้วของมีค่าทั้งหมดถูกรวบรวมในถุงปุ๋ย เหวี่ยงออกนอกกำแพงในเวลากลางคืน แล้วปีนกำแพงออก นำของมีค่ากลับที่พัก ประเด็นเรื่องของมีค่านั้นจริงหรือเก๊ เกิดได้หลายทาง 1. นายเกรียงไกร เก็บของมีค่าตามตู้โชว์ ตามลิ้นชัก ตามตู้เซฟที่กุญแจตู้เซฟคาไว้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าที่มาของสิ่งของในตู้โชว์ อาจเป็นของสวยงาม การหาหรือได้มาอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ซีเรียส อาจจะมีของไม่แท้บ้างก็ได้ 2. ตอนคืนของที่ถูกโจรกรรมจากแหล่งรับซื้อในเมืองไทย ซึ่งร้านรับซื้อรู้ว่าเป็นของที่ถูกโจรกรรม ก็รีบนำเอามาคืน เวลาคืนก็ต้องการคืนให้ครบ แต่อาจจะมีบางชิ้น บางส่วน แกะของจริงเอาไปขายต่อ หาคืนแบบทันทีทันใดไม่ได้ ก็หาของปลอมยัดไส้ไป ส่วนของมีค่าที่ส่งคืนไม่ครบนั้น จนบัดนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าอยู่ที่ใคร นายเกรียงไกร เคยทำงานอยู่ซาอุมาเป็นเวลา 7 ปี รู้ลู่ทาง ทางหนีทีไล่ จุดอ่อน จุดแข็ง ของการปฏิบัติงานของ จนท. ในประเทศซาอุฯ ถนนหนทางต่างๆ สามารถเดินทางไปไหน มาไหนคนเดียวคล่องแคล่ว และเคยส่งของกลับเมืองไทย โดยการบรรจุหีบห่อก่อนแล้วหลายครั้ง บรรจุกล่องกระดาษ 4 กล่อง คราวนี้ก็เช่นกัน สิ่งของมีค่าที่หยิบฉวยมาจากวังกษัตริย์ไฟซาล ถูกลำเลียงกล่องกระดาษแข็ง ผสมเสื้อผ้าของใช้ปะปนไป โดยของใช้ที่ไม่ค่อยมีค่าอยู่ด้านบน หีบห่อก็ไม่ได้ทำให้สวยงาม การเขียนจ่าหน้าก็เขียนด้วยลายมือ เหมือนคนไม่มีการศึกษา จำนวน 4 กล่อง การกระทำดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้อง ประเมินสถานการณ์ผิด สิ่งของบรรจุหีบห่อ 4 หีบ น้ำหนักรวม 90 กก. ไม่ได้หมายความว่าเครื่องเพชรอัญมณีหนักถึง 90 กก. แต่เป็นน้ำหนักรวม เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย ประมาณการครึ่งๆ น่าจะใกล้เคียงความจริง เกรียงไกร กลับไทยนายเกรียงไกร เป็นคนฉลาดรู้ว่ากษัตริย์ไฟซาล จะเสด็จกลับวังภายใน 15 วัน เพราะฉะนั้นก่อนครบกำหนด นายเกรียงไกรก็เดินทางกลับเมืองไทย โดยส่งสิ่งของทางพัสดุภัณฑ์ทางอากาศไปก่อน นายเกรียงไกรเดินทางกลับประเทศไทย ก่อนครบกำหนดทำงานถึง 2 เดือน ติดต่อรับของพัสดุภัณฑ์ทางอากาศ นายเกรียงไกร เมื่อเดินทางถึง กทม. แล้ว ก็ไปติดต่อรับสิ่งของพัสดุภัณฑ์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่นายเกรียงไกร เคยทำในลักษณะนี้มาหลายครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรของไทย ก็เคยตรวจของนายเกรียงไกรมาก่อนแล้วหลายครั้ง ซึ่งส่วนมากคนไปทำงานตะวันออกกลาง มักจะนำสิ่งของที่ตนใช้อยู่ที่ต่างประเทศ กลับติดตัวมา ไม่ค่อยมีราคาค่างวด มีการเสียเงินใต้โต๊ะกัน กล่องหรือหีบห่อละ 7 พันบาท ส่วนคราวนี้นายเกรียงไกร บอกว่ารู้สึกเสียวๆ เหมือนกัน เพราะเจ้าหน้าที่ศุลกากรสุ่มเปิด 1 กล่อง แล้วเอามือหยิบสิ่งของที่อยู่บนๆ ขึ้นมาซึ่งเป็นเสื้อผ้า ถ้าหากล้วงลึกลงไปอีกฝ่ามือเดียว ก็จะถึงอัญมณีทันที นายเกรียงไกร จ่ายค่าผ่านด่านศุลกากร คิดราคาแบบเหมาจ่าย สิ่งของต่างๆ รวม 4กล่องกระดาษรวมจ่ายเพียง 7 พันบาท กษัตริย์ไฟซาลเสด็จกลับ ทางด้านกษัตริย์ไฟซาล กลับจากพักร้อนกลับมาที่วัง ก็ยังไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติ เพราะข้าวของมีค่ามีจำนวนมาก และการหยิบฉวยของนายเกรียงไกร เลือกหยิบบางชิ้นไม่ให้ผิดปกติ นาฬิกาที่ใช้เวลาละหมาด กรรมย่อมเห็นผลทันตา กษัตริย์ไฟซาล เมื่อกลับมาถึงวังก็จะทำพิธีละหมาด ซึ่งการละหมาดของกษัตริย์เคร่งครัดมาก คือการเลือกทิศ ซึ่งจะต้องหันหน้าไปทาง ไบตุ้ลเลาะห์ หรือตรงตำแหน่งที่ประดิษฐ์สถานหินศักดิ์สิทธิ์ (กะบะ) การบอกทิศที่ถูกต้อง จำเป็นต้องใช้นาฬิกาเรือนหนึ่ง ซึ่งมิตรกษัตริย์อีกเมืองหนึ่ง ประทานให้มา โดยนาฬิกาเรือนดังกล่าวมีเข็มชี้บอกทิศทางที่นั่งทำพิธีละหมาด กษัตริย์ไฟซาล หานาฬิกาเรือนดังกล่าวไม่พบ จึงเกิดเอะใจตรวจดูทรัพย์สินอย่างอื่นที่มีค่า พบว่าเพชรอัญมณีหายไป เรียกบริษัททำความสะอาดสอบ การตรวจสอบ สอบสวนเกิดขึ้น บริษัทที่รับจ้างทำความสะอาดถูกเรียกตัว พนักงานทำความสะอาดทุกคนถูกเรียกสอบเครียดอย่างละเอียดหลายวัน การตรวจค้นตัว ค้นที่พักมีการกระทำโดยถี่ถ้วน คนงานทุกคนถูกกักตัวไว้สอบหลายวัน คนงานไทยรู้เรื่องคาดการณ์ถูก มีคนงานไทยคนหนึ่ง ที่ทำงานและพักด้วยกันกับนายเกรียงไกร คนงานไทยผู้นี้รู้ทันทีว่านายเกรียงไกร ต้องเป็นคนทำแน่ ทันทีที่ทางการซาอุฯ ปล่อยตัวคนงานนี้ออกมา คนงานนี้ก็รีบเดินทางกลับประเทศไทย แล้วตรงเข้าหานายเกรียงไกรทันที คนงานไทย Black mail การ Black mail เกิดขึ้น คนงานดังกล่าวถึงตัวนายเกรียงไกร ก่อนทางการไทยจะได้ข่าว คนงานดังกล่าวขู่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับตัวนายเกรียงไกร ส่งไปดำเนินคดีที่ซาอุ ของมีค่าที่นายเกรียงไกรโจรกรรมมาถูกแบ่งให้นัก Black mail นี้ทันที นายเกรียงไกร รู้ทันทีว่าภัยจะมาถึงตัว แต่ยังใจเย็น เพราะทางการไทยยังไม่รู้ เพชรอัญมณีของมีค่า ถูกลำเลียงขายไปที่แหล่งรับซื้อที่ลำปาง ทั้งคนขายและคนรับซื้อก็ไม่เคยเห็นของมีค่าชนิดเส้นใหญ่ๆ เม็ดโตๆ มาก่อน แยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ทำนองไก่ได้พลอย ตัวอย่าง สร้อยเพชร 1 เส้น มีเพชรหลายเม็ด น้ำหนักเพชรรวม 15 กะรัต นายเกรียงไกร ขายไปเพียง 500 บาท คนรับซื้อที่ลำปาง นำไปขายต่อที่ จ.พิษณุโลก คนรับซื้อของที่ จว.พิษณุโลก ตาถึง นำไปขายร้านเพชรแถวหัวเม็ด (เยาวราช) ได้ราคาถึง 7 ล้านบาท ไม่มีปัญญาดูเพชร ใช้ทุบ น่าสงสารนายเกรียงไกรมากที่ไม่มีปัญญาดูเพชร แต่พอมีความรู้อยู่บ้างว่า เพชรมีความแข็งแกร่งกว่าโลหะใด นายเกรียงไกรจึงเอาค้อนบ้าง ก้อนหินบ้าง ทุบที่อัญมณีเม็ดไหนทุบไม่แตก ก็เชื่อว่าเป็นเพชรเก็บไปขาย พวกตัวเรือน เครื่องประดับที่เป็นโลหะ ถูกเอามาทุบรวมกันแล้วนำไปขายตามน้ำหนัก ราคาถูกๆ ได้เงินสดไป 5 ล้านบาท แบ่งนำฝากบัญชีไว้ในชื่อพ่อ ชื่อแม่ 1.3 ล้านบาท หลบหนี ขอตายไม่ยอมถูกจับ ของมีค่าถูกลำเลียงมาทุบขายไม่ทันหมด ข่าวเรื่องการติดตามจับกุมมาถึงเมืองไทย ประกอบกับถูกเพื่อนขู่ว่า เมื่อถูกส่งดำเนินคดีที่ซาอุ ต้องถูกแขวนคอแน่ นายเกรียงไกรร่ำลาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ขอไปตายดาบหน้า พร้อมหาซื้อไซยาไน้ทติดตัวไปด้วย ระหว่างหนีถ้าจวนตัว จะถูกจับกุม จะกินไซยาไน้ททันที เพชรส่วนหนึ่งฝังดิน ถึงแม้จะจวนตัว นายเกรียงไกรก็ยังเป็นห่วงทรัพย์สิน โดยรวบรวมใส่ถุงพลาสติก แล้วฝังดินโดยไม่ให้ใครรู้ จะเป็นฝ่ายติดต่อกลับ ญาติพี่น้องเป็นห่วง แต่นายกรียงไกร บอกว่าสามารถเอาตัวรอดได้ และบอกด้วยว่าหากจำเป็นหรือเดือดร้อน จะเป็นผู้ติดต่อมาหาญาติเอง เดินป่าตอนแรกๆ มีลูกหาบ นายเกรียงไกรมุ่งหน้าเดินป่าไปทาง อ.แม่สอด มุ่งเข้าสู่แดนพม่า ขั้นแรกมีคนตามไปดูแลด้วย เป็นคาราวาน พอนานๆ เข้าคนที่ติดตามทนลำบาก ไม่ไหวหนีกลับหมด ทีมล่าฝ่ายทีมล่า นำโดย พล.ต.ต.ชลอ เกิดเทศ พ.ต.ท.เจษฎากร นะภีตภัทร ร.ต.อ.จีรวัฒน์ แท่งทอง และลูกน้องซึ่งเป็นตำรวจกองปราบอีกหลายคน แบ่งกำลังติดตามเป็น 5 สาย ญาติพี่น้องนายเกรียงไกร ถูกเรียกมาสอบทั้งหมด ข้อมูลเกี่ยวกับนายเกรียงไกร ถูกคายหมด ไม่มีใครรู้ว่านายเกรียงไกร หลบหนีไปที่ใด แต่ที่รู้แน่ๆ คือนายเกรียงไกร ไม่ยอมให้จับเป็น ไม่ได้หมายว่าจะต่อสู้ แต่จะชิงกินยาฆ่าตัวตายก่อนถูกจับ แบ่งกำลัง 5 สาย กำลังทั้ง 5 สาย ถูกสั่งให้ออกล่าสกัดกั้นการหลบหนี ใช้เวลาอยู่ประมาณ 1 เดือน ก็สามารถจับกุมผู้ร่วมมือ ช่วยจำหน่ายทรัพย์ ช่วยพาหลบหนีได้ 3 คน ถูกแจ้งข้อหาร่วมลักทรัพย์หรือรับของโจร กำลังส่วนหนึ่งติดตามหาทรัพย์สินที่นายเกรียงไกรขาย จากนายเกรียงไกรไปยังพ่อค้าทองที่ลำปาง จากลำปางไปยังพ่อค้าทองที่ จว.พิษณุโลก จากพิษณุโลกสู่ร้านค้าเพชร สันติมณี ถนนเจริญกรุง เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ของนายสันติ - นางดาราวดี ศรีธนขันธ์ ทีมล่าหาตัวติดตามหานายเกรียงไกร อย่างไม่ลดละ ต้องปีนเขาข้ามป่าข้ามทุ่ง แต่ไม่พบร่องรอย จึงได้วิเคราะห์แผนใหม่ ว่านายเกรียงไกร ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในป่าได้อย่างแน่นอน และจากการสืบเสาะข้อมูลทราบว่า นายเกรียงไกรชอบผู้หญิงมาก ดังนั้นการที่จะหลบอยู่ในป่า คงอยู่นานไม่ได้ ชุดที่ 1 เฝ้าการเคลื่อนไหวของญาติ กำลังส่วนหนึ่ง ถูกวางซุ่มดูความเคลื่อนไหวของญาติ ในช่วงเกิดเหตุนั้น ระบบการสื่อสารไม่เจริญเหมือนปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือไม่มี การติดต่อสื่อสารจะใช้จดหมายกับโทรเลข เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ ต.แม่ปะ อ.เถิน จว.ลำปาง ถูกประสานให้ร่วมมือทันที เวลาล่วงเลยเป็นเดือน ไม่มีจดหมายติดต่อไปยังพ่อแม่ พี่น้องของนายเกรียงไกรเลย มีแต่จดหมายถึงกำนัน ประมาณ 2 ครั้ง ล็อคกำนัน จม.ถึงกำนัน ล็อคทันที ชุดสืบสวนใช้ไหวพริบ เรียกกำนันไปสอบขอดูจดหมาย ปรากฏว่าเป็นจดหมายของนายเกรียงไกร เขียนถึงพ่อแม่ ให้ส่งเงินทางธนาณัติไปให้ ระบุชื่อผู้รับเป็นผู้หญิง ที่อยู่ที่แม่สอด จว.ตาก ผู้หญิงที่นายเกรียงไกร ให้ส่งเงินไปให้ต้องมีความเชื่อมโยงกับนายเกรียงไกร การติดตามหาตัวหญิงผู้ที่จะรับธนาณัติเริ่มต้นขึ้น ซึ่งทีมงานสืบสวนเดาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องเป็นหญิงขายบริการ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบตามซ่องโสเภณี ที่แม่สอดทุกแห่ง ก็พบตัวของหญิงดังกล่าว และถูกดึงตัวมาสอบอย่างลับๆ จนรู้ที่พักของนายเกรียงไกร ว่าอยู่ที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งในแม่สอด การวางแผนจับกุมนายเกรียงไกร ต้องรอบคอบรัดกุม ไม่ใช่กลัวจะต่อสู้ หรือหลบหนี แต่ต้องคิดให้รอบคอบว่าทำอย่างไร จึงจะจับตัวได้เป็นๆ ป้องกันไม่ให้ดื่มยาฆ่าตัวตาย วางแผนเสร็จเรียบร้อย ตำรวจนอกเครื่องแบบนำโดย พ.ต.ท.เจษฎากร นะภีตภัทร กับพวก ให้หญิงแฟนนายเกรียงไกร นำหน้าเคาะประตูห้องพักโรงแรม ตำรวจต้องหลบตัวต่ำและอยู่ห่างๆ เพราะประตูห้องพักมีกล้องตาแมวมองจากด้านในออกมาได้ เมื่อสิ้นเสียงเคาะประตูสักพักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงถอดกลอนประตูดังแกร๊ก ชุดปฏิบัติงานรู้หน้าที่ เริ่มปฏิบัติการทันที คนหนึ่งร่างใหญ่กระแทกประตู ซึ่งปรากฏว่าติดโซ่ แต่ตำรวจเตรียมการณ์ไว้ก่อนแล้ว คือเพิ่มแรงกระแทกเต็มที่ หมุดที่ยึดโซ่ขาด ประตูเปิดออก พ.ต.ท.เจษฎากร พุ่งหลาวบกเข้าใส่ร่างคน ซึ่งมีอยู่คนเดียว จะเป็นใครไม่ได้นอกจากนายเกรียงไกร มือข้างหนึ่งของ พ.ต.ท.เจษฎากร ปิดปากนายเกรียงไกร อีกมือหนึ่ง คว้าจับแขนเกรียงไกรไว้ และเป็นจริงตามคาด ยาชนิดหนึ่งไม่ได้พิสูจน์ทราบเป็นยาอะไร อยู่ในมือขวาของนายเกรียงไกร ถูก พ.ต.ท.เจษฎากร จับไว้ได้ ตำรวจอื่นๆ มาช่วย จับกุมนายเกรียงไกร ได้สำเร็จ นายเกรียงไกรถูกดำเนินคดีในประเทศไทย ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน นายเกรียงไกรรับสารภาพ ศาลได้พิพากษาตัดสินจำคุก คดีถึงที่สุดและปัจจุบันพ้นโทษแล้ว โดย นายพล สายวัด หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-03-2008, 02:23 เข้าไปถามชะลอ เกิดเทศ ในคุกสิ
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 02:46 Asia-Pacific News
Thailand seeks to conclude Saudi Blue Diamond case http://news.monstersandcritics.com/asiapacific/news/article_1391559.php/Thailand_seeks_to_conclude_Saudi_Blue_Diamond_case Feb 17, 2008, 6:46 GMT Bangkok - Thailand hopes to normalize diplomatic relations with Saudi Arabia by 'concluding the Blue Diamond' case, involving at least four unsolved murders of Saudi diplomats and millions of dollars'-worth of missing royal jewelry, state media said Sunday. Thailand's new Foreign Minister Noppodon Pattama has pinpointed a restoration of close ties with Saudi Arabia as one of his priorities for his 'proactive' diplomacy, said the state-run Thai News Agency. Thai-Saudi relations have been poor for the past two decades on account of Thailand's failure to adequately investigate and explain the murder of four Saudi diplomats in Bangkok and disappearance of a Saudi businessman in 1989, whose fates were allegedly linked to the so-called Blue Diamond. The legendary diamond was among several valuable stones and jewelry pieces stolen by Thai national Kriangkrai Techamong, from a the palace of Saudi Prince in the late 1980s when he was employed as a gardener in the Arab kingdom. Kriangkrai allegedly shipped the stolen objects to Thailand and then returned home. An investigation led to the seizure of the stolen jewels by Thai police, but when the items were returned to Saudi Arabia many turned out to be fakes, including the returned Blue Diamond. A senior Thai police officer was found guilty of murdering the wife and son of a Thai jeweler deemed connected with the case, but the stolen items have never been retrieved. Shortly after the case Saudi Arabia banned Thai labourers and prohibited its nationals from visiting Thailand as tourists, depriving the kingdom of millions of dollars in lost income. Noppodon, who became foreign minister of February 6, has vowed to solve the decades'-old case in an effort to normalize relations with Saudi Arabia, as part of his mission to improve economic relations with various countries. หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 10-03-2008, 02:51 เรื่องผ่านมาหลายรัฐบาล
ตอนเป็นรัฐบาลไทยรักไทยอยู่ 6 ปี มัวทำอะไรกันอยู่ครับ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 04:15 อ้างถึง The government at that time, though democratically elected, had not been able to solve the mystery after five years of hard work. Prime Minister Chuan Leekpai who was known to be the "Hand-Off PM" simply wanted to have the case run its course. Coincidentally, his last name means "Avoiding Risk." หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 04:21 อันนี้แถมให้ The Royal Forums http://www.theroyalforums.com/forums/ Threads in Forum : Royal Family of Thailand http://www.theroyalforums.com/forums/f88/ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 14:29 เห็นมีพูดถึงบทสัมภาษณ์ อุปฑูตซาอุฯตอนนั้น ชื่อโคจา ช่วงนั้นมีคนเชิญออกทีวี ผมก็ได้ชมบ้างเหมือนกัน แนวความคิดของเว็บประชาไท จาบจ้วงสถาบันใดบ้างครับ? แล้วทำไมต้องจาบจ้วง??********* (อ่าน 745 ครั้ง) http://forum.serithai.net/index.php?topic=14404.0 หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 14:39 ตะลุยข่าว : อุทธรณ์พิฆาต "ชลอ เกิดเทศ"อาถรรพณ์เพชรซาอุฯไม่ตาย! http://www.komchadluek.net/column/scoop/2006/03/07.php ย้อนรอย "อาถรรพณ์เพชรซาอุฯ" ปมความบาดหมางระหว่างไทย-ซาอุฯ และนำมาสู่คำพิพากษา "ประหารชีวิต" พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จำเลยในคดี "อุ้มฆ่าสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์" คำพิพากษาประหารชีวิตเล่นเอาอดีตมือปราบพระกาฬเจ้าของฉายา "สิงเหนือ" ถึงกับคอตกอีกคำรบ และต้องกลับบางขวางเพื่อลุ้นผลการพิจารณาคดีในชั้นศาลฎีกาอีกครั้ง !!! เป็นเวลาเกือบ 12 ปีแล้วที่ "อาถรรพณ์เพชรซาอุฯ" ยังไม่ตายไปจากโลกนี้ง่ายๆ ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ หนึ่งใน "ตัวละครเอก" ของตำนานเพชรซาอุฯ ก็ยังสลัดอิทธิฤทธิ์ของเพชรแห่งราชวงศ์ไฟซาลไม่พ้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษา "ประหารชีวิต" ในคดี "อุ้มฆ่าสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์" หลังจากศาลชั้นต้นเคยพิพากษา "จำคุกตลอดชีวิต" ไปเมื่อหลายปีก่อน คำพิพากษาประหารชีวิตเล่นเอาอดีตมือปราบพระกาฬเจ้าของฉายา "สิงเหนือ" ถึงกับคอตกอีกคำรบ และต้องกลับบางขวางเพื่อลุ้นผลการพิจารณาคดีในชั้นศาลฎีกาอีกครั้ง !!! ชะตากรรมของ พล.ต.ท.ชลอ เป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้งว่า อาถรรพณ์เพชรซาอุฯ นั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด เพราะใครก็ตามที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้อง "มีอันเป็นไป" เกือบทุกราย เริ่มจาก นายเกรียงไกร เตชะโม่ง หนุ่มเมืองรถม้า จ.ลำปาง ซึ่งเดินทางไปทำมาหากินเพื่อหวังขุดทองในผืนทะเลทรายแห่งตะวันออกกลาง แต่ลึกๆ เขาก็ไม่ได้คิดจะไปร่ำรวยจากค่าแรงเหมือนคนงานคนอื่นเท่าใดนัก แต่คาดหวังจากการเสี่ยงดวง "เล่นไฮโล" เสียมากกว่า เพราะนิ้วมือของเขานั้น "ฝังแม่เหล็ก" ไว้ทั้งสองข้าง และเมื่อผ่านเครื่องเอกซเรย์โลหะก็จะมีสัญญาณเตือนดังขึ้นทุกครั้ง ทว่า โชคชะตากลับชักพาไปไกลกว่านั้น เมื่อเขาถูกทาบทามให้เข้าไปทำงานในพระราชวังของกษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และนั่นคือปฐมบทแห่ง "มหากาพย์เพชรซาอุฯ"... วันนั้น...ในพระราชวังอันโอ่อ่า แต่น่าแปลกที่ข้าราชบริพารต่างเร้นกายหายหน้าไปเกือบหมด นายเกรียงไกรจึงฉวยโอกาสอันล้ำค่าสำรวจดูทรัพย์สินภายใน และต้องตกตะลึงกับเครื่องเพชรนิลจินดา ซึ่งประเมินได้คร่าวๆ ว่าคงขายได้หลายตังค์อยู่ แต่เขาคงนึกไม่ถึงว่าจะมีค่ามหาศาลเพียงใด จึงวางแผนฉกเพชรมาได้ถึง 2 ครั้ง และผ่านด่านศุลกากรของทั้งสองประเทศมาได้อย่างง่ายดาย ไม่นานทางการซาอุฯ ก็รู้ว่า เครื่องเพชรอันประเมินค่ามิได้ถูกหนุ่มคนงานไทยโจรกรรมออกมา จึงประสานมายังรัฐบาลไทยให้ติดตามเพชรประจำราชวงศ์ส่งคืนโดยเร่งด่วน พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อธิบดีกรมตำรวจ (ในขณะนั้น) จึงมอบหมายให้ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ผู้เคยรับผิดชอบพื้นที่ในเขตภาคเหนือออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่ทางการซาอุฯ จากนั้น "อาถรรพณ์เพชรซาอุฯ" ก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ เมื่อนายเกรียงไกร ถูกชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.ชลอ จับกุม และนำมารีดจนยอมคายเพชรออกมา แถมยังบอกด้วยว่ามีใครรับซื้อไปบ้าง เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับส่งไปดำเนินคดีที่ซาอุฯ ซึ่งมีโทษเพียงสถานเดียว คือ "แขวนคอ" การจับกุมนายเกรียงไกร ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ เริ่มกระเตื้องขึ้นมาบ้าง โดยมือปราบอย่าง พล.ต.ท.ชลอ ได้รับการยกย่องจากทางการซาอุฯ ให้เป็นแขกพิเศษ แถมยังถูกยกให้เป็น "ชี้ค" อีกด้วย หลังจากนั้น ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ (ในสมัยนั้น) ได้เดินทางไปเยือนซาอุฯ อย่างเป็นทางการ แต่กลับต้องหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเมื่อถูกฝ่ายซาอุฯ ตอกกลับเอาเจ็บๆ ว่า "คุณเอาเพชรปลอมมาคืน แถมชุดที่เหลือยังหายไปอีกมาก แบบนี้แล้วเราจะสานความสัมพันธ์กันได้อย่างไร" ประโยคอมตะดังกล่าวเล่นเอา "วงแตก" จนฝ่ายไทยต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาหาเพชรกันอย่างพลิกแผ่นดิน โดยสั่งให้เริ่ม "ย้อนรอย" ตั้งแต่ชุดทำงานของ พล.ต.ท.ชลอ เพื่อติดตามว่าเพชรไปอยู่ในมือใคร โดยมุ่งเน้นไปที่เส้นทางการซื้อขายเพชรเพื่อตรวจสอบดูว่า เพชรน่าจะอยู่ในมือใครบ้าง การย้อนรอยครั้งนี้เองที่ทำให้ พล.ต.ท.ชลอ เริ่มเจออิทธิฤทธิ์ระลอกแรกของเพชรซาอุฯ! กลุ่มบุคคลที่ "ถูกจับตา" เป็นรายต่อมา คือญาติๆ ของ พล.ต.อ.แสวง แต่ภายหลังเมื่อมีการตรวจสอบก็ไม่พบว่ามีมูลความจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้ นักการเมือง ตลอดจนคุณหญิง คุณนาย และ "คนมีสี" หลายคนก็ถูกกล่าวหาว่ามีการจัด "ปาร์ตี้เพชรซาอุฯ" ในสโมสรแห่งหนึ่ง กระทั่งพลอยถูกหางเลขไปด้วย ระหว่างนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิค โคจา อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ก็ลงมือว่าจ้าง "ชุดสืบสวนพิเศษ" เพื่อแกะรอยอย่างลับๆ ว่า เพชรซาอุฯ อยู่ในมือใครบ้าง สำหรับเพชรชุดที่ทางการซาอุฯ ต้องการมากที่สุด คือ "บลูไดมอนด์" ซึ่งนายเกรียงไกรสารภาพกับนายโคจาว่าได้โจรกรรมมาจริง แต่จำไม่ได้แน่ชัดว่าอยู่ในมือใครระหว่างพ่อค้าเพชรกับชุดจับกุม สาเหตุที่เพชรล้ำค่าชุดนี้ทางเชื้อพระวงศ์ของซาอุฯ ต้องการได้คืนมากที่สุด เนื่องจากเป็น "เพชรอาถรรพณ์" แม้กระทั่งช่างที่เจียระไนก็ต้องมีอันเป็นไปสาบสูญไปจากโลก จึงเป็นเพียงเพชรชุดเดียวที่มีอยู่ในโลก และไม่ว่าจะตกไปอยู่ในมือใคร กษัตริย์ซาอุฯ ก็จะจำได้เสมอ เพราะมีการทำตำหนิไว้ด้วย "แสงอินฟราเรด" อยู่ภายในใจกลางของเม็ด แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครหาพบ!? ระหว่างที่ตามหาเพชรบลูไดมอนด์กันอยู่นั้น ก็เกิดเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุฯ ต้องเลวร้ายลงอีกครั้ง เมื่อเกิดคดี "ฆ่าเจ้าหน้าที่ทูตซาอุฯ" และยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้จนบัดนี้ !?!? สองคดีบันลือโลกนี้เองที่ทำให้ฝ่ายไทยกระอักกระอ่วนใจมาตลอด เพราะเมื่อใดก็ตามที่นายโคจามีโอกาสได้พบกับตัวแทนระดับสูงฝ่ายไทยก็มักจะทวงถามอยู่เนืองๆ ว่า "ช่วยตามเพชรบลูไดมอนด์กับคนร้ายที่ฆ่าคนของซาอุฯ ให้หน่อย" ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุฯ ก็เริ่มเกิดแสงสว่างรำไรขึ้น เมื่อนายเกรียงไกรกล่าวพาดพิงถึงพ่อค้าเพชรย่านสะพานเหล็ก ชื่อ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ โดยซัดทอดว่า นายสันติได้ซื้อเพชรไปจากนายเกรียงไกรเป็นจำนวนมาก รวมหลายครั้งด้วยกัน นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของคดีสะเทือนขวัญ "อุ้มฆ่าสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์" กระทั่งล่วงมาสู่ยุคที่มีอธิบดีกรมตำรวจชื่อ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ จึงเริ่มมีการติดตามเพชรซาอุฯ อีกครั้ง โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ชลอ และ พล.ต.ท.โสภณ สวิคามิน รับไปดำเนินการ การรื้อคดีครั้งนี้จึงนำมาสู่การ "อุ้ม" ภรรยา และลูกของนายสันติ คือ นางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ เพื่อนำตัวไปรีดข้อมูล โดยนำตัวไปกักไว้ที่รีสอร์ทใน จ.สระแก้ว นานนับเดือน และหวังว่านายสันติ จะนำเพชรบลูไดมอนด์มาคืน เพราะเชื่อว่านายสันติครอบครองอยู่ แต่นานวันเข้า นายสันติก็ไม่สามารถนำมาคืนได้ เนื่องจากได้นำไปให้คนอื่นแล้ว หลังจากนำไปแปลงสภาพให้พ่อค้าเพชรย่านเจริญนคร ก่อนจะนำไปให้ "บุคคลสำคัญ" คนหนึ่ง การคุมขังสองแม่ลูกนานเกินไป ประกอบกับสองแม่ลูกจำหน้าทีมอุ้มได้ ทีมอุ้มเริ่มกลัว "ความลับรั่วไหล" จึงได้วางแผน "ฆาตกรรมอำพราง" โดยลงมือกระหน่ำตีจนเสียชีวิต ก่อนจะยัดร่างใส่รถเบนซ์ที่จอดอยู่กลางถนนเพื่อ "จัดฉาก" ให้รถบรรทุกพุ่งชนบริเวณ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ผลการชันสูตรเบื้องต้น โดย พล.ต.ต.ทัศนะ สุวรรณจูฑะ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวช (ในขณะนั้น) พิสูจน์ออกมาว่า "เป็นอุบัติเหตุ" แต่ น.พ.พล หิรัญศิริ พี่ชายของนางดาราวดี ออกมาคัดค้าน ภายหลังจึงเกิด "ความแตก" เมื่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รอง อ.ตร.และ พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผบก.ป. (ในขณะนั้น) เข้าคลี่คลายคดีจึงรู้ว่าสาเหตุการตายเกิดจากการ "ฆาตกรรม" อาถรรพณ์เพชรซาอุฯ รอบนี้เล่นเอา พล.ต.ต.ทัศนะ ต้อง "ลาออกจากตำแหน่ง" ในเวลาต่อมา! จากนั้น พล.ต.ท.ชลอ พร้อม "ทีมอุ้ม" ตำรวจ-พลเรือนรวม 9 ราย รวมทั้ง พล.ต.ท.โสภณ จึงถูกสั่งจำคุก โชคดีที่หลักฐานต่างๆ สาวไปไม่ถึง พล.ต.ท.โสภณ จึงรอดพ้นคุกตะรางไปได้ แต่ พล.ต.ท.ชลอ ยังถูกจองจำจนถึงทุกวันนี้ ส่วนทีมอุ้มหลายคนก็เสียชีวิตไปในระหว่างดำเนินคดี! ชีวิตในคุกของ "ชลอ เกิดเทศ" "สวัสดีครับป๋า สบายดีหรือเปล่าครับ ร่างกายแข็งแรงดีหรือเปล่า" เป็นคำพูดติดปากของผู้คนที่เดินทางไปเยี่ยม พล.ต.ท.ชลอ หรือ "ป๋าลอ" และเจ้าของฉายา "สิงห์เหนือ" "มึงลองมาติดคุกอย่างกูบ้างซิ จะได้รู้ว่าชีวิตในคุกมันลำบากขนาดไหน" น้ำเสียงอันแหบแห้ง แต่ดุดันของป๋าลอ คือคำตอบที่สะท้อนหัวอก และชะตากรรมของคนคุกทุกคนได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่า คำถามแบบนี้ ย่อมต้องเจอคำตอบแบบนั้น เพราะคุก...ไม่ใช่โรงแรม มันจะสบายได้อย่างไร ซึ่งในช่วงแรกๆ ป๋าลอ ก็ยอมรับว่า "ทำใจลำบาก" ที่ต้องมากินมานอนกับโจรที่ตัวเองเคยไล่จับมาทำให้เครียด นอนไม่หลับ กระทั่งความดันและโรคเก่ากำเริบจนต้องออกมารักษาตัวอยู่หลายวัน กระนั้น คนอย่าง "สิงห์เหนือ" ก็ใช่ว่าจะหมิ่นกันได้ง่ายๆ เพราะหลังจากปรับตัวได้สักพัก ป๋าลอก็เริ่มมีมวลมิตร และสมุนบริวารอยู่เคียงข้างมากมาย...วันดีคืนดีก็เลยมีข่าว "ปาร์ตี้กลางคุก" ให้ฮือฮากันเล่นๆ ชีวิตอันซ้ำซากจำเจในคุกทำให้ป๋าลอเริ่มหาวิธีคลายเครียดด้วยการ "ศึกษาวิชาโหราศาสตร์" จากเพื่อนร่วมคุก และอดีตมือปืนฉายา "เบิ้ม ภูเขียว" อย่างขะมักเขม้นจนวิชาเริ่มแก่กล้า และไม่ว่าใครจะไปขึ้นศาลครั้งใดก็มักจะให้ป๋าลอมาทำนายโชคชะตาก่อนเสมอจนกลายเป็น "หมอดูประจำคุก" ไป แม้จะมีบริวารในคุกมากเพียงใด แต่บริวารนอกคุกกลับร่อยหรอลงทุกวัน โดยเฉพาะบริวารในวงการตำรวจที่ระยะหลังแทบจะไม่มีใครกรายหน้ามาเยี่ยมเยียนเลย ยกเว้นศรีภรรยา คือ นางมิเชล เกิดเทศ และลูกน้องที่ไม่ได้เป็นตำรวจ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่เคยอยู่ร่วมกำแพงคุกด้วยกันเท่านั้น หนึ่งในนั้นที่เคยโด่งดัง เพราะน้ำใจอันกว้างขวางของป๋าลอ คือ "จอมพล ก้องอาณาจักร" หรือ ก้อง อดีตมือปืนระดับพระกาฬ แต่มีพรสวรรค์ด้านแต่งและร้องเพลงอย่างเหลือล้น กระทั่งเมื่อพ้นโทษออกมาจึงช่วยหาคนมาเป็นสปอนเซอร์จนสามารถออกเทปในชุด "ร็อค คุก คุก" ความสำเร็จส่วนหนึ่งต้องยกให้บรรดา "พ่อยก" ระดับวีไอพี เช่น นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ" นายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือ "ปอ ประตูน้ำ" นายชัชวาล คงอุดม และอีกหลายๆ คน ซึ่งล้วนมีรายชื่อเป็นผู้สนับสนุนอยู่ท้ายปก และตบท้ายด้วยชื่อ พล.ต.ท.ชลอ ร่วมรับรองคุณภาพ ด้วยน้ำเสียง เนื้อร้อง ลีลาการร้อง และรายชื่อผู้สนับสนุน จึงทำให้เทปชุดนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนทีวีหลายช่องแห่ไปสัมภาษณ์ ไม่นานก้องก็สามารถถอยรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 มาขับได้อย่างสบาย แต่ไม่นานเขาก็ต้องจบชีวิตลง เพราะขับบีเอ็มพุ่งตกถนนชนเสาไฟฟ้าตาย ป๋าลอ กล่าวถึงการตายของก้องแบบติดตลก ตามประสาคนคุ้นเคยกันว่า "ไอ้ก้อง มันเคยแต่ขี่มอเตอร์ไซค์ยิงคน พอมันมีรถบีเอ็ม ขับรถเปิดแอร์เย็นเฉียบ เลยหลับในขับไปชนเสาไฟฟ้าตาย น่าเสียดายมันจริงๆ" วิธีการคลายเครียดอีกอย่างของป๋าลอ คือเรื่องกีฬา โดยเฉพาะ "ฟุตบอล" ซึ่งป๋าลอเคยเป็นนายกสมาคมอยู่ จึงเป็นคนแรกที่บุกเบิกการจัดแข่งขัน "ฟุตบอลคุก" จนมีสปอนเซอร์แห่เข้ามาสนับสนุน ว่ากันว่า การจัดแข่งบอลคุกถือเป็นการ "สานต่อความฝัน" เมื่อครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ป๋าลอเคยเปรยๆ เอาไว้ว่า "ถ้าไม่ถูกจับเสียก่อนจะเอาเงิน 100 ล้านจากซาอุฯ มาทำทีมฟุตบอลไทย" ถึงวันนี้ผ่านการพิจารณาคดีมาถึง 2 ศาลแล้ว แต่ยังไม่มีใครรู้ได้ว่า ท้ายที่สุดชะตากรรมของ พล.ต.ท.ชลอ จะลงเอยอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ชีวิตในวันนี้ของเขาย่อมไม่มีความสุขเหมือนในครั้งอดีตอย่างแน่นอน และคดีนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า "อาถรรพณ์เพชรซาอุฯ" นั้นทรงอิทธิฤทธิ์สมคำร่ำลือเพียงใด ปรีชา สอาดสอน หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Gu ที่ 10-03-2008, 14:42 อยู่กับคนที่คุณก้อรู้ว่าใครครับ(ลอดร์ โวเดอร์มอร์) :slime_v:
