ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

  IT IS NOT A STORY BUT A TRUE INCIDENT THAT HAPPENED IN AMERICA.
 อันนี้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยายที่เกิดขึ้นในอเมริกา

 An Indian man walks into a bank in New York City
 ชาวอินเดียคนนึง เดินเข้าไปในธนาคารที่เมืองนิวยอร์ก

 and asks for the loan officer. He tells the loan officer that
 แล้วถามหาเจ้าหน้าที่สินเชื่อ เขาบอกเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่า

 he is going to India on business for two weeks and needs to borrow $5,000.
 เขาจะไปทำธุระที่อินเดีย 2 สัปดาห์ และต้องการขอกู้เงิน 5,000 ดอลลาร์

 The bank officer tells him that the bank will need some form of security for the loan,
 เจ้าหน้าที่สินเชื่อแจ้งว่าทางธนาคารจำเป็นต้องขอหลักทรัพย์เพื่อค้ำประกันเงินกู้

 so the Indian man hands over the keys to a new Ferrari
 ได้ยินดังนั้นชาวอินเดียก็โชว์กุญแจรถเฟอรารี่ใหม่เอี่ยม

 parked on the street in front of the bank.
 ที่จอดอยู่บนถนนหน้าธนาคาร

 He produces the title and everything checks out.
 เขาแสดงหลักฐาน และทั้งหมดถูกตรวจสอบว่าถูกต้อง

 The loan officer agrees to accept the car as collateral for the loan.
 เจ้าหน้าที่สินเชื่อตกลงรับรถคันนั้นไว้เป็นหลักประกันเงินกู้

 The bank's president and its officers all enjoy a good laugh at the Indian
 ประธานธนาคารและพวกเจ้าหน้าที่ทุกคนหัวเราะเยาะชายชาวอินเดีย

 for using a $250,000 Ferrari as collateral against a $5,000 loan.
 ที่เอารถเฟอรารี่คันละ 250,000 ดอลลาร์ มาเป็นหลักประกันเงินกู้แค่ 5,000 ดอลลาร์

 An employee of the bank then drives the Ferrari
 แล้วพนักงานธนาคารก็ขับเฟอร์รารี่

 into the bank's underground garage and parks it there.
 เข้าไปจอดไว้ในที่จอดรถใต้ดินของธนาคาร

 ...

 Two weeks later, the Indian returns, repays the $5,000
 สองสัปดาห์ต่อมา ชาวอินเดียคนนั้นกลับมา พร้อมชำระเงินกู้ 5,000 ดอลลาร์

 and the interest, which comes to $15.41. The loan officer says,
 และดอกเบี้ย เป็นจำนวน 15.41 ดอลลาร์  เจ้าหน้าที่สินเชื่อกล่าวว่า

 "Sir, we are very happy to have had your business,
 "ท่านครับ, ทางเรามีความยินดียิ่ง ที่ได้ทำธุรกิจกับท่าน

 and this transaction has worked out very nicely, but we are a little puzzled.
 และธุรกรรมครั้งนี้ก็ดำเนินไปด้วยดี เพียงแต่เรามีข้อสงสัยเล็กน้อย

 While you were away, we checked you out and found that
 คือหลังจากท่านกลับไปแล้ว เราได้ตรวจสอบและพบว่า

 you are a multi millionaire. What puzzles us is,
 ท่านเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน สิ่งที่เราสงสัยก็คือ

 why would you bother to borrow $5,000".
 ทำไมท่านต้องเดือดร้อนมากู้เงินแค่ 5,000 ดอลลาร์ด้วย"

 ...

 The Indian replies: "Where else in New York City can I park my car
 ชายชาวอินเดียตอบว่า "แล้วมีที่ไหนในนิวยอร์ก ที่ผมจะจอดรถของผม

 for two weeks for only $15.41
 เป็นเวลา 2 อาทิตย์ โดยเสียค่าจอดแค่ 15.41 ดอลลาร์
 and expect it to be there when I return'"  :slime_smile:
 แล้วยังแน่ใจได้ด้วยว่า มันจะยังอยู่ตอนผมกลับมา"!!!

 :slime_smile:  สุดยอด..อาบังฮะ

เป็นไอเดียที่ดี 555

ตลกร้าย สไตล์ไอ้กัน จริง ๆ

โจ๊ก อเมริกา มักจะแสบ ๆ อย่างนี้เสมอ

มีโจ๊กของมะริกันชนเรื่องหนึ่ง เพื่อนคนไทยที่ไปอยู่ที่นั่นเล่าให้ผมฟังเอง

ค่อนข้าง หมิ่นเหม่ ล้อเลียนทั้งศาสนา และล้อสีผิว แต่ผมฟังแล้ว ขำก๊ากเลย

ถ้าอยากฟัง(อ่าน) เด๋ว ขอเรียบเรียง สักครู่ก่อน

มาลงชื่อรอครับ  :slime_bigsmile:

มาตามคำขอครับ
(อิ อิ รอให้มีคนขอ)

Joke เรื่องนี้ ค่อนข้างจะ "ล้อ" สิ่งที่ไม่ควรล้อหนักเอาการ
แต่ยังไงก็ให้อ่านเอาขำนะครับ อย่าอ่านเอาเครียด
ไม่รู้อ่านแล้วใครจะขำหรือเปล่า แต่ผมขำกลิ้ง
ถือเป็น black comedy จริง ๆ
เพราะพูดถึง "คนดำ"

. . .

เรื่องมีอยู่ว่า พระสันตะปาปา หรือ Pope เสด็จเยือนอเมริกา (จะเป็น Pope องค์ไหน ไม่ขอระบุพระนาม เพราะเป็นเพียงเรื่องแต่ง)

ทางการอเมริกา ส่งรถบูอิคคันใหญ่มารับรอง เพื่อให้ใช้ในการเดินทาง พร้อมคนขับประจำ 1 คน เป็นอเมริกันผิวสี

ในการเดินทางครั้งหนึ่ง โป๊ปเกิดนึกสนุก อยากลองขับรถเก๋งคันโตสัญชาติอเมริกันดูบ้าง ก็เลยบอกให้คนขับไปนั่งเบาะหลัง ตัวท่านขึ้นนั่งประจำที่คนขับแทน

โป๊ปขับรถขึ้นไฮเวย์ เห็นถนนกว้างขวาง ตรงดิ่ง ก็เลยทรงพระซิ่ง เหยียบซะจมคันเร่ง
เครื่องตรวจจับความเร็วบนไฮเวย์ เห็นรถเก๋งคันนี้วิ่งด้วยความเร็วสูงเกินอัตรากำหนด ก็เลยแจ้งให้ตำรวจบนไฮเวย์สกัดจับ

แต่ผ่านด่านแล้ว ด่านเล่า ก็ไม่มีตำรวจคนไหน กล้าหยุดรถคันนี้ ปล่อยให้วิ่งผ่านไปตลอด

ศูนย์บังคับการจราจร วิทยุมาถามแกมด่าตำรวจประจำด่านว่า ทำไมถึงไม่ยอมจับรถคันนี้ (วะ)

ตำรวจบอกว่า "ใครจะไปกล้าจับล่ะ ที่นั่งประจำที่คนขับนั่นน่ะ โป๊ป เชียวนะ แต่ไม่สำคัญเท่ากับว่า โป๊ป กำลังขับรถให้ใครนั่งอยู่ นิโกรคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง ต้องยิ่งใหญ่กว่าโป๊ปมาก ประมาณว่า ถ้าไม่ใช่ God ก็ต้องเป็น Saint องค์ใดองค์หนึ่งแน่นอน โป๊ปถึงยอมเป็นโชเฟอร์ขับรถให้"

 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

โจ้กเรื่องนี้นานแล้วนี่นา (จำได้ว่าตั้งแต่สมัยเด็ก)

แต่ว่าอ่านทีไร ก็ยังขำ :slime_bigsmile:

อ่านแล้วนึกภาพเป็น มอร์แกน ฟรีแมน นั่งอยู่ที่เบาะหลัง  :slime_smile:

ช่ายแล้ว ฝรั่งชอบอำว่าพระเจ้าเป็นคนผิวดำ ไม่รู้ทำไม

หาที่ลงไม่ได้ครับ ไม่ได้ใส่เสื้อพรรค แต่ก็ห้อยกระบี่นะแบบไม่ใช่นายร้อยอะ..ครับ :slime_cool:

(http://pics.manager.co.th/Images/550000014281609.JPEG)

เห็นภาพคุณ Q แล้วบอกได้ว่าปลงอนิจจังสังขาร (หลงไปอยู่แถวนั้นได้ไง?)  :slime_hmm:

 :slime_bigsmile:
ขำมากครับเรื่องโป๊ป อิอิ ท้องแข็งเลย

เขากำลังพูดเรื่อง "โจ๊ก" กัน
คุณคิวเล่นเอา "แหนม" มาขวางลำเสียนี่

อาหารคนละตระกูล คนละประเภทกันเลย
 :slime_hmm: :slime_hmm:

โจ๊กหมูทั้งตัวเลยครับ แถมแหนมไม่มีกระดูกด้วย ... :slime_bigsmile: :slime_cool:

  :slime_bigsmile:   :slime_v:

นั่นน่ะซี อย่างล่าสุด ก็หนังเรื่องบรูซ ออลไมตี้ ที่จิมแครี่เป็นพระเอก ก็ให้บทพระเจ้าเป็นคนผิวดำเหมือนกัน ไม่รู้มันจงใจหรือเปล่าเนาะ  :slime_doubt:

ที่ผมอ่านแล้วนึกถึง มอร์แกน ฟรีแมน ก็เพราะเจ้าหนังเรื่องนี้แหละครับ  :slime_smile:

เห็นว่ามีภาค 2 แล้วนี่ครับ  :slime_smile:

แต่ชื่อว่าอะไรจำไม่ได้อ่ะครับ  :slime_hmm:

     ขอขอบคุณทุกๆคน นำเรื่องขำๆ joke มาเล่าครับ

    ว่าแต่คุณ jerasak ยังมีอีกไหมครับ  อยากอ่านอีกครับ แต่เล่าไม่เป็น :slime_v: :slime_v: :slime_v: