หัวข้อ: คนดีจริงใจ.หรือ.คนไร้วุฒิภาวะจริงๆ เริ่มหัวข้อโดย: public limited ที่ 16-11-2007, 18:17 "เมื่อคืนคุณเสพเมถุนไหม?..."
วันนี้ไม่ได้มาหยาบคาย ยุ่งเรื่องส่วนตัวใคร แต่นั่นเป็นคำพูดที่ตั้งใจถ่มออกมาจาก คนระดับหัวหน้าพรรคที่อ้างว่ามีประสบการณ์แก่กล้าหลายสิบปี ...ก็แล้วเรื่องส่วนตัวแบบนี้มันเกี่ยวอะไรด้วยกับการที่ตัวเองจนตรอกต่อการให้สัมภาษณ์ในเรื่องลึกลับอีแอบในพรรคของตน พรรคที่อ้างว่ารักประชาธิปไตย เคารพมติ อีกทั้งอาสาเข้ามาบริหารงบประมาณ แก้ไขปัญหาบ้านเมือง. หากพรรคใดได้เงินสนับสนุนและเงินเดือนเมื่อเป็น ส.ส. มาจากภาษีของประชาชนนั้น เรื่องของพรรคที่ประชาชนจะเลือก จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเหมือนนการจะเลือกถอดผ้าต่อหน้าใคร !!! การอ้างว่าเป็นคนพูดตรงกับใจ คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น แสดงถึงความจริงใจ คงไม่ใช่ลักษณะของคนดี หรือผู้นำที่ดีได้เลย หากยังขาดซึ่งการรู้จักคิดและไตร่ตรอง ความควรไม่ควร กาลเทศะ บทบาทและหน้าที่ซึ่งกันและกัน อีกทั้งการมีตรรกเปรียบเทียบที่ผิดประเด็นอย่างนี้ ย่อมแสดงถึงระดับสติปัญญาและวุฒิภาวะจริงๆ ของผู้พูดออกมา และหากประกอบกับลีลาท่าทาง ยียวน ชวนทะเลาะ โอ้อวดหลงตัวเอง ค่อนแคะ เหยียดหยามผุ้อื่น โดยไม่สำเหนียกถึงเงาตัวเองบ้างเลยนั้นเข้าไปอีก ต่อให้เป็นเด็กประถมก็คงพอดูออกว่าคนบุคคลิกเช่นนี้คือคนดีหรือไม่ เหนือไปกว่านั้นคือ บุคคลประเภทนี้มักนิยมเสพสมสมาคม อยู่ท่ามกลางพวกพ้องที่จิตใจหมกมุ่นใฝ่ต่ำ แต่เรื่องพรรค์อย่างนี้เช่นกัน จนเห็นเป็นเรื่องปกติชินชา จึงไม่ทราบว่าควรวางตัวอย่างไรในโลกภายนอก ดังที่ปรากฏข่าวว่า ในงานสัมมนาของกลุ่มพวกพ้องเดียวกัน มีการแจกเอกสารและหนังสือที่มีชื่อปกเป็นคำผวนหยาบโลนว่า "รัดทำมะนวยฉบับหัวคูณ" หนังสือเสียดสีรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ผ่านการลงประชามติ และลงพระปรมาภิไธยแล้ว !!! นี่คงไม่ใช่เด็กๆ พูดเล่นกันตามประสาทะลึ่งให้ขบขันกันเป็นแน่ เพราะแจกจ่ายกันในงานใหญ่แวดวงของคนที่อาสาจะเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง อายุอานามล้วนบรรลุนิติภาวะกันจนหัวหงอกหัวดำแทบทั้งสิ้น ความไม่พอใจส่วนตัว ไม่ได้เอาชนะด้วยความสะใจ ที่ได้ใช้สำบัดสำนวนหยาบโลน บัณฑิตย่อมไม่แสดงวาจาและอากัปกิริยาเยี่ยงคนพาลที่ใจจริงๆ เต็มไปด้วยโลภะ โมหะ เคียดแค้น โกหก ก้าวร้าว ทะลึ่งหยาบคาย เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอุบาย โดยไม่รู้วุฒิและสถานะตน คือถ้าแม้แต่สมาชิกในพรรคพวกฝั่งตัวเอง ยังไม่มีสติแยกแยะความควร-ไม่ควร, ถูก-ผิด, เหมาะสมดี-ไม่ดี, ไม่รู้จักกาลเทศะ บทบาทหน้าที่ ที่ควรปฏิบัติในสถานภาพของตน แยกเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวหรือส่วนรวมไม่ได้ แล้วอย่างนี้... 1. เราจะหวังว่าคนพวกนี้ จะทำงานใหญ่ให้สังคมในทิศทางที่ถูกที่ควร ได้อย่างไร? 2. เราจะหวังว่าความคิดและคำพูดของคนพวกนี้ จะมีแต่ความจริงใจและเรื่องดีๆ ได้หรือ? 3. เราจะหวังว่าชาวบ้าน ที่ชื่นชอบคนพวกนี้ จะแยกแยะเรื่องควร-ไม่ควร, ถูก-ผิด, จริง-เท็จ ได้กระนั้นหรือ? จะว่าไปก็ไม่แปลกหรอกที่เรื่องเหล่านี้จะเกิดกับกลุ่มคนพวกนี้ เพราะผู้คนที่ไม่ใช่เควี่ย เขารู้กันทั่วไปอยู่แล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้ ขึ้นชื่อในเรื่องการซุกซ่อนจริยธรรม ศีลธรรมตกร่อง บกพร่องคุณธรรม ชั้นต่ำทางอารมณ์ นิยมความป่าเถื่อน เมื่อเด็กลูกหลานของเราวันนี้ ยังเรียนวิชาจริยธรรม และตอบในข้อสอบได้ถูกต้องว่าแบบใดคือคนดี แล้วเราจะชื่นชมและกล้าเลือกกลุ่มคนพวกนี้เข้ามาเป็นตัวแทนสังคมประเทศชาติ ให้เราอีกครั้งหนึ่งได้หรือ? ...เพราะถ้าเด็กถาม คุณจะตอบว่าอย่างไร !!?? |