หัวข้อ: โชว์หลักฐานมัดอภิรักษ์ จะโง่จริงหรือแกล้งโง่ คดีทุจริตหากินกับรถดับเพลิง เริ่มหัวข้อโดย: นาม ยิ้มแย้ ที่ 25-10-2007, 12:58 ปมเงื่อนสำคัญในกรณีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงอื้อฉาวของกทม. ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันว่า...ทำไม อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ถึงไม่มีความผิด ตามการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่มีมติให้ดำเนินคดีเอาผิดกับบุคคลเพียง 5 คนคือ
1.โภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 2.ประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้กำกับดูแลกทม.ในเวลานั้น 3.สมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย ทำหน้าที่เลขานุการของนายประชา มาลีนนท์ 4.สมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม. 5.พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผอ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของกทม. ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ตรวจสอบและพบว่า มีผู้กระทำผิด 7 คน ซึ่ง 1 ใน 5 คนที่ว่านี้ก็ตรงกับที่คตส.สั่งให้ดำเนินคดีเอาผิด แต่อีก 2 คนที่เหลือนั้น ใครๆ ก็รู้ว่า...1 ในนั้น คือ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ในฐานะที่เป็นผู้มา สานต่อ ให้เรื่องมันดำเนินการไปได้ เพราะในสัญญาที่ทำกันไว้นั้น ข้อ 9.1 ระบุไว้ชัดเจนเลยว่า...This Agreement will come into force with opening of L/C in a favour of and acceptable for the Seller. ซึ่งแปลตามตัวก็คือ... สัญญาฉบับนี้จะมีผลบังคับเมื่อมีการเปิด L/C ให้กับผู้ขาย และผู้ขายยอมรับ จากหลักฐานที่ได้รับอยู่ในมือสะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนว่า...งานนี้บริษัทฝรั่งคือ บริษัท สไตเออร์ฯนั้น มีการทำหนังสือตรงถึงนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2549 ซึ่งระบุชัดเจนเลยว่า สัญญามีผลบังคับทันทีที่มีการเปิด L/C หากนายอภิรักษ์ไม่เปิด L/C สัญญานี้ก็จะยังไม่มีผล และผลที่ตามมาคือ จะไม่มีการส่งมอบรถดับเพลิง เมื่อเป็นเช่นนี้ หาก อภิรักษ์ ได้นั่งอ่านสัญญากันอย่างละเอียดถี่ถ้วน...โดยเฉพาะสัญญาข้อ 9.1 ที่ระบุชัดเจนว่า จะไม่มีผลใดๆ เลยถ้าไม่มีการเปิด L/C ก็ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่า...เป็นอำนาจของตัวเอง และรู้ว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ดี แถมคนในพรรคประชาธิปัตย์อย่าง ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ก็เกาะติดเรื่องนี้มานาน ก็ได้มีการตั้งข้อท้วงติงแล้ว แต่ อภิรักษ์ ก็ไม่เชื่อ...กลับอ้างว่า เพราะกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่า ไม่สามารถยกเลิกการจัดซื้อได้ ยิ่งเมื่อมาดูคำให้สัมภาษณ์ของ ประเสริฐ บุญศรี ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. ก็บอกว่า การแก้ไข L/C เป็นประเด็นปลีกย่อย เนื่องจากความผิดปกติของโครงการเริ่มมาตั้งแต่มีการเซ็นสัญญาและการเปิด L/C ของนายอภิรักษ์ ก็เป้นไปตามสัญญาที่มีผลบังคับ การแก้ไข L/C ก็เหมือนกับการเปลี่ยนที่ส่งของ ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา เมื่อสัญญามีผลบังคับใช้ หากไม่เปิด L/C กทม.ก็ต้องถูกฟ้องอย่างแน่นอน คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า การเปิด L/C เป็นการปฏิบัติตามสัญญาที่อดีตผู้ว่าฯกทม.ลงนามไว้ เลยทำให้สงสัยกันหนักยิ่งขึ้นไปอีกว่า...ตกลงทั้งคณะอนุกรรมการฯที่สอบเรื่องนี้ และบอร์ดคตส. รวมถึงตัว อภิรักษ์ ได้นั่งอ่านสัญญาการซื้อขายทั้งฉบับอย่างครบถ้วนแล้วหรือยัง ที่สำคัญเอกสารที่ สไตเออร์ฯ ทำถึงรองผู้ว่าฯกทม.เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2549 นั้น มีใครหมกเม็ดไว้หรือไม่!!! นอกจากนี้ปมเงื่อนอีกเรื่องที่สำคัญที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ ทำไมถึงต้องมีการแก้ไข L/C เพราะเดิมในสมัย สมัคร สุนทรเวช ยังนั้งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ได้ขอเปิด L/C เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2547 โดยระบุให้...การส่งมอบสินค้าได้ที่ท่าเรือในยุโรป หรือสนามบินยุโรป หรือสถานที่ใดๆ ในประเทศไทย (European Portland or European airport and / or any place in Thailand for transportation to Thailand) แต่ต่อมา...ในยุคสมัย อภิรักษ์ กลับมีการเสนอขอแก้เงื่อนไขใน L/C ใหม่เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2548 ให้เป็น...ให้ส่งมอบสินค้าที่ท่าเรือหรือสนามบินในยุโรปเท่านั้น (Any European port and / or any European airport) โดยไม่ได้ระบุว่า...ต้องมีสถานที่ใดๆ ในประเทศไทย จากนั้นอีกเพียง 11 วันคือวันที่ 21 ม.ค. 2548 อภิรักษ์ ก็ขอแก้ไข L/C อีก...โดยกลับมาเพิ่มข้อความ ให้มีการส่งมอบสินค้า ณ สถานที่ใดๆ ในประเทศไทย (Please insert : and / or any place in Thailand) เข้าไปใหม่อีกครั้ง ซึ่งเหตุผลหลักที่ต้องวิ่งกลับไป-กลับมา...ในเรื่องการแก้ไข L/C นี้ อาจเป็นเพราะ ขบวนการเหลือบ ทั้งชุด...รู้กันดีอยู่แล้วว่า...สินค้าที่สั่งไม่ได้ผลิตที่โรงงานของสไตเออร์ฯ ที่ประเทศออสเตรีย ตามที่ระบุไว้ในสัญญา...จึงมีความพยายามที่จะหาทางแก้ไขเพื่อนำมาใช้เป็นข้ออ้างให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพวกตัวเอง จากเอกสารที่ นิยม กรรณสูต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกทม. ทำถึงบริษัท สไตเออร์ฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2548 ที่ระบุชัดถึงการปฏิเสธการตรวจรับ เรือดับเพลิง ว่า...After the Fire and Rescue Department, as the department in charge, inspected the Purchase / Sale Agreement and the companys letters, we found that the fireboat is not manufactured at the Sellers factory as indicated in the Purchase / Sale Agreement. We, therefore, request the company to proceed according to the Agreement. ซึ่งแปลตามความหมายก็คือว่า...หลังจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.ได้ตรวจสอบสัญญาการซื้อขายแล้ว พบว่า เรือดับเพลิงไม่ได้มีการผลิตที่โรงงานของบริษัทสไตเออร์ฯ ตามที่ระบุไว้ชัดเจนในสัญญา ดังนั้นจึงขอให้บริษัทสไตเออร์ฯดำเนินการตามข้อตกลงในสัญญาด้วย เพราะเป็นที่รับรู้กันดีว่า ก่อนหน้านี้มีการเปิดโปงว่า เรือดับเพลิงนี้ ผลิตกันที่พัทยา โดยว่าจ้างให้บริษัท เซียทโบ๊ท พัทยา ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้ผลิต...ซึ่งถ้าจะว่ากันตามหลักการแล้ว...ก็ถือว่า ผิด แน่นอน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงต้องมีการแก้ไข L/C เพื่อเปิดทางให้มีการส่งมอบสินค้าจากประเทศไทยมายังประเทศไทยได้นั่นเอง และเอกสารที่ยืนยันชัดเจนอีกเรื่องในการที่บริษัทสไตเออร์ฯเอง ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงคำท้วงติงของ นิยม กรรณสูต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกทม. ที่ปฏิเสธการตรวจรับเรือดับเพลิง เพราะต่อมาในวันที่ 8 ธ.ค. 2548 ทางบริษัทสไตเออร์ฯ กลับทำหนังสือตรงถึง อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจะส่งมอบเรือดับเพลิงครั้งที่ 2 ที่พัทยา ในวันที่ 28 ธ.ค. 2548 โดยไม่สนใจกับคำท้วงติงของ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ซึ่งเป็นต้นสังกัดที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง หรือว่า...หนังสือที่ นิยม กรรณสูต ทำถึงบริษัทสไตเออร์ฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2548 อภิรักษ์ ก็ไม่ได้เห็นและไม่ได้รับรู้...อีกตามเคย อย่างนี้จะโง่จริงหรือทำแกล้งโง่กันแน่ เสียชื่อผู้บริหารมืออาชีพที่เคยอยู่ในองค์กรภาคธุรกิจใหญ่ๆ หมด งานนี้ถือเป็นบทพิสูจน์การทำงานของ คตส. อีกครั้งว่า...จะเถรตรงจริงตามที่หลายคนคาดหวังไว้หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า...หากไม่ดื้อดึงเปิด L/C สัญญาซื้อขายก็จะไม่มีผลอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อคตส.เดินหน้าเอาผิด คนต้นเรื่อง-คนชงเรื่อง-คนเดินเรื่อง-คนทำเรื่อง...แต่กลับเมินเฉยไม่เอาผิดกับคนที่ เปิดประตู ให้เรื่องราวเหล่านี้...สัมฤทธิผล!!! เพราะ คนทำผิด ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน หากคิดคดเล่นไม่ซื่อกับประเทศชาติบ้านเมืองแล้ว ถือว่าเป็นผู้ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายทั้งสิ้น ดังนั้นผู้ที่มีหน้าหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อหาคนกระทำผิดมาลงโทษนั้น...ต้องเที่ยงตรง อย่าลู่ตามลม หรือเอาความรู้สึกมาเป็นตัวตั้ง ข้อเท็จจริง" ยังรอคอย คนจริง มาพิสูจน์ ความจริง ให้กระจ่างอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวลเด็ดขาด!!! หัวข้อ: Re: โชว์หลักฐานมัดอภิรักษ์ ‘จะโง่จริงหรือแกล้งโง่’ คดีทุจริตหากินกับรถดับเพลิง เริ่มหัวข้อโดย: Şiłąncē Mőbiuş ที่ 25-10-2007, 16:35 ชายแปะครับ
ขอที่มาของข่าวด้วย ไม่ใช่ยกมาลอยๆ :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: โชว์หลักฐานมัดอภิรักษ์ ‘จะโง่จริงหรือแกล้งโง่’ คดีทุจริตหากินกับรถดับเพลิง เริ่มหัวข้อโดย: (ลุง)ถึก สไลเดอร์ ที่ 25-10-2007, 17:14 1.โภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
2.ประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้กำกับดูแลกทม.ในเวลานั้น 3.สมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย ทำหน้าที่เลขานุการของนายประชา มาลีนนท์ 4.สมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม. 5.พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผอ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของกทม. 5คนนั้นนั่นแหละ ที่ต้องรีบจัดการ ส่วนอภิรักษ์จะผิดหรือไม่ก็ว่ากันไป ตรวจสอบกันท่าไหนก็ไม่ทราบ ช่างใช้เวลานานกันเสียจริงๆ ทำท่าจะกลายเป็นมวยล้มเสียอีกแล้ว.....เอิ้กกกกกก :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: :slime_bigsmile: หัวข้อ: Re: โชว์หลักฐานมัดอภิรักษ์ ‘จะโง่จริงหรือแกล้งโง่’ คดีทุจริตหากินกับรถดับเพลิง เริ่มหัวข้อโดย: สมปอง ที่ 25-10-2007, 17:48 นามอะไรหว่า นามยิ้มแย้ เวลายิ้มคงเหมือนตัวแย้ตัวหางแดง :slime_smile2:
|