ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ทั่วไป => สภากาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Suraphan07 ที่ 26-01-2008, 22:58



หัวข้อ: บุฟเฟ่ต์คาบิเนต รีเทอร์น จับตามองรัฐบาลนอมินี่ ...
เริ่มหัวข้อโดย: Suraphan07 ที่ 26-01-2008, 22:58
ลำพังจะให้เรียบเรียงและ เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ...
ยอมรับว่า ความสามารถคงไม่ถึง  
ส่วนใหญ่จึงได้แต่อาศัยอ่าน และตัดแป่ะ บทความที่ตรงและโดนใจเพื่อถ่ายทอด-สื่อต่อ...
ประกอบกับการให้ คคห.บ้างเป็นบางโอกาส...

ครั้งนี้ต้องขออนุญาต ตัดแป่ะบทความอีกสักครั้ง เพื่อเก็บไว้ที่เวบบอร์ดแห่งนี้..
เผื่อมีเพื่อนๆที่ยังไม่เคยเห็น แวะเวียนเข้ามาเจอและสนใจอ่าน จะได้ได้รับข้อมูลและช่วยกันจดจำไว้...

                                   ////////////////////////////////////////////////////////////////////////

จับตารัฐบาลนอมินี บุฟเฟ่ต์คาบิเนตคืนชีพ (ผ่าประเด็นร้อน)  


สถานการณ์บ้านเมือง ณ วันนี้อาจเรียกได้ว่าเกิดภาพ 2 ภาพที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง นั่นคือขณะที่กลุ่มอำนาจเก่ากำลังลิงโลดจากการคืนชีพกลับมายึดครองประเทศอีกครั้ง และเปลี่ยนสถานะจากผู้ถูกกระทำจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 มาเป็นผู้ไล่ล่าเช็คบิลบัญชีแค้น กับกลุ่มอำนาจเก่าที่กำลังเหงาหงอยอ่อนแรงจากภาวะใกล้จะสูญสิ้นอำนาจอย่างสิ้นเชิง และกำลังจะกลายสภาพจากผู้ไล่ล่ามาเป็นผู้ถูกกระทำ

 การสามารถเอาชนะการเลือกตั้งทั่วไปด้วยเสียงท่วมท้น สามารถยึดกุมเสียงรัฐสภาและตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และกำลังจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเพื่อไปฟอร์มคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาคุมอำนาจรัฐบริหารประเทศในวันจันทร์ที่ 28 ที่จะถึงนี้ถือได้ว่ากลุ่มอำนาจเก่าได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งแล้วอย่างสมบูรณ์แบบผ่านพรรคพลังประชาชน(พปช.)อันเป็นร่างทรงหรือนอมินีของมือที่มองเห็น ซึ่งเป็นผู้นำเงาตัวจริงที่ขณะนี้บัญชาการอยู่ที่เกาะฮ่องกง

 ปรากฏการณ์จากการฟื้นคืนชีพของกลุ่มอำนาจเก่าที่มองเห็นได้ก็คือถนนทุกสายดูเหมือนจะมุ่งสู่เกาะฮ่องกง เพื่อเอาใจ "นายใหญ่" ที่ปักหลักบัญชาการรบจัดโผคณะรัฐมนตรีชุดใหม่และวางหมากการเมืองอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่า การกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้งหลังจากที่ต้องซัดเซพเนจรพลัดถิ่นอยู่ในต่างแดนมากว่าปีจะต้องปลอดภัยและแน่ใจว่า กลับมาในฐานะผู้ชนะอย่างแท้จริง

 สัจธรรมอีกข้อหนึ่งที่เห็นได้ก็คือ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน เมื่ออำนาจใหม่คืนชีพ เหล่าข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลายที่เป็นนกรู้ทั้งหลายดูเหมือนจะพากันเปลี่ยนสีลู่ตามลมกันเป็นทิวแถว โดยเฉพาะพวกที่เคยใส่เกียร์ว่างตอนนี้เผยตัวใส่เกียร์เดินหน้าเชลียร์เอาใจอำนาจใหม่อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูหวังได้รับการปูนบำเหน็จจากผลงานเกียร์ว่างที่ตัวเองสร้างมา จนลืมเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งความเป็นข้าของพระราชาไปเสียสิ้น และไม่แยแสกับความถูกต้องชอบธรรมใดๆ

 การกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งของกลุ่มอำนาจเก่าทำให้เกิดสัญญาณบ่งชี้ว่าบ้านเมืองกำลังจะกลับสู่สถานภาพการเมืองแบบน้ำเน่าเหลวแหลกซ้ำซากอีก ขณะที่คณะรัฐมนนตรีชุดใหม่ส่อเค้าที่จะเป็น "บุฟเฟ่ต์คาบิเนต"

 ความเคลื่อนไหวที่เป็นสัญญาณบ่งชี้มหกรรมฮั้วและแย่งชิงเค้กทางการเมือง เกิดขึ้นก็คือการต่อรองปัดแข้งปัดขาแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีและตำแหน่งทางการเมืองกันอย่างมูมมามทั้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลผสมหรือแม้แต่ภายในแต่ละพรรครัฐบาลเอง

 ในต่อรองแบ่งเค้กผลประโยชน์ที่เห็นชัด เช่น กรณีที่พรรคชาติไทย(ชท.)ต่อรองขอเปลี่ยนสัดส่วนโควตารัฐมนตรีที่เดิมพรรค พปช. เสนออัตราส่วน สส.9 คนต่อรัฐมนตรี 1 เก้าอี้ แต่พรรคชาติไทย ยื่นเงื่อนไขขอเปลี่ยนเป็นสัดส่วน สส.5 หรือ 6 คนต่อรัฐมนตรี 1 เก้าอี้เพื่อที่จะให้ตัวเองได้โควตารัฐมนตรีเพิ่มขึ้น ขณะที่พรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.) รวมใจไทยชาติพัฒนา(รช.) หรือประชาราช(ป.ช.ร.)ก็เดินเกมต่อรองเช่นกันเพียงแต่อาจจะไม่ชัดเจนเท่าพรรคชาติไทยเท่านั้น

 นอกเหนือจากการแย่งเค้กระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ภายในแต่ละพรรคฝ่ายรัฐบาลเองดูก็ แย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีและตำแหน่งทางการเมืองกันอย่างดุเดือดเข้มข้น จนดูเหมือนจะคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักมากกว่าที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดกับชาติบ้านเมือง

 ความเคลื่อนไหวกระแสหนึ่งในพรรคพปช.เองอันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลซึ่งน่าจับตาเป็นอย่างมากก็คือ การก่อหวอดของกลุ่ม สส.อีสานที่ยื่นคำขาดขอโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีของภาคอีสาน 10 เก้าอี้ พร้อมกับขู่ว่าหากผู้บริหารพรรคไม่ยอมตามข้อเสนอก็จะเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคพปช.แน่นอน

นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ สส.ขอนแก่น ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า ก่อนหน้านี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ"หมอเลี้ยบ" เลขาธิการพรรค กำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรโควตารัฐมนตรีว่าจะใช้สัดส่วน สส. 10 คนต่อรัฐมนตรี 1 คน ซึ่ง สส.ภาคอีสานมี 110 คน เพราะฉะนั้น จะต้องได้โควตา สส.ไม่ต่ำกว่า 10 เก้าอี้เพื่อเป็นปากเสียงของชาวอีสาน

 ทั้งนี้ นายประจักษ์ ย้ำว่ากลุ่มสส.อีสานพรรค พปช.หารือกันมาตลอด ซึ่งที่ผ่านมา สส.อีสานแค้นใจมากที่ สส.ภาคอื่นชี้นำพรรคมาตลอด แต่ครั้งนี้ สส.ภาคอีสาน คงไม่ยอม ซึ่งหากผู้บริหารพรรคไม่ยอมตามข้อเสนอก็ต้องมีคำอธิบายเหตุผลที่ชัดเจน ไม่อย่างนั้นเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคแน่นอน

 ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม สส.อีสานครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่กำลังจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่อซาวเสียงเลือก นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค พปช. ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค.นี้ ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่านี่คือ เกมกดดันผู้บริหารพรรค พปช.ของกลุ่ม สส.อีสาน

 การสร้างกระแสกดดันเพื่อต่อรองโควตารัฐมนตรีของ สส.อีสานครั้งนี้เกิดขี้นพร้อมกับการนัดรวมพล ส.ส.อีสานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านศรีนครินทร์โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย และเป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิดสายเหยี่ยวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ความไว้วางใจเป็นเจ้าภาพ

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวระบุว่า "ยี้ห้อยเนวิน" ซึ่งอยู่เบื้องหลังกลุ่มสส.อีสานพยายามที่จะสร้างอำนาจต่อรองเพื่อผลักดันให้ นายชัย ชิดชอบ สส.ระบบสัดส่วน พรรคพปช. ผู้เป็นพ่อตลอดจนสส.ในสังกัดของตัวเองได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาล

 สำหรับนายชัย ซึ่งเป็นนักการเมืองอาวุโสวัย 79 ปี ผู้นี้ นับเป็นผู้กว้างขวางใน จ.บุรีรัมย์ และก่อนหน้านี้เพิ่งจะเข้ามอบตัวตามหมายจับของตำรวจในคดีบุกรุกที่สาธารณะจำนวนมากในจ.บุรีรัมย์

 นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า สส.อีสาน พรรคพปช.ยังพยายามที่จะผลักดันให้นายทุนบางคนซึ่งในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาลงขันเป็นเงินถึง 500 ล้านบาท จนทำให้สส.อีสานชนะการเลือกตั้งเข้ามาได้หลายคนได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ขณะที่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองตั้งข้อสงสัยว่า หากนายทุนคนดังกล่าวได้เป็นรัฐมนตรีจริงคงไม่เพียงเพราะเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล เพราะเงินลงขันจำนวน 500 ล้านบาทไม่ใช่เงินเล็กน้อย ดังนั้น เชื่อว่านายทุนคงดังกล่าวคงมองการณ์ไกล ถือว่านี่คือการลงทุนซึ่งหากได้เป็นรัฐมนตรีย่อมมีโอกาสถอนทุนแล้วบวกกำไร อีกมหาศาล โดยมีเกียรติยศชื่อเสียงเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น

 ไม่เพียงแต่การเคลื่อนไหวของกลุ่ม ส.ส.อีสาน การต่อรองรุมทึ้งเก้าอี้รัฐมนตรีกันอย่างขนานใหญ่กำลังเกิดขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ที่ดูเหมือนว่าจะส่อไปในทางเป็นการปูนบำเหน็จให้กับคนใกล้ชิดของ"นายใหญ่" ตลอดจนผู้มีอุปการคุณมากกว่าที่จะเข้ามากอบกู้บ้านเมืองในยามวิกฤติ

 เพราะฉะนั้น สาธารณชน สื่อ และคอการเมืองคงต้องจับตาอย่ากะพริบ เพราะมหกรรมบุฟเฟ่ต์คาบิเนต กำลังส่อเค้าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ซึ่งเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารัฐบาลนอมินีชุดนี้เข้ามาครองอำนาจบริหารประเทศเพื่อใครและเพื่ออะไร

http://www.naewna.com/news.asp?ID=92410

                                ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


 
:slime_surrender: :slime_hmm: :slime_surrender:


หัวข้อ: Re: บุฟเฟ่ต์คาบิเนต รีเทอร์น จับตามองรัฐบาลนอมินี่ ...
เริ่มหัวข้อโดย: พรรณชมพู ที่ 27-01-2008, 18:42
ทันทีที่ได้นั่งเก้าอี้กัน ไอ้ที่ต้องช่วยนายก็ช่วยไป ไอ้ที่ต้องจัดแถวข้าราชการก็จัดไป ไอ้ที่หิวก็กินไป

รัฐบาลที่ยังไม่ได้ตั้งในวันนี้ กลับมีผู้เห็นอนาคตแล้วว่า จะต้องโกงกินกันอย่างดุเดือด ให้สมกับที่ได้เสียงข้างมาก หลายสิบล้านคนสนับสนุน ก็จะได้รอดูกันต่อไปว่า เสียงก่นด่าจากประชาชน(ที่ไม่ได้กินหญ้า) และเสียงก่นด่ากลับจากนายก(ที่กินรถดับเพลิง) ใครมันจะดังกว่ากัน

รัฐบาลที่เป็นปฎิปักษ์กับหมู่ประชาชนที่มีสมอง ถึงจะมีประชาชนไร้สมองสนับสนุน ก็ไม่เคยเอาตัวรอดได้เลยสักครั้ง  :slime_v:


หัวข้อ: Re: บุฟเฟ่ต์คาบิเนต รีเทอร์น จับตามองรัฐบาลนอมินี่ ...
เริ่มหัวข้อโดย: Familie ที่ 27-01-2008, 23:08
มันเป็นเวรและเป็นกรรมของประเทศ
ที่มีนักการเมืองแบบนี้ สงสารประเทศไทย
นักธุรกิจเมื่อลงทุนแล้ว ก็ต้องหวังกำไร
ไม่มีนักธุรกิจหน้าโง่คนใหนหรอกครับ ที่จะยอมให้ตัวเองขาดทุน
เฉกเช่นนักการเมืองไทย มองการเมืองเหมือนธุรกิจ
เข้ามาเพื่อหวังกอบโกยอย่างเดียว
มีสักกี่คนที่เห็นแก่ชาติและบ้านเมือง
เราชาวบ้านธรรมดาทำได้เพียง.....
ขอสาปแช่งพวกโกงกินบ้านเมือง  :slime_worship:


หัวข้อ: Re: บุฟเฟ่ต์คาบิเนต รีเทอร์น จับตามองรัฐบาลนอมินี่ ...
เริ่มหัวข้อโดย: Suraphan07 ที่ 28-01-2008, 14:49
ผลโหวตนายก ออกมาตามโผเป็นที่เรียบโร้ย...

หลังจากนี้ก็คงเป็นเวลา ของการจัดสรรค์ปันส่วน ตามที่ได้ตกลงกันไว้...

เหล่าข้าราชการที่เคยใส่เกียร์ว่าง ณ.กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ (เพื่อรอนายเก่าที่ฮ่องกง)
คงจะเริ่มเริงร่า เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ...    :slime_doubt: :slime_hitted:

" (เศษ)เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป""


หัวข้อ: Re: บุฟเฟ่ต์คาบิเนต รีเทอร์น จับตามองรัฐบาลนอมินี่ ...
เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 28-01-2008, 14:55
มันผิดตั้งแต่ใช้เงินซื้อเสียงเข้ามาแล้ว

เข้ามาต้องใช้เงินมหาศาล ก็ต้องถอนทุนเป็นธรรมดา

อนาถใจประเทศไทย ที่จมปลักอยู่ในวังวนอุบาทว์นี้