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 10-03-2008, 14:44 เรื่องผ่านมาหลายรัฐบาล ตอนเป็นรัฐบาลไทยรักไทยอยู่ 6 ปี มัวทำอะไรกันอยู่ครับ ก็ตอนนี้มันเหลือเรื่องสร้างภาพอยู่ไม่กี่เรื่องนิ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 14:54 ชลอ เกิดเทศ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา พลตำรวจโทชลอ เกิดเทศ (เกิด 28 สิงหาคม พ.ศ. 2481) อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ติดตามเพชรของราชวงศ์ไฟซาล ซาอุดิอาระเบีย ในคดีเพชรซาอุ และตกเป็นผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ พลตำรวจโทชลอ เกิดที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายของ พันโทแช่ม และนางทองคำ เกิดเทศ จบมัธยมจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ โรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 17 โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 15 เคยตำรงตำแหน่งที่ สน.นางเลิ้ง พังงา, หนองคาย, พระนครศรีอยุธยา, ตาก, ลพบุรี รับตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองปราบปราม และรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจพิษณุโลก ยศพลตำรวจตรี ได้ฉายาว่า สิงห์เหนือ เจ้าพ่อแห่งคุ้มพระลอ และได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ชลอ เกิดเทศ เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าไม่ถูกจับเสียก่อนจะเอาเงิน 100 ล้านจากซาอุฯ มาทำทีมฟุตบอลไทย[1] ตำนาน เพชรอาถรรพณ์ วิบากกรรม ป๋าลอ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9480000122157 โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 8 กันยายน 2548 13:02 น. คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ คดีอุ้มฆ่าแม่ลูก ศรีธนะขัณฑ์ แม้ว่าศาลอุทธรณ์จะเลื่อนอ่านคำพิพากษา แต่สำหรับวิบากกรรมของ ป๋าลอ หลังม่านเหล็ก ยังถือเป็น ขาใหญ่ ตัวจริง เพราะสถานภาพในขณะนี้ต้องถูกจองจำไปตลอดชีวิต และหากศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นั่นหมายความว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้าของฉายา สิงห์เหนือ จะต้องไร้ซึ่งอิสรภาพไปตลอดชั่วกาลนาน...เพราะพิษ ตำนานเพชรอาถรรพณ์ โดยแท้!! ศาลอาญาเลื่อนอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในคดีอุ้มฆ่าแม่ลูกตระกูล ศรีธนะขัณฑ์ ซึ่งมีพนักงานอัยการกองคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ, พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ อดีต สว.สส.สภ.จ.ปราจีนบุรี, จ.ส.ต.ยงค์ กล่ำนาค อดีต ผบ.หมู่ สภ.อ.ปราจีนบุรี, ด.ต.สมนึก เวชศรี อดีต ผบ.หมู่ สภ.อ.สระแก้ว, นายวีระชัย หรือเอิบ พลพิแสง อาชีพทำนา, นายนิคม หรือป๊อด มนต์ศิริ อาชีพรับจ้าง, นายสำราญ หรือพงษ์ ปากกว้าง แจ่มจำรัส อาชีพทำไร่, นายสมหมาย หรือหมาย พุดเทศ และนายสุภาพ ช่างสาย (เสียชีวิตแล้ว) เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนกระทำไว้ และสนับสนุนการกระทำความผิด, หน่วงเหนี่ยวและกักขังผู้อื่นไว้เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ข่มขืนใจให้ผู้อื่นจำยอมทำให้เสียเสรีภาพในร่างกาย, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ, สวมเครื่องแบบและประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ เนื่องจากจำเลยที่ 3 คือ จ.ส.ต.ยงค์ กล่ำนาค ได้เสียชีวิตลงระหว่างการประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งอัยการฝ่ายโจทก์ แถลงขอเวลา 30 วัน เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด รวมถึงตรวจสอบใบมรณบัตร และเมื่อศาลสอบถามคู่ความแล้ว ลูกความไม่คัดค้าน จึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาเป็นวันที่ 31 ต.ค. ทั้งนี้ นายวีระชัย หรือเอิบ พลพิแสง จำเลยที่ 5 และนายสมหมาย หรือหมาย พุดเทศ จำเลยที่ 8 ที่ได้รับการประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดี ฝ่ายอัยการโจทก์ที่ได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ฝ่ายจำเลยทั้ง 2 ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุด ศาลจึงได้ออกหมายจับจำเลยที่ 5 และ 8 มาบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.45 ให้จำคุก พล.ต.ท.ชลอ จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบเป็นเวลา 6 ปี, ฐานสนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต และฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ ให้จำคุกตลอดชีวิต รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว ส่วน พ.ต.ท.พันศักดิ์ จำเลยที่ 2 พิพากษาจำคุก 6 ปีฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ, ฐานร่วมกันเรียกค่าไถ่ให้จำคุกตลอดชีวิต และฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิต แต่จำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้จำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว, จ.ส.ต.ยงค์ จำเลยที่ 3 จำคุก 6 ปี ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 ปี นอกจากนี้ พล.ต.ท.ชลอ ยังคงตกเป็นจำเลยในอีก 2 คดีที่เกี่ยวเนื่องกันว่าด้วยคดี อุ้มนายสันติ ซึ่งถือเป็นคดีสาขา แยกจากคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขันฑ์ สำหรับคดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 9 และนายสันติ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ชลอ และพ.ต.ต.ธานี สีดอกบวบ ลูกน้องคนสนิท เป็นจำเลยที่ 1 และ2 ตามลำดับฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยมีและใช้อาวุธปืนข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด หรือไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์สิน และเสรีภาพ โดยพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คน คนละ 3 ปี และคดียักยอกเพชรของกลาง ซึ่งยังคงยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ ปิดบัญชี สิงห์เหนือ คดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ป๋าลอ ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร รมว.มหาดไทยขณะนั้นให้เป็น 1 ใน 4 ชุดเฉพาะกิจติดตามคดี หลังจากนายเกรียงไกร เตชะโม่ง โจรกรรมมาจากพระราชวังไฟซาล ซาอุดีอาระเบีย จนกระทั่งถูกกล่าวหาและดำเนินคดีตั้งแต่ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 37 นับแต่ตั้งวันนั้นจนถึง ณ วันนี้ ป๋าลอ ไม่เคยได้รับประกันตัวและยังคงชดใช้กรรมอยู่ในเรือนจำบางขวางจนถึงทุกวันนี้ จึงกลายเป็นตำนานเพชรอาถรรพณ์ เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ต้องเผชิญวิบากกรรม ต่างกรรมต่างวาระกันไป คดีนี้ถูกรื้อฟื้นในสมัย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ โดยการนำทีมมือปราบของ พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผบก.ป., พ.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผกก.ป. และร.ต.อ.ทวี สอดส่อง ร้อยเวรสอบสวน ยศในขณะนั้น ** ตำนานเพชรอาถรรพณ์ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากความพยายามค้นหาเบาะแสเครื่องเพชรอาถรรพณ์ โดยทีมสืบสวนของ พล.ต.ท.ชลอ เชื่อว่าเครื่องเพชรบางส่วนที่นายเกรียงไกรโจรกรรมมาอยู่ในความครอบครองของนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ แล้วนายสันติยังน่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การติดตามหาโคตรเพชร 12.5 กะรัต บลูไดมอนด์ ที่ทางการซาอุดีอาระเบียต้องการจะนำกลับคืน จึงนำมาสู่วิธีการสืบสวนนอกระบบ โดยการอุ้มภรรยาและบุตรชายของนายสันติไปกักขังไว้ที่ไร่แห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว เพื่อการต่อรองนานกว่า 1 เดือน แต่เมื่อเงินค่าไถ่มาช้า ทีมสังหารในคราบคนมีสีจึงกระทำการข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อ เป็นเหตุผสมผสานกันให้สวมวิญญาณสัตว์เดรัจฉาน สุดท้ายเมื่อเกิดความผิดพลาดจึงจำเป็นต้องฆ่าแม่-ลูกศรีธนะขัณฑ์ทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานปิดคดี นางดาราวดี และด.ช.เสรี ถูกฆ่าตายอย่างโหด***ม โดยทีมสังหารได้ใช้ไม้ตี 2 แม่ลูกจนคอหักตาย ก่อนที่จะนำทั้ง 2 ศพยัดใส่ในรถเบนซ์คู่ชีพของนางดาราวดี ในตำแหน่งเบาะคู่หน้าคนขับและปล่อยให้รถไหลจากเนินสูงข้างทางบนถนนมิตรภาพ ต.ตาล ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จังหวะเดียวกับที่ทีมสังหารส่งสัญญาณให้อีกทีมปล่อยรถไหลลงเนินมาขณะรถบรรทุก 10 ล้อวิ่งสวนทางมา รถเบนซ์บรรทุกศพ 2 แม่ลูก จึงถูกชนเข้ากลางลำอย่างจัง นิติเวชสรุปผลการชันสูตรศพในครั้งนั้นว่าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ **เส้นทางชีวิต เจ้าพ่อคุ้มพระลอ สำหรับประวัติ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ เจ้าของฉายา สิงห์เหนือ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2481 เป็นบุตรชายของ พ.ท.แช่ม และนางทองคำ เกิดเทศ เป็นคนกรุงเทพฯ จบมัธยมที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ จากนั้นไปเรียนเตรียมทหารรุ่น 17 ก่อนแยกเหล่ามาเรียนโรงเรียนนายตำรวจรุ่น 15 ติดยศ ร.ต.ต.ที่ สน.นางเลิ้ง ย้ายไปอยู่ จ.พังงา, จ.หนองคาย แล้วติดยศ ร.ต.อ.ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นเลื่อนยศเป็น พ.ต.อ.ที่ จ.ตาก, จ.ลพบุรี และกลับเข้ากรุงเทพฯ ในตำแหน่ง รอง ผบก.ป. ก่อนขึ้นครองยศ พล.ต.ต.ที่ จ.พิษณุโลก จนได้ฉายาว่า สิงห์เหนือ เจ้าพ่อแห่งคุ้มพระลอ กระทั่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ติดตามเพชรจากพระราชวังไฟซาล และถูกจับกุมะตกเป็นจำเลยในคดีนี้ และยังไม่เคยได้รับอิสรภาพจนถูกเพื่อนนักโทษขนานนามให้เป็น ขาใหญ่ แห่งเรือนจำบางขวาง หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 15:04 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5
ครม.44 พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 รัฐบาลยุบสภา (29 เมษายน พ.ศ. 2531) - เลือกตั้งทั่วไป ครม.45 พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ลาออกแล้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ครม.46 พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ยึดอำนาจ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดยพลเอกสุนทร คงสมพงษ์พร้อมด้วยคณะนายทหาร 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 1 มีนาคม พ.ศ. 2534 ครม.47 นายอานันท์ ปันยารชุน 2 มีนาคม พ.ศ. 2534 7 เมษายน พ.ศ. 2535 ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 - เลือกตั้งทั่วไป ครม.48 พลเอกสุจินดา คราประยูร 7 เมษายน พ.ศ. 2535 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ลาออก / เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 48 รักษาการ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 โปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ครม.49 นายอานันท์ ปันยารชุน 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 23 กันยายน พ.ศ. 2535 รัฐบาลยุบสภา (30 มิถุนายน พ.ศ. 2535) - เลือกตั้งทั่วไป ครม.50 นายชวน หลีกภัย 23 กันยายน พ.ศ. 2535 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 รัฐบาลยุบสภา (19 พฤษภาคม พ.ศ. 2538) - เลือกตั้งทั่วไป ครม.51 นายบรรหาร ศิลปอาชา 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 รัฐบาลยุบสภา (27 กันยายน พ.ศ. 2539) - เลือกตั้งทั่วไป ครม.52 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ลาออก / วิกฤตการณ์เศรษฐกิจ ครม.53 นายชวน หลีกภัย 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 รัฐบาลยุบสภา (9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543) - เลือกตั้งทั่วไป ครม.54 พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 อายุสภาฯสิ้นสุด ครบวาระ 4 ปี ครม.55 พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ยึดอำนาจ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นำโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลินพร้อมด้วยคณะนายทหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ครม.56 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 29 มกราคม พ.ศ. 2551 ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 - เลือกตั้งทั่วไป ครม.57 นายสมัคร สุนทรเวช 29 มกราคม พ.ศ. 2551 ปัจจุบัน หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: สหายนำชัย ที่ 10-03-2008, 15:19 ถามคุณ Q หน่อย
นพดลเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร ? เขาต้องการสะสางเรื่องนี้จริง ๆ หรือว่าต้องการอะไรกันแน่ ? หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 16:23 ถามคุณ Q หน่อย นพดลเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร ? เขาต้องการสะสางเรื่องนี้จริง ๆ หรือว่าต้องการอะไรกันแน่ ? ผมประเมินว่า เป็นเรื่องความสัมพันธ์ และการเพิ่มอำนาจต่อรองทั้งภายในและระหว่างประเทศ การฟื้นความสัมพันธ์ คงต้องใช้เวลา ตราบเท่าที่กรณีเพชรสีน้ำเงินต้นเหตุ รัฐบาลซาอุฯไม่ได้รับความกระจ่างจากรัฐบาลไทย หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 16:26 (http://www.splendidarabia.com/IMAGES/KSAPics/map%20of%20saudi%20arabia.jpg)
http://www.splendidarabia.com/SAUDIARABIA.htm Information in Brief: Government : Sovereign State Capital : Riyadh Language : Arabic Religion : Islam Currency : Saudi Riyal (SAR) First King of KSA : Abdul Aziz bin Abdul Rahman Al Saud Head of the State : King Abdullah bin Abdul Aziz bin Saud Highest Point : Jabal Sawda (3207 m / 10,522 ft) Population : 26.4 million (2005 census) Physical Features : Deserts, Plateaus and Mountains Provinces : Thirteen (13) Saudi Rulers from the Unification till the present day King Abdul Aziz bin Saud (18821953) Founder & First King of Saudi Arabia (1932-1953) King Saud bin Abdul Aziz bin Saud (1902-1969) 2nd King (1953-1964) King Faisal bin Abdul Aziz bin Saud (1905-1975) 3rd King (1964-1975) King Khalid bin Abdul Aziz bin Saud (1912-1982) 4th King (1975-1982) King Fahad bin Abdul Aziz bin Saud (1923-2005) 5th King (1982-2005) King Abdullah bin Abdul Aziz bin Saud (1924) 6th and the Ruling King of Saudi Arabia (2005) The Flag of Saudi Arabia The Saudi Arabian flag is a green flag with Arabic inscriptions in white and a sword. The inscriptions on the flag is the shahaadah (Islamic declaration of faith) which reads: "laa ilaaha illallah muhemmadun rasoolullaah" meaning "There is no god but Allah and Mohammad (PBUH) is the messenger of Allah". The sword on the flag symbolizes the victories of Ibn Saud. หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 18:39 อายุความของคดี เหลืออีกหนึ่งปี ตอนเริ่มเหตุการณ์ ทวี สอดส่องยังเป็นนายร้อยตำรวจ อ้างถึง ปิดบัญชี สิงห์เหนือ คดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ป๋าลอ ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร รมว.มหาดไทยขณะนั้นให้เป็น 1 ใน 4 ชุดเฉพาะกิจติดตามคดี หลังจากนายเกรียงไกร เตชะโม่ง โจรกรรมมาจากพระราชวังไฟซาล ซาอุดีอาระเบีย จนกระทั่งถูกกล่าวหาและดำเนินคดีตั้งแต่ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 37 นับแต่ตั้งวันนั้นจนถึง ณ วันนี้ ป๋าลอ ไม่เคยได้รับประกันตัวและยังคงชดใช้กรรมอยู่ในเรือนจำบางขวางจนถึงทุกวันนี้ จึงกลายเป็นตำนานเพชรอาถรรพณ์ เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ต้องเผชิญวิบากกรรม ต่างกรรมต่างวาระกันไป คดีนี้ถูกรื้อฟื้นในสมัย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ โดยการนำทีมมือปราบของ พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผบก.ป., พ.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผกก.ป. และร.ต.อ.ทวี สอดส่อง ร้อยเวรสอบสวน ยศในขณะนั้น หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 18:48 ทำเนียบอธิบดีกรมตำรวจ
อดีต-ปัจจุบัน http://www.parathikarn.police.go.th/web/pbpb.html นับตั้งแต่การจัดตั้งกรมตำรวจ และการรวม กรมตำรวจภูธร และกรมพลตระเวน เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2458 ได้มีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมตำรวจ ตามลำดับดังนี้ กรมตำรวจ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) สถาปนาครบ 100 ปี เมื่อ 13 ต.ค.2548 1. กัปตัน เอส.เย.เอมส์ พ.ศ. 2403 - 2435 2. พระยาอรรคราชวราทร (ภัสดา บุรณศิริ) พ.ศ. 2435 - 2440 3. นาย เอ.เย.ยาดิน พ.ศ. 2440 - 2447 4. มหาอำมาตย์โท อีริกเซ็นต์ เย ลอสัน พ.ศ. 2447 - 2456 5. พลตรีพระยาวาสุเทพ พ.ศ. 2456 - 2458 6. พล.ท.พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบ พ.ศ. 2458 - 2472 7. พล.ต.ท. พระยาอธิกรณ์ประกาศ (หลุย จาติกวณิช) พ.ศ. 2472 - 2475 8. พ.ต.อ. พระยาบุเรศผดุงกิจ (รวย พรหโมบล) พ.ศ. 2475 - 2476 9. พ.ต.อ. พระยาอนุสรณ์ธุระการ (จ่าง วัจนะพุกกะ) พ.ศ. 2476 - 2479 10. พล.ต.อ. หลวงอดุล อดุลเดชจรัส พ.ศ. 2479 - 2488 11. พล.ต.ท. พระรามอินทรา (ดวง จุลัยยานนท์) พ.ศ. 2488 - 2489 12. พล.ต.ต. พระพิจารณ์พลกิจ (ยู่เซ็ก ดุละลัมภะ) พ.ศ. 2489 - 2490 13. พล.ต.อ. หลวงชาติตระการโกศล (เจียม ลิมปิชาติ) พ.ศ. 2490 - 2494 14. พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ พ.ศ. 2494 - 2500 15. พล.ต.อ.ไสว ไสวแสนยากร พ.ศ. 2500 - 2502 16. จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ พ.ศ. 2502 - 2506 17. พล.ต.อ. ประเสริฐ รุจิรวงศ์ พ.ศ. 2506 - 2515 18. จอมพล ประภาส จารุเสถียร พ.ศ. 2515 - 2516 19. พล.ต.อ. ประจวบ สุนทรางกูร พ.ศ. 2516 - 2517 20. พล.ต.อ. พจน์ เภกะนันทน์ พ.ศ. 2517 - 2518 21. พล.ต.อ. ศรีสุข มหินทรเทพ พ.ศ. 2518 - 2518 22. พล.ต.อ. มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น พ.ศ. 2519 - 2524 23. พล.ต.อ. สุรพล จุลละพราหมณ์ พ.ศ. 2524 - 2525 24. พล.ต.อ. ณรงค์ มหานนท์ พ.ศ. 2525 - 2530 25. พล.ต.อ. เภา สารสิน พ.ศ. 2530 - 2532 26. พล.ต.อ. แสวง ธีระสวัสดิ์ พ.ศ. 2532 - 2534 27. พล.ต.อ. สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ พ.ศ. 2534 - 2536 28. พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ พ.ศ. 2536 - 2537 29. พล.ต.อ. พจน์ บุณยะจินดา พ.ศ. 2537 - 2539 30. พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก พ.ศ. 2539 - 16 ต.ค. 2541 ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1. พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก 16 ต.ค. 2541 - 2543 2. พล.ต.อ. พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ พ.ศ. 2543 - 2544 3. พล.ต.อ. สันต์ ศรุตานนท์ พ.ศ. 2544 - 2547 4. พล.ต.อ. สุนทร ซ้ายขวัญ (รกน.ผบ.ตร.) พ.ศ. 2547 - 30 ก.ย.2547 5. พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ 1 ต.ค.2547 - 5 ก.พ.2550 6.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (รรท.ผบ.ตร.) 5 ก.พ.2550 - 30 ก.ย.50 7.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส 1 ต.ค.51 - ปัจจุบัน หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Limmy ที่ 10-03-2008, 20:35 รัฐบาลทักษิณ อยู่มา 6 ปี ไม่ทำอะไร ป๋าลอก็มาขึ้นศาลอยู่บ่อย ๆ
พอตั้งรัฐบาล พปช. มาทำเป็นฟิต อาถรรพ์มันมีทั้ง 2 ด้านนั่นแหละ คิดจะเล่นเกมส์กดดันหวังตีกิน อาจจะโดนกินเอาซะเองก็ได้ หุหุ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 20:47 รัฐบาลทักษิณ อยู่มา 6 ปี ไม่ทำอะไร ป๋าลอก็มาขึ้นศาลอยู่บ่อย ๆ พอตั้งรัฐบาล พปช. มาทำเป็นฟิต อาถรรพ์มันมีทั้ง 2 ด้านนั่นแหละ คิดจะเล่นเกมส์กดดันหวังตีกิน อาจจะโดนกินเอาซะเองก็ได้ หุหุ Two Thai policemen jailed over $20 million of cursed gems http://www.jckonline.com/article/CA227326.html Staff -- JCK-Jewelers Circular Keystone, 2/19/2002 11:00:00 AM SPONSORED LINKS The theft of jewelry worth $20 million from the Saudi Royal Family by a Thai migrant worker led to the jailing of two senior police officers for corruption, The Times of London Reported. The theft, which caused a diplomatic rift between the two countries, left a trail of bodies as Thai police sought to cash in on the jewelry taken from the royal palace in Riyadh, then newspaper reported. Police Lieutenant-General Chalor Kerdthes, 64, the man charged with investigating the theft by the migrant worker and with returning the jewels to their owner, Prince Faisal bin Abdul Raish, was jailed for seven years, the newspaper reported. Major Thanee Sridokaub, 45, received the same sentence. Both were found guilty of kidnapping a Thai jeweler who was handling the stolen gems. Chalor faces further charges of collaborating in the murder of the jeweler's wife and 14-year-old son after a ransom demand of $2.5 million was not met, the newspaper reported. Instead of attempting to solve the case, Thai police saw riches in it for themselves, the criminal court in Bangkok had been told. Saudi Arabia broke off formal relations with Thailand, withdrawing its Ambassador over the investigation into the theft of the jewelry, which included a blue diamond worth $2 million. Mohammed Koja, the incoming chargé d'affaires, said the gem would curse all those who illegally handled it, the newspaper reported. It is thought that 17 people died in incidents related to the jewelry theft, making superstitious Thais believe the curse was real. Of those people killed after the jewelry disappeared, most, it is alleged, were executed on the orders of Thai police officers trying to cover up the fact that while they investigated the theft they pocketed most of the missing items, the newspaper reported. When the Saudis started investigating the disappearance, a spate of assassinations shook Bangkok. In one day in 1991, three Saudi diplomats, A. Z. al-Basri, the consul, Fahad al-Bahli, an attaché, and Ahmed Alsaif, a telex operator, were murdered outside their homes. Two weeks later a Saudi businessman, Mohammed al- Ruwaili, who had knowledge of who had stolen the jewelry, disappeared. The jewels, weighing 90kg, were stolen between June and August 1990 from the Riyadh palace by a Thai palace worker, Kriangkrai Techamong, now 46, who packed them in boxes and sent them to relatives in Thailand by DHL parcel post. When Kriangkrai returned to Thailand, the farmer buried some of his loot and started selling items individually for $30 apiece. He was arrested and the police seized the remaining jewelry. It was then that most of it disappeared. Chalor, the investigator, put the items on display in Bangkok announcing a police department triumph. He was even given a medal by the Saudi Government. The main items, however, were missing and others were later found to be faked copies. One of the pieces of jewelry was spotted on a high-society woman at a Red Cross dinner in Bangkok. Santi Sritanakhan, a jeweler who was fencing the gems, was kidnapped and tortured on the orders of Chalor. A week later his wife, Darawadee, and son, Seri, were found murdered in a Mercedes-Benz, the newspaper reported. Thai police forensic officers put the death down to a road accident. Later four men admitted committing the murders on police orders. They had demanded a ransom of $2.5 million from the jeweler. The thief who started it all-Kriangkrai Techamong-is free. He was released after serving two years and seven months for handling stolen goods after receiving two royal pardons. The jewelry has disappeared and "only Allah and a few people in Thailand" know where it is, Koja reportedly said. Life in jail has not been bad for Chalor. He has formed a rock group and produced his own version of Jailhouse Rock, the proceeds of which have been donated to prisoners' welfare. He is appealing. "Not all people in jail are guilty," he reportedly said. หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 20:54 :slime_bigsmile: :slime_cool: http://eng.mol.go.th/related_feb0407.html Thailand, Saudi Arabia bid to repair strained relations BANGKOK, Feb 4 The charge d'affaires of Saudi Arabian embassy here is scheduled to meet with Thai Labour Minister Apai Chandanajulaka and the Permanent Secretary for Labour Monday regarding the Middle Eastern country's need to employ tens of thousands of Thai workers in its maintenance industry. Permanent Secretary for Labour Chuthatawat Indrasuksri said Monday's discussions will focus on the Saudi need to hire Thai workers to work mainly in the maintenance sector. Meanwhile, Supat Gukun, Thailand Overseas Employment Administration director, said the discussions would not concern politics or the still unresolved murders of four Saudi diplomats and a businessman. Mr. Supat said there were only a few thousand Thai workers in Saudi Arabia now compared to more than 100,000 workers before the incidents took place over a decade ago but the Saudi government had given proper care to Thai workers living there nonetheless. If labour relations between the two countries improve, the Labour Ministry has a clear policy to send only skilled Thai workers to work there and would not encourage nationals to work as labourers because the kingdom still faces a shortage of unskilled workers, Mr. Supat said. Relations between the two countries became strained after a Thai migrant worker in Saudi Arabia stole a number of jewelry items worth US$20 million from the Saudi Royal Family, and sent back to Thailand in 1989. Thai police arrested the worker and retrieved the missing jewelry. But after returned to Saudi Arabia, they were later found that a portion was fake, resulting in the jailing of two senior police officers who handled the case. The relationship between the two countries plunged into an all-time low. In the same year and in 1990, four Saudi diplomats were gunned down in separate incidents in Bangkok, while a Saudi businessman disappeared while staying in Thailand. Riyadh has repeatedly accused the Thai government of trying to cover up the crimes, which have never been solved. source: Thai News Agency (TNA) หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 21:03 Sunday 9 April 2006 (11 Rabi` al-Awwal 1427) Saudi-Thai Relations Likely to Be Normalized http://www.arabnews.com/?page=1§ion=0&article=80452&d=9&m=4&y=2006 Naif Al-Shehri, Arab News RIYADH, 9 April 2006 Diplomatic relations between Saudi Arabia and Thailand are likely to be normalized soon, according to a Thai diplomat. We feel optimistic that relations will get back on track in the near future, Thai Charge dAffaires Suvat Hanafi told Arab News. Diplomatic relations between the two countries were strong until the late 1980s. At that time, Riyadh asked Bangkok to provide details of the murder of four Saudi diplomats and the disappearance of Saudi businessmen and stolen jewelry. The new Thai government has shown its good intentions and offered to cooperate fully with the Kingdom in order to correct earlier mistakes, Hanafi said. Since 2002, joint efforts have been made by the two sides to reach a compromise and normalize the relations. Both sides have made gradual progress and the Saudis are satisfied. Were extremely optimistic that the relations will become normal in the near future, said Hanafi. The Thai government recently announced that a policeman involved in stealing jewelry belonging to a Saudi prince had been sentenced to death, Hanafi said. The Thai diplomat stressed that the Saudi Embassy in Bangkok had remained operational. Its missions have also been, and are still, most welcome in Thailand, he said. Asked about Thai Muslim minorities, he said: They are free to practice their religion and they have the same rights as any Thai national. Concerning bilateral trade, Hanafi said the volume of Thai imports from the Kingdom reached about $5 billion and exports $1 billion in 2005. This increase in trade could help bridge the gap between the two countries, he said. Last year, the first delegation from our sector organizations paid a visit to Riyadh and met Riyadh Chamber of Commerce and Industry Chairman Abdur Rahman Al-Jeraisy. The two sides were satisfied and are looking forward to having further commercial cooperation and exchanges, he added. Hanafi said the Saudi Embassy in Bangkok was very cooperative and had helped in expediting visa applications, especially for Thai pilgrims. More than 10,000 Thai Muslims perform Haj annually. We hope Saudis will begin traveling to Thailand as they did in the past, Hanafi said, adding that Saudis could get a 15-day visa upon arrival. หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 21:13 Saudis Returning From Thailand Face Grilling http://www.arabnews.com/?page=1§ion=0&article=99732&d=13&m=8&y=2007&pix=kingdom.jpg&category=Kingdom Razan Baker, Arab News JEDDAH, 13 August 2007 The Riyadh Chamber of Commerce and Industry (RCCI) did not inform travel agencies across the Kingdom of a ban on Saudis traveling to Thailand and so many Saudis, who visited the country at the beginning of the summer, have returned to face questioning from the Kingdoms authorities. Thailand has for the past 12 years been on a list of countries that Saudis are not allowed to visit. The list includes Israel, Iraq and Bosnia. However, for the past three years restrictions on Saudi visitors to Thailand have been eased with many families and youths visiting the Far-Eastern country. Being an affordable country to visit, many Saudis still continue to apply for tourist visas to Thailand, which are easily obtainable. There are no direct flights from the Kingdom to Thailand. Connecting flights are available in Dubai and Qatar. The Thailand Tourism Commission states it received 9,000 Saudis tourists in 2006. People this summer have once again been asked not to visit Thailand unless for business reasons, a rule that many members of the public are unaware of. People believe the ban has been reinforced because of men who visit Thailand to drink alcohol, visit prostitutes and then be robbed and at times murdered. In an interview with Asharq Al-Awsat, Abdullah Al-Tamimi of the RCCI said that only businessmen are allowed to visit Thailand and are required to furnish relevant documents proving they are indeed businessmen. Among travel agencies that have not been informed about the ban was Al-Tayyar Groups for Tourism whose Director Nassir Al-Tayyar said: It would be better if they had informed the travel agencies in advance because not many Saudis know about it. Other travel agencies in Jeddah also told Arab News that they did not receive any sort of notification from the authorities about the ban and that they still continue to receive inquiries from people wanting to visit Thailand. So far around 80 percent of the packages that we have sold have been for Far-Eastern destinations. Of these, 20 percent have been for trips to Thailand, said one travel agent. Another travel agent said: My friend was asking for a visa to visit Thailand this week. The Passport Department informed him that this is not allowed unless he shows relevant business documents and that he is registered with the RCCI. The administration then stressed that those who have traveled to Thailand as tourists and come back will be questioned about why they traveled there. They would also be prevented from traveling for six months to three years and fined SR5,000 for breaking the ban, he said. However, not all visitors to Thailand have been punished. Amaal Abdul Salam, a mother in her early 60s, said she has just returned from Thailand this week and is overwhelmed with the enriching experience she had there with her children and grandchildren. We got our visas very easily before the summer. Thank God we didnt face any problems not even when we came back, she said. Amaal added that her passport says that it is valid for use to all countries unless there is an exception. Excluded countries are not listed. Hers was not the only family which visited Thailand this summer. Amaal said she met other Saudi families at her hotel and at shopping centers. She added that the ban was probably due to the drowning of 32-year-old Saudi in mid-July. It doesnt make any sense that they ban everyone from going there. The country is beautiful, highly organized, and convenient money-wise. I dont see why families cannot go there? she said. An employee at a travel agency said: Those who have not been questioned will most likely be questioned when they renew their passports. หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 21:26 http://www.mangozeen.com/saudi-blue-diamond-round-up-bangkok.htm
Saudi Blue Diamond Round-up Bangkok (http://www.mangozeen.com/wp-content/uploads/2008/02/_44165234_diamond_afp203.thumbnail.jpg) In oct. 2007 a flawless 6.04 carat blue diamond was auctioned in London for nearly $7,000,000. The emerald-cut diamond broke the previous price per carat records in the diamond industry. The bidding lasted 8 minutes. Blink and gone. If this stone went for seven million, then you have to ask how much the infamous 70-carat blue diamond stolen from a Saudi Royal Family by a Thai migrant worker in 1990 would be worth on the open market. Back then it was valued at $2 million. Inflation would have added a zero at least. Unfortunately the missing stone remains a point of contention between the two Asian kingdoms. Thais think the stone is cursed thanks to the 17 Corpses littering the path of investigation, mostly by Thai police covering up their profit from the theft of 90kg of jewelry by a Thai palace worker, Kriangkrai Techamong, who shipped them to Thailand via DHL. In 1991 3 Saudi diplomats were mrdered in Bangkok. Aweek later a Saudi businessman vanished with all knowledge of the diamonds whereabouts. He buried them in his rice paddies and started selling them at $30 a pop. Diamonds and rice farmers dont mix and the police arrested the contrite farmer, after which the jewelry was replaced with fakes unknown to the grateful Saudi government, until a well-known necklace appeared on a high society woman in Bangkok. Saudi diplomats demanded answers. Three of them got bullets instead as did a Saudi businessman with knowledge of the crime. Next to go were the son and wife of the Thai jeweler fencing the jewelry. Their death were orignally attributed to a road accident. Two senior policement were later charged with kidnapping the Thai jeweler supposedly ransoming the diamond and received 7 years prison time for succumbing to the greed emanating from this cursed stone. The top cop has appealed his sentence, saying that not everyone in prison is guilty. The thief Kriangkrai Techamong was freed after serving 2 years and 7 months in prison. The story resuraced with the new government who wants to settle this dispute with the Saudi government. BANGKOK POST Thailands new Foreign Minister Noppodon Pattama has pinpointed a restoration of close ties with Saudi Arabia as one of his priorities for his proactive diplomacy, said the state-run Thai News Agency. Thai-Saudi relations have been poor for the past two decades on account of Thailands failure to adequately investigate and explain the murder of four Saudi diplomats in Bangkok and disappearance of a Saudi businessman in 1989, whose fates were allegedly linked to the so-called Blue Diamond. Shortly after the case Saudi Arabia banned Thai labourers and prohibited its nationals from visiting Thailand as tourists, depriving the kingdom of millions of dollars in lost income. Noppodon, who became foreign minister of February 6, has vowed to solve the decades-old case in an effort to normalize relations with Saudi Arabia, as part of his mission to improve economic relations with various countries. END OF ABRIDGED ARTICLE I wish them luck, because as a Saudi diplomat said, Only Allah and a few thias know the truth. Everyone else is dead. For a related article click on this URL http://www.mangozeen.com/bangkok-sapphire-scams.htm posted on Monday, February 18th, 2008 at 11:51 pm and filed under Crime - comments feed | leave a comment | trackback url หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 10-03-2008, 21:33 คนเอาไปคงต้องเลวมากๆเลยครับ เนอะๆๆๆๆ :slime_bigsmile:
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 21:54 คนเอาไปคงต้องเลวมากๆเลยครับ เนอะๆๆๆๆ :slime_bigsmile: ใครที่ครอบครอง เคยครอบครอง หรือเคยเกี่ยวข้องกับ เพชรสีน้ำเงิน เม็ดขนาดนั้น กับมือ ไม่ทีทางที่จะไม่ทราบ.. ก็ต้องหาทางคืนเจ้าของเขาเสีย :slime_doubt: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 10-03-2008, 22:59 พอจะสรุปได้ว่าตัวละครใหญ่ๆโตๆ ที่ยังมีชิวตอยู่ทั้งในคุกนอกคุก อาจจะต้องตายอย่างทรมานเพราะคำสาป ตามคนที่ตายไปแล้ว รวมทั้งครอบครัวพ่อค้าเพชร ที่ถูกจ้างวานฆ่า อำพรางคดี ระดับรํฐบาล ยุคต่างๆ ก็ไม่สามารถติดตามเอาเพชรสีน้ำเงินชิ้นใหญ่นั้นกลับมาได้ ชลอดูแล้ว ไม่ใช่รายใหญ่ครับ ใหญ่จริงคงไม่ต้องติดคุก. อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลและมีอำนาจ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 11-03-2008, 00:14 เล่นอยู่สองตัว.....
เฮ้อ เป็นเอามาก ว่างมาก ก็เอาเถ้ากระดูกก๋ง มาขัด ก็ได้นะ ชาวบ้านระอา กันแล้ว ยังไม่รู้ตัว หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 00:18 เล่นอยู่สองตัว..... เฮ้อ เป็นเอามาก ว่างมาก ก็เอาเถ้ากระดูกก๋ง มาขัด ก็ได้นะ ชาวบ้านระอา กันแล้ว ยังไม่รู้ตัว เอ็งขัดของเอ็งไปเถอะ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 00:24 นพดล เตรียมฟื้นคดีเพชรซาอุฯ หวังยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูต กรุงเทพฯ 5 มี.ค.2008 - นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าเยี่ยมคารวะของนาย Nabil H. Ashri อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย วันนี้ (5 มี.ค.) ว่า มีการหารือและย้ำในเรื่องที่ประเทศไทยต้องการปรับระดับความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียให้เป็นระดับปกติ คือ มีสถานเอกอัครราชทูต และเอกอัครราชทูต ที่ผ่านมามีปัญหาจากคดีนักการทูตและนักธุรกิจซาอุฯ ถูกสังหารในประเทศไทย และเรื่องเพชรซาอุฯ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ซาอุดีอาระเบียยังไม่ปรับระดับความสัมพันธ์กับไทย ผมจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อหาทางคลี่คลายเรื่องดังกล่าว และหาคำตอบให้ประเทศซาอุดีอาระเบีย รัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อตามคนผิดมาลงโทษให้ได้ เนื่องจากที่ไทยได้สูญเสียความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ทำให้ซาอุดีอาระเบียไม่ออกวีซ่าให้แรงงานไทย จากที่ปี 2532 มีแรงงานไทยในซาอุฯ ถึง 150,000-200,000 คน แต่ปัจจุบันมีเพียง 10,000 คนเท่านั้น ทำให้สูญเสียรายได้เข้าประเทศถึง 200,000 ล้านบาท ดังนั้น การรื้อฟื้นคดีต้องดูว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อรายงานให้ซาอุดีอาระเบียทราบโดยเร็ว นายนพดล กล่าว. - สำนักข่าวไทย อัพเดตเมื่อ 2008-03-05 16:49:16 ใครมีข้อมูลหลักฐานก็เอามาเพิ่มได้ครับ เรื่องนี้ เป็นอาชญากรรมที่ก่อผลเสียแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ :slime_fighto: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: prinz_bismarck ที่ 11-03-2008, 00:32 ๑. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
๒. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา ๓. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ ๔. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา ๕. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา ๖. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา ๗. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล ๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน ๙. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้ ๑๐.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 11-03-2008, 01:00 เอ็งขัดของเอ็งไปเถอะ :slime_bigsmile: ขอบใจนะ แต่ผมไม่ได้ว่างขนาดมานั่งฟลัดกระทู้ ตัวเอง เหมือนไอ้บ้า แถวๆ นี้บางคน 8 พันกว่า rep มาจาก การปั่นกระทู้ ตัวเองทั้งนั้น สงสัย คงขาดการพัฒนาขั้นอวัยวะเพศ (oedipal stage) ตามทฤษฎี Psychosexual developmental stage ของฟรอยด์ ตอนเล็กๆ ไมได้่ปั่นกระจู๋ โตขึ้นมาเลย ปั่นกระทู้... แทน น่าเวทนา แท้ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 01:04 ขอบใจนะ แต่ผมไม่ได้ว่างขนาดมานั่งฟลัดกระทู้ ตัวเอง เหมือนไอ้บ้า แถวๆ นี้บางคน 8 พันกว่า rep มาจาก การปั่นกระทู้ ตัวเองทั้งนั้น สงสัย คงขาดการพัฒนาขั้นอวัยวะเพศ (oedipal stage) ตามทฤษฎี Psychosexual developmental stage ของฟรอยด์ ตอนเล็กๆ ไมได้่ปั่นกระจู๋ โตขึ้นมาเลย ปั่นกระทู้... แทน น่าเวทนา แท้ มาป่วนกระทู้ เพราะสมองกลวง ไม่มีข้อมูล :slime_doubt: :slime_smile2: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 01:22 http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1087.0 กระทู้นี้ขอเอารูปงานฝีมือของช่างเพชรฝรั่งในอดีต ที่ดังๆ มาให้ชมกันค่ะ ไม่ได้เรียงลำดับตามยุคสมัยนะคะ เจอชิ้นไหนก็เอารูปมาให้ดู (http://www.reurnthai.com/rtimages/RW1132x5.jpg) เพชรสีตามธรรมชาติเป็นเพชรหายากกว่าเพชรสีขาวทั่วไป และสีที่หายากที่สุดคือสีฟ้า เพชรสีฟ้าสดเม็ดนี้คือ เพชร Hope ที่มีข่าวเล่าลือว่าเป็นเพชรอาถรรพณ์ ใครได้ไปครอบครองก็จะวิบัติหายนะกันมาหลายเจ้าของ ปัจจุบัน อยู่ที่สถาบันสมิธโซเนียน ในนิวยอร์ก หัวข้อ: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน:DSIเตรียมทาบ\'วันนอร์-วรวีร์ มะกรูดี\'ร่วมทีมฟื้นคดีซาอุ เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 01:30 DSIเตรียมทาบ\'วันนอร์-วรวีร์ มะกรูดี\'ร่วมทีมฟื้นคดีซาอุฯ
http://www.newswit.net/read/410152.html จันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551 17:21 น. INN : ข่าวอาชญากรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งสอบสวนรื้อฟื้นคดีเพชรซาอุฯและคดีการหายตัวและเสียชีวิตของนักธุรกิจและอุปทูตซาอุฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นัดประชุมผู้บัญชาการสำนักคดีและชุดพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับคดีซาอุฯทั้งหมด ในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 11.00 น. เพื่อเร่งรัดการสอบสวนก่อนที่คดีจะหมดอายุความลงในปี 2553 รายงานข่าวเปิดเผยว่า ในส่วนของบุคคลที่คาดว่าจะถูกทาบทามให้เข้าร่วมทีมรื้อฟื้นคดีการหายตัวของอุปทูตและนักธุรกิจชาวซาอุฯ อาจจะเป็น นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายวรวีร์ มะกรูดี http://www.innnews.co.th/crime.php?nid=94628 Related News DSI เล็งทาบ "วันนอร์ - บังยี" ร่วมทีมรื้อฟื้นคดีเพชรซาอุฯ DSIเตรียมทาบ\'วันนอร์-วรวีร์ มะกรูดี\'ร่วมทีมฟื้นคดีซาอุฯ 17:04 น. ดีเอสไอเตรียมทาบ "วันนอร์-วรวีร์ มะกรูดี" ร่วมทีมฟื้นคดีซาอุฯ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 03:18 Saudi Envoy Helps Expose a Thai Crime Group: The Police
http://query.nytimes.com/gst/fullpage.html?res=9503E5DA1E3BF93AA2575AC0A962958260 Published: September 19, 1994 The top Saudi Arabian diplomat in Thailand, Mohammed Said Khoja, reached across his desk to a zippered black bag, opened it and carefully removed his gun. The chrome-plated .38-caliber Smith & Wesson is always at his side. Does he need protection from international terrorists? No, Mr. Khoja explained, cradling the pistol in one hand. He needs protection from the national police of Thailand, a remarkable assertion that few people in Thailand would dispute. "The police here are bigger than the Government itself," the 60-year-old diplomat whispered. "I am a Muslim, and I stay because I feel I am fighting the devils." After four years of digging and prodding, Mr. Khoja is the man largely responsible for unearthing the biggest scandal in the history of the Thai national police, a saga that begins with the theft of more than $20 million worth of jewels from a Saudi prince and ends with a trail of blood in the streets of Bangkok. At least 18 police officers have been implicated in the gems case, including two police generals who were dismissed this month. Several killings have been linked to the theft. The newest victims are the wife and 14-year-old son of the Government's principal witness, who were found dead last month, bloodied and beaten, in their Mercedes outside Bangkok. The witness, a Bangkok jeweler, is in hiding. Mr. Khoja, whose tenacity appears to have finally forced the Thai Government to act, said he was convinced that Thai police commanders were also behind the killing of three Saudi diplomats here in 1990. They were shot, he said, after learning the names of the gem thieves. To protest Bangkok's long inaction in the gems case, Saudi Arabia has cut off work permits to more than 250,000 Thai guest workers, depriving the economy here of billions of dollars a year. About 20,000 Thai workers remain in Saudi Arabia. Yet whatever the damage to the economy and to Thailand's reputation, Mr. Khoja has become a hero to many Thais who admire his willingness to risk his own safety to expose what is widely understood to be the largest criminal organization in Thailand: the Royal Thai Police. The saga of the Saudi gems began in 1989 in Riyadh, the Saudi capital, in the palace of Prince Faisal, son of King Fahd. The palace employed a Thai house servant, Kriangkrai Taechamong, whose job included cleaning the room where the Prince and his family stored their jewels. When the Prince took a vacation abroad, the servant disabled the electronic alarm and stole nearly 200 pounds of gems and jewelry. Mr. Kraingkrai returned to Thailand and was quickly seized by the Thai police, who had been alerted by the Saudis. He was sentenced to five years in prison. A box filled with jewels was initially returned to the Saudis. But the Prince and his family soon determined that nearly 80 percent of the jewels had disappeared. Some had been replaced by crude fakes. Mr. Khoja -- whose title is charge d'affaires, not ambassador, because Saudi Arabia downgraded relations with Thailand -- was sent here in 1990. A 35-year veteran of the Saudi diplomatic corps, he volunteered for the job. "Here is the reason," he said, dropping onto his desk a photo of bloodied corpse of Fahd al-Bahli, one of the three diplomats killed in 1990. "He was one of my students in the diplomatic institute. He had three young sons. They are now orphans." Mr. Khoja said he would remain here until the perpetrators are put behind bars "or at least until their names and their lives are ruined." หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 11-03-2008, 03:23 มาป่วนกระทู้ เพราะสมองกลวง ไม่มีข้อมูล :slime_doubt: :slime_smile2: ไม่มีข้อมูล ยังดีครับ แต่ถ้ามีแต่ข้อมูลขยะ....นี่สิ รกบ้าน รกห้อง รกบอร์ด คนเราหนอ ไม่ได้สำเหนียก เล้ยยยยย หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 11-03-2008, 03:40 เรื่องอื่นมีมากมาย แต่นพดลเปิดประเด็นน่าสงสัย มีนัยแอบแฝง ให้กระพือข่าวลือ
ตามสูตรเด๊ะ ท่าทางกรรมจะเป็นเครื่องชี้เจตนา หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 05:35 อ้างถึง January 4, 1989: A Saudi diplomat, Salah Al-Maliki, is killed and another man injured near the embassy in Bangkok, Thailand [63] http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_attacks_attributed_to_Abu_Nidal#_note-62 Thais make progress in murder probe http://www.arabnews.com/?page=1§ion=0&article=17071&d=21&m=7&y=2002 By a Staff Writer BANGKOK, 21 July Thai authorities say progress is being made in investigating the deaths of four Saudis, including three diplomats, who were murdered here more than a decade ago, a report said yesterday. "The cases have been dormant for a while. Now they will press forward," Prime Ministers Office Minister Pongthep Thepkanjana, who heads a committee working on the cases, told the Bangkok Post. Some cases were in the prosecution stage, while others had reached court, the minister said. The unsolved murders, which occurred in 1989 and 1990, have long plagued relations between Thailand and Saudi Arabia. Pongtheps panel has met 16 times since Prime Minister Thaksin Shinawatra set it up in March this year, the report said. On July 1, police headquarters named 13 high-ranking officers, headed by assistant national police chief Lt.Gen.Chidchai Wannasathit, to a second panel charged with investigating the murders, it added. The first murder took place in 1989, when a Saudi embassy third secretary was shot dead in front of his Bangkok home. In February 1990, two Saudi diplomats and an embassy staff member were shot and killed. In a separate incident during the same month, a Saudi businessman went missing. Thai police investigations at the time were unable to track down the killers. But Saudi officials reportedly linked the murders to a 1989 jewelry heist by a Thai janitor working at a Saudi palace. The Thai national, Kraingkrai Tejamonga, served a prison term in Thailand while some of the lavish gems returned to Saudi Arabia were found to be fake. Tens of thousands of Thais worked in Saudi Arabia prior to the murders and the high-profile case of Kraingkrai, but that number has since dwindled as relations between the two countries soured. The four diplomats killed in Thailand were: Abdullah Al-Basary, Fahd Al-Bahely, Ahmad Al-Saif and Abdullah Al-Maliki.. Meanwhile, a high-level source at Thailands Foreign Ministry told Saudi daily Okaz that his country had received new information on the Bangkok murders. "There is new information regarding the murder of Saudi diplomats," Vozith Deng, the official, told the Arabic newspaper without giving details. But informed Thai sources said the governments plan to re-open the investigation indicated that it had received new clues to the case. "The Thai police have information about the involvement of the Thai labor Mafia as well as Thai businessmen in the murder," the paper reported quoting its sources หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 05:37 Wednesday 24 July 2002 (15 Jumada al-Ula 1423)
http://www.arabnews.com/?page=1§ion=0&article=17167&d=24&m=7&y=2002 Mail Article | Print Article | Comment on Article Nothing new turned up in Thai probe By a Staff Writer JEDDAH, 24 July A senior Saudi diplomat has denied reports that the Kingdom was planning to send an official team to Thailand to participate in the recently revived investigations into the murders of three Saudi diplomats and a businessman in Bangkok more than 10 years ago. Hani Abdullah Mominah, charge d affaires at the Saudi Consulate in Bangkok, described such reports, attributed to his Thai counterpart in Riyadh, as fictitious . It was meant only for media consumption. I am not aware of any new development in the matter, Al-Yaum Arabic daily quoted Mominah as saying. Nothing new has turned up in the inquiries. The Saudi mission did not receive any message about new developments in the crimes, nor has any perpetrator of the crimes been tracked down. The Thai government is aware of the specific demands made by the Kingdom in order to bring Saudi-Thai relations back to the old level, Mominah said. The ban on Saudis visiting Thailand is still in place, the diplomat added. Only businessmen are allowed to visit the country. หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 11-03-2008, 05:40 .
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 06:51 6 สิงหาคม พ.ศ. 2532 http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=News&file=print&sid=2278 เกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานไทยชาวลำปางที่ทำงานอยู่ในพระราชวังของ กษัตริย์ไฟซาล (King Faisal) แห่งซาอุดิอารเบีย ขโมยเครื่องเพชรของ เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด (Prince Faisal Bin Fahd Bin Abdul Aziz) มูลค่าหลายร้อยล้านบาท กลับมาประเทศไทย กลายเป็นโศกนาฎกรรม "คดีเพชรซาอุฯ" อันลือลั่น เมื่อทางการซาอุดิอารเบียแจ้งมายังรัฐบาลไทย ซึ่งในระยะแรกให้การปฏิเสธ จากนั้นก็ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนโดยมอบหมายให้ พล.ต.ต. ชลอ เกิดเทศ เป็นหัวหน้า และสามารถจับกุมตัวนายเกรียงไกรได้ แต่ทางการไทยตัดสินใจไม่ส่งไปดำเนินการที่ซาอุฯ เนื่องจากเห็นว่ากฎหมายที่นั่นรุนแรงเกินไป ศาลได้พิพากษาตัดสินจำคุก คดีถึงที่สุดและปัจจุบันพ้นโทษแล้ว จากนั้นได้ส่งเพชรบางส่วนคืน แต่ปรากฏว่ามีบางส่วนเป็นของปลอม สร้างความไม่พอใจให้ราชวงศ์ซาอุดิอารเบียเป็นอย่างมาก รัฐบาลไทยต้องเจรจาทางการทูต นายเกรียงไกรได้สารภาพว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาลแล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชร ซึ่งภายหลังถูกตำรวจในทีม พล.ต.ต. ชะลอข่มขู่คุกคาม ในที่สุดก็จับตัวภรรยาและลูกชายของนายสันติคือ นางดาราวดี และ ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ ไปกักขังเพื่อบังคับให้นายสันตินำเพชรส่วนที่เหลือมาคืน แต่กักขังไว้นานนับเดือนก็ยังไม่ได้เพชรที่ต้องการ ซ้ำตำรวจนายหนึ่งยังได้ข่มขืนภรรยาของนายสันติ จากนั้นทีมตำรวจชุดนี้จึงสังหารสองแม่ลูกแล้วอำพรางคดีให้เป็นอุบัติเหตุ จากนั้นทีมสอบสวนชุดใหม่ก็สืบพบว่าเป็นการ "อุ้มฆ่า" จึงจับกุมตัว พล.ต.ต. ชลอ และสมุนทั้ง 9 คน มาดำเนินการทางกฎหมาย ในที่สุดศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาให้ประหารชีวิต ส่วนเพชรอาถรรพ์ บลูไดมอนด์ ก็ยังไม่พบ คดีโจรกรรมเพชรซาอุฯ ครั้งนี้ได้ส่งผลสะเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับซาอุดิอารเบียมาจนถึงทุกวันนี้ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: สหายนำชัย ที่ 11-03-2008, 08:30 ผมประเมินว่า เป็นเรื่องความสัมพันธ์ และการเพิ่มอำนาจต่อรองทั้งภายในและระหว่างประเทศ การฟื้นความสัมพันธ์ คงต้องใช้เวลา ตราบเท่าที่กรณีเพชรสีน้ำเงินต้นเหตุ รัฐบาลซาอุฯไม่ได้รับความกระจ่างจากรัฐบาลไทย ฟื้นความสัมพันธ์ทำไมไม่ใช้ประเด็นอื่น รู้ทั้งรู้ว่าเพชรนี้อยู่กับใคร และรัฐบาลซาอุ ฯ ก็ยื่นคำขาดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ต้องการเพชรคืนเท่านั้น นพดลมีปัญญาเอาเพชรมาคืนเขาหรืออย่างไร ? หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 11-03-2008, 09:03 นพดลเปิดประเด็นน่าสงสัย ต้องคอยจับตาดู
เว็บไฮทักษิณ รับลูกไปเล่นต่อหรือไม่ อย่างไร พวกปล่อยข่าวลือตามเว็บคงสนุกปากอีกประเด็น เป็นระรอก ๆ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: สหายนำชัย ที่ 11-03-2008, 09:09 นพดลมาแปลกมาก
หรืออาจเป็นไปได้ว่า บุคคลลึกลับที่ครอบครองต้องการคืนเพชรให้แก่ซาอุแล้ว เพราะไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม ทรัพย์สมบัติตัวเองก็มีมากมายผลาญร้อยปีร้อยชาติก็ไม่มีวันหมด ที่เก็บเพชรไว้นานขนาดนี้ก็นับว่าหน้าหนาหน้าด้านจนไม่รู้จะนิยามอย่างไรแล้ว หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 11-03-2008, 09:55 พักหลังๆ ทักษิณก็ไปทางซาอุ ตะวันออกกลางบ่อยๆ
เราเลยไม่รู้ว่าไปทำไม มีอะไรลึกซึ้งตรงนั้น อ่านยากครับ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Sweet Chin Music ที่ 11-03-2008, 12:50 ไม่รู้ว่ามีอะไรมากกว่าเพชร หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 11-03-2008, 13:12 ต้องรอดูว่า พวกหน้าเหลี่ยม กำลังจะค้าขายอะไรกับซาอุ
คนที่ขาดความน่าเชื่อถือ แอะอะไรออกมา ผู้คนจะมองอย่างไม่ไว้ใจไว้ก่อน หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: best ที่ 11-03-2008, 14:47 ตกลงเรื่องนี้เขาห้ามคุยกันในประเทศนี้ใช่ไม๊ จะได้รู้ไว้
มันก็ชั่วทั้งคนขโมยและคนที่ไม่ยอมคืนของๆเขานั่นแหละ หัวข้อ: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง ดีเอสไอดึง 'วันนอร์' ร่วมทีมคลี่.. เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 16:42 ดีเอสไอดึง 'วันนอร์' ร่วมทีมคลี่คลายคดีเพชรซาอุฯ [11 มี.ค. 51 - 14:24]
http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=82015 วันนี้ (11 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลดีเอสไอ ประชุมมอบนโยบายและวางแนวทางปฏิบัติราชการร่วมกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอ รองอธิบดี และผู้บัญชาการสำนักคดีต่างๆ โดยมีการหารือเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญ โดยเฉพาะจะเร่งรื้อฟื้นคดีฆาตกรรมนักการทูตซาอุดีอาระเบีย 4 ราย และคดีการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2532 และ 2534 นายกิตติพงษ์ เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้ทาบทาม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายอิสมาแอล ลุตฟี จะปากียา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีความใกล้ชิดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย ร่วมเป็นที่ปรึกษาทั้ง 2 คดี เพื่อให้การสอบสวนมีความคืบหน้า เนื่องจากคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในปี 2553 และเพื่อฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบีย ตามนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศ ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ แถลงว่า เหตุผลที่ดีเอสไอรื้อฟื้น 2 คดีเกี่ยวกับประเทศซาอุฯ ขึ้นมาเร่งดำเนินการก่อน เนื่องจากเป็นคดีที่มีผลกระทบอย่างสูงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเกือบ 20 ปีแล้ว ซึ่งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี หารือกับนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และการปรับปรุงพนักงานสอบสวนที่ทำ 2 คดีนี้ ให้การเร่งรัดคดีมีความคืบหน้า ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเป็นชาวมุสลิม มีองค์ความรู้ในการประสานทางคดี ส่วนนายอิสมาแอล มีบทบาทเป็นที่รู้จักในสังคมของชาวมุสลิม พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอคงไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาได้ แต่ยืนยันว่าจะเร่งรัดทั้งสองคดีให้เกิดความชัดเจนเต็มที่ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ประเด็นนักธุรกิจที่หายตัวไป ข้อมูลทางสืบสวนบ่งชี้ว่าเป็นเรื่องระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับองค์กรผู้ก่อการร้ายสากล และมีประเทศที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สำหรับทางการทูต หากคดีมีความชัดเจนแล้ว การเจรจารื้อฟื้นความสัมพันธ์เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 11-03-2008, 16:53 คนหายไปพร้อมเพชร ไปไหนหว่า อะคร่าๆ
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 17:25 คนหายไปพร้อมเพชร ไปไหนหว่า อะคร่าๆ เจ้าหน้าที่ซาอุฯ รายแรกถูกยิงตายอุกอาจใกล้สถานฑูต ผมว่าเมืองไทยต้องเลิกระบบอุ้มฆ่า ส่วนโทษประหารชีวิต หลังพิพากษาแล้ว ต้องประหารทันที การกระทำเช่นนี้มีผลดีหลายอย่าง อย่างน้อยก็ไม่มีใคร ยอมเป็นแพะอีกต่อไป คุณธรรมจริยธรรมตามสถานภาพต้องอยู่เหนือชาติและการเมืองครับ เพราะไม่อย่างนั้นก็ใช้อ้างกันไม่เลิก จริงแล้วคนใหญ่คนโตเอาสิ่งเหล่านี้มาอ้างไม่ได้ ต้องดูเจตนาและผลงานของเขาและบริวารเท่านั้น ไม่ต่างจากนักการเมืองทุกระดับทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 17:55 หลังคดีหมดอายุความ คำสาปแช่งจะเริ่มออกฤทธิ์ เดินเต็มที่เข้าหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด :slime_worship: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 11-03-2008, 18:09 ตอนนี้ก็เริ่มเดินหาแระม้างงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: aiwen^mei ที่ 11-03-2008, 22:29 ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เกือบยี่สิบปีแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: สี่หามสามแห่ ที่ 11-03-2008, 22:42 เรื่องอื่นมีมากมาย แต่นพดลเปิดประเด็นน่าสงสัย มีนัยแอบแฝง ให้กระพือข่าวลือ ตามสูตรเด๊ะ ท่าทางกรรมจะเป็นเครื่องชี้เจตนา เรื่องนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าสืบแล้วจะไปจบตรงไหน ลุงคิดเหมือนผมว่า ไอ้ตาเข มันเิปิดประเด็นขึ้นมาเพื่ออะไร และผมก็สงสัย เหมือนกันว่า ไอ้คนที่เอาประเด็นนี้มาเล่นในบอร์ด นั้น เพื่ออะไร หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 11-03-2008, 22:47 เรื่องรับของโจรนี้ใครทำ ก็ต้องรับ เป็นเรื่องการเมืองมาตรฐานสากล ไม่เหมาะกับพวกปรับตัวตามปกติไม่ได้..ซึ่งอาจต้องปรับระบบคิดตนเองให้ได้ก่อน หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: Can ไทเมือง ที่ 12-03-2008, 05:19 เรื่องนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าสืบแล้วจะไปจบตรงไหน ลุงคิดเหมือนผมว่า ไอ้ตาเข มันเิปิดประเด็นขึ้นมาเพื่ออะไร และผมก็สงสัย เหมือนกันว่า ไอ้คนที่เอาประเด็นนี้มาเล่นในบอร์ด นั้น เพื่ออะไร นพดลเปิดเกม เพื่อหวังผลเอาใจซาอุ มองง่ายๆ คิดว่า หน้าเหลี่ยมอาจไปเจรจาการค้าอะไรบางอย่างกับซาอุ ผมมองว่ารับลูกมาจากทักษิณ ค่อนข้างแน่ครับ เปิดประเด็นในเว็บบอร์ด ก็คงตามข่าวนพดลนั่นแหละ คงไม่มีอะไรมากไปกว่ารวบรวมข้อมูล หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-03-2008, 05:59 ข้อมูลนี้อ่านประกอบเพื่อลำดับเหตุการณ์และชื่อบุคคล อย่าไปหลงเชื่อคอลัมนิสต์ในทุกเรื่อง อ้างถึง http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=2695.msg64487#msg64487 กุมภาพันธ์ 24, 2005, 08:40:29 AM » ในกลุ่มเหตุการณ์ที่ 2 ว่าด้วย การฆาตกรรม 4 นักการทูต 1 นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ในช่วง ปี 2532 - 2533 นั้น ณ นานี้แม้ยังไม่ถือเป็น เรื่องเปิด แต่ก็เป็น เรื่องปิดที่ยอมรับกันภายใน ไปแล้วว่าทางการไทย โง่มานาน, หลงทางมานาน และประเทศไทย เสียค่าโง่ ไปโขอยู่ เคยเล่าไปบ้าง ณ ที่นี้โดยสังเขปในช่วงการเดินทางไปเยือน ซาอุดีอาระเบีย ของ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เมื่อ วันที่ 20 เมษายน 2547 ที่ถือเสมือนเป็น สัญญาณฟื้นสัมพันธภาพที่เสื่อมทรามลงมา 15 ปี ว่าเป็นผลมาจาก การรื้อฟื้นคดี เมื่อ ปลายปี 2544 โดยมีทั้ง คณะกรรมการพิเศษเพื่อติดตามผลการดำเนินงาน ที่มีประธานเป็น พงศ์เทพ เทพกาญจนา และที่สำคัญก็คือ คณะอนุกรรมการเพื่อทำงานรวบรวมข้อเท็จจริง มีหัวหน้าชื่อ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ทั้ง 2 คณะได้เปิดโอกาสให้ คณะผู้แทนซาอุดีอารเบีย 5 คน เข้ามาร่วมทำงานและประชุมปรึกษาหารือกันจน เป็นที่พอใจ, เป็นที่เห็นพ้องต้องกัน เฉพาะที่ผ่านมา 2 ครั้ง คือ วันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2546 และ วันที่ 28 - 30 ธันวาคม 2546 ที่มีฉันทมติกันให้คณะทำงานของ 2 ชาติผนึกประสานเป็น คณะเดียวกัน และมีความเห็นตลอดจนแนวทางปฏิบัติการ เป็นหนึ่งเดียว จึงเป็น มูลเหตุสำคัญ ของการฟื้นสัมพันธ์ คณะทำงานร่วม 2 ชาติมีความเห็นร่วมกันในส่วน คดีฆาตกรรม 4 นักการทูตซาอุดีอาระเบีย เมื่อ วันที่ 4 มกราคม 2532 และ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2533 ว่ามาจาก ความขัดแย้งทางลัทธิศาสนา ระหว่าง นิกายชีอะห์ กับ นิกายวะฮะบีฮ์ อันเป็นสาเหตุเชิงซ้อนจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 3 เส้า อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย และ สหรัฐอเมริกา เหตุที่เกิดขึ้นในประเทศไทยทั้ง 2 กรณีคือ ปฏิบัติการตามล้างแค้นซาอุดีอาระเบียที่บำเพ็ญตนเป็นพันธมิตรชั้นดีกับสหรัฐอเมริกาเข้าไปทำลายล้างอิหร่าน ในประเทศต่าง ๆ คณะทำงานร่วม 2 ชาติได้ส่งแหล่งข่าวเข้าไป ฝังตัว ถึงใน เลบานอน จนได้ รายชื่อ, ภาพถ่าย ของผู้ต้องสงสัยจำนวน 8 คน ที่อยู่ในเครือข่ายของ ขบวนการอิซบุลเลาะห์ และมีคนไทยอยู่คนหนึ่งชื่อ ยุทธภูมิ ศักดิ์กิตติชา อยู่ในข่ายที่จะต้อง เชิญมาให้ข้อมูล น่าเสียดายที่ขณะนี้เดินทางไปอยู่ อิหร่าน แล้ว นอกเหนือจาก คนไทย ยังมี คนพม่า ชื่อ ฮุสเซ็น หรือ อับดุล จารีล เมอะห์ อีกคนหนึ่งที่อยู่ในข่ายที่จะต้อง เชิญมาให้ข้อมูล น่าเสียดายเช่นกันว่าขณะนี้ ลี้ภัยการเมืองอยู่ในเยอรมนี แล้ว ส่วนคดีการหายตัวของ โมฮัมหมัด อัลรูไวรี เมื่อ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2533 นั้นสรุปเห็นพ้องต้องกันว่า จุดทำลายศพ อยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็น ไร่อ้อย - ไร่มันสำปะหลัง บริเวณ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี อันเป็น พื้นที่เปลี่ยว เขตติดต่อกับ จังหวัดระยอง โดยถูกอุ้มไปจากบริเวณ ซอยลาดพร้าว 106 แล้วนำไปกักขังก่อนสังหารที่ โรงแรมฉิมพลี อย่างไรก็ดีคดีนี้ยังมี ข้อจำกัดทางกฎหมาย ที่ไม่อาจ ดำเนินการทางศาล กับ กลุ่มผู้กระทำความผิด ที่ พอจะคาดหมายได้ว่าเป็นใคร สิ่งที่ต้องทำและได้ทำไปแล้วคือ มาตรการทางการปกครอง โดยโยกย้ายผู้ที่คาดว่า มีส่วนเกี่ยวข้อง ไปอยู่ในตำแหน่งที่ ไม่มีความหมาย คดีนี้ยัง ไม่จบ เพราะถึงอย่างไรภรรยาและญาติพี่น้องของ โมฮัมหมัด อัลรูไวรี ก็ต้องการ คำยืนยันอย่างเป็นทางการเป็นเอกสาร เพื่อนำไปเป็น หลักฐาน ใน การจัดการมรดก รวมถึง การดำเนินชีวิตของภรรยา ต่อไป บทเรียนของ คดีซาอุดีอาระเบีย ที่เล่ามานี้มีหลายประการด้วยกันแต่ที่ เซี่ยงเส้าหลง ขอเน้นย้ำก็คือเป็นการทำงานไปตาม ความเคยชินเดิม ๆ ชนิด ไม่ฟังใคร จึง ตั้งธงผิดพลาด มาแต่ต้นแล้วว่าเป็น อาชญากรรมทั่วไป หาใช่ อาชญากรรมที่สืบเนื่องมาจากเกมการเมืองระหว่างประเทศ ที่อยู่ นอกเหนือองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่ไทย ในยุคนั้น อย่าให้ ความผิดพลาดเมื่อ 15 ปีก่อน กลับมา ซ้ำรอย ก่อให้เกิด ความผิดพลาดครั้งใหม่ ในปัจจุบันนี้ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะเหตุผลเดิม นอกเหนือองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่ไทย เลย การคลี่คลายคดีในกลุ่มเหตุการณ์ที่ 2 ว่าด้วย การฆาตกรรม 4 นักการทูต 1 นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ในช่วง ปี 2532 - 2533 นี้ เซี่ยงเส้าหลง ขอเปิดเผย ณ ที่นี้ว่าได้มาจาก งานการข่าว ที่ได้มาจากเครือข่ายของ อิหร่าน ที่เสมือนแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยกลุ่มหนึ่งที่มีความเป็น มืออาชีพ พอที่จะตั้งข้อสังเกตในกลุ่มเหตุการณ์ที่ 1 วางระเบิดสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย - แต่แผนแตกเสียก่อน ว่าเสมือนเป็น การจัดฉาก ให้แก่ แพะ คือ ชาวอิหร่านคนหนึ่ง คงจะจำกันได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นรูปการคือพยายามนำ คาร์บอมบ์ เข้าไปบริเวณ ถนนวิทยุ แต่ ถูกกักไว้ที่สน.ลุมพินีโดยบังเอิญ แล้วตรจพบ ศพในรถ นำไปสู่การขยายผลจับกุม ชาวอิหร่านคนหนึ่ง ขึ้นดำเนินการฟ้องร้องต่อ ศาลยุติธรรม ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ในระหว่างการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ไทยกลุ่มหนึ่งที่มี ประสบการณ์งานมวลชนใน 3 จังหวัดภาคใต้ มีเครือข่ายสายข่าวทั้งกับ อดีตชาวพรรคคอมมิวนิสต์ไทย, อดีตชาวพรรคคอมมิวนิสต์มลายา และ เครือข่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอน สอบสวน เกิด เอะใจ ใน พล็อตเรื่อง ที่ดูภาพรวมแม้ สมจริง แต่เมื่อเจาะลงไป เฉพาะจุด กลับพบเห็นสภาพการณ์ ไม่สมจริง ขอพูดโดยสรุปว่าพวกเขามีความเห็นว่า ...เป็นการพยายามจัดฉากว่าจะมีคาร์บอมบ์ให้ถูกจับได้โดยบังเอิญโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย. ในทางการข่าวยังได้ตามติดไปถึง จารชนเครือข่ายตะวันตกคนหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน ระเบิด เมื่อเห็นเช่นนี้จึงได้ให้ความช่วยเหลือ จำเลยชาวอิหร่านคนนั้น ในหลายต่อหลายประการด้วยกันรวมทั้ง การยื่นถวายฎีกาแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการให้ความเป็นธรรมใน การสืบพยาน จนในที่สุดยังผลให้ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ก่อนกลับประเทศนอกจากจะแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งแล้ว อดีตจำเลยชาวอิหร่านคนนั้น - และเครือข่าย ยังได้ให้ ข่าวสารข้อมูล ในคดีกลุ่มเหตุการณ์ที่ 1 แก่เจ้าหน้าไทยกลุ่มนี้ด้วย ผลการคลี่คลายคดีทั้งสองชี้ให้เห็นว่ามี การเคลื่อนไหว ของทั้ง อิหร่าน และ เครือข่ายตะวันตก พอ ๆ กัน ในส่วนของ อิหร่าน นั้นได้บอกตรงไปตรงมาว่าเป็น ปฏิบัติการปกติ ที่จะต้องมีขึ้นใน เขตยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้ มุ่งร้ายโดยตรง ต่อ ประเทศไทย เพียงแต่ เตรียมการไว้ - เผื่อเหลือเผื่อขาด ข้อมูลบางส่วนที่ได้มาไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่จริงก็คือพวกเขาได้ ซ่อนระเบิดที่ยังไม่ได้วงจร ไว้ใน กทม. อย่างน้อย 2 จุด เจ้าหน้าที่ไทยกลุ่มนั้นพยายาม สอบถามสถานที่ซ่อน ก็ไม่ได้ความจริงชัดเจนได้แต่คำตอบว่า มีแต่ผู้รับมอบภารกิจนั้นคนเดียวที่รู้ - บัดนี้ไปปฏิบัติการที่อื่นแล้ว อาจจะไม่จริงก็ได้ ในส่วนของ จารชนเครือข่ายตะวันตกคนหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญด้านระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยกลุ่มนั้นยังคง จับตาอยู่ห่าง ๆ และ ณ วันนี้คนคนนี้ก็ยัง อยู่ในประเทศไทย เป็นปกติ ที่เล่ามานี้เป็นการบอกเล่าประการหนึ่งว่าแม้จะเป็นเรื่อง นอกเหนือองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่ไทย แต่ก็ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ไทยทั้งหมด ยังคงมี เจ้าหน้าที่ไทยบางคน ที่มี ประสบการณ์โดยตรง เรื่องราวที่ เซี่ยงเส้าหลง นำมาเล่าสู่กันฟังนี้ไม่ได้มาจาก คนใหญ่คนโต (รวมทั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) แต่มาจาก มืออาชีพตัวเล็ก ๆ น่าเสียดายที่คนประเภทนี้มักจะ ถูกมองข้าม และคนประเภทนี้ก็ไม่คิดจะ วิ่งเข้าแสวงหาอำนาจ เพราะรู้ว่าแม้ปะเหมาะเคราะห์ดีได้เข้าไป ทำงานในศูนย์กลางอำนาจ ก็จะ ทำอะไรไม่ได้ เพราะติดขัด ขบวนการสอพลอ ที่มีอยู่เกลื่อนกลาดดาษดา ฟื้นสัมพันธ์ไทย - ซาอุดีอาระเบีย -- ภาพประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2547 ที่แสดงให้เห็นสัญญาณความสัมพันธ์ทางการทูตที่กำลังเริ่มต้นดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย เมื่อสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.ต่างประเทศ ได้รับเชิญไปเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ และได้เข้าเฝ้ามกุฎราชกุมารอับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ ดัล ซาอุด ทางการซาอุดีอาระเบียแสดงความชื่นชมและมั่นใจในความจริงใจของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แสดงความพอใจในการที่ฝ่ายไทยนำข้อมูลการสืบสวนทุกคดีมาแลกเปลี่ยนกันอย่างโปร่งใส ... คดีฆาตกรรมและอุ้มฆ่าในกลุ่มเหตุการณ์ที่ 1 พอจะทุเลาลงไปได้ระดับหนึ่ง เพราะทำความเข้าใจกันได้ แต่คดีที่ยังคงหนักหนาสาหัสที่สุดก็คือคดีขโมยเพชร ไม่ใช่แต่เพียงว่ายังไม่พบ ็บลูไดมอนดิ์ แต่เกิดข้อจำกัดทางกฎหมายสำคัญ ก็คือบัดนี้คดีล่วงเลยมาเกิน 10 ปี อันเป็นกำหนดอายุความในข้อหาลักทรัพย์, รับของโจร ในส่วนการดำเนินการทางคดีของทางการไทยจึงถือว่าจบลงไปแล้ว โดยตัวการสำคัญคือเกรียงไกร เตชะโม่ง(หรือ เกรียงไกร มงคลสุภาพ) ถูกศาลอาญาพิพากษาว่ามีความผิดฐานรับของโจร ลงโทษสูงสุดตามอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้คือจำคุก 5 ปี แต่ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษตามกฎเกณฑ์และกระบวนการที่วางไว้จนเหลือถูกจำคุกอยู่เพียง 2 ปี 7 เดือน 5 วัน ปัจจุบันมีชีวิตหาเช้ากินค่ำอยู่ที่บ้านเกิดจังหวัดลำปาง เมื่อได้เจรจาแล้ว ไม่สมัครใจที่จะเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบีย เพราะเกรงโทษตัดอวัยวะตามกฎหมายซาอุดีอารเบีย เช่นเดียวกับ สันติ ศรีธนะขัณฑ์ พ่อค้าเพชรที่นอกจากจะสูญเสียเมียและลูกไปแล้วเจ้าตัวก็ถูกศาลฎีกาพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2545 ว่ามีความผิดฐานรับของโจร ลงโทษจำคุก 3 ปี ขณะนี้ยังไม่พ้นโทษ และแม้จะมีการสืบทราบว่าได้มีผู้นำเพชรบางรายการไปขายในตลาดมืดเครื่องประดับต่างชาติ แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดรูปธรรม ขณะที่บลูไดมอนด์ ที่ได้แจ้งตำหนิและรูปพรรณไปยังตลาดทั่วโลกแล้วขณะนี้ยังไม่พบร่องรอยการซื้อขาย จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะยังคงอยู่ในความครอบครองของบุคคลภายในประเทศไทยที่อาจจะเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคมไทย ... ปัญหาก็คือจะตัดสินใจเอาจริงเอาจังกันถึงขั้นต้องเบนอาวุธจากประมวลกฎหมายอาญาไปเป็นพ.ร.บ.ป้องกันปละปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือไม่ ข้อมูลนี้เริ่มาจากผู้จัดการ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-03-2008, 06:25 Saudi Envoy Helps Expose a Thai Crime Group: The Police http://query.nytimes.com/gst/fullpage.html?res=9503E5DA1E3BF93AA2575AC0A962958260 Published: September 19, 1994 The top Saudi Arabian diplomat in Thailand, Mohammed Said Khoja, reached across his desk to a zippered black bag, opened it and carefully removed his gun. The chrome-plated .38-caliber Smith & Wesson is always at his side. Does he need protection from international terrorists? No, Mr. Khoja explained, cradling the pistol in one hand. He needs protection from the national police of Thailand, a remarkable assertion that few people in Thailand would dispute. "The police here are bigger than the Government itself," the 60-year-old diplomat whispered. "I am a Muslim, and I stay because I feel I am fighting the devils." After four years of digging and prodding, Mr. Khoja is the man largely responsible for unearthing the biggest scandal in the history of the Thai national police, a saga that begins with the theft of more than $20 million worth of jewels from a Saudi prince and ends with a trail of blood in the streets of Bangkok. At least 18 police officers have been implicated in the gems case, including two police generals who were dismissed this month. Several killings have been linked to the theft. The newest victims are the wife and 14-year-old son of the Government's principal witness, who were found dead last month, bloodied and beaten, in their Mercedes outside Bangkok. The witness, a Bangkok jeweler, is in hiding. Mr. Khoja, whose tenacity appears to have finally forced the Thai Government to act, said he was convinced that Thai police commanders were also behind the killing of three Saudi diplomats here in 1990. They were shot, he said, after learning the names of the gem thieves. To protest Bangkok's long inaction in the gems case, Saudi Arabia has cut off work permits to more than 250,000 Thai guest workers, depriving the economy here of billions of dollars a year. About 20,000 Thai workers remain in Saudi Arabia. Yet whatever the damage to the economy and to Thailand's reputation, Mr. Khoja has become a hero to many Thais who admire his willingness to risk his own safety to expose what is widely understood to be the largest criminal organization in Thailand: the Royal Thai Police. The saga of the Saudi gems began in 1989 in Riyadh, the Saudi capital, in the palace of Prince Faisal, son of King Fahd. The palace employed a Thai house servant, Kriangkrai Taechamong, whose job included cleaning the room where the Prince and his family stored their jewels. When the Prince took a vacation abroad, the servant disabled the electronic alarm and stole nearly 200 pounds of gems and jewelry. Mr. Kraingkrai returned to Thailand and was quickly seized by the Thai police, who had been alerted by the Saudis. He was sentenced to five years in prison. A box filled with jewels was initially returned to the Saudis. But the Prince and his family soon determined that nearly 80 percent of the jewels had disappeared. Some had been replaced by crude fakes. Mr. Khoja -- whose title is charge d'affaires, not ambassador, because Saudi Arabia downgraded relations with Thailand -- was sent here in 1990. A 35-year veteran of the Saudi diplomatic corps, he volunteered for the job. "Here is the reason," he said, dropping onto his desk a photo of bloodied corpse of Fahd al-Bahli, one of the three diplomats killed in 1990. "He was one of my students in the diplomatic institute. He had three young sons. They are now orphans." Mr. Khoja said he would remain here until the perpetrators are put behind bars "or at least until their names and their lives are ruined." หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: An.mkII ที่ 12-03-2008, 14:38 นพดลเปิดเกม เพื่อหวังผลเอาใจซาอุ มองง่ายๆ คิดว่า หน้าเหลี่ยมอาจไปเจรจาการค้าอะไรบางอย่างกับซาอุ ผมมองว่ารับลูกมาจากทักษิณ ค่อนข้างแน่ครับ เปิดประเด็นในเว็บบอร์ด ก็คงตามข่าวนพดลนั่นแหละ คงไม่มีอะไรมากไปกว่ารวบรวมข้อมูล ถามจริงๆ ลุงคิดแค่นั้นจริงหรือ... แต่สำหรับผม ผมคิดไปไกลกว่านั้นอีก :slime_whistle: ซึ่งผมก็คิดว่า เเนวคิดของผม ก็คงจะตรงกะเเนวคิดชองคุณ สี่หามสามแห่ รึ คุณ liverpudlian ไม่มากก็น้อย ที่ว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรในก่อไผ่มากกว่านี้...ตามประสาคนเจ้าเหล์อย่างหน้าเหลี่ยม... หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-03-2008, 17:46 ฟื้นความสัมพันธ์ทำไมไม่ใช้ประเด็นอื่น รู้ทั้งรู้ว่าเพชรนี้อยู่กับใคร และรัฐบาลซาอุ ฯ ก็ยื่นคำขาดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ต้องการเพชรคืนเท่านั้น นพดลมีปัญญาเอาเพชรมาคืนเขาหรืออย่างไร ? การตามเพชรมาคืน หรือการคืนเพชร เป็นการยอมรับผิด ซึ่งการตายของหลายคน เกี่ยวกับพชรโดยตรง นักการฑูตที่ลูกเป็นกำพร้า ก็มาตายช่วงหลังจากที่มีการติดตามคดีดังกล่าว การฟื้นความสัมพันธ์เป็นไปได้ครับ เพราะเรื่องระหว่างประเทศเขาคงแยกแยะได้ เมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องพัวพันชักใย ก้าวพ้นจากอำนาจ หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-03-2008, 23:10 ย้อนความจำไป สมัยอุปฑูตโคจา ออกทีวีให้สัมภาษณ์ออกทีวี ผมฟังน้ำเสียงเขาแล้วรู้สึกว่าคนทีเก็บเพชรไว้คงใหญ่มาก แต่ก็หลังจากหลายปีผ่านมากลับไม่มีข่าวว่าใครเอาเพชรเหล่านี้ไปขายในตลาดเพขรทั่วโลกอีกเลย นอกจากข่าวในช่วงแรกว่ามีคนเห็นและจับภาพส่งให้ทางซาอุฯดู ในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ในช่วงปีพศ.2533 เรื่องนี้ ปัจจุบันนี้ หากจะตรวจสอบย้อนหลังสื่อสามารถ ไปสัมภาษณ์ เชื่อมโยงได้จาก อดีตนายกฯ อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย อดีตอธิบดีตำรวจ หรือผบ.สตช.ครับ หลักฐานชิ้นเด็ด หากต้องการเห็นคงต้องไปตามกันเอาจากซาอุฯ โดยเฉพาะอุปฑูตโคจา ที่เป็นหัวหน้านักการฑูตในช่วงนั้น ตลอดจนเจ้าทรัพย์ ที่นักการเมืองไทยหลายคนได้เข้าพบ ข้อเท็จจริง ช้างตายทั้งตัว คงเอาใบบัวปิดได้ไม่มิดหรอกครับ ใครจะสามารถปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้.. ในเมื่อสมบัติชิ้นสำคัญล้ำค่าและมีคำสาปแช่งติดไปด้วย หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 19-03-2008, 01:23 ดี เอส ไอ ควรใช้คดีเก่าๆ คดียากๆ เป็นบทในการพิสูจน์การทำงาน.. :slime_fighto: หัวข้อ: Re: เพขรซาอุฯ เพขรสีน้ำเงิน เพชรที่ต้องคำสาปแช่ง เริ่มหัวข้อโดย: 999 ที่ 16-05-2008, 06:53 ยอดเยี่ยมครับ รมต.นพดล ปัทมะhttp://www.arabnews.com/?page=1§ion=0&article=80452&d=9&m=4&y=2006 Saudi-Thai Relations Likely to Be Normalized Naif Al-Shehri, Arab News RIYADH, 9 April 2006 Diplomatic relations between Saudi Arabia and Thailand are likely to be normalized soon, according to a Thai diplomat. We feel optimistic that relations will get back on track in the near future, Thai Charge dAffaires Suvat Hanafi told Arab News. Diplomatic relations between the two countries were strong until the late 1980s. At that time, Riyadh asked Bangkok to provide details of the murder of four Saudi diplomats and the disappearance of Saudi businessmen and stolen jewelry. The new Thai government has shown its good intentions and offered to cooperate fully with the Kingdom in order to correct earlier mistakes, Hanafi said. Since 2002, joint efforts have been made by the two sides to reach a compromise and normalize the relations. Both sides have made gradual progress and the Saudis are satisfied. Were extremely optimistic that the relations will become normal in the near future, said Hanafi. The Thai government recently announced that a policeman involved in stealing jewelry belonging to a Saudi prince had been sentenced to death, Hanafi said. The Thai diplomat stressed that the Saudi Embassy in Bangkok had remained operational. Its missions have also been, and are still, most welcome in Thailand, he said. Asked about Thai Muslim minorities, he said: They are free to practice their religion and they have the same rights as any Thai national. Concerning bilateral trade, Hanafi said the volume of Thai imports from the Kingdom reached about $5 billion and exports $1 billion in 2005. This increase in trade could help bridge the gap between the two countries, he said. Last year, the first delegation from our sector organizations paid a visit to Riyadh and met Riyadh Chamber of Commerce and Industry Chairman Abdur Rahman Al-Jeraisy. The two sides were satisfied and are looking forward to having further commercial cooperation and exchanges, he added. Hanafi said the Saudi Embassy in Bangkok was very cooperative and had helped in expediting visa applications, especially for Thai pilgrims. More than 10,000 Thai Muslims perform Haj annually. We hope Saudis will begin traveling to Thailand as they did in the past, Hanafi said, adding that Saudis could get a 15-day visa upon arrival. |