หัวข้อ: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 12-01-2008, 19:33 (http://music.beloblog.com/archives/EaglesLongRoadOutOfEden.jpg)
สตูดิโอ อัลบั้มที่รอมานานถึง 28ปี ของเจ้าตำนานวงการดนตรี (วงการเครื่องไฟฟ้าด้วย)55 พญาอินทรี The Eagles ผมเองก็ได้ดูคอนเสิร์ตของพวกเขาเมื่อนานมาแล้ว ยังได้โห่แม้วที่เข้าไปทักทายสมาชิกวงจนการแสดงเริ่มช้า(นับเป็นการโห่ไล่แม้วครั้งแรก55) นอกเรื่องมาเยอะแล้ว อัลบั้มล่าสุดที่ชื่อว่าLong Road Out Of Eden นับว่าเป็นสุดยอดๆๆๆๆ ที่สุดแห่งอัลบั้มแห่งปี ในตอนแรกนั้นผมคิดว่าอัลบั้มนี้จะไม่มีอะไรมาก แต่สุดท้ายคิดผิดทั้งสิ้น อัลบั้มนี้คืดสุดยอดๆๆๆๆๆๆ ทั้งภาคดนตรี ภาคเนื้อหาเพลง ภาคประสานเสียงอันเป็นเสน่ของพวกเขา แค่เพียง แทรก Long Road Out Of Eden ในแผ่นที่สอง ที่ยาวกว่า10นาที ก็สามารถบ่งบอกความเป็นสุดยอดได้ สุดยอดที่สุด หากคุณโดนบังคับให้ฟังเพลงอะไรเพียงอัลบั้มเดียวตลอดชีวิต เลือกอัลบั้มนี้ ผมคิดว่าคุณไม่ผิดหวัง (http://www.aceshowbiz.com/images/news/00010963.jpg) หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 12-01-2008, 19:52 Long Road Out of Eden - เฉกเช่นนิยามของสงครามแห่ง The Eagles
Posted by cozy , ผู้อ่าน : 121 , 00:23:12 น. | หมวดหมู่ : เพลง การเมือง พิมพ์หน้านี้ ช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม ผมโหลดเพลงไปฟังหลายเพลง แต่เพลงหนึ่งซึ่งฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกคือ Long Road Out of Eden หลังจากที่เหล่าพญาอินทรีว่างเว้นการออกอัลบั่มเพลงใหม่ทั้งชุดมานานเกือบ 30 ปี พวกเขากลับมาเป็นอัลบั่มคู่ โดยมีเพลงที่ผมเอ่ยชื่อเป็นไตเติ้ลแทร๊ค - เนื้อหาผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องราวของสงครามอิรัก ความหมายที่เอ่ยถึงในบทเพลง และเสียงบรรเลงดนตรีที่หนักแน่น ผมนั่งฟังในรถพร้อมกับฉากของประเทศที่ครั้งหนึ่งเป็นสมรภูมิรบที่อื้อฉาวที่สุดในสงครามของมวลมนุษย์ชาติ อิรักคือเวียดนามแห่งที่สอง - พวกอเมริกาเข้ามายุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของพวกเขา แต่เอาประโยชน์ของผู้นำฉ้อฉลเป็นหลัก พวกเขาพูดถึงความรู้สึกของทหารในสงคราม ที่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าใจว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี้ But now I have to wonder - what are we doing here? ความสวยงามและธรรมชาติของผู้คนในดินแดนที่รุนแรง Silent stars blinking in the blackness of an endless sky / Gold, silver satellites, ghostly caravans passing by ดวงจันทร์ฉายแสงที่งดงาม Moon shining down through the palms ทั้งหมดนี้ถูกทำลายเพราะ พฤติกรรมของผู้รุกรานที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนและเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว Having lunch at the petroleum club / Smoking fine cigars and swapping lies... ที่เวียดนาม เกือบห้าสิบปีก่อน พวกอเมริกาคิดว่าคนเอเซียผิวเหลืองประเทศนี้จะเป็นหมูให้เคี้ยวง่ายๆ และหวังจะชนะเพื่อได้แผ่แสนยานุภาพของตนเอง แต่พวกเวียดนานก็สั่งสอนอเมริกาไปว่า อย่าได้ดูถูกคนเอเซียเกินไปนัก - พูดก็พูดเถอะ ตอนนั้นไทยเราก็เข้าข้างมะกันเต็มที่ ขนาดให้มีฐานทัพในเขตประเทศ นักศึกษาออกมาประท้วงเรื่องนี้ก็หาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ พวกญวน จนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ขึ้นมา วันนี้พวกเขาก็เอาอีก ดิ อีเกิ้ล ก็เสียดสีเอาไว้ในเพลงนี้ว่า Rolling down the interstate In the good old USA และอย่าลืมก็แล้วกันว่าในสมัยนายทักษิณ รัฐบาลเราก็ช่วยส่งทหารไปอิรักกับเขาด้วยเหมือนกัน พวกที่สนับสนุนสงครามอาจหลอกตัวเองและคนอื่นๆได้บางคราว่าพวกเขากำลังจัดระเบียบโลกให้ดีขึ้นในเร็วๆนี้ We're riding to Utopia; road map says we'll be arriving soon - หรืออ้างถึงการรักษาประชาธิปไตย Somebody trying just to stay alive He got promises to keep - แต่สำหรับผมมันไม่ใช่โดยวิธีที่คุณจะไปรุกรานอธิปไตยของชาติอื่น เพราะผมเชื่อว่าทุกคนที่มีส่วนร่วมในสงครามที่เขาไม่ได้ก่อ ต่างก็รอวันยุติอย่างเจ็บปวดทั้งนั้น อดีตทหารแห่งเวียดนามเหนือ ผมมองไปที่นัยตาพวกเขา แม้จะเป็นผู้ชนะสงคราม แต่ในแววตาเห็นริ้วรอยแห่งความลำบากและเจ็บปวดจากอดีตพอสมควร สงครามไม่เคยให้ความทรงจำที่ดีกับใคร อย่างน้อยก็ทหารส่วนใหญ่....ผมเชื่อเช่นนั้น เวียดนาม อเมริกา อิรัก....บรรดาทหารส่วนใหญ่คงคิดเหมือนในเพลงว่าพวกเขาไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น นอกจากรอวันกลับบ้านไปหาลูกเมีย But I'd give anything to be there in your arms tonight / ไม่นับบรรดาเด็กทั้งหลายที่ต่างก็เจอสิ่งที่พวกเขาไม่ควรได้เจอ เนื่องจากเติบโตมาในภาวะสงคราม Assuring us these aches inside are only growing pains ผมนั่งริมทะเลสาปคืนดาบของกรุงฮานอย ฟังเพลงนี้แล้วคิดไปเรื่อยๆ เพราะเหตุนั้นพระเจ้าจึงทรงขับไล่พวกเขาออกไปจากสวนเอเดน - ปฐมกาล 3 - 23 สวนสวรรค์อีเดนคือดินแดนที่พระเจ้าสร้างให้กับมวลมนุษย์ที่มีแต่สันติสุข เช่นกันกับดินแดนสุขวดีในนิยามศาสนาพุทธที่ผมนับถือ ทุกผู้คนต่างยึดมั่นในสันติและความดีงาม ทันทีที่พวกเราพ่ายแพ้ต่อกิเลศจนถูกขับออกมา แทนที่จะหาทางกลับไปอยู่ดินแดนอันแสนสุข การกระทำของมวลมนุษย์ตลอดหลายพันปีนี้กลับทำให้พวกเราเดินห่างจากจุดเริ่มต้นนั้นมาเรื่อยๆ อย่าได้ทรนงไปว่าพวกเราก้าวหน้าแค่ไหน / มีความรู้วิวัฒนการอย่างไรก็ตาม มันย่อมไม่มีประโยชน์ถ้ายังเลือกแต่ผู้นำโง่ๆ มาปกครอง But all the knowledge in the world is of no use to fools - ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นอันตรายมากถ้าให้คนบ้าอำนาจที่ต้องการเพียงแค่สร้างอาณาจักรของตนเองมากำหนดประชาชนส่วนใหญ่ - ดิ อีเกิ้ล ให้ผีของ จูเลียส ซีซ่าร์ มายืนยันว่าเป็นจะเสียเลือดเนื้อกันเปล่าๆ the road to empire is a bloody, stupid waste" ความมุ่งมั่นจะสร้างความยิ่งใหญ่และอาณาจักรของใครบางคนทำให้คนบริสุทธิ์เป็นเครื่องมือมาตลอด อำนาจน่ะ ลองได้เสพแล้วจะเกิดเป็นสิ่งเสพติดทันที It's hard to stop this binging once you get a taste ผมมองการเลือกตั้งวันที่ 23 นี้ก็เช่นกัน And it's a long road out of Eden - นับแต่ครั้งที่มนุษย์เราให้ความโลภและกิเลศเข้าครอบงำ Behold the bitten apple - ตั้งแต่นั้นโลกก็ไม่เคยสงบสุข และเราต่างก็เดินห่างจากสรวงสวรรค์ จนไกลไปทุกที.... Moon shining down through the palms Shadows moving on the sand Somebody whispering the 23rd Psalm Dusty rifle in his trembling hands Somebody trying just to stay alive He got promises to keep Over the ocean in America Far away, the master sleeps Silent stars blinking in the blackness of an endless sky Gold, silver satellites, ghostly caravans passing by Galaxies unfolding and new worlds being born Pilgrims and prodigals creeping toward the dawn And it's a long road out of Eden Music blasting from an SUV On a bright and sunny day Rolling down the interstate In the good old USA Having lunch at the petroleum club Smoking fine cigars and swapping lies They say, "Give me 'nother slice of that barbecued brisket Give me 'nother piece of that pecan pie" Freeways flickering; cell phones chiming a tune We're riding to Utopia; road map says we'll be arriving soon Captains of the old order clinging to the reins Assuring us these aches inside are only growing pains But it's a long road out of Eden Back home, I was so certain; the path was very clear But now I have to wonder - what are we doing here? And I'm not counting on tomorrow and I can't tell wrong from right But I'd give anything to be there in your arms tonight Weaving down the American highway Through the litter and the wreckage, and the cultural junk Bloated with entitlement, bloated on propaganda Now we're driving dazed and drunk Went down the road to Damascus, the road to Mandalay Met the ghost of Caesar on the Appian Way He said, "It's hard to stop this binging once you get a taste But the road to empire is a bloody, stupid waste" Behold the bitten apple, the power of the tools But all the knowledge in the world is of no use to fools And it's a long road out of Eden http://www.oknation.net/blog/kakalot/2007/12/23/entry-1 (http://www.oknation.net/blog/kakalot/2007/12/23/entry-1) หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 12-01-2008, 20:04 Long Road Out of Eden การโฉบพสุธาของพญาอินทรี The Eagles
โดย Co-Op 14 พฤศจิกายน 2550 14:35 น. The Long Run ได้รับการจดจำในฐานะอัลบั้มเต็มชุดสุดท้ายของ The Eagles วงเวสเทิร์นร็อกอันดับหนึ่งของวงการมากว่า 28 ปี แม้เมื่อ 13 ปีก่อนทางวงจะปล่อยงาน Hell Freezes Over ที่มีเพลงใหม่ถึง 4 เพลง มันก็ไม่ถือว่าเป็นผลงานอัลบั้มเต็มของวง จนกระทั้งทางวงได้ออกทัวร์ที่มีชื่อว่า Farewell 1 Tour ที่ทำให้แฟนๆ หลายคนทำใจแล้วว่าพญาอินทรีวงนี้คงจะถึงเวลาปลดระวางตัวเองเสียแล้ว แต่ใครจะเชื่อว่าในวัย 60 ในปี 2007 พวกเขาจะกลับมาอีกครั้ง และเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในผลงานซีดีคู่ในชื่อชุดที่ถูกตั้งออกมาอย่างจงใจว่า Long Road Out of Eden การกลับมาครั้งนี้มีสิ่งที่เหมือนและแตกต่างจากพญาอินทรีตัวเดิมที่เรารู้จัก ทุกวันนี้แฟนเพลงหลักๆ ของ Eagles เปลี่ยนจากสิงห์รถบรรทุก (ที่ส่งให้รวมฮิตของเขาเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในอเมริกา) มาเป็นคนขับรถเก๋ง รถสปอร์ต กันหมดแล้ว (ที่ทำให้พวกเขายังคงมีรายได้มหาศาลจากยอดขายประเภทบ็อกซ์เซ็ต, ดีวีดี และคอนเสิร์ต) สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนก็คือสมาชิกในวงจาก 5 คนเหลือแค่ 4 คน ตามการจากไปของ ดอน เฟลเดอร์ มือกีตาร์ฝีมือฉมัง ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวถูกแทนที่โดยมือกีตาร์ประจำทัวร์ครั้งล่าสุดของวงอย่าง สจ็วร์ต สมิธ ที่ฝีไม้ลายมือไม่เป็นรองใคร และยังควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์และแต่งเพลงหลายๆ เพลงในชุดนี้ด้วย (แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นสมาชิกของวงอยู่ดี) โดยในบรรดารายชื่อโปรดิวเซอร์หลายคนของชุดนี้ยังรวมไปถึง บิล ซิมซิก โปรดิวเซอร์คู่บุญของวงที่เคยร่วมงานกันมาทุกชุดนับตั้งแต่ On the Border เมื่อปี 1974 ที่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในชุดนี้ด้วย หลังจากใช้เวลาในการบ่มเพาะผลงานชุดนี้อย่างเงียบๆ มากว่า 6 ปี ผลที่ได้ก็คืออัลบั้มคู่ความยาวชั่วโมงครึ่ง จากจำนวนเพลงถึง 20 เพลง ซึ่งมีลีลาที่แตกต่างกันออกไป แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็น The Eagles เช่นเดิม 1. No More Walks in the Wood แทร็คเปิดตัว เป็นเพลงที่โชว์การประสานเสียงของวงอันเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว เนื้อหาอินเทรนด์เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ฟังแล้วชวนคิดถึงเพลง Seven Bridges Road จาก Eagles Live เป็นการเปิดอัลบั้มแรกใน 3 ทศวรรษอย่างมีสไตล์ 2. How Long มีศิลปินอยู่ 2 รายที่ไม่เคยเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของวง แต่มีอิทธิพลทางดนตรีของ The Eagles อย่างสูง อันได้แก่ เจ.ดี. เซาเธอร์ และ แจ็คสัน บราวน์ ที่แต่งเพลงฮิตป้อนให้วงเอาไปร้องจนโด่งดังเสมอๆ ซึ่งเพลงจังหวะร็อก แอนด์ โรล์ คันทรี มันๆ เพลงนี้เป็นผลงานที่แต่งขึ้นมาโดยฝีมือของเจ.ดี. ล้วนๆ และการันตีความฮิตในฐานะซิงเกิลแรกของอัลบั้ม และน่าจะเป็นเพลงประจำในคอนเสิร์ตของพวกเขาไปอีกนาน How Long 3. Busy Being Fabulous เพลงคันทรีเนิบๆ ฝีมือการแต่งของเกลน เฟรย์ และ ดอน เฮนรี ฟังทีเดียวก็ติดหู 4. What Do I Do With My Heart แล้วก็มาถึงเพลงช้าที่ขาดไม่ได้ของ Eagles เพลงนี้เรียกได้ว่าหวานจับใจ เสียงร้องอ้อนๆ ของเกลน เฟรย์น้ำตาลเรียกพี่พอๆ กับเพลง Lover's Moon ทีเดียว เป็นอีกผลงานที่ภูมิใจเสนอของคู่หูเฟรย์-เฮนรี ที่ใครฟังก็ต้องชอบแน่นอน 5. Guilty of the Crime สับอารมณ์กันด้วยมันๆ กวนๆ ของจิ๊กโก๋ประจำวงอย่าง โจ วอลช์ ผลงานการแต่งของ แฟรงกี มิลเลอร์ ศิลปินสก็อตรุ่นเก๋า และ เจอร์รี ลิน วิลเลียมส์ ที่เข้ากับ โจ วอลช์ ทีเดียว โดดเด่นด้วยเสียงประสานที่หนักแน่นในท่อนคอรัส เป็นเพลงสไตล์คันทรีร็อกที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพลงหนึ่งของชุดนี้ และแสดงให้เห็นว่าเมื่อชาติต้องการ สไลด์กีตาร์ของโจ วอลช์ก็ทำงานทุกเมื่อ 6. I Don't Want To Hear Anymore กลายเป็นเสียงร้องที่โปรดปรานของบรรดาคู่รักไปแล้วสำหรับเสียงเล็กๆ นุ่มๆ ของ มือเบส ทิมโมธี บี. ชมิท หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วจาก I Can't Tell You Why, Love Will Keep Us Alive และเพลงนี้ก็เป็นฝีมือการแต่งของ พอล คาแร็ค ที่เคยร่วมเขียน Love Will Keep Us Alive มาแล้วนั่นเอง 7. Waiting in the Weeds เพลงแมนโดลินสุดละเมียดเพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่เพราะที่สุดของอัลบั้ม ความยาว 7 นาทีกว่าๆ ที่เต็มไปด้วยเมโลดีหวานๆ และการประสานเสียงที่ชวนฝัน เสียงคีบอร์ดที่คล้ายกับเมลโลทรอนกับเครื่องสายที่ใส่เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบและคุณค่าของบทเพลง ฝีมือการแต่งร่วมกันของเฮนรี และ สจ็วร์ต สมิธ มือกีตาร์ของวง ถ้าในคอนเสิร์ตต่อด้วยเพลง Tequila Sunrise (ถ้าใช้แมนโดลินเหมือนกัน) คงจะได้อารมณ์ที่วิเศษมากๆ 8. No More Cloudy Days เพลงเพราะๆ สไตล์เกลน เฟรย์ที่แฟนๆ เคยได้ฟังกันมาแล้วจากดีวีดี Farewell 1 Tour-Live from Melbourne เสียงแซ็กโซโฟนท้ายเพลงกับเสียงกีตาร์ชวนให้จูงมือคนรู้ใจเดินเล่นในสวนท่ามกลางแสงแดดยามเช้าจริงๆ Waiting in the Weeds 9. Fast Company เพลงอาร์ แอนด์ บี เน้นจังหวะหนักๆ ใครอยากรู้ว่า ดอน เฮนรี แปลงร่างเป็น Prince ได้ยังไงต้องฟังเพลงนี้ 10. Do Something อีกหนึ่งเพลงรักที่ ทิมโมธี บี. ชมิท กลับมาให้เสียงออดอ้อนอีกครั้ง เพลงนี้เขาลงมือเขียนเองด้วย (ร่วมกับเฮนรีกับสมิธ) 11. You Are Not Alone เพลงช้าๆ ให้กำลังใจพร้อมกับเสียงนุ่มๆ ของเกลน เฟรย์ 12. Long Road Out of Eden เพลงเนื้อหาจริงจังความยาว 10 กว่านาทีที่ 3 สมาชิกของวง(เฮนรี,เฟรย์,ชมิท) ช่วยกันแต่ง ใช้ธีมเป็นเสียงดนตรีแขกสร้างความขลัง เป็นหนึ่งในความพยายามสร้างเพลงมหากาพย์ของพวกเขาได้น่าสนใจ 13. I Dreamed There Was No War บรรเลงกีตาร์ของเกลน เฟรย์ทีให้อารมณ์เวิ้งว้างเหมือนกับเพลง Going Home ของ มาร์ค น็อปฟ์เลอร์ 14. Somebody เพลงร็อกที่มีเสียงออร์แกนลอยมาแต่ไกล ร่วมแต่งโดย แจ็ค เทมป์ชิน อีกหนึ่งนักแต่งเพลงที่เคยมีผลงานกับวงมากมาย (Peaceful Easy Feeling, Already Gone, The Girl From Yesterday) ท่อนกีตาร์โซโลเล่นได้อารมณ์ดีทีเดียว 15. Frail Grasp on the Big Picture เพลงร็อกจังหวะกวนๆ กับกีตาร์สไตล์ฟังกี เนื้อหาประชดประชันสไตล์ถนัดของ ดอน เฮนรี 16. Last Good Time in Town เพลงโจ๊ะๆ เขียนเองร้องเองของเฮีย โจ วอลช์ สื่ออารมณ์อยากจะหลุดจากพันธนาการของชีวิตในเมืองเหมือนกับ In the City ลีลากระตุกกีตาร์เหมือน Life in the Fast Lane ถูกเอามาหยอดเล็กๆ น้อยๆ กันลืมในเพลงนี้ No More Cloudy Days 17. I Love To Watch a Woman Dance เพลงสโลว์ช้าๆ โดยเสียงร้องของเกลน เฟรย์ เล่นเอาเคลิ้มไปเหมือนกัน 18. Business as Usual เพลงร็อกเน้นจังหวะฝีมือของดอน เฮนรีและสจ็วร์ต สมิธ เป็นเพลงที่กีตาร์โดดเด่นใช้ได้ 19. Center of the Universe เฮนรี,เฟรย์,สมิธ ช่วยกันแต่งที่ออกอารมณ์แสนวังเวงเพลงนี้ เป็นอีกเพลงที่โชว์การประสานเสียงที่ยอดเยี่ยมของวง 20. It's Your World Now ผลงานปิดท้ายร่วมกันเขียนระหว่างเกลน เฟรย์และแจ็ค เทมป์ชิน ในบรรยากาศผ่อนคลายสไตล์แคลิบเบียน ทั้งเสียงกีตาร์, เครื่องเคาะ, แอคคอเดียน กับ ทรัมเป็ตช่างเสริมกันได้ถึงอารมณ์ อดนึกไม่ได้ว่าถ้ามีสาวเสียงดีซักคนเอามันไปคัพเวอร์ในภาษาสเปนที่ลื่นหูกว่านี้คงจะสมบูรณ์แบบมาก หลังจากฟังทั้ง 20 เพลงของชุดนี้เสร็จสิ้นแล้ว สิ่งที่สัมผัสได้ทันทีคือความพยายามของศิลปินที่ใช้ชีวิตในวงการดนตรีมากว่า 30 ปีในการสร้างผลงานเพื่อให้สมศักดิ์ศรีในการกลับคืนวงการอีกครั้ง แม้มันจะขาดแคลนความท้าทายทางดนตรีที่เคยทำให้พวกเขาเป็นตำนานเหมือนกับที่เกิดขึ้นในชุด Hotel California อันลือลั่นของเขา สำหรับแฟนที่คาดหวังจะได้ยินเพลงแบบ Hotel California, Life in the Fast Lane หรือ Get Over It อาจจะผิดหวังกับเพลงที่แต่งออกมาเพื่อสร้างบรรยากาศสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตเป็นหลักอย่างนี้ แต่แฟนเพลงที่ศรัทธาพวกเขาจากเพลงอย่าง Lyin' Eyes, New Kid in Town, Take It Easy, The Long Run หรือแม้แต่ The Last Resort ผลงานชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นของขวัญที่เซอร์ไพรส์ในความตั้งอกตั้งใจในการทำงาน ขณะที่วงรุ่นราวคราวเดียวกันมากมายที่ต่างเลิกราแยกย้ายกันไปหมดแล้ว แน่นอนว่าการร่อนลงของพญาอินทรีอาจจะไม่สง่างามเหมือนกับครั้งที่ไปโฉบเฉี่ยวกลางเวหาอย่างเมื่อวันวาน แต่มันก็ยังคงเป็นวิหกตัวเดียวกันที่กลับสร้างความยิ่งใหญ่ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่มีใครที่จะเลียนแบบมันได้ http://www.manager.co.th/entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9500000135124 (http://www.manager.co.th/entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9500000135124) หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-01-2008, 20:54 :slime_inlove: :slime_cool: :slime_smile:
Eagles - Long Road Out Of Eden - Waiting In The Weeds.mp3 http://www.esnips.com/nsdoc/6c4f8332-a0d0-4d83-bf50-d72cfdbe31c5/?id=1200145812359 Eagles - Long Road Out Of Eden - Somebody.mp3 http://www.esnips.com/nsdoc/4339dcb7-571e-4737-bc64-53a0e0da799a/?id=1200145454062 Eagles - Long Road Out Of Eden.mp3 http://www.esnips.com/nsdoc/98cbde7c-d09f-47ef-a049-5b6fb911508c/?id=1200146000984 หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: Priateľ ที่ 12-01-2008, 21:17 อ่านแล้วเคลิ้มตามเลยครับ สงสัยว่าจะลองหาอัลบั้มมาฟังดูแล้ว ปกติโหลดครับ แต่กับของดีๆแล้วยินดีควักตังค์เสริมควบคู่กับการโหลด
หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 12-01-2008, 21:32 อ่านแล้วเคลิ้มตามเลยครับ สงสัยว่าจะลองหาอัลบั้มมาฟังดูแล้ว ปกติโหลดครับ แต่กับของดีๆแล้วยินดีควักตังค์เสริมควบคู่กับการโหลด อัลบั้มคู่สองแผ่นในราคา 300ฝ่าๆ ฝีมือระดับนี้ผมถือว่าคุ้มมาก ยังไงโหลดแล้วถ้าชอบก็สนับสนุนเถอะครับ ปัจจุบันมันใช้ซองกระดาษแทนซองพลาสติดแข็งแล้วครับ555 หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ********Q******** ที่ 12-01-2008, 22:13 :slime_agreed:
Eagles - Long Road Out Of Eden - No More Walks In The Wood http://www.esnips.com/nsdoc/eaae4b3f-2aef-4f74-8b12-c44f76d1c54d/?id=1200148671140 หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 13-01-2008, 04:10 ได้ฟังบางเพลงแล้วครับ Waiting in the Weeds เพราะมากๆ :slime_agreed:
เอาลิงค์เพลงที่ YouTube มาลงให้นะครับ Eagles - How Long http://www.youtube.com/watch?v=ZtCmIYpfUHY Eagles- Waiting in the Weeds http://www.youtube.com/watch?v=Q9yzmH5EszY Eagles- No More Cloudy Days http://www.youtube.com/watch?v=CuKcj0QRFRA หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ใบไม้ทะเล ที่ 13-01-2008, 15:02 โหยยไม่ค่อยร๊อคเลยนะค่ะ :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:
ฟังแล้วพี่ต้องโยกหัวไปด้วยไหมเนี๊ยะ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟัง :slime_v: หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 13-01-2008, 17:35 ไปเจอในชุดเดียวกันอีกหลายเพลงที่ YouTube ครับ ..
Eagles - Last Good Time In Town http://www.youtube.com/watch?v=gV3s1pUu7HU Eagles - Do Something http://www.youtube.com/watch?v=pRuVRdSeOsI Eagles - It's Your World Now http://www.youtube.com/watch?v=NsIjbr8zJ6U เห็นว่ามีคอนเสิร์ท ที่ Nokia Theater Hall ไปเมื่อปีก่อน มีวง Dixie Chicks มาเล่นเปิดงานให้ด้วย ไม่รู้ว่าจะมีทำเป็น DVD ออกมาหรือเปล่านะครับ แต่ที่แน่ๆ อัลบัมชุดนี้น่าอุดหนุนจริงๆ :slime_agreed: หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 14-01-2008, 22:42 * เอาประวัติคร่าว ๆ ของ Eagles มาแปะ .............
(http://img227.imageshack.us/img227/2980/53798284uk0.jpg) (http://imageshack.us) The Eagles เกิดจากการรวมตัวของ 4 นักดนตรี ที่ย้ายจากพำนักถิ่นฐานมายังดินแดนชายฝั่งตะวันตกในเมือง ... ลอสแองเจลลิส ที่เป็นศูนย์กลางของเพลงร็อคแอนด์โรลในช่วงต่อยุค 60s กับ 70s ... ได้ให้กำเนิดดนตรีสไตล์ใหม่ล่าสุดนั่นคือ คันทรี่ร๊อค ซึ่งมีท่วงทำนองที่โดดเด่น ผสมผสานพลังของเพลง คันทรี่ โฟล์ค และ บลูกราส ความสามารถเป็นเลิศด้านร๊อคแอนด์โรล ผู้ที่เป็นคลื่นลูกใหม่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวง ..... EAGLES ถึงแม้ว่าจะมีวงอื่นๆที่บุกเบิกเพลงสไตล์นี้มาก่อนแล้วอย่าง... วง Byrds , Buffalo Springfield , Flying Burritto Brothers และ Paco แต่วง EAGLES ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่พบจุดขายของดนตรีแนวนี้อย่างแท้จริงโดยเน้นความเป็น ร๊อค ใน คันทรี่ร๊อค มากกว่าวงก่อนๆ .... เพลงของ EAGLES ใช้เครื่องดนตรีอย่าง กีตาร์โปร่ง, แมโดริน และแบนโจ ... มาช่วยเพิ่มความเป็นคันทรี่ วง EAGLES ยังใช้เสียงประสานคำร้องที่นุ่มนวลตามแบบฉบับของ The Beatles ,The Beach Boy และ Crosby Still and Nash ซึ่งทำให้เห็นความสามารถของพวกเขาในการเล่นกีตาร์โปร่งที่ให้เสียงนุ่มนวลสลับกับการเล่นกีตาร์ไฟฟ้าที่หนักหน่วงขึ้นด้วยเสียง โทนบลูส์ .... ได้อย่างไร้ขอบเขตแต่มักจะหนักไปทางร๊อคมากกว่าคันทรี่ (http://img89.imageshack.us/img89/9416/44752569xz6.jpg) (http://imageshack.us) แรนดี้ ไมส์เนอร์ [ Randy Meisner ] นักร้องนำ และ มือเบส เกิด ณ เมือง สก็อตส์บลัฟฟ์ [ Scottsbluff ] มลรัฐเนวาดา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2489 ..... และ ย้ายมาพำนักที่ลอสแองเจลิส ในปี พ.ศ.2507 เพื่อร่วมทำงานกับ The Soul Survivors ต่อมา The Soul Survivors เปลี่ยนชื่อเป็น The Poor ในปี พ.ศ. 2511 แรนดี้ คือ สมาชิกผู้ก่อตั้ง โปโก แต่ลาออกจากวงเสียก่อน ที่จะมีผลงานชุดแรกเพื่อไปร่วมทำงานกับเดอะ สโตนแคนยอนแบนด์ ..... วงดนตรีแบ็คอัพของ ริคเนสัน (http://img89.imageshack.us/img89/6017/25627535eo9.jpg) (http://imageshack.us) เบอร์นี่ย์ ลีดัน [ Birnie Leadon ] นักร้องนำ มือกีตาร์ แบนโจและ แมนโดลิน ถือกำเนิด ณ เมืองมินเนอาโพลิส [ Miinneapolis ] มิเนโซต้า วันที่ 19 กรกฎาคมพ.ศ. 2490 ย้ายมาพำนักที่ ลอสแองเจลลิส เมื่อ พ.ศ.2510 โดยร่วมงานกับ ฮาร์ทส์ แอนด์ ฟลาวเวอรส์ [ Hearts and Flowers ] ดิลลาร์ด แอนด์ คลาร์ค [ Dillard and Clark ] และ เดอะ ฟลายอิ้งก์ เบอร์ริโต บราเธอรส์ [ The Flying Burrito Brothers ] (http://img89.imageshack.us/img89/9383/15472632fp2.jpg) (http://imageshack.us) ดอน เฮนเลย์ [ Don Henley ] นักร้องนำ และ มือกลองเกิดเมื่อ วันที่ 22 กรกฏาคม 2490 เมืองกิลเมอร์ [ Gilmore ] รัฐเท็กซัส ย้ายเข้ามาที่ลอสเองเจลลิส เมื่อปี 2513 โดยร่วมงานกับ วงไชโลห์ [ Shiloh ] และออกผลงานเพลงในสังกัด เอมอส เรคคอร์ดส์ [ Amos Records ] (http://img137.imageshack.us/img137/921/99878462sq1.jpg) (http://imageshack.us) เกลน เฟรย์ [ Glen Frey ] เกิดที่ เมืองดีทรอยท์ [ Detroit ] รัฐมิชิแกน วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2491 เล่นดนตรีที่บ้านเกิด และเป็นวงแบ็คอัพให้กับ บ็อบ เซเจอร์ [ Bob Seger ] ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ แอลเอ ในฤดูร้อนของ พ.ศ.2511 ได้ร่วมกับ เจ.ดี. ซัทเธอร์ [ J.D. Suther ] ก่อตั้ง วงลองก์แบรนช์ เพนนีวิสเซิล [ Longbranch Pennywhistle ] และเซ็นสัญญากับ เอมอส เรคคอร์ด [ Amos Record ] และออกผลงานชื่อเดียวกับวงในปี พ.ศ. 2512ในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ.2514 เฟรย์ [ Frey ] และ เฮนลีย์ [ Henley ] ได้รับการว่าจ้างให้เป็นวงดนตรีแบ็คอัพของ ลินดา รอนสตัดท์ ส่วน ไมส์เนอร์ และลีดัน ร่วมเป็นนักดนตรีแบ็คอัพในการทัวร์คอนเสิร์ตฤดูร้อน ของ ลินดารอนสตัดท์ เช่นกัน โดยทั้ง 4 เปิดแสดงโชว์เล็ก ๆ ร่วมกันหนึ่งครั้ง ณ ดิสนีย์แลนด์ ในเดือนกรกฎาคมและได้ร่วมเล่นดนตรีในผลงานชุด ลินดา รอนสตัดท์ ที่ออกจำหน่ายใน พ.ศ. 2515 (http://img89.imageshack.us/img89/7639/72410010sa7.jpg) (http://imageshack.us) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2514 ทั้ง Frey, Henley, Leadon และ Meisner เซ็นสัญญากับ David Geffen ผู้จัดการวงและ ตกลง ที่จะบันทึกเสียงให้กับบริษัทแผ่นเสียงน้องใหม่ แอสไซลัม เรคคอร์ด หลังจากนั้นไม่นานจึงตั้งชื่อวงว่า The Eagles ....... ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 บินไปอังกฤษและ ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการบันทึกเสียงผลงานชุด The Eagles โดย กลีน จอห์นส์ ทำหน้าที่ควบคุมการผลิต และวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน โดยทะยานเข้าสู่ชาร์ทท็อป 20 และไต่อันดับขึ้นเรื่อย ๆ ภายในระยะเวลา ปีครึ่ง ตามมาด้วย 2 บทเพลงยอดนิยมติดอันดับ 1 ใน 10 อย่าง เทคอิท อีซี่ [ Take It Easy ] และวิทชี่ วูแมน พร้อมกับบทเพลง ยอดนิยม 1 ใน 20 อย่าง พีซฟุล อีซี่ ฟีลลิ่ง [ Peaceful Easy Felling ] The Eagles ออกตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตตลอดปี พ.ศ.2515 จนกระทั่งถึงต้นปี พ.ศ.2516 และย้อนกลับไปอังกฤษอีกครั้ง พร้อมกับ กลีน จอห์นส์ [ Glyn Johns] เพื่อบันทึกเสียงผลงานชุดที่ 2 Desperado ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพวกนอกกฎหมาย และวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2516 โดยทะยานเข้าสู่ท็อป 40 โดยเพียงระยะเวลาในช่วงเวลาปีครึ่งบทเพลง เตกิล่า ซันไรส์ ขึ้นไปถึงท็อป 40 แม้ว่าบทเพลงจะไม่เคยออกเป็นซิงเกิ้ลก็ตาม แต่ได้กลับเป็นหนึ่งในบทเพลงยอดนิยม และได้รับการรวมไว้ ในผลงานรวมบทเพลงยอดนิยมชุดแรกของ The Eagles หลังจากตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตโปรโมท ผลงานชุด Desperado, The Eagles กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อผลิตผลงานชุดที่ 3 กับ ผู้ควบคุมงานดนตรี กลีน จอห์นส์ แต่ด้วยความปรารถนาที่สร้างบทเพลงร็อคให้หนักแน่นและแสดงถึงพลังแห่งดนตรีร็อคมากยิ่งขึ้น กลับขัดกับความคิดของกลีน ที่ต้องการให้ The Eagles เป็นวงดนตรีในแนว คันทรี่ร็อค จึงเป็นเหตุผลให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้อง แยกกันทำงาน ภายหลังจากอัดเสียงไปได้เพียง 2 เพลงเท่านั้น คือ You Never Cry Like a Lover และ The Best of My Love ภายหลังการทัวร์คอนเสิร์ตตอนต้นปี พ.ศ. 2517 นักร้องนำและนักกีตาร์ Joes Walsh ได้จ้างโปรดิวเซอร์ของ วอลช์ นั่นก็คือ .... บิล ซิมซิค มาทำงานดนตรีที่เหลือทั้งหมดใน ผลงาชุด On the Border โดย บิล ได้นำ ดอน เฟลเดอร์ ผู้กำเนิดที่เมืองเกนส์วิล รัฐฟลอริดา ...เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ.2490 และ เป็นเพื่อนเก่าของ เบอร์นีย์ ลีดอน ทุกคนในวงประทับใจและยินดีที่ได้ร่วมงานกับ สมาชิกใหม่ ผลงานชุด On the Boarder วางจำหน่ายในเดือนมีนาคม พ.ศ.2517 และได้รับแผ่นเสียงทองคำพร้อมกับสามารถทะยานสู่ 1 ใน 10 ของชาร์ทท็อป 10 ในเดือนมิถุนายน โดยสามารถทำสถิติผลงานชุดที่ขายได้รวดเร็วที่สุดของ The Eagles ...... และในเดือนเดียวกันนั้นเองผลงานซิงเกิลแรก Already Gone พุ่งเข้าสู่ท็อป 20 แต่บทเพลงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในผลงานชุดนี้ และทำให้ The Eagles เป็นที่รู้จักของผู้ฟังในวงกว้างขึ้นคือ The Best of My Love ซึ่งวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน บทเพลงนี้เข้าสู่ Easy Listening Chart ในปี พ.ศ. 2518 และทะยานสู่ ชาร์ทเพลงป็อป มากมายในเดือนถัดมา ..... http://www.guitarthai.com/toom/toomdetail.asp?paraID=13 << อ้างอิงจากที่นี่ http://manamoiy.multiply.com/reviews/item/4 << และก็จาก นี่ http://www.acousticthai.net/the_eagles_biography.htm << อันนี้ก็ ok หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 15-01-2008, 00:14 ผมชอบวงนี้มากครับ วงนี้เป็นวงรุ่นเก๋าขวัญใจผมเลย
ผมว่าวงนี้ขึ้นถึงจุดสุงสุดของวงการดนตรีแล้วนะ เพลงเพราะเยอะมากๆ :slime_agreed: Hotel Califonia,Desperado,Take it easy,Lying Eye :slime_cool: หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: see - u ที่ 15-01-2008, 01:52 * เอา MV เพลงที่คุณ ริวเซย์ เขียนถึงมาแปะให้ ...... :slime_smile:
~ Hotel California - Eagles >> http://www.youtube.com/watch?v=vPIuIwSJ41s&feature=related ~ Desperado - Eagles >> http://www.youtube.com/watch?v=pnkJoItg6Nw&feature=related ~ Take It Easy - Eagles >> http://www.youtube.com/watch?v=vbbzB-GTYT0&feature=related ~ i can't tell you why - Eagles >> http://www.youtube.com/watch?v=ZB63kzEFFAU&feature=related หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: drop ที่ 15-01-2008, 08:07 ชอบเพลง Desperado มาบอกแค่นี้ อิอิิ :slime_smile: หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: grave accent ที่ 15-01-2008, 09:51 Take It Easy
ชอบครับเพลงนี้ แล้วอีกหลายๆเพลงด้วย หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-01-2008, 13:03 โจ วอลต์ เมื่อก่อนเคยอยู่วงร็อคบลู ที่ดังมากวงหนึ่งครับ ชื่อ james gang วงนี้ผมก็ชอบ
หัวข้อ: Re: Long Road Out Of Eden 28ปีที่รอคอย สิ่งที่ได้รับคือสุดยอด เริ่มหัวข้อโดย: ชัย คุรุ เทวา โอม ที่ 16-01-2008, 13:34 Artist: Eagles
Title: What Do I Do With My Heart Album: Long Road Out Of Eden You dont have to say a word I can see it in your eyes I know what you wanna say Its so hard to say goodbye I can hold back my tears And try to be strong While our love is fallin apart I know what Ill say If you walk away But what do I do What do I do with my heart? Im not gonna say a word I know I cant change your mind You know where you need to go I know Ill be left behind I wont hold you back I wont stand in your way If you need to make a new start But I still wanna know When my arms let you go What do I do What do I do with my heart? Oh, girl, dont you remember? It was not so long ago We were makin plans for two Just me and you Now you tell me that youve found somebody Someone who loves you better No one could ever love you The way I do Tell me youre not leavin now Tell me youre not leavin Tell me that youre gonna stay Please say youll stay with me, baby Tell me that you love me still Say you love me still For this and this alone I pray Fall down on my knees and pray Ill do anything Yes, I would To save what we have To keep you by my side Ill love you til death do us part But what do I do What do I do When Im still missing you? What do I do What do I do with my heart? เธอไม่ต้องเอ่ยสักคำ ฉันอ่ามันได้ในตาของเธอ ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร มันลำบากที่จะพูดคำลา ฉันสามารถกลั้นน้ำตาฉันไว้ และพยายามเข้มแข็ง ยามที่รักของเรากำลังทลายลงไป ฉันรู้ว่าฉันจะพูดว่าอะไร ถ้าเธอเดินจากไป แต่ฉันจะทำอะไร ฉันจะทำอะไรกับหัวใจของฉัน? ฉันจะไม่พูดอะไรสักคำ ฉันรู้ฉันเปลี่ยนใจเธอไม่ได้ ฉันรู้ว่าเธอต้องไปที่ไหน ฉันรู้ว่าฉันจะถูกทิ้ง ฉันจะไม่รั้งเธอไว้ ฉันจะไม่ขวางทางเธอ ถ้าเธอต้องเริ่มใหม่ แต่ฉันต้องการรู้ เมื่ออ้อมแขนฉันปล่อยเธอไป ฉันจะทำอะไร ฉันจะทำอะไรกับหัวใจของฉัน? โอ้ เธอจำไม่ได้เหรอ? มันไม่ได้นานสักเท่าไหร่เลย เรากำลังวางแผนสำหรับสองคน เพียงฉันและเธอ แล้วตอนนี้เธอมาบอกฉันว่าเธอเจอใคร สักคนที่รักเธอได้ดีกว่า ไม่มีใครที่จะสามารถรักเธอ ได้เหมือนกับฉัน บอกฉันว่าเธอจะไม่จากไปตอนนี้ บอกฉันว่าเธอจะไม่จากไป บอกฉันว่าเธอจะอยู่ ได้โปรดบอกฉันว่าเธอจะอยู่กับฉัน ที่รัก บอกฉันว่าเธอยังรักฉัน พูดว่ายังรักฉัน เพื่อสิ่งนี้ และเพียงเพื่อสิ่งนี้ฉันขอวอน ขุกเข่าลงไปและวิงวอน ฉันจะทำทุกสิ่ง ใช่ ฉันจะทำ เพื่อรักษาอะไรๆที่เรามี เพื่อเก็บเธอไว้ข้างๆฉัน ฉันจะรักเธอจนกว่าความตายมาแยกเราจาก แต่ฉันจะทำอะไร ฉันจะทำอะไร เมื่อฉันยังคิดถึงเธอ? ฉันจะทำอะไร ฉันจะทำอะไรกับหัวใจของฉัน? |