ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

ขยะใต้พรม 5 ปี อุตฯท่องเที่ยว ไทยลงทุน นอมินีต่างชาติ เทกโอเวอร์ 
 
 
โดย ประชาชาติธุรกิจ วัน ศุกร์ ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2549 15:41 น.
 
 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ รัฐบาลไทยรักไทย บริหารประเทศ เกิดอะไรขึ้นบ้าง กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเมืองไทย ที่ถูกยกให้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักปั๊มรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ ตั้งแต่ระดับชุมชนรากหญ้า ถึงธุรกิจขนาดใหญ่ระดับประเทศ เพิ่มเครื่องมือใหม่ด้วยการตั้ง กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา
5 ปียุค ทักษิณ-จุฑามาศ
โดยแยกบทบาท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นศูนย์พัฒนาตลาดและการขาย ศูนย์พัฒนาสินค้าบริการ ทางผ่านงบประมาณ เพื่อไปจัดตั้ง 3 องค์กรมหาชน 1,500 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด จำกัด (ทีพีซี) บริษัท ไทย ลองสเตย์ จัดการ จำกัด (TLM) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ (สสปน./TCEB)
 ยุคอุ้มสม ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการ ททท.ที่อดีตรักษาการรัฐบาล ไทยรักไทยจ้างกลับเข้ามาเป็นข้าราชการ ซี 10 หลังสัญญาอาชีพลูกจ้างสิ้นสุดลงเมื่อ 11 กันยายน 2549
และหากการเมืองไม่เปลี่ยนแปลงโดย คณะปฏิรูปประชาธิปไตยเสียก่อน นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ประธานบอร์ด ททท.จะเสนอกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี พิจารณาให้เพิ่มโควตา ซี 11 แก่จุฑามาศ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่ารักษาเก้าอี้ไว้ในฐานะเงาผู้ว่าการคุมการตลาด และวิธีจัดสรรงบประมาณ จนกว่าบางเรื่อง จะสิ้นสุดและกระบวนการสรรหาจะได้ผู้ว่าการ คนใหม่
ตลอด 5 ปีมี ขยะใต้พรม เกิดขึ้นใน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศรุนแรงขนาดไหน บ่มเพาะผลกระทบกับความเสียหายระยะยาวไว้มหึมาเพียงใด ประเด็นหลักที่ถูกจับตามากที่สุดคือการวาดฝันปั่นสถิติตั้งเป้าทั้งรายได้และจำนวนว่า ภายในปี 2550 ประเทศไทยจะมีรายได้จาก นักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 1 ล้านล้านบาท จำนวนกว่า 20 ล้านคน/ปี
โชว์สถิติว่ามีกำลังซื้อมหาศาลที่จะผลักดันไทยสู่เป้าหมายความสำเร็จการเป็น มหานครท่องเที่ยวเอเชีย หรือ TOURISM CAPITAL OF ASIA ระหว่างนั้นก็เริ่มปูพรม บูมแหล่งท่องเที่ยว และ/หรือจะถือเป็นการปั่น ดีมานด์เทียม เพื่อล่อ ซัพพลาย แห่กันเข้าไปลงทุนก่อสร้างโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ภัตตาคาร และธุรกิจบริการ หวังถอนทุนคืนอย่างรวดเร็ว !?
ตั้งเป้าล่อ กลุ่มทุน ไทยเจ๊งฝรั่งรวย
หากความเป็นจริงทั้ง กำลังซื้อ-รายได้-จำนวนนักท่องเที่ยว ไม่ได้สวยหรูดังคำโฆษณาของ ททท. และอดีตรัฐบาล คงมีเพียงความลื่นไหลแบบวงจรของการปล่อยเงินกู้จากธนาคารเข้าสู่รากหญ้ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ราคาที่ดินตามแหล่งท่องเที่ยวพุ่งสูงขึ้น 3-10 เท่า ชีวิตความเป็นอยู่ของวิถีชุมชนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเสื่อมโทรมทันตา
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ยากจะปฏิเสธได้ว่า ต้นเหตุหลักมาจากความเร่งรีบพัฒนาขยาย การลงทุนรุกล้ำธรรมชาติเพียงด้านเดียว ขาดการสร้างเกาะป้องกันความสูญเสียระยะยาว และ เม็ดเงินส่วนใหญ่หลั่งไหลต้องถูกเวียนกลับไปซ่อมแซมหรือ บางอย่างแทบจะฟื้นฟูกลับคืนมา ไม่ได้
นั่นคือเมื่อ ทุนภายในประเทศ เป็นทีมบุกเบิกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผ่านไปแล้ว 5 ปี ก็ยังไม่มีวี่แววจะ คืนทุน แถมดีลชำระหนี้และดอกเบี้ยเงินกู้คืนธนาคารเริ่มต้องทยอยจ่ายคืนพอดี
ตลอดปี 2549 จะพบว่าเทรนด์ที่มาแรงคือ กลุ่มต่างชาติ ใช้ผู้ถือหุ้นแทน (nominee) ในนามบุคคลและนิติบุคคล เข้าไปช็อปซื้อกิจการ (take over) ของถูกที่พร้อมเลหลังขายเกลื่อนประเทศ จากการทนสภาพหนี้และดอกเบี้ยไม่ไหว ประการสำคัญกำลังซื้อจากตลาดการท่องเที่ยว ไม่ได้สวยหรูตามที่ตั้งเป้าไว้
รวมทั้งมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา อาทิ ซาร์ส ไข้หวัดนกระบาด การก่อการร้ายข้ามชาติ สงครามระหว่างประเทศ น้ำท่วมพายุถล่ม ภัยซึ่งเกิดจากมนุษย์และธรรมชาติ
นอมินีต่างชาติเทกฯท่องเที่ยว 4 ภาค
ส่งผลให้จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญรอบชายฝั่งทะเลอันดามัน ภูเก็ต สมุย พังงา กระบี่ ถูกเทกโอเวอร์เป็นธุรกิจของต่างชาติไปกว่า 80% รอบชายฝั่งอ่าวไทย เกาะช้าง ตราด พัทยา ชลบุรี ก็มีสภาพไม่ต่างกัน ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจ รีสอร์ตธรรมชาติแถบภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของและเปิดธุรกิจใหม่เกสต์เฮาส์ ผับ เอ็นเตอร์เทน เมนต์
โค้งสุดท้ายเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2549 คณะรัฐมนตรีอดีตรัฐบาลไทยรักไทยยังได้อนุมัติเมกะโปรเจ็กต์ การลงทุนพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง ทะเลภาคใต้ตอนล่างเลียบอ่าวไทย 5 จังหวัด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ด้วยเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 32,548 ล้านบาท โชว์สวยหรูว่าภายใน 5 ปี จะคืนทุน ดึงรายได้ เข้าระบบได้ถึง 1.94 แสนล้านบาท พร้อมกับการประกาศจะผนวก ชะอำ หัวหิน ตั้งเป็นจังหวัดใหม่ เป็นแหล่งใหม่ที่กลุ่มทุน ต่างชาติจ้องกันตาเป็นมันดาหน้าซื้อกิจการและ ยึดทำเลลงทุนกันอุตลุด
นอกจากธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตามชุมชนรากหญ้ามูลค่าสูง โรงแรม รีสอร์ต ภัตตาคาร ร้านอาหาร กำลังเจอทางตัน เพราะ ไทยลงทุน เป็นหนี้ท่วมตัว ต่างชาติ เข้ามาถึงเป็นเจ้าของที่ดินและกิจการได้ ทันทีแล้ว
ภาพลวงกิจการไฮเอนด์ อีลิต-ลองสเตย์
ธุรกิจในเมืองใหญ่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ถูกอดีตรัฐบาลวางตำแหน่งเป็น ศูนย์กลางภาค เชื่อมโยงตลาดอินเตอร์ ขนเงินลงทุนตั้งองค์กรมหาชน โดยให้ ททท.เป็นทางผ่านงบประมาณ เปิดทุนจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ชูภาพการตลาดสวยหรูจะยกประเทศไทยเป็น Business hub ชุมทางของนักลงทุนทั่วโลก เป็นกำลังซื้อไฮเอนด์ ที่สามารถใช้ 3 บริษัท เป็นช่องทางผ่านได้ แต่ต้องแถมสิทธิประโยชน์มากๆ อาทิ ให้ครอบครองที่ดิน ให้ถือหนังสือเดินทาง 5 ปี เพื่อดึงให้กำลังซื้อ
บริษัทที่อดีตรัฐบาลไทยรักไทยตั้งขึ้น โดย มอบหมายให้ จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการเข้าไปเป็นประธานทุกแห่ง ในช่วงไล่เลี่ยกันตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา มีไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด จำกัด (ทีพีซี) ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ทำธุรกิจขายอีลิตการ์ดบัตรอภิสิทธิ์การท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติในไทย
ขณะนี้ระบุว่าขายสมาชิกใบละ 1-1.5 ล้านบาท ได้ 3,000 ใบ คิดเป็นเงินกว่า 2,500 ล้านบาท แต่ประชาชนไทยไม่รู้ว่าเงินสดดังกล่าวไปอยู่ ณ บัญชีใด
บริษัท ไทย ลองสเตย์ จัดการ จำกัด ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท จู่ๆ อ้างขาดทุน ขายหุ้นให้พันตำรวจโทรวมนคร ทับทิมธงชัย ซึ่งถูกระบุว่าเป็นนอมินีของเจ๊ภาคเหนือเครือญาตินักการเมือง และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) งบฯ ก่อตั้ง 300 ล้านบาท
อาจเป็นเพียงองค์กรเดียวที่ได้ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เข้าไปเป็นประธานจัดแถว จนเดินได้ ตรงตามแผน ทำให้การขยายตลาดไมซ์ (meeting-incentive-convention-exhibition : MICE) ดึงรายได้อินเตอร์เข้าสู่ประเทศเพิ่ม ชัดเจนถึง 3 เท่า ปี 2549 ไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท
ขยะใต้พรมทั้งหมดถึงเวลาแล้วที่ รัฐบาล ซึ่งมาจากคณะปฏิรูประบอบประชาธิปไตยควร จัดเก็บให้เกลี้ยงโดยเฉพาะเรื่อง คน ที่สนองนโยบายจนโครงสร้างเศรษฐกิจบิดเบี้ยว กลายเป็น ต้นตอ บ่มเพาะปัญหาและความเสียหายระยะยาว !?

หน้า 36 

http://news.sanook.com/travel/travel_32773.php



นอกจากข่าวรับสินบนจากนักธุรกิจอเมริกันแล้ว
ยังมีข่าวฉาวเกี่ยวการ'มั่วนิ่ม' การท่องเที่ยวไทย และผลประโยชน์การจัดตั้งองค์กร บริษัทต่าง ๆ....

'จุฑามาศ'ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อแผ่นดินแล้ว
 
20 ธันวาคม พ.ศ. 2550 10:32:00
 
(เบื้องต้น) อดีตผู้ว่าการททท.ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินแล้ว เหตุจากปัญหาพาดพิงคดีนักธุรกิจอเมริกันระบุให้สินบนเจ้าหน้าที่ระดับสูง ททท. เพื่อได้สิทธิ์จัดงานเทศกาลหนังในกรุงเทพ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นางจุฑามาศ ศิริวรรณ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6 (กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และนนทบุรี) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดินแล้ว 

ด้านนายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน ระบุถึงการตัดสินใจลาออกของนางจุฑามาศครั้งนี้ ไม่ได้ถูกกรรมการบริหารพรรคบีบให้ลาออกแต่อย่างใด หลังจากมีปัญหาสินบนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ซึ่งการตัดสินใจลาออกของ นางจุฑามาศ เป็นการตัดสินใจส่วนตัว และพรรคขอชื่นชมในการแสดงสปิริตหลังจากที่เกิดปัญหาดังกล่าว
 

http://www.bangkokbiznews.com/2007/12/20/WW10_WW10_news.php?newsid=213303

นึกถึงคู่หูหมักเมถุน
นามสกุลเดียวกัน

ฟังจาก ๙๒.๒๕  บอก  ทาง เมกา ประกาศออกหมายจับ  ยังไม่ได้เช็คข่าวเลย

ถ้าจริง  ก็ กรรมติดจรวด....

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

อย่างน้อยคุณจุฑามาศ ก็น่าจะเคยรู้จักกับคู่สามีภรรยาดังกล่าวบ้างนะครับ  :slime_smile:
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อื้อฉาว...ผัวเมียมะกันถูกจับข้อหาให้สินบน ททท. จัดงาน Bangkok International Film Festiva
http://www.oknation.net/blog/black/2007/12/19/entry-3
Posted by สุทธิชัย หยุ่น

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/41/41/images/greens.jpg)

สองสามีภรรยากรีน (เสื้อแดง,ดำ) ถ่ายรูปกับนางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าฯททท,ไมเคิล ดั๊กลาสและผกก.โจเอล ชูมาเชอร์ ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมื่อ 2546...

สองสามีภรรยาชาวอเมริกัน ถูกตร.สหรัฐจับกุมฐานให้สินบนกับผู้ว่าฯการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2546 เพื่อแลกกับสิทธิการจัดงาน the Bangkok International Film Festival

กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐแถลงว่า ตำรวจนครลอสแองเจลีส ได้จับกุม นายเจอราล์ด กรีน วัย 75 ปี และนางแพทริเซีย กรีน วัย 52 ปี สองสามีภรรยานักธุรกิจชาวอเมริกันเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ในข้อหาจ่ายเงินสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เพื่อให้ได้สิทธิจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ( the Bangkok International Film Festival) ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายการทุจริตในต่างประเทศ หรือ เอฟซีพีเอของสหรัฐ

อ่านรายละเอียดได้ที่ www.suthichaiyoon.com

สะเก็ดข่าวที่ไม่เกี่ยวกัน แต่น่าจะรู้เอาไว้ก็คือ ..

ประมาณต้นปีนี้ ลูกสาวคุณจุฑามาศ คือ จิ๊บ-จิตติโสภา ศิริวรรณ
มีกำหนดจะแต่งงานกับ โก้-กฤตพณ ทัพพะรังสี ลูกชายคนโต
ของ คุณกร ทัพพะรังสี นักการเมืองใหญ่ที่ล่าสุดไปเข้าสังกัด
พรรคชาติไทย

(http://www.thairath.com/2550/society-women03/Apr/library/06/hiso1.jpg)
(http://www.thairath.com/2550/society-women03/Apr/library/06/hiso2.jpg)

โดยทั้งคู่ทำพิธีหมั้นกันไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2550 นี้เองครับ

(http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2007/09/soc01020950p2.jpg)

...

มีข้อมูลอีกหน่อยว่า คุณจุฑามาศเป็นเพื่อน คุณระพีพรรณ ทัพพะรังสี
ภรรยาของคุณกร ทัพพะรังสี มาตั้งแต่สมัยเรียนที่จุฬาฯ
คนในวงการก็แต่งงานดองกันไปมาแบบนี้แหละครับ  :slime_smile:

เกร็ด(เหมือนกัน)
ปีที่แล้วมีการจัดการประชุมของผู้ที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง
งานจัดที่พัทยา วันท้ายๆของงาน มีการเลี้ยงปิดงานกัน
วงดนตรีที่จัดมาเล่นคือ............เกอรี่เบอรี่ :slime_hmm:

พอนึกภาพกันออกใหม งานระดับที่ผู้เข้าร่วม80%เป็นชาวต่างชาติ
อาวุโส ระดับซีอีโอ ผู้บริหารจากองกรต่างๆทั่วโลก
เอาวงแบบนี้มาเล่น :slime_hmm:

ยังกะโกโก้บาร์ไม่มีผิด ร้องเพลงฝรั่งได้(แต่ไม่รู้เข้าใจหรือเปล่า)
แต่พูดภาษาไทย แขก(ฝรั่ง)ในงาน ก็แซวกันขำๆว่าร้องได้แต่ทำใม
พูดไม่ได้(แต่เราหน้าม้าน)

ถามเพื่อนว่า ใครเลือกวงนี้มา เพื่อนบอกว่าคุณจุฑามาสเลือกเอง
เล่นเอาข้าพเจ้าอึ้งไปเลย

อ้อคอนเฟิมเรื่องเลื่อยขาเก้าอี้ผู้ว่าคนเก่า(คุณไพศาล)นี่จริงอ่ะ(คนในททท.บอกเอง)

มันเป็นเช่นนี้เอง

แปะข่าวคืบหน้า 

นายกฯ เร่ง ผบ.ตร.ประสานเอฟบีไอคุ้ยสินบนบางกอกฟิล์ม
โดย ผู้จัดการออนไลน์    20 ธันวาคม 2550 11:39 น.
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
   
       นายกฯ เร่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประสานเอฟบีไอสหรัฐฯ ขอข้อมูลสินบนบางกอกฟิล์มพัน “จุฑามาศ” ชี้ถ้าเป็นเรื่องจริงต้องดำเนินการตามกฎหมาย ด้าน รมว.ท่องเที่ยวฯ ตั้ง กก.สอบสวนแล้วขีดเส้น 60 วัน
       
       วันนี้ (20 ธ.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่าเอฟบีไอของสหรัฐฯ ส่งหลักฐานการโอนเงินจากสองสามีภรรยานักธุรกิจด้านภาพยนตร์ชาวอเมริกันเข้าบัญชีลูกสาวของนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อติดสินบนจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่กรุงเทพมหานคร ปี 2546-2549 มูลค่ากว่า 58 ล้านบาทว่า ได้รับทราบข้อมูลจากสื่อมวลชนแต่ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ โดยจะหารือกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐอเมริกา
       
       นายกรัฐมนตรีย้ำว่า หากข้อกล่าวหาเป็นความจริงจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายังไม่สามารถตอบได้ เพราะเรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน
       
       ด้าน ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ติดสินบนจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่กรุงเทพมหานคร ปี 2546-2549 มูลค่า 50 กว่าล้านบาทโดยตรงแล้ว โดยจะให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน
       
       ขณะที่ นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในขณะนี้ได้แต่งตั้งให้รองผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายการตลาดต่างประเทศ เป็นประธานในการสอบสวนภายในว่ามีเจ้าหน้าที่ของ ททท.คนใดมีส่วนเกี่ยวข้องบ้างหรือเปล่าเกี่ยวกับคดีนี้ พร้อมทั้งทำรายงานสรุปด้วยว่า ททท.ได้จ้างงานอื่นๆ หรือเกี่ยวข้องกับบริษัทของคู่สามีภรรยาคู่นี้ที่ถูกเอฟบีไอจับกุมตัวหรือไม่
       
 /0110

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000150911

เสริมให้อีกหน่อยว่าคุณจุฑามาศ มีลูกสาวคนเดียว คือ คุณจิตติโสภา ศิริวรรณ ที่จะแ่ต่งงานตามข่าวครับ :slime_smile:

แปะหน้าแปะตากันเลยนิ

เห็นข่าว  ผู้ว่า ททท คนใหม่ สั่งสอบสวนแล้วว่า มีข้าราชการคนใดที่เกี่ยวข้องด้วย

นี่ถ้า คดี ทั้งหมด มัน ปะทุ ออกมาพร้อม ๆ กันหมด นี่ สงสัย เมืองไทย คงวุ่นวายไปหมด

ยุคแม้วนี่  กรรมพ่อ กรรมแม่ ลูกก็ติดบ่วงกรรม ด้วย

อิอิ   :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

กรรมยุค IT กรรมติดจรวดครับ  :slime_bigsmile: