ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)

คุณคิดว่า "พลังประชาชน" ด่าคมช.-รัฐบาลนี้ จะได้คะแนนเสียงเพิ่มหรือลด

อยากรู้จัง ยุทธศาตร์ ยุทธวิธีการหาเสียงของ "พลังประชาชน" ที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน

น่าจะส่งผลอะไรบ้าง...เปิด ๆ ไว้ครับ ใส่ความเห็นกันเต็มที่

เอาเป็นว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ได้ครับ

สมัครไม่มียุทธศาสตร์อะไรหรอกครับ...

ยุทธศาสตร์ยืดเวลาหนีคุก หาเงิน เฉพาะตัวเท่านั้น

เผื่อจะมีใครกันตัวเป็นผู้ให้ความร่วมมือเป็นผลดีต่อชาติ

ไม่ถูกตามเอาเรื่องเอาความรุนแรงมากนักเหมือน แม้วที่เหิมไปแล้ว

ผมว่า ปล่อยให้ พปช. ล่อ กะ คมช.อีกสักยก ก็ดีน่ะครับ


น้องแขเธอก็ประกาศบนเวทีที่เชียงรายแล้วน่ะครับว่า


จะ ล้างแค้นนนนนนนนน  :mrgreen:

อย่าเราก็ต้อง ตอบ  ๆ  ๆ เชียร์ ๆ ๆ  :slime_bigsmile:

เพิ่ม :slime_fighto:

เพิ่มจาก 19 ล้านเสียง หรือลดจาก 19 ล้านเสียง

 :slime_inlove: :slime_inlove:

อยู่ที่ว่าผู้เสพข้อมูลเป็นใคร

555 อย่างหมักปาก-หมานี่นะ
ยิ่งพูดเขายิ่งรู้ว่าตอแห-ล
ยิ่งตรวจสอบยิ่งรู้ว่าใช้เอกสารหลักฐานปลอม
ยิ่งขุดถึงประวัติศาสตร์ ยิ่งเห็นถึงความชั่ว ทั้งโกง ทั้งโกหกสารพัด
โจมตีเข้าไปเยอะๆเลยครับ คนเขาจะได้รู้ว่าพรรคปล้นชาติเลวขนาดไหน

เห็นด้วครับ แต่สำหรับกลุ่มคนมีความรู้ และโดยรวม ผมว่า น่าจะส่งผลร้าย มากกว่า ผลดี

ด่ากราดชาวบ้านเขารายวัน ผมว่าเป็นวิธีการหาเสียงที่ล้าสมัยไปหลายสิบปีนะครับ

ฟังสมัครอ่านเอกสารลับ ตอนที่มันพูดถึงอักษรย่อน่ะ นึกถึงสมัยมันจัดรายการสมัคร ดุสิต จังเลย
ทั้งรายการพ่นคาถาอยู่สองคำ

สปก ปรส สปก
ปรส สปก สปก
ปรส ปรส สปก
สปก สปก สปก

จบบทสวดด้วยไอ้จืดหัวเราะ

ด่าคมช.-รัฐบาล น่าจะได้คะแนนเสียงเพิ่ม
*******************************************

อันนี้ลดวูบแน่นอน...
 :slime_p: :slime_p: :slime_p:
 :slime_smile2: :slime_smile2: :slime_smile2:

เหยื่ออันโอชะของรัฐธรรมนูญ 2550

คอลัมน์ เดินหน้าชน
โดย จุฬาลักษณ์ ภู่เกิด

ในเวทีที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม เป็นโต้โผจัดให้ตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ
มานำเสนอแนวทางนโยบาย ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นการโหมโรง โดยมีการ
ถ่ายทอดผ่านทีวีของรัฐให้ประชาชนรับรู้กันอย่างกว้างขวางเมื่อเร็วๆ นี้

แม้จะวางกรอบไว้ที่นโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นหลัก ซึ่งทุกพรรคก็แข่งกัน
นำเสนอจุดขายชนิดไม่มีใครยอมน้อยหน้า แต่กลับไม่มีพรรคการเมืองไหนนำเสนอ
แนวทางนโยบายในทางการเมืองเลย  ทั้งที่น่าจะเป็นบทบาทที่จำเป็นของการก่อรูป
ขึ้นเป็นพรรคการเมือง

มียกเว้นก็คือ พรรคพลังประชาชน พรรคเดียว

พรรคพลังประชาชนประกาศชัดเจนมาก่อนหน้านี้แล้วว่า หลังได้รับเลือกตั้งเข้ามา
ไม่ว่าจะได้เป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ภารกิจที่จะเร่งดำเนินการเป็นลำดับต้นๆ คือ
แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับถอยหลังเข้าคลองนี้ ขณะเดียวกันก็จะเสนอให้นิรโทษกรรม
อดีตกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง
ทั้งนี้ เพื่อให้กลไกทางการเมืองพัฒนาไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ไม่อยู่ในภาวะติด-
หล่ม ถูกตีกรอบให้ต้องเดินไปในทิศทางสู่ความเสื่อมถอย สวนทางกับความต้องการ
ของสังคม

ในครั้งนี้ หลังจากยืนยันว่าจะใช้นโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมเดิมของพรรคไทย-
รักไทย เพราะเชื่อว่ายังคงซื้อใจประชาชนได้เช่นเดิมแล้ว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ได้ประกาศยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สำคัญคือ การ
สร้างความปรองดองไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล การยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกใน
พื้นที่ที่เหลือ รวมทั้งยกเลิกกฎหมายความมั่นคงภายใน ที่สำคัญคือจะจัดตั้งสภาร่าง
รัฐธรรมนูญชุดที่ 3 ที่มาจากการสรรหาโดยประชาชน เพื่อเริ่มนับหนึ่งใหม่ในการแก้-
ไขประเด็นพิกลพิการต่างๆ ที่ยังไม่ทันไรก็ส่งผลให้ "การเมืองใหม่" หลังรัฐธรรมนูญ
ฉบับนี้ประกาศใช้ "เละเป็นโจ๊ก" อยู่ในเวลานี้

ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศชนซึ่งหน้ากับ คมช. และเครือข่าย  ในขณะที่พรรคการเมือง
อื่นยังสงวนท่าที เพราะยังมีเยื่อใยอันดีมากบ้างน้อยบ้างกับกองทัพและกลุ่มอำนาจ
ใหม่

หากย้อนกลับไปดูแผนบันได 4 ขั้น ของ คมช. ที่ พล.อ.สนธิ  บุญยรัตกลิน รองนายก-
รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในปัจจุบัน เคยเผลอพูดไว้สมัยที่ยังเรืองอำนาจสูงสุดว่า หลัง
จากยุบพรรคและเอาผิดในคดีทุจริตคอร์รัปชั่นแล้ว พรรคไทยรักไทยก็จะเริ่มแตกกระจัด
กระจาย ก็ดูจะเป็นเรื่องตลกไม่น้อย ที่สภาพที่เห็นและเป็นอยู่ในเวลานี้เหมือนเป็นไป
ตามขั้นตอนที่ว่า โดยเฉพาะหลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติเป็นที่เรียบร้อยตามบันได
ขั้นที่ 4

เพียงแต่กลายเป็นว่า แม้กลุ่มก๊วนต่างๆ จะแตกกระจัดกระจายออกไปจากพรรคไทย-
รักไทยตามแผน จนทำให้แกนนำเดิมหลงเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง แต่ "เป้าหมาย" กลับ
แปลงร่างปรับตัวได้รวดเร็ว และพร้อมกว่าเพื่อนสำหรับการประลองยุทธ์ในสนามเลือก-
ตั้งที่กำลังมาถึง ขณะที่ผู้ที่แยกตัวออกไปตั้งป้อมค่ายใหม่ที่ต่างพยายามชูจุดขาย
เป็นทางเลือกที่สามเพื่อความสมานฉันท์ ยังคงมีชะตากรรมอันทุลักทุเล รวมแล้วแยก
แยกแล้วรวม สร้างความสับสนเบื่อหน่ายให้ชาวบ้านไม่จบ ทั้งที่วันเวลานับถอยหลัง
สู่การเลือกตั้งเหลือน้อยลงทุกที

นึกๆ แล้วก็น่าเห็นใจ "มือใหม่หัดขับ" อย่างนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน "แม่บ้าน"
พรรคมัชฌิมาธิปไตยของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ที่แอบถอดใจ "อดเป็นห่วงไม่ได้
ว่าจะคัดสรรผู้สมัครกันอย่างไร เพราะใกล้เวลาเลือกตั้งเข้ามาแล้ว ของเดิมก็เห็นๆ
กันอยู่ว่ายุ่งแค่ไหน แล้วต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่"

ซึ่งคงไม่ใช่แค่การคัดสรรผู้สมัคร หากยังรวมถึงนโยบายหรูของแต่ละพรรคที่ต้อง
มายำกันใหม่ จะชูอะไรเป็นเรื่องเป็นราวก็ต้องรอให้ฝุ่นหายตลบก่อน เท่ากับว่าที่
ประกาศไปก่อนหน้าถือเป็นสาระอะไรไม่ได้

นี่แค่เริ่มต้น การเมืองใหม่ใต้กรอบรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็สะท้อนภาพให้เห็นชัดแล้ว
ว่า ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนฝากผีฝากไข้ ใช้เป็นหนทางแก้ปัญหาของตนเอง กระบวน-
การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยได้

นอกจากได้เรียนรู้ "ปาหี่การเมืองสมัยใหม่" ที่หลายคน "ล่อนจ้อน" ให้เห็นอยู่บน
เวทีแบบไม่รู้ตัว ก่อนที่จะเปรียบเทียบข้อมูล เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่เหมาะสม
ที่สุดในวันที่ 23 ธันวาคม

น่าอนาถใจ หากประชาชนได้เรียนรู้ แต่นักการเมืองที่กำลังวิ่งวุ่นกันอย่างอลหม่าน
อยู่ในเวลานี้ ไม่เคยเรียนรู้ ว่าการเป็นนักการเมืองที่มีศักดิ์ศรี ต่างกับนักเลือกตั้ง
อย่างไร ผู้แทนราษฎรต่างกับผู้ฉวยประโยชน์จากราษฎรอย่างไร และนักต่อสู้ทาง
การเมือง ต่างกับนักฉวยโอกาสทางการเมืองอย่างไร

ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 การเมืองเก่าเช่นนี้กำลังเป็นเหยื่ออันโอชะ ถ้าไม่คิดจะ
แก้ไข เห็นแต่ช่องที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ ในที่สุด ก็คงต้องสูญพันธุ์ไปด้วยกัน
ทั้งหมด

มติชน วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10822

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act04271050&day=2007-10-27&sectionid=0130

สำหรับ คนชอบแปะ

(หลังจากข้างบนนู้น สำหรับ คนชอบตัวย่อ)

 :slime_smile:

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/162/162/images/nop-mak.jpg) ปลุกผีทักษิณ-หากินกับอดีต...กลยุทธ์"พปช."สู้ศึกเลือกตั้ง ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเดินไปสู่ทิศทางใหม่ ภายใต้การเมืองใหม่ และทุกพรรคการเมืองต่างพร้อมที่จะพาตัวเองลงสนามการเมือง ภายใต้กฎ กติกา มารยาทใหม่อย่างเต็มสูบ ดูเหมือนจะมีพรรคพลังประชาชนเพียงพรรคเดียวที่ยัง "จมอยู่กับอดีต" พูดง่ายๆก็คือ เป็นพรรคเดียวที่ยังไม่มีจุดขายอะไรใหม่ นอกจาก "เปลี่ยนชื่อพรรค" และ "เปลี่ยนหัวหน้าพรรค" นอกนั้น ไม่ว่าจะเป็น "นโยบาย" หรือ "จุดขายตัวบุคคล" ล้วนเก็บของเก่ากินทั้งดุ้น ไม่เว้นกระทั่งกลยุทธ์เรียกเรทติ้ง เรียกคะแนนสงสารจากมวลมหาประชาชนที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วในอดีต สังเกตดูว่า พรรคพลังประชาชนมี "นโยบาย" อะไรบ้างที่แตกต่างจากไทยรักไทยในอดีต สังเกตดูว่า สมัคร สุนทรเวช มีจุดขายอะไร มากไปกว่าการเป็นโฆษกประจำตัว "ทักษิณ ชินวัตร" และนอมินี "อำนาจเก่า" บวกกับหน้าที่ "โฆษกพรรค" ในทุกเวทีที่ตระเวนหาเสียงไปทั่วประเทศ "สมัคร" ไม่ได้มีราคาในฐานะหัวหน้าพรรค เหมือนเช่นพรรคการเมืองอื่นๆ ที่กล้าเสนอตัวเป็นแคนดิเดต "นายกรัฐมนตรี" เพราะทุกวันนี้ก็เกาะนโยบายประชานิยมชุดเก่าหากิน บวกกับเกาะความนิยมที่เชื่อว่ายังมีอยู่ล้นเหลือของ "ทักษิณ" เหตุก็เพราะ "ผู้วางยุทธศาสตร์" ไม่มั่นใจในศักยภาพและจุดขายของทั้ง "ตัวพรรค" และ "หัวหน้าพรรคคนใหม่" กลัวว่า "ระบอบทักษิณ" จะตายไปจากสารบบการเมืองไทย และสังคมไทยไปจริง ถึงได้ "จมอยู่กับอดีต" พร้อมกับ "ปลุกผีการเมือง" ขึ้นมาทวงคะแนนนิยมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน 2 ปรากฏการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นที่พรรคพลังประชาชนเป็นเครื่องตอกย้ำที่ดีว่า พรรคการเมืองนี้จมอยู่กับอดีตหรือไม่อย่างไร หนึ่ง...เหตุเกิดที่บ้านพัก "สมัคร" ในวันที่ออกมาแฉเอกสารลับคมช.สกัดพรรคพลังประชาชน เอกสาร ที่ว่านี้กำลังโต้คารมกันอยู่ว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วต้นสายปลายเหตุของการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นั้นมันชัดเจนในตัว ตอบคำถามในตัวเองได้อยู่แล้ว ว่า ถ้าไม่เพราะบรรยากาศเผชิญหน้าในสังคมอย่างรุนแรง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งขั้วประชาชนอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน โดยที่พรรคไทยรักไทยในอดีตเป็น "ตัวการ" ของความขัดแย้งในสังคม ในเมื่อตรรกะของสถานการณ์เป็นเช่นนั้น ย่อมเป็นไปได้ว่า ไม่ว่าพรรคไทยรักไทยในอดีตจะลอกคราบในชื่อใหม่ หรือเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่โดยสภาพการณ์ของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองยังลอกแบบมาทั้งดุ้น ยังคงโปรโมท "อดีตผู้นำ" ในทุกวิถีทางที่จะทำได้ สถานการณ์การเมืองในวันข้างหน้า ซึ่งหมายถึงภายหลังการเลือกตั้งบรรยากาศการเผชิญหน้าในสังคมอย่างรุนแรงก็จะกลับมาเช่นเดิม เพราะฉะนั้นไม่ว่าเอกสารที่ "สมัคร" แฉออกมาจะจริงหรือเท็จ แต่ในแง่ของข้อเท็จจริงและความเป็นจริงของสังคมและสถานการณ์บ้านเมือง ย่อมอยู่ในวิสัยที่ "ผู้มีอำนาจรัฐ" จะดำเนินการได้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันในส่วนของ "พรรคการเมือง" ก็ล้วนเข้าใจสถานการณ์และความเป็นไปของบ้านเมือง และมุ่งที่จะช่วงชิงพื้นที่ในการเลือกตั้งให้ได้มากที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ที่สำคัญหลายกลุ่มการเมืองที่แตกแขนงออกมาจากพรรคไทยรักไทยภายหลังถูกยุบพรรค โดยเฉพาะระดับ "แกนนำกลุ่มมุ้ง" จนพากันไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ในขณะนี้ ต่างก็ไม่พอใจต่อการถูกจำกัดอิสรภาพ และถูกบีบคั้นทางการเมืองเมื่อครั้งที่อยู่กับพรรคไทยรักไทยมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีโอกาสได้แยกตัวออกมาจากพรรคไทยรักไทย จึงต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อคว้าที่นั่งส.ส.ในสภาให้ได้ แน่นอนว่า ในเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งมีฐานเสียงอยู่ในพื้นที่ๆต่างๆในนามพรรคไทยรักในอดีต เมื่อออกมาอยู่พรรคใหม่ก็ต้องรักษาฐานที่มั่นของตัวเองเอาไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้นการรักษาฐานที่มั่นในนามพรรคใหม่ ด้านหนึ่งมันจึงคล้ายกับการสกัดพรรคพลังประชาชนในตัวอยู่แล้ว เพราะต้องไม่ลืมว่า อาณาจักรไทยรักไทยในอดีตเฟื่องฟูขึ้นมาได้ ก็ด้วยการควบรวมกิจการพรรคการเมืองเข้าด้วยกันหลายพรรค เมื่อสิ้นสุดการควบรวม เนื้อแท้ก็จะปรากฏออกมาให้เห็น ดังนั้นการที่ "สมัคร" ออกมาตีโพยตีพายเรื่องเอกสารลับของคมช. จึงเป็นกลยุทธ์ "เรียกร้องความเห็นใจ" จากหมู่แฟนพันธุ์แท้ เหมือนเช่นที่อดีตผู้นำเคยใช้มาตลอดในยามถูกมรสุมรุมเร้า สังเกตได้ว่าทุกครั้งที่ตกอยู่ในสภาพหลังพิงฝา จะต้องเดินหน้าเข้าหามวลชนแทบทุกครั้งไป สอง...การปลุกผี "อดีตผู้นำ" นั่งที่ปรึกษาพรรคพลังประชาชน ประเด็นนี้ยิ่งชัดเจนว่าพรรคพลังประชาชนจงใจชู "ทักษิณ" เป็นจุดขายในการเลือกตั้ง ด้วยต้องการอาศัยบารมีที่ยังขายได้ สิ่งที่พรรคพลังประชาชนกำลังทำอยู่นี้ ไม่ต่างจากการพยายามดำเนินการใดๆก็ตาม เพื่อให้ตัวเองสุ่มเสี่ยงต่อการถูกสกัดกั้น เพื่อใช้เป็นข้ออ้างเรียกร้องความชอบธรรมให้กับพรรค เพื่อจะได้ใช้คำว่า "ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง" ได้อย่างเต็มปาก แต่ถามว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นต่างประเทศ นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน มีใครที่อยากให้ประเทศเกิดความไม่สงบสุข และถอยหลังไปมากกว่านี้หรือไม่ ในเมื่อพรรคพลังประชาชน ซึ่งลอกคราบมาจากพรรคไทยรักไทยที่ก่อปัญหาในอดีต จนนำมาซึ่งการรัฐประหาร 19 กันยา 49 และเวลานี้ก็กำลังพยายามจะ "หยิบอดีต" มาฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกครั้ง มันจึงเป็นการดำเนินการที่ "สวนทาง" ต่อความสงบสุขในบ้านเมือง และเท่ากับส่งเสริมให้อดีตผู้นำ "กลืนน้ำลายตัวเอง" จากการประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว วันนี้ไม่มีใคร หรือพรรคการเมืองพรรคใด หรือแม้แต่นักการเมืองคนไหน ที่ให้ความสนใจ หรือให้ราคาต่อการออกมาเปิดประเด็นของ "สมัคร" ไม่ว่าจะในฐานะ "นอมินีขั้วอำนาจเก่า" , "โฆษกประจำตัวทักษิณ" , โฆษกพรรคพลังประชาชน" หรือแม้แต่ "นักการเมืองที่ไร้ราคา" ---------------------

(http://www.vanhara.com/wp-photos/thumb.20061028-231702-5.jpg)

http://www.oknation.net/blog/darknews/2007/10/24/entry-2


ยังไม่มีความเห็นเพิ่มเติม :slime_bigsmile:

ช่างเข้าใจอะไรยากเย็นเสียเหลือเกิน - เอาเป็นว่า ด่าคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง ก็แล้วกันครับ ยังไงก็ล้าสมัย

ปล.ทานปลาเยอะๆ ฝึกคิดเยอะๆนะครับ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น...

    หมักมันด่าไม่เลือกหรอกครับ  ขอให้ชาวบ้านสงสาร

   ลงคะแนนให้มันก็พอ   แต่ว่ามันน่าจะเป็นสมัยสักหลายๆปีก่อนโน้น :slime_shy:

วิธีการหาเสียงของหมัก ไม่เคยเปลี่ยน
ด่าคนอื่น เอามันลูกเดียว กับมั่วข้อมูล
  ประเดี๋ยวก็คงโดนฟ้องอีกบาน.......เอิ้กกกกก
 :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile:

ยังกลัวขึ้นสมอง
 
เอกสารลับที่ สมัคร สุนทรเวช เอามาแฉ เป็นที่ คมช. 0003.5/480 ลงวันที่ 18 กันยายน 2550 วันว.เวลาน.ก่อนที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะหลุดเก้าอี้ ผบ.ทบ. และประธาน คมช.มาเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
 
เนื้อหายังคงสาละวนอยู่กับการใช้งบประมาณแผ่นดินไล่บดขยี้อำนาจเก่า
 
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แบ่งรับแบ่งสู้ ประมาณว่า เป็นแนวคิดมาแต่ต้นแล้ว ไม่เห็นมีอะไรใหม่ ขณะที่ พล.อ.สนธิ อ้อมแอ้ม ไม่รู้เอกสารจริงหรือปลอม
 
แต่ดันบอกว่าเป็นเรื่องปฏิบัติทั่วไปเรื่องความมั่นคง  อะไรที่ไม่มั่นคงก็ต้องทำให้มั่นคง
 
จะสารภาพว่าได้วางตำแหน่งไทยรักไทยหรือคือ “พลังประชาชน” เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เลยต้องตั้งหน้าตั้งตาทำลายล้างให้สิ้นซาก ว่างั้นเถอะ!!!
 
ที่ไม่มั่นคงสุดก็คงกลัวถูกเช็กบิลนั่นแหละ
 

วิธีการที่ใช้ก็น้ำเน่าทั้งดุ้นเช่นให้ยืมปากนักวิชาการดิสเครดิตนโยบายประชานิยม สกัดไม่ให้ประชาชนมาฟังการปราศรัย   สร้าง “ข่าวลือ” ทำลายฝ่ายตรงข้าม..คล้ายที่จ้าง เชียรช่วง กัลยาณมิตร ทำเลย
 
สร้างกระแสให้รากหญ้าและชนชั้นกลางต่อต้านพรรคพลังประชาชน ปล่อยข่าวว่าถึงได้เสียงข้างมากก็เป็นรัฐบาลไม่ได้เพราะพันธมิตรฯไม่ยอม จะเกิดปฏิวัติซ้ำ (ขู่เข้าไป) และอีกสารพัดสารเพ
 
ที่เลวร้ายคือให้ปล่อยข่าวว่าจะมีการนำระบบประธานาธิบดีมาใช้ทำกันขนาดนั้น

นี่ยังไม่รวมที่ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งจนถูกโวยว่าขานรับนโยบายสกัดไทยรักไทย ซึ่งใหญ่ไม่แพ้กันอีกนะ
 
ทุกอย่างที่ว่าตั้งเป้าจะลากพลังประชาชนมา “ประหารชีวิต” ลูกเดียว ไม่มีโทษอื่นให้แล้ว ว่างั้นเถอะ!!!
 

ก็ดีแล้ว ที่เอกสารลับรั่วออกมา ทำให้คนไทยรู้ว่า พล.อ.สนธิ คิดอะไรอยู่ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่ากองทัพเอาด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่ประกาศชัด
 
ไม่ยุ่งการเมือง เอาทหารกลับกรมกอง ซึ่งเป็นแนวทางถูกต้องที่สุด

เอกสารนี้ทำให้รู้ว่าคมช. (หรือสนธิ) ยังกลัวเงาทักษิณขึ้นสมอง  
ทั้งที่ต่อให้กลับเข้ามา ทักษิณก็ต้องมาขึ้น “ศาล” อยู่ดีแหละ  และศาลย่อมพิจารณาด้วยความเที่ยงธรรม หรือว่ายังไม่ไว้ใจศาลอีก!?!
 

จึงต้องมุ่งทำเรื่องให้อับอายไปทั่วโลกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งสกปรก ใช้อำนาจรัฐทำลายไทยรักไทยอย่างเมามัน???
 
คะแนนสงสารจะไหลไปไทยรักไทยจึงช่วยไม่ได้ ทั้งที่น่าหมั่นไส้ ไม่เจียมบอดี้หลายอย่าง

เหนือกว่านั้นที่ กกต., รัฐบาล, ศูนย์ปราบซื้อเสียงของ พล.อ.สนธิกรอกหูชาวบ้านทุกวันว่าจะให้การเลือกตั้ง “โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม” นั้น ที่แท้ก็แค่ “ลิเก” ใช่ไหม???
 
