ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10912

ผัวเมียทะเลาะกันดีต่อสุขภาพ



ผลการศึกษาของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ที่นำออกเผยแพร่ในวารสารจอร์นอล ออฟ แฟมิลี คอมมิวนิเคชั่น ฉบับล่าสุด  ระบุว่า การทะเลาะวิวาทกันระหว่างคู่สามีภรรยาหรือคู่รักแท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ดีกับสุขภาพ ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลของคู่สามีภรรยา 192 คู่ ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา พบว่าคู่สามีภรรยาหรือคู่รักที่เก็บความรู้สึกไว้เงียบๆ และไม่กล้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงกว่าสามีภรรยาหรือคู่รักที่กล้าพูดกันตรงๆ และทะเลาะกันประจำสูงถึง 2 เท่า ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเมื่อเกิดการทะเลาะคู่สมรสจะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร

ผลการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ความเก็บกดที่เกิดจากการไม่กล้าแสดงอารมณ์โกรธนำไปสู่โรคต่างๆ ที่มีบ่อเกิดจากความเครียด เช่น โรคหัวใจและความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาครั้งนี้ยังเป็นเพียงการสำรวจเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เป็นผลสรุปของคู่สมรสทั้งหมด ทั้งนี้ การศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนมีขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชนชั้นกลาง โดยส่วนภรรยาส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านและมีแนวคิดอนุรักษนิยมในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ (เอเอฟพี)

หน้า 21
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for03250151&day=2008-01-25&sectionid=0104


ผลการศึกษาครอบครัวคนไทยระดับล่าง ยิ่งทะเลาะ ลูกยิ่งดก........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 :slime_smile:

ปล. ขออนุญาตโพสต์จากไทยรัฐด้วยค่ะ

ผัวเมียคู่รักสงบกลับมีอายุยืนสู้ คู่ทะเลาะกันโขมง โฉงเฉงไม่ได้ [25 ม.ค. 51 - 00:26]
 
มหาวิทยาลัยมิชิแกนกลับศึกษาพบว่า คู่ผัวเมียที่ทะเลาะมีปากดีด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครยอมใคร จะมีอายุ ยืนครองคู่อยู่ด้วยกัน ยืนนานไปจนแก่จนเฒ่า มากกว่าคู่ที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมให้กันและกันไปข้างหนึ่ง

นักวิจัยของคณะสาธารณสุขศาสตร์และจิตวิทยา ได้ศึกษาคู่ผัวเมียอเมริกัน ที่อยู่กินกันเป็นเวลานานเกิน 17 ปี จำนวน 192 คู่ พบว่า คู่สามีภรรยาที่ครองคู่กันมาอย่างสงบ ต่างฝ่ายต่างอดออมให้แก่กัน แม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิด กลับพากันอายุสั้น ยิ่งกว่าคู่ที่มีปากเสียงหนักบ้างเบาบ้างเกือบ 2 เท่า

ศาสตราจารย์เกียรติคุณเอเนสต์ ฮาร์เบิร์ก หัวหน้านักวิจัยบอกชี้แจงว่า ธรรมดาของผัวเมียเมื่ออยู่ด้วยกัน ต่างก็ต้องอดกลั้นซึ่งกันและกัน แต่ปกติแล้วต่างคนต่างก็ไม่เคยมาก่อน นอกจากคนที่เห็นตัวอย่างจากพ่อแม่มาเท่านั้น โดยมากคู่ผัวเมียมักจะไม่คุ้นเคยเรื่องนี้ ดังนั้น มันจึงกลายเป็นของสำคัญว่า หากเป็นปากเสียงกันขึ้น จะทำอย่างไรกัน “หากว่าไม่ทำอะไร เอาแต่เก็บกดความโกรธเอาไว้ เอาไปหมกมุ่นครุ่นคิด คุมแค้นอยู่ โดยไม่ได้ พยายามคิดแก้ปัญหา ตัวเองก็จะลำบากเอง”

เขาแจ้งว่าในจำนวนคู่ผัวเมียทั้งหมดที่ศึกษา ปรากฏว่าคู่สามีภรรยาประเภทที่ต่างคนต่างยอมให้กันและกัน เพื่อเห็นแก่ความสงบสุข ได้ถึงแก่กรรมลงถึง 13 คู่ ในขณะที่คู่อื่นที่เหลือ ซึ่งต่างมีปากเสียงกันเบาบ้างแรงบ้าง 166 คู่ มีเสียชีวิตไป 41 คู่เท่านั้น.
 
 
http://thairath.co.th/news.php?section=technology&content=76409

ง่า... แนวคิดเรื่องความเท่าเทียมทางเพศนี่ ถือเป็นอนุรักษนิยมไปแล้วหรือคะนี่... :slime_sentimental:

   ใช่ครับสมควรวมรวม  ออกมาเป็นกระทู้เดียวกับ

 เท่าที่ผมเคยเห็น คู่ผัวเมียที่ทะเลาะกันบ่อยๆ  ส่วนมากมักจะมีลูกดครับ  :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมาน
ย่อมจะยาวนานกว่าช่วงชีวิตที่มีความสุขเสมอ


ซ.ต.พ.

สำหรับคู่ที่ทะเลาะบ่อยๆแล้วลูกดกนั้น
เพราะผัวเถียงเมียไม่ทัน
เลยจับลงพื้นแบบซับมิสชั่น
แล้วเลยเถิด...
เลยเกิดบุตร

ซ.ต.พ.
เหมือนกัน   :slime_inlove:

อ้าวแบบนี้ก็แย่สิ ต้องทะเลาะกันบ่อยๆนี่กลัวคืนดีกันยากอะ กลัวหมดใจด้วย :slime_surrender: