หัวข้อ: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 10-01-2008, 20:01 นโยบายเพิ่มรายได้ 4 เท่าได้แก่
1.การเน้นให้การท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักอันดับหนึ่งของประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้นักท่องเที่ยวจาก 1.5 แสนล้านบาทเป็น 3.5แสนล้านบาท โดยใช้ศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ 45 ล้านคนต่อปี 2.การพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และการผลิตยาของโลก เช่น โครงการสร้างเมืองโรงพยาบาลที่มีโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญการรักษาโรคทุกสาขา การสร้างเมืองวิทยาลัยการแพทย์ การสร้างเมืองอุตสาหกรรมยาของโลกที่ประเทศไทย โดยดึงบริษัทยาชั้นนำเข้ามาร่วมมือเพื่อผลิตยาสำหรับคนไทยและป้อนสู่ตลาดโลก และการตั้งศูนย์ค้นคว้าและพัฒนาการผลิตยาทั้งยาจากสารเคมีและยาที่ผลิตจากสมุนไพรในประเทศ 3.การส่งเสริมผลไม้ไทยและผลิตผลทางเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกอย่างแท้จริง 4.การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานราคาถูก โดยภายในหนึ่งไตรมาสแรกจะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ทั้งแบบอี-10 และอี-20 ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 3.50-4.50 บาทต่อลิตร และในระยะ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่มีราคาเพียง 8.50 บาทต่อกิโลกรัม 5.นโยบายรถไฟและคมนาคมสำหรับประชาชนทั้งประเทศ โดยจัดให้มีรถไฟ 5 ระบบสำหรับคนทั่วประเทศ คือ รถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รถไฟความเร็วสูง เช่น กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ รถไฟใต้ดิน 10 สาย รถไฟวงแหวน เชื่อมกรุงเทพฯสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี นนทบุรี รังสิต สมุทรปราการ และรถไฟก้างปลาสำหรับคนต่างจังหวัดที่จะใช้ในการขนส่งสินค้าเกษตรและอื่นๆ 6.นโยบายการเชื่อมโยงทุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมระหว่างชาติ เช่น การเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมครั้งใหญ่มาลงทุนที่ไทย โดยเน้นอุตสาหกรรมขนาดกลาง การเจรจาการค้าอย่างจริงจัง รวมถึงการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกไป โร้ดโชว์ในต่างประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุน 7.การสร้างมูลค่าเพิ่มจากวงการบันเทิงผ่านดารา ดนตรี เพลง และภาพยนตร์เช่นเดียวกับการทำเกาหลีมาร์เก็ตติ้ง นอกจากนี้ "มิ่งขวัญ" ยังประกาศนโยบายในส่วนการลงทุนจากต่างประเทศว่า ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดเงินและตลาดทุนจะมีการพารัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนไปพบนักธุรกิจต่างประเทศ รวมไปถึงการเจรจา หาผู้ค้าทางเศรษฐกิจใหม่ และจะมีการทบทวนฐานภาษีและโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งหมด อะไรติดขัดจะแก้ไขให้สะดวกหมด เพราะรู้ดีว่าระบบราชการติดขัดในส่วนใด สำหรับการสร้างรายได้นั้น พรรคพลังประชาชนยังมีนโยบายที่จะพัฒนาที่ดินกรมธนารักษ์ทั่วประเทศที่มีกว่า 12.5 ล้านไร่และมีมูลค่า 2 ล้านล้านบาทให้เกิดเป็นรายได้ของประเทศ จากที่ผ่านมารัฐบาลมีรายได้จากที่ดินของกรมธนารักษ์ คิดเป็น 0.4% ของรายได้ของรัฐบาล แน่นอน สิ่งที่พรรคพลังประชาชนเน้นย้ำก็คือ การเน้นนโยบายสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อาทิ การปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่เพื่อการพัฒนาคน การพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ดีขึ้น มีสิ่งแวดล้อมดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีประสิทธิภาพดีขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทุกด้าน ทั้งด้านกฎหมาย การพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุน สังคมและโครงการเมกะโปรเจ็ก พวกเราได้ตัดสินใจวางกรอบนโยบายโดยคำนึงว่า ประชาชนต้องมาก่อน ไว้อย่างนี้ครับ 1. เราอยากเห็น คนไทยมีคุณภาพ มีการศึกษาที่ดี รวย จน ต้องมีโอกาสเท่ากัน เราเชื่อว่า ถ้าทุ่มเงินงบประมาณเต็มที่ ( ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ) ภายใน 4 ปี ได้เห็นหน้าเห็นหลังแน่ เราเคยถามตัวเองว่า ถ้าเด็กไทยเก่ง ถ้าเด็กไทยพูดได้สองภาษา ประเทศชาติจะไม่เจริญได้อย่างไร ในโลกของโลกาภิวัฒน์ เราเชื่อว่าประเทศเจริญได้ คนในประเทศต้องมีคุณภาพ ตัวอย่างดูได้จากประเทศอินเดีย จำนวนคนอินเดียที่พูดอังกฤษได้มีมากกว่าคนอังกฤษเสียด้วยซ้ำ วันนี้ คนอินเดียแย่งงานจากคนในประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ว่า จากยุโรป หรือคนอเมริกัน กว่า 1.7 ล้านตำแหน่ง 2. เราอยากเห็นคนไทยที่ต้องการมีงานทำ ได้งานทำกันทุกคน น้องๆ นักศึกษาเรียนจบปีละ100,000 คนไม่มีงานทำ ถ้าอยากทํางาน ต้องได้ทำ นโยบายเศรษฐกิจต้องทำให้เกิดการสร้างงานครับ ประเทศต้องเปิดให้มีการลงทุนใหม่ ทั้งจากนักธุรกิจไทยเราเอง หรือ นักลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อสร้างงานครับ รัฐบาลต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจน เรามีแนวทางที่ชี้ให้เห็นว่าเราจะไม่มีมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงิน ( มาตรการ 30 % ต้องยกเลิก) เราต้องมีข้อกำหนดให้ชัดว่า ธุรกิจใดอนุญาติให้ต่างชาติทำได้ ธุรกิจใดเราไม่อนุญาติเพราะเราสงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น กฎหมายต่างด้าวต้องแก้ไขให้เกิดความชัดเจน ไม่กำกวม การสร้างงานหมายถึงการขยายตัวของธุรกิจที่มีอยู่แล้วด้วย ไม่ใช่ธุรกิจใหม่เท่านั้น รัฐต้องช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้กับนักธุรกิจ ถ้าเป็นนักอุตสาหกรรม ก็ต้องลดค่าขนส่ง ถ้าเป็นเกษตรกร ก็ต้องเพิ่มผลผลิต การที่จะลดค่าขนส่ง รัฐต้องลงทุนทันที ลงทุนรถไฟรางคู่ ขนส่งมวลชน (450,000 ล้านบาท ) ท่าเรือ สนามบิน เราตั้งเป้าหมายที่จะลดค่าขนส่งให้ได้ร้อยละ 15 ปัญหาของระบบราชการที่จุดส่งออก หรือนำเข้า ไม่ว่าที่ท่าเรือ หรือสนามบิน ต้องรวดเร็วไม่มีการค้างของสินค้าเป็นวัน ขจัดเงินใต้โต๊ะให้หมดไป ธุรกิจต้นทุนต่ำ แข่งกับตลาดโลกได้ ทำให้กิจการดี มีการขยับขยายกิจการ เป็นการสร้างงานเพิ่ม พี่น้องมีงานทำ มีรายได้ แก้ปัญหาหนี้สินได้ด้วยตนเอง สำหรับพี่น้องเกษตรกร เพิ่มผลผลิตได้โดยการช่วยเรื่อง เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และที่สำคัญมากที่สุดคือ น้ำ เราจะลงทุนระบบชลประทาน 300,000 ล้านบาท น้ำดี ดินดี ผลผลิตเพิ่ม รายได้จะสูงขึ้น 3. นโยบายเศรษฐกิจทีดีคือการมีวินัยทางการคลัง แปลว่า ใช้เงินอย่างมีวินัย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะมีได้ถ้ารัฐบาลมีวินัยในการใช้เงิน ประชาธิปัตย์เสนอว่าเราต้องใช้เงินภาษีอย่างมีวินัย ทุกบาท ทุกสตางค์ต้องตรวจสอบได้ เงินที่ใช้ในการลงทุน ต้องเป็นประโยชน์กับประชาชนเท่านั้น เราจะลงทุนด้านการศึกษาเป็นอันดับแรก คุ้มค่าเพราะเป็นการลงทุนในอนาคตของชาติ เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตเป็นคนไทยที่มีคุณภาพ เราจะลงทุนด้านการขนส่งสินค้า รวมทั้งระบบชลประทาน เพื่อลดต้นทุนการผลิต เราจะลงทุนด้านขนส่งมวลชน เพื่อการประหยัดด้านพลังงาน ในระยะ 2 -3 ปีแรก รายได้จากการจัดเก็บภาษีจะไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องกู้เพิ่ม แต่การกู้เงินจะไม่เกินระดับที่ทำให้ขาดวินัยทางการคลัง คือ ต้องไม่เกิน ร้อยละ 50% ของจีดีพี ( กู้ได้ไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ) โดย กอร์ปศักดิ์ พฤศจิกายน 2550 ดีที่พรรคที่ออกนโยบายสีแดงๆ ข้างบนนี่ ไม่ได้เสียงข้างมาก ไม่งั้นคงวังเวงพิลึก หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: ปรมาจารย์เจได ที่ 10-01-2008, 20:10 :slime_p:
หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 10-01-2008, 20:43 นโยบายเพิ่มรายได้ 4 เท่าได้แก่ 1.การเน้นให้การท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักอันดับหนึ่งของประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้นักท่องเที่ยวจาก 1.5 แสนล้านบาทเป็น 3.5แสนล้านบาท โดยใช้ศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ 45 ล้านคนต่อปี เอาแค่ข้อ 1 ข้อเดียว.. ไม่ทราบคุณอยากประหยัดไปเอามาจากไหนครับ ? *เพิ่มจาก 1.5 แสนล้านบาท เป็น 3.5 แสนล้านบาท* ก็เขาสรุปมาเรียบร้อยแล้วว่าปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 570,000 ล้านบาท อาการหนักกว่าคุณมั่วฝัน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจอีกนะนี่ :slime_smile2: หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 10-01-2008, 20:46 Usually its wealth was estimated somewhere between the $2 billion cited by Forbes magazine in 1997 and the $8 billion assigned in Michael Backmans 1999 book Asian Eclipse: Exposing the Dark Side of Business in Asia. In August, Bloomberg calculated the CPBs shareholdings at $5 billion, a number that Forbes also used a month later in ranking...
Now a new academic article in a special edition of the Journal of Contemporary Asia says those figures significantly underestimate the palaces wealth. Pxxxx, an economist at Sukhothai Thammathirat Open University near Bangkok, calculates the CPBs worth in 2005 at 1.123 trillion baht, or about $33 billion at todays exchange rates http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=918&Itemid=34 http://en.wikipedia.org/wiki/Bureau_of_the_Crown_Property 1999=$8 --> 2005=$33 โตขึ้น 4 เท่าภายในรัฐบาลเดียว อย่างงี้ไม่เรียกเศรษฐกิจดีเรอะ ตัวเลข 4 เท่าเหมือนกันเลยแฮะ หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส ที่ 10-01-2008, 21:03 ถาม ก๊อบศักดิ์ ได้คับ
V V V หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: เล่าปี๋ ที่ 10-01-2008, 21:07 ข้อความเมื่อ: วันนี้ เวลา 20:01ข้อความโดย: อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
1. เราอยากเห็น คนไทยมีคุณภาพ มีการศึกษาที่ดี รวย จน ต้องมีโอกาสเท่ากัน เราเชื่อว่า ถ้าทุ่มเงินงบประมาณเต็มที่ ( ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ) ภายใน 4 ปี ได้เห็นหน้าเห็นหลังแน่ เราเคยถามตัวเองว่า ถ้าเด็กไทยเก่ง ถ้าเด็กไทยพูดได้สองภาษา ประเทศชาติจะไม่เจริญได้อย่างไร ในโลกของโลกาภิวัฒน์ เราเชื่อว่าประเทศเจริญได้ คนในประเทศต้องมีคุณภาพ ตัวอย่างดูได้จากประเทศอินเดีย จำนวนคนอินเดียที่พูดอังกฤษได้มีมากกว่าคนอังกฤษเสียด้วยซ้ำ วันนี้ คนอินเดียแย่งงานจากคนในประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ว่า จากยุโรป หรือคนอเมริกัน กว่า 1.7 ล้านตำแหน่ง คุณประหยัดฯครับ ตรงที่ผมขีดเส้นใต้ตัวหนังสือนี่ อ่านแล้งงง จะไม่ยกเมฆมาคุยหรือครับ ? ผมไม่เชื่อครับ :slime_smile2: หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: ริวเซย์ ที่ 10-01-2008, 21:16 ถ้าอยากพัฒนาประเทศอย่างยั่งยื่นได้ก็ต้องหยุดโกงแล้วแก้ข้อครหาของสังคมให้ได้ก่อนทั้งหมด ตอบปัญหาประชาชนได้
อย่ามัววาดฝันอยู่เลย นโยบายในรอบที่แล้วทำได้จริงกี่ข้อ(เอาที่สำเร็จแล้วประชาชนได้ประโยชน์จริงๆโดยไม่มีข่าวเรื่องทุจริตทับซ้อน หรือชาติไม่เสียหายระยะยาว) ไอ้พวกเด็กเลี้ยงแกะ :slime_mad: หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: democrazy ที่ 10-01-2008, 22:17 นโยบายเพิ่มรายได้ 4 เท่าได้แก่ 1.การเน้นให้การท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักอันดับหนึ่งของประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้นักท่องเที่ยวจาก 1.5 แสนล้านบาทเป็น 3.5แสนล้านบาท โดยใช้ศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ 45 ล้านคนต่อปี - ข้อนี้ยกให้คุณ Jeerasak 2.การพัฒนาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และการผลิตยาของโลก เช่น โครงการสร้างเมืองโรงพยาบาลที่มีโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญการรักษาโรคทุกสาขา การสร้างเมืองวิทยาลัยการแพทย์ การสร้างเมืองอุตสาหกรรมยาของโลกที่ประเทศไทย โดยดึงบริษัทยาชั้นนำเข้ามาร่วมมือเพื่อผลิตยาสำหรับคนไทยและป้อนสู่ตลาดโลก และการตั้งศูนย์ค้นคว้าและพัฒนาการผลิตยาทั้งยาจากสารเคมีและยาที่ผลิตจากสมุนไพรในประเทศ - เรื่อง Medical Hub ได้ยินมาหลายปีดีดักตั้งแต่สมัย ทรท. ยังเรืองอำนาจ คราวนี้ก็กลับมาขายฝันเดิมๆ ในประเทศที่จำนวนแพทย์ต่อจำนวนประชากรห่างกันไกลลิบ หวังว่าส้มคงไม่ไปหล่นแถวโรงพยาบาลในเครือข่ายนะ 3.การส่งเสริมผลไม้ไทยและผลิตผลทางเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกอย่างแท้จริง - ได้ยินพูดอย่างนี้กันมาหลายสิบปี หลากชุดรัฐบาล มีแผนงานอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมบ้าง คำว่า "อย่างแท้จริง" นี่เช่นโครงการลำไยอบแห้งรึเปล่า หรือกล้ายาง หรือนโยบายโคล้านตัวในขณะที่เปิดเสรีนม + เนื้อวัวจากออสเตรเลีย 4.การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานราคาถูก โดยภายในหนึ่งไตรมาสแรกจะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ทั้งแบบอี-10 และอี-20 ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 3.50-4.50 บาทต่อลิตร และในระยะ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่มีราคาเพียง 8.50 บาทต่อกิโลกรัม - ส่งเสริมพลังงานทดแทนเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ควรเร่งดำเนินงาน แต่ก๊าซโซฮอลล์ถูกกว่าเบนซินน่ะมันจริงรึเปล่า? ปัจจุบันส่วนต่างต้นทุน รวมถึงภาษีและเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเป็นเท่าไหร่? การผลักดันให้คนหันมาใช้ก๊าซโซฮอลล์มันก็ดีอยู่ แต่อย่าไปอวดอ้างว่าจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง เพราะตนทุนจริงมันไม่ได้ต่างกันมาก หรือ พปช. มีนโยบายจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน? แล้วก๊าซธรรมชาติจะยืนราคาไปได้กี่ปี? เกรงว่าผู้ใช้ยังไม่ทันคุ้มค่าติดตั้งก็จะกระอักเลือดเพราะราคาก๊าซขยับขึ้นซะก่อน 5.นโยบายรถไฟและคมนาคมสำหรับประชาชนทั้งประเทศ โดยจัดให้มีรถไฟ 5 ระบบสำหรับคนทั่วประเทศ คือ รถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รถไฟความเร็วสูง เช่น กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ รถไฟใต้ดิน 10 สาย รถไฟวงแหวน เชื่อมกรุงเทพฯสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี นนทบุรี รังสิต สมุทรปราการ และรถไฟก้างปลาสำหรับคนต่างจังหวัดที่จะใช้ในการขนส่งสินค้าเกษตรและอื่นๆ - นโยบายใช้เงินก่อสร้างสาธารณูปโภค เนื้อหาเหมือนกันเกือบจะทุกพรรค โนคอมเม้นท์ละกัน 6.นโยบายการเชื่อมโยงทุนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมระหว่างชาติ เช่น การเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมครั้งใหญ่มาลงทุนที่ไทย โดยเน้นอุตสาหกรรมขนาดกลาง การเจรจาการค้าอย่างจริงจัง รวมถึงการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกไป โร้ดโชว์ในต่างประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุน - พูดกว้างเกิน เด็กมัธยมฯ อ่านตำราเศรษฐศาสตร์นิดหน่อยก็เอามาพูดได้ ก็ขอให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างเร็วๆ ละกัน 7.การสร้างมูลค่าเพิ่มจากวงการบันเทิงผ่านดารา ดนตรี เพลง และภาพยนตร์เช่นเดียวกับการทำเกาหลีมาร์เก็ตติ้ง - อืมม รอน้องๆ ออกมาแด๊นส์ให้ดู อันนี้ชอบจ้า :slime_inlove: นอกจากนี้ "มิ่งขวัญ" ยังประกาศนโยบายในส่วนการลงทุนจากต่างประเทศว่า ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดเงินและตลาดทุนจะมีการพารัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนไปพบนักธุรกิจต่างประเทศ รวมไปถึงการเจรจา หาผู้ค้าทางเศรษฐกิจใหม่ และจะมีการทบทวนฐานภาษีและโครงสร้างภาษีใหม่ทั้งหมด อะไรติดขัดจะแก้ไขให้สะดวกหมด เพราะรู้ดีว่าระบบราชการติดขัดในส่วนใด สำหรับการสร้างรายได้นั้น พรรคพลังประชาชนยังมีนโยบายที่จะพัฒนาที่ดินกรมธนารักษ์ทั่วประเทศที่มีกว่า 12.5 ล้านไร่และมีมูลค่า 2 ล้านล้านบาทให้เกิดเป็นรายได้ของประเทศ จากที่ผ่านมารัฐบาลมีรายได้จากที่ดินของกรมธนารักษ์ คิดเป็น 0.4% ของรายได้ของรัฐบาล - จะแน่เร้อ พวกที่เข้าไปอาศัยประโยชน์จากที่ดินรัฐน่ะ ถ้าไม่ใช่คนจนมากๆ ก็พวกท่านๆ ผู้มีอำนาจทั้งนั้น แน่นอน สิ่งที่พรรคพลังประชาชนเน้นย้ำก็คือ การเน้นนโยบายสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อาทิ การปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่เพื่อการพัฒนาคน การพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ดีขึ้น มีสิ่งแวดล้อมดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีประสิทธิภาพดีขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทุกด้าน ทั้งด้านกฎหมาย การพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุน สังคมและโครงการเมกะโปรเจ็ก พวกเราได้ตัดสินใจวางกรอบนโยบายโดยคำนึงว่า ประชาชนต้องมาก่อน ไว้อย่างนี้ครับ 1. เราอยากเห็น คนไทยมีคุณภาพ มีการศึกษาที่ดี รวย จน ต้องมีโอกาสเท่ากัน เราเชื่อว่า ถ้าทุ่มเงินงบประมาณเต็มที่ ( ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ) ภายใน 4 ปี ได้เห็นหน้าเห็นหลังแน่ เราเคยถามตัวเองว่า ถ้าเด็กไทยเก่ง ถ้าเด็กไทยพูดได้สองภาษา ประเทศชาติจะไม่เจริญได้อย่างไร ในโลกของโลกาภิวัฒน์ เราเชื่อว่าประเทศเจริญได้ คนในประเทศต้องมีคุณภาพ ตัวอย่างดูได้จากประเทศอินเดีย จำนวนคนอินเดียที่พูดอังกฤษได้มีมากกว่าคนอังกฤษเสียด้วยซ้ำ วันนี้ คนอินเดียแย่งงานจากคนในประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ว่า จากยุโรป หรือคนอเมริกัน กว่า 1.7 ล้านตำแหน่ง 2. เราอยากเห็นคนไทยที่ต้องการมีงานทำ ได้งานทำกันทุกคน น้องๆ นักศึกษาเรียนจบปีละ100,000 คนไม่มีงานทำ ถ้าอยากทํางาน ต้องได้ทำ นโยบายเศรษฐกิจต้องทำให้เกิดการสร้างงานครับ ประเทศต้องเปิดให้มีการลงทุนใหม่ ทั้งจากนักธุรกิจไทยเราเอง หรือ นักลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อสร้างงานครับ รัฐบาลต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจน เรามีแนวทางที่ชี้ให้เห็นว่าเราจะไม่มีมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงิน ( มาตรการ 30 % ต้องยกเลิก) เราต้องมีข้อกำหนดให้ชัดว่า ธุรกิจใดอนุญาติให้ต่างชาติทำได้ ธุรกิจใดเราไม่อนุญาติเพราะเราสงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น กฎหมายต่างด้าวต้องแก้ไขให้เกิดความชัดเจน ไม่กำกวม การสร้างงานหมายถึงการขยายตัวของธุรกิจที่มีอยู่แล้วด้วย ไม่ใช่ธุรกิจใหม่เท่านั้น รัฐต้องช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้กับนักธุรกิจ ถ้าเป็นนักอุตสาหกรรม ก็ต้องลดค่าขนส่ง ถ้าเป็นเกษตรกร ก็ต้องเพิ่มผลผลิต การที่จะลดค่าขนส่ง รัฐต้องลงทุนทันที ลงทุนรถไฟรางคู่ ขนส่งมวลชน (450,000 ล้านบาท ) ท่าเรือ สนามบิน เราตั้งเป้าหมายที่จะลดค่าขนส่งให้ได้ร้อยละ 15 ปัญหาของระบบราชการที่จุดส่งออก หรือนำเข้า ไม่ว่าที่ท่าเรือ หรือสนามบิน ต้องรวดเร็วไม่มีการค้างของสินค้าเป็นวัน ขจัดเงินใต้โต๊ะให้หมดไป ธุรกิจต้นทุนต่ำ แข่งกับตลาดโลกได้ ทำให้กิจการดี มีการขยับขยายกิจการ เป็นการสร้างงานเพิ่ม พี่น้องมีงานทำ มีรายได้ แก้ปัญหาหนี้สินได้ด้วยตนเอง สำหรับพี่น้องเกษตรกร เพิ่มผลผลิตได้โดยการช่วยเรื่อง เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และที่สำคัญมากที่สุดคือ น้ำ เราจะลงทุนระบบชลประทาน 300,000 ล้านบาท น้ำดี ดินดี ผลผลิตเพิ่ม รายได้จะสูงขึ้น 3. นโยบายเศรษฐกิจทีดีคือการมีวินัยทางการคลัง แปลว่า ใช้เงินอย่างมีวินัย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะมีได้ถ้ารัฐบาลมีวินัยในการใช้เงิน ประชาธิปัตย์เสนอว่าเราต้องใช้เงินภาษีอย่างมีวินัย ทุกบาท ทุกสตางค์ต้องตรวจสอบได้ เงินที่ใช้ในการลงทุน ต้องเป็นประโยชน์กับประชาชนเท่านั้น เราจะลงทุนด้านการศึกษาเป็นอันดับแรก คุ้มค่าเพราะเป็นการลงทุนในอนาคตของชาติ เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตเป็นคนไทยที่มีคุณภาพ เราจะลงทุนด้านการขนส่งสินค้า รวมทั้งระบบชลประทาน เพื่อลดต้นทุนการผลิต เราจะลงทุนด้านขนส่งมวลชน เพื่อการประหยัดด้านพลังงาน ในระยะ 2 -3 ปีแรก รายได้จากการจัดเก็บภาษีจะไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องกู้เพิ่ม แต่การกู้เงินจะไม่เกินระดับที่ทำให้ขาดวินัยทางการคลัง คือ ต้องไม่เกิน ร้อยละ 50% ของจีดีพี ( กู้ได้ไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ) โดย กอร์ปศักดิ์ พฤศจิกายน 2550 ดีที่พรรคที่ออกนโยบายสีแดงๆ ข้างบนนี่ ไม่ได้เสียงข้างมาก ไม่งั้นคงวังเวงพิลึก วังเวงไม่ต่างกันหรอกครับ ไม่ว่าจะสีฟ้าหรือสีแดง เอาไว้ทำได้จริงแล้วค่อยมาโม้นะครับ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: Solidus ที่ 11-01-2008, 00:53 4.การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานราคาถูก โดยภายในหนึ่งไตรมาสแรกจะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ทั้งแบบอี-10 และอี-20 ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 3.50-4.50 บาทต่อลิตร และในระยะ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่มีราคาเพียง 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ที่ราคาอี-10 และอี-20 ถูกกว่าเบนซินนะมันไม่ใช่เพราะต้นทุนถูกกว่าแต่เพราะเก็บภาษีและค่าอื่น ๆ น้อยกว่าต่างหาก ลองเก็บเท่ากันสิรับรองเบนซินถูกกว่าแน่ หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 11-01-2008, 01:58 Usually its wealth was estimated somewhere between the $2 billion cited by Forbes magazine in 1997 and the $8 billion assigned in Michael Backman’s 1999 book Asian Eclipse: Exposing the Dark Side of Business in Asia. In August, Bloomberg calculated the CPB’s shareholdings at $5 billion, a number that Forbes also used a month later in ranking... Now a new academic article in a special edition of the Journal of Contemporary Asia says those figures significantly underestimate the palace’s wealth. Pxxxx, an economist at Sukhothai Thammathirat Open University near Bangkok, calculates the CPB’s worth in 2005 at 1.123 trillion baht, or about $33 billion at today’s exchange rates http://www.asiasentinel.com/index.php?option=com_content&task=view&id=918&Itemid=34 http://en.wikipedia.org/wiki/Bureau_of_the_Crown_Property 1999=$8 --> 2005=$33 โตขึ้น 4 เท่าภายในรัฐบาลเดียว อย่างงี้ไม่เรียกเศรษฐกิจดีเรอะ ตัวเลข 4 เท่าเหมือนกันเลยแฮะ 4 เท่าอะไรกัน.. ตัวเลขมั่วๆ ไร้ที่มา เดาเอาเองทั้งสองหน ก็ได้ออกมาแบบนั้น :slime_smile: ... ว่าแต่รายได้ท่องเที่ยวตามข้อ 1 เอามาจากไหน หรือว่าเดาเอาเองอีกเหมือนกัน เจ๊มิ่งแกมั่วเอาไว้ 3.5 แสนล้าน ยังหาที่ลงได้แถวๆ ปี 47-48 แต่ 1.5 แสนล้านนี้ไม่มีที่มาที่ไป เพราะต่อให้เป็นสิบปีก่อนมันก็เกิน 2 แสนล้าน ดังนั้นขึ้นไปแก้ตัวเลขใหม่เสียดีกว่านะครับ ถ้าหาที่มาไม่ได้ :slime_bigsmile: (http://img261.imageshack.us/img261/2495/thaitourrx5.gif) หัวข้อ: Re: น้ำมันแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ามีปัญญาหาเงินมาจ่าย เริ่มหัวข้อโดย: jerasak ที่ 11-01-2008, 02:20 4.การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานราคาถูก โดยภายในหนึ่งไตรมาสแรกจะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ทั้งแบบอี-10 และอี-20 ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 3.50-4.50 บาทต่อลิตร และในระยะ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่มีราคาเพียง 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ที่ราคาอี-10 และอี-20 ถูกกว่าเบนซินนะมันไม่ใช่เพราะต้นทุนถูกกว่าแต่เพราะเก็บภาษีและค่าอื่น ๆ น้อยกว่าต่างหาก ลองเก็บเท่ากันสิรับรองเบนซินถูกกว่าแน่ ที่ว่า.. "ในระยะ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่มีราคาเพียง 8.50 บาทต่อกิโลกรัม" ก็เหมือนกันเลยครับ.. ราคา 8.50 บาท มันจะอยู่ตรงนี้ไปถึง 2 ปีข้างหน้าจริงหรือ? แล้วที่ว่าจะให้ใช้ "ก๊าซธรรมชาติ" หมายถึง NGV ใช่ไหม เห็นเจ๊มิ่งแกพูดถึงก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กับในฝั่งพม่า บอกว่าใช้ได้อีกข้างละ 30 ปี รวมใช้ได้อีก 60 ปี!!! ก็เลยจะเอามาเติมรถยนต์ บอกว่าเป็นของใกล้ตัว.. คิดมั่วๆ ..เพราะที่ประเมินกันไว้ว่าจะใช้ได้อีก 30 ปีมาจากการ นำมาใช้ในปัจจุบันนั่นคือเอามาปั่นไฟฟ้าก็หมดแล้ว ถ้าจะเอามาเติมรถยนต์จริง ต้องนำเข้ามาเพิ่มและเขาก็มี แผนจะนำเข้าอยู่แล้ว มีการสร้างท่าเรือไว้รับก๊าซแล้วด้วย ส่วนจะขายราคาเท่าไหร่.. ไม่ใช่ 8.50 บาทนะครับ ผมสังเกตว่าเจ๊มิ่งไม่เคยพูดถึง LPG ที่เป็นผลพลอยได้ ที่ผลิตได้ในประเทศล้วนๆ และตอนนี้ก็เอามาเติมรถยนต์ มีปัญหาจนเกิดการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม การไม่พูดถึง เรือง LPG ทำให้ผมสงสัยว่าเจ๊มิ่งรู้เรื่องก๊าซจริงหรือ เป็นไปได้ว่าเรื่องก๊าซ เจ๊มิ่งจะเดาเอาเองเหมือนกัน :slime_smile: |