ทีดูด ส.ส.ต่อหน้าต่อตาเห็น ๆ ซื้อตัว ขายตัว กันอุตลุด กลับเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ กันทุกส่วน
 
ไม่แปลกใจเลยที่โพลชี้ชาวบ้าน 60% ประกาศจะรับเงินและ 80% จะไม่ให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูล
 
นี่แหละการตอบโต้พฤติกรรมเลวร้ายที่ลิเกแล้วยังตั้งท่าไม่เคารพเสียงประชาชนอีก.

‘ดาวประกายพรึก’
 

http://www.dailynews.co.th/

เอามาเสริมที่ตอบไว้

วิธีของป๋าหมากใช้ได้ผลกับคนรากหญ้าได้อย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัยเรียกคะแนนความเห็นใจได้มากโข
เป็นวิธีที่เก่าแต่เก๋าและคลาสสิกของนักการเมืองไทย ไม่ต่างกับ เอายาแดงมาทาแขนแล้วบอกว่าโดนยิงนักหรอก
 :slime_shy:

แปะอย่างเดียว ไม่แสดง คคห. ระวังเจอด่า
อ้อ ลืมไป เขาเลือกด่าเป็นบางคน

อ่านจบที่เขียนมาเป็นคุ้งเป็นแคว
แล้วคิดออกมาเป็นสรุปได้คำเดียวว่า

อ่อนนนนนนนนนนนนนนนนน

(ขอยืมคำ คุณ Killer มาใช้หน่อย พอดีเพิ่งไปอ่าน blog เขามา)

 :slime_smile2:

อะไรหนอ มันทำให้คุณมองโลกบิดเบี้ยวไปแบบนั้น / ถ้าไม่ด่าไปทั่ว ทำไมคดีเยอะนักแถมแพ้คดีด้วย - ตอบได้ไหม ?

อิ อิ ถ้าเค้าไม่คิดว่า พรรคไทยรักไทยในอดีต เป็นภัยต่อความมั่นคง เค้าคงไม่ทำการปฏิวัติใช่มั๊ยครับ

เมื่อผ่าหัวฝีหนองทะลักหนีไปต่างประเทศแล้ว เชื้อฝีที่เป็นภัยต่อความมั่นคงยังอยู่

ก็ต้อง "ตัด" คว้านให้เนื้อร้ายออกไปให้หมด

ช่วงนี้ก็คงมีแค่ทำยังไง จะอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่า

ต้องกำจัดเชื้อฝีที่ยังคงอยู่...มันเป็นฝีลูกประคำ ฝีประเภทนี้ อยู่เป็นยวงๆ ที่ก้นน่ะ

มันจะมีหัวเล็กๆ รวมตัวเป็นกระจุก ๆ

ต้องตัดทิ้งทั้งยวง ไม่งั้นนั่งๆ ไปอาจเกิดฝีหัวใหม่ขึ้นมาอีก

แน่ใจหรือว่านโยบายของพรรค ทรท ซื้อใจคนได้ อย่าใช้ตัวเองตัดสินสิ
ชาวบ้านส่วนใหญ่รังเกียจ รธน. ใหม่จริงหรือ หรือเค้าเดือดร้อนที่คน 111 คนหมดสิทธิ์ลงการเมือง
ผมไม่กล้าฟันธงหรอก แต่เดี๋ยวเลือกตั้งเสร็จก็รู้กัน

ที่แน่ๆ ผมมั่นใจว่าพรรคผี ทรท มันไม่ได้วิเศษวิโสมากมายนักหรอก โตมาได้ก็เพราะใช้เงินดูดๆๆ



ปล. ไอ้ที่บอกว่าปรองดองน่ะมันไม่น่าเชื่อเท่าไหรหรอก
เชื่อกันจริงๆหรือว่าถ้าเหลี่ยมกลับมาบ้านเมืองไปรอด

ไอ้นี่มันจอมตอแหลถ้ามันบอกปรองดองอาจหมายถึงล้างแค้น
ผสมพันธุ์กับไอ้หมากตัวกาลีบ้านกาลีเมือง
มันได้ครองเมืองอีกทีก็ฉิบหายอย่างเดียว ชัวร์ :slime_slapped:

ปล่อยให้เค้าได้อยู่เพื่อให้คนอื่นเลียเถอะ อย่าถือสา  :slime_bigsmile: